The Symbol of our temple
Which is a lotus flower
สัญลักษณ์ของวัดของเรา
คือดอกบัวบาน
5 flowers
5 ดอก
3 flowers
3 ดอก
1 flower
1 ดอก
Double lotus flower
ดอกบัวคู่
Three and more than 3
3 ดอก มากกว่า 3 ดอก
บัวขาว
And we have
the ultimate image that has the meaning of life
Lotus-related Pictures of
Buddhathas Phikkhu
Gaze upon the lotus flowers blooming in the pond
และเรามี
สุดยอดภาพที่มีความหมายแห่งชีวิต
ที่เกี่ยวกับดอกบัว ภาพ
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เพ่งมองดอกบัวบานในสระน้ำ
และ
องค์พระบรมศาสดา
กับดอกบัวขาว
เรื่องดอกบัวนั้น บอกความหมายที่สุดยอดเลยละ
บอกธรรมะพิชิตกามารมณ์โดยตรงเลย
ค่อยพิจารณาไปตามบทความในเฟสบุ๊คต่อไปนี้
ท่านสามารถกดดูคำแปลเป็นอังกฤษได้เลยนะครับ
You can click to see the English translation.
Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ Ar-nan Chaiyaburanasiri
ดูดอกบัวดอกนี้ครับ ทำแบบดอกบัว
Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ Ar-nan Chaiyaburanasiri
16 ส.ค. 2019 14:03
คืออย่างนี้นะครับ ถ้าบอกออกไป เรามักจะไม่คิด ซึ่งหมายความว่า ไม่ได้ทำ วิปัสสนาญาณ เมื่อไม่ได้ทำวิปัสสนาญาณ ก็ไม่เกิดปัญญารู้แจ้งเหตุและผลแห่งกามราคะหรือกามตัณหา (ใจไม่ยกระดับไปถึง ระดับที่พ้นไปจากความนึกคิด หรืออารมณ์ ที่อยู่เหนือกามตัณหา ราคะไปแล้วได้.....อารมณ์กามมีระดับของมัน เมื่อเรายกจิตเราขึ้นไปเหนือระดับอารมณ์กามได้ เราก็อยู่เหนือกาม กามก็ทำอะไรเราไม่ได้ ...ดูดอกบัว...และครั้นเราซ้ำไปอีกด้วย อสุภกสิณ กามก็มอดไหม้ไปเลย สำเร็จครับ) ฉะนั้น มีท่านที่ได้ศึกษามาถึงเปรียญ9ประโยค หรือเป็น ด๊อกเตอร์ เป็นอะไรที่โลกเขานับถือเลยละ แต่เรื่องกิเลสกลับไม่รู้ ก็ยังไม่รู้เรื่องกามราคะนี้เลย ก็เลยพ่ายแพ้เอาได้ง่าย ๆ ถึงปาราชิกกันไปง่าย ๆ วิปัสสนาญาณจึงเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ต้องเข้าใจเหตุผลด้วยตนเองให้ได้ ...วิธีการเอาชนะกามตัณหานี่แหละครับ เป็นสิ่งที่ล้ำเลิศในศาสนาพุทธ ไม่มีในศาสนาอื่นใดเลย
Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ เริ่มต้นชีวิตใหม่ กับสาวที่รักเราสักคน
22 ส.ค. 2019 13:03
'ทุกวันนี้"ผม"ห่างไกลจาก"ทางธรรม"มากกว่าแต่ก่อนนับ 100 เท่าก็ว่าได้ ยิ่งการบำเพ็ญ"พุทธภูมิ" แทบจะไม่ได้ทำเลย...แต่ แปลกทำไม "ผม"รุสึกว่ามีความสุขมากกว่าตอนยุทางธรรม มากกว่าเดิมนับ 10 เท่านะ
หรือ "ทางธรรม" อาจไม่เหมาะกับ"ผม"เท่า "ทางโลก" ???
หรือแท้จริงแล้ว เมื่อเราปล่อยวางไม่ยึดคิดว่านี่คือทางโลก , นั่นคือทางธรรม อยากทำอะไรก็ทำ จึงเหมาะสมที่สุดกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ กันแน่นะ ???
** "ผู้แสวงหาหนทาง"'
ก็คุณยังเป็นปุถุชนอยู่ คือเมื่อมีทุกข์ ก็เอากามารมณ์มาผ่อนคลายทุกข์ได้ดี เป็นธรรมดาของปุถุชน ดังนี้ ฉะนั้น หนุ่มสาวจึงจบลงด้วยการแต่งงาน ซึ่งจริง ๆ ก็เพื่อได้เสพกามบำบัดทุกข์นั่นเอง ส่วนปุถุชนที่ไปอดกาม อดเที่ยว อดดื่ม หรือไปปฏิบัติธรรมนั้น ในขณะที่ปฏิบัติอยู่ มันเหมือนกับทำสงครามนั่นเอง มันจึงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ตลอด และกรณีของคุณเองนี่ ไปรบแล้วแพ้สงคราม คือปฏิบัติธรรมไป ไม่บรรลุมรรคผล ยังคงเป็นปุถุชนอยู่เหมือนปุถุชนทั้งหลาย เมื่อผ่านสงครามไปไม่ได้ก็มีแต่ทุกข์ ครั้นไปพบกามกิเลสเข้า มันก็คือ กามรสอันสุดวิเศษ ทางฝ่ายโลกปุถุชนนั่นเอง ......ฉะนั้น ที่จริงแล้ว ปุถุชนทั้งลาย ขอให้ใช้ชีวิตอย่างโลก ๆ ไปให้ถูกโลกธรรม คือ มีลูกมีเมียเสีย หากินเช้าค่ำหาเงินทองไว้เลี้ยงชีวิต มีงานการทำ ให้พอแก่การเลี้ยงชีวิต ก็น่าจะมีความสุขพออยู่แล้ว ส่วนการสละโลกไปปฏิบัติธรรม หากไร้ครูบาอาจารย์ ผู้รู้จริง ไร้แนวทางปฏิบัติที่ถูก ก็ไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน ก็หมายความว่าแพ้สงคราม มีแต่ความทุกข์ ลำบากและที่สุดก็ตายไปจากโลกนี้....ก็สู้ปุถุชนเขาที่จัดการชีวิตได้ดีอย่างที่ว่าไม่ได้ ...ก็มีตัวอย่างเยอะแยะไป ที่พระสงฆ์ชั้นนักปราชญ์ ลาสิกขาไป ไปมีชีวิตทดแทนสุขให้จกามกิเลสเลิศรส กว่าทางธรรมเสียอีก......ซึ่งนั่นเป็นผลจาก ยังไม่รู้จริงนั่นเอง
Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ ภูมิธรรม ภูธร
26 ส.ค. 2019 00:57
ทางของพระพุทธเจ้า กับทางของพระโพธิสัตว์คนละทางกันหรือ ? ทางเดียวกัน ผิดไปก็ไม่ใช่ทางสู่พุทธภูมิ ฉะนั้นจะต้องผ่าน อริยมรรค อริยผล ไปทุกคนทุกท่านแหละ ไม่ผ่านก็เป็นโพธิสัตว์ไม่ได้ กวนอิมโพธิสัตว์ ที่ชาวพุทธรู้จักดีนี่ ท่านอยู่ระดับอนาคามีแล้ว ก็ไม่ถึงระดับอนาคามีทำอภินิหาริย์ไม่ได้ ดูดอกบัวนะครับ ทุกดอกที่จะไปพ้นน้ำ และ บานได้ ก็ต้องค่อยฝ่า ผ่านตม ผ่าน น้ำ พ้นน้ำไปแบบเดียวกันจึงจะบานได้
Phayap Panyatharo
14 ต.ค. 2019 08:12
ก็เข้ามาศาสนธรรมปฏิบัติชั้นสูงดูนะครับ นักปฏิบัติถามในเฟสเขาว่า ฌานคืออะไร.... Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ เริ่มต้นชีวิตใหม่ กับสาวที่รักเราสักคน
คำว่า ฌาน นั้น ให้เป็นเรื่องที่เข้าใจเอาเอง ถ้าไปอ่านเอาจากหนังสือ จะไม่รู้เรื่อง และคนที่เขียนก็เขียนแบบจดจำมาไม่ได้เข้าใจอะไรก็เอามาบอกต่อ คนที่บอกและคนที่ฟัง จึงต่างไม่รู้เรื่องพอ ๆ กัน แต่ เราจะเข้าใจเอง จากการทำสมาธิ สัมมาสมาธิ นี่แหละ ....โดยฝึกสมาธิให้ได้ดีถึง 3 ระดับ ให้ได้ คือ คณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ ให้ได้ชัดเจนเสียก่อน มีสมาธิที่แก่กล้า ชัดเจนก่อน จึงจะมีฌานเกิดขึ้นได้ คือ ฌาน นั้นเป็นผลจากสมาธิที่แก่กล้าพอ หากสมาธิเราอ่อน จะสร้างฌาน ไม่ได้ ฉะนั้นฝึกสมาธิให้ได้ระดับตามที่ว่า 3 ระดับให้ได้ก่อน พอสมาธิได้ระดับแล้ว จิตเราจะนิ่ง และรวมกันเป็นก้อนเดียวกัน ผลตรงนี้แหละที่นักปฏิบัติสมาธิจะต้องมาถึงให้ได้ ในเรื่อง ฌาน เมื่อจิตใจนิ่งเป็นก้อนเดียวกันแล้ว นั้นแหละ จิตมันจะนึกแยกส่วนของจิตที่เป็นก้อนเดียวนั้น ออกไป เป็นก้อนเล็ก ๆ ๆๆ ๆๆ แต่ละก้อนจะคม จะแปลบปลาบ ชัด ลึก และมีคุณสมบัติต่างกันไป นี่แหละฌาน ก็มีหลายประเภท หลายระดับของฌาน ตามที่ท่านระบุไว้ 4 ระดับ มีปฐมฌาน ไป นั้นแหละ แต่จริง ๆฌานมีหลายชนิด สุดแต่ผู้สำเร็จท่านอยากให้มีแบบไหน ถึงร้อย ฌาณก็ได้ ...แต่ให้เข้าใจและเป็นสัจธรรมก็คือ ฌาน มาจากสมาธิ ....ลองทดสอบสมาธิตนเองก่อนก็ได้ โดยที่เราสามารถนั่งสมาธิได้นานแค่ไหน ....ส่วนมากทั่ว ๆ ไป อย่างเก่งก็แค่ ชั่วโมง สองชั่วโมง ...ให้ได้สมาธิธรรมชาติ คือ ถ้าได้สมาธิธรรมชาติ จะนั่งไปได้นาน ตลอดคืนก็ได้ และคนที่ได้สมาธิธรรมชาติก็จะไม่ต้องนอนก็ได้ กลางคืนก็นั่งแทนการนอนสบายกว่าด้วยซ้ำ และไม่มีการนอนทดแทนในเวลากลางวัน อยู่อย่างนี้เป็นเดือนเป็นปี...เรียกว่าอยู่ด้วย 3 อิริยาบถ ไม่มีอิริยาบถนอน มีแต่ นั่ง ยืน เดิน ไม่มีการการนอน ก็ได้ ลองทดสอบตนเองดูว่าได้ขนาดไหน ... นี่เป็นเรื่องที่พูดถึงเรื่องฌาณ... สมาธิ ไม่ใช่เรื่อง มรรคผล นะ เรื่องมรรคผล การจะบรรลุมรรคผล ก็ยังมีอีกหลายวิธี ไม่ต้องผ่านมาทางฌาณ สมาธิขนาดหนักอย่างนี้ก็ได้ แต่เรื่องฌาณ ให้เข้าใจตามนี้ก่อน โดยไปพิศูจน์ต่อด้วยตนเอง หากสมาธิไม่ดีพอ ฌาณ ก็มาก็เกิดขึ้นไม่ได้ แล้วหากสมาธิเรายังโหลๆ อยู่เลย ไปนึกถึงเรื่องฌานก็กลายเป็นเรื่องตลกน่าขายหน้าไป