คำถามล่าสุด ยกมาจากตอน 4 คือ   ยืนยันเรื่อง  สินมิอยู่หรือไม่  ?  

ประเด็นสินามิ สมมติฐานเพิ่มเติม

กรณีอุสมา บิน ลาเดน ถูกสังหาร เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2554 

ในกรณีที่พยากรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ชายแดนไทยเขมรในเดือนเมษายน 2554 นั้น   ก็ปรากฎว่าถูกตามคำพยากรณ์  ตามที่มีเหตุการณ์ชายแดนเกิดขึ้น.......แต่มีประเด็นหนึ่งต่างหากอีกที่เราเห็นว่าพิเศษ   นั่นคือ เราได้ยืนยันว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางทะเล มีการปะทะ  มีแผ่นดินไหวใต้น้ำในทะเลเขมร หรือในต่างประเทศ .......ในระหว่างวันที่  29-30 เม.ย.-1 พ.ค.2554  ซึ่งจะเป็นขนาดใหญ่ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อประเทศไทย  .........  แต่ไม่ปรากฎว่ามีเหตุการณ์ขนาดใหญ่เกิดขึ้น  มีเรื่องแผ่นดินไหวเล็ก ๆ ........

แต่แล้ว ก็มีเหตุการณ์วันที่ 2 พ.ค. 2554 นั่นคือ อุสมา บิน ลาเดน  ถูกนาวิกโยธิน สหรัฐบุกถล่มสังหารที่ปากีสถาน   ที่เป็นข่าวกระฉ่อนไปทั่วอเมริกาและทั่วโลก   ราวกับว่าโลกหวั่นไหวไปชั่วขณะหนึ่ง เหมือนแผ่นดินไหวเลย............แต่ประเทศไทยไม่เป้ฯอันตราย..........

นั่นคือการแปลความหมายของกระแสดาวในลักษณะละเอียดอ่อน  ยังอาจจะพลาดได้เสมอ   (ซึ่งเราก็บอกแล้วว่าเรากำลังทำงานวิจัยในระดับละเอียดอ่อนเช่นนี้อยู่)   ............   ในที่นี้ก็คือ   แปลความหมายว่าจะเป็น  เหตุเกิดในทะเล  ใต้น้ำ...มีการปะทะทางทะเล  .......แผ่นดินไหวใต้น้ำ  .............   แต่จริง ๆ เป็นกระแสเลื่อนลั่นของข่าวใหญ่ที่กระฉ่อนโลก..............................

อาจเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะแปลความหมายเรื่อง   สินามิ  คลาดเคลื่อนไปเช่นเดียวกันนี้.......เราจะทบทวนในประเด็นนี้ .......(เพราะเราก็ไม่อยากให้เกิดภัยพิบัติขนาดนั้นเหมือนกัน......)

แต่ที่เราอยากขอตั้งสมมติฐานเพิ่มเติมก็คือ.............การที่ราหู(๘)ยกย้ายราศีเข้าสู่ราศีพิจิก เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2554  นั้น .......... นั่นหมายถึงการเชื่อมทะเลใหญ่ 3 ทะเลเข้าถึงกันแล้ว   รอ   สินามิ   ในเดือน พ.ย. 2554    [คือเชื่อมราศีธาตุน้ำทั้ง 3 ราศี คือ ราศีพิจิกที่มีราหู(๘)จรเข้ามา,  ราศีกรกฎ ที่มีจันทร์(๒)เกษตรเดิมครองอยู่  และ ถึงราศีมีน ที่มีศุกร(๖)มหาอุจเดิม+พุธ(๔)นิจเดิม + ราหู(๘)เดิมกุมกันอยู่]    

การเชื่อมเช่นนี้ ทำให้กระแสดาวที่แรงจัดถึงกัน  นั่นคือ ราหูจรมหาอุจ  ถึงจันทร์เดิมเกษตร   ถึงศุกรเดิมมหาอุจ .................จะหมายถึงอย่างอื่น   นอกจากน้ำท่วมได้หรือไม่  ??????

เช่นจะหมายถึง    landslide   ทางการเมืองได้หรือไม่   ?

คำตอบสุดท้ายคือ    ไม่ได้

เพราะรูปธรรมจากดาว 2 ดวงนี้คือ  ศุกร(๖)+พุธ(๔)  นั่นคือ   น้ำ   อย่างแน่นอน   

และราหู(๘)มหาอุจ+อังคาร(๓)  นั่นคือ   ลมมหาวาตภัย อย่างแน่นอน  

ยังยืนยันเรื่อง   สินามิ   เหมือนเดิม  

ตอนนี้น้ำท่วมมากหลายจังหวัดจากพายุนกเตน และกรมอุตุยังคาดว่าน่าจะมีพายุอีกหลายลูก รู้สึกว่าท่านโหรทำนายแม่นหลายอย่าง ก็ต้องคอยติดตามดูว่าจะเกิดหายนะอะไรอีก  แล้วอยากรู้ว่าหากมีภัยธรรมชาติใหญ่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะแก้ปัญหาลุล่วงหรือไม่โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน  เพราะภัยจากมนุษย์ผู้มิจฉาทิฏฐิจิตริษยาอาฆาตก็ถาโถมเข้ามาไม่น้อย

ท่านได้พยากรณ์เรื่อง  สินามิ ไว้ในข้อ 7 ... 7.1,    7.2    และ ข้อ 10

ข้อ 7 ว่าดังนี้ครับ

กรณีพายุนกเตน ที่เริ่มเมื่อวันที่ 25 ก.ค. มาจนถึง 6 ส.ค.2554  เป็นผลให้น้ำท่วม 20 จังหวัด  ไร่นาเสียหายทั้งเหนือ อิสาน  ภาคกลาง .....  มีคนเสียชีวิต 23 คน  จนถึงวันนี้ ก็ยังมีอานุภาพหางพายุหล่นอยู่   และ ก็ต้องคำพยากรณ์ข้อ 7.1 ที่ว่า  ในระหว่างนี้ได้มีสตรีคนสำคัญของแผ่นดิน สิ้นอายุไปจริงแล้ว (ในคำพยากรณ์ข้อ 10 ว่า สตรีผู้สูงศักดิ์ได้รับเคราะห์กรรมไปพร้อม ๆ กับประชาชนเพราะเหตุน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย)

สตรีคนสำคัญหรือ  สตรีผู้สูงศักดิ์  ก็คือ 

ทั้ง 2 กรณี คือพายุนกเตน  และ กรณี  สตรีผู้สูงศักดิ์   ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจริงตามคำพยากรณ์  .........

คำถามคือ        หมายความว่า   สินามิ  เดือน พ.ย. 2554 จะไม่เกิดขึ้นแล้ว ใช่ไหมครับ  ?

คำตอบประเด็นสินามิอีกครั้ง

เราได้ตรวจสอบแล้ว  พบว่า   สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เรื่อง  สตรีผู้สูงศักดิ์  ก็สมควรเกิดขึ้นในระหว่างมีพายุนกเตน นี่แหละครับ   และก็จะไม่มีอีก  นั่นคือ ในเดือนต.ค.-พ.ย.(1พ.ย.2554) จะไม่มีเรื่องราวของสตรีผู้สูงศักดิ์อีก  จะมีแต่เรื่องราวของสามัญชนคนธรรมดาไปจนถึงคนชนชั้นกรรมาชีพ   .............

ในเรื่องสินามิ  มีหลักโหราศาสตร์ยืนยันครับ  กรณีพายุนกเตน  เป็นเพียงเรื่องราวพายุแบบธรรมดา ๆ (แม้ว่าไม่ธรรมดา) ที่ปรากฎในดวงชะตาของประเทศไทย  ว่ายังไม่สามารถทำอันตรายหรือสร้างความเสียหายแด่ประเทศไทย ..........เพราะดาวอังคาร(๓)  ดาวอาทิตย์(๑)  และดาวจันทร์(๒) ครับ.....ดาวทั้งสามดวงนี้เดินเป็นปกติอยู่......   เพียงแต่ดาวศุกร์(๖) กับดาวพุธ(๔)จรกุมกันที่ราศีกรกฎแล้วอันหมายถึงฝนตก พายุ น้ำท่วมอย่างกว้างขวาง......แต่ไม่ทำความบอบช้ำหรืออันตรายเท่าไรแก่ประเทศไทย 

แต่สิ่งที่ปรากฎในดวงชะตาเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน (1พ.ย.2554) ดาวอังคาร(๓)เป็นนิจ...ดับแสงในราศีกรกฎ  ดาวอาทิตย์(๑)เป็นนิจ...ดับแสงในราศีตุล  และดาวจันทร์(๒)เป็นประ.....อ่อนแสงลงในราศีมกร      ขณะที่ดาวศุกร(๖)กับดาวพุธ(๔)จรอยู่ในราศีพิจิกธาตุน้ำกุมราหู(๘)จรมหาอุจ  .......   นี่คือพายุและน้ำท่วม...มันบอกถึงความเสียหายและอันตรายอย่างไร...... จนถึงกับดาวประจำเมืองทั้ง 3 ดวงต้องดับแสงลงพร้อมกัน   .............  เราจึงเน็นไปว่านี่คือ   สินามิ  .........ไม่ใช่พายุน้ำท่วมธรรมดา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดอยู่ขณะนี้  แต่แน่นอน ต้องร้ายแรงกว่านี้    

ข้อสังเกต  เมื่อ 31 ส.ค.2554 ฝน+พายุจะเริ่มหยุดลง   เมื่อถึงวันที่ 9 ก.ย.2554   และจากนี้เป็นต้นไป   น่าจะมีสิ่งบอกเหตุถึงความเสื่อมโทรมลงของระบบประเทศไทยเกี่ยวกับการจัดการเรื่องน้ำและ การชลประทานขนาดใหญ่   (เช่น การทรุดตัวของแผ่นดิน  รอยแตกของแผ่นดิน  และรอยรั่วร้าวของเขื่อน  ฯลฯ)

ฝนจะเริ่มตกอีกประมาณกลางเดือนตุลาคม 2554 (18 ต.ค.2554)..............ไปเรื่อย ๆ .......และเกิด  สินามิ   1  พ.ย.2554 เวลา 21.04 น.

หมายเหตุ    อาจจะเป็นได้ครับ  ในเรื่องแผ่นดินไหว    เขื่อนแตก     ..............และน้ำท่วมถึงกรุงเทพ ฯ 

ถึงวันที่ 9 กันยายน 2554   เข้ามาแล้ว  ท่านกล่าวไว้ว่า

ข้อสังเกต  เมื่อ 31 ส.ค.2554 ฝน+พายุจะเริ่มหยุดลง   เมื่อถึงวันที่ 9 ก.ย.2554   และจากนี้เป็นต้นไป   น่าจะมีสิ่งบอกเหตุถึงความเสื่อมโทรมลงของระบบประเทศไทยเกี่ยวกับการจัดการเรื่องน้ำและ การชลประทานขนาดใหญ่   (เช่น การทรุดตัวของแผ่นดิน  รอยแตกของแผ่นดิน  และรอยรั่วร้าวของเขื่อน  ฯลฯ)

ฝนจะเริ่มตกอีกประมาณกลางเดือนตุลาคม 2554 (18 ต.ค.2554)..............ไปเรื่อย ๆ .......และเกิด  สินามิ   1  พ.ย.2554 เวลา 21.04 น.

วันนี้ฝนก็ยังคงตกอยู่    คำพยากรณ์เดิมมีว่า  ถ้าไม่มีสินามิ   ก็อาจจะมีเรื่องน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ   

ตั้งแต่เดือน พ.ค.2554 มา ก็มีแต่พายุ น้ำท่วม  มีไหหลำ นกเตน ตามลำดับ  วันนี้เป็นได้เลยว่า มีน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ เท่าเทียมกันหมดทุกภาคส่วนของประเทศไทย  ต้องคำพยากรณ์เหมือนกัน   ท่านว่าไว้ว่า   สินามิ หรือมิฉะนั้นก็น้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ  

ถือว่าแทน  สินามิได้หรือไม่  ?

วันนี้ 14 ก.ย. 2554 ทราบว่าน้ำยังคงขึ้นสูง มี 44 จังหวัดน้ำท่วม อุตรดิตดินถล่ม คนหายตายไป 7 คน  อ.เสนา อยุธยา น้ำท่วมหนัก  รวมคนตายไปแล้ว 88 คนวันนี้  ทราบว่าน้ำยังคงมา เขื่อนเจ้าพระยาเต็มพิกัด เขื่อนป่าสัก 80 % กรมอุตุเตือนว่าวันที่ 18-19-20  ก.ย.54 จะมีน้ำไหลผ่าน น.เจ้าพระยาด้วยปริมาณสูงที่สุด   ทางรัฐบาลได้มอบหมายรัฐมนตรีเฝ้าดูแก้ปัญหาประจำจังหวัด ๆ ละ 1 คน  วันนี้ก็ได้จัดงานที่ทำเนียบรัฐบาลขอร่วมมือบริจาค  ได้เงิน 360 ล้านบาทแล้ว

ก็ถือว่าตรงตามคำทำนายแล้ว  คำหลังที่ว่า หรือมิฉะนั้นก็เกิดอุทกภัย น้ำท่วมทั่วประเทศ..... 

หรือว่าหลังวันที่ 18 ต.ค.2554 ฝนยังจะตกหนักและจะมีน้ำท่วมไปอีก ?  ยังจะมีสินามิ ?

ผมดูปฏิทินโหรแล้ว  พบว่าดวงอาทิตย์ดับสนิทเริ่มวันที่ 18 ต.ค.2554 เป็นต้นไป  น่าเป็นวันเริ่มอันตรายไปกว่าที่เป็นขณะนี้

จะเป็นไปได้ไหมว่า การดาวประจำเมืองทั้ง 3 ดวงต้องดับแสงลงพร้อมกัน และอาจมีสตรีเป็นจำนวนมากตายหมู่เพราะอุทกภัยครั้งนี้ จะเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับอุทกภัย เช่นเกิดการรัฐประหาร แล้วประชาชนออกมาต่อต้านและมีการใช้กำลังปราบปรามจนเป็นเหตุให้ประชาชนล้มตายจำนวนมาก  โดยเฉพาะสตรีคนสำคัญๆ

มองระดับต่อไปของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ตอบคำถามของ หิ่งห้อย

ไม่น่ามีรัฐประหาร เพราะในระบบดาวมี 2 ระบบใหญ่ ๆ คือ  อังคาร(๓)+ราหู(๘)  ซึ่งนี่คือความหมายของ  ลม  พายุ   อีกระบบหนึ่งก็คือ  พุธ(๔)+ศุกร(๖)  นี่คือความหมายของ น้ำ น้ำท่วม ล้วน ๆ          สองระบบนี้ความหมายค่อนข้างชัดเจน คือ  พายุ และ น้ำท่วม  เป็นประเด็นหลักทางการพยากรณ์  (จึงได้พยากรณ์ สินามิ หรือ น้ำท่วมใหญ่ทั้งปประเทศ)

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองการทหาร  ทหารปฏิวัติ ก็เห็นว่ามีความหมายอยู่ เกี่ยวข้องจากความหมายของ  อังคาร(๓)+ราหู(๘)นี่เอง  แต่มองไปไกลกว่านั้น จะเห็นว่า อังคาร(๓) ดับแสง เป็นนิจ แปลว่าทหาร ไม่มีกำลัง  หมดพลังแล้ว  ส่วนราหู(๘)แรง เป็นมหาอุจ  แต่ตกภพมรณะแก่ดวงเมือง       ความหมายไม่บอกถึงความสำเร็จของทหารที่จะทำการเป็นใหญ่ในระหว่างนี้  มีแต่จะทำลายตนเองของทหาร  จึงไม่น่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ขืนมีขึ้นทหาร หรือคณะปฏิวัติก็ต้องพบความหายนะทันที คือมีปฏิวัติขึ้นวันนี้ ก็จะพบความดับลงวันนี้ทันที (อ่านจากความหมายดาวอังคารดับแสงในกรกฎและราหูจรตกภพมรณะแก่ดวงเมือง)

อนึ่ง เราได้ตรวจดวงชะตาของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชาไว้ก่อนนี้แล้ว  ได้พยากรณ์ไว้แล้วว่า  เดือน ก.ย.-ต.ค.-พ.ย.2554 จะมีภาระหนักเพื่อพะยุงสถานะสังคมและประชาชนไม่ให้ล่มลงไป      อันนี้มีความหมายสูงถึงการช่วยประชาชนเรื่องน้ำท่วมใหญ่คราวนี้นั่นเอง  ซึ่งในวันนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าพล.อ.ประยุทธได้รับคำสั่งของรัฐบาลและออกช่วยประชาชนน้ำท่วมแล้ว  จึงไม่น่ามีความหมายของการปฏิวัติ  (ดูสารบาญโหรศาสตร์ ดวงชะตาพล.อ.ประยุทธ ครับ)

ที่สำคัญดวงชะตาของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์  ไม่ได้บอกถึงการเสื่อมทรุดลงแม้แต่น้อย  แต่ได้บอกถึงการที่พบเผชิญปัญหาอุทกภัยอันร้ายแรงนี้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะในดวงชะตาค่อนข้างบอกถึงอะไรที่เหมาะเจาะมาก ๆ  กล่าวคือเป็นดวงชะตาที่จัดมาให้สำหรับการแก้ปัญหาน้ำท่วมคราวนี้โดยเฉพาะ  และแม้ปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ของประเทศไทย พร้อมทั้งความสามารถในการที่จะจัดการประเทศไทยจากปัญหาน้ำท่วม หรือ สินามิ ครั้งนี้  และทั้งปัญหาวิกฤตของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์จริง ๆ  แทบว่าไม่มีดวงชะตาอื่นที่เหมาะเท่านี้  นอกจากนี้ยังเห็นจากดวงชะตาประเทศไทยและ นรม.ว่าในปี 2554และปี 2555  2ปีนี้อย่างไร ๆ การเศรษฐกิจ การเงินของประเทศไทยและรัฐบาล ความอยู่ดีกินดีของประชาชนจะดีมาก ๆ  ก้าวไปข้างหน้าตลอด  ...... ในขณะเดียวกัน เราก็ได้พยากรณ์ไว้แล้วว่า ดวงชะตาของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยังไม่ดีขึ้นตลอด 2 ปีข้างหน้า       ..........ประเด็นของหิ่งห้อยจึงไม่น่าเป็นห่วง 

ในความหมายของสตรีจะตายหมู่จำนวนมากตามคำพยากรณ์นั้น บัดนี้จะไม่มีความหมายของสตรีผู้สูงศักดิ์อีกต่อไปแล้ว เพราะได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว และกระแสดาวที่ให้ความหมายลดลง  และหลังนั้นมา ไม่มีความหมายของคำว่า  สูงศักดิ์   จะมีแต่คนธรรมดา ๆ  อย่างไรก็ตามในระบบดาวไม่เห็นโดยชัดเจนว่ามีการล้มตายของประชาชนจำนวนมากแต่เห็นโดยรวมว่าแผ่นดินสำคัญของประเทศถูกน้ำท่วมใหญ่   เน้นคำว่า  แผ่นดิน  คำว่าแผ่นดินนั้นก็ย่อมรวมเอาความหมายของประชาชนจำนวนมากเข้าด้วยจากภัยสินามิ  เพราะเมื่อน้ำท่วมแผ่นดินทั้งแผ่นดินแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงส่งที่เกิดจากดิน อาศัยดินอยู่  ย่อมวิบัติไปกับแผ่นดินนั่นเอง   แต่นั่นเป็นเพราะโหรยังไม่สามารถแยกความหมายของดาวออกไปถึงขั้นละเอียดระดับนั้นด้วยก็ได้

สิ่งที่น่าสนใจในดวงชะตาประเทศไทยและพรรคเพื่อไทย อยู่ในเดือน ธันวาคม 2554 ต่อกับเดือน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษยน 2555  จะมีการกระเตื้องครั้งใหญ่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทย  ราวกับว่าเป็นระดับนโยบายที่ก้าวไปอีกระดับหนึ่ง   แต่อยู่ในระดับแผนการณ์ทดลอง หรือตรวจสอบอยู่  ยังไม่เวิรคเต็มที่   จะไปเวิร์คเต็มที่ในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2555 ไปถึงเดือน ธ.ค. 2557   ซึ่งในตอนนั้นในดวงประเทศไทยจะหมายถึงการขัดแย้งของการเมือง สังคมอย่างแรง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยพลังขับเคลื่อนครั้งใหญ่  ในดวงพรรคเพื่อไทยหมายถึง มีมหามิตรมาช่วยในการบริหารของประเทศไทยของพรรค ๆ มีการเพิ่มพลัง  มีแรงมาสมทบอย่างแรงมากอีกแรงหนึ่ง ที่ทำให้ประเทศไทยกระเตื้องอย่างแรง (ดาวเสาร์๗จรสู่ราศีตุลเป็นมหาอุจทับลักคณ์)   ดวงของ นรม.ยิ่งลักษณ์ บอกถึงความรุดหน้าไปอย่างยิ่งในการทำประโยชน์แด่มวลมหาชน  มีความสำเร็จอย่างรุ่งโรจน์....ได้บอกถึงแรงหรือพลังที่เข้ามาสมทบ ร่วมสร้างสรรค์อย่างแรงด้วย   น่าจะได้มีการปรับนโยบายหรือปรับเครื่องมือของนโยบายขนานใหญ่  เพื่อให้การขับเคลื่อนตรงสู่การสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น 

วันนี้น้ำท่วมเมืองสำคัญ   แผ่นดินสำคัญ ตามคำพยากรณ์แล้วครับ    เชียงใหม่ครับ  ก็ต้องถือว่าเชียงใหม่เป็นแผ่นดินสำคัญเหมือนกันพอ ๆ กับกรุงเทพ  ข่าวว่าเสียหายไป 5000 ล้านแล้ว

ไทยรัฐพากหัวครับ ว่า ท่วมหนักกว่าปี48  เชียงใหม่ "พินาศ5พันล้าน"   ฝรั่งเช็กเอาต์โกลาหล  กรุงเก่า-เมืองสิงห์อ่วม  หมูนับพันตัวต้องทิ้ง! ยิ่งลักษณ์ให้รัฐมนตรีกินนอนกับคนน้ำท่วม  ... ระดับน้ำในตัวเมืองยังสูง ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายปี....(ไทยรัฐ 1 ต.ค.2554)

ส่วนข่าวสดพาดหัวข่าวว่า  "เวียงกุมกาม"มิด  ปิงวิกฤต  จมรถนับร้อยคัน  เตือนรับมือน้ำเขื่อนถล่มซ้ำ  วโรรส-ไนท์บาซาร์ยังหนัก  "ปู"สั่ง14รมต.ลงพื้นที่12จว.  "ยิ่งลักษณ์"ส่ง 2 รมต.รุดเชียงใหม่ กู้วิกฤตน้ำท่วม สถานการณ์ขยายวงกว้าง  แม่ปิงยังสูง ทะลักพื้นที่ชั้นในตลาด...(ข่าวสด 1 ต.ค.2554)

เข้าคำพยากรณ์เรื่อง  แผ่นดินสำคัญ  แล้วนะครับ       ก็คงไม่ท่วมกรุงเทพละมังครับ !

ยังเหลือคำพยากรณ์เรื่องสึนามิอีก หากเป็นจริงประเทศไทยคงต้องสูญเสียและเสียหายหนักทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ส่วนการเมืองก็จะได้พิสูจน์ฝีมือการแก้ปัญหาของรัฐบาลต่อไป แต่ก็ขอชื่นชมคณะรัฐมนตรีที่ทำงานขยันขันแข็งนี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ประชาชนอยากเห็นการเตรียมสำหรับการแก้ปัญหกาในระยะยาว เพื่อรับมือกับปริมาณน้ำในปีต่อๆไป

อมรรัตน์ มณีแดง  นายกเหล่ากาชาดนครสวรรค์  พาชาวนครสวรรค์ทำพิธีบูชาพระสยามเทวาธิราชและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งบุณพากษัตริย์  มีอาจารย์อ้วนเป็นพิธีกร  

ดูการแก้ปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์รวดเร็วว่องไว และร่วมแรงร่วมใจมากกว่าสมัยรัฐบาลพรรค ปชป. ที่สำคัญดูประชาชนคนไทยรวมไปถึงนานาชาติไว้ใจรัฐบาลประชาธิปไตยมากกว่า การช่วยเหลือจึงแข็งขัน อยากให้ประชาชนและรัฐบาลตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ดูและเขื่อนต่างๆว่ามีความรู้ความสามารถในการทำงานและทุ่มเทเพียงใด เพราะประชาชนคลางแคลงใจเกี่ยวกับการกักเก็บน้ำและการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนจริงๆ   

บันทึกโหราศาสตร์

1.    วันที่ 18 ต.ค.2554  ดาวอาทิตย์จรเข้าราศีตุล  ดับแสง   อยู่ระหว่าง 18 ต.ค. - 17 พ.ย.2554

2.    วันที่ 28 ต.ค. 2554 ดาวจันทร์จรเข้าราศีพิจิก  ดับแสง   มีดาวสถิตณราศีพิจิก 4 ดวงดาวคือ  จันทร์(๒) + พุธ(๔) + ราหู(๘) + เกต(๙)

3.    วันที่ 31 ต.ค.2554 ดาวอังคาร(๓) จรเข้าราศีสิงห์ เวลา 01.45 น.  ดาวศุกร(๖) จรเข้าราศีพิจิก เวลา  12.15 น. 

สรุป     ลมและฝนจะค่อยหมดไปในวันที่ 13 พ.ย.2554    เวลา 21.29 น.

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

4.   วันที่คาดหมายว่าจะเกิดสินามิ วันที่ 1 พ.ย. 2554 ไม่ได้หมายความว่าจะมีฝนตกหรือลมพายุมากที่สุด แต่หมายถึง ความเสียหายที่จะเกิดแก่ประเทศไทยมากที่สุด

5.   วันที่ดาวพุธ(๔) จรทับดาวศุกร(๖)  สนิทองศา ณ 14 องศา ราศีพิจิก  วันที่ 11 พ.ย.2554   อะไรจะเกิดขึ้น ; น้ำ ลม สูงสุด

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

6.   ดาวศุกร(๖)โคจรพ้นราศีพิจิก วันที่ 24 พ.ย.2554 เวลา 12.47 น.         

7.   ดาวพุธ(๔)จรอยู่ในพิจิก ระหว่าง 24 ต.ค.2554 - 2 ม.ค.2555  
       = เขียนเป็นสูตรได้      ๔บร.จร + ๘ศร.จร      L120     ๒อา.เดิม    L120    ๔ศร.เดิม + ๘มต.เดิม + ๖กณ.เดิม    

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

8.    ดาวอังคาร(๓)ดับตั้งแต่ 9 ก.ย.2554   การดับของอังคาร(๓)มีผลมากทั้งหมดใช่หรือไม่ ?  ถ้าเช่นนั้น  การดับของอาทิตย์(๑)ใน 18 ต.ค.2554 ก็ย่อมมีผลพอ ๆ กับอังคาร(๓) .......  นั่นคือ   ย่อมจะไปเพิ่มปัญหาไปอีกพอ ๆ กัน  ใช่หรือไม่ ?     และครั้นจันทร์(๒) ดับใน 28 ต.ค.2554  ก็เริ่มต้น สินามิ  ใช่หรือไม่ ?  

= เขียนเป็นสูตรได้       28 ต.ค.2554:13.48 น. :  อังคาร(๓)จรนิจ-กณ.จร./จันทร์(๒)ด.กษ.-อา.ด.   L90  อาทิตย์(๑)จรนิจ-อุต.จร+ศุกร(๖)จรเกษตร  ---180 อาทิตย์(๑)ด.ลั ---  L120  จันทร์(๒)จรนิจ+พุธ(๔)จร+ราหู(๘)จรมหาอุจ + เกตุ(๙)จร   L120  มฤตยู(๐)จร+พุธ(๔)ศร.เดิม + ราหู(๘)มต.เดิม + ศุกร(๖)กณ.เดิม    

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

จากสูตรนี้ :=       28 ต.ค.2554:13.48 น. :  อังคาร(๓)จรนิจ-กณ.จร./จันทร์(๒)ด.กษ.-อา.ด.   L90  อาทิตย์(๑)จรนิจ-อุต.จร+ศุกร(๖)จรเกษตร  ---180 อาทิตย์(๑)ด.ลั ---  L120  จันทร์(๒)จรนิจ+พุธ(๔)จร+ราหู(๘)จรมหาอุจ + เกตุ(๙)จร   L120  มฤตยู(๐)จร+พุธ(๔)ศร.เดิม + ราหู(๘)มต.เดิม + ศุกร(๖)กณ.เดิม    

แยกวิเคราะห์  ดังนี้

หมวดที่ 1   อังคาร(๓)จรนิจ-กณ.จร./จันทร์(๒)ด.กษ.-อา.ด.         ในราศีกรกฎ

หมวดที่ 2   อาทิตย์(๑)จรนิจ-อุต.จร+ศุกร(๖)จรเกษตร  ---180 อาทิตย์(๑)ด.ลั ---  คือ ๑จร+๖จร ในราศีตุล เล็ง ๑เดิม+ลักคณาเมือง ในราศีเมษ

หมวดที่ 3  จันทร์(๒)จรนิจ+พุธ(๔)จร+ราหู(๘)จรมหาอุจ + เกตุ(๙)จร     ในราศีพิจิก

หมวดที่ 4   มฤตยู(๐)จร+พุธ(๔)ศร.เดิม + ราหู(๘)มต.เดิม + ศุกร(๖)กณ.เดิม    ในราศีมีน

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

เมื่อแยกประเด็นออกมาวิเคราะห์แล้ว  สิ่งที่ได้พบในประเด็นสำคัญคือ หมวดที่ 2   ตกดาวสำคัญอะไรบ้าง  และต้องมองตัวสูตรอันสมบูรณ์เต็ม ๆ ดังนี้ 

หมวดที่ 2   อาทิตย์(๑)จรนิจ-อุต.จร+ศุกร(๖)จรเกษตร,มู.+พุธ(๔)จรปกติ,บร. L180 [อาทิตย์(๑)ด.มอุ.,บว.+ลั+พฤหัสบดี(๕)จร,เด.,ราช. L120  พฤหัสบดี(๕)ด.กษ.,มู.]

คือ ๑จร+๖จร+๔จร ในราศีตุล เล็ง (๑)เดิม+ลักค.+ ๕จร,ราชาโชค ในราศีเมษ [+๕ด.,กษ.,เด. ในราศีธนู]

=  การแก้ไขปัญหาอย่างฉลาด มีการระดมกำลังสำคัญ ๆ มาป้องกันที่เข้มแข็ง นั่นคือ ;-  

    ๖จ.กษ.+๔จ.+๑จ.นิ.(ตุล)+๕จ.,เด.,ราช.+๑ด.มอุ.,บร.+ลั[+๕ด.กษ.เด.(ธนู)]

แต่ ยังมีอีกด้านหนึ่งที่แสดงถึงน้ำหนักมหาศาล ควรเป็นหมวดที่ 5  ดังนี้

หมวดที่ 5    อังคาร(๓)จร,นิ L120 มฤตยู(๐)จ. L120 ราหู(๘)จ.มอุ,ศร.+เกต(๙)จ.[L60 เสาร์(๗)จ.อา. L180 ราหู(๘)ด.,มต.]

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

แยกวิเคราะห์  ดังนี้

หมวดที่ 1   อังคาร(๓)จรนิจ-กณ.จร./จันทร์(๒)ด.กษ.-อา.ด.         ในราศีกรกฎ

หมวดที่ 2   อาทิตย์(๑)จรนิจ-อุต.จร+ศุกร(๖)จรเกษตร  ---180 อาทิตย์(๑)ด.ลั ---  คือ ๑จร+๖จร ในราศีตุล เล็ง ๑เดิม+ลักคณาเมือง ในราศีเมษ

หมวดที่ 3  จันทร์(๒)จรนิจ+พุธ(๔)จร+ราหู(๘)จรมหาอุจ + เกตุ(๙)จร     ในราศีพิจิก

หมวดที่ 4   มฤตยู(๐)จร+พุธ(๔)ศร.เดิม + ราหู(๘)มต.เดิม + ศุกร(๖)กณ.เดิม    ในราศีมีน

หมวดที่ 5    อังคาร(๓)จร,นิ L120 มฤตยู(๐)จ. L120 ราหู(๘)จ.มอุ,ศร.+เกต(๙)จ.[L60 เสาร์(๗)จ.อา. L180ราหู(๘)ด.,มต.]

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

ลืมตัวประเด็นเดิมเสียแล้ว  สำคัญเสียด้วย  ควรเป็นหมวดแรกเสียด้วย เอาต่อเป็นหมวดที่ 6 นั่นคือ

หมวดที่ 6   [เสาร์(๗)จ.,อา.=อริ (25องศา32อลิบดา) L60  ราหู(๘)จ.มอุ,ศ.=มรณะ(21องศา39ลิบดา)]  L150 หน้า-หลัง  [ลักคณา+อาทิตย์(๑)ด.มอุ,บว.ด.]

สำหรับหมวดที่ 6 นี้ ค่อนข้างได้ข้อสรุปของความหมายที่ชัดเจน นั่นคือ ปลายหอกอันแข็งแรงแหลมคมนี้ยังคงแทงดวงเมืองอยู่  ในขณะที่จันทร์(๒)ดับ วันที่ 28 ต.ค.54 เสาร์(๗)ได้ 25องศา 32 ลิบดา, ราหูได้ 21องศา39ลิบดา องศาของเสาร์(๗)จะเพิ่มไปเรื่อย ในขณะที่องศาของราหู(๘)ลดลงไปเรื่อย ๆ   การผ่านจุดที่ทับกันสนิทไป หมายถึงคมหอกที่แหลมนั้น แหลมคมไปกว่าเดิมอีก  นี่หมายถึงรอยรั่วรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น จะมีการรั่วการร้าวเพิ่มเป็นปัญหามากขึ้น และวันที่จันทร์(๒)ดับ ซึ่งทำให้เกิดการดับพร้อมกันครบถึง 3 ดวง คือ อังคาร(๓)ดับก่อน เมื่อ 9 ก.ย.2554  อาทิตย์(๑)ดับตามเมื่อ 18 ต.ค.2554  และที่สุดจันทร์(๒)ดับเมื่อ 28 ต.ค.2554   ขณะที่ปลายหอกยังแทงคอหอยอยู่  จึงน่ามีความหมายที่ยิ่งใหญ่ 

สรุปประเด็นสำคัญ 6 หมวด

หมวดที่ 1   อังคาร(๓)จรนิจ-กณ.จร./จันทร์(๒)ด.กษ.-อา.ด.         ในราศีกรกฎ

หมวดที่ 2   อาทิตย์(๑)จรนิจ-อุต.จร+ศุกร(๖)จรเกษตร  ---180 อาทิตย์(๑)ด.ลั ---  คือ ๑จร+๖จร ในราศีตุล เล็ง ๑เดิม+ลักคณาเมือง ในราศีเมษ

หมวดที่ 3  จันทร์(๒)จรนิจ+พุธ(๔)จร+ราหู(๘)จรมหาอุจ + เกตุ(๙)จร     ในราศีพิจิก

หมวดที่ 4   มฤตยู(๐)จร+พุธ(๔)ศร.เดิม + ราหู(๘)มต.เดิม + ศุกร(๖)กณ.เดิม    ในราศีมีน

หมวดที่ 5    อังคาร(๓)จร,นิ L120 มฤตยู(๐)จ. L120 ราหู(๘)จ.มอุ,ศร.+เกต(๙)จ.[L60 เสาร์(๗)จ.อา. L180ราหู(๘)ด.,มต.]

หมวดที่ 6   [เสาร์(๗)จ.,อา.=อริ (25องศา32อลิบดา) L60  ราหู(๘)จ.มอุ,ศ.=มรณะ(21องศา39ลิบดา)]  L150 หน้า-หลัง  [ลักคณา+อาทิตย์(๑)ด.มอุ,บว.ด.]

สำหรับหมวดที่ 6 นี้ ค่อนข้างได้ข้อสรุปของความหมายที่ชัดเจน นั่นคือ ปลายหอกอันแข็งแรงแหลมคมนี้ยังคงแทงดวงเมืองอยู่  ในขณะที่จันทร์(๒)ดับ วันที่ 28 ต.ค.54 เสาร์(๗)ได้ 25องศา 32 ลิบดา, ราหูได้ 21องศา39ลิบดา องศาของเสาร์(๗)จะเพิ่มไปเรื่อย ในขณะที่องศาของราหู(๘)ลดลงไปเรื่อย ๆ   การผ่านจุดที่ทับกันสนิทไป หมายถึงคมหอกที่แหลมนั้น แหลมคมไปกว่าเดิมอีก  นี่หมายถึงรอยรั่วรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น จะมีการรั่วการร้าวเพิ่มเป็นปัญหามากขึ้น และวันที่จันทร์(๒)ดับ ซึ่งทำให้เกิดการดับพร้อมกันครบถึง 3 ดวง คือ อังคาร(๓)ดับก่อน เมื่อ 9 ก.ย.2554  อาทิตย์(๑)ดับตามเมื่อ 18 ต.ค.2554  และที่สุดจันทร์(๒)ดับเมื่อ 28 ต.ค.2554   ขณะที่ปลายหอกยังแทงคอหอยอยู่  จึงน่ามีความหมายที่ยิ่งใหญ่ 

ก่อนที่รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์จะเข้ามาบริหารประเทศ มีข่าวว่าฝ่ายตรงข้ามออกมาทำนายทายทักว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือนดูมีเงื่อนงำอย่างไรชอบกลเหมือนมีการเตรียมแผนไว่ล่วงหน้า เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ได้บอกเหตุที่ผิดธรรมชาติหลายอย่างและสื่อบางช่องก็ฉกฉวยโอกาสเหมือนกำลังจะไล่รัฐบาลและไปสอดคล้ องกับสมัยรัฐบาลสมัคร+สมชาย  ประชาชนคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยจะฟันฝ่าไปได้หรือไม่ 

ตอบคำถามของแมงกุดจี่

ระหว่างเวลาที่เกิดวิกฤตน้ำท่วมอยู่ขณะนี้  เราจะได้เห็นบททดสอบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จะเป็นประเด็นสำคัญ ก็ในช่วงที่ดาวจันทร์(๒)จรผ่านราศีพิจิก โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 13.48 น.วันที่ 28 ต.ค.2554  ถึง เวลา 16.46 น.วันที่ 30 ต.ค. 2554 (อันนี้โดยไดอารีโหร 2554 ของท่านอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว ที่เราใช้อ้างอิงตลอดทุกเรื่องแหละครับ)   ช่วงเวลา 3 วันนี้ จะได้เห็นสถานะความเด็ดเดี่ยว มั่นคง ยืนหยัดขนาดไหน  มีความสั่นสะเทือนขนาดไหนกันแน่ ....

อย่างไรก็ตาม ทางเราได้ประเมินไว้แต่ต้นแล้วว่า จะผ่านเหตุการณ์ไปได้  ช่วงเวลาสั้น ๆ  3 วันนี้ผ่านไปรวดเร็วเกินไป คงไม่สามารถก่อเกิดภัยอันตรายระดับสั่นสะเทือนรัฐบาลได้มากพอ   เพราะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

คือ เราคาดว่าในสามวันนั้นจะเกิดสถานการณ์ช็อคขึ้นในระบบการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์  ซึ่งจะเป็นภาวะระหว่างวิกฤตสูงสุดของน้ำในประเทศไทย  (เป็นช่วงที่จะเกิดสินามิตามคำทำนายไว้ ซึ่งบัดนี้ก็น่าจะตรงความหมายของคำพยากรณ์แล้ว ผ่านไปแล้วเพราะสถานการณ์ปัจจุบันก็เทียบได้กับสินามิอยู่แล้ว ไม่น่าจะแรงไปเป็นสินามิใหญ่กว่านี้อีก แต่น่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง จนเป็นผลให้เกิดสภาวะช๊อคดังกล่าว)  

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น  รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็จะผ่านไปได้  ดังที่เราได้ยืนยันเอาไว้แล้วว่า

"ที่สำคัญดวงชะตาของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์  ไม่ได้บอกถึงการเสื่อมทรุดลงแม้แต่น้อย  แต่ได้บอกถึงการที่พบเผชิญปัญหาอุทกภัยอันร้ายแรงนี้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะในดวงชะตาค่อนข้างบอกถึงอะไรที่เหมาะเจาะมาก ๆ  กล่าวคือเป็นดวงชะตาที่จัดมาให้สำหรับการแก้ปัญหาน้ำท่วมคราวนี้โดยเฉพาะ  และแม้ปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ของประเทศไทย พร้อมทั้งความสามารถในการที่จะจัดการประเทศไทยจากปัญหาน้ำท่วม หรือ สินามิ ครั้งนี้  และทั้งปัญหาวิกฤตของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์จริง ๆ  แทบว่าไม่มีดวงชะตาอื่นที่เหมาะเท่านี้  นอกจากนี้ยังเห็นจากดวงชะตาประเทศไทยและ นรม.ว่าในปี 2554และปี 2555  2ปีนี้อย่างไร ๆ การเศรษฐกิจ การเงินของประเทศไทยและรัฐบาล ความอยู่ดีกินดีของประชาชนจะดีมาก ๆ  ก้าวไปข้างหน้าตลอด  ...... ในขณะเดียวกัน เราก็ได้พยากรณ์ไว้แล้วว่า ดวงชะตาของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยังไม่ดีขึ้นตลอด 2 ปีข้างหน้า       ..........ประเด็นของหิ่งห้อยจึงไม่น่าเป็นห่วง "  (จาก มองระดับต่อไปของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์)

อย่างไรก็ตาม  ระยะช่วงวันที่ 24 ต.ค.2554 เป็นต้นไปจนตลอดปี 2554 เลยไปถึงต้นปีใหม่ 2555 (2 ม.ค.2555)จะมีประเด็นเชิงกฎหมาย และคดีความสำคัญ ๆ มาสู่การโต้เถียงของสังคมอย่างค่อนข้างแรงและต่อเนื่อง ที่น่าสังเกตก็คือ จะหมายความรวมถึงถึงการโฆษณาชวนเชื่อ การใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลมากขึ้น   แต่ก็จะไม่เป็นผลร้ายอะไรต่อรัฐบาล

และสถานการณ์เดือนธันวาคม 2554 -มค.-กพ.-มีค.-เม.ย.2555 ก็จะเป้นสถานการณ์ที่น่าจับตามองต่อไป

มีอย่างหนึ่งก็คือ โดยระบบโหราศาสตร์ ค่อนข้างจะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะไปได้ดีและเหมาะสมกับสถานการณ์อย่างยิ่ง โดยมองจากดวงชะตาของนายกรัฐมนตรีเอง พรรคเพื่อไทย และดวงประเทศไทย จะสามารถบูรณาการสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทยภายหลังน้ำท่วมไปได้อย่างดี  ตามที่ได้พยากรณ์แล้วในเรื่อง มองระดับต่อไปของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ขณะนี้มีดาวพฤหัสบดี(๕)จรเป็นศรีจรราชาโชค [พฤหัสบดี(๕)ดวงนี้เป็นดาวที่กุมลักคณาในราศีกรกฎเป็นมหาอุจ สูงสุดในหมู่ดาว แถมมีดาวศุกร์(๖)กุมเป็นราชาโชคอีกด้วย นี่เป็นสุดยอดดวงชะตาที่สุจริต ฉลาด ละมุนละม่อม และเด็ดขาด)] อยู่ราศีกัมมะ ทำให้มีแรงบวกระหว่างศรีจรกับศรีเดิมในศีเมษ บอกถึงงานของประเทศไทย โดย นรม.ยิ่งลักษณ์ผู้นำการบริหารกำลังดำเนินไปอย่างดี ถูกทางและถูกต้อง อีกประการหนึ่ง โดยหลักโหราศาสตร์พื้นดวงชะตาของ นรม.ยิ่งลักษณ์ มีดาวราหู(๘) อยู่ราศีเมษ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนเกิดวันพุธ(นรม.ยิ่งลักษณ์เกิดวันพุธ ทำให้ราหู(๘)ให้คุณไปอย่างสุด ๆ) โดยเฉพาะ ตรงนี้บอกถึงความสามารถในการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติโดยเฉพาะ เพราะในเวลานี้ดาวราหู(๘)ดวงนี้จรมาถึงราศีพิจิก เป็นที่ 5จากลักคณา  เป็นมหาอุจจรในดวงชะตาคุณยิ่งลักษณ์  รับกับ เสาร์(๗)เดิมที่ราศีมีน   ทั้งราหู(๘)จรและเสาร์(๗)เดิม ดาวคู่มิตรใหญ่ทั้งคู่นี้ ล้วนอยู่ในตำแหน่ง อัมพุชเกณฑ์ในมุมร่วมธาตุ  .......  ยากที่จะล้ม.....แต่ประกันได้เลยว่าหนักแน่น มีประสิทธิภาพสูง  และเนิ่นนานในสถานะนี้ไปจนถึง เดือน ธ.ค.2557  จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกระยะหนึ่ง ที่น่าจะดีกว่าเดิมไปอีก  ซึ่งคงจะได้นำมาวิเคราะห์เพิ่มเติมไปอีก

แต่สำหรับวันนี้ เราเองอยากเตือนสักนิด สำหรับสถานการณ์จันทร์จรผ่านราศีพิจิก ระหว่าง 3 วันดังกล่าวนั้น ไม่ควรประมาทในสถานการณ์ฉุกเฉิน (อาจจะไม่ใช่เรื่องน้ำก็ได้) ซึ่งเราเองก็มองไม่ค่อยชัดว่าคืออะไรแน่  คอยดู....

ขอขอบคุณ ช.โหรชนบทมากที่ตอบข้อกังขาที่แสดงถึงภูมิรู้ในวิชาโหราศาสตร์ และผู้อ่านทุกท่านคงรอคำพยากรณ์ในครั้งต่อๆไปอย่างใจจดจ่อ โดยเฉพาะส่วนที่มองไม่ชัดคืออะไร ?

บันทึกโหราศาสตร์(ต่อ)

7.  28 ต.ค.2554 :=   [อังคาร(๓)กณ.นิ.จ.] + [จันทร์(๒)อา.,กษ.,ด.]  L120  [จันทร์(๒)มต.,นิ,จ.] + [พุธ(๔)บว.,(ศ.ด.)จ.] + [ราหู(๘)ศ.,มอุ,จ.] + [เกตุ(๙)จ.]  L120  [มฤตยู(๐)จ.] + [พุธ(๔)ศ.,อริ,นิ.,ด. + ศุกร(๖),กณ.,วินาสน์.,มอุ.,ด.]  +  ราหู(๘)มต.,ด.]

สรุปสูตรทดลองประเด็นสำคัญ 7 หมวด

หมวดที่ 1   [อังคาร(๓)นิ.,กณ.จ.] + [จันทร์(๒)กษ.,อา.,ด.]    =กรกฎ

หมวดที่ 2   [อาทิตย์(๑)อุต.,นิ.,จ.] + [ศุกร(๖)มู.,กษ.,จ.] L180 [พฤหัส(๕)ศ.,ราช.,จ.[อาทิตย์(๑)บว.,มอุ.,ด.+ลั.]  

หมวดที่ 3  [จันทร์(๒)นิ.จ.] + [พุธ(๔)จ.+ราหู(๘)มอุ,ศ.จ.] + [เกตุ(๙)จร]     =พิจิก

หมวดที่ 4   [มฤตยู(๐)จ.]+[พุธ(๔)ศร.,ด.] + [ราหู(๘)มต.,ด.] + [ศุกร(๖)กณ.,ด.]    = มีน

หมวดที่ 5    [อังคาร(๓)นิ,จ.] L120  [มฤตยู(๐)จ.]  L120 [ราหู(๘)มอุ,ศร.,จ.]+[เกต(๙)จ.] L60 [เสาร์(๗)อา.,จ.] L180 [ราหู(๘)มต.,ด.,]

หมวดที่ 6   [เสาร์(๗)อา.=อริ, 25องศา32อลิบดา)จ.]  L60  [ราหู(๘)มอุ,ศ.=มรณะ(21องศา39ลิบดา)จ.]  L150 หน้า-หลัง  [ลักคณา+อาทิตย์(๑)ด.มอุ,บว.ด.] 

หมวดที่ 7    28 ต.ค.2554 :=   [อังคาร(๓)กณ.นิ.จ.] + [จันทร์(๒)อา.,กษ.,ด.]  L120  [จันทร์(๒)มต.,นิ,จ.] + [พุธ(๔)บว.,(ศ.ด.)จ.] + [ราหู(๘)ศ.,มอุ,จ.] + [เกตุ(๙)จ.]  L120  [มฤตยู(๐)จ.] + [พุธ(๔)ศ.,อริ,นิ.,ด. + ศุกร(๖),กณ.,วินาสน์.,มอุ.,ด.]  +  ราหู(๘)มต.,ด.]

อยากให้ท่านพยากรณ์ทั้ง 7 หมวดโดยเฉพาะในวันที่ 28 ต.ค.54 มีความหมายว่าอย่างไร  เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจ และผู้ที่กำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์

ตอบแมงกุดจี่

ทั้ง 7 หมวดนั้น  บรรจุไว้ด้วยตัวแปรทั้งนั้นครับ   ว่าตามภาษางานวิจัย     เป็นทั้งตัวแปรเดี่ยว ๆ หรือเอกพจน์  ตัวแปรรวม หรือพหูพจน์(คือหลายตัวบวก หรือลบกัน)   คำว่าหมวด  หมายถึง  สถานการณ์หนึ่งครับ  และเราต้องการตรวจสอบว่า  สถานการณ์หนึ่ง ๆ นั้น  เป็นไปตามอิทธิพลตัวแปรในหมวดนั้นหรือไม่  แค่ไหน  ตรงไหนที่ผิดพลาด ตรงไหนที่ตรงประเด็น  นอกจากนั้น สถานการณ์ตามหมวดต่าง ๆ ยังมีผลกระทบกันและกัน  เราต้องการตรวจสอบอีกเช่นกันว่า  แต่ละสถานการณ์ให้ผลอย่างไร

สรุป  เรากำลัง รีเสิชน่ะครับ   รีเสิชหาหลักการสำคัญ ๆ ของโหราศาสตร์   และเราก็ได้พยากรณ์ออกไปจากสูตรเหล่านี้นั่นเอง  ทุกหมวดชี้มาที่สถานการณ์น้ำ      และวันที่ 28-29-30 ต.ค. 2554 เราก็ได้พยากรณ์ไปแล้ว  ว่าเป็นวันที่จันทร์(๒)จรผ่านราศีพิจิก  ระวังจะมีเหตุการณ์ที่ช๊อคฝ่ายบริหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้  .......  แต่ตรงนี้เราก็ยังอ่านไม่ออกว่ามันคืออะไร ....   ต่อเมื่อรู้เหตุการณ์แล้วเราก็เอาไปแทนค่าตัวแปรในสูตรได้  ก็สมบูรณ์   เราศึกษามาอย่างนี้แหละครับ ก็ได้อะไร ๆ พอกพูนมาเรื่อย ๆ ค่อยละเอียดไปเรื่อย ๆ    นี่คือวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งครับ    

• พาดหัวข่าวจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันที่ 28 ต.ค.2554

• พาดหัวข่าวจาก น.ส.พ.ไทยรัฐตามลำดับ(ซ้ายไปขวา) วันที่ 29 ต.ค.2554

วันนี้ดูสถานการณ์น้ำใน กทม. แล้วไม่น่าไว้วางใจ หลายเขตเริ่มมีการอพยพและอพยพ ศปภ. ไปกระทรวงพลังงาน วันนี้น้ำท่วมสูงมาก อยากให้โหรช่วยดูว่าจากนี้ไปน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะท่วมสูงมากกว่านี้และมีโอกาสจะมาบรรจบกับน้ำทะเลหนุนสูงสร้างความอันตรายมากไปกว่านี้หรือไม่ รัฐบาลจะรับสถานการณ์อยู่ไหมและสถานการณ์จะคลี่คลายไปสู่ปกติเมื่อใด

ตอบคำถามแมงกุดจี่

น่าจะเป็นไปตามลำดับเป็นขั้นเป็นตอนนะครับคือ

1.   ระยะที่พ้นอันตราย ถ้าเป็นคนก็คือพ้นตายแล้ว  คือวันที่ 4 พ.ย.2554 เวลา 03.29 น.เป็นต้นไป
2.   ลมและฝนน่าจะปรากฎอีกบ้างระหว่าง 11-12 พ.ย.2554 แล้วจะจะค่อยหมดไปในวันที่ 13 พ.ย.2554    เวลา 21.29 น.
3.   งานฟื้นฟูประเทศครั้งใหญ่เริ่ม 7 ธ.ค.2554
4.   แผ่นดินกรุงเทพแห้งเป็นปกติในวันที่ 17 ธ.ค.2554  

ขอบคุณที่ตอบคำถามและผู้อ่านทุกท่านคงจะได้ตรวจสอบต่อไป อยากถามท่า ช.โหรชนบทว่า กรณีที่มีข่าแพร่สะพัดว่าหลวงปู่รูปหนึ่งอยู่ในวัดดังของจังหวัดสิงห์บุรีออกมาบอกว่าให้นายอภิสิทธิ์รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้ดีจะได้กลับมาเป็นนายกรอบ 2 และการมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย อยากทราบว่าการทำนายลักษณะนี้ใช้หลักการอย่างไรของวิชาโหราศาสตร์  และผิดหลักพระธรรมวินัยของความเป็นสงฆ์หรือไม่ ในฐานะที่ผู้ถามเป็นเสรีชนคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดเชิงพุทธศาสตร์ผสมผสานกับวิทยาศาสตร์มองว่า  ตัวละครเอกในนิยายพื้นบ้านของไทยต้องตกระกำลำบากถูกเนรเทศออกจากครอบครัวเพราะโหรที่พิพากษาว่าเป็นกาลกิณีไม่ถูกกับดวงเมืองและพระราชาก็เห็นคล้อยตามสั่งเนรเทศบ้าง สั่งให้ประหารบ้าง  เช่น นางจันทน์เทวี นางพิกุลทอง นางโสนน้อยเรือนงาม ไม่น่าเชื่อว่าในยุค 2554 จะยังมีแนวคิดเช่นนี้อยู่อีก

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแมงกุดจี่ และอยากให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีนี้ให้มาก ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าสื่อทีวียิ่งดี เพราะคนไทยต้องการอาหารสมอง  ในสมัยพุทธกาลการต่อสู้ทางความรู้ความคิดระหว่างสัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิก็ดำเนินไปอย่างกว้างขวาง  ให้สติปัญญาแก่ผู้คน  เพราะปัจจุบันชาวพุทธในประเทศไทยมิได้ศรัทธาพระพุทธศาสนาจากผลที่เกิดจากการปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ แต่ศรัทธาเพราะการโฆษณาชวนเชื่อว่าพระสงฆ์องคเจ้ารูปนั้นรูปนี้ท่านเป็นอริยสงฆ์พูดอะไรถูกหมดและมีลูกศิษย์ลูกหามาก

วันนี้มีปรากฏการณ์ที่แปลกมากคือพระจันทร์เสี้ยวดวงใหญ่ลอยต่ำลงมามากและหายไปในที่สุดอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน เคยเรียนวิชาภูมิศาสตร์บอกว่าอิทธิพลของดวงจันทร์มีผลต่อการเกิดน้ำขึ้นน้ำลง ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาใกล้เปลือกโลกมากอย่างนี้มีผลต่อปริมาณน้ำที่ขึ้นสูงอย่างไร และสามารถนำไปใช้ในศาสตร์พยากรณ์ได้หรือไม่อย่างไร เพราะในคืนนี้ 31 ต.ค. 2554 ในกรุงเทพมหานครหลายเขตก็ประกาศให้ประชาชนอพยพออกนอกพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิง ณ เวลานี้ประชาชนคนไทยเริ่มประจักษ์ในความจริงแล้วว่าไม่มีอะไรมีค่ามากไปกว่าชีวิต ทรัพย์สินเป็นเพียงของภายนอก วิกฤตครั้งนี้อาจจะช่วยให้คนไทยรักกันและเห็นคุณค่าของคำสอนของพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น

รอสักหน่อยนะครับ คุณแมงกุดจี่และกระจกเงา คำถามและความเห็น 3 ลำดับข้างต้น คงจะได้รับคำตอบเร็ว ๆ นี้

ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องโง่ ๆ (พระโง่ ๆ) ท่าน ช.เลยขี้เกียจตอบ   

คำถาม

แมงกุดจี่ถามว่า 

กรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดว่าหลวงปู่รูปหนึ่งอยู่ในวัดดังของจังหวัดสิงห์บุรีออกมาบอกว่าให้นายอภิสิทธิ์รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้ดีจะได้กลับมาเป็นนายกรอบ 2 และการมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย อยากทราบว่าการทำนายลักษณะนี้ใช้หลักการอย่างไรของวิชาโหราศาสตร์  และผิดหลักพระธรรมวินัยของความเป็นสงฆ์หรือไม่ ในฐานะที่ผู้ถามเป็นเสรีชนคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดเชิงพุทธศาสตร์ผสมผสานกับวิทยาศาสตร์มองว่า  ตัวละครเอกในนิยายพื้นบ้านของไทยต้องตกระกำลำบากถูกเนรเทศออกจากครอบครัวเพราะโหรที่พิพากษาว่าเป็นกาลกิณีไม่ถูกกับดวงเมืองและพระราชาก็เห็นคล้อยตามสั่งเนรเทศบ้าง สั่งให้ประหารบ้าง  เช่น นางจันทน์เทวี นางพิกุลทอง นางโสนน้อยเรือนงาม ไม่น่าเชื่อว่าในยุค 2554 จะยังมีแนวคิดเช่นนี้อยู่อีก

คำตอบ    

เรื่องในวรรณคดีไทย ที่ว่า ตัวละครเอกในนิยายพื้นบ้านของไทยต้องตกระกำลำบากถูกเนรเทศออกจากครอบครัวเพราะโหรที่พิพากษาว่าเป็นกาลกิณีไม่ถูกกับดวงเมืองและพระราชาก็เห็นคล้อยตามสั่งเนรเทศบ้าง สั่งให้ประหารบ้าง  เช่น นางจันทน์เทวี นางพิกุลทอง นางโสนน้อยเรือนงาม ไม่น่าเชื่อว่าในยุค 2554 จะยังมีแนวคิดเช่นนี้อยู่อีก นั้น

มีสิ่งที่ควรเข้าใจว่า  โหรยุคเดิมนั้นมีความสามารถเชิงโหราศาสตร์อย่างเชื่อถือได้จริง ๆ ยอดเยี่ยมจริง ๆ  ท่านรู้ในดวงชะตาไปหมดแหละครับ  แต่การที่ต้องออกคำพยากรณ์ไปเป็นคำพยากรณ์ให้ร้ายคนบริสุทธิ์ และมักจะเป็นนางเอกในวรรณคดีไทยเสียด้วยนั้น  เป็นเพราะมีอำนาจทางการเมืองเข้าครอบงำ ขู่บังคับโหรให้พยากรณ์ไปตามความต้องการของตน   มีศัพท์โหรคำหนึ่งที่มีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อความนึกคิด ความเชื่อของประชาชนก็คือ  คำว่า  กาลกิณี    ขอให้โหรพูดคำพูดนี้ออกมาเท่านั้น คนทั้งแผ่นดินก็เชื่อ   เพราะฉะนั้นในวรรณคดีไทย  (ซึ่งก็เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น)   จึงมักจะให้นางเมียน้อยซึ่งจะต้องมีขี้อิจฉาริษยาท่วมทับใจมืดในใจไปหมดเสมอ  มีอำนาจเหนือโหรในราชสำนักเสมอไป (ส่วนเมียหลวงก็มักจะซื่อ  และโง่จริง ๆ)   ไม่รู้เท่าทันเล่ห์นางเมียน้อยคบคิดกับโหรทำนายทายทักออกมาให้ร้ายไปสุด ๆ ว่าเป็นกาลกิณี  เพราะฉะนั้น นางจันทน์เทวี  นางพิกุลทอง  นางโสนน้อยเรือนงามที่ว่า  จึงตกเป็นเหยื่อ เพราะคนเชื่อในความศักดิ์สิทธิของโหรนั่นเอง   ถ้าเราจำได้ โหรได้ทายมาตั้งแต่ยุค สังข์ทองนู้น   พอพระมเหสีคลอดบุตรออกมาเป็นหอย  โหรก็ทายว่า นั่นเป็นกาลกิณีบ้านกาลกิณีเมือง  ให้เอาหอยไปทิ้ง   ดั่งนั้นเป็นต้น  

ทีนี้ โหรยุคนี้ไม่ค่อยมีหรอกครับ  ที่เก่ง ๆ เท่าสมัยนั้นหายาก  และหลวงปู่ที่ไปพยากรณ์ว่า  ให้นายอภิสิทธิ์รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ให้ดีจะได้กลับมาเป็นนายกรอบ 2 และการมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย เพราะเป็นหญิงกาลีบ้านกาลีเมือง ประมาณนั้น  ก็ไม่ใช่โหร  ถามว่าท่านใช้หลักโหราศาสตร์แบบไหน  ตอบว่า  แบบเดาเอาเอง  และคงไม่รู้ด้วยว่าโหรคืออะไร  เขาศึกษาวิชาอะไร  ยาก ง่ายแค่ไหน  กว่าจะมาเป็นโหรได้นั้นมันต้องพิศูจน์ตัวเองอย่างไร  แน่นอน  พระสงฆ์ไปพยากรณ์ให้ร้ายต่อผู้ปกครองแผ่นดินโดยไร้เหตุผลหลักการโหราศาสตร์ขนาดนั้น ..........  ถ้ามีหิริโอตตัปปะก็ควรลาสิกขาไปเลย   ไม่งั้นก็หลบหน้าหลบตา หายหน้าไปเสีย 

ยังมีคนโง่ ๆ คิดว่า เมื่อบรรลุอรหันต์แล้วก็รู้อะไรไปหมด  จนกระทั่งคิดว่าหากมีพระอรหันต์ยุคนี้ขึ้นมา  ท่านก็จะขับเครื่องบินได้  เสกไม้เป้นทองคำได้  บินได้เหมือนนก อะไรประมาณนั้น   นั่นก็เป็นความเข้าใจผิด   ทำนองเดียวกับที่คนชาวพุทธและพระบางพวกที่เข้าใจผิดในเรื่องการพยากรณ์อยู่มาก  โดยเชื่อในเรื่อง สมาธิ  ฌาณ วิปัสสนา ว่าสามารถจะหยั่งรู้อนาคตได้   มีคำว่า  รู้ได้ด้วยญาณ  นั้น ...........   เป็นความเข้าใจที่ผิด   พอหลวงปู่แกพยากรณ์ออกมา ก็มักเชื่อว่าท่านพยากรณ์ด้วยญาณของพระอรหันต์ กลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออวดอุตริมนุสธรรมไปโดยไม่รู้ตัว 

จริง ๆ แล้ว  เราต้องเรียน เพื่อที่จะรู้  จึงจะรู้    ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็จะรู้ขึ้นมาได้เอง  อยากมีความสามารถในการพยากรณ์ ก็ต้องเรียนวิชาการพยากรณ์   และสุดยอดก็ต้องเรียน โหราศาสตร์   ถึงเป็นพระอรหันต์แต่ไม่รู้วิชาโหราศาสตร์ก็พยากรณ์ไม่ได้   ถึงมีญาณ สมาธิ  วิปัสสนา  ก็พยากรณ์ไม่ได้   ต้องได้โดยการเรียนรู้วิชาการพยากรณ์มา

การรู้ด้วยญาณ  ไม่ได้มีความลึกลับขนาดนั้นหรอกครับ   ในสมัยพุทธองค์ พระท่านรู้อนาคตได้ก็ด้วยวิชาโหราศาสตร์นี่แหละครับ  ก็ดูตั้งแต่พราหมณ์ทั้ง 5 มีอัญญาโกณพัญญะ ด้วยผู้หนึ่ง ท่านก็พยากรณ์โดยโหราศาสตร์   ตำราโหราศาสตร์ในยุคเดิมมีหลายเล่ม  ที่ขึ้นชื่อที่สุดนั้นมีต้นตำหรับมาจากพระอรหันต์ที่ชื่อว่า พระอุตตารามมหาเถร  พุทธองค์ทรงอนุญาตให้เขียนตำราโหราศาสตร์ขึ้นมาเล่มหนึ่ง ชื่อภาษาไทยคือ  จักรทีปนี (อันนี้ท่านอาจารย์เทพ สาริกบุตร ได้นำมาเผยแพร่ในภาคภาษาไทยและให้ข้อสังเกตในประเด็นสำคัญ ๆ ไว้)  โหรจะต้องรู้  ระดับที่พยากรณ์ชะตาบ้านชะตาเมือง หากไม่รู้จักหนังสือเล่มนี้แล้วถือว่า บกพร่องเกินไปที่จะเป็นโหร   จักรทีปนี นี้แหละที่ตกทอดมาถึงเมืองไทยยุคนี้ โหรย่อมทราบดีถึงความสำคัญของหนังสือเล่มนี้  ก็ลองถามดูว่าหลวงปู่รูปนั้นเคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้หรือเปล่า เคยจับเคยต้องหรือเปล่า ?    

ฉะนั้น  เรื่องที่แมงกุดจี่ตั้งประเด็นขึ้นจึงเป็นเรื่องตลก  โง่ ๆ     และแฝงเจตนาร้ายต่อผู้ปกครองบ้านเมือง โดยไร้เหตุผลทั้งทางธรรมะและทางโหราศาสตร์  เท่ากับ ตกเป็นเครื่องมือของการโฆษณาชวนเชื่อ  อย่างไม่รู้เดียงสา  นอกจากนั้นยังกระเดียดไปในทางอวดอุตริมนุสสธรรม.........ด้วยเหตุที่ทำท่าว่าตนรู้ด้วยญาณ  รู้ด้วยวิปัสสนาชั้นสูงสุด .....

ไม่ใช่แต่เฉพาะวงการพระ วงการหมอดูเท่านั้นที่เดาสุ่มๆ ยังมีนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่รู้ว่าความรู้ที่ตนเองรู้มายังไม่ถึงที่สุด ยังมีวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆที่ยังไม่รู้ก็มาก  แต่ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำลูกอีเอ็มบอลว่าเป็นการทำที่สูญเปล่าได้เพียงความสุขขณะปั้นลูกอีเอ็มเท่านั้น และยังแนะนำว่าให้เก็บขยะก็พอแล้วรอน้ำรด จะบอกให้ในฐานะที่ข้าพเจ้าใช้จุลลินทรีย์ชีวภาพมาหลายปีแล้ว มันมีประโยชน์มากต่อการกำจัดน้ำเน่าเสีย ผสมกับผงซักฟอกซักเสื้อผ้า เทในท่อน้ำ ห้องน้ำ ทำปุ๋ยหมักทั้งแบบแห้งและแบบน้ำทำให้พืชเกิดโรคน้อยเพราะดินสะอาด หลายอำเภอภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่น้ำซึมเร็วเขาขุดบ่อปลาพลาสติกเลี้ยงไว้ทำอาหาร เขาต้องใส่น้ำจุลลินทร์ทรีย์เพื่อแก้ปัญหาน้ำจะเน่าทั้งนั้น จังหวัดที่ถูกน้ำท่วมอย่างสิงห์บุรีหลังน้ำลดมียุงเยอะมากแทบจะทุกอณูของอากาศ ปีที่แล้วข้าพเจ้าได้นำนักศึกษาไปเข้าร่วมโครงการเกษตรซัมเมอร์แคมป์มีครูนักศึกษาเข้าร่วมหลายพันคนถูกยุงกัดจำนวนมาก แต่ไม่มีใครป่วยเป็นไข้เลือดออกหรือโรคที่มากับยุงเพราะวิทยาลัยเกษตรกรรมสิงห์บุรีเขาทำน้ำชีวภาพทิ้งลงไปกำจัดน้ำเน่าเสีย อีเอ็มบอลก็มีคุณสมบัติเหมือนๆกัน ซึ่งสันนิษฐานได้ว่ายุงเกิดจากน้ำที่บำบัดแล้วจึงไม่ก่อโรคอันตราย ถึงเวลานี้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมไม่ต้องแตกตื่นตกใจว่าลูกอีเอ็มบอลจะมีผลเสียในภายหลัง มาพิสูจน์กันดีกว่าไม่ยากเลยตักน้ำเน่ามา 1 ถัง ใส่ลูกอีเอ็มบอลลงไปแล้วพิสูจน์ว่ากลิ่นเน่าเหม็นเป็นอย่างไร ดีเหมือนกันงานนี้จะได้พิสูจน์เสียทีว่าใครรู้จริง ไม่จริงอย่างไร ประเทศไทยเสียหายเพราะความไม่รู้และปล่อยให้คนที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการมาบงการสังคมนานแล้ว  

บางทีภูมิปัญญาชาวบ้านอาจเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง เพียงแต่ชาวบ้านเขาไม่สนใจว่ามันมีชื่อว่าอะไร มีสารอะไรมาก อะไรน้อย นักวิชาการเห็นเขาไม่รู้อธิบายไม่ได้ก็คิดว่าเป็นศาสตร์มั่วๆไม่มีวิทยาการรองรับ มีข้อน่าคิดอย่างหนึ่งคือภูมิปัญญาชาวบ้านเขาไม่หวงวิชา เขาบอกต่อๆกัน และไม่ต้องไปของบประมาณทำวิจัยจำนวนมหาศาลมาทำวิจัยให้ยุ่งยาก บางทีกระแสการให้แบบนี้อาจจะไปขัดขวางผลประโยชน์ของนักวิจัยบางกลุ่มก็ได้จึงคัดค้านหัวชนฝา งานนี้ต้องพิสูจน์ เคยได้ยินว่าในวงการใช้สารเคมีเพื่อการเกษตรมีเม็ดเงินนำเข้ามหาศาล หากเทคโนโลยีชีวภาพแพร่หลายต้องมีการเสียผลประโยชน์  เพราะเทคโนโลยีชีวภาพตาสีตาสาก็ทำเองได้ไม่ต้องมีห้องแลฟ ไม่ต้องมีเครื่องมือยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เงินมากเพราะเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น

ประชาชนมาช่วยกันพิสูจน์ ผลเป็นอย่างไรนำความจริงมาตีแผ่ วงการสื่อสารมวลชนบ้านเราก็ต้องปรับปรุงวิธีการนำเสนอข่าว ถ้าจะให้ดีในฐานะที่เป็นองค์กรสื่อก็ต้องพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์แล้วนำมาตีแผ่ อย่าทำแบบนักพูดนักเขียนที่วาดวิมานในอากาศแล้วประโคมขายข่าวไปวันๆ อย่างเช่นเมื่อวานนี้รายการคมชัดลึกแทนที่นักวิชาการ 2 ฝ่ายมานั่งเถียงกันเรื่องอีเอ็มบอลว่าใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ทำไมเวทีเสวนานี้ผู้จัดไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายพิสูจน์ความจริงโดยการทดลองให้เห็นจะๆเหมือนรายการวิทยาศาสตร์ภายในบ้านที่คนฉลาดๆเขาทดลองให้ดูกัน  เพราะใช้เวลาไม่กี่นาทีที่น้ำเน่าจะทำปฏิกริยากับลูกอีเอ็มก็พิสูจน์ได้แล้ว ปล่อยให้ประชาชนนั่งฟังอยู่ได้ตั้งเป็นชั่วโมงๆ นักข่าวบ้านเรามีข้อเสียคือเป็นนักพูด นักเขียนเล่นสำบัดสำนวน แต่ไม่มีไอเดียแสวงหาความจริงแบบนักวิทยาศาสตร์ ไปดูทีวีทางเลือกสิหลายช่องที่เขาพยายามนำความจริงมาตีแผ่ นี่แหละสื่อทีวีที่ทันกับยุคสมัย

ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจึงควรปฏิรูปการเรียนการสอนอย่าเรียนแบบเดิมๆที่เชื่อตามที่ครูสอนทุกอย่าง  ส่งเสริมให้ครูได้มีเวลาศึกษาค้นคว้าวิจัย เพราะทุกวันนี้ระบอบการศึกษาที่ล้าหลังแบบอำมาตย์ได้ดึงเวลาของครูเกือบทั้งหมดไปกับการเตรียมเอกสารประเมินสถานศึกษาอย่างไม่มีทิศทาง และตั้งธงไว้ว่าต้องผ่านการประเมินยิ่งการประเมินรอบ 3 การประเมินภายในเป็นอย่างหนึ่ง การประเมินภายนอกเป็นอีกอย่างหนึ่งและมีตัวบ่งชี้จำนวนมาก ดังนั้นครูจึงมีงานเอกสารล้นมือ ไม่มีเวลาเตรียมการเรียนการสอนเท่ากับเป็นการฉุดการศึกษาชาติให้ล้าหลัง คงไม่มีประเทศไหนจัดการศึกษาเหมือนประเทศไทย อยากให้ปฏิรูป สมศ.(สำนักมาตรฐานการศึกษา) ก่อนหน่วยงานอื่นเพราะมาประเมินสถานศึกษารอบ 3 แต่เกณฑ์การประเมินแจ้งสถานศึกษาก่อนประเมินเพียง 3 เดือน และประเมินย้อนหลังตั้ง 3 ปี การประเมินจึงไม่เป็นไปตามสภาพจริง มาตรฐานการศึกษาของไทยจึงล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ วงการสื่อบ้านเราก็นั่งเทียนอยู่ในสถานี และมักเอาความคิดของตนมาวิจารณ์มากกว่าข้อเท็จจริง

งานวิจัย  แท้จริงไม่ต้องใช้เงินมากมายขนาดที่นักวิชาการไทย โดยเฉพาะฝ่ายสังคมศาสตร์ทำอยู่   น่าเสียดายเงินมาก ๆ   ได้ฟังกระจกเงาพูดแล้ว  เห็นด้วยทุกประการเลย   โดยเฉพาะเรื่องครู อาจารย์ ไม่ได้สอน แต่มัวทำเรื่องการประเมิน ต่าง ๆ  ทำเอกสารกันเป็นตั้ง ๆ 

แล้วมาปฏิรูปสภาวิจัยแห่งชาติกันด้วย   .........   ไล่คนเดิม ๆ ออกไปเสยที   ............    

ใช่เลย วงการศึกษาบ้านเราล้าหลังก็เพราะนักวิชาเกิน เพราะโดยสัจธรรมแล้วนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์มืออาชีพเขามีจิตวิญญาณของการชอบศึกษาค้นคว้าและพิสูจน์ความจริง แม้ไม่มีเงินทองมาสนับสนุนเขาก็สามารถหาวิธีการให้ได้มาซึ่งความรู้และความจริง แต่นักวิจัยบ้านเราติดที่รูปแบบต้องทำ 5 บทใช้เงินสนับสนุนมากๆงานจึงเดิน และเมื่อวิจัยเสร็จแล้วก็นำผลเก็บใส่ลิ้นชักไว้ ถึงเวลาปฏิรูปได้แล้ว ต้องขอชมช่องวอยซ์ทีวีทีวีของคนรุ่นใหม่ที่สามารถฝึกให้เด็กเป็นนักคิด นักวิทยาศาสตร์ได้โดยไม่ต้องมีห้องแลฟ ไม่มีเครื่องมือแพงๆ เพียงของใช้ในครัวไม่กี่อย่างหรือวัสดุธรรมชาติก็ทดลองได้แล้ว เด็กเรียนแล้วก็สนุก ไอคิวก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

จะบอกสูตรวิธีทำน้ำชีวภาพเพื่อบำบัดน้ำเสี เพราะถ้าประชาชนเขารู้ว่าทำไม่ยากเขาคงอยากทำเอง เพราะทำได้ครั้งละมากๆและสะดวกด้วยเวลาจะใช้ โดยมีวิธีทำดังนี้

นำน้ำซาวข้าว 1 ลิตร(ใช้น้ำสะอาด) เทใส่ขวดที่มีฝาปิดสนิท ใส่กากน้ำตาล 2 ช้อนหรือถ้าไม่มีใช้น้ำตาลก็ได้แต่ราคาแพงกว่ามาก น้ำอีเอ็ม 2 ฝา เขย่าให้เข้ากันทิ้งไว้ 7 วัน หากขวดแข็งมากแสดงว่ามีแก๊สอยู่มากค่อยๆคลายฝาให้แก๊สออกให้หมดแล้วปิดตามเดิม

น้ำที่หมักครบ 7 วันแล้วมีคุณสมบัติเหมือนหัวเชื้อทุกประการก็นำไปขยายเชื้อต่อโดยทำแบบเดิม  คือใช้น้ำซาวข้าว 1 ลิตร กากน้ำตาล 2 ช้อน หัวเชื้อ 2 ฝา หัวเชื้อสามารถขยายได้ 3-4 รุ่น นำไปใส่ในน้ำเน่า ในท่อระบายน้ำ ท่อน้ำทิ้ง คอห่านของส้วม ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นได้อย่างเห็นผล ในต่างจังหวัดเทศบาลเขาทำปริมาณมากๆเพื่อบำบัดน้ำเน่าเสียตามท่อระบายน้ำ อย่าลังเลว่าจะมีพิษในภายหลังตามที่นักวิชาการบางคนพูด เพราะเขาใช้กันมานานมากแล้วได้ผลยอดเยี่ยม

อีเอ็มน้ำใช้ได้ดีพอๆกับอีเอ็มบอล ทำง่ายกว่าเพราะอุปกรณ์หาง่ายไม่ยุ่งยาก แต่อาจมีน้ำหนักมากไม่เหมาะกับการขนส่ง มาเริ่มที่ตัวเราไม่ต้องร้องขอและรอคอยการทดลองทำกับมือจะช่วยให้เรามั่นใจยิ่งขึ้น

ขอบคุณมากสำหรับ กระจกเงา ที่ได้พูดเรื่องสำคัญ นั่นคือ  วิทยาศาสตร์และการวิจัย   ที่ชาวบ้านเขาทำได้  และด้วยความเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถยืนยัน โต้แย้ง กับนักวิชาการขนาดไหนก็ได้   เพราะตัดสินกันที่  ผลการทดลอง    จากวิธีการวิจัย   นั่นเอง  

ข้อสังเกตก็คือ   การวิจัยที่ไร้ค่า เพราะขาดการพิศูจน์ ทดลอง  หาความสัมพันธ์อันแน่ชัดระหว่าง เหตุ และ ผล  ไม่ได้    นั่นคือ  งานรายงานของพวกนักวิชาการไทย ที่รายงานเสร็จ   กก.ก็ตรวจให้ผ่าน โดยมองที่ความหนาของกระดาษรายงาน  ยิ่งลงทุนทำรายงานให้ดูดี แพง ๆ หน่อย  ก็ให้ผ่าน  ได้เลื่อนชั้น  ยศ  ฯลฯ แล้วก็เก็บเข้าไว้ในตู้       นี่คือ   พวกโง่เง่าเต่าตุ่นโดยแท้จริง   ในยุควิทยาศาสตร์    

พวกคนเช่นนี้แหละครับ  ที่บริหารงานในสภาวิจัยแห่งชาติอยู่ขณะนี้  ผมจึง

อยากให้โละ  ปฏิรูปเสียใหม่...

ถ้าเขาเรียกผมไปเถียง  ว่าผมเก่งนักหรือ   ผมก็ไม่ไป  ผมไม่เก่งหรอก  แต่ผมคิดว่านักวิจัยไม่ใช่อย่างนั้น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

น้ำท่วมทั่วประเทศ  นักวิจับในสภาวิจัย   นอนหลับกรนไปตาม ๆ กัน  จะเอาไว้ทำไม

ผมหมายความรวมถึง มหาวิทยาลัยด้วยนะครับ     พอโละ ก็โละเสีย  

เสียดายเงินค่าจ้าง     นักวิจัยทำผลงานอย่างไร ที่ทำแล้วเสียเงินทองมากมายมหาศาล แล้วเอาเข้าเก็บไว้เฉย ๆ ในตู้    .......   เลิกจ้างเสียทีเถิด.......  บาดความรู้สึกเปล่า ๆ  

นักวิจัยอะไร  ที่ไม่รู้สถานการณ์อะไรที่จะทำงานโดยไม่เสียเงินเสียทอง เลยแม้แต่นิดเดียว ก็มีมากมาย

จะทำที  ต้องเงินเป็นล้านจึงจะเรียกว่า งานวิจัย   ห่วยแท้  ...

มีก็แต่พรรคประชาธิปัตย์ ไปโดนเขาหลอกวิจัยไข่ชั่งกิโล   เสียเงินตั้ง 69 ล้านบาท    ที่จริงเขาใช้เงินแค่ 1 หมื่นบาทเท่านั้นเอง  อีก 68 ล้าน 9 แสน 9 หมื่น   งาบ สบาย ๆ  คิดแล้ว บาดใจเหลือเกิน

ถือว่าชุดการพยากรณ์หลาย ๆ ชุดที่ผ่านมา  มีความแม่นยำ มาก ๆ  

คราวนี้ก็อยากขอให้ท่านมองไปในอนาคตปีหน้า คำถามก็คือ  น้ำจะท่วมอีกหรือเปล่าครับ ?

โปรดติดตามคำตอบในกระทู้ต่อไป โหราศาสตร์6   คลิกที่นี่เลยครับ