เห็นด้วยกับ ดูความเคลื่อนไหว เพ่ิมความรับรู้ ถูกต้องเต็ม ๆ เลยในเรื่องขัดกิเลสในใจตนให้เบาบาง เพราะมรรคผลการบรรลุโสดาบัน ถึง อรหันต์ เกิดขึ้นเพราะเราทำลายกิเลสตัณหาให้หมดไปจากใจจริง ๆ สะอาดจริง ๆ แม้ความสกปรกสักเท่าธุลีก็ไม่ให้มีเหลือ ...แต่คำว่าไม่อยากได้นั้น ไม่ใช่แปลว่า ไปขี้เกียจทำงานการอาชีพตนเอง ไม่อยากเอาเงิน ไม่อยากหาเงิน ไม่โลภ ไม่หลงเงิน นั้น ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย ... เพราะการทำงานการอาชีพหรือการหาเงินรายได้มาเพื่อเลี้ยงชีวิต เลี้ยงครอบครัวเราเองนั้นเป็นการปฏิบัติธรรม เพราะเราต้องหามาได้เงินมาอย่างสุจริต โดยใจเราได้ความกรุณาต่อบริวารลุกหลาน ปู่ย่าตายาย แม้กรุณาต่อเราเอง เราจะได้อาหาร ได้เงิน ได้ทรัพย์ไปเลี้ยงเขา ให้เขาได้กิน ได้อิ่ม มีความสุขเพราะเรา มีชีวิตอยู่เพราะเรา หาเงินทอง หาอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มมาให้ หายารักษาโรคมาให้ปู่ย่าตายาย ให้ท่านมีความสุข ให้ท่านยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกคนในครอบครัวเราเป็นสุขเพราะได้มีกินมีใช้ และเราเองก็มีความสุขด้วย นั้นแหละเป็นสัมมาทิฏฐิละ หากเราไม่ทำงาน ไม่ประกอบอาชีพ ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นการโลภจะตกนรกแล้วนับว่าเข้าใจผิดไปมาก ๆ จริง ๆ ไม่ดูความจริง ตามเหตุตามผลเลย แล้ว จะได้อะไรมาเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงลูก เลี้ยงตนเอง ยิ่งหลงผิดไปว่า เข้าป่า เข้าถ้ำไปนั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืน ไปหลายวันหลายเดือน ย่ิงได้บุญเยอะอย่างนั้น นั่นก็เท่ากับทำบาปโดยโง่เขลา ใครเล่าจะเลี้ยงดูลูก ๆ หลาน ๆ ปู่ย่าตายายผู้แก่เฒ๋า และครั้นกลับมาจากป่าที่ไปปฏิบัติธรรมนั่น พบลูกหลาน บริวาร ปู่ย่าตายายล้วนเป็นทกข์เพราะความหิวโหย เพราะลำบากขาดคนเลี้ยงดูแล้ว บุญที่เราคิดไปว่าได้จากการไปนั่งสมาธิในป่าในเขาหรือแม้ในวัดวาอาราม หอบกลับมาจะช่วยได้อย่างไร มันช่วยไม่ได้ มันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อจริง ๆ แต่หากเราขยันทำมาหากิน ขยันทำงานการอาชีพ หาเงินทองให้ได้เยอะ ๆ นั่นแหละ หามาโดยสุจริต นะนั่นแหละเป็นการการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง หมายถึงนำไปถึงมรรคผล จริง ๆ ด้วยใจที่บริสุทธิในทานบารมี ในบริจาคบารมี ในเมตตา กรุณาบารมี เป็นสัมมาทิฏฐิ
มีผลต่ออริยมรรคอริยผลยิ่งกว่าจะไปเข้าถ้ำที่ว่า นี่เป็นข้อเสนอนะ ลองพิจารณาดูคงจะเข้าใจ