ReadyPlanet.com


ทักษิณแถลงแนวนโยบายพรรคการเมืองไทย-พรรคเพื่อไทย 23 เม.ย.2554 บทวิเคราะห์


 

ทักษิณคิด  เพื่อไทยทำ  ประชาชนพ้นทุกข์ ได้ปัญญา ตาสว่างทั้งแผ่นดิน

ทักษิณคิดอย่างไร ได้ฟังกันแล้วเมื่อ วันที่ 23 เม.ย. 2554  ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
และขณะนี้  วันนี้ วงการสื่อสารมวลชน  นักวิชาการ นักการเมือง และประชาชนทั่วไปก็ตกอยู่ในอาการตื่นกับความคิดของทักษิณ  ในทัศนะของเราเห็นว่า  แนวความคิดนี้ ก็เป็นสิ่งที่ได้แสดงผลออกมาแล้วในยุคพรรคไทยรักไทยปกครองประเทศ  ครั้นพรรคไทยรักไทยถูกยุบด้วยอำนาจอมาตยาธิปไตย หัวล้าหลัง ที่ได้โกงอำนาจและรัฐบาลประชาชนไป  โดยมีผู้มีบารมีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ เป็นตัวชักใยวางแผนล้มล้างรัฐบาล ด้วยความคิดอันล้าหลังสุดกู่แต่มักใหญ่ใฝ่สูง  จึงทำประเทศล่มจมลงไปอยู่ในขณะนี้  เป็นเหตุให้คนรู้ความจริง และประชาชนได้เรียกร้องนโยบายทักษิณ พรรคทักษิณ  และทักษิณเอง กลับคืนมา  จนบัดนี้  มีโอกาสได้รับฟังว่านโยบายที่จะฟื้นประเทศไทยที่กำลังค่อยจมลงไปด้วยหัวอำมาตย์ล้าหลัง   เป็นอย่างไร      ประเด็นสำคัญของนโยบายนี้ ไม่ใช่มีความสำคัญเพียงว่า ทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะหายจากความยากความจน มาสู่ความร่ำรวย ที่อาจจะร่ำรวยกันได้ทุกชั้นวรรณการอาชีพ และมีเกียรต์ในสายตาต่างประเทศ   แต่มีนัยยะสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย  ในแง่ที่ว่าทำอย่างไรประชาชนจึงจะสามารถขึ้นมาสู่อำนาจอธิปไตยของประเทศ และรักษาอำนาจเอาไว้เป็นของประชาชนอย่างถาวรต่อไป   นั่นคือความเป็นประชาธิปไตย..........และความคิดทักษิณนี้แทบทั้งหมดนั่นแหละ  กระตุ้นวงจรลัดให้แด่ประชาธิปไตยไทย  มันลัดไปได้อย่างเร็วเกินความคาดหมาย   โดยการปลุกประชาชนให้ตื่นและรู้จักคิดและรู้จักทำได้ด้วยตนเอง   ....    เป็นนโยบายอันเร่งรัดและข้ามขั้นตอนการวิวัฒนาการของประชาธิปไตยไปได้เป็นศตวรรษ        เราจึงสนับสนุนนโยบายและตัวบุคคลผู้จะทำนโยบายนี้อย่างเต็มที่

ส่วนที่จะมีเกิดขึ้นของปฏิกริยาในทางไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้  ก็ย่อมมี   สำหรับพรรคการเมือง และบุคคลผู้ตามไม่ทันการเมืองยุคใหม่..และไม่เข้าใจอะไรเป็นอะไรเกี่ยวกับประชาธิปไตย  ไม่เข้าใจหน้าที่ของพรรคการเมืองและนโยบายทางการเมือง ....มีพรรคการเมืองลักษณะนี้อยู่ในประเทศไทย ที่ไม่รู้จักประชาธิปไตย ไม่รู้จักทำนโยบายมาก่อนเลย แม้จะเกิดมานานกว่าพรรคการเมืองอื่น...ก็ได้แก่พรรคประชาธิปัตย์และทหาร   ที่ได้เป็นรัฐบาลในขณะที่มิได้มีอะไรอยู่ในหัวเรื่องนโยบายของพรรคการเมืองเลย  เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จึงไม่ได้มีการแถลงนโยบายก่อนขึ้นปกครองประเทศ(การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แถลงนโยบายในสภาผู้แทนราษฎร แต่เลี่ยงไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศนั้น ถือว่าไม่ได้แถลงนโยบาย  และสะท้อนถึงการไร้นโยบาย  และหมายถึงการเสี่ยงนำรัฐนาวาไปท่ามกลางความมืด ไร้หางเสือ  ซึ่งก็ได้พิศูจน์แล้วว่าได้นำรัฐนาวาคือประเทศและประชาชนไปสู่ความหายนะแล้ว...และถลำไปคิดผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิที่ร้ายกาจ...กล่าวคือไปคิดวิธีการบริหารอันโหดเหี้ยมเยี่ยงสัตว์ป่าขึ้นมาใช้กับประชาชนตนเอง (เพราะคิดอย่างคนผู้เป็นประชาธิปไตยไม่เป็น)   นั่นคือฆ่าประชาชนส่วนหนึ่งทิ้งเสีย...อย่างน้อยก็ 91 ศพ...  โดยข้ออ้างว่า  เป็นมะเร็ง คือส่วนที่เลวร้ายของเลือดและเนื้อที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้.....ในทัศนะของพรรคประชาธิปัตย์และทหารที่โง่เง่า.....  มีทางเดียวคือตัดก้อนเนื้อร้ายนั้นทิ้งเสีย...แต่แล้วเนื้อที่อ้างว่าร้ายนั้นกลับงอกขึ้นมามากกว่าเดิมและงอกขึ้นมาเรื่อย ๆ  จนกระทั่งสิ่งที่คิดว่าเนื้อร้ายนั้นจะท่วมตัวท่วมตนจนคนที่อ้างว่าเนื้อดีนั้นค่อยฝ่อลงไปจนจวนจะไม่มีที่อยู่แล้ว ) เมื่อเป็นเช่นนั้นรัฐบาลประชาธิปัตย์และทหาร จึงจำต้องยอมลอกกากนโยบายพรรคการเมืองอื่น เช่นพรรคไทยรักไทยไปทำ อย่างไม่เข้าใจเหตุผล  แนวคิดอย่างประชาธิปไตยที่ซ่อนเร้นไว้นั้น   รัฐบาลนี้เขลาขนาดที่ต้องไปเสียค่าโง่ เพื่อจ้างบริษัทต่างประเทศให้ทำนโยบายเรื่องไข่ชั่งกิโล เสียเงินซื้อไปถึง 71 ล้านบาท  แต่แล้วก็โดนตุ๋นเสียเปื่อย  ......  น่าอับอายโลกทั้งโลกจริง ๆ (เขาก็จะเอาไปพูดว่า ขอให้ ปชป.ได้เป้นรัฐบาลอีก  เขาจะเสนอนโยบายอย่างนั้นอย่างนี้ เรียกเงินค่าทำนโยบายเท่านั้นเท่านี้ได้อย่างสบาย)   แล้วยังไปลอกกากนโยบายประชานิยมมาจากอดีตประธานาธิบดีตูนีเซีย มาทำอย่างตูนีเซีย  ที่แจก ๆ ๆ ๆ ตลอดมานั่นแหละ จนประธานาธิบดีตูนีเซียเผ่นหนีไปแล้ว  ยังไม่รู้คิด (อันผิดหลักการประชาธิปไตยในแง่ที่ไม่ช่วยให้คนคิดเป็นทำเป็น)  และยังมีก๊กการเมือง  คือก๊กการเมืองใหม่  และก๊กภูมิใจไทย(ที่เรียกก๊กก็เพราะไม่มีลักษณะที่จะเรียกได้ว่าพรรคการเมือง) ที่มืดบอด สิ่งที่ไม่ใช่นโยบายไปประกาศว่าเป็นนโยบาย   เช่น เอาหลักการโฆษณาชวนเชื่อมาประกาศว่าเป็นนโยบายได้อย่างไร  จนกกต.เขาตำหนิ แล้วก็คิดอับอายตนเอง รีบปลดป้ายลงทั่วประเทศ  เสียเงินเท่าไรไม่คำนึง   ..อันเป็นท่าทีที่หมิ่นแคลนประชาชน นึกว่าคนไม่รู้ทัน .. เราคิดว่าพรรคเหล่านี้ควรจะถอนตัวจากการเลือกตั้งเสีย  เพราะ  นี่คือวัชพืชของประชาธิปไตย  ทำให้ทางเดินของประชาธิปไตยรก...........   

เราพบว่าคนทั้งหลายกำลังตื่นในนโยบายใหม่เอี่ยมของพรรคเพื่อไทย โดยทักษิณ วันนี้   เพราะแม้ชาวนาในชนบทก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างอึงคะนึงในเรื่องเครดิตถ์การ์ดและหนี้เกษตรกร ....ทางชลบุรี   ทางใต้ก็คงตื่นเรื่องการถมทะเลสร้างเมืองใหม่..การป้องกันน้ำท่วม....ตลอดทั้งนิสิตนักศึกษาผู้จบการศึกษาแล้วที่จะได้มีโอกาสได้งานเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท บ้านใหม่  รถคันใหม่  และการเริ่มต้นชีวิตใหม่......แม้พี่น้องชาวมุสลิม3จังหวัดใต้ก็มีสิทธิได้เขตปกครองตนเองตามสิทธิประชาธิปไตย ....และอย่าลืมว่า  มีประชาชนตาดำ ๆ ผู้ที่มีปากเหมือนน้ำท่วมปาก...(เพราะเขาป่วยอยู่).....เขาไม่อาจจะพูดได้   ว่าสิ่งที่พวกเขารอคอยคือ......  30บาททุกโรค.....ทุกโรค........ในรายละเอียดของนโยบาย  นั่นเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย  นักการเมือง และประชาชนผู้สร้างประชาธิปไตย  จะนำมาขยับขยายความออกไปตามลำดับ ๆ  และให้เห็นว่าทั้งหมดของนโยบายทักษิณ....ไม่อาจจะแยกส่วน....แต่เป็นการสัมพันธ์กันเป็นองค์รวม............. 

  • สุไหงปาดี  ชินะกุล
    24 เม.ย.2554

 



ผู้ตั้งกระทู้ สุไหงปาดี ชินะกุล :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-24 16:42:36


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3292802)

นโยบายเหล่านี้  ให้ใครทำไม่ได้หรอกครับ   ลอกไปก็ทำไม่ได้  .............ต้องให้คนที่จัดเจนจริง ๆ  ..................  และแม้กระนั้น   อย่าลืมว่า  การจะใช้นโยบายทักษิณ  มันหมายถึง   การจัดการกับระบบไทยที่ล้าหลังทุกระบบด้วย ........มิฉะนั้นก็จะขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ไปไม่ได้ . ฉะนั้น  การจะขับเคลื่อนนโยบายอันยิ่งใหญ่  ฉลาดเหล่านี้  ผู้บริหารจะต้องมองทะลุว่าจะจัดการกับระบบที่ล้าหลังเหล่านั้นอย่างไร   ..............ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี  โดยไม่เป็นอันตรายหรือรับแรงกดอันหนักมาเข้าตน จนเดินต่อไปไม่ได้ ...................  เหมือนทักษิณเคยกระทำมา .........และ ได้รับผลร้าย.......  จากระบอบที่โง่เง่า ล้าหลังเหล่านั้น.มาครั้งก่อนแล้ว................แต่สำหรับคราวนี้  เราคิดว่า    มาคราวนี้  เขาจะต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างจริง ๆ    ...................   จะไม่พลั้งพลาดให้แก่ระบบที่โง่เขลาดั้งเดิมอีก................ และนั่นหมายถึง  ประเทศไทยสามารถเคลื่อนไปบนนโยบายเหล่านี้ได้อย่างพร้อมเพรียง   เหมือนกิ้งกือ 1000 ขาขยับไปได้พร้อมกันอย่างน่าดูน่าชมยิ่ง ................

 

และสามารถพูดได้ว่า   ให้คนอย่างพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้หรอก........ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะลอกกากนโยบายไป................เพราะถึงลอกไปก็ทำไม่ได้ เพราะเหตุผลอย่างเดียวคือ  ประชาธิปัตย์นั่นเองคือตัวการที่ขวางทางการขับเคลื่อนของนโยบายเหล่านี้  เนื่องเพราะความเป็นระบบไทยที่ล้าหลังของประชาธิปัตย์...........นั่นเอง    ระบบที่จะต้องจัดการเสียก่อน จึงจะใช้นโยบายเหล่านี้ได้..........

 

ดังเห็นมาแล้ว   จากนโยบายโอทอบ  ก็ดี   30บาทรักษาทุกโรคก็ดี  ชุมชนพอเพียง ก็ดี   ประชานิยมต่าง ๆ ก็ดี  การศึกษาก็ดี  SML ก็ดีฯลฯ  ที่ประชาธิปัตย์ลอกไป  แต่ล้มเหลวไปหมด ก็เพราะ  ความที่ประชาธิปัตย์เป็นตัวระบบที่ล้าหลังในตัวเอง.....ที่จะต้องจัดการก่อนเอานโยบายดังกล่าวไปใช้ นั่นเอง 

 

นั่นคือเหตุผลที่ว่า  จะต้องเอาคนผู้คิดนโยบาย  มาทำนโยบายด้วย

และหากได้ดั่งนี้แล้ว  เป็นอันว่ามั่นใจจริง ๆ  ว่า การขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ จะต้องสร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นในประเทศไทยอย่างทันตาเห็นจริง ๆ   

เราจึงเห็นความมีเหตุผลของชาวเสื้อแดง  และขอร่วมต่อสู้ด้วยอย่างเต็มที่

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-04-29 21:12:13


ความคิดเห็นที่ 2 (3293286)

ปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทยพร้อม2เวทีเชียงใหม่-ขอนแก่น
คนเสื้อแดงแน่นหน้าสองเวทีเหนือ-อีสาน

 

เสื้อแดง เวทีขอนแก่น ขณะนี้เวลา 20.40 น. 30 เม.ย.2554 ฑิตย์สึกใหม่ อดิศร เพียงเกษ วีรบุรุษอีสาน กำลังพูดอยู่ อย่างเผ็ดร้อนด้วยเหตุผลของประชาธิปไตย

 

มาแล้ว วีดิโอลิ้งค์ของ ทักษิณ ชินวัตร  21.05 น. ถึง 2 เวทีพร้อมกัน  ว่า  มติชนลงข่าวรายการอภิสิทธิ์  ไม่เชื่อมั่นประเทศไทย  วารสารอีโคโนมิสต์ วิจารณ์ว่าช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในไทยห่างออกไปมากขึ้น ๆ    สถิติที่น่าอายในโลก  ไทยเป็นที่ 2  รองจากโคลัมเบีย  ปุ๋ยแพง  ราคาข้าวตกต่ำ ของขึ้นราคาทุกวัน  น่าอับอายที่สุด   สำหรับการบริหารรัฐบาลนี้ ........  เพื่อไทย.... ขอคิดใหม่ทำใหม่  อีกครั้ง..

สี่ปีข้างหน้า โบกมือลา.....ลาก่อนน้ำท่วม  ลาก่อนฝนแล้ง.......ผมจะดูดน้ำจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ไม่ว่าพม่า ลาว เขมร  เพราะเราไม่ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน.........  ถมทะเล สร้างเมืองใหม่ เอาให้เท่ห์เลยประเทศไทยเรา.......  ยิ่งกว่าที่ผมสร้างสุวรรณภูมิ...........เมืองทั้งเมืองสร้างไม่ต้องกู้เงิน  มีวิธีการ     ....ภาคใต้จะให้เม็ดเงินสะพัดทั่ว.....  สี่ปีข้างหน้า พี่น้องตบกระเป๋ามีเงินตุง.... ทุกวันนี้มีแต่ใบกู้หนี้.......จะเติมเงินให้ท้องถิ่น กองทุนหมู่บ้าน  ปัจจุบัน 1 ล้าน เอาไปอีก 1 ล้านเอาไปเลย.....จัดสวัสดิการ เงินฌาปนกิจ  ให้   SML ก็ต้องเพิ่ม  ..ปัญหายาเสพติดเป็ฯปัญหาใหญ่ของสังคม เราจะให้เสร็จใน 12 เดือน ....ไม่ใช่ต้องปราบอย่างเดียวแต่มีบูรณาการ........   คนไม่จบม.6 อยากจบม.6 จะให้จบม.6 ทุกคนภายใน 8 เดือน ....  จะให้ราชภัทร...สถาบันอื่น ๆ ค้นหาตนเองว่าชำนาญเรื่องอะไร ......พี่น้องเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องจ่ายตัง  เข้าเรียนได้เลย  ....มีสถานที่มั่วสุมอย่างสร้างสรรค์   ให้นักเรียนฉลาด มีคอมพิวเตอร์ถือไปโรงเรียน   ประเทศคาวิเกียผมเคยไป คน 80 % เป็นพุทธ  คนชอบเล่นหมากรุก  เขาบรรจุหมากรุกเข้าในหลักสูตร  คาวิเกียเก่งเพราะฝึกให้เด็กคิดเป็นตั้งแต่เด็ก...ด้วยหลักสูตรหมากรุก.......ผมจะให้มีคอมพิวเตอร์....และมีพยาบาลประจำในโรงเรียน ๆ ละคน ...........เราจะมีโรงเรียนตัวอย่าง เพื่อเป้ฯแบบอย่างทุกดอำเภอ........  ใครมีหนี้สินยกมือขึ้น....คนเป้นหนี้ต่ำกว่า 5 แสนจะพักหนี้ให้   เกิน 5 แสน ไม่เกิน 1 ล้านจะปรับโครงสร้างหนี้ใหม่    จะให้หยุดหนี้ก่อน  ....  ให้สบายใจ. ไปทำมาหากินได้ มีชีวิตสดใสมีความหวัง......ข้าวหอมมะลิ จะให้ได้ราคาอยู่ได้..........ให้เครดิตถ์การ์ด  ............

จะให้มีกองทุนตั้งตัวได้  มี 2 ระดับ  เอาความคิดมากู้  เอาเงินไปได้   ........  บ้านหลังแรก  รถคันแรก  คืนภาษีให้    บ้านสำหรับชาวชนบทไปอยู่กรุงเทพ....... จะจัดคอนโดขายถูก ๆ ที่สถานีรถขนส่งมวลชน  ให้พี่น้องกรรมกร.....ผู้กำลังสร้างตัว  .....  

พรรคเพื่อไทยไม่คิดไปแก้แค้นใคร  เราจะคืนความยุติธรรมให้คนทุกสี   เพื่อประนีประนอมกันได้.......... อย่าซื้อเสียงเด็ดขาด   ห้ามซื้อเด็ดขาด  ไม่จำเป็นต้องซื้อ..........  ให้เข้าใจให้ถูกว่าใคร  รัฐบาลซื้อเสียง นั่นหมายถึงเอาเงินภาษีอากรประชาชนมาซื้อ  ขอให้คืนเขาไป

พี่น้องเชียงใหม่.........ขอนแก่นครับ   อยากให้ผมกลับบ้านไหมครับ ?

ผมไปรอบโลก...สั่งสมประสบการณ์ไว้เยอะ.... มองไปประเทศไทยมันทะลุปรุโปร่งไปหมด  ถามว่าสุขภาพเป็ฯอย่างไร  อายุ 62 ยังแข็งแรง  พร้อมจะรับใช้   ขอให้เพื่อไทยชนะอย่างถล่มทะลายนะครับ.....ผมทราบว่าจังหวัดที่มีเพื่อไทย 2-3 สส.บัดนี้เต็มพื้นที่แล้ว   ถ้าประชาชนจะมีอำนาจจริง ๆ  ประชาชนต้องได้รัฐบาลที่เป้นของประชาชนจริง ๆ  รัฐบาลก็จะรับใช้ประชาชน  ทำงานให้พี่น้อง ..... ยิ่งได้คะแนนมากเท่าไรยิ่งทำได้เร็วขึ้น

เพลงนี้ ส้มโป๊ะ เขียน ให้ผมลองร้องดู  ผมร้องแล้วฟังแล้วน้ำตาผมซึม...ผมจะร้องให้ฟัง......ผมฟังเทปแล้ว...ไม่น่าเชื่อว่าทำไมจึงเพราะกว่าความเป้ฯจริงอย่างไม่น่าเชื่อ..............

เพลง......คิดฮอดบ้านแฮง ...นาฬิกากี่โมงกี่ยาม...........ชีวิตน่าอดสู  อยู่ดี ๆ ต้องจากบ้านมา.....อยู่ดูไบ

คิดฮอดหลายเด้อ........เลือกตั้งคราวนี้ ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย............คงได้กลับบ้าน.......

อย่าลืมนะครับ พาผมกลับบ้านด้วยนะครับ   จบเวลา 21.54 น.

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-05-04 20:47:23


ความคิดเห็นที่ 3 (3296398)

ผมนึกอยู่แล้ว เรื่องดีเบทกับพรรคประชาธิปัตย์นี่..............ประชาธิปัตย์ไม่รู้เรื่องหรอก  ...........

เหตุผลก็เพราะนโยบายพรรคเพื่อไทยมันสูงเกินความคิดของประชาธิปัตย์............และเป็นองค์รวม  ไม่ใช่แยกส่วนแบบปชป.คิด.............ผมฟังดีเบทระหว่าง พท.ดร.สุชาติ.......กับปชป.คุณหมอวรงค์..รายการ ธีรัตถ์  intelligence.......................เรื่องนโยบายการเกษตร........พูดถึงบัตรเครดิตถ์ของพรรคเพื่อไทย ที่ชาวนาตื่นเต้นกันมากอยู่ขณะนี้.........   เรื่องจำนำข้าว    ประกันราคาข้าว   .........ตลาดข้าว........

 

ดี   ที่พท.โดย ดร.สุชาติ มีโอกาสขยายแนวนโยบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น  โดยมี หมอวรงค์ เป็นผู้ชี้ประเด็นปัญหา........

 

ดังที่บุษบา  บุญเสฏฐ์   ว่าไว้แหละครับว่า    ...............   ให้คนอย่างพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้หรอก........ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะลอกกากนโยบายไป................เพราะถึงลอกไปก็ทำไม่ได้ เพราะเหตุผลอย่างเดียวคือ  ประชาธิปัตย์นั่นเองคือตัวการที่ขวางทางการขับเคลื่อนของนโยบายเหล่านี้  เนื่องเพราะความเป็นระบบไทยที่ล้าหลังของประชาธิปัตย์...........นั่นเอง    ระบบที่จะต้องจัดการเสียก่อน จึงจะใช้นโยบายเหล่านี้ได้..........

 

ประชาธิปัตย์ก็พูดว่า   ทำไม่ได้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   ทำอย่างผมจึงจะทำได้.............และทำอย่างประชาธิปัตย์คือ     ไม่ทำอะไรเลย....มีแต่ข้อแก้ตัว..............

 

ฟังหมอวรงค์วันนี้   เห็นว่า     ยังเก็บข้อมูลมาไม่สมบูรณ์  ได้มาเฉพาะบางส่วนบางเสี้ยว เอามาทำนโยบาย   และยังอ่อนในหลักวิชา   นี่อันตรายครับ  ..................  แล้วก็ไปอ้างคนอื่น   เช่นอ้างนักวิชาการคนนั้นคนนี้..........แบบนี้ไม่ได้หรอกครับ     มาถึงตอนเป็นนโยบายนี่   ต้องอยู่ที่ข้อมูลล้วน ๆ    .............................

 

ผมว่าคนประชาธิปัตย์  ติดนิสัยแอบอ้างครับ............เช่นพูดไป ๆ  ก็ว่า   ทำให้ชาวนาดีขึ้น  พอใจขึ้น..........ชาวนามีรายได้มากขึ้นแล้ว................   แท้จริง    ว่าเอาเอง...............

 

ประชาชนจึงต้องฟังประชาธิปัตย์แบบรู้เท่าทันนะครับ....................

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง วันที่ตอบ 2011-06-02 21:38:26


ความคิดเห็นที่ 4 (3296439)

ผมอยากให้พรรคเพื่อไทยเบอร์ 1 ได้เป็นนายก ก๊าบ!!!

 

จาก เด็ก จ.เชียงราย อ.เชียงแสน บ.เวียง หมู่บ้าน ห้วยเกี๋ยง  ซอย 1 ก๊าบ!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น พิษณุ ทะลุกำแพง (pitsanu1174-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-06-03 09:46:27


ความคิดเห็นที่ 5 (3296598)

ดีเบทอีกครั้ง      คราวนี้ระหว่างชำนิ  ศักดิ์เศรษฐ์  ปชป.  กับ ณัฐวุฒิ  ไสยเกื้อ พท.     สรยุทธ  สุทัศนะจินดา  ตั้งประเด็น  ช่อง 3   แต่ผมไม่ได้ดูหรอกครับ  ผมเลิกดูโทรทัศน์พวกนั้นนานแล้ว     แต่ได้ทราบเพราะ............

มีนักวิชาการอิสระ..พรศักดิ์  ศรีละมุน..............กับ.ตรีชฎา  ศรีชาดา  น้องปอย...............    เอามาพูดกันในเอเซียอัพเดท............................ขณะนี้ ผมฟังอยู่

 

ว่าชำนิ  ศักดิ์เศรษฐ์  อมใบกะท่อมมาพูดกับณัฐวุฒิ...........วันนู้นพูดยอด  ชั้นหนึ่ง   แต่วันนี้  ไม่ใช่.........  "บ้าไปแล้ว"     ..............ดีเบทวันนี้ ณัฐวุฒิ ยิ่งใหญ่มาก    พยากรณ์ว่า  แลนด์สไลด์.............แผ่นดินถล่ม..........

 

ว่าที่จริง   นักวิชาการอิสระ  ค่อนข้างจะมองประชาธิปัตย์อย่างเลว    ..............   ว่าชำนิ  เป็นของชำรุดทางประวัติศาสตร์ไปแล้ว     .....  และยังอ้างเรื่องล้าหลังเก่า ๆ  มาโจมตีฝ่ายตรงข้าม.....

 

......วันดีคืนดี ปชป.ก็ให้คนไปยิงจอหนังและตะโกนว่า  ปรีดีคิดล้มล้างสถาบัน..................วันนี้นายชำนิ   ก็พยายามอ้างว่า พท.คิดล้มสถาบัน...............

 

มีประเด็น   ชนะแล้ว   ชำนิไม่ให้ตั้งรัฐบาล    ต้องได้เกินกว่า 249 เสียก่อนจึงจะให้ตั้งได้...................  แกดันอย่างแข็งแรง...........ไม่พูดอ้อมค้อม......................อ้างกฎหมาย............

 

ฟังแล้วน่าเศร้าใจ  กับมือที่มองไม่เห็น ที่ยังมีอำนาจเหนือรัฐบาลอภิสิทธิ์ ...............

พรุ่งนี้ ยังจะมีต่อ....................

ถามว่าให้เกียรติ 2 วันสำหรับชำนิ  ศักดิ์เศรษฐ์  เพื่ออะไร     ว่าเพราะประชาชนฟังอย่างมันมาก  ชื่นชมณัฐวุฒิ์ ไสยเกื้อ...เลียะพะ ชำนิ  ศักดิ์เศรษฐ์

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-06-04 18:14:21


ความคิดเห็นที่ 6 (3296601)

การดีเบทแบบนี้  ประเด็นของปัญหา  มันบอกถึงความเป็นสังคมด้อยพัฒนาทางการเมืองจริง ๆ    ...เสียเวลาที่มีค่าของวาระการเผยแผ่นโยบายของพรรคการเมืองจริง ๆ  ...........จะโดยกฎหมาย---วัฒนธรรมประเพณี  หรืออะไรก็แล้วแต่ .........ถ้ามาถามกันอยู่ว่าชนะแล้วจะให้เป็นรัฐบาลได้ไหม  ?      นี่มันล้าหลังจริง ๆ     ................ประชาชนจะต้องตื่นขึ้นมาอย่างพรึบพร้อมครับ    ว่าเราจะไม่ยอมให้มีประเด็นปัญหามาถกเถียงกันอย่างนี้อีก   .....................................

 

คือประชาชนต้องจัดการอย่างเด็ดขาดกับ  อมาตยาธิปไตย   

 

แล้วเราก็จะก้าวข้ามเลยไปพูดสิ่งที่มีสาระสำคัญของการพัฒนาประเทศโดยระบอบประชาธิปไตย    นั่นคือ   การดีเบทเชิงนโยบายของพรรคการเมือง    ........................

การเตรียมตัวของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่  ในเรื่องว่า   ทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะเจริญรุ่งเรือง มีกินมีใช้  มีเงินในกระเป๋า  ปราศจากหนี้  มีความสง่างามในสังคม  และสังคมระหว่างประเทศ  ไปตลอดถึงระบบนามธรรมต่าง ๆ ของสังคม   อันเป็นเบื้องลึกที่กำหนดวัฒนธรรม ศาสนาและประเพณีของสังคม  ประเทศนั้น   ...............   เอาเรื่องเหล่านี้มาดีเบทกัน................

 

ดูสิ      เวลานี้  วงการนักวิชาการก็พูดกันอยู่ในเรื่องไร้สาระนี้แหละ    ใครทำให้เกิดเรื่องไร้สาระนี้ขึ้น..............

คนเขาไม่สงสัยแล้วว่าเป็นพวกทหาร  และ  กอ.รมน.   ..

 

ทหารและ กอ.รมน.  จะล้าหลัง   ไร้ความคิดความอ่าน ขนาดไม่รู้อะไรเป็นอะไร    เลยหรือ ??????

 

ฉลาดน้อยไปหรือ   ?

ทำไมคุณไม่คิดเข้าข้างฝ่ายที่ถูกต้อง  และฝ่ายที่จะชนะโดยการตัดสินของประชามหาชน ทั้งประเทศ (หมายความว่า คุณต้องพูดว่า  ฝ่ายที่ชนะการเลือกตั้งมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล.....และทหารเป็นของประชาชน .......... นั่นแหละถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย)

 

เป็นการฉลาดหรือโง่   ที่คิดทวนกระแสของประชามหาชน  ??

อยากเป็นลิบเบีย   หรืออยากเป็น   กัดดาฟี  ?  

อย่าไปดูแคลนพลังประชาชน เพราะเขาคือ เจ้าของอำนาจการปกครองประเทศนี้   เขาเป็นผู้บังคับบัญชาทหาร.........  เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดตัวจริง

 

เข้าใจไหมครับ  ??

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-06-04 18:50:51


ความคิดเห็นที่ 7 (3297359)

แทนคุณ  อิสสระ   ปชป.  กทม.   มาพบ.intelligence จอม  เพชรประดับ............ฝ่ายเพื่อไทยไม่มา   ก็ดีแล้ว  เสียเวลา     เอาแต่พูด ๆ    พูดภาษาอนาคตกาลล้วน ๆ   จะ  จะ   จะ    และพูดรูปธรรมไม่เป็น     เอาแต่  ผมคิดว่า   ผมเชื่อว่า   ....................   แปลว่าไม่ได้พูดสิ่งที่เป็นนโยบายอะไรเลย.....  เป็นนักการเมืองได้อย่างไร ? 

ถ้าคุณไม่อาจจะสร้างนโยบายและเอานโยบายมาพูด   เป็นข้อ ๆ  อธิบายออกไปเป็นข้อ ๆ   หรือหลาย ๆ ข้อ  แล้ว   ก็อย่าเพิ่งมาเกะกะการเมืองเขาเลย...................

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-06-11 20:51:04


ความคิดเห็นที่ 8 (3297732)

คุณธีรัตถ์   เข้าใจจัดมวย  ผมชอบมาก ๆ     vote 2011

ชอบ ดร.สุชาติ  ธาดาธำรงค์เวช  เพื่อไทย  แกพูดแล้วมีความหวัง  เลือดฉีดแรง   

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-06-14 21:31:04


ความคิดเห็นที่ 9 (3297748)

จัดทีไรเพื่อไทยชนะน๊อคทุกที   แบบนี้เสื้อแดงชอบครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นายบัฟฟาโล(นายควาย) วันที่ตอบ 2011-06-15 09:10:13


ความคิดเห็นที่ 10 (3297749)

อนุสรณ์  ธรรมใจ  วิทยากร  เชียงกูล  ม.รังสิต พาพวกออกมาออกมาดนักวิชาการ  วิจารณ์ นโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคการเมือง ............นโยบายประชานิยม

 ว่าจะเอาเงินมาจากไหน  ?   

 

คุณคิดว่าอย่างไรครับ  เกี่ยวกับสิ่งที่คุณว่า  ประชานิยม   

1.    ควรทำ หรือ

2.    ไม่ควรทำ 

 

กาข้อไหน  ?

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-15 09:11:41


ความคิดเห็นที่ 11 (3297751)

คำถามเกี่ยวกับ ผู้หญิง หรือ ผู้ชายดี      นี่ก็ล้าหลังอีกแล้ว.........  สังคมประชาธิปไตย เขาไปไกลถึงขนาดถามว่า  หมาตัวหนึ่ง  เสือตัวหนึ่ง  กระต่ายตัวหนึ่ง  ไก่ตัวหนึ่ง  เป็ดตัวหนึ่ง  กับ คน ๆ หนึ่ง  คุณจะเลือกใคร...................

 

ดูหนังประเภทจินตนาการสู่อนาคต เช่น   สตาร์วอร์ซิครับ   แม้กระทั่งหุ่นยนต์ เขาก็ถือว่ามันมีสิทธิ์เสรีภาพเหมือนกัน   

 

คนในโลกอนาคต  เขามองสิ่งที่ประกอบเป็นสิ่งที่มีชีวิตในโลก    อย่างค่อนข้างมีภราดรภาพ นะครับ   ถึงจะไม่ถึงระดับ  อีควอลลิตี้  ..........................เลยทีเดียว

 

มันมีวัฒนธรรมของมันครับ   ประชาธิปไตยนี่มีวัฒนธรรมของมัน    

คุณพอจะตามผมทันไหม ????

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-15 09:42:29


ความคิดเห็นที่ 12 (3298007)

นายชวน  หลีกภัย  หาเสียงภาคเหนือตอนใต้  กับเขาด้วย...................................

ผมไม่ทราบว่านายชวนเกิดมาเพื่ออะไร ?..............  ทำลายตนเองตอนแก่จวนจะไปโลกอื่นแล้ว   ลงอย่างสิ้นเชิง 

1.      แกเป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ต่อประชาธิปไตยเลย     มีแต่อาศัยเกาะกินกับประชาธิปไตยและการเมืองไปเรื่อย ๆ   .............  แกอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรเกือบทุกสมัยทุกวาระ   โดยไม่มีความละอายใจเลยแม้แต่น้อย ว่า   อำนาจของประชาชนนั้น ตามหลักการประชาธิปไตยแล้วควรต้องแบ่งให้คนอื่นหมุนเวียนเข้าไปใช้บ้าง  แต่นี่จองคนเดียวตลอดชีวิต     จริงอยู่ ประชาชนเป็นคนเลือก  แต่ประชาธิปไตยต้องการสปิริต ที่ยอมรับอำนาจเป็นของประชาชน  ๆ มีสิทธิ์หมุนเวียนเข้าไปใช้อำนาจได้  นายชวนยจึงควรเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง    ดูตัวอย่างในต่างประเทศ   จะเห็นจากระบบของประเทศประชาธิปไตยที่แท้จริงที่เจริญแล้วทุกประเทศ   ตัวอย่างประธานาธิบดีอเมริกา   นรม.อังกฤษ  นรม.ญี่ปุ่น   มีหรือที่เขากุมอำนาจอยู่ยาวนานเช่นนายชวน  ......... อย่างนานก็ 2 สมัยแล้วเขาก็ออกไป  ไม่หวนมาอีก  .... มองไปลึก ๆ  นายชวนก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ในการเมืองไทยที่ต้องการพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตย แต่ไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย  ...........ผลก็คือ  เขาไม่เคยสร้างอะไรให้แด่ประชาธิปไตยเลย    ที่จริงจึงเป็นได้เพียงนักกฎหมายหัวเก่า ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง  ที่มีโชคดีสามารถยึดอาชีพในสภาทำมาหากินมาจนชั่วชีวิต   และไม่เคยออกความคิดไอเดียอะไรในการปรับปรุงการเมืองไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย  

2.     นายชวนเป็น นรม.ไทย 2 วาระ  เป็นรัฐมนตรีแทบทุกกระทรวง  แม้กระทั่งล่าสุดก็เป็นพลเรือนคนแรกที่ได้เป็น รมว.กลาโหม  ............กระนั้นนายชวนก็ไม่เคยทำสร้างผลงานอะไรโดดเด่นเลย  .......   นายชวนไม่เคยเข้าใจคำว่า  นโยบาย   จึงนำประชาธิปัตย์มาเรื่อย ๆ  จนถึงยุต รัฐบาลเด็กอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปราศจากการบริหารประเทศอย่างมีนโยบาย ............  และมีเขตแผ่นดินที่ปลอดนโยบายอย่างยิ่งก็คือ ภาคอีสาน ทั้งภาค  ที่ไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากพรรคประชาธิปัตย์เลย   และกระนั้นก็ยังสร้างความเจ็บช้ำให้ประชาชนอีสาน ในกรณีเขาพระวิหารมาจนถึงทุกวันนี้   กระนั้นนายชวนก็หาเข้าใจเหตุผลอะไรเป็นอะไรไม่ ....    ยังกลับกล่าวหาว่า  ชาวอีสานเสื้อแดงเป็นพวกก่อการร้าย เป็นพวกล้มเจ้า  มีผังล้มจ้าวที่นายชวนจะพาพรรคประชาธิปัตย์ขัดขวางไม่ยอมให้เข้าสู่การเป็นรัฐบาลบริหารประเทศแน่นอน 

3.     นายชวนไร้อุดมการณ์และสปิริตของประชาธิปไตย  โดยการร่วมมือกับทหารและฝ่ายเผด็จการอมาตยาธิปไตย  ทำการยึดอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย  เริ่มตั้งแต่นายชวนเป็นคนแรก ๆ   คนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่ขึ้นเวที พธม. ของเจ๊กลิ้ม  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันเอเอสทีวีจากศาล และประกาศคุ้มครองเอเอสทีวีอย่างเปิดเผย   ว่าใครจะล้มใครก็ได้แต่ล้มเอเอสทีวีไม่ได้ อ้างว่าเอเอสทีวีเป็นช่องทางความคิดที่แตกต่าง ที่เสนอการมองมอง 2 ด้านให้แก่สังคม   ทั้ง ๆ ที่แท้จริง เอเอสทีวีคือทีวีโฆษณาชวนเชื่อ ..........และแล้วก็ปรากฎชัดขึ้นว่านายชวนนี่เองได้ให้ความเห็นดีเห็นงามไปกับเผด็จการ  อมาตยาธิปไตย  ที่เข่นฆ่าประชาชน 91-92 ศพ  ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย  เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553    โดยล่าสุดนายชวนได้ออกมาประกาศในพรรคประชาธิปัตย์ ต่อสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยอมให้พรรคการเมืองที่คิดล้มเจ้า และพวกเผาบ้านเผาเมืองขึ้นปกครองประเทศไม่ได้    เขาหมายถึงคนเสื้อแดงผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย   นั่นเอง    ซึ่งบทบาทระยะหลังนี้แสดงถึงความไม่รู้และไร้น้ำใจต่อประชาธิปไตยของนายชวน  

4.      นายชวนทำท่าเป็นนักบุญ  ดำรงชีพสมถะ   แต่แท้จริงเป็นคนค่อนข้างคับแคบและเนรคุณ     เคยอาศัยวัดอยู่  อาศัยหลวงพีในวัดหลับนอนเรียนหนังสือมาแต่เป็นเด็ก    แต่เมื่อได้เป็นใหญ่เป็นโต  ไม่เคยคิดตอบแทนบุญคุณ   ............    นี่เป็นเรื่องจริง  ที่น่ารังเกียจสำหรับคนเช่นนายชวน  หลีกภัย

เราบันทึกเอาไว้เพื่อชี้ให้เห็นว่า   คนอย่างนายชวนนี่เอง  ที่ทำให้เวลาเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยไทยล่วงเลยไปเปล่า ๆ  โดยไม่มีการริเริ่มสร้างสรรคประชาธิปไตยเลย แต่กลับมีการร่วมมือกับทหารทำการรัฐประหารตัดตอนการพัฒนาของประชาธิไตย เป็นครั้ง ๆ    ตลอดเวลาที่มีคนชื่อชวน  หลีกภัย อยู่ในการเมืองไทย    นั่นเป็นเพราะนายชวน ก็เป็นอีกคนหนึ่ง  ที่แท้จริงแล้ว  ไม่เคยรู้จักเลยว่า  ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเป็นอย่างไร    .... แท้จริงนายชวนจึงเป็นเพียงตัวอะไร   ที่เปรียบเสมือนกาฝากของประชาธิปไตย  ที่เกาะกินประชาธิปไตย  ทำลายประชาธิปไตยมาจนถึงวันนี้      เท่านั้นเองจริง ๆ 

วันนี้  เราจึงอยากให้มองให้เห็นความจริงของนักการเมืองอาวุโสนายหนึ่ง  นั่นคือบทบาทของนายชวน  หลีกภัย  อดีตนายกรัฐมนตรี และสส.ในสภาหลายสมัย ที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย  นอกจากคำโฆษณาชวนเชื่อว่าตนเป็นคนมือสะอาด ปราศจากคอรัปชั่น....???   อย่างนี้   เป็นบทบาทที่ไม่สอดคล้องวิถีทางประชาธิปไตย     แล้วไร้ประโยชน์ต่อประชาธิปไตย  แล้วยังไร้สปิริต แล้งนำใจอย่างยิ่ง  เป็นมารของประชาธิปไตยตัวจริง และเป็นเชื้อสายของเผด็จการอมาตยาธิปไตยอย่างแท้จริง    แล้วประชาชนยังจะเอาเขามาเชิดชูอยู่ทำไม  ?

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง วันที่ตอบ 2011-06-16 23:57:21


ความคิดเห็นที่ 13 (3298027)

ก็มวยคู่เมื่อคืนนี้อีกคู่ครับ   ที่ประชาธิปัตย์จวนจะถูกน๊อคโดยเพื่อไทยตั้งแต่เริ่มยกต้นแล้ว      มันเป็นสิ่งที่สนับสนุนว่า ประชาธิปัตย์ไม่ประสีประสาในเรื่องระบอบประชาธิปไตยและเรื่อง นโยบายการเมืองในระบอบประชาธิปไตย  เหตุก็เป็นเพราะชินอยู่กับเผด็จการทหาร อมาตยาธิปไตยมานานนั่นเอง     

 

ประเด็น  มาบตาพุดครับ    เรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ เร่งด่วนขนาดนี้  รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กลับทำเป็นเรื่องเล่น ๆ   .......   ฝ่ายประชาธิปัตย์ ส่งคนมาดีเบท เป็น แคนดิเดทสส.เขตในระยองเองเลย  ...........   แต่ข้อมูลที่เอามาอ้าง เห็นว่าไม่สมบูรณ์ขาดการจัดระเบียบข้อมูล   ใช้เพียงสามัญสำนึก นึกเอา คิดเอา  เชื่อเอา  (คุณต้องใช้กระบวนการโปรเซสข้อมูลโดยคอมพิวเตอร์อย่างขาดไม่ได้เลยนะครับ   จึงจะสมบูรณ์.โดยตรวจสอบ ทาน ยืนยันได้อย่างมั่นใจ.........แบบทักษิณทำน่ะครับ)   ...............  ในขณะที่เพื่อไทยส่งขิงแก่  นักมวยอันตรายขึ้นประกบ   ..  ซึ่งพร้อมจริง ๆ   พร้อมทั้งข้อมูลเหตุผล  และนโยบาย ........... และความมั่นใจของตน................ขนาดอ้างความรับผิดชอบได้เต็ม ๆ   .... หมายถึง  การจัดการระบบที่สัมพันธ์     แนวคิดและนโยบาย   และหลักวิชาใหม่ ๆ    รวมทั้งเทกนิคใหม่เอี่ยม..........  พร้อมที่จะเอาไปจัดการกับ มาบตาพุด  ..........    สมบูรณ์จริง ๆ ครับ    .........  มีหลักวิชาบางวิชา  และเทกนิคบางอย่างที่ทันสมัยมาก ๆ  ที่จะเอามาใช้จัดการกับปัญหาบางปัญหาที่พิเศษ ๆ  ที่ผมฟังยังตื่นเต้นเลย เพราะไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่าเขามีวิชาการระดับนั้นแล้ว ......ซึ่งนี่แหละครับ  หมายถึงพรรคการเมืองที่มีชีวิต   คือต้องตื่นติดตามปัญหาของประชาชนอยู่ตลอดเวลา ของความเป็นพรรคการเมือง   .........   และในที่สุด นักมวยฝ่ายประชาธิปัตย์ก็โยนผ้ายอมแพ้...............

 

ก็ตรงที่คุณพูดว่า..............   นี่เป็นความคิดของผมเองนะครับ  ผมคิดเช่นนี้   ไม่ใช่ความคิดของพรรคนะครับ   .......

นั่นหมายถึงการโยนผ้ายอมแพ้  ของฝ่ายนักมวยประชาธิปัตย์

 

ในการดีเบทหน้าสิ่วหน้าขวานศึกเช่นนี้   คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร   ............อะไรที่คุณเอามาพูดวาระนี้   จะต้องเป็นนโยบายของพรรคการเมืองอย่างสมบูรณ์มาแล้ว    .........  คุณต้องพูดในฐานะพรรคการเมืองอย่างสมบูรณ์    ไม่งั้นประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไร ........ในเมื่อคุณยังไม่พร้อมในนโยบาย   นั่นหมายความว่าคุณยังไม่พร้อมในการขึ้นสู่ฐานะของรัฐบาล   และประชาชนย่อมไม่กล้าเสี่ยงแน่ ๆ  ...........  และในกรณีนี้ ยังบอกถึงการขัดกันเอง    เพราะนายอภิสิทธิ์บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถเริ่มต้นได้ภายในวันเดียว...............   ถ้าคุณพูดเช่นนี้ ก็หมายความว่า  แม้ได้เป็นรัฐบาล  ก็ยังไม่อาจจะเริ่มต้นได้  คุณต้องเสียเวลาไปปรึกษาคิดนโยบายในพรรคก่อน และสิ่งที่แถลงในสภา  ก็อาจจะเป็นคนละเรื่องละราวกับที่คุณพูดกับประชาชนคราวหาเสียงเลือกตั้ง     ซึ่งนั่นมันขัดหลักการประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ................และสำหรับประชาธิปัตย์   2  ปีที่บริหาร  ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า  ปัญหาอะไรจะจัดการด้วยนโยบายอย่างไร......โดยเฉพาะมาบตาพุด   ซึ่งนายอภิสิทธิ์ทำเฉยเมยไปอย่างสนิท  ไม่เคยบอกเลยว่าปัญหานี้จะจัดการอย่างไร  นโยบายที่จะจัดการเป็นอย่างไร    จนแม้ขณะนี้ ตัวแทนพรรคที่มาดีเบทก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะจัดการอย่างไร   เช่นนี้แล้ว  คุณก็เท่ากับโยนผ้ายอมแพ้แล้ว........ก็ควรจะถอนตัวไปเลยนะครับ   ถอนตัวเถอะ....การไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้  แล้วยังมาเสนอตัว  เป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง  .....และก็มีตัวอย่างที่เห็นกันจะจะมาแล้ว   มีนโยบายที่ตนเองไม่สามารถทำเองได้ ต้องไปจ้างนักธุรกิจต่างประเทศทำให้  แล้วโดนหลอกต้มตุ๋นค่าทำนโยบายไปถึง 69 ล้านบาท   น่าเสียดายและอดสูใจจริง ๆ    นโยบายชั่งกิโลไข่ขาย  .ประเทศจึงพัง...........   และแค่นโยบายชั่งกิโลไข่ขายเพียงนโยบายเดียว   ก็สมควรที่รัฐบาลนี้จะลาออก  หลบหนีไปซ่อนตัวซ่อนตนเสีย   แต่เมื่อไม่อายบากหน้าออกมาอีก    แล้วยังไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อไปอีกแล้ว    ก็น่าจะได้รับการศึกษาติดตาม.........ว่าเขาจะใช้แทคติกส์อะไร ในทางที่ไม่ซื่อตรงต่อประชาธิปไตย ......และเมื่อประชาชนฉลาดพอแก่ประชาธิปตย พรรคประชาธิปัตย์จะได้รับการลงโทษจากประชาชน..........ผู้ตื่นตัวทางประชาธิปไตย  อย่างแน่นอน.............  

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัย ประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-17 09:17:29


ความคิดเห็นที่ 14 (3298157)

ดีเบท 3 พรรค  จอม  เพชรประดับตั้งประเด็น  มีพรรคเพื่อไทย  พรรคประชาธิปัตย์  และพรรคชาติพัฒนาเพื่อประชาธิปไตย  เมื่อวานนี้  ...........  คนที่มาจากพรรคทั้ง 3  ผมมองว่ายังเป็นวิสัยทัศน์แบบเก่า ๆ   สักเมื่อ 50 ปีที่แล้ว   ...............   ผมว่าใช้ไม่ได้ทั้ง 3 พรรคแหละครับ  

 

ผมมองว่าไม่ทันยุค...........  หรือไม่ก็ไม่ฉลาด

 

ผมคิดว่าการต่างประเทศไทยควรจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉลาด    เอาแบบเก่า ๆ ทิ้งไปเสีย   เขาจะว่าไม่เป้นผู้ดีก็ช่างเขา  ..........  แต่เรามองหาประโยชน์ที่จะได้จากการต่างประเทศและนโยบายการต่างประเทศมากกว่า

ดูของอเมริกา   อิริค จี จอห์น  แกเป็นได้หมดทุกอย่างในประเทศไทย   แม้กระทั่งนักสืบ  ซีไอเอ นักการศาสนาและวัฒนธรรม     ดูแกมีหน้าที่อยู่ตลอดเวลาในการศึกษาประเทศไทยทุกแง่ทุกมุม  

 

ถูกละครับ   อย่าพยายามไปขีดเส้นที่เขตแดนที่เป็นปัญหา  นั่นล้าหลังเกินไป

และมติว่า   ทำสนามรบให้เป็นตลาดการค้า   ทำนองนั้นแหละ  ไม่ใช่เพียงเล่นสำนวน คมคาย    ที่จริงสถานทูตไทยทั้งโลกควรจะเป็นเอเยนต์การค้าของประเทศไทย  ..........   แบบวิธีการทูตควรจะแปรไปเป็น  พาณิชยการ..............  ประเทศอื่นไม่เอา เราเอา.....  เพราะนี่เป็นวิธีที่จะได้ประโยชน์  ได้เปรียบเขา

 

แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็ต้องเข้าใจเชิงพาณิชยการอย่างดีด้วย   ไม่ใช่รอตลาดข้าววิ่งมาหาเฉพาะหน้าแล้ว ยังขายไม่ออก   เหมือนอดีตนายกท่านหนึ่ง  

ยุคนี้  นโยบายต่างประเทศ  ต้องเป็นตาตลาดสินค้าไทยด้วยครับ   จะได้ขายข้าวได้เยอะ ๆ  ขายอาหารได้เยอะ ๆ  และราคาแพง ๆ

(ที่จริง  ทักษิณ  ชินวัตร คิดตรงนี้ไว้แล้ว)

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง วันที่ตอบ 2011-06-18 16:42:18


ความคิดเห็นที่ 15 (3298235)

เท่าที่ให้การวิเคราะห์เรื่องสำคัญของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมานี้  ท่านจะเห็นว่าเรื่องพรรคการเมืองและนโยบายของพรรคการเมืองนั่นเอง  เป็นสิ่งที่มีความหมายมากที่สุดของระบอบประชาธิปไตย    ท่านทราบหรือไม่ว่า  พรรครับผิดชอบในหน้าที่สร้างนโยบาย    นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำอย่างสุกเอาเผากิน   

เราได้เห็นมาแล้วว่านโยบายที่ทำอย่างสุกเอาเผากิน หรือไม่มีนโยบายอยู่เลยในขณะที่พรรคการเมืองหนึ่งใดขึ้นเป็นรัฐบาล  นั่นแหละทำให้ประชาธิปไตยไทยไร้ความหมาย   พอจะเห็นได้จากการวิจัยบางประเด็นปัญหา ว่าทั้งนี้เป็นเหตุมาจากนักการเมืองเขลาไม่เข้าใจการทำนโยบาย  ....และนี่เองเป็นเหตุของความล้าหลังของการเมืองไทยภายหลังการเลือกตั้งแทบทุกครั้ง    แล้วไปลงว่า  เลือกตั้งไปทำไม  เลือก ๆ ไปก็เหมือนเดิม

 

ฉะนั้น  มาถึงยุคนี้แล้ว   เราจงพิจารณาเลือกพรรคการเมือง  นักการเมืองจากนโยบายเถิด  

 

พรรคไหนที่แถลงการณ์ในขณะหาเสียงไปแบบปราศจากนโยบายแล้ว   นั่นหมายถึงความที่ไม่พร้อมจะเป็นรัฐบาล  เลือกเข้าไปเขาก็ทำอะไรไม่ได้  ไม่เป็น......................

ตัวอย่างเช่น  พรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่สามารถชี้บอกนโยบายอะไรที่ชัดเจนออกมาแม้แต่นโยบายเดียว    ..............    นี่คือมาตรการการตัดสินใจครับ  

 

เมื่อเขาไม่สามารถแถลงนโยบายออกมาได้  แล้วจะเลือกไปทำอะไรได้    ............    ก็เป็นเพียง   พวกดีแต่พูดเหมือนเดิม ...........

 

เมื่อท่าน  ประชาชนฉลาดและรู้แล้วว่า  พรรคนั้นไม่มีนโยบายอะไรเลย  .............   ก็จะไม่เลือกอยู่เอง   นั่นเป็นเหตุผลธรรมชาติ

ฉะนั้น  หลักการเลือกตั้งก็มีแค่  เรารู้จักดูคำแถลงของพรรคนั้น ๆ  ว่าเป็นนโยบายหรือไม่  อย่างไร   ..

ซึ่งสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้  เพียงดูว่า   มีนโยบายหรือไม่ก็พอแล้ว

 

เพราะเท่าที่ผ่านมาถึงวันนี้   เห็นได้ชัดเจนเลยว่า  พรรคการเมืองแทบทั้งหมดทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้   แทบเข้าลักษณะนี้   คือ   ไม่มีนโยบาย

 

เช่นพรรคภูมิใจไทย   ที่ปิดป้ายโฆษณาก่อนพรรคใดทั้งสิ้น แต่มีคำแถลงของตนว่า      เทิดทูนสถาบัน ต่อต้านรัฐไทยอิสระ .(จน กกต.ท้วง  จึงถอดป้ายลงหมดทั่วประเทศ)  ........นี่เป็นตัวอย่าง....สำหรับคิดว่า  ...    นี่เป็นนโยบายอย่างไร.......  ในเมื่อไร้นโยบาย  สร้างนโยบายไม่ได้  ก็กลายเป็นพรรคที่ลงสมัครเปล่า ๆ  ขาดแนวคิดที่จะทำอะไร  อย่างไร  ใช้เทกนิค  วิชาการด้านไหนมาประกอบนโยบายบ้าง   ............ 

ท่านเลือกเข้าไปเขาก็ทำอะไรไม่ได้   ทำได้ก็ทำแบบตามใจเขา   ทำไปอย่างโง่ ๆ  ไม่สนใจว่าอะไรตรงประเด็น ๆ ความเดือดร้อนจริง ๆ ของประชาชน  ซึ่งรัฐบาลไทยหลังการเลือกตั้งมักจะเป็นเช่นนี้มาก่อนนานแสนนาน..ถึงรัฐบาลยุคประชาธิปัตย์ปัจจุบัน.......อันมีส่วนสำคัญเนื่องมาจากความไม่เข้าใจวิถีทางประชาธิปไตย...ไม่เข้าใจสาระสำคัญของการเลือกตั้ง   ว่าเริ่มด้วยพรรคการเมืองต้องพิถีพิถันอย่างยิ่งในการตระเตรียมนโยบายและต้องมีการเสนอนโยบาย.......และประชาชนผู้ออกไปใช้สิทธิ  ต้องเลือกจากนโยบาย .....ยิ่งมีหลายหลากนโยบาย สำหรับแก้ปัญหาอันเดียวกัน  ประชาชนยิ่งได้ประโยชน์  นั่นเอง   ในเมื่อพรรคการเมืองไม่เข้าใจประชาธิปไตย  นั่นเป็นผลจากไม่เคยมีการเตรียมนโยบายเอาไว้ก่อนการเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง ไม่เคยเข้าใจว่าจะต้องเตรียมไว้เสนอประชาชนก่อนการเลือกตั้ง และเอาไปปฏิบัติหลังผ่านการเลือกตั้ง ไร้นโยบาย สร้างนโยบายไม่เป็น ...........พอได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นรัฐบาลในขณะที่หัวว่างเปล่าจากนโยบาย .......  ก็ไปงุบงิบเขียนขึ้นมาเดี๋ยวนั้น..เพื่อเอาไปแถลงต่อสภา ด้วยความมั่นใจว่าอย่างไร ๆ ก็ผ่านอยู่แล้ว.....ก็เอาไปบริหารอย่างไร้สำนึกของการนโยบาย      ก็ทำสะเปะสะปะไป ..........ก็แก้ปัญหาของประชาชนไม่ได้   ก็กลายเป็นเหตุให้การเลือกตั้งกลายเป็นของน่าเบื่อหน่าย   ประชาธิปไตยเป็นของที่ไร้ค่า  เลวร้ายไม่น่าศรัทธา........ ไปหมด  ....

 

ฉะนั้น   การปฏิวัติการเลือกตั้งของประชาชน   จึงควรมีขึ้น     โดยทำให้ถูกครรลองของประชาธิปไตย

เพียงดูว่าพรรคการเมืองใดเสนอนโยบายหรือไม่

 

ทุกวันนี้พบพรรคการเมืองแทบทั้งหมด   ไม่ได้เสนอนโยบายเลย    ............  แม้กระทั่งพรรคใหญ่  อายุยาวนานอย่างพรรคประชาธิปัตย์  ก็ไม่ได้เสนอนโยบาย  แต่ไปเสนออย่างอื่น  เช่นเสนอวาทะกรรมเชิงการโฆษณาประชาสัมพันธ์  หรืออาจจะเลยไปถึงลักษณะการโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงประชาชนด้วยซ้ำ

 

พรรคมาตุภูมิ   ของสนธิ  บุณยรัตน์กลิน ............    ไม่ได้เสนอนโยบายอะไรเลย     นอกจากคำแก้ตัวเรื่องหัวหน้าพรรคทำรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549   เท่านั้น    ....  แท้จริงมีเลศนัย  สร้างพรรคขึ้นมาเพื่อได้โอกาศกลบเกลื่อนความผิดของตนคราวทำรัฐประหาร เท่านั้นเอง   จะเกลื่อนอย่างไรก็ไม่พ้น 

ก็ตัดออกไปเลย

 

พรรคของคุณปุรชัย   ก็ไม่ได้เสนอนโยบายอะไร...นอกจากบอกว่าพรรคตนดี  ซื่อสัตย์  ไม่โกงไม่กิน............อย่างนี้ไม่ใช่นโยบายครับ

 

มีพรรคประกาศตนเองเป็นพรรคอาระยะบุคคลผู้เหนือมนุษย์.คือ  พรรคเพื่อฟ้าดิน  .......ยิ่งกว่าซื่อสัตย์  ไม่โกง  ไม่กิน ..  นั่นคือพวกโง่เขลาที่สุด   ที่ไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตยเลย  .....................  เหยียดพรรคอื่น คนอื่นเป็นสัตว์นรกไปหมด(นายประพันธ์ คูณมี พูดประโยคนี้ทุกวัน ในเอเอสทีวี  แล้วยกตนเป็นอาระยะบุคคล  (เก๊ ๆ).....พวกโหวดโน  นั่นแหละ   ...........................

 

พรรคแทบทั้งหมดแหละครับ..........วาระนี้  ขณะนี้   ยังเป็นพรรคการเมืองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับประชาธิปไตย ..ไม่มีความคิดเลยว่าการบริหารประเทศต้องมีหางเสือและหางเสือนั้นคือนโยบาย ..อย่าไปเลือก............(บางที่พวกที่อยากโหวดโน  ก็อาจจะตีความทำนองนี้แหละ   แต่ด้วยเหตุผลคนละอย่าง)

 

สรุป   มีพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวที่มีนโยบาย    .....(ผมถูกบังคับโดยเหตุผลให้พูดตรง ๆ)  ....หมายความว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวขณะนี้ที่รอบรู้ประชาธิปไตยที่แท้จริง และรู้วิถีทางที่จะนำประชาชนไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง  .............   มองจากนโยบายซิครับ     ไม่ได้ลำเอียง   เป็นเช่นนี้จริง ๆ...............

 

วันนี้   ถ้าคุณเลือกพรรคการเมืองอื่นไปเป็นรัฐบาล   บ้านเมืองก็จะเหมือนตกสู่ความเคว้งคว้างอีกครั้งหนึ่ง  เพราะพรรคเหล่านี้..........ไร้นโยบาย   คุณฟังเขาพูดสิ  มันเป็นนโยบายอย่างไร   ....(ดูคำประกาศของพรรคประชาธิปัตย์  ที่จะไปตั้งเวทีพูดที่ราชประสงค์.วันสองวันนี้........เขาไม่ได้คิดพูดเรื่องนโยบายเลย...แต่จะพูดเรื่องใครเผาบ้านเผาเมือง..ใครคิดล้มเจ้า.......ทำนองนี้...ลองฟังเขาก่อนแล้วมาวิเคระห์กันอีกที )    .......................แล้วคุณจะเลือกเข้าไปทำไม   ???

 

ฉะนั้น    ผมไม่อาจจะขอร้องให้  ....เลือกพรรคเพื่อไทย   .....   เพราะท่านมีสิทธิ์    .......เลือก  หรือ  ไม่เลือก   เป็นของท่าน  ผมเคารพ..................................

และ   นั่นคือประชาธิปไตย .................ประชาชนฉลาดพอที่จะเลือก..............

และมาถึงยุครุ่งเรืองจริง ๆ   ด้วยประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าใจประชาธิปไตย .เลือกได้ถูกต้อง

  

ปล่อยให้พรรคการเมืองเง่า ๆ เหล่านั้นเข้าโรงเรียนชั้นประถมทางประชาธิปไตยไปก่อน  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง วันที่ตอบ 2011-06-19 22:24:10


ความคิดเห็นที่ 16 (3298563)

 

(ยกมาจากกระทู้ กอ.รมน.ครับ เห็นเป้นเรื่องเดียวกันเลยก๊อปปี้มา)

 

 

 

บทบาทของกองทัพกับการเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554   จอม เพชรประดับ พบ สนธิ บุณยรัตนกลิน หน.พรรคมาตุภูมิ

 
 

พยายามจะเจาะเอาความจริงใจ และ ภาควิชาการใต้จิตสำนึกอันแท้จริง ของนักรัฐประหารผู้นี้    ออกมาดูอย่างจะแจ้งดูให้ได้

 
 

 

 
 

พบว่า พล.อ.สนธิ สับสนในความหมายของ วินัย แกคิดว่าเมื่อทหารอยู่ในคำสั่ง อย่างดี   นั่นหมายถึงวินัยที่ดี   และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

 
 

ที่น่าแปลกใจก็คือ แกยืนยันว่าทหารรู้เรื่องประชาธิปไตยดี และทหารนี่แหละได้ออกไปสอนประชาธิปไตยให้ชาวบ้าน...(คงเป็นพวก กอ.รมน.)................... เป็นอย่างนั้นไปเสียอีก...................

 
 

 

 
 

ผมได้พบคำตอบตรงนี้เอง  

 
 

ทหารก็เลยเป็นต้นเหตุ   ตัวการของความปั่นป่วนของระบอบและวิถีทางประชาธิปไตยไทยมาไม่รู้หยุดหย่อน ............ นับแต่ทหารตัวใหญ่ระดับคุมกำลัง ....... ไปจนถึงทหารตัวเล็กระดับ พลทหาร ผู้ออกไปสอนประชาธิปไตย(ประชาธิปไตยที่โง่เง่า)แก่ประชาชน

 
 

 

 
 

โดยสรุปที่สุด   ผมว่าทหาร(รวมทั้งนักวิชาการ ครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัย) โยนตำราประชาธิปไตยทิ้งเสีย   แล้วมาเรียนใหม่    เรียนจากประชาชนเชิร์ตแดง   ครับ      

 
 

แล้วคนอย่างพลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน นี่   แกมองตัวเองไม่ออก   ว่าแกเป็นตัวตลกของประชาธิปไตยโลก     (วันนี้ยิ่งเน้นมุขตลกเข้าไปกว่าเดิมอีก ในฐานะที่แกไปเข้าใจว่าทหารรู้จักประชาธิปไตยดีและเป็นพวกที่ส่งเสริมประชาธิปไตยโดยออกไปสอนประชาชนชาวบ้านอยู่ทั่วงประเทศ  ทหารเองก็กล้าเถียงผู้บังคับบัญชามากขึ้น)     

 
 

ท่านมองตัวเองไม่ออกในสองประเด็นครับ

 
 

1.     กรณีทำรัฐประหาร 19 ก.ย.2549    ท่านตอบไม่ได้ว่าทำไปทำไม และนั่นหมายถึงความเข้าใจประชาธิปไตยและวิถีทางประชาธิปไตยหรือ?    อาจจะเป็นไปได้ว่า ในขณะที่ยังสับสน ๆ อยู่ บังเอิญเจ๊กลิ้มอะโพรชตัวเองเข้าไป เข้าไปพูดโน้มน้าวปั่นหัวล้างสมองเอาว่าระบอบทักษิณกำลังวางแผนร้ายสุดด้วยคิดล้มล้างสถาบัน ท่านก็เลยกระตุก กระทำรัฐประหารไปจนได้   และยังเข้าใจผิดทักษิณมาจนถึงขณะนี้   นี่เป็นเหตุให้เจ๊กลิ้มอายุยืนเพราะมีโอกาสระบายออกไปกับการระบิดเสียงหัวเราะก๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เป็นครั้งคราว มาจนถึงทุกวันนี้)

 
 

2.     การตั้งพรรคการเมือง ลงสนามแข่งขันกับเขาด้วย    ท่านก็ตอบไม่ได้อีกเหมือนกัน ว่าทำไปทำไม ในเมื่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นแล้ว เวลาหาเสียง ไม่เห็นว่ามีข้อนโยบายอะไรมาแถลงแก่ประชาชนเลยแม้แต่ข้อเดียว   ท่านคงเข้าใจอยู่เหมือนกันว่า ในทัศนะของประชาชนที่ทำรัฐประหารเป้นผลให้ชาวพุทธ์แตกแยกอย่างแรงทั้งประเทศนั้น ได้ชื่อว่า มุสลิมชั่วร้าย ขึ้นมาทันที   ก็เป็นโอกาสของการฟอกตัวเองเท่านั้น...   นี่ก็ยิ่งไม่เป็นความชอบธรรมไปใหญ่......

 

 

 

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-06-21 10:27:50
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.ก๊อปปี้มา วันที่ตอบ 2011-06-22 09:24:02


ความคิดเห็นที่ 17 (3298572)

จอม เพชรประดับกำลังขอความคิดเห็นจาก ประชาชนคนรักประชาธิปไตย 3 คน

1.   คุณพเยาว์  อัคฮาด   เสียลูกสาวไปในวัดปทุมวนาราม   สตรีท่านนี้น่าสรรเสริญมาก  และถือว่าเป็นผู้ดำรงหลักการของประชาธิปไตยไว้อย่างเหนียวแน่น  ในสถานการณ์ที่ประชาธิปไตยมีศัตรูร้ายแรง    และที่สำคัญเธอดำรงความจริง  หรือ สัจธรรมอย่างไม่คลอนแคลน    การพูดของเธอที่ผ่าน ๆ มา  เห็นได้ว่าเป็นบทบาทเหมาะแก่การเป็นครูสอนประชาธิปไตยที่แท้จริงได้เลยทีเดียว  และวันนี้ ขณะนี้เธอก็พูดได้ตรงหลักการประชาธิปไตย  แบบที่นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ไม่กล้าที่จะโต้วาที หรือดีเบททางการเมืองด้วยได้  

2.    คุณจิตรา  คชเดช  ที่ปรึกษาชมรมแรงงานไทรอัมฟ์  ผู้ถือป้าย  ดีแต่พูด ประท้วงนายอภิสิทธิ์ วันแรงงานสตรี   สตรีผู้นี้มีเหตุผลอย่างดีมาก ๆ   อันเป็นครรลองประชาธิปไตยล้วน ๆ    ดูเอาสิ   เธอพูดถูกทุกอย่างเลย    นี่แหละคือคนผู้เข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  และมองดู  เธอก็เป็นคนมีฐานะอยู่ระดับรากหญ้า   ไม่ได้เรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยไหน  แต่กลับมีความเข้าใจประชาธิปไตยและวิถีทางการต่อสู้แนวระบอบประชาธิปไตยอย่างดีมาก  (มันตรงกับความคิดของผมครับ  ผมก็ว่าดี...คุณไม่จำเป้นต้องเชื่อผม   แต่คุณดูเอาเอง  โดยเอาหลักการประชาธิปไตยเป็นเกณฑ์)

3.    คุณไพฑูรย์  เปรมประชา  คนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแบบมีเหตุผล  ไม่ถอย   เขาไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียง เวลโนลเลย   แต่ฟังเขาสิ..........เขาพูดด้วยหลักการประชาธิปไตยล้วน ๆ เลย      ผมว่าคุณจอม  เพ็ชรประดับ  ยังต้องถามตัวเองเลยว่าเรารู้ทันเขาหรือไม่

 

ผมมองแต่แรกแล้วว่า  ถ้าคนไม่เข้าใจประชาธิปไตย  หรือรัฐบาลเผด็จการที่ไม่เข้าใจประชาธิปไตย  คนทั้ง 3 ท่านนี้ ก็ย่อมมีอันตราย  ..............หมายความว่า นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นรม.เด็ก จบมาจากอ๊อคฝอร์ด  แกมากล่าวหาว่า  คนเหล่านี้ไปก่อกวนการหาเสียงของแก  ซ้ำไปกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทย  คุณยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ไปยุยง     ก็ยิ่งบอกให้รู้ถึงความไม่เข้าใจหลักประชาธิปไตยของนายกไทยคนนี้.................และบอกถึงไร้สปิริตทางประชาธิปไตยไปอย่างสิ้นเชิง ...........  ตั้งแต่ผมเห็นนายอภิสิทธิ์เป็นหน.ปชป.มา  แกแพ้เลือกตั้ง  ไม่เคยกล่าวคำยอมแพ้ฝ่ายชนะ   ยังไปยุประชาชนฝ่ายตนให้เกลียดฝ่ายชนะไปอีก........หาว่าฝ่ายชนะเล่นโกง  ใช้เงินหาเสียง   (พูดเหมือนนายชวน  หลีกภัย)    ...........   ตอนปชป.บอยคอตการเลือกตั้ง .............   แกทำแบบอันธพาลในวงการประชาธิปไตยได้เลย อย่างไม่ละอายใจ   โดยปกติบอยคอตได้   แต่เมื่อประกาศบอยคอตแล้วต้องอยู่นิ่ง ๆ  ไม่ทำกิจกรรม.......... แต่ปชป.ประกาศบอยคอต(คือประกาศไม่ลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนั้น) แล้ว  ไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ   ยังดำเนินแผนทำลายพรรคค่แข่ง คือ  ไทยรักไทยขณะนั้น  อย่างเปิดเผย   เช่นดำเนินแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย    จัดกองกำลังนักพูดโฆษณาชวนเชื่อ  ออกไปพูดปราศัยโจมตีพรรคไทยรักไทยทุกทิศทุกทาง.................  นี่เป็นความไม่ชอบมาพากลของพรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ..........คน ๆ นี้  แล้งน้ำใจอย่างที่สุด.............มีอีกคราวหนึ่ง   ปรากฎในสภา  เมื่อนายสมชาย  วงษ์สวัสดิ์ ชนะโหวด นายกรัฐมนตรี ต่อนายอภิสิทธิ์   นายสมชายลุกขึ้นยืน  และรีบก้าวมาหานายอภิสิทธิ์  จากฝั่งหนึ่งมาฝั่งหนึ่ง เพื่อจับมือกับฝ่ายค้าน แสดงความปรองดอง   แต่นายอภิสิทธิ์ กระด้างจริง ๆ   ........   ผมคิดว่าเขาควรจะก้าวออกมาจากที่ยืนอยู่สักก้าวสองก้าว   หรือถ้าจะดีก็ไปพบกันสักครึ่งทาง..............ก็เพื่อแสดงมารยาทหน่อยเท่านั้นเองครับ    ถึงจะเกลียด ชัง  หรือเป็นศัตรูกันขนาดไหน   ก็ต้องแสดงมารยาทกันบ้าง    แต่นายอภิสิทธิ์เฉยเมยจนนายสมชายมาถึงยื่นมือให้จับ  แทบว่านายอภิสิทธิ์ไม่ยอมจับด้วยซ้ำ.........................  ไม่ได้หรอกครับ   คนไทยเรา  เรื่องมารยาทนี้   บอกไปถึงความเป็นผู้ดีนะครับ.........อีกครั้งทำนองเดียวกันนี้ก็คือ      คราวประชุมอาเซียน.......คุณทำและพูดอย่างที่คุณทำไปต่อผู้นำกัมพูชาเช่นนั้น ไม่ได้หรอกครับ    มันเสียหายและเสียมารยาทชาติผู้ดี   คนไทยถือ ผลมันเลวร้ายจนถึงขนาดอาจสูญเสียสิ่งสำคัญอีกครั้งก็ได้  

แล้วเรื่องอะไรที่นายอภิสิทธิ์ ไปฟ้องคุณยิ่งลักษณ์     ......   ?   เรื่องที่ 3 คนข้างต้นและคนอื่น ๆ ไปยกป้ายถามคุณ..........   ไปฟ้องเขาทำไม ?   ไม่เข้าใจจริง ๆ  

 

ข้อแนะนำก็คือ     ใครอยู่เบื้องหลัง  ผลักดันอยู่  ก็พอเสียเถิด..........สิ่งนี้สิ้นสภาพเสียแล้ว.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-22 10:30:38


ความคิดเห็นที่ 18 (3298583)

คุณศุภชัย ใจสมุทร์   พูดทำนองว่า  ประชาธิปไตยไทย  ก็ต้องเป็นอย่างไทย ๆ    ต้องมายอมรับกันว่า  จะเป็นอย่างฝรั่งไม่ได้       "ผู้ใหญ่เขาพูดกันแล้ว"    ขนาดคุณศุภชัย  ยังไม่เป็นผู้ใหญ่อีกหรือ ?        แล้วถ้าไม่เอาหลัก  Equality  มาใช้แล้ว  ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?  ทำไมคุณศุภชัยต้องลดตัวเองลงไปเป็นเด็ก ๆ (ทั้ง ๆ ที่โตแล้ว)    และทำไมเด็กไทยจะต้องพูดได้แต่คำว่า  "ครับผม" กับผู้ใหญ่  

 

ผมว่า  ภูมิใจไทยนี่ไปไกล      คนละเรื่องละราวเลย  

 

คือ  ระบอบประชาธิปไตย  ก็ควรจะเป็นอย่างที่ประชาธิปไตยเป็นหรือควรจะเป็น   ไม่มีหรอกครับ  ประชาธิปไตยฝรั่ง,    ประชาธิปไตยพม่า   ประชาธิปไตยไทย  ประชาธิปไตยจีน................   

 

ถ้าไทยเป็นประชาธิปไตย  ก็ต้องเป็นประชาธิปไตยตามที่ประชาธิปไตยเป็น หรือควรที่จะเป็น ...ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ

ถ้าพม่าเป็นประชาธิปไตย  ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย ตามที่ประชาธิปไตยเป็น หรือควรที่จะเป็น ...ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบพม่า ๆ

ถ้าจีนเป็นประชาธิปไตย  ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย ตามที่ประชาธิปไตยเป็น หรือควรที่จะเป็น ....ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบจีน ๆ 

 

และฝรั่ง อังกฤษ เยอรมัน  อเมริกา คานาดา ออสเตรเลีย  เขาได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยก็เพราะเป็นประชาธิปไตย   ตามที่ประชาธิปไตยเป็น หรือควรที่จะเป็น 

 

 ........แต่ภูมิใจไทย  ยังสับสน  อยู่เช่นนี้ เวลาสำคัญเช่นนี้ เสียเวลาคิดจะรอมชอม-โต้เถียงเปล่า ๆ  ก็  ให้ไปเข้าโรงเรียนชั้นประถมหลักสูตรประชาธิปไตยไปพลางก่อน 

 

เริ่มจากความเข้าใจที่ว่า  ประชาธิปไตยเป็นอย่างที่ประชาธิปไตยเป็น หรือควรที่จะเป็น   

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-22 11:22:36


ความคิดเห็นที่ 19 (3298913)

คุณมิ่งขวัญ  แสงสุวรรณ  จบลงว่า   ประเทศไทยต้องเป็นเศรษฐี.................. ผมชอบจริง ๆ     และไม่คิดว่าจะมีใครพูดดีเท่าคุณมิ่งขวัญ...........

ผมว่าประเทศไทยโชคดีนะ.......

ผมหมายถึง  วิธีการหาเงินเข้าประเทศของพรรคเพื่อไทย โดยมิ่งขวัญ  แสงสุวรรณ   บอกจอม  เพ็ชรประดับ   .......   นั่นแหละทำให้เข้าใจว่า  เขาจะทำอะไรตามนโยบายหรู ๆ  ได้อย่างไร   คอยดู..........

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-24 21:35:16


ความคิดเห็นที่ 20 (3299131)

คุณมิ่งขวัญว่า    ต้องให้เขาเป้นผู้บริหารนโยบายด้วยตนเอง...........  ขอเป็นรองนายกครับ   ..........  ผมว่าไม่น่ามีปัญหานะ .........  หรืออย่างไรครับ ?

ผู้แสดงความคิดเห็น คนคุ่ย วันที่ตอบ 2011-06-26 21:07:41


ความคิดเห็นที่ 21 (3299854)

เวลา 17.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร มาถึงสนามราชมังคลากีฬาสถาน ทักทายประชาชนแล้วรอเวลาปราศรัย ณ เวลาประมาณ  19.00 น.

เวลา 18.10 น. ฝนตก(ภาพล่าง) แต่ประชาชนเลือดแดงเชียร์ประชาธิปไตยก็สู้ไม่ถอย  ทางสนามลานพระบรมรูปทรงม้า ด้านพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนก็กรำฝนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเหมือนกัน แต่ประชาชนมาเยอะเหมือนกัน รายงานว่าประมาณ 10,000 คน

ทางน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แคนดิเดท นายกรัฐมนตรี ได้พูดนโยบายล้วน ๆ  แต่ละนโยบายฟังชัดเจน  มีลักษณะ  simple มากจนคนทั่วไปฟังเข้าใจทันที   มีที่น่าสังเกตก็คือ  การสร้างระบบจราจร ระบบรถไฟฟ้า กทม.ทั้ง 10 สาย(ตามข้อ 6 ที่โฆษณาใน ข่าวสด ฉบับ 1 ก.ค.2554 หน้า 5 นั้น)  จะสามารถทำได้โดยพยายามเอาสินค้าข้าวและสินค้าไทยไปแลกเปลี่ยน  นี่เป็นตัวอย่างของการหาเงินและดำเนินนโยบายอย่างฉลาด ในหลาย ๆ นโยบายของพรรคไทยรักไทย   โดยที่ทางพรรคเพื่อไทยจะมีความชำนาญเป็นพิเศษในการบริหารงานแบบการขายความคิด  หรือการเอาความคิดไปแลกเป็นเงิน  นอกจากนี้ก็มีนโยบายสร้างเขื่อนกั้นทะเล ถมทะเล สร้างเมืองใหม่ และระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพ (ตามข้อ 10 ข่าวสดที่อ้าง)   สร้างสนามบินเพิ่มอีก ที่สนามบินดอนเมือง  และอู่ตะเภา(ตามข้อ 15 ฯ)   นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นทั้งนั้น   นโยบายการศึกษาก็ล้ำหน้ามาก ๆ    นโยบายชนบท มีกองทุนชุมชน จะเพิ่มให้อีก 1 ล้านบาท   ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน  ใน 9 ปีข้างหน้าจะเป็น 1,000 บาท   จบปริญญาตรีวันนี้เงินเดือน 15,000 บาท  อีก 9 ปีข้างหน้าเป็น  30,000 บาท แล้วมีนโยบายบ้านหลังแรก  รถยนต์คันแรก โดยช่วยคืนภาษีให้    มีอีกเรื่องที่เกี่ยวกับเสื้อแดงและราชมังคลากีฬาสถาน (ที่เหมือนอนุสาวรีย์การต่อสู้ของเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย)  คือย้ำว่าจะให้คณะกรรมการนายคณิต ณ นคร ทำงานตรวจสอบความจริงต่อไปโดยรัฐบาลให้อิสระเต็มที่   ทางรัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณให้อีก  ยังมีอีกหลายนโยบาย  ที่มีเหตุผลมาก ๆ ........   และดูประชาชนเข้าใจ เชื่อว่าจะทำไปได้จริง   ....   ที่สำคัญก็คือ  เพื่อไทย  เป็นเพียงพรรคการเมืองเดียว ที่มีการศึกษาการทำนโยบายอย่างรอบคอบมายาวนาน  ก่อนเสนอต่อประชาชน  ส่วนพรรคอื่น ๆ อีก 39 พรรค แทบว่าไม่ได้ศึกษามาก่อนเลย  การเสนอนโยบายอะไรจึงหละหลวม  แทบเรียกได้ว่าไม่ได้เป็นนโยบายเลยก็ว่าได้   จึงไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไรสำหรับพรรคเพื่อไทยที่จะได้รับคะแนนนิยมนำพรรคการเมืองอื่น และผลการเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554  มีแนวโน้มส่งผลให้ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

* 001 รายงาน
   1 ก.ค.2554

ผู้แสดงความคิดเห็น 001 รายงาน วันที่ตอบ 2011-07-02 20:49:20


ความคิดเห็นที่ 22 (3299937)

ขอให้ทำให้ได้ก่อนเถอะ   แล้วค่อยมาพุด  เอานะดยบายเพ้อฝันพวกนี้มาทำให้มันเปนจิงให้ได้ก่อน  ก่อนจะชมอะไรไปเรื่อยเปื่อยดดยไม่ใช้สมองคิด  ว่าศักยภาพของประเทศไทยและเงินคงคลังมีเท่าไหนก่อจะมาดีใจนั้นนี้   ถ้าสามารถทำได้ก่อดี  แต่คนทั้งประเทศก่อจะดุเหมือนกันว่าจะพลาดเหมือนสมัยที่พี่คุนทำพลาดมามั้ย  เพราะถึงยิ่งลักษณ์จะเปนนายก  แต่ก่อไม่มีอำนาจอะไรถ้าทักษฺณไม่ได้ใส่เพราะคุนก่อคือหมากตัวหนึ่งเท่านั้นในเกม    หวังว่านโยบายที่คุนให้ไว้คุนคงทำตามสัญญานะ  คงไม่ได้เปนนโยบายเพ้อฝันเพียงอย่างเดว

ผู้แสดงความคิดเห็น คนไม่โง่ วันที่ตอบ 2011-07-04 11:18:48


ความคิดเห็นที่ 23 (3300249)

เราต้องมีวิธีมองซีครับ   ว่านโยบายที่เขาเสนอจะใช้ได้หรือไม่  พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนมีปัญญาดู ฟัง เห็น  ก็สามารถวิเคราะห์ออกก่อน    หากจะเป็นโทษ  ก็จะได้ยับยั้งได้ก่อน  ไงครับ    แต่หากเห็นว่าจะได้ประโยชน์ จริง  ยิ่งใหญ่  ก็จะได้เอาประโยชน์จากสิ่งที่เขาเสนอนั้น

 

ทางเราเห็นว่า     จะมีประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่   เรามองเห็นก่อนโดยภูมิปัญญา   ไม่ใช่คอยไปดูเอาตอนที่ปะเทศเจ๊งไปแล้ว    อย่างรัฐบาลอภิสิทธิ์นี่  เรามองแต่แรกเลยแล้วว่าประเทศชาติจะเสียหายเพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์    มอง  เตือนล่วงหน้าแล้ว   อย่างไรครับ

ไม่ต้องคอยให้ผลมันเกิดภายหลัง 2 ปีเศษ ๆ  ก่อน 

 

ก็เพราะเรามีหลักการวิเคราะห์อย่างไรครับ    ทำให้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้  

 

ไม่ใช่หลับตาสนับสนุน  ชมเชยไปโดยไร้เหตุผลอย่างที่คุณว่า  

 

อุปมานะครับ      ถ้าคุณเป็นควายนี่          คุณยังไม่วิ่งหรอก  จนกว่าจะเห็นสิงโตพุ่งจะเข้ามาเขมือบ  หรืองับคอคุณ    นั่นเพราะสติปัญญาอย่างควายไงครับ

แต่ถ้าอย่างคน  ๆ  ก็ศึกษาอย่างละเอียด    ไม่เห็นหรือ   การวิจัยสัตว์โลก   เขาทำด้วยปัญญา   จนรู้แทบทุกอย่างของสัตว์ร้าย จนเอามันอยู่

เพราะฉะนั้น   คุณต้องฝึกตน  ให้ทันเขาครับ  หมายถึงทันโลกด้วย      ไม่ใช่ว่า   ขอให้ทำได้ก่อน......

 

แต่เราต้องรู้ล่วงหน้าก่อน    ว่าจะเสียอะไร   จะได้อะไร

ถ้าเราเห็นแล้วว่าจะได้อะไร  เราก็ต้องรีบทำ   จริงไหม  ?  

 

อย่างนโยบายทักษิณ หรือ เพื่อไทยนี่    เราเชียร์อย่างมีเหตุผล  และมองกาลข้างหน้า   เหมือนกับคนส่วนใหญ่ ที่เขาเลือกพรรคเพื่อไทยแหละครับ 

ก็คอยดู  ถ้าคุณยังมองไม่ออก (เพราะใช้ปัญญาควาย)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายบัฟฟาโล(นายควาย) วันที่ตอบ 2011-07-07 10:13:39


ความคิดเห็นที่ 24 (3300255)
เฝ้าดูพรรคเล็กเมื่อเข้าร่วมรัฐบาล กับพรรคใหญ่
 
 
พรรคใหญ่เขาชนะมาเพราะได้เสนอนโยบายชัดเจนไปหมดแทบทุกด้าน ประชาชนหวังว่าภายหลังได้เป็นรัฐบาลเขาจะต้องเห็นการขับเคลื่อนนโยบายนั้น ๆ 
พรรคเล็ก 4 พรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลนั้นน่าคิดดูให้รอบคอบนะครับ ผมเองมองว่าพรรคเล็กก็ไม่ได้เสนอนโยบายอะไรแก่ประชาชน ตามเหตุผลของความเป็นพรรคเล็กนั่นแหละครับ ตรงนี้ควรปรองดองกันให้ดี 
มามองตามหลักการนี้ก็ได้ครับ คือ ประชาชนส่วนใหญ่เขาอยากได้นโยบายอะไร ก็ให้เป็นไปตามที่เขาอยากได้  
เขาอยากให้พรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนนโยบายไปทั้งหมด ผมอยากให้ปรองดอง ยอมรับความจริง   และการทำงานที่มีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อได้คนที่เหมาะกับงาน   right man on right job นั่นแหละครับ  
วันนี้ พวกเกษตรกรเขาก็เป็นกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะโยนเรื่องพวกเขาไปให้พรรคเล็กทำเสีย เรื่องสำคัญอย่างนี้พรรคเล็กอย่าอาสาเลยนะ   รับความจริงกันหน่อย ว่าพรรคเรายังมือไม่ถึงขั้น    ควรมองอะไรเป็นองค์รวมของรัฐบาลทั้งหมดจะดีกว่า คือคุณเอาตำแหน่งไปแต่การขับเคลื่อนนโยบายเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่เขามีนโยบายเยี่ยมยอดกว่า ส่วนพรรคเล็กไม่เห็นมีนโยบายอะไร ที่เป็นแก่นเป็นสารเลย   แล้วก็จะแหกโค้งไปคนเดียวโดด ก็พังกันหมด
ถ้าทำตรงนี้ไม่ได้ ระวังสิ่งที่เรียกว่า นโยบายปรองดองของคุณจะเป็นของเก๊นะครับ
·        ผู้ตั้งกระทู้ สุไหงปาดี ชินะกุล :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-06 19:55:30
ผู้แสดงความคิดเห็น 001 วันที่ตอบ 2011-07-07 10:17:30


ความคิดเห็นที่ 25 (3300444)

ถ้าคุณเป็นนักประชาธิปไตย  ต่อไปคุณจะคิดอะไร  อย่างไร  ?

 

มองที่พรรคการเมืองครับ    

 

ต่อไปต้องเป็นบทบาทของพรรคการเมือง    อย่างเข้มข้น

พรรคที่ได้เป็นรัฐบาล  มีหน้าที่ทำคำมั่นสัญญาให้ปรากฎ   ประชาชนมีหน้าที่ดูและรับผลของนโยบาย โดยทั่วหน้ากัน  ไม่ว่าคุณจะสนับสนุนพรรครัฐบาลมาหรือไม่ก็ตาม  ได้เท่ากันหมด   อย่าลืมหลักการ  majority rule  minority  right  ครับ

 

พรรคฝ่ายค้าน   มีหน้าที่   ไม่ใช่คอยตรวจสอบเขาอย่างเดียว    ...............    ในไทย  เคยทำมาแล้ว  ตรวจสอบถี่ยิบเลย  .............   ที่จริงคุณควรจะสบายใจได้พักผ่อน   และทำหน้าที่อย่างสำคัญคือการศึกษาประชาชน  มีโอกาสที่จะทำสิ่งนี้ต่อไปข้างหน้าอย่างน้อยก็ 4 ปี    และจริง ๆ 4 ปีก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการศึกษาประชาชน  และองค์ประกอบทั้งมวล  แล้วนำมาวิเคราะห์  สร้างนโยบายที่ดีที่สุด    ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานะครับ  ไม่ใช่ว่าคุณจะทำเสร็จภายใน เดือน 2 เดือน   ปี 2 ปี     เพราะนี่คือกระบวนการศึกษาวิจัยทางเทคนิก วิชาการสารพัดที่จำเป็น ที่จะทำนโยบายของคุณให้ดีกว่า 

 

อย่างพรรคเพื่อไทยนี่ เขามีคนเก่งที่มีประสบการณ์อย่างสูง  และเคยมีผลงานทำความสำเร็จมาแล้ว และนำมาเป็นตัวแบบสำหรับการสร้างนโยบายใหม่ ๆ ออกมา  เขาเคยได้ทำการพิศูจน์  ทดลองนโยบายตัวแบบเหล่านั้น  จนเชื่อมั่นเป็นทฤษฎีที่ไว้ใจได้แล้ว  ............    และผลก็คือประชาชนได้ประจักษ์เองถึงความมีประสิทธิภาพของนโยบาย...........................   ในขณะที่พรรคการเมืองอื่น ๆ   ยังเคว้งคว้าง  และไม่เคยคิดทำนโยบายอย่างถูกหลักการของประชาธิปไตย และหลักของประสิทธิภาพมาเลย

หมายความรวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอายุยาวนานด้วย  

 

และประชาชนจะได้ประโยชน์จากพรรคการเมือง ก็โดยระบอบประชาธิปไตยนี่แหละครับ   ที่ให้โอกาสการจัดตั้งพรรคการเมือง และให้ความประกันในความมั่นคงของพรรคการเมือง ไปตราบเท่าที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอยู่    ..ในเมื่ออำนาจการเลือกเป็นของประชาชน ของพวกเขา     พวกเขามีสิทธิ์อยู่อย่างกับนายอยู่ตลอดเวลาที่เป็นประชาธิปไตย    

ตรงนี้คือความหมายครับ

 

หมายความว่า พรรคที่ประชาชนสนับสนุนอยู่วันนี้  เมื่อเกิดทำพลาดเข้า  .....หรือทรยศ.............หรือทำผลงานไม่เข้าตา    ใช่ว่าประชาชนจะต้องผูกพันอย่างกับทาส   ของพรรคนั้น    ไม่ใช่............ แต่ไม่หมายความว่าไล่รัฐบาลออกทันควัน ....มาก่อม็อบไล่รัฐบาลไป   ไม่ใช่   ต้องทำไปตามกติกาสุภาพบุรุษ....(คือมีจรรยาบรรณครับ)    ถ้าไม่ร้ายแรงถึงเข่นฆ่าประชาชน  ก็ต้องรอไปจนถึงโอกาสคือถึง เทศกาลการเลือกตั้งครั้งใหม่     .............     คราวใหม่ ประชาชนก็มีสิทธิ์เลือกพรรคใหม่อีกครั้ง   ....   นี่คือลักษณะที่ควรเป็นไปในระบอบประชาธิปไตย ครับ   

 

เพราะฉะนั้น   ต่อไปจึงเป็นบทบาทของพรรคการเมืองล้วน ๆ     พรรคฝ่ายค้าน  สาระสำคัญไม่ใช่ที่การตรวจสอบรัฐบาล   แต่คุณต้องรีบเร่งศึกษาและสร้างนโยบายเตรียมเอาไว้เพื่อแข่งขันกับพรรครัฐบาลในคราวต่อไป    ........คุณคิดว่าง่ายหรือ   ?   โดยเฉพาะพรรคที่เกิดใหม่  ยังสับสนในเรื่อง   วิถีทางของประชาธิปไตยอยู่    สับสนเรื่องเท็คนิกการสร้างนโยบายอยู่  .....4  ปีข้างหน้าอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ   .......    คุณต้องศึกษาภาคอีสาน  ......ศึกษาวัฒนธรรมของพวกเขา    เป็นต้น    และทุกวันนี้  มีเทคโนโลยี และวิชาการใหม่ ๆ  พรรคฝ่ายค้านจะต้องทำการศึกษาเพื่อเอาคนที่เก่ง  เอาวิชาการ เทคนิกที่ทันสมัย  มาใช้สร้างนโยบาย    ต้องแข่งเขาในด้านนโยบายให้ได้    ............   จริงอยู่คุณมีหน้าที่ตรวจสอบ  แต่อันนี้  มันทำไม่ยาก  คุณมีปากก็พูดไป   .......และไม่ใช่สาระสำคัญ  ๆ  คือแข่งในด้านนโยบาย     พรรคการเมืองจึงจำเป็นต้องมีอายุยืน  อย่างไรครับ   เพื่อมีโอกาสการสร้างนโยบายได้อย่างรอบคอบ  ทั่วถึง  ไม่พลาด  และยาวนาน      ............  

 

ประชาชน...ที่มีจิตใจประชาธิปไตยจริง.....ไม่ใช่ทาสของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนะครับ......   อยู่ที่พรรคการเมืองกับประชาชนเขาเข้าใจกันรัก ไว้วางใจกัน และสร้างประโยชน์ให้กันและกันอย่างไร   เหมือนสัมพันธภาพของบุคคลต่อบุคคลนั่นเอง    แต่หลักการประชาธิปไตยนั้น  ต้องตั้งอยู่บนผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง   ประชาชนจึงได้ประโยชน์จากสิทธิของการเลือก  อย่างเต็มที่ 

 

พรรคฝ่ายค้น  ก็ต้องพากเพียรไป    อย่างพรรคกรรมกรของอังกฤษ  กว่าจะเอาชนะ  พรรคคอนเซอเวทิฟได้    ก็พยายามเอาชนะใจประชาชนมา   สร้างตัวมา ด้วยการศึกษานโยบาย มาแข่งกับพรรครัฐบาล  ใช้เวลาร่วมครึ่ง ศตวรรษ   ในยุคนายโทนี่ แบล  เร็ว ๆ นี้เอง  จึงได้ชนะมาจนถึงบัดนี้  ...........    และซึ่งบัดนี้  ก็มีท่าทีว่า พรรคคอนเซอเวทีฟ อังกฤษ ทำท่าว่าจะเอาคืนได้   ด้วยนโยบายที่ถูกต้องกว่า ...    อเมริกาก็เหมือนกัน   ...........   แสดงถึงความฉลาดของประชาชนเขา   มีการเลือกอย่างฉลาดในการเอาประโยชน์จากพรรคการเมือง  สับเปลี่ยนไปมาระหว่างพรรคดีโมแครต  กับพรรครีพับลิก   ซึ่งคุณจะเห็นในอเมริกา ว่าไม่นานนัก  ก็มีการเปลี่ยนขั้ว   แต่เขาเปลี่ยนขั้วตามกติกาของครรลองประชาธิปไตย   เขาไม่เคยมีทหารออกมา เพราะทหารไม่อาจจะทำเช่นที่ พล.อ.สนธิ  บุณยรัตนกลิน(ทหารแขกอิสลาม  ทำการยึดอำนาจรัฐบาลพุทธ...ประเทศพุทธ..ทำได้อย่างไร ?   โดยไม่โดนรุมกระทืบ ในอเมริกา  ทำเช่นนี้ไม่ได้   และไม่มีทหารไหนจะคิดทำ เพราะรู้อยู่ ขืนทำไปโดนรุมกระทืบแบนแน่)    เนื่องจากประชาชนเขาฉลาด รักประชาธิปไตย และคุ้มครองระบอบนี้เอาไว้เนิ่นนานมาแล้ว    ซึ่งทำให้อเมริกาเป็นระบบพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่อย่างชัดเจน  และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างสูง  

 

ฉะนั้น   วิถีทางประชาธิปไตย  ต่อจากนี้  จึงเป็นวิถีทางของพรรคการเมือง   ที่จะต้องตรวจสอบตนเอง   ตามหน้าที่ให้ดีที่สุด    และพรรครัฐบาลมีหน้าที่ทำ  .......     ตามที่ให้สัญญาไว้แด่ประชาชน    .......  ต้องระดมมันสมองทุกฝ่ายมาทำตามสัญญาให้ได้   ............   และซึ่งการระดมมันสมองนี้.....  เขาไม่มีขีดจำกัดหรอกครับ   ประชาชนไทยต้องฉลาดในการเอาประโยชน์......เอาประโยชน์จากคนเก่ง ๆ ทั่วโลก ใครก็ได้  นั่นเป็นวิถีทางที่ฉลาด  ..(เช่นพรรคประชาธิปัตย์ไปจ้างนักวิจัยตลาดฝรั่งให้ทำนโยบายไข่ให้....ออกมาเป็นไข่ชั่งกิโล...แต่ฉลาดไม่ทันเขา ๆ ก็โกงเอา งาบเงินไปถึง  69 ล้านบาท...นั่นก็เป็นแนวคิดที่ดี เป็นสิ่งที่ควรทำ  แต่กรณีนี้ไปพลาดตอนทำ ต้องทำอย่างฉลาด  ไม่ใช่ทำอย่างโง่....นี่แหละคนไม่เคยก็เสียท่าเขาได้).  ทำไมเราจะต้องจำกัดตัวเองในการแสวงหาวิชาความรู้ .......    แม้กระทั่งนักโทษฉกรรจ์ในคุกที่รอประหาร ...เราก็อาจจะแสวงหาความรู้บางอย่างจากเขาได้.........(มีงานการวิจัยต่าง ๆ ออกมา เขาไปวิจัยคนร้าย   ไปวิจัยคนดี......   เขาต้องการอะไร....... เขาต้องการความรู้ทั้งนั้นแหละครับ   ถ้าคุณมัวยึดมั่นถือมั่น อย่างไร้เหตุผล......   ก็ไม่ได้วิชา.............ในอเมริกานี่งานวิจัยเป็นไปอย่างรอบด้านหลายหลากมากมายจริง ๆ  จนอาจกล่าวได้ว่างานวิจัยอยู่กับชีวิตปกติประจำวันไปแล้ว....แม้กระทั่งแนวคิดในเชิงงานวิจัยนี้ก็รุดหน้า   ถึงขนาดคิดวิจัยมุษย์พันธ์ใหม่..การวิจัยมนุษย์กลหรือหุ่นยนต์......เหมือน ๆ กับการวิจัยพันธุกรรมต่าง ๆ  ไม่ว่าสัตว์และพืช  ที่ก้าวหน้าไปมากแล้วในประเทศเขา  เพราะเขาไม่ยึดมั่นถือมั่นในการแสวงหาความรู้.......  อย่างคนไทยบางพวก เอาเรื่องแก้แค้นส่วนตัวมายึดมั่นถือมั่น  ก็กลายเป็นว่าปิดกั้นทางวิชาการ  ที่พึงมีพึงได้ไป...... เช่นคนเก่ง ๆ อย่างคุณทักษิณ นี่  มีกี่คนในโลก...คุณไปปิดกั้นทำไม  คิดไปปิดกั้นทำไม่ ได้ประโยชน์หรือ ?  .... ทำไมไม่คิดเอาประโยชน์จากคนไทยด้วยกัน .....เอาเขามาเป็นที่ปรึกษา   เอามาทำงานที่เขาถนัด   ฯลฯ    เอาความอิจฉาริษยาส่วนตัวมาปิดกั้นประโยชน์เช่นนี้  ก็ไม่ได้ความรู้ .......กลายเป็นประเทศ อื่นที่ได้ประโยชน์ไป  อย่างน่าเสียดาย  ประมาณนี้)

 

ถ้าพรรคการเมืองคุณ ไม่คิดต่อสู้ด้วยนโยบายแล้ว   คุณจะต่อสู้ด้วยอะไร  ??   คุณก็เอาวิธีเก่า ๆ  ในแนวคิดแคบ ๆ แบบเผด็จการ ขี้อิจฉาริษยา  มา    และถนัดในหน้าที่ฝ่ายค้านที่มักรู้หน้าที่ตนเองเพียงว่า   มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล...... ไม่ต้องตรวจสอบมากหรอกครับ    มีประชาชนคอยให้คะแนนอยู่   ผลงานบริหาร มันตกแก่ประชาชน ๆ เขารู้สึกได้โดยตรง   สัมผัสโดยตรง    ........  พอครบวาระประชาชนก็ให้คะแนนเอง..... ต่อไปนี้จึงเป็นการทุ่มเทให้กับงานการสร้างนโยบายของฝ่ายค้าน   ซึ่งแน่นอน   ต้องประกอบด้วย การศึกษานโยบายของฝ่ายรัฐบาล  อย่างไม่ลำเอียง  แต่ศึกษาเพื่อให้รู้เขา  รู้เรา ตามทันเกมส์เชิงนโยบาย .......ศึกษาหลักวิชา......ถ้าเขามีหลักวิชาในการทำนโยบาย  รู้เหตุและผลของเขาตามจริง   เราก็จะได้ไม่ค้านเขาอย่างไร้เหตุผล  ถูไปข้าง ๆ คู ๆ  อย่างคนโง่เถียงกัน อย่างไรครับ    ก็ไม่เป็นการสร้างสรรค์   และเราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรงอกเงยขึ้นมา  แต่ทางที่เราทำการศึกษา    หมายถึงการศึกษาข้อมูลรอบด้านทางการเมือง และประชาชน   อย่างรอบคอบ นี่พรรคการเมืองใหญ่สามารถทำได้   ก็ควรเร่งศึกษาไปตลอดเวลาที่เป็นฝ่ายค้าน  ตลอดเวลานาน 4 ปีก็อาจจะไม่พอด้วยซ้ำ       อย่างพรรคประชาธิปัตย์นี่  เคยคิดหรือเปล่าว่าการศึกษาภาคอีสาน  นี่ คุณจะต้องใช้เวลากี่ปี หรือกี่สิบปี.......จากการเริ่มต้นที่จุด ๐   ของพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้     .............   แต่ในฐานะความเป็นพรรคการเมืองใหญ่นี่แหละ  มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง  ยิ่งกว่าสถาบันการศึกษาใดใดเสียอีก  

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-07-09 05:46:17


ความคิดเห็นที่ 26 (3300499)

ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นทาสแท้เขาพรรคเก่าแก่มีอายุมานานกว่า  60  ปี  แต่ไม่เข้าใจความต้องการของประชาชน  และยังเล่นการเมืองแบบเก่าๆอยู่  เพราะทำนโยบายไม่เป็น ขนาดแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยินก็ยังมองปัญหาของตัวเองไม่เห็น  ว่าพรรคของคุณอยู่กับการสร้างภาพ ภาพที่ประชาชนอยู่ดีกินดีไม่ได้ภาพที่หลอกลวงเจ้าของภาพว่าเป็นความสุขไปวันๆ  หากไม่ปรับตัวก็คงถึงกาลอาวสาน

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-07-09 22:41:23


ความคิดเห็นที่ 27 (3300725)

ข้อสังเกตก็คือ  เมื่อพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ไปอย่างพังทะลายราบ  และ  เป็นการพ่ายแพ้ติดต่อกันมาทุกครั้งของการเลือกตั้งทั่วไป    ให้แด่พรรคเดิมที่เอาชนะมาตลอด นับแต่ไทยรักไทย ถึงพรรคเพื่อไทย .......ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน   ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทุ่มเทความพยายามทุกประการ โดยเฉพาะการตามล่าล้างบุคคลากรผู้นำของพรรคฝ่ายตรงข้าม  และทั้งรวมหัวกับพันธมิตร ฝ่ายอมาตยาธิปไตย ทำการยุบพรรคฝ่ายตรงข้ามไปถึง 2 ครั้ง 2 พรรค  คือพรรคเพื่อไทย และ พลังประชาชน  ก็ยังไม่สามารถจะเอาชนะพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน  ที่ถูกยุบแล้วตั้งใหม่เป็นพรรคเพื่อไทย ได้   พรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะได้คิด ในแนวคิดอย่างประชาธิปไตย  ว่า ประชาชนส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับพรรคประชาธิปัตย์    และน่าคิดถึงประชาชนชาวใต้ในทางที่เห็นอกเห็นใจ และประนีประนอมกับประชาชนที่ซื่อต่อพรรคมาตลอด  น่าเห็นใจพวกเขา ที่พรรคไม่สามารถจะเอาชนะทางการเมืองประชาชนภาคอื่นได้เลย มีแต่ผูกพันกันไว้เปล่า อย่างไร้ผลทางการเมืองเลย  แถมยังมีข้อสงสัยในเรื่องการใช้อำนาจรัฐในมือทุจริตเอากับประชาชนกรุงเทพมหานครอีก..... ......พรรคประชาธิปัตย์จึงควรที่จะได้ข้อสรุปทางวิชาการที่มีเหตุผล  สอดคล้องความเห็นที่ 25-26 ดังกล่าว   เพื่อเริ่มต้นใหม่

 

แต่อะไรเป็นเหตุ    น่าคิด  ... พรรคนี้ขาดบุคคลากรกระมัง  ทั้ง ๆ ที่เห็นชัดเจนว่าผู้บริหารชุดที่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง  3 ก.ค. 2554 นี้  เปรียบประดุจสื่งชำรุดไปแล้ว  แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่อาจจะโยนทิ้งไปได้   นั่นน่าหมายถึงการขาดแคลน พรรคไม่สามารถหาหาอะไรมาชดเชยได้  ................  แต่นั่นแหละ มันเน้นย้ำเข้าไปถึงความหมายของความเสื่อมทรุด  ตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์  .........   และไร้วิสัยทัศน์ของการจะพัฒนาพรรคไป .............  ตามแนวทางที่ควรเป็น  โดยวิถีทางประชาธิปัย...

 

และไม่ช้าไม่นานต่อมาก็เริ่มเห็นบทบาทเก่า ๆ เดิม ๆ  ที่สกปรก ...   อันเกิดจากการลอกเลียนแบบวัฒนธรรมเดิม ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์    โดยสมาชิกพรรค และสส.พรรครุ่นใหม่คนใหม่ ที่เลื่อมใสศรัทธาแบบเดิม ๆ ของพรรคนี้  ที่น่าสนใจก็คือ

 

บทบาทของพันธมิตร นายสนธิ ลิ้มทองกุล  ออกมาประกาศว่า   ระบอบทักษิณ "คือระบอบการเมืองชั่วที่กลืนบ้านกลืนเมือง"  พันธมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ต้องจับมือร่วมโค่นล้มต่อไป  ทันทีที่ผ่านการเลือกตั้งเพียง 2 วัน (เอเอสทีวี 5 ก.ค.2554 เวลา 22.00 น.) 

แล้วไม่นานต่อมา  บุญยอด  สุขถิ่นไทย   ว่าที่ สส.ปชป. เห็นช่องทางที่จะเอาชนะได้อีกครั้งหนึ่ง โดยเล่ห์กลเดิม ๆ       ยื่นฟ้อง กกต.ให้ ยุบพรรคเพื่อไทย      ..............     

 

นี่คือสัญญาณของการตกต่ำย่ำลงไปสู่อดีตที่ล้าหลังของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง  ............    โดยไม่ยอมฟังข้อสรุป ท่านต้องระงับยับยั้งวิถีทางเดิม ๆ เช่นนี้เสีย    ...............   แต่แน่นอน  ถ้ายังคงมีบุคคลากรที่ชำรุดบริหารอยู่   ก็คงไม่ไปไหน  

 

เพราะการยุบพรรคเพื่อไทย...หรือพรรคการเมืองใดหนึ่ง ล้าสมัยไปแล้ว เพราะการยุบพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะกระทำได้ในวิถีทางระบอบที่อำนาจเป็นของประชาชน    ประชาชนได้รู้แล้ว ถึงความจำเป็นของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และความที่พรรคการเมืองจะต้องมีความมั่นคง และอายุยาวนาน ตามปรารถนาของประชาชน    ....ท่านไม่อาจจะทำการให้ยุบพรรคการเมืองได้    ท่านอาจจะได้รับความร่วมมือจาก กกต.+ทหาร+ศาล+มือลึกลับ.....ทำไปได้..........แต่  ประชาชนเขาไม่ยอม  ก็จบเท่านั้นเอง

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้   ท่านทั้งหลาย  ก็คงได้สติและคิดใช้วิธี  decision ที่ฉลาด ๆ  ที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกันต่อไป......สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ เพียงจัดการกับสิ่งที่ชำรุดภายในพรรคของเราเองเสีย   ....และอย่าเลี้ยง....ปล่อยคนอย่างบุญยอด  สุขถิ่นไทย ไปกินแกลบเสีย ...............แผ่นดิน แม่ธรณีบีบมวยผม ก็จะสูงขึ้นเยอะ   ............  และ......เริ่มเดินหน้าใหม่ครับ.....อย่าถอยไป ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  

 

ให้พรรคที่ประชาชนเลือกมา  บริหารประเทศไปพลางก่อน  คุณก็ใช้เวลาปรับปรุง พัฒนาตนเอง ..... จะไม่ดีกว่าหรือ ?

 

ท่านไม่เข้าใจหรือ ........ ว่าต้นเหตุสำคัญมีไม่มากเท่าไร   สรุปประเด็นหลักจริง ๆ อยู่ใน 3 ประการนี้  ไม่นอกไปจากนี้(หมายความว่าคุณจัดการ 3 ประเด็นนี้ได้  ก็เรียบร้อย)   นั่นคือสิ่งที่ประชาชนพลเมือง  รวมถึงสถาบันการเมือง การปกครองร่วมคิดกันอยู่    1.   คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน    ประเทศไทยจะต้องดำเนินไปตามวิถีทางของประชาธิปไตย   สนธิ  บุณยรัตนกลิน มุสลิมชั่วร้าย ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาธิปไตยไป อย่างไม่ชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง  ประชาชนเขาขอคืน   .... เราก็เพิ่งได้คืนมา  อย่างเสียเลือดเสียเนื้อแลกเอากับรัฐบาลเผด็จการ .....และได้รัฐบาลประชาธิปไตยคืนมาแล้ว....คุณก็รอสักหน่อยซิ    2.   คนเขาอดหยากระส่ำระสายเพราะการอยู่การกินการครองชีพ  และเขาเลือกพรรคที่เสนอวิธีการที่จะทำให้พวกเขาประชาชน อยู่ดีกินดี มีการครองชีพดีขึ้น  เขาบอกนโยบายไปอย่างชัดเจน และมีเสียงมากพอจะขับเคลื่อนนโยบายได้  ขณะนี้ประชาชนก็รอและหวังอยู่ตรงจุดนี้...คุณอย่าไปพูดเขวไปนอกประเด็น..นอกเรื่องสิ ....เมื่อรัฐบาลทำได้  ประชาชนอยู่ดีกินดี  ความปรองดองก็เกิดขึ้น เอง ....คุณก็รอหน่อยซี...   3.    ความเป็นธรรม   ใครฆ่าประชาชน 91 ศพกลางเมืองกรุงเทพมหานคร  19 พ.ค. 2553  คุณเป็นคนมีน้ำจิตน้ำใจอย่างคนหรือเปล่า ก็รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่เคยให้ความกระจ่างเลย  เขาจึงไล่ออกไป...รัฐบาลใหม่...เขาคิดว่าพอจะมอบให้นายคณิต  ณ นคร     เขาไว้วางใจว่าคน ๆ นี้จะอาจเรียกศรัทธาคืนมาสู่สถาบันตนเองได้...   ก็คอยหน่อยอย่าเพิ่งไปพูดให้คนเข้าใจเขวไป......... ....เท่านั้นเอง 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-07-12 10:31:51


ความคิดเห็นที่ 28 (3300828)

วันนี้ดูรายการ the  daily dos  คุณปลื้มวิเคราะห์ได้ดีทีเดียวว่าหากพรรค ปชป. ยังเลือกหัวหน้าพรรคแบบเก่าๆ  วิสัยทัศน์ล้าหลัง ก็คงต้องพ่ายแพ้เพื่อไทยตลอดไป  เพราะแพ้มาทุกครั้ง หากอยากชนะพรรคเพื่อไทยหรือมีคะแนนสูสีพอจะจัดตั้งรัฐบาลได้คงต้องเปลี่ยนวิธีคิดและมองหานักการเมืองเก่งๆที่เคยแสดงฝีมือทางด้านการบริหารให้เป็นที่ประจักษ์ อย่าง ดร.ศุภชัย  พานิชภักดิ์  ดร.สุรินทร์  พิศสุวรรณ ดร.สมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ หรือ มรว.ปรีดียาธร  เทวกุล และแม้แต่คนที่เชียร์พรรค ปชป. ก็คงอยากเห็นชัยชนะ  แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เลยหากยนังเลือกหัวหน้าพรรคแบบที่เคยๆทำมา 

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-07-12 23:26:16


ความคิดเห็นที่ 29 (3300919)

 

กกต.นี่มีอำนาจเหนือเสียงประชาชนหรือเปล่า ? ...... ไม่ใช่เฉพาะ 15 ล้านเสียง ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้มา    แต่ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย   11 ล้านเสียง............. ถูกละ ....   โดยกฎหมาย หรือระเบียบ .....ของประเทศไทย......   ดูเหมือนกกต.จะมีอำนาจ ..... ถึงขนาดล้มพรรคการเมือง ยุบพรรคการเมือง   .......   และ อย่าลืม กรณีนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช   .................   นั่นเป็นกรณีที่น่างุนงงสงสัยมาอยู่จนถึงขณะนี้ .........และกรณีคดีที่ดินรัชดา ......ก็สร้างความงุนงงได้ไม่แพ้กัน  
 
 
 
แน่นอนกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองสส.ครั้งแรก 12 ก.ค.2554 รับรอง 358 คน และที่น่าตระหนกก็คือ แขวน สส.พรรคเพื่อไทยไว้ 11 คน ของประชาธิปัตย์ 3 คน ในนั้นมี ว่าที่นายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย และรักษาการณ์นายกรัฐมนตรี ของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย ..โดยเหตุผลว่ามีการร้องเรียนว่าทุจริตในการเลือกตั้ง...........กรณีนายกสมัคร สุนทรเวช ในอดีตไม่ไกลนักนี้ ....รวมทั้งกรณียุบพรรคการเมือง .....ประชาชนคงไม่ลืม ว่ามันช่างง่ายดายจริง ๆ ที่อำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยไทยยุคนี้ จะอาจล้มล้างรัฐบาล และพรรคการเมืองของประชาชน ......... และนี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งหรือ ?
 
 
 
นี่คือเหตุผลของความหวาดระแวงครับ.......   แต่เราไม่คิดหรอกว่า กกต.จะมีเจตนาที่จะให้โทษร้ายแรงถึงขนาดนั้น   ........... เพราะเมื่อกกต.มาระลึกถึงหลักการของระบอบที่เคารพเสียงของประชาชน ด้วยอำนาจการอนุมัติเป็นของประชาชนแล้ว    ........
 
 
 
ก็ดูซิครับ    ครรลองประชาธิปไตยไทย เพิ่งจะเริ่มต้น และมีนิมิตหมายที่น่าชื่นชม   เมื่อพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค คือประชาธิปัตย์ และ เพื่อไทย รับรองซึ่งกันและกันไปแล้ว   
 
ประชาธิปัตย์มีประชาชน 11 ล้านลงคะแนนเสียงให้   เพื่อไทย 15 ล้าน    รวมเป็น 26 ล้าน มีความเห็นลงตัวกันแล้วตั้งแต่วันทราบผลการเลือกตั้ง   ยังไม่ง้อ กกต.ประกาศผลด้วยซ้ำไป   เข้าใจไหมครับ   ?
 
 
 
คือเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ๆ วันเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554 นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และที่สำคัญนายกอภิสิทธิ์ ยังได้แสดงความยินดีต่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 28 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย แล้วอีกไม่กี่นาทีต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสส.สัดส่วนหมายเลข 1 จากพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขอบคุณประชาชน และขอบคุณหน.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองที่ต่อสู้อย่างสร้างสรรค์ และพูดถึงนโยบายบางประการในฐานะ  ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ .................รวมคนที่เขายอมรับซึ่งกันและกันในประเทศไทยขณะนี้ อย่างน้อยก็ถึง 26 ล้านคน 11 ล้านคนยอมรับความพ่ายแพ้และยินดีที่ประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ อีก 15 ล้านคนก็ขอบคุณ 11 ล้านคนฝ่ายแพ้ และยินดีปรีดาที่จะได้การบริหารตรงตามนโยบาย ยินดีกับชัยชนะการที่คนที่ตนสนับสนุนจะได้ขึ้นบริหารงานตามนโยบายที่ปรารถนา
 
 
 
ความหมายคืออะไรครับ ?    ..........
 
 
 
คือไม่ใช่เฉพาะคนไทย....แต่โลกทั้งโลกเขาก็รู้กันแล้วอย่างปราศจากความสงสัย ว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องไปเป็นฝ่ายค้านแล้วอย่างเต็มใจเพราะยอมรับในความพ่ายแพ้    และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร    จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่   นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย   ......... แม้ตลาดหุ้นก็ยังแสดงผลของความยินดีปรีดาเลยครับ........ถ้าไม่เป็นไปตามนี้แล้ว ไม่ใช่เพียงคนไทย 26 ล้าน เป็นอย่างน้อย(11ล้านของพรรคประชาธิปัตย์และ 15ล้านของพรรคเพื่อไทย)   แต่โลกทั้งโลกก็จะรุมเข้ามาครับ      แม้ขณะนี้ โลกก็ยังงง เหมือนที่คนไทยงงกันนี่แหละ 
 
(คราวนี้การเลือกตั้งไทย เข้าสู่จรรยาบรณ ตามแบบอเมริกาเขาทำเลยครับ........เรากำลังหวังว่าประชาธิปไตยไทยเริ่มก้าวออกไปในก้าวสำคัญแล้วเทียว ......... แต่แล้ว กกต.ก็ทำให้เส้นกระตุก....และแดงผู้รักประชาธิปไตยทั้งสิ้น เขาต้องมองครับ....อย่างหวาดระแวง และพร้อมสู้)
 
 
 
ผมไม่ได้ตำหนิ กกต.นะครับ   แต่ผมอยากจะให้เข้าใจว่า   แนวคิดเราต้องกว้างขวาง ทันสมัยทันระบอบกว่านี้ ............... กฎหมาย..ระเบียบเราก็ต้องกว้างขวาง ทันสมัยทันระบอบกว่านี้ .......   และการ decision making   ของเราก็ต้องกว้างขวาง ทันสมัย ทันระบอบกว่านี้ ........คือกฎหมายต้องสอดคล้อง และรับรองแนวคิดอันกว้างขวางของระบอบประชาธิปไตยครับ      ตัวอย่างที่น่าสนใจขณะนี้ ขอยกประเด็นเดียวก็คือ กฎหมายต้องให้นำหนักอย่างถูกต้อง ตามความหมายของหลักการประชาธิปไตย    ไม่ใช่เรื่องเล็กนิดเดียว   ล้มพรรคการเมืองได้แล้ว  ปลดนายกรัฐมนตรีได้แล้ว     ......ผมจึงมองเรื่องกฎหมาย...ระเบียบว่าล้าหลังที่สุดไงครับ.............. และ กกต.ก็มักอ้างว่าปฏิบัติไปตามกฎหมาย...ระเบียบที่ล้าหลังนั้น    ที่ว่าล้าหลังก็เพราะกฎหมาย...ระเบียบ ไม่สอดคล้อง ไม่รับรองแนวคิดอันกว้างขวางของระบอบประชาธิปไตย นั่นเองครับ   ........... และแน่นอน   ก่อนการเลือกตั้งคราวต่อไป กฎหมายจะต้องได้รับการปรับ แก้ไข ไปในแนวทางที่มันสมัยขึ้น..... นั่นคือให้สอดคล้อง รับรองแนวคิดอันกว้างขวางของระบอบประชาธิปไตย.....ซึ่ง กกต.จะต้องมองเห็นแนวทางดังกล่าวนั้น ตั้งแต่บัดนี้แล้ว   .......   
 
  • ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-07-13 20:29:25
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.ก๊อปปี้มา (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-07-13 20:39:02


ความคิดเห็นที่ 30 (3300989)

 

 

ผมจะให้ดูบันทึกการข่าวนะครับ วันที่ 3 ก.ค.2554  ที่ รก.นรม.อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ นรม.คนใหม่....ตกลงออกแถลงการณ์ ตามลำดับเหตุผลเดียวกัน ดังนี้ครับ :-

 
 

“เวลา 19.41 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับในความพ่ายแพ้และแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่ชนะ และขอแสดงความยินดีต่อคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

 

เวลา 19.50 น.   น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแถลงที่พรรคเพื่อไทย ขอบคุณประชาชน  ขอบคุณสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ขอบคุณคุณอภิสิทธิ์และพรรคการเมืองทุกพรรคที่ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสร้างสรรค์   ขอเรียนยืนยันว่าจะทำนโยบายทุกนโยบายอย่างเต็มที่ตามที่ได้บอกกล่าวประชาชน   ไม่อยากพูดว่าพรรคเพื่อไทยชนะ แต่อยากบอกว่าประชาชนชนะ   งานข้างหน้ายังมีมากต้องทำเพื่ออนาคตของประเทศไทย เป็นหน้าที่หนัก   คงต้องรอผลจากการประกาศเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง   ทางพรรคเพื่อไทยได้คุยกับพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว    ดิฉันจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดขอบคุณ

 

มีคำถามหลายข้อ ตามมา โดยเฉพาะประเด็นเสื้อแดงกับคดีเสื้อแดง ตอบว่าจะมอบนายคณิต ณ นคร คำถามจากชาวต่างประเทศว่าจะทำอะไรก่อน ตอบว่าเรื่องเศรษฐกิจของประชาชน   ......

 

* 001 รายงาน
   3  ก.ค. 2554/20.03 น.”

 
 

นี่คือ จริยธรรม ที่เหมือนลอกจริยธรรมมาจากอเมริกา .....   ยังไม่ทันที่กกต.หรือใคร อำนาจใดจะประกาศรับรองหรอกครับ เขามองจากเสียงประชาชน  มั่นใจในเสียงประชาชน  ....นั่นแหละเขาจึงรับว่า  เสียงสวรรค์... ซึ่งเป็นที่น่ายินดี น่าชื่นชม แต่ประเด็นก็คือ   ความหมายของกริยาอันนี้ มันหมายถึงอะไรในความหมายของระบอบประชาธิปไตยและเราเข้าใจมันหรือไม่ ?

 
 

คือไม่ใช่เพียงมารยาทให้แล้ว ๆ ไปนะครับ    ในเมื่อคุณยอมรับความพ่ายแพ้ และทั้งแสดงความยินดีต่อฝ่ายชนะด้วยประการต่าง ๆ แล้ว ...หมายถึง ประชาชนที่สนับสนุนคุณ 11 ล้านเสียงก็ยอมรับด้วยและยินดีกับประชาชนฝ่ายที่ชนะด้วย..........และอีกฝ่าย ซึ่งคงได้นัดกันไว้เหมือนอเมริกาเขา ก็ออกมาขอบคุณฝ่ายที่พ่ายแพ้ ซึ่งหมายถึงขอบคุณประชาชนฝ่ายที่พ่ายแพ้ 11 ล้านเสียงด้วย .... และแน่นอนฝ่ายประชาชนที่ชนะ 15 ล้านคน ก็พลอยยินดีไปตาม ๆ กัน และหมายถึงขอบคุณประชาชนด้วยกันเอง 11 ล้านฝ่ายที่พ่ายแพ้นั้นด้วย   นี่คือคุณธรรมในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องการ ......  ตรงนี้คือถ้าจะให้ถูกต้องจริง ๆ ต้องถือปฏิบัติตามหลักธรรมพุทธศาสนาคือ การเลิกจองเวรแก่กันและกัน ทำใจให้บริสุทธิ์สะอาดอีกหนหนึ่ง มาเป็นกลางกันหมด คือ อยู่ในภาวะ อุเบกขา    .............  ไม่ยินดียินร้ายกับฝ่ายใด......... ไม่มีฝ่าย.... ไม่มีเหลือง   ไม่มีแดง  ..(มีแดงในความหมายของประชาธิปไตย ก็ไม่แปลกอะไร).... แต่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันหมด .......และตรงนี้ย่อมหมายถึงพลเมืองทั้งหมดประเทศด้วย ไม่ว่าอยู่ระดับการงาน ยศชั้น ตำแหน่งไหน ..ไม่ว่าลัทธิ นิกายศาสนาใด ... มาวางใจอุเบกขาลง ภายหลังการเลือกตั้ง เหมือนพลเมืองประชาธิปไตยทั่วโลก และย่อมรับรู้สิทธิของตน ตามที่ควรจะเป็น อย่างปราศจากข้อสงสัย นั่นคือมีสิทธิ์ที่จะรับผลของนโยบายเท่าเทียมกันหมด   พลเมืองทุกคนต้องได้อะไร ๆ เท่ากันหมด  และการบริหารของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าพรรคใดก็ตามที่ชนะการเลือกตั้งแล้วได้ขึ้นเป็นรัฐบาล (ทุกรัฐบาลทั่วโลกที่เป็นประชาธิปไตย)   ก็ต้องบริหารไปตามหลักการที่เป็นธรรมต่อประชาชนทั้งปวง เขาจึงมีหลักการที่ว่า majority rule minority right   นั่นคือ ไม่ว่า majority หรือ minority เช่นคนมุสลิม 3 จว.ชายแดนภาคใต้ หยิบหนึ่ง กับ คนพุทธแทบหมดประเทศ  เป็นต้น ต้องได้รับผลของนโยบายเท่าเทียมกันหมด   ประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ภายหลังการเลือกตั้งทุกครั้ง จึงสามารถคาดคะเนตัวบุคคลที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลได้ทันที   และทั้งคาดคะเนผลประโยชน์ที่ตนจะได้ทันทีเช่นเดียวกัน นั่นคือนโยบายย่อมเป็นนโยบายเสมอ ไม่ว่าตนจะได้อะไรเสียอะไร ก็เท่าเทียมกับคนอื่นอยู่แล้ว แม้ว่าก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนต่างมีความคิด ความปรารถนาที่แตกต่างกัน หรือแบ่งกันเป็นฝักเป็นฝ่ายตามนโยบาย ในขณะเดียวกันแข่งกันทางนโยบาย เป็นผู้สนับสนุนและต่อต้านอย่างแข็งแรงให้พรรคของเราได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง    ได้ขึ้นสู่อำนาจการบริหาร ก็ตาม   ฉะนั้น นี่คือคุณธรรมของระบอบประชาธิปไตย ที่พรรคการเมืองและประชาชนจะต้องเข้าใจตรงกัน นั่นคือ ก็จะเกิดความปรองดองขึ้นมาไงครับ    ประเทศ ประชาชนก็กลับมาเป็นเนื้อเดียวกัน คือ ประชาธิปไตยเท่ากันหมด  

 

และบัดนี้ได้แสดงความหมายออกมา ให้น่ามีความหวัง

 
 

การแสดงความยอมรับการพ่ายแพ้ และยินดีในชัยชนะของฝ่ายค้าน การขอบคุณของฝ่ายชนะ จึงมีความหมายอย่างยิ่งดังกล่าว   และตัวความหมายประเด็นสำคัญก็คือ   พลเมืองไทยทุกฝ่าย ทุกชนชั้น ทุกศาสนา มีความชอบธรรมที่จะเชื่อแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ จะต้องเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนนี้เท่านั้น     

 
 

นี่คือกระแสพลังประชาชนที่เรี่ยวแรงกว่าเดิมมาก ๆ นะครับ เพราะ อย่างที่ว่าแหละครับ ประชาชนทั้งฝ่ายชนะการเลือกตั้ง และประชาชนฝ่ายที่แพ้การเลือกตั้ง อย่างน้อยก็ 26 ล้านคน เขาได้ยอมรับซึ่งกันและกัน  รวมกันเป็นกระแสเดียวคือ กระแสประชาธิปไตย และต้องการเห็น นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี   ในขณะที่ยอมรับให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นฝ่ายค้าน  

 
ถ้าไม่เป็นไปตามนี้   ก็ระวัง  สินามิ    นะครับ.........
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-07-14 12:22:33


ความคิดเห็นที่ 31 (3301141)

การ  decision making ของฝ่ายเผด็จการ อมาตยาธิปไตย ใต้มือมืดอัปลักษณ์ กำลังผิดพลาดนะครับ   ..........

ระวังการประเมินกำลังของเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยผิดพลาด

1.      แกนนำแดง   ไม่ใช่เพียง  11-18 แกนนำในคุก....และอื่น ๆ อีกประมาณ นับตัวได้เหมือนเดิมนะครับ   แต่มีตัวโทนโท่อยู่จะจะถึง  265  คนแล้ว   ก็สส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมดอย่างไรครับ   เพราะพรรคเพื่อไทย -  พลังประชาชน  - ไทยรักไทย  เขาเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เขาก็ร่วมสู้มา 

2.     บวกแกนนำ นปช. แกนนำอื่น ๆ และแกนนอนต่างๆ ทั้งเดิมและใหม่ ๆ  อีกทั่วทั้งแผ่นดินไทย และที่สำคัญชาวอีสานทุกคน ชาวเหนือทุกคน  ภาคกลางทุกคน  กรุงเทพ     ยิ่งกว่าแกนนำเสียอีก

3.     ทักษิณ  ชินวัตร เพียงคนเดียว อมาตยาธิปไตยก็แย่แล้ว  พ่ายเรียบไปแล้ว   แต่นี่เขามี ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  เพิ่มมาเป็น 2 แรง  เพิ่มความรักความศัทธาเข้าไปในจิตใจของประชาชนที่รักประชาธิปไตย  ที่ถูกกดขี่ข่มเหงมาจากฝ่ายอมาตย์  พร้อมสู้ตายถวายชีวิต     แล้วฝ่ายอำมาตย์มีอะไร ?.....  ทหารก็ไม่เอาด้วยแล้ว.....เชื่อสิ

4.      ประชาชนมีความหวังแห่งชีวิตที่ดีกว่าและความอยู่ดีกินดีที่ดีกว่ารออยู่ข้างหน้าและสืบทอดไปอีกยาวนาน....เมื่อมองรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  และเครือประชาธิปไตย..........ฝ่ายอมาตย์มีอะไร  นอกจากความห่อเหี่ยวแห้งแล้ง เหมือนเดินฝ่าเข้าไปในทะเลทราย  ......   คิดเพียงแค่นี้  เขาก็ยอมไม่ได้แล้ว 

 

ตัดปัญหาเสียแต่ต้น  เหมือนตัดไฟต้นลมดีกว่าครับ ......   อย่าทำให้ประเทศชาติต้องเสียเวลาอีกต่อไปเลย.......... 

ด้วยการเดินไปตามครรลองประชาธิปไตย  ............   เอาครรลองประชาธิปไตยเป้นหลักในการ  decisio making.....

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-07-16 15:43:00


ความคิดเห็นที่ 32 (3301536)

 

 

กกต.ผ่าน สส.อีก 12 คนแล้ววานนี้   ภายหลังถูกยับยั้งไว้......ตามคำร้องของเครือข่ายต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ

 
 

 

 
 

เครือข่ายต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ พวกเดียวกับเอเอสทีวีนี่แหละ    พวกกะเลวะราด พวกเจ๊กลิ้ม ... มีหน้าที่ก่อกวนสังคม ไม่ให้เดินไปโดยปกติ และมีหน้าที่โดยตรง(อ่านจากเจตนาของพวกเขา)ในการสร้างความระส่ำระสายให้แก่สังคม ไปจนถึงสร้างความวิบัติแด่สังคมไทย จนถึงที่สุด................เป็นพวกที่ยึดทำเนียบรัฐบาลยุคนายกสมัครและนายกสมชาย 2 ยุคของนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว จนก่อเกิดประวัติศาสตร์นายกรัฐมนตรีไทยที่ได้อยู่ในตำแหน่งโดยไม่มีโอกาสเข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลเลย...... แล้วยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่เข้าใจการกระทำของตนเองว่าถูกหรือผิด ถึงกับพวกนายจำลอง เอาพื้นที่ส่วนหนึ่งหน้าทำเนียบ ทำเป็นนา   ดำนาไปหลายแปลง อีกด้วย   ยึดไว้ถึง 193 วัน    แล้วยึดทำเนียบนี้ไว้ใช้เป็นฐานการก่อการร้ายต่อไป โดยไปยึดทีวีช่อง 11 ไประรานรัฐบาลใหม่ที่จะเข้าประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ ปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดต่อกันถึง 6 วัน ขณะเสด็จโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมาร์ค เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพพระพี่นางเธอ ฯ สนามหลวง... แล้วไปกระทำการก่อการร้ายยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อันเป็นสนามบินนานาชาติ เพิ่มความผิดเข้าไปอีก ............แล้วไม่มีใครเอาผิดได้ กลายเป็นอันธพาลครองเมืองยุคหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ยุคแขกมุสลิมครองเมือง    ...แล้วลอยนวลมาจนถึงวันนี้ ซึ่งรัฐบาลไทยยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ที่อ้างว่าตนมาจากครรลองประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน) มองเรื่องราวเหล่านี้อย่างคนไร้สติ   ...........   เพราะไม่มีการ decision ปัญหานี้เลย

 
 

 

 
 

ในขณะเดียวกัน สถาบันกฎหมาย......ก็พลอยไร้สติไปด้วย    เพราะไม่ปรากฎว่ามีสถาบันกฎหมายใด ๆ ในประเทศนี้ แสดงถึงปฏิกริยาใดใดต่อการกระทำอันเป็นการผิดกฎหมายของบุคคลเหล่านี้ ต่อประเทศนี้

 
 

 

 
 

อย่างเช่นมีสมาคมทางกฎหมายก็หลายสมาคม............. มีมหาวิทยาลัย   มีคณะที่สอนกฎหมาย...... มีผู้พิพากษา อัยการ ตุลาการ...............   ทำไมจึงไม่สนใจเหตุการณ์เหล่านี้เลย................ถ้าหากจะทำการวิจัยเชิงกฎหมาย...ก็น่าจะเป็นการสะดวกง่ายดายที่จะเก็บรวบรวมข้อมูล ...ทำได้ง่าย ๆ ในขณะที่มีเหตุการณ์อยู่   แต่ไม่มีใครตามเก็บข้อมูลเลย........   จึงไม่ค่อยปรากฎแนวคิดใหม่ ๆ ทันโลก ทันยุค ......นักกฎหมายไทยไม่เคยสร้างทฤษฎีทางกฎหมายใหม่ ๆ ขึ้นมา ....... มีแต่แนวคิดตามก้นต่างประเทศ.....ไม่มีแนวคิดตนเองที่สอดคล้องกับสังคมตนเอง ไม่เข้าใจในเชิงเหตุและผลกฎหมายกับสังคม ในประเทศไทย   มีแต่กฎหมายเก่า ๆ คร่ำครึ การเรียนกฎหมายเป็นเพียงการท่องจำ เพื่อให้แม่นยำในการเอาไปอ้างอย่างล้าหลังต่อไปเท่านั้น   .......... และนั่นคืออุปสรรคของการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคประชาธิปไตยที่สมบูรณ์    ....   อันเป็นยุคที่กฎหมายจะถูกสร้างขึ้นจากคนชั้นรากหญ้าของสังคม.............(เพราะจะมีคนที่มีดีกรีในมหาวิทยาลัย ในสถาบันกฎหมาย...ฯลฯ....คอยออกมากำราบ โดยอ้างอะไร ๆ ที่ตนจดจำมาได้อย่างแม่นยำ....พร้อมที่จะเหยียดหยามว่าคนรากหญ้าไม่รู้หลักกฎหมาย..และยับยั้งคนรากหญ้าที่จะสร้างกฎหมายขึ้นมาตามหลักการของประชาธิปไตย ......   นั่นคือกฎหมายของประชาชน โดยประชาชน   และเพื่อประชาชน...... ประมาณนี้)

 
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย ธีระพงษ์ วันที่ตอบ 2011-07-20 09:43:34


ความคิดเห็นที่ 33 (3301683)

สรุปแนวคิดสุนาย ก็คือ  ประเทศไทยตกอยู่ใต้ปัญหาทางกฎหมาย นิติศาสตร์  และ  นิติธรรม   แต่วงการกฎหมายเองหาได้สำนึกไม่   ประเด็นกฎหมาย  นิติศาสตร์  นิติธรรม  เป็นประเด็นใหญ่ที่ก่อปัญหาให้แด่ประเทศชาติ  ....... คนที่ควรมองก่อนคนอื่นก็คือวงการกฎหมายนั่นเอง  ............ในกรณีพวกกะเลวะราดที่ว่า  ล้วนทำผิดกฎหมายอย่างฉกรรจ์  เป็นความผิดถึงขั้นกบฎในราชอาณาจักร  โดยการบุกรุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล  และการยกพวกยึดสนามบินนานาชาติ  ......    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีใครที่อาจปฏิเสธว่า  การปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนิน เป็นความถูกต้องชอบธรรม  เป็นความจงรักภักดี....แต่เป็นกบฏทรราชย์ชัด ๆ  ความผิดถึงบั่นหัว 7 ชั่วโคตร  ???      แต่แล้วพวกคนเหล่านั้น ซึ่งยังคงมีตัวตนอยู่ครบถ้วน  ลอยนวลพ้นความผิดอยู่อย่างเปิดเผย  ไม่สะดุ้งหวั่นไหวกับการกระทำของตน   และซ้ำยังคงก่อกวนสังคมอยู่ต่อมา......โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ล่าสุดก็ยังให้ความคุ้มครองป้องกัน เสียอีก .........................แต่เคยมีคนมีสติปัญญาในวงการกฎหมาย  ในสถาบันกฎหมายออกมาศึกษา และเสนอความคิดเพื่อแก้ไขปัญหานี้  ไม่มีนายอำเภอออกมาพร้อมกับปืนรวอลเวอร์(อย่างในหนังคาวบอยน่ะครับ) ตามล่าพวกกะเลวะราด  เอาตัวมาตัดสินจำคุก  เพื่อยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายบ้านเมืองเลย    

 

ครับ   เห็นด้วยครับ  หากนักกฎหมาย  หรือวงการกฎหมาย  สถาบันกฎหมายพูดขึ้น  ถึงความสำคัญของตนเองนี่ก็คือ   RULE  BY  LAW  จำเป็นที่การปกครองประเทศทั้งปวงต้องถือหลัก  Rule by law ไม่ถือหลักกฎหมายแล้วประเทศก็ระส่ำระสาย ประชาชนก็ระส่ำระสาย ........   นี่ได้ปรากฎในประเทศไทยอย่างเปิดเผย  ชัดเจนมายาวนานแล้ว   แต่นักกฎหมายผู้กระดี๊กระด๊า ระริกระรี้   คิดว่าตนเข้าใจการปกครอง  แต่ไร้สติสตังที่จะมองดูว่า   Law  ของคุณ.....ไม่ว่าตัวบทกฎหมาย และทั้งกระบวนการ ...... การบังคับใช้กฎหมาย   มันเป็นต้นเหตุของความระส่ำระสายแห่งประเทศนี้   แล้วยังเฉยเมย  ไม่มีความรู้สึก   ......

 

มีคนทำความผิดปรากฎชัดอยู่ต่อหน้านักกฎหมายคนหนึ่ง  สถาบันกฎหมายแห่งหนึ่ง   แต่นักกฎหมายคนนั้น  สถาบันกฎหมายนั้น  กลับถ่างตาดูอยู่ได้อย่างไร้ความรู้สึก  เช่นนี้   

นี่ก็คือพวกอีเดียทประเภทหนึ่งนั่นเอง ..................  และครั้นคนรากหญ้าพูดขึ้นว่า กฎหมายต้องไม่เป็นสอง มาตรฐาน  กฎหมายต้องเป็นของประชาชน  โดยประชาชน   และเพื่อประชาชน     คนรากหญ้าจะสร้างกกฎหมายเองละ   .......ก็ขมึงตา .........อย่างที่ผมว่านี้ไหม???  

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สถาวร ผดุงสิทธิ์ วันที่ตอบ 2011-07-21 11:29:15


ความคิดเห็นที่ 34 (3301687)

ผมเห็นนายอะไรที่ผมหยิก ๆ น่ะครับ    แกเป็นหัวหน้าสถาบันกฎหมายนี่แหละ................  แต่ไป ๆ มา ๆ  แกเป็นพวกโจร   ใช้กฎหมายโจรไป.......   นี่ก็เป็นปัญหาตัวบุคคลในวงการกฎหมายไทยนะครับ .......   แต่พวกสถาบันกฎหมายก็ไม่รู้สึกอีก.............  จะเป็นปัญหาว่า   วงการนี้มีคนรู้ดีมากเกินไปไหมครับ ทำอะไรก็แย้งกันไปหมด...........  แบบว่ามีคนรู้ดีแต่ไม่มีใครรู้จริง  นั่นแหละ   ???

 

ผมหมายความว่า  ในที่สุดก็กลายพันธ์ไป   เป็นพวกอยู่ใต้กระบอกปืน   คอยรับใช้อมาตย์....

ออกมารับหน้าแทน.......ออกโวหารทางกฎหมาย คอยโต้แย้งแทนเจ้านาย.......ผิดถูกไม่เอาตามกฎหมายแล้ว   เอาตามใจเจ้านายไป....เอากฎหมายไปรับใช้โจร......เป็นหมาเฝ้าบ้านเขา เขาเปิดปากก็ได้เห่าไป.......ว่างั้นเถอะ

 

ก็คงยังงั้น ๆ    ....

ผู้แสดงความคิดเห็น สนอง ไทกุล วันที่ตอบ 2011-07-21 12:00:09


ความคิดเห็นที่ 35 (3301709)

 

 
 
 
ฟัง ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวส พูดเรื่องนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 300 บาท ท่านอธิบายได้เข้าใจง่ายเห็นภาพพจน์ว่านโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาสมาทั้งหมดเกิดจากการศึกาข้อมูลไว้รอบด้านแล้ว และเตรียมการตั้งแต่เห็นการทำงาน 2 ปีกว่าของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าจะช่วยประชาชนให้อยู่ดีกินดีได้อย่างไร การที่พรรคปชป. ออกมาโจมตีว่าจะเอาเงินที่ไหนมาบริหาร ท่านตอบได้ดีมากเลยว่ารายได้ของประเทศชาติก็มาจากภาษีประชาชนจำนวนหลายแสนล้านนั่นแหละคือเงินทุนที่มอบให้รัฐบาลมาบริหารโดยไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน และรัฐบาลของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนในอดีต และในอนาคตก็พรรคเพื่อไทยที่จะต้องมีความสามารถในการนำงบประมาณส่วนนี้มาลงทุนให้เกิดผลกำไรงอกเงยให้กับประเทศชาติ และสร้างสวัสดิการดีให้กับประชาชน ท่านกล่าวว่าการบริหารของพรรคเพื่อไทยจะมีตัวเลขงบประมาณที่เพิ่มขึ้น เรื่องนี้ประชาชนคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินวิสัยทัศน์ที่ลุ่มลึกเช่นนี้ เพราะตลอดเวลาที่พรรค ปชป. และพรรคร่วมรัฐบาลบริหารไม่เคยได้ยินฝ่ายเศรษฐกิจที่บอกว่ารัฐบาลมีรายได้อยู่แล้วจากภาษีอากรที่เก็บได้และจะทำเงินเหล่านี้ให้งอกเงย ได้ยินแต่ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินจากต่างประเทศ หรือไม่ก็ระดมทุนจากการออกพันธบัตร จนขณะนี้หนี้สินของประเทศที่ประชาชนต้องรับไปเต็มๆหัวละหลายหมื่นบาท จึงไม่แปลกใจเลยที่ประชาชนเขาเทคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างท่วมท้น 
ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-07-21 13:55:16


ความคิดเห็นที่ 36 (3301710)

 

 

คือทำไมการทำนโยบายต้องรอบคอบ สุขุม มองเป้าหมายและวิถีทางเดิน อย่างทะลุปรุโปร่ง และต้องมีการศึกษา วิจัย พร้อมหลักเทกนิกและวิชาการคอยแบ็คอย่างแน่นอน มั่นคง ซึ่งจะทำอย่างสุกเอาเผากินไม่ได้ ..... .....    ในตรงนี้มันหมายถึง   การแยกวิเคราะห์นโยบายแต่ละนโยบาย    ว่าเป้าหมายของนโยบายอยู่ตรงไหน ใกล้หรือไกลเพียงใด    ระหว่างทางที่จะเดินไปสู่เป้าหมายนั้นจะสะดวก ราบรื่น หรือจะมีอุปสรรค ปัญหาอะไรรออยู่ ...... ก็ต้องมองอย่างทหารเคลื่อนพลเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญนั่นแหละ   จะต้องมีการข่าวกรองอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้รู้ได้ว่า มีอะไร ๆ อยู่ข้างหน้าบ้าง มีมิตรอย่างไร มีศัตรูอย่างไร อาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายเขามีอะไร ...พื้นภูมิประเทศเป็นห้วยเป้นเหว เป็นเนินเป็นโกรกเหว   เป็นที่ราบ อย่างไร ......จะพบกับอุปสรรคปัญหาอะไรบ้าง เมื่อพบแล้วจะแก้อย่างไร ด้วยวิธีการอย่างไร   จึงจะทะลุไปสู่เป้าหมายได้ ..............   เหล่านี้   จะต้องมองให้ทะลุไปก่อนให้ได้ ................ ก่อนจะประกาศออกมาสู่ปวงประชามหาชนในวาระที่มีการเลือกตั้ง    ว่าเป็นนโยบายของพรรคการเมือง

 
 

 

 
 

นโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท นี่แหละเป็นตัวอย่าง ยังไม่ทันเริ่มต้นขับเคลื่อนนโยบายเลย   ศัตรูก็เริ่มโจมตีเสียแล้ว..... ซึ่งในการนี้ เรามั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องได้มองไว้ก่อนแล้ว........ เราเชื่อเช่นนั้น.... เพราะเรามองที่เหตุผลของนโยบาย และทั้งสติปัญญาที่จะบริหารปรากฎจากพรรคการเมืองและสมาชิกผู้บริหารพรรคการเมืองนี้.....เราเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยได้มองทะลุไปแล้ว และคิดยุทธวิธีตอบโต้ หรือแก้ไขอย่างไรไว้พร้อมแล้วทีเดียว   .....    เพียงแต่ยังไม่เปิดเผยอาวุธลับสำคัญออกมาอย่างครบถ้วน...........

 

 

 
แต่   ในที่สุดต้องมาถึงการจัดการอย่างเรียบเกลี้ยง ของพรรคเพื่อไทย ต่อนโยบายตัวนี้    เราจะต้องคอยดู และมั่นใจก่อนเลือกตั้งแล้วว่า จะทำได้........
ผู้แสดงความคิดเห็น ยอดเยี่ยม ยิ่งยง วันที่ตอบ 2011-07-21 13:57:58


ความคิดเห็นที่ 37 (3302043)

ยังไม่ยุติครับ     ยังไม่เงียบครับ  .......   เรื่องการวิพากษ์นโยบาย......   ที่ได้รับการตัดสินมาแล้ว...

คราวนี้  นักเศรษฐศษสตร์ออกมาตำหนินโยบาย  300 บาท    15,000 บาท........  ว่าจะเป้ฯเหตุเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้.....

 

คือจะเป็นเช่นที่คุณคิดหรือไม่ก็ตาม   แต่ขณะนี้จะต้องเงียบ ๆ ไว้ก่อนครับ...........เพราะสิ่งที่คุณวิพากษ์นี้.......ไม่ใช่เวลานี้ครับ......เขามีเวลาให้คุณพูดในขณะที่มีการหาเสียงเลือกตั้งอยู่.......  ถ้าคุณพูดตอนนั้นก็จะเป้นผลให้อาจจะระงับนโยบายนี้ลงได้  ด้วยการจูงใจประชาชนให้เห็นตามเหตุผลของคุณ  และไม่เลือกพรรคที่เสนอนโยบายนี้ก็ได้  ............  แต่คุณมาพูดตอนนี้ มันไม่มีผลต่อนโยบาย....หรืออะไรเลย เพราะได้ผ่านการตัดสินมาแล้ว  ........   ในวาระที่มีการเลือกตั้ง  ประชาชนเขาก็ได้ฟัง   ว่าใครพูดว่าอย่างไรบ้าง ........คนที่พูดอย่างคุณนี่ก็มีเยอะแยะไป  ประชาชนเขาก็ได้ฟัง......  ก็มีพรรคฝ่ายค้านคือประชาธิปัตย์ เขาก็พูดแรงกว่าคุณอีก ประชาชนเขาก็ได้ยิน   ...........   แล้วคุณจะมาคิดว่าประชาชนเลือกไม่เป็น  ประชาชนโง่  เลือกรัฐบาลบ้านนอกมาให้คนกรุงล้ม....... คุณคิดอย่างนี้หรือ ????    นี่แหละความคิดที่ดูถูกประชาชน ......  ผมเพียงแต่คิดว่า  บัดนี้ควรจะรอดูก่อนและหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ลงก่อน เพราะมันไม่ช่วยอะไร มันหมดเวลาแล้ว  คุณจะไปยับยั้งเขาไม่ให้ทำนโยบายนี้ไม่ได้หรอก   ......   ก็เท่านั้นเอง    ......ผมก็อยากจะเสนอว่าคราวหน้า  การเลือกตั้งคราวน้า  ให้รู้กาละเทศะ  ว่าเวลาเขาให้พูดเมื่อไร.....ก็เทศกาลการเลือกตั้ง  คุณก็พูดได้อย่างเต็มที่  และพูดเพื่อให้ประชาชนยอมรับคุณให้ได้ ........เขาจะได้เลือกคุณอย่างไร   ขณะนี้คุณพูดอย่างไร ๆ เขาก็คืนคำตัดสินให้ไม่ได้  ก็มวยชกครบยก ตัดสินไปแล้ว นี่   คุณมันคุ่ยจริง ๆ   

 

แท้ที่จริง  นโยบายค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศนี้  ก็มาจากหลักการเศรษฐศาสตร์ง่าย ๆ  เบื้องต้น ๆ นี่เองครับ   ซึ่งได้รับการพิศูจน์มาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณแล้ว  เขาก็เอาทฤษฎีนั้นกลับมาใช้ใหม่.......ก็เท่านั้นเอง    คุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์แบบแคบหรือเปล่า......

 

คือเวลาคนไม่มีเงินใช้นี่คนก็อยู่กันเฉย ๆ  โดยเฉพาะคนภาคอีสาน คนส่วนใหญ่ที่สุดของประเทศนี้ ร่วม 40 ล้านคนนี่   .....  เขาจะพากันจำศีล เหมือนกบ นั่นแหละ  เช้าก็ปั้นเข้าเหนียวจิ้มปราร้า   จิ้มเกลือ   หรือเอามะเขือพวงมากินกับพริกแดง ๆ ข้าวเหนียวนี่อร่อยมาก   เคยไหมครับ  ?   ลองดูนะครับ   มีพริกป่นแดง พริกแก่อย่างเผ็ดเลยนี่ ข้าวเหนียวปั้นตุ้ยพริกแดง ๆ  เข้าปาก  แล้วกัดกินมะเขือพวงไปทีละลูกตามเข้าไป...แก้เผิดไปด้วย  อร่อยด้วย     อร่อยเด็ดเลยครับ    ...........   เขาก็อยู่ได้.......แต่เขาขายของไม่ได้หรอกครับ   เคยเด็ดผักตำลึงริมรั้วไปขาย    มะ นาวในสวนก็ขายไม่ออก  ข้าวโพดก็ปล่อยให้งัวควายกินไป........เพราะคนไม่มีเงินซื้ออย่างไรครับ..............  แล้วพอให้เงินเขามาหน่อย  นี่  เพียง  10 บาท   คุณว่าเขาเอาไปฝากธนาคารหรือใส่กะปุกไว้..............  เขาก็เอาไปจ่าย  ซื้อ.....อะไรต่ออะไร.......... คนมีของขายก็ได้ขายของ.......คิดต่อไปเองก็แล้วกัน..............ผมขี้เกียจคิดให้............

 

พวกติดหนี้..................ก็มีแต่คิดจะฆ่าตัวตาย..............พอได้พักหนี้ไปไกล ๆ   เขาก็มีความหวัง  แทนที่จะเป้นประชาชนเสื่อม....ไร้ประโยชน์......ก็กลายเป็นประโยชน์ขึ้นมา.................   มันก็เป็นทางออกที่ดีกว่าใช่ไหมครับ   ?

 

ฯลฯ    คิดต่อไปเองนะครับ.........

 

เงินก็มาหมุนเวียน..........................  ก็ได้เงินมาแบบนี้แหละมาใช้บริหารนโยบายต่อไป...........

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดร. ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆิน วันที่ตอบ 2011-07-24 09:27:35


ความคิดเห็นที่ 38 (3302074)

เข้าใจแล้วครับ  ดร.ฆิกเมฆ   เมื่อคน 40-60 ล้านคนมีแรงซื้อ  ก็เคลื่อนวงจรเศรษฐกิจ... ๆ   ก็เดินหน้าไป...........

ผู้แสดงความคิดเห็น คนอ่าน วันที่ตอบ 2011-07-24 19:35:37


ความคิดเห็นที่ 39 (3302714)

สวัสดีค่ะ    รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะทำนโยบายค่าแรงวันละ 300 บาท ได้ไปศึกษาอย่างรอบคอบแล้วหรือยัง  ขณะนี้ค่าแรงแค่ 200 บาทเศษ ๆ โรงงานก็แย่อยู่แล้ว  ดิฉันเกิดในโรงงานเย็บเสื้อผ้า เติบโตมาในโรงงานเย็บผ้า  และทำงานในโรงงานเย็บผ้า รู้ดีคะ  ปัญหาคือชั่วเวลาไม่นานนักนี้ สินค้าเสื้อผ้าของโรงงานถดถอย ถูกระงับใบสั่งซื้อลงไปตลอด  ทั้งในต่างประเทศและในประเทศเอง  โรงงานมีปัญหามาตลอด  มีหลายโรงงานต้องเลิกกิจการไป  เริ่มแต่อุบลราชธานี มาถึงโคราช  ถึงพัทยา  มีทะยอยปิดโรงงานทอผ้าลงไปตามลำดับ ๆ  ที่จริงไม่อยากกล่าวหาว่าตั้งแต่อภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลมานี่แหละ  ในยุคทักษิณ เจริญมาก ข้าวของออกไปต่างประเทศได้เยอะ  จนกระทั่งบัดนี้  โรงงานก็อยู่ในสภาพย่ำแย่  อยู่ในฐานะประคองตัวไปวัน ๆ ก็ว่าได้   ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำเนินนโยบายค่าแรง 300 บาท ต่อวันเมื่อไร  โรงงานจะเลิกกิจการลงไปอีก  ดิฉันมั่นใจว่า  จะกว่า 70 %  แล้วคนนับหมื่นจะตกงาน  ทางรัฐบาลจะต้องคิดให้ดี ๆ และหาทางแก้ไขไว้ล่วงหน้าก่อน

ดิฉันชอบนโยบายเกี่ยวกับการเกษตร  อยากให้มีเวลาพักชำระหนี้ให้พอ  เช่นเราเลี้ยงลูกโค 1 ตัว  กว่าจะเติบโตก็ต้อง 3 ปีขึ้นไป  เราจึงควรให้พักหนี้ได้ 3 ปี - 5 ปีเพื่อรอผลิตผล   อย่างนี้เป็นต้น     อยากให้ทำอย่างทักษิณ ในนโยบายยาเสพติด คือจับได้แล้วริบทรัพย์ด้วย  คนกลัวริบทรัพย์มากกว่า  

อีกอย่างหนึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต้องจัดการเรื่องหนี้นอกระบบ  ประชาชนเดือดร้อนมากจากการขูดรีดของพวกตำรวจ  ดิฉันชอบวิธีการของทักษิณจับได้ให้ออกจากราชการเลย     ตำรวจก็ไม่กล้าขุดรีด   เพราะทักษิณเอาจริง    ดิฉันพบประชาชนที่มีความผิดนิดเดียว ตำรวจจับไปเป็นคดีความอยู่ถึง 2 ปีก็ไม่แล้วเสร็จ ญาติ ๆ ก็ใช่ว่าร่ำรวย  วิ่งเต้นเสียเงินทองไปเป็นแสนบาท ....แต่ในที่สุดก็ติดคุก 2 เดือน  นี่เป้ฯเรื่องจริง ที่ศรีสะเกษ ขอโทษที่เอ่ยชื่อ   เสียเวลาและเสียเงินไปเปล่า ๆ อย่างไม่เป็นธรรมเลย   อยากให้เปิดโอกาสให้ประชาชนทำมาหากินด้วย  อย่าไปอิจฉาประชาชนเพราะยุคนี้ถึงหาได้ก็ไม่รวย 

มีอีกหลายเรื่องที่ดิฉันอยากเสนอรัฐบาลยิ่งลักษณ์  ที่ในปีที่แล้ว ๆ มามีปัญหามาก  เช่นเรื่องการชดเชยภัยพิบัติน้ำท่วม  ที่รัฐบาลทำอย่างลวก ๆ มากเลยเสียความรู้สึกจริง ๆ  คือคนไม่มีนาแต่มีชื่อรับเงินก็มี   มีนาน้อยใส่ตัวเลขไปเยอะ ๆ  ก็ได้  อย่างนี้  ไม่เป้ฯธรรม    ผู้ใหญ่บ้าน   กำนัน  อบต.  เปลืองเงินเดือนไปทำไม  ฯลฯ...อยากให้จัดการใหม่ .....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวน้อยโรงงานโคราช วันที่ตอบ 2011-07-30 10:29:59


ความคิดเห็นที่ 40 (3302929)

ยุทธศาสตร์นั้นแน่นอน      แต่ยุทธวิธี มีหลายหลาก

บางยุทธวิธี เราอาจจะยอม ถอยหรือ  ขาดทุน   

แต่องค์รวมแล้ว  ได้กำไร      ............... ต้องมีการถัวไปถัวมาครับ   ยอมขาดทุนในบางเรื่อง เพื่อไปเอากำไรมหาศาลทดแทนมาจากบางเรื่อง   นี่เป็นลักษณะการกระทำที่ฉลาด  

 

ทรท. และ พท.  ใช้วิธีการเช่นนี้ครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ วันที่ตอบ 2011-08-02 08:45:19


ความคิดเห็นที่ 41 (3303529)

เหมือนม้าแข่ง.....................พร้อมจะวิ่งโชว์ฝีเท้าอยู่แล้ว    แต่ก็มีอะไรตุกติก ๆ    .......................

 

วันนี้จะเรียบร้อยหรือเปล่าครับ ?

ผู้แสดงความคิดเห็น แดงแท้แจ๋ วันที่ตอบ 2011-08-08 11:05:26


ความคิดเห็นที่ 42 (3304132)

เรียบร้อยแล้วครับ  ยังแต่ จัดรูปนโยบาย และกระบวนการในรัฐสภาเท่านั้นเอง  อีกอึดใจครับ  

 

ล่าสุด  ญี่ปุ่นรับรองทักษิณ ชินวัตร แล้ว  หลังจากเยอรมัน รับรองไปก่อน   ทำให้เราทราบว่ายุคอภิสิทธิ์ ทำกับต่างประเทศ  ในเรื่องการให้ข่าวสารเท็จอย่างไร  (พอ ๆ กับหลอกลวง  โกหกพกลม ประชาชนไทยทั้งประเทศเป็นปกตินิสัย)    เขาทราบภายหลังว่ารัฐบาลเด็กหลอกเขา ทำให้เข้าใจผิดเรื่อง  ดร.ทักษิณ  ประการต่าง ๆ  .................  เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจถูก  จึงคืนสิทธิให้ ดร.ทักษิณ    คือสิทธิ เสรีชน  ที่จะเที่ยวไปทั่วโลก   อย่างไรครับ   .....   ก็เขาเป็นประชาธิปไตยนี่ครับ    ......   นี่คือแบบอย่างประชาธิปไตย .....  คุณจะเห็นว่าต่างจากพม่า  ขนาดพายุนากิสมาท่วมประเทศ คนพม่าตายเป็นแสนขึ้นไป  ยังไม่ยอมให้องค์การสหประชาชาติ และประเทศต่าง ๆ เอาของไปช่วยประชาชนผู้หิวโหย บ้านแตกสาแหรกขาดเลย     นั่นคือ  เผด็จการทหารพม่าไงครับ....   ให้เรียนรู้อย่างเร็วไปเลย..................

 

เช่นเดียวกับเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ    และรวมทั้งหัวหน้ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ  ๆ ก็ส่งสารแสดงความยินดีกับคุณยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  เมื่อได้เป้นนายกรัฐมนตรีเต็ม 100 %  เขาชื่นชมในชัยชนะ ที่ได้มาจากวิถีทางประชาธิปไตย  มีท่านบารัค โอบามา  และท่านฮุนเซน  เป็นต้นครับ    

 

นี่คือ   การต่างประเทศแบบสากลครับ   ส่วนแบบอภิสิทธิ์ เป็นแบบแคบแบบปิดประตูเมือง อยู่คนเดียวไงครับ..........  ครับ   เรียนรู้อย่างเร็วเลยนะครับ     ......

 

และเรียนรู้    กษิต ภิรมย์     เรียนรู้ข้อเท็จจริง  ว่าเขาได้ทำอะไรในขณะเป็นรัฐมนตรีกท.ต่างประเทศไทย  ..........  พิสูจน์ชัดเจนเลยว่า  เขามีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือเทียวไปใส่ความ อดีตผู้นำไทย ทักษิณ  ชินวัตร  ด้วยประการต่าง ๆ  เป็นต้นว่า โกงกินประชาชนทั้งชาติจนร่ำรวยมหาศาล กระทำผิดทางอาญาประการต่าง ๆแล้วหลบหนีคดีความมาอยู่ต่างประเทศ    รวมทั้งคิดสร้างประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ตัวการใหญ่ที่คิดล้มล้างสถาบัน  ตั้งตนเป็นประธานาธิบดี    .........

ผมว่ากษิต ภิรมย์  ได้กระทำผิดต่อประชาชนไทย  ประเทศไทย  และต่างประเทศ ฐานเอาข้อความเท็จไปบอกกล่าวให้ต่างประเทศเข้าใจผิดต่ออดีตผู้นำทางประชาธิปไตยของประเทศไทย ...   เขาควรได้รับการกล่าวหาไปอีกกระทงหนึ่ง  อย่างไม่น่าอภัยเลยตลอดชีวิตของเขา ................  นอกจากคดีก่อการร้าย  สนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ......

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-08-15 14:38:44


ความคิดเห็นที่ 43 (3304363)

มาคิดเรื่อง นโยบาย ขึ้นค่าแรงไป  300 บาทต่อวันก่อนครับ    ................

เป็นเรื่องที่จำเป็นจริง ๆ  อย่างขาดไม่ได้ และรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหนก็ต้องทำ    ..................

 

เหตุผลหรือครับ...........ก็ถามตัวคุณเอง  ว่าคุณอยากได้เงินเดือนขึ้นหรือเปล่า ........คุณก็อยากได้เงินเดือนขึ้นใช่ไหม ?    เพราะคุณก็เป็นคนธรรมดา  มีกิเลส  อยากได้อยากดีเหมือนคนอื่น ๆ    

 

สส.ไทยทุกวันนี้  ก็ใช่ว่าเงินเดือนพอใช้   ถาม สส.ปชป.     ก็อยากได้เงินเดือนขึ้นเหมือนกัน   ......    รัฐมนตรี  ก็อยากขึ้นเงินเดือนตนเอง ..............  นายกรัฐมนตรีไทยก็ควรจะได้รับเงินเดือนขึ้น    ศาล  ตุลาการ......  อยากขึ้นเงินเดือนขึ้นหมด  และแน่นอน  ข้าราชการก็ต้องได้ขึ้นกับเขาด้วย  

 

ก็เริ่มจากประชาชนไงล่ะครับ   ............   จำเป็นต้องให้ประชาชนเขาขึ้นก่อน ..........เพราะเขาเป้นเจ้าของอำนาจและเป็นพลังส่วนมากที่สุด

ถ้าคุณอยากได้เงินเดือนสูงขึ้น ๆ ไป.....สูงกว่าทุกวันนี้  ทั้ง ๆ ที่คุณเป็น สส.นี่แหละ  เป็น รมต. นี่แหละ   เป็นศาล  นี่แหละ ....คุณจะเริ่มอย่างไร.............. คุณจำเป็นต้องเริ่มตรงนี้ครับ    เริ่มที่เงินรายได้ของแรงงานทั้งประเทศวันละ 300 บาทก่อน(ที่จริงยังน้อยไป น่าจะ 400 บาท)   ................

 

เข้าใจแล้วยังครับ

 

วันหนึ่งก็ถึงคราวคุณเอง   ได้ขึ้นเงินเดือน.......

 

นี่คือโครงการยกระดับเศรษฐกิจทั้งมวลของประเทศไทย    มีแนวคิดมาตั้งแต่ยุคทักษิณ  ชินวัตรแล้ว   ยุคยิ่งลักษณ์  ก็ตามแนวคิดเดิมนั้นไป.............(อะไรดี   ก็เอามาทำต่อ.......ถูกต้องไหม ?)

 

ถ้าจะให้ชัดเจนในความคิดยิ่งขึ้น   ก็ลองไปจับกรณีศึกษาประเทศสิงคโปร์ดู  

ทำไมเงินเดือนของเขาจึงสูงลิ่วไปได้ขนาดนั้น   ประมาณว่า  10 เท่าของคนไทย     นายกรัฐมนตรีเขาก็ได้  10 เท่าของนายกรัฐมนตรีไทย   สส.เขาก็ได้ 10 เท่าของ สส.ไทย   รมต.เขาก็ได้  10 เท่าของรมต.ไทย   ...........  ไทยได้เดือนละ  1 แสนบาท  เขาได้ 1 ล้านบาท นี่โดยประมาณ   (นรม.สิงคโปร์ได้ประมาณ เดือนละ 10 ล้านบาท)  

 

ฉะนั้น.............เริ่มที่ แรงงานขั้นต่ำ  300 บาทครับ    วงจรเศรษฐกิจก็จะเริ่มหมุนไป ๆ ๆ ๆ   แล้วเติมพลังไปเป็นระยะ ๆ  ก็จะยิ่งแรงไปเรื่อย ๆ   เงินก็จะเข้าประเทศเราค่อยทวีขึ้น ๆ     ประเทศเราก็ได้เงินมา....คราวนี้ก็จึงค่อยเป็นพวกเรา....ได้ขึ้นเงินเดือนให้เราทุกคน ......(มันหมายถึงการคืนกลับมาสู่โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เองโดยตรงด้วย)      อย่าคิดติดอยู่กับที่ ซีครับ......

 

ก็ขอให้ใช้ความคึดครับ   อย่าคิดทำอะไร ๆ ไร้สาระ  น่ะ......รู้จักมองอะไรไกล ๆ บ้าง..........

มาร่วมมือกันดีกว่าขัดแย้งกันนะครับ   เพราะเรามีผลประโยชน์ข้างหน้าร่วมกันจริง ๆ   

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆิน วันที่ตอบ 2011-08-17 21:14:57


ความคิดเห็นที่ 44 (3305071)

กรณีนิพิธ อินทร์สมบัติ  สส.ปชป.พัทลุง เมื่อวานนี้

นี่แหละครับ   สส.ที่ชาวใต้ชอบ     สส.คนนี้เขาพยายามทำบทบาทให้ถูกใจชาวใต้เท่านั้นเอง   .........   ชาวใต้ชอบนักวาทะ  จะผิดหรือถูกไม่สำคัญ  สำคัญที่ทำให้คู่ต่อสู้ เกิดอาการครั่นคร้าม หรือเพลี่ยงพล้ำให้เห็น  ไปจนถึงล้มคว่ำลงได้ก็พอ   

 

วานนี้  นายนิพิธ  ทำหน้าที่เพื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างน่าชนะใจชาวใต้ที่สนับสนุนพรรคมาแต่เดิม     นั่นคือ ทำความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น ต่อพรรคใหญ่ที่ได้เป็นรัฐบาล     ไม่ว่าจะผิดหรือถูก   เขาทำได้อย่างนี้  ประชาชนเช่นนั้นก็เฮ   .....

 

แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย ตามทันเสียแล้ว   วานนี้ก็ถึงทำให้นายนิพิธ อินทร์สมบัติ   ถึงสะอื้นในหัวอก   และน่าจะปิดฉากชีวิตในรัฐสภาของคน ๆ นี้ลงเสียได้ตั้งแต่วันวานนี้    พร้อมการถดถอยไปเรื่อย ๆ  ของพรรคประชาธิปัตย์

 

เพราะมันได้พิศูจน์อีกครั้งว่า   พูดดี  พูดหาเรื่อง  พูดส่อเสียด เหน็บแนม และพูดเท็จ  หยาบคายพร้อม  จนสรุปลงไปที่คำ ๆ เดียว    คือ  ดีแต่พูด จริง ๆ  

 

ผมเองคิดว่า  ปชป.ทำไม่เหมาะสม   วันนี้ ทางรัฐบาลมีความหวังในการที่จะผ่านนโยบายไปอย่างสง่างาม  ....แต่แล้วก็มีการก่อกวนของคนพรรคประชาธิปัตย์ แล้วลามไปเป็นพรรคเป็นพวกระหว่างฝ่ายรัฐบาล  ฝ่ายค้าน   และฝ่ายเชิรตแดง-ทักษิณ กับฝ่ายสุเทพ เทือกสุบรรณไป    โดยไม่สมควร    ปชป.ควรจะคิดว่าการแถลงนโยบายนี้   แท้จริงก็มีเจตนาเพียงให้รัฐสภารับทราบ เท่านั้นเอง    วาระสำคัญคือการปฏิบัติ   ถ้าปชป.เห็นว่ารัฐบาลจะทำไม่ได้  ก็น่าจะให้คำแนะนำเพียงเบา ๆ   ไม่น่าจะถึงขนาดว่าต้องล้มคว่ำให้ได้  นั่นเป็นการเสียมารยาท ขาดจริยธรรมของระบอบประชาธิปไตย   เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลย   ที่ถูก ก็น่าจะคอยดู  และคอยคิดแก้ไขเอาไว้ เผื่อเวลาที่ตนได้ทำนโยบายเช่นนั้น  จะได้ทำให้ได้ดีกว่า    

 

หรือรอไว้เสนอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ได้ 

 

ปชป.ควรจะคำนึงว่า   พรรคเพื่อไทยได้เสียงท่วมท้นมาเป็นรัฐบาล   เพราะประชาชนสนับสนุนนโยบายของพรรคเพื่อไทย...แม้ว่าจะมีบางส่วนของนโยบายที่คลาดเคลื่อนไปจากเวลาที่หาเสียงอยู่บ้าง เมื่อไม่ใช่ประเด็นหลักประเด็นสำคัญอะไรของนโยบาย  ประชาชนเขาก็ยอมรับได้  โดยที่ ปชป.ก็ไม่น่าจะเดือดร้อนออกหน้ารับอาสาขนาดเอาเป็นเอาตายเช่นนั้น  คลาดเคลื่อนไปหน่อยก็เป็นสิ่งที่ย่อมเป็นไปได้แหละครับ   คุณจะเอาให้ได้ตรงเป๊ะเลย นั่น ไร้เหตุผลเกินไป     ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย   เขาเร่งจะทำ  จะเริ่มทันทีภายหลังผ่านรัฐสภาวันนี้   ......   ถ้าประชาธิปัตย์คิดล้มรัฐบาลทันทีเช่นนี้    หรือแสดงให้เห็นว่า  นโยบายที่เสนอสู่รัฐสภาวันนี้ เป็นแนวคิดที่ไม่อาจจะทำได้เลย  หรือเหยียดหยามว่าไร้สาระ  หรือทำนโยบายเอาใจคนภาคเหนือ  ภาคอีสาน  แต่ภาคอื่นไม่เอาใจใส่เลย  อันเป็นเท็จเช่นนี้   ก็จะกลายเป็นว่า  ประชาธิปัตย์ต่อต้านกระแสแรงของมวลมหาประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมา  เพื่อทำนโยบายให้พวกเขา .........

 

วันนี้   ประชาธิปัตย์ได้พบกระแสแรงเช่นนั้นแรงไปอีกเรื่อย ๆ แล้ว 

 

แม้ประชาชนชาวใต้เอง  ที่เคยมองผิด ๆ  ในเรื่อง   ความสำคัญของวาทะกรรม    ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยคมคำพูดโกหกพกลม  เสียดสี  เพียงเพื่อเอาชนะด้วยวาทะ   แต่ข้อเท็จจริง  เป็นเพียง   ดีแต่พูด.  พวกเขาก็จะเริ่มตาสว่างกว้างขึ้น  และเริ่มรู้สึกว่า  สส.ของเขา เช่นนายนิพิธ อินทรสมบัติ  แม้เป็นตัวแทนของประชาชน ยังไม่เข้าใจสาระสำคัญพื้นฐานของประชาธิปไตย เลย ประชาธิปไตยที่แท้จริงเป็นอย่างไร  ก็จะเริ่มมีการตื่นตัวศึกษาขึ้น  ในวงกว้างขวางของประชาชนภาคใต้    และเริ่มไล่ตามประชาชนเหนือและอีสาน เรื่องความเข้าใจประชาธิปไตยที่แท้จริง   ถูกละครับ   ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์นั้น  จำเป็นที่ประชาชนทั่วประเทศ ทุกภาคส่วนของประเทศไทย  ต้องเป็นประชาธิปไตยด้วยกัน   ขณะนี้คนเหนือ คนอีสาน  คนกรุงเทพ คนภาคตะวันออก  ต่างแบกขนภาระประชาธิปไตยกันไปแล้ว   ยังแต่คนภาคใต้  ที่ยังเอารัดเอาเปรียบ......แต่วันนี้  ท่านคงจะรู้สึกตัวแล้ว ....

ส่วนสถานการณ์ในรัฐสภา   สส.เช่นนายนิพิธ  และ ประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น   นับแต่นายกรณ์  จาติกวณิชย์  ไป   ก็จะถูกกดข่ม...... ตามหลักการปกครองว่า    นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ  ปคฺคณฺเห  ปคฺคหารหํ  (พึงข่มบุคคลที่ควรข่ม  พึงชมบุคคลผู้ควรชม...มาจากพระไตรปิฏกครับ)   เพราะพรรคเพื่อไทยในรัฐสภา เป็นพวกส่วนมาก พวกแดงพิทักษ์ธรรม    หากอธรรมส่วนน้อย ประพฤตไร้เหตุผล ไม่อยู่ในระเบียบขององค์การ  หรือสถาบันสูงสุดของประชาชน   เช่นพฤติกรรม ปชป.วันวานนี้    สส.ส่วนมากที่เป็นธรรมก็ต้องช่วยกันถอนเขี้ยวถอนเล็บเสียให้เกลี้ยง .....................น่าเป็นแผนการณ์อันชอบธรรมของรัฐสภาไทยยุครุ่งโรจน์ทางประชาธิปไตย  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-08-25 13:05:18


ความคิดเห็นที่ 45 (3305297)

การแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

           

ประธานรัฐสภา                          นายกรัฐมนตรี
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

การแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อรัฐสภา  กำหนดมีการแถลง 2 วัน ๆ ที่ 23-24 ส.ค.2554 แต่ในวันที่ 24 ส.ค.ที่กำหนดปิดการประชุมนั้น ได้เกิดความรุนแรงในรัฐสภา ทำให้องคประชุมไม่ครบ พรรคประชาธิปัตย์วอล์คเอาท์  ประธานสภาจำต้องเลื่อนไปอีกเป็นวันที่ 3 วันที่ 25 ส.ค.2554  จึงจบเสร็จลง

 

ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เห็นได้ว่าพรรคฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ มิได้มองการแถลงนโยบายว่ามีนัยยะสำคัญเพียงแจ้งให้รัฐสภาทราบเท่านั้น เพื่อที่รัฐบาลจะได้ทำงานต่อไปตามนโยบายที่แถลง  การเปิดให้อภิปรายนโยบายนั้น ตามหลักแล้วฝ่ายค้านต้องจดหัวข้อเอาไว้ เพื่อการติดตามไปดู ว่ารัฐบาลจะได้ทำงานอย่างไร  มีประสิทธิภาพเพียงใดหรือไม่  หากได้พบว่ามีการบริหารไม่ตรงตามนโยบาย ไร้ประสิทธิภาพ หรือมีการผิดพลาดประการใดใด อย่างร้ายแรงโดยมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนที่ชัดเจนชัดแจ้ง ฝ่ายค้านก็สามารถยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อถอดถอนรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลทั้งคณะได้ ซึ่งกติกาของระบอบประชาธิปไตยข้อนี้ นี้ได้ระบุในรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับอยู่แล้ว  

 

แต่การประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายคราวนี้ พรรคฝ่ายค้านกลับไม่สังวรณ์ว่านัยยะอะไรเป็นอะไร  ออกท่าทีประหนึ่งว่าเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่บริหารงานล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง ประมาณนั้น จึงได้เกิดการตอบโต้ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านขึ้นอย่างรุนแรง และเมื่อจนต่อเหตุผล ก็ไม่ยอมรับเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์เกิดทิฏฐิในทางที่จะเอาชนะ วอล์คเอาท์  ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม    จำต้องปิดประชุม  เป็นเหตุให้เสียเวลาของสภาไปอีก 1 วัน และมีนักหนังสือพิมพ์เอาไปคาดคะเนในทางที่ไม่ดีต่อการเดินไปของระบบรัฐสภาไทยยุคนี้ว่าจะไม่ราบรื่น รัฐบาลจะต้องเผชิญกับฝ่ายค้านฝีปากจัดต่อไปจนอาจจะเพลี่ยงพล้ำได้   ยังมีประเด็นสำคัญที่สส.ฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ยกขึ้นมาพูด อย่างไม่คำนึงถึงความสำคัญและความหมาย นั่น คือแนะนำรัฐบาลว่าควรนำเอาแนวพระราชดำริไปทำก็พอ ไม่ต้องไปคิดสร้างนโยบายอื่นอีกหรอก พร้อมโอ้อวดว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่แล้ว ได้นำเอานโยบายตามพระราชดำริไปทำทั้งหมด  ซึ่งการพูดนี้เท่ากับกล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้นำเอาพระบรมราโชบายทุกอย่างไปบริหารประเทศ ตนบริหารไปในนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวล้วน ๆ   แต่ผลการบริหารตามแนวพระราชดำริของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมากลับล้มเหลว เศรษฐกิจตกต่ำเข้าของ น้ำมันราคาแพงลิ่ว แม้กระทั่งน้ำมันปาล์มทั้งราคาแพงทั้งขาดตลาด ต้องเข้าคิวซื้อ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้า เกิดกรณีล้อมเข่นฆ่าประชาชน 91 ศพ  ปิดกั้นข้อฎีกาของประชาชนที่ฎีกาถึงในหลวง  แล้วทำให้ประเทศไทยเกิดข้อพิพาททางชายแดนกับกัมพูชา เกิดการปะทะตามชายแดนศรีสะเกษ สุรินทณ์ บุรีรัมย์  หวิดเป็นสงครามระหว่างประเทศ  ประชาชนไทยต้องอพยพกันจ้าละหวั่น นับหมื่น ๆ คน แล้วเกิดคดีเยอรมันยึดเครื่องบินส่วนพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มกุฏราชกุมารไทย ขึ้นล่าสุด เป็นเหตุเสื่อมเสียถึงพระองค์  อันนี้ สส.ผู้เสนอแนะนั้นจะถือว่าพรรคประชาธิปัตย์บริหารงานตามพระบรมราชโองการล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิงหรือไม่  เท่ากับรับพระบรมราชโองการไปแล้ว กระทำการชั่วโฉด ไร้ผลตามพระราชดำริ  หรือไม่ ?  ถ้าเป็นยุคก่อนก็เท่ากับรับดาบอาญาสิทธิ์แล้ว แพ้ศึกสงครามมา  โทษก็ต้องหนักถึงประหารชีวิต ทั้งแม่ทัพนายกอง   แต่ประชาธิปัตย์ไม่ได้คิดถึงความจริงเช่นนี้เลย   จึงใช้วาทะกรรมออกไปอย่างไร้สติ ปราศจากความยั้งคิดใดใด มุ่งเอาชนะคะคานอย่างเดียว เป็นเหตุให้สภาวุ่นวาย  แม้ว่าที่จริงก่อผลเสียหายแก่พรรคประชาธิปัตย์เอง ที่ได้ออกท่าทีไม่ให้ความร่วมมือในการบริหารประเทศในองค์รวมของประเทศประชาธิปไตยไทย 

 

แล้วทางฝ่ายรัฐบาล ที่โดนโจมตีอย่างหนักว่านโยบายทำไม่ได้ ไม่ตรงตามที่รับปากประชาชน เป้นต้น อย่างไรก็ตาม มาเช้าวันที่ 27 ส.ค. 2554  ประเทศไทยทั้งประเทศก็ได้พบกับผลของนโยบายพรรคเพื่อไทยนโยบายแรก  โดยทำตามสัญญาข้อแรกที่ด่วน  นั่นคือลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลง โดยชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เอาจากกองทุนน้ำมันมาใช้ก่อนชั่วคราว  ส่งผลให้ราคาดีเซลลดลงลิตร 3 บาท  เบนซิน 95 ลดลิตรละ 8.20 บาท และเบนซิน 91 ลิตรละ 7.17 บาท มีผล 27 ส.ค. 2554 นี้  ปรากฎว่าเสียงประชาชนและเสียงหนังสือพิมพ์ตอบรับกันอย่างอื้ออึงอยู่ขณะนี้   นับว่าเป็นการเริ่มประเดิมนโยบาย ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน  ซึ่งนี่คือนัยยะสำคัญของรัฐบาลประชาชน เพื่อประชาชนและโดยประชาชน  เสียงประชาชนย่อมเป็นเสียงสวรรค์  เมื่อบริหารไปตามครรลองประชาธิปไตยแล้ว  ย่อมได้รับการสนับสนุนของประชาชนตลอดไป 

 

แต่อย่ามองเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว  ดูว่าพร้อม ๆ กันนี้ และแม้ก่อนการแถลงนโยบาย ก็พอเห็นได้แล้วว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้เอาใจใส่ต่อประชาชนกรณีน้ำท่วมมาก่อนแล้ว   มีอีกหลายนโยบายที่กำลังขับเคลื่อนไปเป็นระลอก ๆ รวมทั้งสถานการณ์ตอบรับจากต่างประเทศ เช่นญี่ปุ่นก็ค่อยดีขึ้น ๆ  เราเองก็ยังต้องคอยมองดูเหมือนกัน และเชื่อว่ารัฐบาลจะทำได้

  • สุไหงปาดี ชินะกุล
    28 ส.ค.2554/08.00 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.คัดมาจากหน้า1 วันที่ตอบ 2011-08-28 16:01:34


ความคิดเห็นที่ 46 (3306879)

สองวันนี้ขายผ้าได้เยอะ ขายสนุก  ขนกันไปแน่นวันละ สี่-ห้าคันรถเลย  มูลค่าหลายล้านบาท   ใบสั่งเพิ่มมาเรื่อย ๆ    สนุกมาก  โรงงานจะไม่ล้มแล้ว    พวกเราก็จะมีงานทำต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวน้อยโรงงานโคราช วันที่ตอบ 2011-09-13 22:15:41


ความคิดเห็นที่ 47 (3315160)

การเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย  ไม่อยู่ในการคาดคิดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์  หรือ พรรคเพื่อไทยเลย    เมื่อเกิดเรื่องราวขึ้นมาพร้อมกับการได้ฐานะความเป็นผู้บริหารประเทศ  จึงดูไม่มีนโยบายด้านนี้ ไว้รอรับ   จึงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่างไม่มีการวางนโยบายไว้ล่วงหน้า 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายนักข่าว002 วันที่ตอบ 2011-10-16 18:47:51


ความคิดเห็นที่ 48 (3316650)

เรื่องภัยธรรมชาติครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากคาดการณ์ได้ยาก การจะกำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาก็ต้องศึกษาจากปัญหาที่เกิดขึ้นจึงจะมองเห็นต้นเหตุของปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าเป็นการยากที่จะวางแผนแก้ปัญหาโดยที่มันยังไม่เกิด และมนุษย์ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเขาต้องพบกับปัญหาจึงจะเห็นสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาก่อน นโยบายจะถูกจัดวางได้ก็ต่อเมื่อเป็นความต้องการร่วมกันของประชาชน ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้นั่นแหละนโยบายของพรรคเพื่อไทยเรื่องการวางแผนบริหารจัดการน้ำจะต้องเป็นนโยบายเร่งด่วนของชาติเพราะประชาชนขานรับเต็มที่พร้อมๆกันทั้งประเทศ

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-11-05 23:33:44


ความคิดเห็นที่ 49 (3375407)

 วันนี้ สภาอภิปรายมาตรา 10 คนที่อภิปรายอยู่ขณะนี้(อภิปรายมาตั้งแต่ 14.24 ผมฟังมาตอนนั้น  เป็นสส.พรรคประชาธิปัตย์ ชื่อนายธนา เจียรวนิช ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์ขณะนายธนาอภิปรายยู่ขณะนี้ .......ผมเห็นเขาคนนี้อภิปรายครั้งหนึ่งแต่เมื่อเช้าแล้ว ด้วยท่าทางเย่อหยิ่งมาก ซ้ำข่มขู่ว่าพวกปชป.จะยื่นฟ้อง ตลกรัฐธรรมนูญ ...คำว่าเย่อหยิ่งของผม หมายถึงนายธนานี้แกมองคนอื่นต่ำต้อยกว่าแก โง่กว่าแก  ไม่รู้กฎหมายเท่าแก อะไรประมาณนั้น  การมองคนไม่ใช่คนนี้ บอกถึงความป่าเถื่อน เผด็จการ เป็นประชาธิปไตยยาก   ขณะนี้เวลา 15.00 น. นายธนาก็ยังอภิปรายไม่จบอยู่  รวมเวลาอภิปรายมา 30 นาทีแล้ว ยังไม่เข้าเรื่องเข้าราวเลย  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวสงวนคำอภิปรายไว้อย่างไร  ผม ในฐานะราษฎรคนหนึ่งนี่  เห็นว่า  ท่าทางของผู้แทนราษฎรคนนี้ ดูเย่อหยิ่งแล้ว โง่อวดฉลาดอีก  และครั้นพิจารณาไป ๆ  สส.ปชป.ก็เหมือน ๆ กับนายคนนี้แหละ  แกพยายามจะอวดความรู้ทางกฎหมายของแก (อวดผิด ๆ น่ะครับ  นึกว่าคนโง่ ฟังแกไม่ทัน)   เอาละซี ! มาถึงบทนี้แล้วซี ..... พยายามจะสอนประธานสภา ออกภาพว่าตัวเก่งเหนือใคร ๆ  เป็นยอดปราชญ์ อะไรประมาณนั้นครับ  .....   แล้วพอพลาดท่าแก่ประธานสภา  ก็มองหาเพื่อน ๆ ก็ลุกขึ้นช่วยแก้สถานการณ์ไป  กล้อมแกล้ม แกก็ได้ใจไปอีกต่อหนึ่ง เรื่องก็เลยยืดไปอีก  ......พายัพ ปั้นเกตุ สส.พท.ขอให้ยึดข้อบังคับ อย่าไปใส่ร้ายคนอื่น .... ประธานสภา ก็ย้ำไปอีกว่า นายธนาไม่ควรใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นในสภา   นายธนายังไม่ยอม .....ประธานสภาว่า  พยายามให้เกียรติ์นายธนา  รอว่าจะจบ ก็ไม่จบสักที  มันก็ซ้ำและฟุ่มเฟือย    ประธานอบรมว่า ไม่อยากให้ภาพพจน์ไม่ดีออกไปสู่ภายนอก  ขอให้สรุปได้แล้ว ....(ก็ 15.23 น.แล้วขณะนี้)  ขอให้ให้เกียรติ์ซึ่งกันและกัน  นาที 2 นาทีก็คงพอ  อย่างลูกผู้ชาย.......สุรเชษฐ์ แวอาแซ  ปชป.ลุกขอประท้วงประธานสภาตามข้อ 5  ....ว่านายธนาให้เหตุผลหลักการที่ฟังได้ ควรให้เวลา......ท่านประธานไม่น่าใช้อารมณ์ ท่านประธานทราบหรือไม่ว่าคนเข่ารู้สึกอย่างไรต่อประธานสภา   ผมขอประท้วงประธานตามข้อ 5 ....ประธานว่าอย่าโกหก ....โกหกกลางสภา  .....การประชุมต้องมีกติกาแล้วประธานสมศักดิ์ก็สอนว่า .......อำนาจการวินิจฉัยของประธานเป็นที่สุด  ให้ประธานวินิจฉัย ไม่ใช่ตัวท่านวินิจฉัย  .....  มุสลิมนี่คงฟังไม่รู้เรื่อง     แล้วจ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ สส.สุรินทร์ พท. ลุกขึ้นยืนยัน นายสุรเชษฐ์ท่านโกหกกลางสภา ผมยืนยันได้  แล้วจ่าประสิทธิ์เสนอปิดอภิปราย   ประธานว่าการเสนอปิด ควรเป็นคนละวาระกับการประท้วง ..... ยังไม่ทันที่จ่าประสิทธิ์จะเสนอปิด  ก็มีฝั่งปชป.ยืนขึ้น.........สภาทำท่าจะเละเทะอีกครั้ง .............แต่แล้วจ่าประสิทธิ์ เสนอว่าที่ว่าหัวล้านเหมือนกัน ผมไม่ได้ว่าท่าน ผมก็หัวล้านเหมือนกัน   มาชนหัวล้านกันไหมล๋ะ จะได้จบกัน    สภาทั้งสองฝั่งหัวเราะ ...   ประธานให้นายธนา   ว่าขอแบบลูกผู้ชาย ......นายธนาว่า ผมก็จะให้ท่านเหมือนลูกผู้ชายเหมือนกัน .........แล้วอภิปรายต่อ  ......  ไม่ทราบอีกนานไหม นายธนาจะยอมจบลงเสียที  ผมฟังเขาพูดมาตั้งแต่ 14.24 น. ถึงเวลานี้ 15.30 น.แล้ว  หมายความว่าเสียเวลาช่วงนายธนาพูดนี้ ไปกว่าชั่วโมงครึ่งแล้ว โดยไม่ได้สาระอะไรเลย.......ผมเน้น  ไม่ได้สาระอะไรเลย  เพราะสส.ปชป.เวลาอภิปราย ไม่ได้เคารพกฎข้อบังคับ ซึ่งในที่นี้ก็คือ ที่สงวนสิทธิ์คำอภิปรายเอาไว้นั้นอย่างไร  และที่สำคัญไม่มีจุดยืนหรือแนวคิดอยู่ข้างหลักการประชาธิปไตย  แต่ยึดอยู่กับหลักการเผด็จการอมาตยาธิปไตย ...หรือโดยรวมก็คือ พวกหัวล้าหลังคร่ำครึในสังคมประชาธิปไตยโดยแท้จริง..........   

  • นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
    11 ก.ย.2556/15.55 น.

บทแทรก   มาพิจารณากัน ในประเด็นที่ว่า โง่อวดฉลาด ..."โง่อวดฉลาดอีก  และครั้นพิจารณาไป ๆ  สส.ปชป.ก็เหมือน ๆ กับนายคนนี้แหละ  แกพยายามจะอวดความรู้ทางกฎหมายของแก (อวดผิด ๆ น่ะครับ  นึกว่าคนโง่ ฟังแกไม่ทัน)"   เช่น สส.พรรคนี้จะอ้างอยู่บ่อยเลยว่า ข้อบังคับ จะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ .....  จะต้องเอารัฐธรรมนูญเป็นหลัก .....แล้วอ้างแนวคิดนี้ไปถกเถียง .....  จริงอยู่เราถกเถียงกันได้  แต่เราจะถกเถียงในสิ่งที่ไร้สาระเช่นนี้ไปทำไมในสภาของชนชั้นผู้นำของชาติ  สภาเขามีไว้สำหรับบัณฑิต?  เราฉลาดหรือโง่ล่ะ   คือการอ้างเช่นนี้ เท่ากับไม่เข้าใจหลักการปกครอง บริหารเลย......ข้อบังคับมันไม่ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญนั่นก็ถูกแล้ว  แต่มันต้องดูว่าเรื่องอะไร .... ในที่นี้ ข้อบังคับนั้น มันก็อ้างมาจากรัฐธรรมนูญนั่นแหละ  รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ ในเมื่อมาเข้ากฎข้อใดของข้อบังคับ ๆ ก็มีอำนาจตัดสิน ชี้ผิดชี้ถูกได้     เข้าใจไหมครับ ?   ผมก็ได้ฟังมานานที่สส.พรรคปชป.หลายคนพูดกันโง่ ๆ มาอย่างนี้  และคิดว่าน่ามีใครอธิบาย สั่งสอนสส.ปชป.ให้เข้าใจหน่อย  บังเอิญวันนี้ท่านประธานสภา(สมศักดิ์) ท่านอธิบายประเด็นนี้นิดหน่อย  ผมมาอธิบายเพิ่มเติมไป  คือ คุณต้องมี reference น่ะ เข้าใจไหม คุณธนา ?  ตอนนี้คุณต้องอ้างมาจาก ข้อบังคับ  ไม่ใช่อ้างรัฐธรรมนูญ  เพราะมันอยู่ที่ว่าเรื่องอะไร ........อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก เป็นหัวใจหลักของประชาธิปไตย  แต่พรรคปชป.ทั้งพรรคยังมืดแปดด้าน  แกพยายามจะอ้างว่าพวกมากลากไป แทนความหมายของ Majority  ในภาษาสากล  ซึ่งนอกจากแสดงถึงความไม่เข้าใจหลักการและวิถีทางประชาธิปไตย...ทำลายตัวเอง  ทำลายสง่าราศีของตัวเองแล้ว(ในวันนี้คนอาจจะยังเห็นไม่ชัดว่ามีตัวโง่ในรัฐสภาไทยเช่นสส.ประชาธิปัตย์ แต่ในวันนี้มันได้จารึกเรื่องราว...ความคิดโง่ ๆ ....รวมทั้งพฤติกรรมอันธพาลของพรรคนี้ไว้สำหรับรุ่นต่อไปไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว)  ยังหมายถึงออกนอกลู่นอกทาง แล้วยังพาคนตาบอดอื่นเดินตามไปอีก แล้วยังหมายถึง ด้วยเหตุที่ไม่เข้าใจ หรือด้วยอวิชชานั้น เป็นเหตุให้ตัวเองประพฤติในทางที่ขัดขวางความเจริญของประชาธิปไตยไทย  และกลายเป็นพรรคที่มุ่งทำลายระบอบประชาธิปไตย ที่ชาติไทยทั้งชาติสถาปนามาตั้งแต่ปี 2575 แล้ว....อีกต่างหาก      ......  ในวันนี้  ไม่เข้าใจแม้กระทั่งเรื่องเบื้องต้นของประชาธิปไตย

เรื่องประชาธิปไตยนั้น  เขาต้องมองมาตั้งแต่มีการเสนอตัวเข้ารับใช้ประชาชนนู่น  ในระบอบนี้เขาให้ประชาชนเป็นใหญ่  จึงให้สิทธิในการเลือกของประชาชน   พรรคประชาธิปัตย์ต้องไปมองมาตั้งแต่วันเลือกตั้ง 3 พ.ค.2553 และก่อนหน้านู้น  ดูว่าท่านได้บอกประชาชนไว้อย่างไรบ้าง .... ผมหมายถึงนโยบายน่ะ....พอจะเข้าใจไหม ?  อะไรคือนโยบาย ?   ........  ก็ปรากฎมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นนั้น  ที่พรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายไม่เป็น...เป็นนักลอกกากนโยบายตัวยง....ก็เพราะไม่รู้ว่านโยบายคืออะไรนั่นเอง....จะยกตัวอย่าง  นโยบายไข่ชั่งกิโล ....  ทำเองไม่เป็นก็ไปจ้างนักวิจัยฝรั่งทำให้ ....  ปรากฎว่าให้ค่าจ้างเขาถึง 69 ล้านบาท แล้วออกมาเป็นนโยบายไข่ชั่งกิโล.........มาพูดถึงนโยบายอันนี้วันนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่านายอภิสิทธิ์จะรู้สึกอับอายขายหน้าเด็ก ๆ ยุคนี้กันหรือไม่ ?  นอกจากตัวนโยบายไม่สนองความต้องการของประชาชนแล้ว ก็มีประเด็นครับ  คือไปจ้างเขาถึง 69 ล้านบาท รู้หรือไม่ว่าแท้จริงเขาใช้เงินเพียง 10,000 บาทเท่านั้นเองในการสร้างนโยบายระดับนี้  เหลือนั้น  68ล้าน 9แสน 9 หมื่น  งาบอย่างสบาย ๆ   ........ คุณได้รู้อะไรขึ้นมาล่ะ.....  ก็คือพรรคประชาธิปัตย์เมื่อตอนเข้าสนามเลือกตั้งครั้งล่าสุด ที่พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทะลายและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยนั้น  พรรคนี้ยังไม่รู้ว่านโยบายคืออะไร  เวลาพูด ก็ไปเอาอะไร ๆ ที่คร่ำครึในกฎหมายคร่ำครึมาหาเสียงกับประชาชน ถ้าดูเวทีประชาธิปัตย์นัดยิ่งใหญ่ที่ราชประสงค์ก่อนเลือกตั้ง .....ก็ดูสิว่าพรรคนี้แถลงนโยบายอะไร ....ก็ได้พบแล้วว่า เขาไม่ได้แถลงนโยบายอะไรเลย ...สิ่งที่เขาพูดในเวทีวันนั้นนั้นคือเรื่องโกหกพกลม ใส่ร้ายใส่ความคนเสื้อแดง ....ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย คิดล้มสถาบัน  เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง ....และเข่นฆ่าทหาร ซึ่งในตอนนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงหลั่งน้ำตาบนเวทีเห็นใจทหารที่ถูกสังหาร(แทนที่จะสงสารประชาชน 98 ศพ) ......   นั่นมันไม่เกี่ยกับนโยบายอะไรเลย .........แปลว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เข้าใจนโยบาย ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่บอกประชาชนว่าจะทำอะไรบ้าง  แต่กล้าอาสาไปรับใช้ประชาชน ............ประชาชนเขาก็ไม่เอายังไงล่ะ  ..........  แล้วทำไมเขาไปเอาพรรคทักษิณ พรรคเพื่อไทยล๋ะ ? ก็เพราะพรรคเพื่อไทย เขารอบรู้เรื่องราวของประชาธิปไตย  ทำให้เขาเข้าใจประชาชน ....เขาก็คิดทำอะไร ๆ ก็เพื่อประชาชนทั้งสิ้น เพื่อความเจริญของประชาธิปไตยทั้งสิ้น  แล้วเขาก็ไปรีเสิรชมาว่าจะทำอะไร(พูดถึงเรื่องรีเสิรช ปชป.ก็ไม่กระดิกอีก ทุเรศจริง ๆ ก็ไม่แปลกใจตอนได้เป็นรัฐบาลก็พาประเทศชาติเข้าป่าเข้าดงไป)   และจะทำอย่างไร  จะใช้เทกโนโลยีตัวไหนมาสร้าง  เราเองทำไม่ได้     จะเอาคนที่ไหนจึงจะทำนโยบายตัวนี้ได้  เขาก็นำเสนออกไปสู่ประชาชนทั้งหมดในวาระการเลือกตั้งนั่นเอง (ลองไปอ่าน.....นโยบายทักษิณ ๆ คิด เพื่อไทยทำ ตามลิ้งค์นี้ครับ "ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ประชาชนพ้นทุกข์" คลิกไปเลย......จะได้ฉลาดขึ้น)   มันบอกอยู่แล้วว่า   พรรคเพื่อไทยเหนือชั้นในด้านการบริหารจัดการนโยบายและการเข้าถึงความเดือดร้อนของประชาชนกว่าพรรคประชาธิปัตย์  อย่างผู้ใหญ่กับเด็ก เด็กกับผู้ใหญ่ นั่นเลยทีเดียว ......มาวันนี้ .....สิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำได้ก็คือเด็กเกเร  เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ตกอยู่ใต้อารมณ์อันธพาล ก๊ยการเมือง กุ๊ยข้างถนน ควบคุมตัวเองไม่ได้    มันดีอย่างไรที่คุณไปยื้อยุด ฉุดประธานสภา ในอาการขับไล่ออกจากตำแหน่งที่ทรงเกียรติของประชาชน และมันดีอย่างไรที่คุณไปโยนแฟ้มใส่ประธานสภาซึ่ง ๆ หน้า ในสภาที่ทรงเกียรติ์ เพราะนั่นมีความผิด ฐานล้มล้างระบอบรัฐสภาโดยตรง  คุณเป็นนักกฎหมายไม่เข้าใจหรือ ?  ทำไมไม่สังวรณ์ในหลักความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายล่ะ ? ถ้ากฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วสังคมจะสงบลงได้อย่างไร?  และล่าสุด น่าอดสูที่สุดคือเมื่อ ต้นเดือนก.ย.นี้เอง  นายวัชระ เพชรทอง ก่อกวนสภาให้เกิดเหตุน่าอดสู ถูกตำรวจสภาควบคุมตัวหามออกไปจากที่ประชุม  กับนายเชน  เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลุกขึ้นมาทุ่มเก้าอี้ใส่ประธานสภา ถึง 2 ตัว เก้าอี้ถึงแขนหัก แล้วยังเดินออกไปชี้หน้าชี้ตาด่าประธานสภา.....แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคปชป.ก็ออกมาเท้าแขนด่าประธานสภาต่อ   แล้วยังไม่พอนายชวน หลีกภัย ออกมายกหางให้ท้ายนายเชนต่อไปอีก  นีคือช่วยกันสร้างความอดสู อับอายต่างชาติ (คุณอาจจะไม่รู้สึก แต่คนไทยเขารู้สึก แม้กระทั่งคนไทยในเท๊กซัส เช่นคุณอำนาจ สุนทรวัฒน์ ที่อยู่อเมริกามานานถึงกว่า 30 ปี เขากลับมาเมืองไทยวันสองวันนี้ ยังมาออกอากาศบอกอดสูใจ บอกว่าพรรคการเมืองเช่นนี้ทำลายประชาธิปไตยไทยเอง และทำลายตัวเอง และจะต้องตกจากตำแหน่ง.....ผู้นำฝ่ายค้าน!!!)   

ทีนี้ ในเมื่อตัวเองโง่เง่าเต่าตุ่นขนาดนี้แล้ว จะไปทำอะไรได้ ?  ซ้ำพกความอิจฉาริษยามาทั้งพรรคทั้งพวก (พวกเขาคืออะไร ใครบ้างประชาชนเขาก็รู้ ๆ กันหมดแล้ว  หัวหน้าพรรคปชป.ตัวจริงเขาก็รู้  โดยเฉพาะสว.40  องค์กรอิสระ ตลกต่าง ๆ เป็นต้น  ประชาชนเขาก็รู้กันทั่วหมดแล้ว  ไม่มีซ่อนเร้นสายตาประชาชนไปได้แล้ว ณ เวลานี้ 

แล้วคุณเข้าใจไหมว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่วางระบบไว้อย่างดีมากทุกระบบเลย  ถ้าคุณเข้าใจแล้ว นี้แหละเป็นระบบของการก้าวหน้าของประชาชนของชาติ และเป็นระบอบของอนาคตอย่างแท้จริง.......ความหมายตรงนี้คือ   แนวโน้มของประเทศต่าง ๆ บนโลกนี้ จะต้องเป็นประชาธิปไตย .......หลายประเทศ  แม้เป็นเผด็จการอยู่  ก็ยังแอบเอาชื่อประชาธิปไตยไปใช้เลย  .....ดูคำว่าสาธารณรัฐ ...สหภาพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย... นำหน้าชื่อประเทศ   เป็นต้น

มายกตัวอย่างง่าย ๆ สักตัวอย่างหนึ่งก่อนก็แล้วกัน  

ก็เรื่องนโยบายนี่ไง   แน่ละประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายอะไรเลย...ประชาชนเขาก็ไม่ค่อยเห็นความสำคัญนักเขามองว่าไม่ประสีประสา   แต่พรรคเพื่อไทยที่เสนอนโยบายเอาไว้  ล้วนโดนใจประชาชนทั้งสิ้น  แต่โดยระบอบประชาธิปไตยประชาชนจะต้องได้รับการประกันว่าจะได้มีการนำนโยบายเหล่านี้ไปทำขึ้นจริง ๆ.....ไม่เพียงการพูดหาเสียงเปล่า ๆ ...เช่นนโยบายด้านคมนาคมนี่แหละครับ  รถไฟความเร็วสูง  เขาเสนอไว้ก่อนการเลือกตั้ง ........  นโยบายเรื่องประกันราคาข้าว  ฯลฯ   เป็นต้น ...เพื่อให้มีการประกันว่านโยบายเหล่านี้ต้องได้รับการขับเคลื่อนไปจงได้  ไม่ให้ชงักงันเป็นเพียงคำพูด    ...........  นี่แหละระบอบประชาธิปไตยจึงกำหนดให้ระบบการตัดสินใจโดยเสียงส่วนมาก............นั่นคือ  Majority rule minority right        ฝ่ายที่ได้เสียงส่วนมากมาจากการเลือกตั้งจึงหมายถึงผู้ที่จะต้องไปทำนโยบาย ไปทำงานเหล่านี้ให้แล้วเสร็จ ฉะนั้น แม้ว่าในสภาจะมีเสียงส่วนน้อยไม่เห็นด้วย แต่โดยเสียงส่วนมากนั่นเอง   มีความชอบธรรม ตามระบอบประชาธิปไตย  ในแง่ที่ว่าต้องทำตามความประสงค์ของประชาชนผู้เลือกตั้งรัฐบาลเข้ามา   .......   เข้าใจไหมครับ ?  

ถ้าไปทำตามฝ่ายค้าน  แล้วมันจะได้ทำอะไรล่ะ?   เพราะฝ่ายค้านไม่ได้บอกไว้เลยว่าเขาจะทำอะไร ...มันไม่ชอบธรรมใช่ไหม ? (คลิกไปดูทักษิณคิด เพื่อไทยทำนะครับ อ่านแล้วจะฉลาดขึ้น มีคนอ่านร่วมหมื่นแล้ว....มันเรียนรู้ประชาธิปไตยครับ)

ฉะนั้น  พรรคเพื่อไทยจึงมีสิทธิ์ มีความชอบธรรมทุกประการ ที่จะทำนโยบายทุกนโยบายที่เสนอผ่านการเลือกตั้งของประชาชนมา .............และเขาจะต้องทำได้ ผ่านสภาไปได้ทุกนโยบาย ตามการประกันของหลักการประชาธิปไตย ในหลักที่ยอมรับกันทั้วไปอย่างเป็นหลักการสำคัญดังกล่าว คือหลัก majority  จะต้องเข้าใจให้ดี  ว่ามีความชอบธรรมโดยการเลือกของประชาชนส่วนใหญ่นั่นเอง  ทีนี้ตามหลักของส่วนน้อย ๆ ก็สามารถให้เหตุผลในเชิงการเสริมเพิ่ม เติมไปให้นโยบายทำดีไปกว่าเดิม  หรือจะหัก อย่างประชาธิปัตย์ทำไปโง่ ๆ นี้ก็ได้  แต่คุณต้องเข้าใจและยอมรับเสียงส่วนใหญ่  โดยความชอบธรรมอย่างไร  และหลักการจริง ๆ นั้น เพื่อเกิดความมีเหตุมีผล ท่าทีของพรรคฝ่ายค้านจะต้องอยู่ในท่าทีของความเคารพในเสียงส่วนใหญ่และเคารพในความต้องการของประชาชน...ผู้เลือกนโยบาย และต้องการให้มีการทำนโยบายที่เขาเลือกนั้น ให้เสร็จลงไปอย่างมีประสิทธิภาพจนได้.........คุณต้องสังวรในมารยาท  ไม่หักหาญ ไม่ทำลายความสุขของคนส่วนใหญ่ ส่วนที่เขาเลือกนโยบาย ................   และคุณก็เข้าใจไม่ใช่หรือว่าผลของนโยบายดี ๆ ของพรรครัฐบาล(รัฐบาลไหนก็ตาม)  ตามหลักการประชาธิปไตย   ย่อมเสมอภาค   เข้าใจไหมครับ? .....   หมายความว่าประชาชนชาวใต้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็ย่อมได้รับอานิสงส์ไปด้วยเท่าเทียมกับประชาชนส่วนใหญ่ผู้เลือกพรรครัฐบาล นั่นเอง   นี่คือความดีของระบอบประชาธิปไตย  ฉะนั้นคุณควรเคารพคนส่วนมาก

และเคารพผมด้วย ครับ   เพราะขณะนี้  ผมในฐานะประชาชนผู้เลือกนโยบายพรรคเพื่อไทยมา อยากเห็นรถไฟหัวจรวดแล่นบนแผ่นดินไทยเต็มทีแล้ว   ประชาธิปัตย์โง่ ๆ ความคิดไม่ทันเขา  อย่าสะเออะมาขวางเลย  ขอร้อง   อีก2-3 ปีก่อน   ปชป.ควรเจียมตัว อย่าเอาหัวกฎหมายที่คร่ำครึมาก่อกวนเลย  ค่อยเรียนรู้ไปสัก2-3ปีข้างหน้า ปชป.จึงจะค่อยรู้อะไรขึ้นบ้าง ในเรื่องประชาธิปไตย ถ้าไม่โดนชาวใต้ยุคใหม่ไล่ออกจากสภาไปเสียก่อน 
อนึ่ง  ความสมบูรณ์ของประชาธิปไตยไทยอยู่ตรงจุดไหน.....อยู่ตรงเรื่องกฎหมายนี่เองแหละครับ    ปชป.ต้องค่อยเรียนรู้ไป  วันหนึ่งก็คงจะเข้าใจได้ทุกอย่าง  รวมทั้งเข้าใจเรื่องที่คนประชาธิปไตยกำลังเข็นกันอยู่คือ......ทำไมจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ?

  • ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    12 ก.ย.2556/10.55 น.  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 001 วันที่ตอบ 2013-09-12 21:26:01


ความคิดเห็นที่ 50 (3386900)

Admin test post webbord now

thank

 

ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2014-03-04 21:41:47



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.