ReadyPlanet.com


ขับเคลื่อนประชาธิปไตย ทุกสถาบัน เมื่อนักวิชาการเสนอแนวคิดที่ไม่สอดคล้องหลักการประชาธิปไตย


ครับ  ประเด็นคือการต่อสู้เป็นสิ่งที่เหน็ดเหนื่อย  ถ้าเราเป็นผู้นำเขา เราต้องแบกอะไรที่แสนหนัก ๆ  เพื่อให้คนอื่นมองเห็นว่าเราทำเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร ?   

 

แต่แล้ว  สิ่งที่เราได้พบว่าเป็นปัญหา  นั้นก็คือ   อวิชชา  ซึ่งพบว่ามีอยู่เป็นจำนวนมากในระดับชั้นต่าง ๆ ของสังคม  และที่น่าประหลาดใจก็คือ ในบุคคลผู้นำสังคมด้วยซ้ำ  และนี่เป็นสิ่งที่แก้ไขได้ยากยิ่ง

 

ประชาธิปไตยจึงเป็นปัญหาลัทธิทางการเมืองลัทธิหนึ่ง  ซึ่งน่าพูดได้ว่าเป็นลัทธิใหม่ของโลก     คำว่าลัทธิก็คือศาสนานั่นเอง  

ประเด็นก็คือ  ศาสนาใหม่นี้จะต้องมีเหตุผลมากกว่าศาสนาเก่า    ทุกศาสนา    จึงเป็นเรื่องที่ยากอยู่



ผู้ตั้งกระทู้ บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-30 09:53:21


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3300215)

นักวิชาการการเมือง จากมหาวิทยาลัย   พูดเรื่อง เผด็จการรัฐสภา  ที่ช่องหอยม่วง ..........  ฟังแล้วเศร้าใจครับ    เพราะคำนี้น่าที่จะเลิกพูดได้.....เมื่อมีความเข้าใจประชาธิปไตย   ...........

 

แล้วนักวิชาการไทย ๆ พวกนี้  เผยนามธรรมชัดเจน  ในเรื่องความอิจฉาริษยา     ทั้ง ๆ ที่เป็นคนพุทธ

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-07-06 20:50:40


ความคิดเห็นที่ 2 (3300241)

นายสมชาย  ภคภาควิวัฒน์  เป็น  รศ.   (รองศาสตราจารย์)  เขาเป็นคนพูดเรื่องเผด็จการรัฐสภา  ด้วยจิตคิดริษยา ที่ว่าข้างต้น 

คุณก็รู้ว่า  

1.   มีการเลือกตั้ง  หมายความว่าขออำนาจจากประชาชนมอบให้เป็นตัวแทนประชาชน  ก็แล้วแต่ประชาชน

2.    ประชาชนส่วนใหญ่ออกความเห็นตรงกันว่าพรรคใดมีนโยบายดีตรงประเด็นปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่   ผลก็ออกมาเป็นเสียงส่วนมาก ก็มีสิทธิ์ปกครอง

3.    ส่วนคุณเป็นพวกสนับสนุนพรรคที่ตั้งใหม่ พรรคที่ยังเขียนนโยบายไม่เป็นเลย ประชาชนก็เลือกเข้ามาบ้าง ด้วยเหตุผลบางประการ   ก็ได้รับเลือกเป็นเสียงส่วนน้อย  คุณก็แค่เป็นเสียงส่วนน้อย  ก็ยังมีสิทธิ์ได้อะไร ๆ จากผลของนโยบายพรรคที่จะได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองในฐานะพลเมืองได้อย่างเต็มที่  นี่แหละหลักการปรองดองในระบอบประชาธิปไตย    เราจึงต้องรักษาหลักการเอาไว้  ในที่นี้ก็คือหลัก  majority rule  minority  right    คนระดับรองศาสตราจารย์ ไม่เข้าใจหรือ ?

4.    เมื่อมีพื้นฐานอยู่บนการอนุมัติของประชาชนเป็นเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา  นั้นมันหมายถึงสิ่งที่ดี ๆ หลายอย่าง ที่หมายถึงอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน  สส.เกิดจากอำนาจการอนุมัติของประชาชน  วันนี้จากการเลือกตั้งทั่วหัวระแหง ในแผ่นดินที่มีพลเมืองไทยอยู่ (ทั้งในและนอกประเทศ)  ผลออกมาปรากฎว่าพรรคนี้ได้เสียงส่วนมาก มีเสียงเท่านี้ ซึ่งอาจจะเป็นเสียงที่ท่วมท้นสภา หรือปริ่ม ๆ  เพียงไหนก็ได้  นั่นเกิดจากอำนาจเป็นของประชาชน เขาจึงทรงสิทธิ์ที่จะเลือก และไม่หมายความว่าเขาจะต้องเลือกอย่างเดิม เขาเป้ฯอิสระ  ในวันใหม่คราวใหม่ ประชาชนเขาก็ยังทรงอำนาจทรงสิทธิ์ของเขาที่จะเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่น  ก็เป็นสิทธิของประชาชน   ไม่ใช่ว่าพรรคที่มีสส.ท่วมท้น  หรือตามที่คุณว่า มีเสียงส่วนใหญ่ในสภา เป็นเผด็จการรัฐสภา  จะสั่งการได้    นี่เป็นสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน   ประเด็นคือ  เป็นเรื่องของประชาชน  ใครสั่งไม่ได้     คุณจะกล่าวหาให้ร้ายว่าเป็นเผด็จการรัฐสภาได้อย่างไร   ถ้าเป็นเผด็จการ คุณไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงอำนาจ เหมือนเผด็จการทหาร อมาตยาธิปไตยยุคอภิสิทธิ์อย่างไร  เขาคิดจะวางอำนาจหรือ  ถ้าประชาชนเสื้อแดง ไม่ทราบซึ้งในหลักการประชาธิปไตย  เกลียดชังเผด็จการไม่ลุกขึ้นทั่วประเทศเรียกร้องอำนาจคืนสู่ประชาชนแล้ว  มีหรือที่รัฐบาลเผด็จการอภิสิทธิ์จะคิดวางมือ  แต่ประชาธิปไตยนั้นมันอยู่ที่ประชาชน  อยู่ที่พรรคสามารถสนองความต้องการของประชาชนได้เพียงไหน  พรรคการเมืองทุกพรรคมีสิทธิ์ที่จะเสนอนโยบายที่ดีกว่า ได้ทุกครั้งคราวที่มีการเลือกตั้ง   การชนะใจประชาชน อยู่ที่ความสามารถของพรรคการเมืองใด จะสามารถเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้มากกว่าพรรคอื่น และตราบใดที่ประชาชนเลือกพรรคที่ทำประโยชน์ได้มากกว่าพรรคอื่น   เราก็ต้องยอมรับว่าเป็นความชอบธรรมไปตราบนั้น (คุณดูสิงคโปร์สิ  เขาก็ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตย ภายใต้เหตุผลของนโยบาย...นโยบายที่ทำประโยชน์แด่พลเมืองของเขาได้ดีกว่า.....และประชาชนเขาพอใจมอบอำนาจให้....อำนาจอธิปไตยสูงสุดยังเป็นของประชาชน....ไปจนกว่ารัฐบาลจะพลาดไปนิยมเผด็จการเอง....) 

5.     ทำไมไม่มองที่เหตุผลที่ควรมอง  นั่นคือ  นโยบายที่เสนอต่อประชาชนในเทศกาลการเลือกตั้ง   (เป็นฤดูกาลเดียวที่ยิ่งใหญ่ ที่ควรเรียกว่าเป็นเทศกาล  ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง...อย่างในอเมริกาที่ยิ่งใหญ่มาก  เป็นเทศกาลการแข่งขันทางนโยบายของพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมือง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น..ในอเมริกาเขามีเวลาสำหรับการแข่งขันนโยบายนี้นานเป็นปีและมีหลายขั้นตอน)   ความจริง  ที่ว่าทำไมคนจึงเลือกพรรคเพื่อไทย    ก็เพราะมีความจริงทางวิชาการว่า  พรรคฝ่ายค้านคือประชาธิปัตย์ และพรรคอื่นอีก 38 พรรค ไม่สามารถครีเอทนโยบายดี ๆ ออกมาแข่งขันพรรคเพื่อไทยได้เลย  และอีก 38 พรรค ก็ล้วนเป็นพรรคเฉพาะกิจ  คือเป็นพรรคที่สร้างกันขึ้นมาในวันเดียวทั้งนั้น แล้วก็ยังแทบไม่ได้เสนอสิ่งที่เรียกว่านโยบายทางการเมืองแด่ประชาชนเลย(สิ่งที่เสนอไม่ใช่ลักษณะนโยบายเลยก็ยังมี)     และตามเหตุผลความเป็นจริง หากพรรคที่ละหลวมเช่นนี้ มีโอกาสบริหาร ก็จะเป็นการเสี่ยง(เช่น ปชป.+ทหารที่บริหารมา 2 ปีเศษ ๆ  ทำบ้านเมืองพังราบ เพราะบริหารไปอย่างไร้นโยบาย....ครีเอทนโยบายไม่เป็น....ถึงกับไปเสียค่าโง่ 69 ล้านบาทให้คนกำมะลอต่างชาติ อาสาทำนโยบายไข่ชั่งกิโลให้    ฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่สมเหตุผล  เมื่อปรากฎว่าประชาชนส่วนมากเลือกพรรคเพื่อไทย  ที่เป็นเพียงพรรคเดียวที่สามารถเสนอนโยบาย  ก็แสดงถึงความมีสายตาดีของประชาชนผู้เข้าใจประชาธิปไตย  จึงเลือกพรรคใหญ่ที่มีนโยบายเสนอประชาชน  และมีพรรคเดียวที่สามารถครีเอทนโยบายได้อย่างมีเหตุผลและรอบคอบ  และเคยได้ผ่านการพิศูจน์มาก่อนคราวมีรัฐบาลทักษิณ

6.     เมื่อคุณต้องกลายเป็นฝ่ายค้านตามผลของการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเป็นประชาชนส่วนน้อยแล้ว   แม้เป็นเช่นนั้นจริงคุณเดือดร้อนอะไร  ในเมื่อคุณก็ยังคงเป็นพลเมือง  และตามระบอบประชาธิปไตยคุณก็มีสิทธิ์ได้อะไร ๆ เสมอเท่าเทียมกับพวกเสียงส่วนใหญ่ที่เลือกพรรครัฐบาลขึ้นปกครองประเทศ   มีสิทธิ์ทุกประการที่ได้ประโยชน์จากผลของนโยบายพรรคที่จะได้เป็นรัฐบาลทุก ๆ ประการอย่างเท่าเทียมกันกับคนส่วนใหญ่ที่เลือกรัฐบาล.........  ก็เป็นโอกาสที่ดีเสียอีก ...   คุณก็ไปพักผ่อนเสีย  คอยเสพสุขกับเขาทุกอย่าง ....  หากคุณเก่งใฝ่อยากเป็นรัฐบาลบ้าง คุณก็ยังมีสิทธิ์ ....แต่คุณไม่มีสิทธิ์ขึ้นสู่อำนาจโดยไปคบทหารยึดอำนาจแบบ สนธิ  บุณยรัตนกลิน .คุณต้องเคารพกติกาที่เป้นธรรม   นั่นคือ  โดยการเลือกตั้งของประชาชน  การมอบอำนาจจากประชาชน   ....ก็ใช้เวลาศึกษาวิจัยงานการเมืองอย่างละเอียดลงไปกว่านี้ ในเรื่องความต้องการของประชาชน  เทคนิกวิธีการ วิชาการที่จะใช้แก้ไขปัญหา  .  นั่นคือการครีเอทนโยบาย  เตรียมเอาไว้เสนอประชาชนคราวหน้า   เช่นเรื่องภาคอีสาน นี่   ปชป.ไม่เคยสร้างผลงานอะไรไว้เลย   ไม่เคยมีนโยบายอะไรแด่ประชาชนอีสานเลย   ไม่เคยรู้จักปัญหาของประชาชนชาวอีสาน   และยังสร้างความเจ็บช้ำไว้แด่อีสานอย่างยิ่งใหญ่   นั่นคือเสียดินแดนอีสาน  ดินแดนไทย  คือปัญหาเขาพระวิหาร   จำไม่ได้หรือไง ?  หน.ปชป.ไปแพ้ความเขมรในศาลโลกปี 2505 ประชาชน 60 ล้านคน สุญเสียเงินคนละ บาทสองบาทให้ มรว.เสนีย์  ปราโมช กันทั้งประเทศ(ผมเสียไป 2 บาท)    แล้วยังแพ้หลุดลุ่ย ไม่เป็นท่า   ผ่านมาถึง 48-49 ปี พรรคนี้ได้เป้นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง กลับมาใช้นโยบายผิด ๆ เรื่องเขาพระวิหารขึ้นอีก  จนหวิดเกิดสงครามไทย-กัมพูชาขึ้น นี้ก็เป็นการก่อเรื่องไร้สาระขึ้นอีก ประชาชนอีสานใต้ เดือดร้อนต้องอพยพ กันครั้งใหญ่ ก็ยุคนายอภิสิทธิ์แห่งปชป.เป็นนายกรัฐมนตรี  ย้ำเน้นเข้าไปถึงความไม่เดียงสา กรณีเขาพระวิหารหนักไปกว่าเดิมอีก  แล้วยังให้นายสุวิทย์  คุณกิตติ  ไปทำอะไรไม่เข้าท่าในการประชุมมรดกโลกไปอีก    ทำลายความเชื่อถือของประชาชนอีสานลงไปอีก   เช่นนี้แล้วจะโทษใคร นอกจากโทษตนเอง  และวิธีการนั้นก็คือ   การทำความดี เท่านั้น  ย้ำ  ไม่ใช่คบคิดกันปฏิวัติยึดอำนาจ...  ลองคิดทำความดีแด่ชนอีสานซี    เริ่มต้นวันนี้ อาจจะได้ผลสักครึ่งศตวรรษข้างหน้า .... ก็ไม่สายเกินไป   

การออกความคิดเห็นอย่างไร้เหตุผล หาเรื่องหาราวไปอย่างผิด ๆ ไม่มีหลักวิชา สมกับนักวิชาการเลยเช่นนี้  เท่ากับเป็นตัวการขัดขวางความเจริญของประเทศชาติ  ไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยและวิถีทางของประชาธิปไตย   กลายเป็นผู้สร้างปัญหา และเป็นที่น่าเพ่งมองว่า  สถาบันนี้ น่าสงสัยว่า  แท้จริงเป็นสิ่งก่อกวนวิถีทางประชาธิปไตยของประเทศนี้เสียยิ่งกว่าสถาบันอื่นเสียอีก         

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-07-07 09:22:31


ความคิดเห็นที่ 3 (3300258)

แนวคิดคน ๆ เดียวกันนี้ก็คือ   เรื่องการสลายขั้ว   ..............

 

คุณไม่เข้าใจ   เดี๋ยวนี้ไม่มีขั้วแล้ว     มีแต่แกนกลาง  

แกนกลางเพื่อประชาธิปไตย  

 

ขั้วเหลือง   คือขั้วสนธิ  ลิ้มทองกุล และพันธมิตร   ลดลงไปตามลำดับ ๆ  จนที่สุดสลายไปแล้ว    คุณว่าเป็นขั้วอย่างไร    มันหายไปแล้ว  

 

ในขณะที่  ขั้วแดง   แรงขึ้น ๆ    จนแดงเต็มแผ่นดิน     แต่เราต้องตีความครับ    นี่คือความหมายอะไร  ?

ถ้าคุณเป็นเผด็จการ   มีหัวคิดเผด็จการ     หรือ   มีนามธรรมเต็มไปด้วยความ  อิจฉาริษยา      คุณก็คิดว่ามันเป็นขั้วหนึ่ง

 

แต่โดยประชาธิปไตย   นี่คือแกนกลางครับ  ไม่ใช่ขั้วอีกต่อไปแล้ว

 

หมายความว่า   ประชาธิปไตยที่ชาวไทยปรารถนา  เริ่มปักหลักลงได้นั่นเอง  และนับวันจะเจริญไป  นำวิถีทางประชาธิปไตยมาสร้างชาติให้เจริญทันประเทศเจริญในโลก    

 

ความคิดจะให้สลายขั้ว จึงไม่มีความจำเป็นเลย     

 

เข้าใจผิดมากกว่า  ถ้าขั้วหมายถึงขบวนการประชาธิปไตย    ก็เท่ากับคิดต่อต้านประชาธิปไตยนั่นเอง 

คุณก็เป็นคนทรยศต่อประชาธิปไตย      จริงไหม ?

 

แต่ความจริง แดงกลายเป็ฯสิ่งที่มีความหมายเกินความเป็นขั้ว   แต่เป็นแกนหลักของประชาธิปไตยไทยไปแล้ว   มีแต่จะเจริญออกไป ประชาธิปไตยไทยเจริญออกไป  และนั่นคือนิมิตที่ดีแล้ว   จะคิดไปสลายทำไม ?

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-07-07 10:39:23


ความคิดเห็นที่ 4 (3300318)

มีเหตุผลอะไรที่นักวิชาการขนาดนั้น ต้องออกมาระบุเรื่อง  เผด็จการรัฐสภา    และ  สลายขั้วการเมือง     ต้องการยุยงประชาชนให้กระด้างกระเดื่องต่อ  สิ่งที่ถูกต้อง  และวิถีทางที่ถูกต้อง......  ไปทำไม  ?

 

เป้นครูบาอาจารย์นจะต้องจะสอนสิ่งที่ถูก   บอกสิ่งที่ถูกต้องแก่สังคม  แก่ประชาชน  จึงจะสมกับเป็นครูบาอาจารย์  สมกับคำว่า  รองศาสตราจารย์         

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-07-07 20:34:11


ความคิดเห็นที่ 5 (3302807)

ทีวีช่องหอย    ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร ..............................มีปากก็พูดไป เท่านั้นเอง   .....

และผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคุณรองศาสตราจารย์นั่น  จึงพูดอะไรที่มันไม่ถูกต้อง..............ในเมื่อเขาชนะท่วมท้นมา   ก็มากล่าวว่าจะเป็นเผด็จการรัฐสภา ...................  เหมือนหมอไม่เข้าใจ .............ก็อาจจะเป็นได้ครับ   ขนาดศาสตราจารย์นางหนึ่ง ที่สังคมย่อมคาดหมายได้ว่าจะเป็นหลักทางสติปัญญา ความคิดอันถูกต้องทางการเมืองของประเทศ    แต่กลับกลายเป็นว่า  แกเองไม่เข้าใจ ปัญญาสั้น   เดิมเป็นคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสียด้วย   ยังไม่เข้าใจเลยว่าการเมืองประชาธิปไตยเป็นอย่างไร  วิถีทางประชาธิปไตยเป็นอย่างไร   แล้วไปกินเงินเดือนแพงลิ่วในองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  แต่ไม่เคยแสดงบทบาทเพื่อประชาธิปไตยเลย   .  ล่าสุดยังกล่าวหาว่า  รัฐบาลมีความชอบธรรมด้วยประการทั้งปวงในการปราบปรามประชาชน 19 พ.ค. 2553  นี่หรือองค์กรสิทธิ์  .....ใคร ๆ ก็ออกมาวิพากษ์นักวิชาการคนนี้ครับ นางอมรา  พงศาพิศ    .......  คนพวกนี้พอ ๆ กัน  คงเป็นหน่วยอาสารับใช้อมาตย์ต่อต้านประชาธิปไตย

 

ประชาธิปไตยไทยน่าเป็นห่วง เพราะการจะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์   หรืออย่างน้อยก็สามารถเดินไปได้ ไม่ถอยกลับไปอีก นั้น อยู่ที่ระบบทั้งหมด ต้องเป็นประชาธิปไตยด้วย   ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยเฉพาะส่วนของประชาชนเสื้อแดง  ส่วนของพรรคเพื่อไทย  แต่ประชาชนทั้งชาติจะต้องเป็นประชาธิปไตย   (ขณะนี้มีสิ่งที่ดีคือพวกเสื้อเหลืองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวประชาธิปไตย รู้ดีเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ ค่อยลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ จนหายไปหมดแล้ว  นั่นแปลว่ามีคนเข้าใจประชาธิปไตยยิ่งขึ้นอันเป็นผลให้ฝ่ายแดงประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นเต็มแผ่นดินนี่เป็นความหวังของประชาธิปไตยไทย)   

 

ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตย(ที่อย่างน้อยก็ต้องฟังเสียงประชาชนและยอมรับว่าเสียงประชาชนเป้นเสียงสวรรค์) เฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรครัฐบาลต้องเป็นประชาธิปไตย  พรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย  พรรคทุกพรรคต้องเป็นประชาธิปไตย  

 

ประชาชนทุกฝ่าย  ทุกสถาบัน ต้องพร้อมกันเป็นประชาธิปไตย   และผลที่ต้องการก็คือจะต้องมีกติกา  ที่เรียกว่า  กติกาของประชาธิปไตย และเคารพปฏิบัติตามกติกานั้น  การปกครองจึงจะเป็นประชาธิปไตย  เพียงคนเราทุกฝ่าย ทุกสถาบันเข้าใจทำให้สมบูรณ์ในความหมายว่า อำนาจนั้นเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน  และโดยประชาชน  

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เราสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่รอบรู้ประชาธิปไตยและนำประชาชนไปสู่ประชาธิปไตย      และพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวที่สามารถเสนอนโยบายที่จะส่งเสริมการกระตุ้นอย่างแรงไปสู่ประชาธิปไตย

 

นั่นคือเป็นนโยบายที่อาจยกฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนชั้นรากหญ้า  ชาวนา  กรรมกร  คนส่วนใหญ่ของประเทศ  ให้ขึ้นสู่ระดับที่เสมอ ๆ  ชนส่วนอื่น ๆ   ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจลง มาเสมอ ๆ กัน   ระดับที่จำเป็นเพียงพอก็คือระดับที่เงยหน้าอ้าปากได้  และ  นั่นจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ชั้นรากหญ้าของประเทศ ลุกขึ้นยืนได้   พึ่งตนเองได้   ถ้าคนยืนไม่ได้  พึ่งตนเองไม่ได้  คอยกินน้ำใต้ศอกเขาอยู่  จะเป็นเสรีชนได้อย่างไร จะคิดอะไรเองได้  และจะเป็นประชาธิปไตย ปกครองตนเองได้อย่างไร    แต่เมื่อมีนโยบายรัฐบาลที่ดี  สามารถสร้างสรรค์  มีผลต่อประชาชนรากหญ้า คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ยืนได้แล้ว   ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ก็เป็นไปได้  คนก็มีความคิดเองได้  เลือกได้  ทำมาหากินด้วยพลังมันสมองของตนได้   ยืนบนขาตัวเองได้   ก็ก้าวเดินไปได้   พัฒนาไปได้   มีความคิดอ่านสร้างสรรค์และเลือกเองได้  .................   นั่นเป็นพื้นฐานอันจำเป็นของความเป็นเสรีชน    ถ้าคุณเป็นทาส คุณจะเป้นเสรีชนได้อย่างไร   

 

ฉะนั้น  ในระยะเริ่มต้นบุกเบิกเส้นทางของประชาธิปไตย  เราต้องสนับสนุนพรรคการเมืองที่ครีเอทนโยบายใด   ในการสร้างฐานทางเศรษฐกิจให้แด่คนส่วนใหญ่  มองคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นเป้าหมายของนโยบายทางเศรษฐกิจ  ทำให้คนรากหญ้าของประเทศ ให้ลุกขึ้นยืนได้ เดินได้  พัฒนาได้  คิดเองได้  สร้างตนเอง  ให้ร่ำรวยได้   นั่นแหละสร้างประชาธิปไตย ที่จะเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้จริง ๆ   ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการเลือกตั้ง แต่ประชาชนต้องรู้ว่าเลือกตั้งไปแล้วพวกเขาได้อะไร .พรรคการเมืองเสนอนโยบายอะไรบ้าง ...พวกเขาจะเงยหน้าอ้าปากได้หรือไม่  ยืนได้ หรือไม่  เดินได้หรือไม่  พวกเขาต้องรู้หลักการเลือกตั้ง   ว่ามีพรรคการเมืองใดหรือไม่ที่อาจบริหารโดยเสนอนโยบาย ที่ถูกต้องตามครรลองของความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ดังกล่าว  ........ เดี๋ยวนี้  พวกเขารู้กันเยอะแล้ว  ........จากการเลือกตั้งคราวที่ใหม่ที่สุดนี้   แสสดงชัดเจนว่าพวกเขามองเห็นชัดว่าพรรคการเมืองใดจะอาจสร้างสรรค์นโยบายที่เป็นจริงได้  และนั่นคือคำตัดสินว่า พรรคเพื่อไทย  ช่วยเขาได้    พวกเขาคิดถูกทางที่อาจเป็นจริงได้แล้ว   นั่นคือ เลือกพรรค เลือกนโยบาย .......อย่าเพ้อฝัน.......

และในทางตรงกันข้าม พวกเขาไม่เห็นเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่น ๆ ที่มีอยู่ขณะนี้จะสร้างสรรประโยชน์แด่ประชาชนได้อย่างไร  เพราะพรรคเหล่านี้ไม่เข้าใจประชาชน ไม่เข้าใจประชาธิปไตย   ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ........  เขาจึงไม่ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ต่อไปอีก............. และยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนผู้เข้าใจประชาธิปไตย พวกเขาจะมั่นใจว่าพรรคการเมืองใดใด ที่มีสิทธิ์อยู่ต่อไป ต้องเป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น   ถ้าพวกเขาจะยังต้องการพรรคประชาธิปัตย์    ก็เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับใจเป็นประชาธิปไตยเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย .................  และสถาบันทั้งสิ้น    นับแต่สถาบันหลัก ๆ โดยเฉพาะ ตุลาการ ....... สถาบันทหาร  สถาบันวิชาการ  ฯลฯ  ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย  ...........   ต้องเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด      

 

เมื่อระบบทั้งหมดของประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตย  .........  ประเทศไทยก็จะสงบสุข มีการปกครองที่เป็นธรรมโดยสมบูรณ์  นั่นคือประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์   พลังของทุกยูนิต(คนทุกคน)ของประเทศก็จะแข็งแรงแกร่งกล้า   มีชัยชนะในทุกเรื่อง   ต่อโลกนี้    

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-07-31 22:12:50


ความคิดเห็นที่ 6 (3302915)

ถูกแล้วครับ    นี่คือประเด็นสำคัญจริง ๆ   ...................   ทุกสถาบันต้องเป้นประชาธิปไตย    พลเมืองไทยถ้วนหน้าต้องเป็นประชาธิปไตย ...........

 

ศาล   ต้องเป้นประชาธิปไตย    

สว.  ต้องเป็นประชาธิปไตย

สส.    ต้องเป็นประชาธิปไตย

ตำรวจ    ต้องเป็นประชาธิปไตย

ทหาร   ต้องเป็นประชาธิปไตย   

พลเรือน ข้าราชการทั้งสิ้น  ต้องเป็นประชาธิปไตย

โทรทัศน์ทุกช่อง   ต้องเป็นประชาธิปไตย

หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ  ต้องเป็นประชาธิปไตย

มหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย    ต้องเป็นประชาธิปไตย

โรงเรียนทุกแห่ง   ต้องเป็นประชาธิปไตย

ผู้พิพากษา     ต้องเป็นประชาธิปไตย

อัยการ    ต้องเป็นประชาธิปไตย 

ทนายความ    ต้องเป็นประชาธิปไตย   

ครู  อาจารย์    ต้องเป็นประชาธิปไตย

ปปช.    ต้องเป็นประชาธิปไตย

กกต.   ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย   

ทุกสถาบัน    ต้องเป็นประชาธิปไตย  

ฯลฯ

 

เมื่อเราเป็นประชาธิปไตยกันทั้งหมดทั้งแผ่นดินแล้ว       ประชาธิปไตยเราจึงจะเต็มใบ   เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง  ที่สมบูรณ์    ครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-08-01 22:21:56


ความคิดเห็นที่ 7 (3302917)

นายสมศักดิ์  เทพสุทิน   แกยังไม่เป็นประชาธิปไตยนี่   ก็ต้องช่วยแกให้เป็นประชาธิปไตยให้ได้     ........

ไม่ยากหรอกครับ    ลดความอิจฉาริษยาลงไป   เป็นชาวพุทธที่ดี ก็เป็นชาธิปไตยได้    

 

ไม่ต้องไปพยากรณ์หรอกว่ารัฐบาลใหม่  ไร้น้ำยาจะไปได้ก็ไม่เกินหกเดือน   .....................   ถ้าเกินหกเดือนคุณจะรับผิดชอบในคำพูดคุณหรือไม่  ?   

 

ฉะนั้น   คุณสมศักดิ์  เทพสุทินต้องเป็นประชาธิปไตยเสียให้ได้ก่อน    .....เราต้องการให้คุณเป็นประชาธิปไตย เหมือนเรา   

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-08-01 22:44:06


ความคิดเห็นที่ 8 (3302919)

จะฟ้องยุบพรรคเพื่อไทย  

ว่า หน.พรรคโกหก กกต.เรื่องสมาชิกพรรคของจตุพร  

ครับ   เป็นพวกไม่เข้าใจประชาธิปไตย   เจ้าเก่า          พรรคประชาธิปัตย์

 

หนักใจครับ............แต่อย่างไร ๆ  เสื้อแดงก็ต้องช่วยกันสอนให้พรรคการเมืองที่มีอายุยาวที่สุดพรรคนี้ เข้าใจประชาธิปไตยให้ได้  

 

อีกคนก็ สุเทพ  เทือกสุบรรณครับ    ยาก   เพราะ ยุคนี้ไม่เหมาะกับ มนุษย์วานร 1.8 ล้านปี   .........   คงปล่อยให้ฝ่อตายไปเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-08-01 23:10:13


ความคิดเห็นที่ 9 (3302920)

แล้ว    ที่อยู่บ้านสี่เสาล่ะครับ     ..................   ?

 

รวมทั้งสมุย  อยู่ทบ....................ครับ   ที่ทำฮ.ตก3ลำติดต่อกันนั่นแหละ    พูดถึงประชาธิปไตย ไม่กระดิก.......พอคนถาม ควันก็ออกหู.... คนนั้นแหละครับ ...........  ท่าทางเหมือนอันธพาล......หนักใจครับ ๆ  ๆ  

ผู้แสดงความคิดเห็น บึงมะลู หิ่งห้อย วันที่ตอบ 2011-08-01 23:21:07


ความคิดเห็นที่ 10 (3303181)

   อะไร ๆ ๆ  ก็ต้องเป็นประชาธิปไตยหรือครับ........?

ผู้แสดงความคิดเห็น นร. วันที่ตอบ 2011-08-04 09:49:21


ความคิดเห็นที่ 11 (3303255)

ก็ต้องอย่างนั้นสิครับ คุณหนู

ยังมีสิ่งที่จะต้องเข้าใจประชาธิปไตย   อย่างกว้างขวาง........นั่นคือ พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน   ต้องต่อสู้กันอย่างเป็นประชาธิปไตย  ทั้ง 2 ฝ่าย        หรือทุก ๆ ฝ่าย ต้องต่อสู้อย่างเป็นประชาธิปไตย  

ที่ผ่านมา  พรรครัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นอมาตยาธิปไตยเผด็จการ   ต่อสู้แบบเผด็จการ  ไม่ได้ต่อสู้แบบประชาธิปไตย    ...................   ก็เลยเหี้ยมโหด  มีการล้อมฆ่าประชาชน  นั่นแหละครับ เพราะใช้วิธีการประชาธิปไตยไม่เป็น  .......  แต่ถ้ารัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นประชาธิปไตย  การฆ่าประชาชนเช่นนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้  ไม่มี     .......   และการเลือกตั้งจะไม่เนิ่นช้ามาถึงต้นปีนี้   .........หากนายอภิสิทธิ์....พรรคประชาธิปัตย์ และทหาร เข้าใจประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยก็จะไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ

 

ในวันนี้เป็นต้นไป    ทุก ๆ สถาบันจึงต้องเป็นประชาธิปไตย .........  และเมื่อเป็นประชาธิปไตยกันแล้ว  ก็เกิดความนิ่งสงบสุขของแผ่นดินขึ้นได้  เพราะถึงมีการต่อสู้กันก็ต่อสู้อย่างเป็นประชาธิปไตย   ..  และถึงมีผู้ชนะ  และมีผู้แพ้ ในการต่อสู้   แต่ก็ไม่มีใครเสียชีวิต  และไม่เสียประโยชน์อะไร   ทั้งผู้ชนะและผู้แพ้  ต่างก็ได้ประโยชน์เท่า ๆ กัน   ความแตกแยกในความเป็นฝ่ายชนะ หรือฝ่ายที่แพ้ ก็ไม่มี    เพราะเมื่อทุกฝ่ายเป็นประชาธิปไตยก็จะซาบซึ้งดีในหลักการที่ว่า  mojority rule  minority right   คือฝ่ายที่แพ้ก็แพ้เพียงการเลือกตั้ง  ไม่มีโทษอะไรที่จะมาแก้แค้นเหมือนในระบอบราชาธิราชเก่าก่อน  แต่ก็ยังมีชีวิตไปได้เหมือนเดิม  มีสิทธิ์ทุกอย่างในการรับผลของนโยบายของฝ่ายที่ชนะเท่าเทียมกับฝ่ายที่ชนะ  ได้อะไร ๆ เท่าเทียมกันทั้งหมดทั้งแผ่นดิน  ไม่เดือดร้อนอะไรจากการพ่ายแพ้     แท้ที่จริง...........หากเราเข้าใจว่าไม่มีผู้ชนะหรือผู้แพ้ในระบอบประชาธิปไตย  มีแต่ผู้ชนะด้วยกันทั้งหมด  .......   นั่นแหละเริ่มเป็นประชาธิปไตยแล้ว   

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-08-04 21:31:33


ความคิดเห็นที่ 12 (3303367)

พิเชษฐ์  พันธุ์วิชาติกุล   จาก  ปชป.  นี่ก็โผล่มาอวดทัศนะตัวเอง   ............  ดูแล้ว   นี่ก็เต่า  ครับ   รุ่นน้อง ๆ สุเทพ  มนุษย์วานร 1.8 ล.   .........   ชาตินี้คงไม่รู้จักหรอกว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ......หนักใจครับ.....และนี่คือเหตุผลที่ว่า  ปชป.ล้าหลัง  ไม่มีวันชนะในโลกประชาธิปไตย ........  เพราะเรื่อง  ก ข ค ง.  ของประชาธิปไตยเป้ฯอย่างไร   ไม่กระดิกเลย........จากสิ่งที่เห้นจาก  พิเชษฐ์  พันธุวิชาติกุล   ................

ผู้แสดงความคิดเห็น นายบัฟฟาโล(นายควาย) วันที่ตอบ 2011-08-06 09:40:00


ความคิดเห็นที่ 13 (3307567)

ทำไมประชาธิปัตย์จึงใช้แต่ลูกไม้เดิมๆ คือเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่เปลี่ยนแปลงยุทธวิธีการต่อสู้เหมือนพรรคไทยรักไทย  พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย  เหตุผลก็เพราะไม่มีความรู้ จึงไม่มีความสามารถ และหากจะหวังให้มีอัศวินที่มีความรู้ความชำนาญเรื่องเศรษฐกิจการเมืองสังคมขี่ม้าขาวมาช่วยพรรคนี้  ก็คงยากยิ่งไปใหญ่เพราะไม่มีใครกล้าเอาความเก่งมาเสี่ยงกับพรรคที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้  ถ้าจะให้แปลง่ายๆก็คือไม่รู้ว่าตนเองโง่เง่าเต่าตุนบริหารประเทศไม่เป็นนั่นเอง  จึงต้องอาศัยวิชามารมาช่วยอยู่ล่ำไป ตอนนี้ทุกกลเม็ดของวิชามารก็งัดออกมาหมดแล้ว งัดไปงัดมาประชาชนดันไปเจอกล้องวงจรปิดใน กทม. ที่มีแต่กล่อง งานนี้เล่นเอาคนกรุงเทพคงขำไม่ออก

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-21 01:46:58


ความคิดเห็นที่ 14 (3307568)

เอ้า ปปช. อย่ามัวหลับหูหลับตาอยู่นะ  ช่วยตรวจสอบด่วนด้วย  กล้องหายไปไหนทำไมมีแต่กล่อง ? แล้วที่อ้างว่านำไปติดไว้ให้ผู้ชุมนุมกลัวจะได้ไม่ทำผิดกฎหมาย ป่านนี้นักข่าวต่างประเทศคงขำกลิ้ง มิน่ากล้องของหลวงจับโจรไม่ยักได้  ที่ได้เบาะแสมีแต่กล้องของบริษัทห้างร้านทั้งนั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2011-09-21 01:51:28


ความคิดเห็นที่ 15 (3307569)

เรื่อง จีที200  เรือเหาะ  เรือ-รถดับเพลิง โครงการไทยเข้มแข็ง  ประชาชน นักกฎหมาย ช่วยตรวจสอบด่วนด้วย สงสัยจัง สตง. มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของหน่วยราชการทุกสังกัด  แต่ทำไมกองทัพจึงเป็นเอกเทศที่ไม่มีการตรวจสอบจึงย่ามใจซื้อของที่ไม่ได้มาตรฐาน  ไม่มีความปลอดภัยดูตัวอย่างเครื่องบินตก 3 ลำว้อนในเวลา 2 สัปดาห์ ทีเครื่องบินพาณิชย์ไม่เห็นเป็นอะไร ผ่าตัดด่วนคนไทยไม่เอากฎหมาย 2 มาตรฐาน ต้องปฏิรูปกองทัพให้โปร่งใสได้แล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-21 01:59:22



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.