นายบัน คี มูน  ในฐานะเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นั้น  ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญโดยปกติ ตามแนวคิดสหประชาชาติประเทศเสรีประชาธิปไตย  ที่จะต้องมองการปกครองประเทศ โดยการปกครองโดยกฎหมาย  คำว่าปกครองโดยกฎหมายนี้ ในเมืองไทยเราชอบพูดศัพท์สูง ๆ ว่า นิติรัฐ  ก็เลยเป้นคล้าย ๆ เพ้อฝัน  ดูภาษาอังกฤษดีกว่า  เขาว่า  rule by law  นี่ชัดเจน  แต่  law ในยุคนี้ เขาหมายถึงกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภา ที่หมายถึงการได้รับอนุญาติ  ผ่านการรับรองของผู้แทนประชาชนแล้ว 

หลักการนี้  ไม่ว่าประเทศใด  จะเป้นประชาธิปไตยหรือไม่  ก็ตาม   เช่นจีน  เขาก็ยังออกมาเตือน....ตามข่าวว่า เอกอัครราชทูตจีน ได้ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีไทย ...ยืนยันหลักการปกครองโดยกฎหมายเหมือนกัน  และแสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ และยังอาสาจะคุยแกนนำทั้งสองฝ่ายให้อีกด้วย ......  ก็ไม่ทราบว่าทางนายกรัฐมนตรีว่าอย่างไร ..............

ทางนายกรัฐมนตรีไทยมองสถานการณ์นี้ ในแง่ว่า  เมื่อเป็นรัฐแล้ว นั่นหมายถึง  การปกครองโดยกฎหมายหรือไม่ ?  

.........  เรามีความเป้นห่วงในแง่ที่ว่า   คนไทยมักจะสับสนกับการเอาหลักการศาสนา  พุทธศาสนามาใช้อย่างไม่ถูกต้องกับสถานการณ์............

เช่นเกิดมีเมตตา กรุณามากไป   อ้างว่าพระพุทธศาสนิกชนต้องมีเมตตา เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน  เช่นนี้แล้ว  ก็ควรจะเดินทางสายกลาง  มาปรองดองกันเถอะ  ..........  คุณทำผิดโทษร้ายแรงขนาดนั้นก็ไม่เป็นไร  เราควรจะสงสารเห็นใจเขา   อะไรประมาณนี้  อย่างนี้  เห็นว่า ใช้ไม่ได้  ............  มันทำให้หลักการปกครองโดยกฎหมายเสียหายไป  และทั้งหลักการปกครองโดยธรรมก็เสียหายไปด้วย  ...........   ประเทศทั้งหลายที่เขาก็ถือหลักการปกครองโดยกฎหมายหรือ rule by law  ตามหลักสากลการปกครองประเทศ  เขาก็จะไม่เข้าใจรัฐบาลไทย............

และที่สำคัญมันไม่ยืนยันว่า  ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว  บุคคลจะก่อการล้มล้างรัฐบาลไม่ได้โดยวิธีบีบคั้นนอกรัฐสภา  เช่นนี้  ........   แต่เราจะต้องยืนยันอย่างเด็ดขาด  ว่าวิธีการคิดล้มล้างรัฐบาลนอกรัฐสภา จะกระทำไม่ได้เด็ดขาด .........ในประเทศประชาธิปไตย เขาไม่อนุญาตให้มีอย่างเด็ดขาด  ..........เช่นประเทศสิงคโปร์ไงครับ........หรือแม้สหรัฐอเมริกา  อังกฤษ  ก็ดูได้ .....  วิธีการล้มล้างรัฐบาลนอกรัฐสภา เช่นที่พรรคประชาธิปัตย์ยุคนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายชวน  ทำอยู่ขณะนี้  จะต้องไม่มีอีกต่อไป  ฉะนั้น มาตรการทางกฎหมายมีอยู่อย่างใด ก็ต้องจัดการไปตามนั้น ... เพื่อให้เข็ดหลาบและเป็นการยืนยันว่า   ในระบอบประชาธิปไตย คุณไม่สามารถจะใช้วิธีการนอกรัฐสภาเช่นนี้ได้เลย  ........  คุณทำก็ได้แต่จะต้องรับโทษอันรนุแรงระดับกบฎคิดล้มล้างรัฐบาล   ตามที่มีกม.อาญา รับรองไว้แล้ว  

สิ่งสำคัญที่เราเห็นควรยืนยันนั้นก็คือ  การแสดงออกถึงศักดิ์ศรีของประเทศไทย ...... ในสายตาของต่างประเทศ.......และนั่นคือ  ความที่เราจะอาจแสดงตนได้ว่า   เรามีความเสมอภาคกับประเทศที่เจริญแล้วในระบอบประชาธิปไตย .........   อย่าให้ต่างประเทศนึกดูแคลนอยู่เลย

เพราะศักดิ์ศรีของประเทศ  มันอยู่ที่  กฎของ  นิติรัฐ นี่เอง 

แต่อย่างไรก็ตาม   เราต้องมองให้รอบคอบเข้าไว้  ........ หลักพระพุทธศาสนามีอยู่นะครับ คือหลักของสัตตบุรุษ 7 ประการ  ซึ่งถือว่าเป้นหลักมาตรการสำหรับการทำยุทธศาสตร์ที่รอบคอบ  เราจะต้องดู 7 อย่างครับคือ

1.   เหตุ    มีเหตุของสถานการณ์อยู่อย่างไร

2.   ผล    มันส่งผลอะไรอยู่ และจะส่งผลอะไรต่อไป

3.   บุคคล

4.   ตน  

5.    กาล    ถูกด้วยเวลาหรือ   timing  หรือไม่

6.    ประมาณ  มีการประมาณสถานการณ์ ร้าย หรือ เบาขนาดไหน

7.   สมาคม  หมายถึงลักษณะของมวลชนขณะนั้น

นี่คือหลักสัตบุรุษ  หรือสัปปุริสธรรม  ที่ซุนวูเอาไปศึกษาและบัญญัติออกมาเป็นตำราพิชัยสงครามของซุนวู

แต่ในตำราของซุนวู  เรามักจะรู้กันเพียง 2 อย่าง คือ   รู้เขา - รู้เรา   (ตามขอ้ 3 และข้อ 4) 

ในที่นี้ผมเพียงยกมาให้ดูว่า  หลักการพระพุทธศาสนา ส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์ (ไม่ใช่เพียงความเชื่อ) นั้น  ที่อยู่ในหลักการบริหารและหลักของสงคราม หรือยุทธศาสตร์  ก็คือหลักสัปปุริสธรรมนี้เป็นประการหนึ่ง (มีอีกหลายประการ)  ............เมื่อจะเอาหลักพุทธศาสนามาใช้ จึงต้องเลือก...........เลือกเอาหลักที่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เป็นรูปธรรม   ไม่ใช่เลือกหลักที่เป็นเพียงความเชื่อและเป็นนามธรรม ที่พิศูจน์ไม่ได้.............

และโปรดอย่าลืมว่า   เมื่อเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว  กฎหมายคือพระคัมภีร์   ประชาชนเป็นศาสดา................  

และเมื่อเป็นประชาธิปไตย  มันหมายถึง   การบริหาร การปกครองประเทศ ต้องยึดในหลักกฎหมาย  เป็นนิติรัฐนี่เอง      ฉะนั้น  ประชาธิปไตย จึงจะ  เป็นวิทยาศาสตร์   และจะเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน  และ เพื่อประชาชน    และเป็นการปกครองโดยกติกาที่ประชาชนเขียนขึ้น หรือที่ประชาชนอนุญาต ในหลักการว่ากฎหมายเป็นของประชาชน   .................

และกติกานี่แหละคือกฎหมาย ..........

กติกานี้มาอย่างไร   มาจากประชาชนล้วน ๆ   จึงกล่าวได้ว่า  ประชาชนเป็นศาสดา  ผู้สร้างพระคัมภีร์ ขึ้นมาใช้ปกครองประเทศ ปกครองประชาชนทั้งหมด  

และหมายความว่า  พระคัมภีร์ที่มีศาสดาเป็นประชาชนนี้จะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ  แม้ว่ามีพระคัมภีร์ทางศาสนาอื่นใดขัดแย้งกติกามวลชน หรือคัมภีร์ของมวลชนนี้  คัมภีร์นั้นใช้ไม่ได้ (เช่นไบเบิล  อัลกุระอาน.... หากมีข้อความแย้งต่อกติกานี้ก็เป็นโมฆะไป  เป็นต้น)    นั่นคือความหมายที่จะต้องศึกษากันต่อไป ให้ถ่องแท้ รู้ซึ้งถึงเหตุและผลของความหมายนี้  โดยจะต้องเข้าใจเหตุผลในแง่ที่ว่าเป็นหลักวิทยาศาสตร์

ประเด็นคือ   หลัก  นิติรัฐ  นี้จะต้องมีจริงในรัฐใดรัฐหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีอธิปไตยเป็นของตน

มิฉะนั้นก็เป็นรัฐทาส.........หมายถึงไร้ศักดิ์ศรี..........

นี่คือความหมายของปลายทางที่ปรารถนาของรัฐไทย   ประเทศไทย จะต้องเดินไปสู่ความเป็นนิติรัฐให้ได้

จะต้องค่อยทำไป      ครับ......................

โดยในเบื้องต้น......หากใช้หลักนิติรัฐไม่ได้    ก็ต้องมีหลักยุทธศาสตร์.........อย่างไร   ที่จะจัดการกับปัญหาของประเทศให้สำเร็จ  ชนะให้จงได้ 

สุเทพประกาศกร้าวจะเข้าควบคุมศูนย์ราชการ ทำเนียบรัฐบาล สตช. บชน. โดยสมบูรณ์-เด็ดขาด

สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศวันนี้เวลา 21.56 น. ณ ศูนย์ราชการว่าจะรุกคืบยึดหน่วยราชการ 1 ธ.ค. 2556

นั่นคือการประกาศการกบฎต่อรัฐบาลและมุ่งหมายล้มล้างระบอบการปกครองโดยเปิดเผย ท้าทายอย่างยิ่ง แต่ยังไม่มีทีท่าจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หรือจะสายเกินไปเสียแล้ว  นั่นหมายถึงปล่อยเสื้อแดงสู่อย่างโดดเดี่ยว

• สุไหงปาดี ชินะกุล 
  รายงาน 30 พ.ย.2556 04.50 น.

ยิ่งนานวันม็อบบ้ายิ่งเหิมเกริม รัฐบาลก็เงื้อง่าด้วยกลัวว่ามวลชนจะเป็นอันตราย แล้วนักศึกษารามจำนวนมากแค่เห็นคนใส่เสื้อสีแดงก็มีอาการโกรธแค้นรุนแรงถึงกับไล่ล่าทุบรถแท็กซี่เสียหาย ขนาดนั้นอธิการบดีก็ยังแลไม่เห็นความอำมหิตของลูกศิษย์กับไปเข้าข้างๆคูๆท่านเป็นครูชนิดไหนถึงไม่รู้ว่าลูกศิษย์ท่านนิยมความรุนแรง และยังสนับสนุนนักศึกษาชุมนุมใกล้ๆเสื้อแดงในสนามรัชมังคลา เสื้อแดงเขากำลังต่อสู้ทางวิชาการเรียกว่าการปฏิวัติทางภูมิปัญญาเหมือนที่ยุโรปเคยต่อสู้สำเร็จมาแล้วเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยประชาชน เพื่อประชาชน การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเพื่อแสดงทัศนะอย่างบริสุทธิ์เปิดเผยว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยย่อมดีกว่าเผด็จการ โดยธรรมชาติของประชาธิปไตยเขาต่อสู้แบบอารยชนเพราะให้คณค่าชีวิตของประชาชนทุกคนเท่าเทียมกันจึงไม่มีความรุนแรง วิชาประชาธิปไตยเขาสอนให้ใจกว้างยอมรับความเห็นต่าง แต่ลูกศิษย์ท่านเขาต่อสู้แบบอนารยะชน เขาไร้จักประชาธิปไตย เขานิยมลัทธิเผด็จการทางความคิดใครเห็นต่างเป็นศัตรูหมด ซึ่งสถาบันการศึกษาต้องแสดงความรับผิดชอบ คอยดูนะสังคมจะต้องตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัยยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะลูกศิษย์อีกหลายหมื่นคนของมหาวิทลัยรามคำแหงเองที่เขารังเกียจการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ สมัยพุทธกาลก็เคยมีมาแล้วอาจารย์ทิศาปราโมกข์ที่สอนให้ศิษย์ไปเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นเพราะความเขลา