วันที่ 1 ก.พ.คุณยกพวกไปปิดล้อม หน่วยหลักสี่

คุณก่อคามรุนแรง  นำม็อบติดอาวุธไปด้วย  เกิดการยิงขึ้น  คนของคุณซ่อนปืนไว้ในถุงปุ๋ย  วางคนไว้รอบ ๆ มวลชนคนประชาธิปไตยที่เขาไปหน่วยเลือกตั้ง   และยิงคนตายไป 1 คน บาดเจ็บอีกหลายคน  คุณเป็นพระอยู่ ก็ถึงปาราชิก

เป็นทุติยปาราชิกแล้ว ขาดจากความเป็นพระแล้วโดยอัตโนมัติ

เพราะการที่เอาม็อบติดอาวุธไปด้วยนั้น คุณย่อมเล็งเห็นผลยังไง   เท่ากับมีเจตนาแล้ว  พุทธองค์ตรัสว่า  เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ

เจตนานั่นแหละคือตัวกรรม-การกระทำโดยตรง   ภาษากฎหมายว่า  เจตนาเล็งเห็นผล .......... นี่แหละปาราชิก อนึ่งตามกม. อาญา เห็นซึ่งหน้า จนท.จับถอดผ้าเหลืองได้

โดยหลักวัฒนธรรมพระ ซึ่งมีบัญญัติไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ยุค ร.5   ท่านว่า กรรมใดกระทำเป็นโลกวัชชะ ให้ลาสิกขาได้

เช่น ดื่มสุรา  ตั้งวงเล่นไพ่  แม้ไม่ถึงโทษฉกรรจ์ตามพระวินัย  ก็ให้ทางฝ่ายปกครอง(สงฆ์ หรือทางบ้านเมือง)จับสึกได้   คุณสุวิทย์ นี่ยิ่งกว่าโลกวัชชะเสียอีก  เพราะเข้าข่ายความผิดในพระวินัย ทุติยปาราชิก(ฆ่าคนหรือสั่งให้ฆ่าคน) และ จตุตถปาราชิก(โอ้อวดคุณวิเศษในตน) 

การที่ประพฤติตนไม่สมควรคือคบคนพาล รับคำสั่งคนพาลคือสุเทพฯ ผู้ต้องหมายจับฆ่าคน และกบฏแผ่นดิน เพื่อไปประกอบความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง  ย่อมถือว่าเป็นโลกวัชชะแน่นอน  จับสิกได้เลย    

ในด้านกฎหมายบ้านเมืองนี่คือผู้ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน   และสนับสนุนกบฎ  มีความผิดทางอาญาอยู่แล้ว   จับสึกได้เลย

ยังอาจจะต้องปฐมปาราชิกอีกนะครับ  มีคนฟ้องมาว่า การจำวัดนอกพระอารามกลางมวลชนชายหญิงนั้นเสี่ยงต่อข้อครหา  และมีคนมองว่าพระสุวิทย์อาจจะเสพกามตอนดึก ๆ กับสตรีที่แวดล้อมได้ .......ก็ปาราชิกไปแล้ว  จนท.จับสึกได้เลย

อนึ่ง รับเงินรับทอง  ของโจร   แม้ไม่ถึงตติยปาราชิกโดยเด็ดขาด   แต่ก็เป็นโลกวัชชะ   ก็จับสึกได้  

สรุปแล้ว   พระรูปนี้หมดสภาวะภิกษุไปแล้วโดยต้อง  ปาราชิกทุกข้อ  นับแต่ปฐมปาราชิก(เสพกามกับคนหรือสัตว์ เช่นสุนัข ม้า ลา ฯลฯ...ขณะนอนจำวัดอยู่กลางม็อบสตรี)    ทุติยปาราชิก(ฆ่าคน  โดยมีเจตนา  โดยเล็งเห็นผล)   ตติยปาราชิก(เอาทรัพย์ไปโดยเจตนาโจรกรรม  รับทรัพย์โจร เช่นรับทรัพย์จากสุเทพ เทือกสุบรรณ โจร)   และจุตถปาราชิก(อวดอุตริมนุษยธรรม  โดยอวดว่าตนเป็นพระพุทธเจ้าผู้สิ้นกิเลส  จากชื่อว่า  พุทธอิสสระ ซึ่งแปลว่าพระพุทธเจ้าผู้สิ้นกิเลส  ซึ่งความจริงตนเป็นพระสุวิทย์ เตชะธมฺโม เท่านั้นเอง) 

แล้วยังประกอบกรรมมีความน่าเกลียด เป็นโลกวัชชะ ตามมติมหาเถรอีก............จับสึกสถานเดียวก่อน   ส่วนความผิดทางกฎหมายก็ว่าตามไป

ภิกษุต้องปาราชิก  มีชื่อติดตัวไปตลอดชีพว่า  สมี   เช่นกรณีนี้ก็ได้ชื่อว่า   สมีสุวิทย์ 

ชาวพุทธโบราณจะพากันรังเกียจเหยียดหยามสมีอย่างเข้ากระดูกดำ โดยเชื่อว่าใครคบหาสมาคมด้วยแล้วชะตาชีวิตทั้งชีวิตไม่มีดี มีแต่เสื่อมลง ทำมาหากินกับสมีก็ไม่ร่ำรวยมีแต่ฝืดเคือง  ในหมู่บ้านชนบทเดิม  เขาจะไม่ให้สมีทำนาเหนือนาเขา  ๆ จะพากมาขับไล่  เพราะจะนำเสนียดจัญไรไหลลงมา ทำให้นาข้าว ปลา อาหารการครองชีพอัตคัตขาดแคลน เพราะบาปของสมีให้ผลแรงร้ายมาก

โดนหมายจับแล้ว

พาดหัวข่าวไทยรัฐ8ก.พ.2557ว่า

ออกหมายจับ "พุทธอิสระ "ขวางเลือกตั้ง...

ศาลอาญาเห็นว่า   น่าจะกระทำผิดอาญาร้ายแรง อัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี  จึงอนุญาตให้ออกหมายจับ .....เมื่อเวลา 13.30 นย. วันที่ 6 ก.พ.2557  มาแล้ว 

ชื่อจริง  สุวิทย์ ทองประเสริฐ  (ธีรธมฺโม)  ..........  ชื่อตั้งเอาเองว่า   หลวงปู่พุทธอิสระ   พวกเดียวกับ  เณรคำ ศรีสะเกษ

ช่อง 4 ของคุณชัช ทีโอที  เผยภาพคนในผ้าเหลือง(ก็สมีสุวิทย์) ถูกถีบหน้าคว่ำโดยหญิงชาวต่างประเทศ  .........   ไม่ทราบมีรายละเอียดอย่างไรครับ   ชอบมาก ๆ ครับ   ............

มันมีปรากฎการณ์ยุคใหม่ครับ  ผู้หญิงยุคนี้ตื่นตัวเข้าวัดเข้าวากันมาก .........   เป็นเพราะผู้หญิงในศาสนาพุทธมีบทบาทในศาสนาน้อยกว่าบุรุษมาแต่เดิมครับ    เช่นไม่มีสิทธิ์บวช  เป้นนักบวชไม่ได้   หรือเมื่อเป็นนักบวชได้ก็ให้เงื่อนไขมากกว่าบุรุษ  นั่นคือ ภิกษุถือศีล 227 ข้อ   ภิกษุณีถือ 310 ข้อ  และมีฐานะเท่า ๆ สามเณร  ......   

วันนี้ผู้หญิงมีสิทธิมากขึ้น เพราะคำว่าเสรีภาพ เสมอภาค  ภราดรภาพ ดังขึ้น  หญิงก็มีสิทธิ์เข้าวัดเข้าวามากขึ้น......

แต่จุดบกพร่องของผู้หญิงวันนี้ก็คือ  ไร้ปัญญา   ..........    มีศรัทธามากโดยไร้ปัญญา  และมักไม่ค่อยรู้เรื่องราวของศาสนพิธี  ไม่รู้เรื่องราวของการปฏิบัติธรรมในแนวธรรมชาติ   ..........   ผู้หญิงมักพินอบพิเทา..........

โง่   พอ ๆ กับทหารใหญ่ ๆ  ระดับผบ........ไปแห่แหนนายสุวิทย์   อลัชชี  พอ ๆ กับพวกเศรษฐินีโง่ ๆ  แห่ไปถวายเงินให้เณรคำ   ให้นายสุเทพ

เราอยากเตือนหน่อยว่า ควรมีเหตุผลให้มาก ๆ ครับ   หากคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์  ใช้แนวคิดวิทยาศาสตร์มันจะมีเหตุผลขึ้น  และเอาตัวรอดจากความศรัทธา

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์  ไปกราบ นายสุวิทย์ ......ว้อยส์ทีวี ไปขอขมา พร้อมควักเงินให้แสนกว่าบาท(โดยการบังคับข่มขู่รีดไถของนายสุวิทย์ จากความโง่เขลาเข้าใจผิดว่า  ตนถวายเงินแด่พระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง)

ที่เขาเรียกตัวว่า   พุทธอิสสระ   นั้น มีความรู้บ้างหรือเปล่า   ว่าเพียงชื่อ พุทธอิสสระ นี้ก็บอกถึงความไม่ชอบ ไม่ควร  และไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยแล้ว.....

พุทธอิสระ  แปลว่า  พระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ที่ทรงมีอิสระภาพ  พ้นจากกิเลสตัณหาอุปาทานแล้ว..........

........เขาต้งชื่อเอาแบบนี้............แปลว่าอวดอุตริมนุสธรรม....มีเจตนาอวดโอ้โดยตรง ......ก็เท่ากับเป็นปาราชิกอยู่แล้ว .....โดยพระวินัยในพระปาฏิโมกข์   ปาราชิกข้อที่ 4

โดยหลักธรรมของพระพุทธศาสนา .....ชื่อนี้ คือการยกตัวเสมอพระพุทธเจ้า ..........เสียสติ  ลืมตัว...............ไม่มีสาวกใด  ที่ชื่อว่าสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จะยกตัวเสมอศาสดาได้ ....แม้ในศาสนาอื่น ๆ ทุกศาสนา ก็ไม่มีสาวกใด(สาวกหมายถึง follower...ผู้เดินตามหลังไป)    ยกตัวเสมอศาสดา  เช่นเดียวกัน  

................

พระสุวิทย์ นี้โดยบุคคลิกภาพ ...... เป็นพระไร้การศึกษา ทั้งทางโลกทางธรรม  ....... (จบ ป.4 หรือม.3 ......จบ น.ธ.ตรี .....ประมาณนี้เอง)    ขาดความรอบรู้ทางสังคมวิทยา จรรยามารยาท ...........  ฟังการพูดการจา(ฉันอย่างนั้นฉันอย่างนี้....ด่าคนนั้น   ด่าคนนี้  แล้วบอกว่าตนเป็นคนตรง...พูดอะไรตรงไปตรงมาตามใจคิดนึก ไม่อ้อมค้อม......ดูท่าเดินไขว้มือไว้ข้างหลัง....ก็น่าจะ.)  ของพระรูปนี้  คนฟังที่โง่เขลา มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาแต่ไร้ปัญญา  ฟังแล้วดูเป็นพระที่ทรงอำนาจเด็ดขาดดี   ก็เลื่อมใส  นึกในใจว่าท่านต้องบรรลุธรรมชั้นสูงสุด ระดับอรหันต์แน่  ท่านดูเหนือโลก  ไม่เกรงกลัวใคร...........   พอไปพบก็นึกระย่ออยู่แล้ว......นึกว่าไปพบพระผู้สูงสุด  อะไรประมาณนั้น   และก็ยอม  ยอมโดยไร้เหตุผล  ที่จะทำบุญเอาง่าย ๆ   เป็นแสนเป็นล้านบาท.......และพระหลายรูปที่เป็นพระที่สร้างปัญหาให้สังคม ก็จะออกบุคคลิกภาพใหญ่ ๆ ไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้แหละ  .......สังคมไทยกำลังเรียนรู้อย่างเร็วอยู่ในไม่ช้าก็จะเข้าใจ  .............

กรณีพระสุวิทย์นี้  ในตอนแรก  สุเทพ  ก็เพียงคิดจะเอามาเป็นเครื่องมือ เพื่อเสริมแนวรบทางด้านจิตวิทยามวลชนเท่านั้น   แต่ไป ๆ มา ๆ  สุวิทย์เองกลับถีบตัวเป้ฯใหญ่ขึ้นพอ ๆ กับสุเทพ เอง ............แน่นอน  ....หากการครั้งนี้สำเร็จ ก็หวังกันว่าจะได้บำเน็จความดีความชอบอย่างสูงสุด..........แต่สำหรับอดีตพระสุวิทย์นี้  ..........  เนื่องจากประชาชนทั้งปวงที่เป็นชาวพุทธทั่วประเทศ คือประชาชนชั้นรากหญ้า ๆ  ทั้งหลาย  เขาเข้าใจศาสนาดีมาก ๆ   ......  เขาเข้าใจดีจนสามารถควบคุมพฤติกรรมพระได้อย่างศักดิ์สิทธิ์........ดูกรณีพระนิกร ธรรมวาที  มาถึงพระยันตระ อมโร  ที่ก่อเรื่องโด่งดัง  และต้องดับชื่อเสียงลงอย่างสนิท  ก็เพราะประชาชนเขารู้วินัยพระดี ..........เขาชี้ได้เลยว่า   ปาราชิก   ต้องพ้นไปจากศาสนา ...  ยังไม่พอ    หากไม่หนีไป   ประชาชนนี่แหละยกขบวนไปล้อมวัด  ........   ยื่นคำขาดให้เลย ..........ประชาชนรู้ดีว่าศักดิ์ศรีของพระอยู่ที่ศีล-227 ข้อ  มีศีลยบริบูรณ์เขาก็ก้มกราบ สนิทใจจริง    แต่เมื่อศีลขาด....มันทำให้ขาดไปจากความเป็นพระแต่เป็นตัวอุบาทว์ขึ้นมาทันที.....ชาวพุทธจึงสามารถเปลี่ยนท่าทีต่อคน ๆ หนึ่งคนเดียวกัน  ไปในทางตรงกันข้ามได้อย่างไม่ขวยเขินใจอะไรเลย ......  คือวันนี้ประชาชนก้มกราบท่านอย่างเลื่อมใสศรัทธาสูงสุด  .....ก็เพราะท่านเป้ฯพระ     แต่อีกวันต่อมา ประชาชนออกมาขับไล่.....ก็เพราะท่านกลายเป้ฯตัวอุบาทว์ไปแล้ว   นั่นเอง  

พระสุวิทย์นี้   ได้กลายเป็นตัวอุบาทว์ไปนานแล้ว โดยเฉพาะวาระหลัง  ตนเป็นสงฆ์สาวก  รับใช้พระพุทธเจ้า    แต่กลับมารับใช้กบฏแผ่นดิน  ผู้ต้องหาฆ่าประชาชน 100 ศพ  โดยเจตนาให้พ้นผิด......เท่ากับช่วยโจร  ช่วยคนอุบาทว์ต่อประเทศชาติ   นี่เป้ฯการไม่สมควร   โลกถือว่า  เป็นโลกวัชชะ  

คนจำนวนมากอาจจะเคยนับถือ    แต่หากมาคิดว่า    คุณธรรมภายในย่อมเสื่อมไปแล้ว เพราะการกระทำบาป ผิดศีล  ศีลขาดไปแล้ว  ด่างพร้อยไปแล้ว   ต้องโทษตามพระวินัยไปโดยอัตโนมัติแล้ว ........  ก็ไม่มีอะไรจะศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป.......

และภาพที่เห็น   สุวิทย์  ธีรธมฺโม  หรือนายสุวิทย์  ผู้โอ้อวดอุตริมนุสธรรม ว่าตนเป็นพระพุทธเจ้า  นามว่า  พุทธอิสสระ  ก็ค่อยเสื่อมเสียไป   และจะจบลงอย่างไร   ........   ตัวเองเคยคาดคะเนเอาไว้บ้างหรือไม่ ............ถึงตรงนั้นแม้หัวโล้นก็จะถูกสตรีผู้เกลียดชังลูบคลำเอาได้ 

 คนโล้นซ่าส์คนนี้ ได้อำนาจจากสุเทพฯ ยกย่องให้เป้นครูบาอาจารย์ ก็เหิมเกรม ก็เท่านั้นเอง  

วันนี้ได้เอารถตักหิน ตักดิน ไปทำลายเวที กวป.  หน้า ปปช.  ทำลายทรัพย์สินที่เวทีไป ราคาร่วม ล้านบาท  

.......

แต่กลุ่ม กวป. ใช้มันสมองสู้   ศรรักษ์ มาลัยทอง  นำในการต่อสู้อย่างฉลาด

โล้นซ่าส์  คอยอย่างเดียวคือ  สู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง  และ ชาวพุทธ  .........  นั่นมีอนาคตอยู่หรืออย่างไร ? 

 กวป.จะมาขวางไม่ให้ นรม.เข้าไป ปปช.พรุ่งนี้ 

 พระสุวิทย์ ธีระธัมโม (พุทธะอิสระ) ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ไม่ต้องเรียกพระแล้วขาดตั้งแต่ไปเรียกเงินจากเจ้าของโรงแรมแล้วขอไห้ชาวพุทธเข้าใจตามนี้ครับ

 สรุปประเด็นโล้นซ่าส์สุวิทย์   ตาม วีระพงษ์ โคตรบัว  คห.12 ครับ   เห็นด้วยอย่าง 100 % ครับ   

ช่อง  183 CHERN YIM   เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดนายโล้นสุวิทย์พูด  ชื่อรายการว่า  ปุจฉา วิสัชนาหลวงปู่   ....สถานีอิสระธรรม  สด

ตอนสำคัญที่โจมตีระบอบทักษิณ ว่า

  ......... ปล้นพระราชอำนาจจากพระเจ้าอยู่หัวมาแล้วก็ลอยแพพระองค์ให้อยู่เดียวดาย นี่คือ ลัทธิทักษิณ ตระกูลชิน......ไม่ใช่ประชาธิปไตย  มันเป็นอัตตาธิปไตยต่างหาก....

.....เป็นข้อกล่าวหาและพูดเท็จที่ให้ร้ายคนอื่นอย่างแรงมาก  ไม่น่าเชื่อว่าออกจากปากคนห่มเหลือง ที่เคยเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา 

พูดถึงคนเสื้อแดงว่า 

.......ผลประโยชน์ของประชาชนคนเสื้อแดงเท่านั้น  นั่นมันอัตตาธิปไตย   

.......เสื้อแดงว่าจะชุมนุม เหลิมว่า ชุมนุมโดยชอบตามหลักรัฐธรรมนูญ   ต่อมาเลื่อนชุมนุม ไป    รู้ว่าเพราะอะไร   กลัวว่า คงจะพ่ายแพ้แก่มวลหมู่มหาประชาชน  กลัวเสียหน้า   รู้ทันน่าเหลิม 

ประกาศตนว่า  พาประชาชนสู้เพื่อ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์  ว่า เมื่อตั้งใจดี ตั้งใจทำประโยชน์เช่นนี้ แพ้ก็ให้มันรู้ไป

ชีวิตไร้ค่า  มาสู้เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตนเอง  

ต่อไปเป็นภาคปุจฉา-วิสัชนา  

ปุจฉา....... หลวงปู่เจ้าคะ ธูปหนึ่งดอกบุชาศพหมายความว่าอย่างไร  ........  ตอบ  เผื่อไปโลกหน้าจะไม่อดอยาก

ปุจฉา......เรื่องทำสมาธิ มีนิมิตรขึ้นมาแปลว่าอะไร    ตอบ    เห็นพระพุทธเจ้า  เห็นพระธรรม   เห็นพระสงฆ์ต้องฆ่าทิ้ง   นั่งสมาธิอยู่เห็น แสดงว่าเป็นมารแล้ว    เดินตรงไว ๆ เร็ว ๆ ก็ถึงฝั่งได้เลย 

ปุจฉา ..... เวลาใส่บาตรพระ พระทำอะไรต่อไป .......  เททิ้งมั้ง   ทำท่าท่องอะไรสักอย่าง  ทำอะไร...ให้พรโยมในใจ 

ปุจฉา......จะเลี้ยงปลา  ผมกับปลาใครมีกรรม ......  ใครเลี้ยงก็รับผิดชอบไป   จบ

ปุจฉา...... ขันธ์ 5  กายกับจิต  เมื่อตอนอยู่ในท้องแม่ กายมาก่อน จิตมาตอนไหนครับ   .....   รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ    มีจิตก่อน  มีปฏิสนธิจิตก่อน จึงมีสังขาร...จบ

ปุจฉา...เรื่องผี  ผีไทย ผีแม่นาค  ผีฝรั่งผีแดรกคุล่า  ผีจีน ผีกองกอย   เวลาทำบุญเขาได้บุญไหม ......มนุษย์ เทวดา พรหม  .... เปรต อสุรกาย สัมภเวสี   ผีไทยเป็นพวกอสุรกาย  สัมภเวสี.......อสุรกาย พวกหลบ ๆ ซ่อน ๆ  

ปุจฉา.....วิญญาณชนิดหนึ่ง  การเสียชีวิตแต่ละครั้งโดยเฉพาะอุบัติเหตุ  ร่างไปที่อื่นแล้ว   วิญญาณแต่ละร่างยังอยู่ที่ที่เสียชีวิตหรือไม่..........แล้วแต่กรรม  มีกรรมเป็นที่เกิด   ที่ระลึก  ......ตันหยงมาศ มีปีศาจลิงกังคอยกัดคอคนตายเลย มันโดดลงมาจากต้นไม้ ...เราเจอเข้า มันกระโดดมาข้างหลัง หันไปทันมันกลัว จ้องตามัน   เป็นพวกหาภพภูมิอยู่ไม่ได้  ...เหมือนผีบุหลง   เสือสมิง  ผีที่มันสิงอยู่ในเสือสมิง แล้วฆ่าพระธุดงค์ตาย มันกินพระ ...คนชอบลองของ   วันดีคืนดีมันก็แปลงกายเป็นพระไปบิณฑบาต  คนออกมาใส่บาตรคิดว่าพระ  มันก็คาบเอาไปกิน ...... มันมีจริงก็แล้วกัน  จบ

ปุจฉา.....ผมเป็นเด็กบ้านนอก   มาอยู่ัอาศัยเรียนหนังสือในวัด  อยู่กับหลวงพี่คนหนึ่งแต่แกเลว    มีพระองค์หนึ่งเลว  ก็ไปบอกตำรวจมาจับ ผมบาปไหมครับ   .......  ไม่บาป  ดีกว่าปล่อยมันทำบาปไป  รักษาวินัยทางพระพุทธศาสนา จบ  (คำถามนี้ทำให้ หมอนี่ หน้าสลดลง ดูเศร้านะ  ทั้งคนถาม คนตอบดูเหมือนจะขยาด ๆ กลัวเรื่องมันจะตรงกับตนเอง) 

ปุจฉา....คำว่าเทพเจ้าที่ปกปักรักษา หมายถึงอะไร  .........   วันหนึ่งมีเทพมาปรากฎให้เห็น  มาถามว่าจำผมได้ไหม   กูจะจำมึงได้อย่างไร .......มีอยู่จริง   แต่เราต้องดี  ความดีจะเรียกเทวดา   เทวดาจะมาก็มาตอนกลางคืน  เขากลัวกลิ่นไอคนบาป  

ปุจฉา....เสือสมิง ทำไมเมื่อพระมีศีลมันจึงกล้ากินพระ.....มีกรรมต่อกันมา

ปุจฉา.....  ที่ท่านว่าอำนาจเท่ากรรมไม่มี  พี่น้องมวลมหาประชาชนมีกรรมเพื่อที่จะมาทำกรรมใช่ไหม?(อีกคำถามหนึ่ง ที่ทำให้หมอนี่เศร้าใจมาก)   ........  เราเกิดมาหลายชาติ  เคยสู้รบเพื่อเสียสละมาหลายชาติแล้ว  จึงกลายมาเป็นทหารของพระราชา   หมื่นพ่อหมื่นแม่มาจากปัจจัยเดียวกัน  มีเหตุปัจจัยแห่งความเสียนสละมาก่อน ให้มาสัมพันธ์  สู้ร่วมกัน   เพื่อสิ่งท่ีตนรักและเสียสละร่วมกัน 

ปุจฉา....มนุษย์ปุถุชน  ขี้เหนียว ๆ  เวลาตายติดตัวไปหรือเปล่า ? ...... แน่นอน  ติดตัวไป   ถ้าดี  เราก็เริ่มภพชาติที่ดี  ชนกกรรม กรรมที่แต่งให้เกิด........อุปถัมภกกรรม .....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุปถัมภกกรรม เราก็ต้องตอบแทนท่าน ....... อุปรียกรรม....กรรมสนับสนุน   บุปเพกตบุญตา  กรรมสนับสนุนมาแต่ก่อน  อุปฆาตกรรม  กรรมตัดรอน รอให้มันเกิดกับไอ้โกตี๋  มีกรรมอีกเยอแยะเช่น   อตีตกรรม  อนาคตกรรม  ......กรรมที่ช่วยแผ่นดิน ขับไล่เสนียดจัญไรของบ้านเมือง  เป็นกรรมดีชั้นเลิศ  เพื่อศาสนา พระมหากษัตริย์สืบไป 

ปุจฉา...เวร กับกรรมเหมือนกันอย่างไร   จะลบล้างได้อย่างไร ......... เวรเป็นผลแห่งกรรม   ลบล้างได้ไหม  ลบล้างไม่ได้  ต้องรับผลกรรม  อาจผัดผ่อนได้ด้วยบุญ 

มีรายการดนตรี...มโหรีต่อ   เล่นเป่าปีเป็นเพลงในหลวง  ......นกน้อยคล้อยบินไปเดียวดาย........ นึก ๆ มิวายกังวล ...........    ทนทรมานมามากแล้ว จะกราบลา   .....

เป็นเพลงเศร้าอีกแล้ว   สร้างบรรยากาศเหมือนงานศพอีกครั้งหนึ่ง   

เล่นขลุ่ยเป็นเพลง โศก   พญาโศกหรือเปล่า   ทำไมเศร้าจังเลย    ฟังแล้วเหมือนคนพวกนี้จะอยากตาย อยากอำลาโลก  

มันบอกถึงดวงจิตที่เปลี่ยวเดียวดาย  ต้องการสิ่งปลอบประโลมใจ  และฝันถึงอนาคต 

เล่นเพลงนี้  กองทัพทั้งกองทัพก็หลับไหลลงสนิทซี.........

แล้ว  ค้างคาวกินกล้วย..............

ก็ยิ่งเศร้าไปกว่าเดิมอีก  ยิ่งเหมือนงานศพเข้าไปกว่าเดิมอีก    

ยอมแพ้เขาเถิดนะ   

ยิ่งอยู่ยิ่งก่อกรรมทั้งชาตินี้ต่อไปอีก 100ชาติ ก็ลบล้างไม่หมด   

คือกรรมที่แอบอ้างสถาบัน ตนไร้ซึ่งความจงรักภักดี แต่อวดว่าตนจงรักภักดี 

ยอมเถิด

แพ้แก่ประชาธิปไตยไม่น่าอายหรอก

เพราะประชาธิปไตยคืออนาคตของชาติ  

 ต่อไปพบ  กำนัน  ถ่ายทอดจากบลูสกาย

...เมื่อเราทำการสำเร็จไล่นางดอกงิ้วไปแล้ว.......

....มากมายหลายพันคนวันนี้

เพราะว่าคนพวกนี้ได้รับมอบอำนาจจากประชาชน แต่ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อประชาชน  แต่เอาไปใช้เพื่อประโยชน์ตนเอง  .......เช่นจะออกกม.นิรโทษให้ทักษิณ และพวกที่เผาบ้านเผาเมือง ปี 2553  จะเอาเงินคืน 70000 ล้านบาท ..... จึงว่าทำเพื่อประโยชน์ตนเอง

นี่เป็นวิธีพูดที่ไม่ได้ดูข้อเท็จจริง แต่ไปรวบรวมเอามาจากอะไรที่บอกถึงความเลวของคน  คนเลวพูดอย่างไร คิดอย่างไร ทำอย่างไร   ก็รวบรวมมาเอามาพูด   ........

นานไปคนก็รู้ความจริง ว่านี่เป็นเพียงนักใส่ร้าย ป้ายสี ....ก็ไปลดคุณค่าตนเองลงไปทุกที 

แล้วอวดอ้างว่าตนจงรักภักดี  ปลุกระดมด้วยการอ้างอิงสถาบันตลอดมา 

คนรู้ความจริงว่าเป็นเล่กล เพียงการโฆษณาชวนเชื่อ   คนก็ถอยห่างออกไป

และพากันเกลียดชัง 

 สุวิทย์ ธีรธมฺโม  ตั้งตนเป็น  พุทธอิสระ   วันนี้ ทั้ง ๆ ที่โดยแก่ใจตนเองแล้ว รู้ว่าตนกระทำผิดหนักเป็นมหันตโทษไปแล้ว  ถึงระดับปาราชิกแล้ว  

แต่การที่ยังห่มเหลืองอยู่นั้น   .......   ต้องตรวจสอบตนเอง    ว่าทำไมจึงยังห่มเหลืองอยู่ ...

นั่นเป็นการทำลายศาสนา   นายสุวิทย์ก็รู้  

วานนี้  นายสุวิทย์พาพวกไปก่อกวน การประชุม กกต.+พรรคการเมือง  ที่ รร.มิเรเคิล   จนทำให้พรรคปชป.นายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าไปประชุม อ้างว่าไม่ปลอดภัยแก่ชีวิต  .......   นายสุวิทย์ไร้สติ  ตนห่มเหลืองอยู่  แต่ทำอย่างนี้ได้....ไม่อับอาย ไม่เกรงกลัวบาป

เพราะเป็นการอ้างศาสนาบังหน้าทำความเลวทราม 

สีเหลืองของจีวร หมายถึงสีเหลืองที่รับใช้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป้ฯศาสดาเท่านั้น .......แต่นายสุวิทย์ ห่มสีเหลืองไปรับใช่ทรราช กบฏสุเทพ  อภิสิทธิ์   

หรือ รับคำสั่งใคร  ให้ไปก่อกวน......

เห็นไหม    นั่นมันบาป   และหมิ่นแคลนพระพุทธศาสนาอยู่ในตัวเอง  

คุณควรถอดชุดไตรจีวรเสีย  .....    เห็นแก่พระพุทธศาสนา 

และเห็ฯแก่พระพุทธเจ้า  

และเห็ฯแก่ตำรวจ  ที่เขาจะเข้าไปจับกุมคุณได้  

 คนเคยบวชมานาน  ระดับเถร มหาเถร  ....   แต่ไม่ทรงคุณธรรมหิริ-โอตตัปปะเลย  ..........

เพียงรำลึกสุภาษิตนี้  ก็น่าจะรำลึกถึง  หิริ ดอตตัปปะธรรม 

     อนิกฺกสาโว กาสาวํ โย วตฺถํ ปริทเหสฺสติ

     อเปโต ทมสจฺเจน. น โส กาสาวมรหติ.

     โย จ วนฺตกสาวสฺส. สีเลสุ สุสมาหิโต.

     อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหติ.

     คนใด ใช่ผู้กิเลสดังน้ำฝาดอันออกแล้ว

     ไปปราศแล้วจากความทรมานและสัจจะ

     จักนุ่งห่มผ้ากาสาวะ คนนั้นย่อมไม่สมควรผ้ากาสาวะ

     ส่วนว่าคนใด พึงเป็นผู้มีกิเลสดังน้ำฝาดอันคายแล้ว

     ตั้งมั่นดีแล้วในศีลทั้งหลาย เข้าถึงแล้วด้วยความทรมานและสัจจะ

     คนนั้นแล ย่อมควรผ้ากาสาวะ.

• จาก กรม-วชิรญาณวโรรส, ธรรมวิจารณ์ พิมพ์ครั้งที่ 20/2501 “คาถาธรรมบทแปล” หน้า 9

 กาสาวะ  เป็นเครื่องนุ่งห่มของพระอริยบุคคล 

สุวิทย์ เตชะธมฺโม  สูญสิ้นความเป็นพระไปโดยสิ้นเชิงแล้ว  ถอดผ้ากาสาวะเสียเถิด

มันบาปมากเลยนะ  ที่เอาสัญลักษณ์ของพระอริยเจ้าไปหุ้มห่อกาย แล้วไปรับใช้การเมืองกบฏ  นึกได้อย่างนี้ก็น่าจะละอายใจ 

อีกสักหน่อย  คุณจะนอนไม่หลับ  และในที่สุด สมองคุณจะระเบิด เพราะพลังบาปมหันต์ เนื่องด้วย ผ้ากาสาวะ นี้  

ถอดผ้าเหลืองเถิด  บาปจะลดน้อยลง  ........ดูเทวทัต   แม้ตกนรกอเวจี  แต่วันหนึ่งจะได้ขึ้นมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระพุทธองค์ทำนายไว้)........   ก็เพราะก่อนธรณีจะสูบมิดลงไป  ได้รำลึกบาป  และใช้คางบูชาขออภัยโทษต่อพระพุทธเจ้า 

คุณจงหยุด และยกมือขอโทษต่อผ้ากาสาวะ

 เอาละ   อะไรคือแนวทางการเมืองของ นายสุวิทย์ 

ชัดเจนขึ้นล่าสุด  ก็จะระดมพรรคพวกไปหัวหิน ไปพระราชวังไกลกังวล 

ทีแรกยืนยันว่า  ทางที่ชอบธรรมของการเมืองไทย ก็คือ  การถวายคืนพระราชอำนาจ .....

จะพาประชาชนไปถวายฎีกา  ถวายคืนพระราชอำนาจ 

น่าวิตกในความคิดนี้.....

โปรดฟังสักนิดว่า  นี่เป้นความคิดของอดีตพระรูปหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในวัดวาอาราม  ไร้การศึกษา ทั้งทางโลกและทางธรรม  ........ไร้วิสัยทัศน์ทางการเมืองโดยสิ้นเชิง 

ถามคำว่าคุณรู้จักคำว่าการเมืองหมายถึงอะไร ? เท่านี้ ก็คงตอบไม่ได้ ...........

ก็ขอบอกว่า   อย่าคิดการใหญ่ขนาดนั้นเลย  เราไม่ได้คุ้นเคยกับสิ่งนี้ คือ  การเมือง   การเมืองไม่ใช่หมู  

การเมืองนี่คือ  เสือ  สิงโตร้าย เราดี ๆ นี่เอง 

ถ้าไม่ช่ำชอง  มีวิชาดีแล้ว  อย่าไปคิดนำพาการเมืองเลย    มันจะกินเรา

มีสุภาษิตมานานแล้วสำหรับประเทศไทยว่า   การเมืองไทย  ได้ค่อยฆ่านักการเมืองไทยมาตามลำดับ ๆ    ทุกวันนี้ การเมืองไทยก็ยังคงทะยอยฆ่านักการเมืองต่อไปไม่หยุดยั้ง

มันกำลังจะฆ่าใครอีกบ้าง คุณก็มองดู  

และแน่ ๆ  ก็คือ  อภิสิทธิ์  สุเทพ  เปรม  สายหยุด  ชวน  ตลก รัฐธรรมนูญ   ก็กำลังจะตายลงกับการเมืองในลำดับต่อ ๆ ไปนี้  

คนโง่ ๆ  อย่างนายสมีสุวิทย์  .....   คนไม่เจียมตัว ไม่เจียมปัญญา   จะรอดไปได้อย่างไร 

ในเมื่อแนวคิดของเขามันล้าหลังไปไกลสุดกู่ขนาดนั้น  ที่สำคัญมันย้อนแย้งกับกระแสโลกาภิวัฒน์ คือยุคประชาธิปไตย 

วันนี้ก็เห็นแล้วว่า  สุวิทย์ได้ตายไปแล้วจากสถานะพุทธสาวก  กลายเป็นสมี   และกำลังจะตายเป็นซ้ำ2  สุวิทย์กำลังจะตายเพราะการเมืองไปอีกคน  ตายลงอย่างน่าสมเพชเวทนา เพราะไม่รู้อะไรในการเมืองเลย แต่เกิดอยากมาลองดีกับสนามการเมืองอย่างเลินเล่อและโง่เขลา 

ไม่เข้าใจแม้กระทั่งคำว่า  ระบอบอย่างไร  อำนาจอย่างไร  พรรคการเมืองอย่างไร  ปัจเจกบุคคลอย่างไร  ประชาชนอย่างไร  สิทธิอย่างไร  หน้าที่อย่างไร  นโยบายอย่างไร  ภราดรภาพอย่างไร  เสมอภาคอย่างไร  เสรีภาพ  เสรีชน อย่างไร  วัฒนธรรมอย่างไร 

 ธรรมชาติ 2 อย่าง 

ธรรมชาติการเมืองระบอบเก่า

ธรรมชาติการเมืองระบอบใหม่ 

เมื่อไม่เข้าใจธรรมชาติ  คุณก็เลือกผิด

ธรรมชาติที่กำลังจะดับวายลงไปคือระบอบเก่า .......คือ...มันเป็นอย่างนั้นเอง  คุณเข้าใจไหม สุวิทย์  หลักธรรมะก็คือความเป็นธรรมดา  วันนี้มันถึงภาวะธรรมดาที่จะวายตายลงไป     แล้วคุณก็จะดับวาย ตายไปพร้อม ๆ กับมัน  เป็นธรรมดาอย่างนั้น 

ส่วนที่เป้ฯธรรมชาติ  ธรรมดาขณะนี้ก็คือ  ประชาธิปไตยกำลังรุ่งโรจน์  มันเป็นยุคของมันเป็นธรรมดา ......

คุณคิดว่าหากประเทศไทยเป็นระบอบเก่า.....ประเทศอาเซียนเขาจะยอมรับประเทศไทยหรือไม่  ?   

ในเมื่อคำตอบเป็นปฏิเสธ    ไทยจึงจำเป็นที่จะต้องเอาการเมืองระบอบใหม่ ทำให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด   ให้ทันการประชุมอาเซียนเร็ว ๆ นี้ 

ป่านนี้แล้ว  สมีสุวิทย์ ยังไม่เข้าใจ  ยังไม่เคยได้ยินดำรัสในหลวง ว่าด้วยระบอบใหม่เลย    น่าสงสาร 

ทรงตรัสแก่ผู้พิพากษาในเดือนธันวาคม 2549  ว่าอย่างไร  เคยอ่านหรือเปล่า 

ทรงตรัสเรื่องประชาธิปไตย  ระบอบใหม่ทั้งนั้น ........มีคนฟังไม่รู้เรื่องอยู่ 2 คนแล้ว คือ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์  กับ พล.อ.สายหยุด เกิดผล 

สมีอีกคน  

ผมไม่พูดเรื่องเสื้อเหลือง เสื้อแดง ผมอาจจะเป็นไทยเฉยก็ได้ เพราะเป็นการคิดขัดแย้งเรื่องของผลประโยชน์ทางการเมือง

กันทั้งสองฝ่าย โดยใช้ประชาชนที่มีแนวความคิดเดียวกันร่วมต่อสู้ ปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องตามราว จบ ๆ ไป แต่ที่จะแสดงความเห็น

คือผมเป็นไทยพุทธ ผมรับไม่ได้กับพระที่ร่วมประท้วงเรื่องทางโลก ไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ในฐานะที่ผมสอนหนังสือด้วย

ผมอยากเตือนสติ ผู้นำม็อบทั้งหลาย อย่าเอาพระมาเป็นเครื่องมือ และพระก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวทางโลก ง่าย ๆ พระมีหน้าที่เผยแพระพระธรรม 

คำสอนของพระพุทธเจ้า สอนให้คนเป็นคนดี ไม่ทะเลาะวิวาทกัน แต่พระนำม็อบเสียเอง เลือกข้าง สิ่งที่กูคิด กูแน่ กูถูก ใครอย๋าเถียง 

กูไม่ผิด แล้วถ้าพระประพฤติตนแบบนี้ ถือว่าผิด แล้วยังไปกราบไหว้โล้นอลัชชี พวกนี้อีก เพราะถือว่าเป็นพรรคพวกตัวเอง ผู้นำม็อบทั้งหลาย

คุณสุเทพ คุณจตุพร แนะนำแนวร่วมด้วยนะครับ อย่าให้พระสงฆ์มาร่วมม็อบ คุณจะเสียไปด้วย ถ้าอยากเล่นการเมืองสึกซะ มาเล่นการเมือง

ไม่มีใครว่า ผมเขียนมาซะยาวจะเข้าเรื่อง ไอ้โล้นนี่ซะที โล้นสุวิทย์ ศิษย์สุวาน เพราะกำลังจะเดินทางไปนรกแล้ว คุณไหว้มันเข้าไปได้ยังไง

ผู้นำม็อบ มันโล้นอัปรีย์ ชัด ๆ คุณยังแยกดีชั่วไม่ได้ แล้วคุณสุเทพจะตัดสินดีชั่วคนอื่นได้ยังไง สุวิทย์มันลายศาสนาขนาดนี้ คุณยังกราบไหว้มันอยู่ จะพูดยังไงได้แล้ว ทหารอีก ท่านผู้นำทหารให้ไอ้โล้นนี้่ เจิมหน้าผากให้ คนเรามันพลาดได้ครับไม่เป็นไรหรอก อย่าทำเป็นครั้งที่สองนะครับ

คุณจะเสื่อมไปทั้งชาติ ตอนนี้มันยิงทหาร ทหารที่รัก ทำอะไรมั่งนะ ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ หรือเลือดทหารที่มีศักดิ์ศรีเกินร้อย อย่าให้ไอ้โล้นอัปรีย์ จัญไร นี่มาย่ำศักดิ์ศรีคุณ และชาวพุทธทั้งประเทศ ผมอยากรู้จังการ์ดสุวิทย์มันเป็นใคร มันถึงใหญ่ทั้งแผ่นดิน ไม่มีใครทำอะไรพวกมันได้

ฝากถึงคุณสุเทพและกปปส.ทุกท่านด้วยนะครับ คุณจะแพ้จะชนะผมไม่รู้ ถ้าคุณยังแยกดีชั่ว ของไอ้โล้นจัญไรสุวิทย์นี้ไม่ได้ ยังเอามาเป็นพรรคพวกอีก คุณก็คงตัดสินดีชั่ว ให้คนอื่นไม่ได้แล้วหละครับ 

 นี้เป็นความเห็นที่มีเหตุผล ตามธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ๆ   เชิญออกไอเดียต่อนะครับ ผมชอบ