ฟัง ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช  พูดแบบ  ชำแหละ  ดีกว่า....................

มีแต่การโฆษณาชวนเชื่อว่ารัฐบาลจะให้นั่นนี่กับประชาชน แล้วไปเอาเงินที่ไหน แต่ที่แน่ๆวันนี้ก็เห็นรีดเลือดกับประชาชนโดยการขึ้นราคาน้ำมันรถสัปดาห์หนึ่งขึ้น 2 ครั้ง  น้ำมันพืชขึ้นขวดละ 9 บาท น้ำตาลทรายขาดตลาด กะทิกล่องกก.ละ 70 บาท แล้วยังสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆอีก ยังมองไม่เห็นว่าฝันหวานของรัฐบาลจะเป็นจริงได้อย่างไร  แค่ประกาศนโยบายว่าจะขายไข่เป็นกิโลแค่นี้ประชาชนก็ขำกลิ้ง  นี่หรือรัฐบาลของเรา ประเทศไทยโชคดีมีนายกชื่ออภิสิทธิ์และพรรคดีแต่พูดแต่ทำงานไม่เป็นมาบริหาร ประเทศก็เปรียบเหมือนบ้าน ถ้าหัวหน้าครอบครัวหาเงินไม่เป็น ใช้เงินเติบ ดีแต่ไปกู้หนี้ยืมสินมาใช้ต่อไปก็จะพาครอบครัวล่มจมหาทางออกไม่ได้ ประชาชนเขาฉลาดแล้ว และต้องทนดูรัฐบาลเด็กนารัฐนาวาแล่นไปตามยถากรรมอย่างไม่มีที่หมาย รอแต่คนกรุงเทพฯกับคนใต้ว่าเมื่อไรจะตาสว่าง

ฟังอีกคนครับ  คุณพิชัย เวชพันธ์  มาให้เอเซียอัพเดทถ่ายทอดออกไปวันนี้  กำลังฟังอยู่ 

เด็กทำอะไรอย่างไร้ความคิด  คิดไม่เป็น คิดไม่รอบคอบ

ผมว่าแกเหลวไหลน่ะ    เด็กเล่นไม้ขีดไฟจริง ๆ  ต้องรีบ ๆ ไล่หนีไป  .........  

ถ้าถามว่า อภิสิทธิ์ แกพูดอะไร?     แกลืมหมดแหละครับ  ไม่รู้หรอกว่าแกพูดอะไรบ้าง  แกไม่รับผิดชอบ  แกพูดตามใบสั่ง  เจ้านายแกเห็นว่าแกมีความสามารถทางการพูด พออาศัยได้ ก็ให้แกพูด    ก็เท่านั้นเอง   .......เชื่อเถอะน่า.....ยุคนี้ไทยอันตราย

ทำไมไม่ลองคิดดูว่าตั้งแต่รัฐประหารโดยการนำของมุสลิม 19 ก.ย.2549 แล้วมีอะไรดีขึ้น  มีแต่เสื่อมลงไปทุกที  นายสนธิ บุณยรัตกลิน (ปลดยศแล้ว ปลดจาก พลเอกมาเป็นทหารเลวชั้นประทวน)  รับแผนมุสลิมมาทำให้ประเทศพุทธศาสนาแตกแยก     มันเป็นมุสลิมชั่วร้ายของประเทศไทย .......

ประชาชนไทยกลัวทำไมครับ   กลัวจนไม่กล้าพูดถึงมุสลิม  มีมุสลิมชั่วร้ายในประเทศไทย   นี่ก็คือความจริง  และหนึ่งในผู้ชั่วร้ายก็คือมัน  สนธิ  บุณยรัตกลิน    อย่าลืมซีครับ.......

ไม่มีวันลืม  สนธิ บุณยรัตกลิน คนนี้  มันเป็นคนทรยศ ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์   แค่ถอดยศนั่นยังไม่พอ   ...............  ผมแค้นในเรื่อง ดร.มั่น พัฒโนทัย  ไปเชิญมันไปเป็นประธานพรรคทำไม............. ไม่เข้าใจจริง ๆ  ว่าคนระดับ ดร.โง่ขนาดนี้ มีในเมืองไทย ..........  อุตส่าห์อยากเป็นนักการเมืองกับเขา   แต่ไม่กล้ารับผิดชอบ  ไปเชื้อเชิญมุสลิมทรยศมาเป็นหัวหน้า  พรรค.........พรรคคนพุทธ........ทำไมไม่กล้าเป็นหัวหน้าพรรคเอง  ดร.มั่น  พัฒนโนทัย ...???????

พอ ๆ กับผู้หญิงชื่อ  อมรา  พงศาพิศ   เป็นถึงศาสตราจารย์  ทำไมเอาคนไม่รู้เรื่องประชาธิปแตยเลยเช่นอมรา พงศาพิศ  ไปเป็นหัวหน้างาน สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ   .............    ไปเรียกร้องคนไทย 7 คนถูกเขมรจับได้   แต่ แดงตายทั้งแผ่นดิน 91 ศพ ไม่มีเสียงเลย    ยัยบ้า  !!!!!! นี่หรือผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน  ...........

ก็เหมือนธาริต เพ็งดิษฐ์แหละครับ  พวก ปชป.เจ้าเล่ห์ หลอกเอาไปรับหน้าแทน   รับบาปแทน........ คิดให้ดี.......

คนเราล้วนตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส  คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ  สุข     ไม่มีใครไม่อยากมียศ และลาภ     เอามาล่อ  ทุกรายงับทันที   พวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เข้าใจใช้วิธีนี้หลอกล่อเอาคนโง่ ๆ ซื่อ ๆ มารับใช้ และรับบาปแทน  

ในที่นี้รูปธรรมก็คือ  รับผิดทางกฎหมายแทน   เข้าคุกแทน  นั่นเอง   การคบกับประชาธิปัตย์ต้องคิดดูให้ดีนะครับ

นี่ก็มาเล่ห์เหลี่ยมไหน  ยังตามวิเคราะห์กันควักเลย   ก็ส่งสส.ตนไปข้ามแดนเขมรเขา  เอาวีดีโอบันทึกภาพตนเองทำผิดไว้หมด  แถมโทร.บอกด้วยว่าเรื่องนี้รู้กันระหว่างตนกับนายกรัฐมนตรีคนเดียว  ชัดเจน เป็นหลักฐาน............   ก็วิเคราะห์ยังไม่ออก ว่าเจ้าพวกหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์  มันออกอุบายอะไรออกมา ...........ชาติบ้านเมืองจะย่อยยับไปอย่างไรมันไม่คำนึง..............................................หรือมันคิดจะทำสงครามกับเขมร......   ก็น่าคิด................แต่อะไรจะเลวขนาดนั้น.................

ยังมีคนเก่งทะยอย ๆ มาชำแหละนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์  มีท่านอัษฎาง์ ปาณิกบุตร มาพูดเรื่องรัฐธรรมนูญ น่าฟังมาก

ผมเองเห็นว่า  แนวการสร้างและเสนอนโยบาย ของพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์นี้  น่าฉงนมาก ๆ 

เราไม่ทราบว่าพรรคนี้ได้เสนอกรอบนโยบายขนาดกว้างไว้อย่างไร  ..............  ต่อประชาชน ในคราวที่มีการเลือกตั้ง  ......

เพราะนโยบายของพรรคการเมืองจะต้องให้ประชาชนเท่านั้นเป็นผู้เลือก..... นั่นคือเสนอต่อประชาชนในคราวที่มีการเลือกตั้ง   ................  สำหรับพรรคประชาธิปัตย์  ตั้งแต่เป็ฯพรรคการเมืองมา   .................    ไม่เคยเห็นเลยว่าเขาเสนอนโยบายอะไร  สำหรับการพัฒนาประชาชนในอีสานเลย     ชาวอีสาณ ไม่เคยได้ยินพรรคประชาธิปัตย์พูดว่า  จะทำอะไรให้อีสาน     ...................    คนอีสานจึงไม่เลือกประชาธิปัตย์    .........   แล้วมาเสนอภายหลังต่อสภาผู้แทน   ก็ถือว่าไม่ชอบธรรมอยู่ส่วนหนึ่ง    ก็พอกล้อมแกล้มไปได้

แต่ประเด็นคือ   เราเกรงว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าใจ   ว่าที่ตนทำอยู่นี้  ระวังว่าจะไม่ชอบธรรมตามวิถีทางประชาธิปไตย   คือนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลนั้น  ไม่ใช่นึกอะไรขึ้นมาได้  ตอนไหน เวลาไหน  ก็เอามาทำได้เลย  ............     อย่างเช่นนโยบาย 9 ข้อนี้   ......   ไม่เคยได้ยินว่ามีการพูดกันไว้ต่อหน้าประชาชนก่อนที่จะเข้าสู่การบริหาร 

สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยพูดไว้ก่อนการเลือกตั้งก็คือ      99 วัน   แล้วก็มรกฎเหล็ก 9 ข้อ     อันนี้พอได้ยินได้ฟังอยู่   แล้วอย่างไร  ?    เหลว...........   แปลว่าอะไร    แปลว่าหลอกลวงประชาชน  ................   ก็ออกไปได้............เซย์ก๊ดบายไปได้เลย  

แต่เขาหน้าด้านอยู่    จึงมีโอกาสมาเรื่อย ๆ ที่จะเสนอนโยบายที่ไร้สาระต่อมา ๆ โดยไม่ชอบต่อหลักการประชาธิปไตย    คือประชาชนไม่มีโอกาสตรวจสอบก่อน เพราะเหตุที่นโยบายย่อมเกี่ยวข้องไปถึงงบประมาณ อันได้รีดมาจากภาษีของประชาชน       เมื่อเหลวแหลกไปเรื่อย ๆ เช่นนี้     ระวังว่าต่อไปประชาชน  จะงดเสียภาษีเอาเฉย ๆ   คุณจะว่าอย่างไร  ............   เพราะเงินที่รัฐบาลเอามาใช้จ่ายในนโยบายนั้น  เป็ฯเงินของประชาชน    เขามีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบ  ห้ามปราม  หรือแม้กระทั่ง เรียกคืนได้      

เช่นนโยบาย   ชั่งกิโลขายไข่   อย่างนี้...............

เลือกตั้งคราวหน้าก็ลองเสนอไปสิ  ..............   ถ้าคุณมั่นใจจริง  .....ไม่ใช่แอบเอามาทำหน้าตาเฉยเช่นนี้.........

แล้วมาถึงเรื่องไปจ้างเอกชนทำนโยบายประชาวิวัฒน์ให้  69 ล้านบาท      ทำได้อย่างไรครับ.......  ถ้างั้นคุณจะให้มีผู้แทนราษฎรไปทำไม  ???

แต่ประเด็นคือ  เอกชนไม่อาจจะทำนโยบายได้.............................ไม่ถูกหลักการ   ผู้ทำนโยบายคือ  พรรคการเมือง  เป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง...................... ก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้เรื่องนโยบาย  จึงแพ้ไทยรักไทยอย่างหลุดลุ่ยมาตลอด   .............   ความจริงก็คือประชาชนเขาเลือกนโยบายที่ช่วยประชาชนให้ลืมตาอ้าปากได้........... เขาก็เลือก    ไม่มีเช่นนี้ เขาก็ไม่เลือก   นี่ก็ยุติธรรมดีแล้ว.....

แต่ไม่ได้หมายความว่าเอกชนช่วยไม่ได้.....................  แต่หมายความว่า  ประชาธิปัตย์ทำนโยบายแบบสุกเอาเผากินจริง  ๆ     เสี่ยงต่อความสูญเสียงบไปอย่างไม่คุ้มค่า......หรือเกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพของงาน...................  เพราะโดยพื้นฐาน   เอกชนเขาทำธุรกิจของเขา  เขามักรู้มักเข้าใจเรื่องราวเฉพาะทาง  ...........และเขาแคบเกินไป     ........   เขาไม่มีวิสัยทัศน์พอที่จะมองประชาชนทั่วประเทศได้รอบด้าน  โดยเฉพาะเวลาเดือน 2 เดือนที่คุณไปขีดเส้นให้เขา   (เช่นเดียวกับไปมอบให้นายอานันท์ ปัญญาระชุน ทำโครงการปฏิรูปประเทศไทยให้   นายอานันท์แกจะไปรู้อะไร (แกก็หัวเอิกอากรับทรัพย์ไปเท่านั้น)...   นายประเวศร วะสี ก็เหมือนกัน  รู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็รับไปทำ  ยิ่งนายสมบัติ  ธำรงธัญญวงศ์ ยิ่งไม่ประสีประสา ขนาดเป็นถึงศาสตราจารย์) ........   อันนี้เขาจึงยกให้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง........ที่จะต้องเป็นหน้าที่ และติดตามศึกษาเรื่องนโยบาย พร้อมอัพเดทอยู่ตลอดเวลา อันยาวนานตลอดชาติไป  ........เข้าใจไหมครับ ?????

การไปจ้างเอกชนทำนโยบายให้  จึงเท่ากับดูถูกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรค   หรือเป็นเครื่องชี้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่  แต่ไร้สติปัญญา   มีปัญญาแค่นี้เอง  คือเท่า ๆ กับบริษัทเอกชนแคบ ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้นเอง   อันชี้ว่า   ไม่สมควรขึ้นมาอยู่ระดับผู้บริหารประเทศได้    

ประชาธิปัตย์จึงเป็นเช่นนี้ครับ   คือเหมือนคนเกิดมา 100 ปี  แต่ไม่มีความรู้ หรือรู้นิดหน่อย  หรือรู้แบบศรีธนญชัย  หรือเป็นคนที่ไร้ธรรมะ  ก็สู้เด็กที่เกิดมาเพียงวันเดียว แต่มีความรู้ มีธรรมะไม่ได้   (พระพุทธเจ้าตรัสไว้ครับ)     

ผมว่าโดยนัยยะนี้  ยุบเสียเถิด     ผู้พิพากษาอย่ามองที่อายุเลย    แต่มองที่สติปัญญาของพรรค  ขนาดมีหน้าที่ทำนโยบาย ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้   ไม่เคยทำนโยบายเลยตลอเวลาอายุยาวมาถึงวันนี้  ก็ยังมาทำผิดเอาเงินประชาชนไปใช้ผิดประเภท ผิดกฎหมายอีก  ก็ชอบที่จะยุบเสีย  โดยไม่เห็นว่าจำเป็นอย่างไรที่จะเอาพรรคที่ชราภาพ มีอายุเฉย ๆ แต่กลวงทางสติปัญญา ไว้  ทำผิด   ซ้ำซาก    ก็ยุบเสีย

พรรคนี้แหละ  มีหัวหน้าชื่อ มรว.เสนีย์ ปราโมท  เป็นหัวหน้าพรรค แล้วอาสาไปว่าความเมืองเขาพระวิหาร แล้วแพ้หลุดลุ่ย   เสียเขาพระวิหารไปให้เขมร..............................คนแค้นทั้งประเทศ  แต่คนก็ยอมรับศาลยุติธรรมโลก กรุงเฮก  ..............  แล้ววันนี้ พรรคหัวกลวงไปทำอะไรที่ชายแดนเขมร  จนเขาจับคนของตนไปขังไว้ 7 คน ..............คิดจะเอาเขาวิหารคืนโดยสงครามหรืออย่างไร ?       ก็รีบ ๆ ยุบพรรคนี้เสียก่อนเถิด  ก่อนที่จะคิดการอันชั่วร้าย ไม่เป็นธรรมต่อไป

    เห็นด้วย  ฮิฮิ   ยุบเสียเลย  เอาไว้ทำไม.....

ไปจ้างบริษัทเอกชนตั้ง 69 ล้านมาทำนโยบายประชาวิวัฒน์ 9 ข้อให้ แสดงว่าคนในพรรคนี้สมองฝ่อไม่ประสีประสาเรื่องการบริหารบ้านเมือง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็กระไรเลยไม่รู้สึกตัวบ้างเลยหรือว่าการไปจ้างคนอื่นมาทำหน้าที่แทนตัวเอง มีความหมายพอๆกันกับจ้างคนอื่นทำการบ้านไปส่งครู แล้วจะมีความรู้ความเฉลียวฉลาดได้อย่างไร นับวันพรรคนี้ก็ยิ่งประจานความโง่เขลาเบาปัญญาให้ประชาชนเห็นเรื่อยๆ อย่างนโยบายขายไข่ชั่งกิโลคิดได้อย่างไร มันเป็นงานที่พ่อค้าแม่ขายเขาคิดกัน เรื่องเล็กๆน้อยๆไปคิดแทนเขาเสียใหญ่โต แต่งานใหญ่งานหลักของตนเองกับคิดไม่เป็นแล้วยังเสียค่างบโฆษณาอีกหลายล้านบาท และคงมีงบประมาณที่รั่วไหลไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกมาก  ป่านนี้คนทั่วโลกเขาคงอนาจใจกับประชาชนคนไทยมีรัฐบาลทั้งทีคิดได้แค่นี้ ไล่ก็ไม่ไป เพราะเส้นใหญ่ ขนาดศาลรัฐธรรมนูญยังหูหนวกตาบอดทำผิดบอกไม่ผิด คนไทยคงรับกรรมไปอีกนาน

นี่ก็ประกาศยกเลิกการเบิกยานอกบัญชีหลักของข้าราชการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาล หากคนไข้รายใดจำเป็นต้องใช้ต้องให้แพทย์ออกใบรับรองให้ มีผู้ป่วยบอกว่าต้องให้แพทย์รับรองถึง 3 คนจึงจะเบิกได้ และไม่สามารถหาแพทย์รับรองถึง 3คนได้จึงต้องจ่ายเอง ส่วนใหญ่เป็นยาเกี่ยวกับโรคของผู้สูงอายุซึ่งป่วยเป็นโรคเรื้อรังและมีราคาแพง  ในสมัยนายชวน หลีกภัยเป็นรัฐบาลก็มีเหตุการณ์เช่นนี้ คนไข้ที่ต้องนอนโรงพยาบาลก็ถูกจำกัดวัน  หากเกินกว่ากำหนดต้องจ่ายเอง ไม่มีคนไข้คนไหนอยากนอนโรงพยาบาลนานๆหรอก  แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นหากจะอยู่ต่อก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง และลูกหลานต้องลำบากไปตามๆกัน  เพราะคนป่วยสูงวัยปกติก็มีค่าใช้จ่ายที่เบิกไม่ได้อยู่แล้วจำนวนมาก  มาสมัยรัฐบาลไทยรักไทยท่านฟื้นฟูเศรษฐกิจได้จึงคืนสิทธิ์การรักษาพยาบาลให้กับข้าราชการ และยังเผื่อแผ่อานิสงส์มาถึงคนยากคนจนด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค  แต่พอมาถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มาแบบเดียวกันอีกก่อหนี้สินให้ประเทศจำนวนมาก ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับเรื่องไร้สาระ และยังผลักภาระให้กับประชาชน ด้วยการขึ้นราคาสินค้า น้ำมัน และยังตัดลดงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขเพียงต้องการประหยัดงบประมาณแค่ 4000 กว่าล้าน  แต่งบด้านอื่นที่ไม่จำเป็นใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่มีการตรวจสอบหรือชี้แจงต่อประชาชน  โดยเฉพาะงบประมาณด้านทหารและรายจ่ายค่าจ้างโฆษณาชวนเชื่อผลงานของรัฐบาล

นี่หรือประชาชนต้องมาก่อน พูดมาได้แล้วที่ทำอยู่นี่คืออะไร ประกาศปาวๆว่าจะให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้มีอัตราเดียวกัน วันละ 250 บาท  แต่นายจ้างเขารับไม่ได้ จาก250 บาท เหลือเพียง 215 บาทเฉพาะในกรุงเทพและสมุทรปราการ แต่ต่างจังหวัดอย่างศรีสะเกษได้แค่ 160 บาท แสดงให้เห็นว่าเวลาพูดอะไรไม่เคยคิด ไม่เคยมีข้อมูล ไม่เคยสอบถามนายจ้าง  คิดไปเองว่าตนเองเป็นนายกรัฐมนตรียิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้พูดอะไรประชาชนต้องทำตาม ประกาศจะให้โบนัสข้าราชการเดือนละ 4000 บาท แต่จนบัดนี้ยังไม่มีวี่แวว และล่าสุดอนุมัติขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 5%  ในเดือนเมษายน 2554 แล้วปล่อยให้สินค้าขึ้นราคาขึ้นราคา ลดงบด้านสาธารณสุข คุณภาพชีวิตประชาชนมีแต่ย่ำแย่ตกต่ำ นี่แหละรัฐบาลเด็ก พูดอะไรแบบเด็กๆแต่ทำอะไรที่ฉลาดๆไม่เป็นสักอย่าง  ขยันแต่เรื่องไร้สาระ

วันนี้น้ำมันพืชขาดตลาด ที่มีขายอยู่ก็มีแต่ขวดเล็ก ขนาด 1 ลิตรไม่ต้องไปเสียเวลาหาแม้แต่ในห้างดังๆยังไม่มี ขนาดร้านเซเว่นอิเลเว่นสินค้าไม่เคยขาดตลาด  แต่มาวันนี้น้ำมันพืชไม่มีสักขวด พนักงานบอกว่าสั่งสินค้าไปแล้วแต่โรงงานไม่มีสินค้าให้สั่ง  น้ำตาลทรายขาดตลาด  มะพร้าวกิโลกรัมละ 70 บาท ซอส น้ำปลาขึ้นราคาหมดทุกรายการ  มันสอดคล้องกับนโยบาย 9 ข้อตรงไหน ขนาดข้าราชการเบิกค่ายาอยู่ดีๆยังเบิกไม่ได้เลยอ้างว่าเป็นยานอกบัญชีหลัก  ทั้งๆที่คนไข้จำเป็นต้องกิน  แล้วประชาชนคนยากจนจะได้รับการดูแลคุณภาพชีวิตอย่างไร ค่าแรงขั้นต่ำที่ขึ้นเพียงวันละไม่กี่บาท/วัน รัฐคุยนักหนาว่าช่วยประชาชน  แต่กลับปล่อยให้สินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นราคาอย่างไม่ลืมหูลืมตากลับทำร้ายประชาชนให้หากินลำบากยากจนยิ่งขึ้นไปอีก นี่แหละรัฐบาลปลิ้นปล้อนตลบแตลงเอาตัวรอดไปวันๆ  คอยดูนะต่อให้ไม่มีคนเสื้อแดงมาไล่คุณก็อยู่ไม่ได้  นับวันประชาชนเขาเห็นชัดแล้วว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชนเห็นแก่ตัวเช่นนี้เอง

เกิดการปฏิวัติประชาชนขับไล่รัฐบาลเผด็จการสำเร็จในตูนิเซีย  จนประธานาธิบดีต้องระเห็จไปอยู่ซาอุฯ ตามมาด้วยอิหร่านและเยเมน เพราะรัฐบาลเผด็จการเอาเปรียบกดขี่ข่มเหงประชาชนให้อดอยากยากจน  ในขณะที่คนในรัฐบาลร่ำรวยมหาศาล และนับแต่นี้ไปกระแสขับไล่รัฐบาลเผด็จการจะลุกลามไปทั่วโลก สัญลักษณ์ของเสื้อสีแดงจะเป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกประชาชนไปสู่อำนาจที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพือประชาชน  และหากรัฐบาลไทยยังเอาเปรียบประชาชนกระแสต่อต้านจะยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นๆจนในที่สุดต้องแพ้ภัยตนเอง บทเรียนครั้งนี้จะยิ่งทำให้ประชาชนรู้ซึ้งถึงคำว่า " ประชาธิปไตยกินได้เป็นอย่างไรโดยไม่ต้องหวาดระแวงรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนอีกต่อไป  และต่อไปประชาชนจะยิ่งหวงแหนอำนาจอธิปไตยของเขา เพราะรู้ว่ากว่าจะได้มาต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด ชีวิตและคราบน้ำตา

นโยบายขายไข่...ชั่งกิโล

จบอ๊อกฟอด+จ้างคิด 69 ล้าน ทำไม่ได้นะ ต้อง ..(โฮ่.)..ด้วย. 

      เห็นด้วยทุกประเด็นทุก ๆ ประการ

    โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า นักเรียนอ๊อกฟอร์ด  จ้างเขาทำนโยบายชั่งกิโลไข่ขาย 69 ล้านบาท   ฮ่วย  !!!!

This is a definition of tyranism
นี่คือนิยามของคำว่า ทรราชย์

เราไม่ได้พูดคำนี้ แต่เป็นโทรทัศน์อัลจาชีร่า เร็ว ๆ นี้ เขาขึ้นสปอตที่หน้าจอ เป็นภาพของนายอภิสิทธิ์ กำลังออกแอคชั่นทางสุนทรพจน์  มีภาพทรราชคนอื่น ๆ ของโลกเป็นฉากหลังหลายคน  เขาบอกว่า  นี่เป็นทรราชคนใหม่ในหลาย ๆ ทรราชคนเก่าของโลก 

และทรราชก็คือโกง  จึงโดน มิ่งขวัญ  แสงสุวรรณ ฝ่ายค้านสั่งสอนเอากลางสภา ในการอภิปรายงบประมาณกลางปี  เมื่อ 15 ก.พ.2554  อย่างเป็นการสั่งสอนในหลักการสำคัญเลยทีเดียว  กล่าวคือ  ในเรื่องงบประมาณ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ  ใช้น้ำลายละเลง บรรยายเป็นเวลานานมาก      โดยนายชัย ชิดชอบ ปล่อยให้พูดอย่างอิสระ ตามใจนายกรัฐมนตรี พวกเดียวกัน    แต่หารู้ไม่ว่านี่เป็นเรื่องของ  งบประมาณ  เป็นเรื่องของตัวเลข ไม่เข้าใจความหมายของตัวเลข 

จึงถือว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ได้ทำการสั่งสอนครั้งสำคัญ  ด้วยการเอาตัวเลขมาแสดง ง่าย สั้น กระทัดรัด  เพียบไปด้วยเหตุและผลทางการเงิน งบประมาณ    นั่นคือสัจธรรมว่าด้วยงบประมาณ  ดังสัจธรรมว่า  ตัวเลขของงบประมาณ สามารถทีจะอธิบายได้ดีกว่าลมปากหลายพันเท่า   นายอภิสิทธิ์ พูดอยู่ทั้งวันแต่ไม่มีตัวเลขมาแสดงเลย จึงเท่ากับการโกหกพกลม ตามนิสัย  แต่ถึงพูดโกหกพกลมไปอย่างไร ๆ น่าเชื่อเพียงใด นานเพียงใด  ก็สู้ตัวเลขตัวเดียวที่นายมิ่งขวัญเอามาแสดงไม่ได้         เหมือนสัจธรรมของการข่าว ที่เขาว่า  ภาพ ๆ เดียว ดีกว่าคำพูดตั้งหลายพันคำพูด   นั่นแหละ

มาถึงวันนี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้บริหารงานไปโดยทุจริตต่าง ๆ มากมาย  เป็นผลให้บ้านเมืองและประชาชน ตกต่ำลำบาก  และซ้ำเลยไปรบกวนความสงบสุขของต่างประเทศ นับแต่ประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา รวมไปถึงกลุ่มเอเซียน ที่พวกเขาพากันวิตกว่าไทยจะเป้นจุดเสื่อมที่ดึงอาเซียนทั้งอาเซียนตกต่ำลงไป ในทางเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม   ทำให้เอเซียนทั้งเอเซียนเดือดร้อน   เท่านั้นยวังไม่พอ  ทำให้องค์การโลก นับแต่องค์การสหประชาชาติ พลอยเกิดวิตกเดือดร้อน  โลกเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน  อย่างเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย  

ข้อสรุปก็คือ  นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลนี้  หมดคุณสมบัติของความเป็นรัฐบาลไปแล้ว   เขาไม่มีสิทธิ์อยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกแล้ว  และไม่มีสิทธิ์คิด พูดถึงการเลือกตั้งเข้ามาใหม่อีกเลย  เท่านี้ยังไม่พอ เขาจะต้องขึ้นศาลอาชกรรมระหว่างประเทศ

• สุไหงปาดี  ชินะกุล
  20 ก.พ. 2554/11.57น.
  

นี่ก็ประกาศออกสื่อว่าจะอยู่อีกสมัย และก่อนทิ้งทวนก็ประกาศจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบ 2 ขนาดรอบแรกข้าวของยังขึ้นราคาไม่ลืมหูลืมตา อ้างว่าเป็นไปตามสูตรของเจ้าสัว เอาเลยพี่การเมืองไทยจะได้สุกงอมเสียที การให้สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์มาแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เพื่อให้ ปชป. ลากยาว รับรองว่าคนไทยจะได้ตาสว่างเสียทีว่าการเมืองไทยมีปฏิวัติ 20 ครั้ง เพื่อฉุดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งลงจากอำนาจบริหาร แล้วส่งพรรคการเมืองของอำมาตยาธิปไตยขึ้นครองอำนาจ แล้วผลการบริหารประชาชนต้องรับเคราะห์กรรมอย่างไร   

ไม่ว่าจะศาสนาใด ก็มีคนดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ทุกศาสนาล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดีทั้งนั้น ในฐานะที่เราเอง นับถือมาทั้งสองศาสนา   :ศาสนาพุทธ ก็สอนให้ช่วยเหลือ เมตตา เสียสละ ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่พูดส่อเสียด หยาบคาย เพ้อเจ้อ โกหก ไม่ทำร้ายกันทั้งร่างกายและทรัพย์สิน  :ศาสนาอิสลามก็สอนพร้อมทั้งบังคับให้เป็นคนที่ต้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ลำบากยากเข็ญ สอนว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกนี้เป็นพี่น้องกัน ต้องช่วยเหลือกัน ไม่พูดจาหยาบคายหรือพูดแล้วทำให้คนอื่นเสียใจ ให้เสียสละ ไม่เอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ให้ยอมเป็นผู้เสียสละเสียเอง ให้เกียรติทุกศาสนาไม่ดูถูกศาสนาอื่น ๆ เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกันหมดสืบเชื้อสายมาจากที่เดียวกัน ไม่ได้สอนให้ฆ่าคน สอนให้มีจิตใจอ่อนโยน โอบอ้อมอารี  สอนแม้กระทั่งถ้าเราเป็นผู้นำ เราต้องทำให้ดีมากกว่าคนอื่น เพราะผู้นำจะต้องโดนลงโทษและสอบสวนมากกว่าคนอื่นหลายเท่าเมื่อถึงวันสิ้นโลก

    เพราะฉะนั้น คนจะดี ไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขานับถือศาสนาอะไร มันอยู่ที่สามัญสำนึก จิตใจของเขาเองต่างหาก.......

เจ้าสัวที่ว่านี่เจ้าสัวซีพีหรือเปล่า แกมาเกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลด้วย เพราะเท่าที่เห็นแกก็มุ่งหน้าผูกขาดสินค้าการเกษตรไปหมด  จนเกษตรกรรายเล็กรายน้อยต้องถอยร่นไปตามๆกันเพราะสู้กลุ่มนายทุนผูกขาดไม่ได้ แกมีอิทธิพลกับปากท้องชาวบ้านตั้งแต่พืชผัก หมู เห็ด เป็ดไก่ ขายแม้กระทั่งกล้ายาง นโยบายขายไข่ชั่งกิโลเป็นของเจ้าสัวหรือเปล่า สงสารประเทศไทยจังรัฐบาลเด็กไม่รู้เรื่องการทำนโยบายให้โดนใจประชาชน ต้องไปถามนายทุนที่วันๆก็หวังแต่ความร่ำรวย เห็นเจ้าสัวคนนี้เคยแสดงวิสัยทัศน์ว่าชาวนาต้องมีรายได้ดีเพราะเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่จนบัดนี้ก็เป็นเพียงลมปากเหมือนรัฐบาลอภิสิทธิ์เปี๊ยบเลยเพราะราคาข้าวเปลือกถูกลงๆ

หมดยุคน้ำมันเครื่องแล้ว

 ผืนผ้าไหมแบบเก่า

ผ้าไหมไทย ก็คือความสามารถของตา-ยายที่ส่งต่อจากอดีตจนถึงบัดนี้มีความหลายหลากมากมาย เช่น รูปแบบ ลวดลายและสีสัน มากมายตามแต่ละ ความเชื่อ ประเพณี ท้องถิ่น วัฒนธรรมหรือวิถีชีวิต กระบวนการการทำลวดลาย เช่น จากการทอ อย่าง ขัด ยก ขิด จก, จากการทำสีหรือลวดลายหลังการทอ เช่น การมัดย้อม การย้อม, จากการเซ็ตลายเส้นยืนก่อนการทอ ได้แก่ การมัดหมี่
การใช้วิธีต่างๆผสมกันสรุปรวมโดยสังเขปได้แก่
- การควบเส้น
- มัดหมี่
- จก
- ยก
- การทอขัด
- ขิด

ราคาผ้าไหมแท้ผันตาม ปริมาณ ความยากในการทำ ลวดลายของผ้า คุณภาพ