Phayap Panyatharo

เยาวชนปลดแอกมาจากไหน? ศึกษาประชาธิปไตยก่อนนะ

Phayap Panyatharo คือสามัญชน คนประชาธิปไตยทั้งหลาย ต้องมองให้ถูกว่า อะไรคือ กลุ่มเยาวชนปลดแอก มาจากไหน มีฐานะอย่างไร มีการจัดตั้ง เป็นองค์กรอย่างไร ใครเป็นสมาชิกหรือส่วนบริหารจัดการและส่วนสมาชิกองค์กร เอาแค่นี้ ยังไม่ต้องมองถึงสถานภาพของความเป็นสถาบันเลยเพราะไร้สถานภาพสถาบันอยู่แล้ว แต่เพียงแค่นี้ก็มีสิทธิที่จะชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล ซึ่งคุณก็ได้ใช้สิทธิ์นั้นไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. นั่นอย่างไร แต่ที่เราจะต้องเข้าใจนั้นก็คือ รัฐบาลเขาเป็นองค์กรใหญ่ที่มีภาวะระบบเชื่อถือได้ ย่อมมีข้อมูลมากมายครบถ้วนแก่การบริหารอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร เพราะระบบของชาติไม่ว่าชาติไหนจำเป็นต้องพร้อมอยู่แล้ว ้หากแต่ในส่วนของคนผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ซึ่งโดยทั่วไปก็พวกฝ่ายค้าน อย่างกลุ่มปลดแอกนี้ก็พวกพรรคก้าวไกลนี่เอง เขาอาจจะเสนอข้อมูลมาที่เป็นประโยชน์ก็ได้ประโยชน์ ก็เอาไปใช้ประโยชน์ หากไม่เป็นประโยชน์เขาก็ไม่เอาไปใช้ ก็เท่านั้นเอง นักการเมืองน่าจะรู้ระบบนี้ นักศึกษาสามัญชนทั่วไปใคร ๆก็น่าจะรู้ เราก็ต้องยอมรับวิธีการ ระบบมันเป็นอย่างนี้ ฉะนั้นจึงให้สิทธิ เป็นสิทธิสามัญของประชาชน คนไหน กลุ่มไหนก็ได้ มีสิทธิแสดงความคิดเห็นในเชิงแตกต่างได้อยู่แล้ว ระบอบประชาธิปไตยเปิดให้คนหรือฝ่ายที่คิดไม่เหมือนผู้ครองอำนาจได้อยู่แล้ว เพื่อประโยชน์ทางข้อมูล ได้ข้อมูล ได้เรื่องราวที่แตกต่างจากที่รัฐบาลผู้ครองอำนาจมีอยู่ ที่อาจเป็นประโยชน์ที่จะช่วยงานของชาติ ของประชาชนดีขึ้นได้

 

Phayap Panyatharo

Phayap Panyatharo แต่การที่เราจะไปสั่งให้ใคร สั่งองค์กรอื่น หรือ ณ ที่นี้สั่งรัฐบาลให้ทำเรื่องใหญ่โต ที่บ่งบอกถึงความเป็นความตายของชาติบ้านเมืองประชาชนทั้งชาตินั้น ก็หากไม่เข้าใจเรื่องราวที่บอกมานี้ ก็สั่งได้ แต่ต้องถือว่าเป็นเพียงความคิดเห็นที่เขาต้องเอาไปพิจารณา ทำข่าวกรอง วิเคราะห์ข่าว และทั้งส่งไปงานวิจัยเสียก่อน เสมอไปของงานสถาบัน จึงถือเป็นเพียงข้อเสนอ ที่เมื่อเสนอเรื่องความเป็นความตายของประเทศชาติขนาดนี้ ก็ต้องรอบคอบกันทุกฝ่าย ที่แม้ตัวผู้เสนอ คือ กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือพรรคก้าวไกลเอง นั้นก็ต้องมองตัวเอง ฐานะความเป็นกะล่อน ไร้สถาบัน จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้ประโยชน์แก่ประเทศชาติ ในเมื่อยังไม่ได้ผ่านการกรองข่าว วิเคราะห์วิจัยข้อมูลเลย ยังยืนยันไม่ได้ว่าเหมาะสมแก่ประเทศไทยหรือไม่ เราต้องคิดว่าเป็นเพียงเสียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญคนทั้ง 60 ล้านคนที่เขานิ่ง เพราะมีตัวแทนเขา(คือ สส.ไงล่ะ)ในสภาอยู่แล้ว คนตัวแทนของประชาชนจึงจำเป็นต้องมีโอกาสได้รู้ได้รับความคิดใหญ่ ๆ โต ๆ เช่นนี้ แต่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยฝ่ายค้าน ถึงกับออกคำสั่งว่ารัฐบาลไม่ต้องรอ เอาข้อเสนอ 3 ข้อไปปฏิบัติเลย ไม่ต้องมีการวิเคราะห์หรือตรวจสอบ ทำไปเลย ไม่ต้องตั้งกรรมการวิสามัญรับฟังความคิดเห็น เสียเวลามาทุกครั้งคราวอยู่แล้ว เช่นที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชลน่าน ศรีแก้ว เสนอ ซึ่งมันผิดระบบไปไกลเลย ใครเขาจะไว้ใจคุณได้ล่ะ เขาก็ต้องเอาไปกรองก่อน และที่สส.เสนอให้ตั้ง กก.วิ.ขึ้นนี้ นั่นแหละวิธีการกรองข่าวที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งละ สส.ที่เสนอน่ามองว่าเขาเข้าใจดี

 

Phayap Panyatharo

Phayap Panyatharo แต่ในการประชาธิปไตย เมื่อความเห็นแตกต่างกันเช่นนี้ เขาไม่ให้ยกพวกตีกัน เหมือนพวกอันธพาลคิด จึงมีการลงมติ(เช่นจะกินอะไรกันวันนี้ ก็ยกมือกัน ฝ่ายอยากกินไก่ชนะก็เอาไก่มากิน ฝ่ายอยากกินหมูก็ต้องยอมกินไก่ไปก่อน นี่แหละประชาธิปไตย...เขาครอบครัวเดียวกันประเทศเดียวกัน คนไทยด้วยกันไม่ฆ่าแกงกันแน่ ๆ) และผลการลงมติเป็นเช่นไร คือมติส่วนมากว่าอะไร ทุกคนต้องยอมรับและนำไปปฏิบัติตามมตินั้น ต้องมองให้ครบความหมายทั้งการพูดและการปฏิบัติ องค์กรสังคม ประเทศชาติจึงจะเดินไปได้ แต่นี่พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ที่อ้างตลอดว่า เพื่อคนรุ่นใหม่ เพื่อประชาธิปไตย ตนเป็นประชาธิปไตยนั้น พอลงมติแล้วแพ้เขา(จะต้องตั้งกรรมการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นของเยาวชนนิสิตนักศึกษาประชาชนของสภาขึ้น และผู้ปฏิบัติก็คือ สส.ทั้งสภาแบ่งไปตามพรรคการเมือง) พอให้เสนอกรรมการไปร่วมปฏิบัติงาน ก็ประกาศว่าสภานี้รับใช่โจรห้าร้อย ไม่ขอร่วมงานนี้ด้วย นั่นคือไม่ยอมปฏิบัติตามมติเสียง่ส่วนมาก ประกาศไม่ยอมร่วมงานไม่ยอมส่งกรรมการของพรรคไปร่วมงาน คือทุกพรรคทุกคนทุกฝ่ายลงมติกัน ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญรับฟังเสียงเยาวชนนิสิตนักศึกษา แต่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลแพ้เสียงการลงคะแนนไป ก็ไม่ยอมทำตามมติ ไม่ยอมตั้งกรรมการพรรคของตนฝ่ายค้าน 15 คนไปร่วมทำงานของกรรมการวิสามัญ นั้น ตามมติเสียงส่วนมาก นี่แหละคือประเด็นที่ประชาชนคนประชาธิปไตยเขาจะเข้าใจดีว่าอะไรผิดอะไรถูก และนี่แหละที่ประชาชนประชาธิปไตย ต้องคิด ว่าคนอย่างนี้ เป็นผู้บ่อนทำลายประชาธิปไตย ทำอะไรไม่ได้ คราวหน้าก็ไล่ไป อย่าให้เข้าสภาได้อีก #ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ 24 ก.ค.2563 08.45 น.

ความคิดเห็น

 

Phayap Panyatharo

Phayap Panyatharo เรื่ององค์กร หรือ สถาบันนี้ เราต้องมองให้ดี และมีข้อยุติที่ชัดเจนถูกหลักวิชาของศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในทางการเมืองเราต้องมองไปถึงเรื่องอธิปไตยของชาติ หากไม่เข้าใจตรงนี้นั้นแล้ว บ้านเมืองเราจะรักษาเอกราชของชาติมาได้อย่างไรไปได้อย่างไร ก็ลองทบทวนประวัติศาสตร์ไทยเราเป็นประเทศเอกราช ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกในยุคอาณานิคมเลย ไม่เหมือนประเทศอื่นๆ ทั่วโลก หรือจะดู พม่า กัมพูชา มาเลเซียเพื่อนบ้านเรานี่เอง มาเลเซียที่เดิมก็เป็นเมืองขึ้นมหาอำนาจไทยเรานี่เอง ต่อมาฮอลันดายึดเอาไป อังกฤษยึดเอาไป กว่าจะได้เอกราชมาเมื่อราว 20 ปีมานี้ก็เป็นเมืองขึ้นหรือขี้ข้าตะวันตกเขามาถึงกว่า 400 ปีคนกี่รุ่นล่ะตายไปจึงได้เอกราชได้อธิปไตยของตนเอง นี่คือความหมายเรื่องอธิปไตยของชาติ เข้าใจไหมจึงจะไปเข้าใจต่อในเรื่องประชาธิปไตยอำนาจแบ่งกันไปในประชาชนทุกคน? วันนี้มีพรรคการเมืองไทยพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง ที่ได้ฐานะตามกฎหมายสูงสุดว่าเป็นพรรคการเมืองผู้ต่อสู้เพื่อไปปกครองประเทศไทย แต่ไม่เคยเข้าใจและระมัดระวังเรื่องอธิปไตยของชาติเลย เห็นได้จากการเฝ้ารับความสนับสนุนทางการเงินจากคนต่างประเทศมาตลอดจนกระทั่งเห็นได้ว่าหัวหน้าพรรคที่แท้จริงเป็นคนต่างประเทศ นั่นคือพรรคเพื่อไทย กับอีกบางพรรค ที่โดยหลักการเมืองรัฐศาสตร์แล้ว มีฐานะเป็นพรรค เป็นองค์กรการเมืองที่ต่อสู้เพื่อตนเองได้อำนาจอันสูงสุดในการปกครองประเทศ มีความเป็นสถาบันนั่นคือความเชื่อถือเชื่อมั่นของประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่าจะปกครองประเทศดำรงอธิปไตยของชาติต่อไปได้ แต่ทำไมการบริหารจัดการพรรค จึงไม่อยู่ในอำนาจของพรรคโดยตรง หัวหน้าพรรค กรรมการพรรค ๆ นี้ ทำไมจึงไม่มีบทบาทการตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่เคยเห็นว่ามีการประชุมพรรคแล้วมีมติของพรรคเรื่องการจัดการเรื่องสำคัญ ๆ เลย ทำไมกรรมการพรรคและสมาชิกพรรคจึงมักเดินทางไปต่างประเทศไปหาคน ๆ หนึ่ง ทำไมจึงไปฟังคนนอกพรรคและทั้ง ๆ ที่เป็นคนอพยพหนีความผิดหลายคดีไปจากประเทศไทยไปหลบซ่อนอยู่ต่างประเทศ เพียงเพราะเงิน อย่างนั้นหรือ และนั่นคือ อธิปไตย ของชาติไทยจะถูกซื้อด้วยเงินอย่างนั้นหรือ ทำไมการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองหลายพรรค นับแต่พรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกยุบไปแล้วจึงถูกสั่งการดูแลจากคนที่หนีคดีไปต่างประเทศ

 

Phayap Panyatharo

Phayap Panyatharo รวมทั้งขณะนี้ จะลงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานครก็มีข่าวกันแล้วกันอีกว่า ทักษิณ ชินวัตร สั่งให้คนนั้นคนนี้ เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยลงสมัครรับเลือกตั้ง เช่น นาย ชัชชาติ และนางคุณหญิงสดารัตน์ ที่มีข่าวขัดแย้งกันอยู่ตลอดว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งใคร จึงมีข่าวมาวันนี้ขณะนี้ว่านายทักษิณ ชินวัตร อนุญาติ รับรองให้ทั้ง 2 คนแล้วซึ่งนี่คือการบ่งบอกถึงอำนาจที่บัญชาการอยู่เหนือควบคุมพรรคการเมืองไทยอยู่เหนืออำนาจพรรคเพื่อไทยไม่ใช่หรือ? ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้นำในพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ กรรมการพรรคไปไหนทำไมต้องไปให้นายทักษิณ ชินวัตร ที่หลบคดีไปอยู่ต่างประเทศ เป็นผู้ตัดสินให้ ....ซึ่งการทำแบบนี้อย่างไรมันเกี่ยวกับเรื่องอธิปไตยของชาติ พรรคการเมืองที่ไม่สามารถรักษาอธิปไตยของชาติไว้ได้ก็ควรยุบไปเสีย แบบนี้จะเป็นพรรคการเมืองต่อไปไม่ได้ ไทยเราเป็นเอกราชมานาน ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครเลย แบบนี้คือการแอบเอาอำนาจไปให้คนอื่นนี่นะ หากมีพรรคเพื่อไทยปกครองประเทศ โดยที่อยู่ใต้การสั่งการของคนต่างประเทศเช่นนี้ นั่นคือการเสี่ยงต่อเรื่องอธิปไตยของชาติ อย่างแน่นอน ซึ่งพรรคการเมืองไทย ประชาชนไทยทั้งชาติจะต้องรู้และทำความเข้าใจให้ดีในเรื่องอธิปไตยของชาติ ควรจะต้องรู้ดีและควรต้องตั้งตนเป็นที่พึ่งของตนให้ดีให้ได้ ไม่ไปคิดพึ่งโจรก่อการร้ายที่หลบซ่อนอยู่ต่างประเทศ ไม่ควรมีการขายชาติ ขายอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด เราเสนอนี้ก็เพื่อให้ได้เข้าใจกันให้ดี และพิจารณาสัจธรรมการเมืองประชาธิปไตยให้เข้าใจด้วยตนเองของคนไทยทั้งประเทศเพื่ออำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ...ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ 30 ก.ค.2563 07.00 น.

 

หลวงตาเฟื่อง ปัญญาวโร สิงหเทพกำลังใช้งาน

หลวงตาเฟื่อง ปัญญาวโร สิงหเทพ ถ้ากฎหมายเป็นไปโดยชอบธรรม คงไม่มีใครออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ลำบากเป็นแน่

 

Phayap Panyatharo

Phayap Panyatharo แล้วเรื่องล่าสุดที่สส.ฝ่ายค้านที่มีพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกลนำอยู่ ในการลงมติจัดตั้งคณะกรรมการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นของเยาวชน นักศึกษา ประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นเพื่อการประสานงานกับเสียงภายนอกสภา มีการลงลงคะแนนเสียงกัน ปรากฎว่าพรรคเพื่อไทย และ พรรคฝ่ายค้านแพ้ แล้วฝ่ายแพ้ไม่ยอมรับที่เสียงส่วนมากเขาให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ขึ้น ตัวเองแพ้เสียงเขาแล้วไม่ยอมส่งสส.ฝ่ายตนไปร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งเรื่องนี้แหละที่บอกว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล นี้ละเมิดกฎประชาธิปไตยอย่างจงใจน่าละอายที่สุด หรือไม่ก็โง่เขลาเบาปัญญา หรือมีคำสั่งจากเมืองนอกหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ประกาศฝ่ายตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อ้างประชาธิปไตยมาตลอด แต่กลับไม่มีจริยธรรมเช่นนี้ แล้วด่าว่าฝ่ายรัฐบาลเป็นเผด็จการมาตลอด ขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีความเข้าใจหลักประชาธิปไตยเลย ขนาดเด็ก ๆ ยังถามเลยว่า ไม่ปฏิบัติตามมติเสียงส่วนมากแล้วจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ในเรื่องเหตุผล ปรากฎว่ามีเหตุผลแบบไปดูถูกเหยียดหยามสส.คนอื่น เช่นนาย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชี พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นพูดว่าสภารับใช้โจรห้าร้อย ไม่ขอทำงานด้วย ซึ่งนี่ นอกจากไม่เข้าใจ ไร้น้ำใจ ไร้จริยธรรมประชาธิปไตยไปอีก โดยที่ไม่เข้าใจว่าการสร้างประชาธิปไตยนั้น ต้องมีทั้งกฎหมายและจริยธรรมนักประชาธิปไตยไปด้วยกันจึงจะสร้างประชาธิปไตยสำเร็จ ซึ่งกรณีนี้ ประชาชนจะต้องเข้าใจ ว่าคนที่อ้างประชาธิปไตยแต่ไม่ทำตามหลักประชาธิปไตยนั้นก็คือ จอมโกหกพกลม ไม่น่าจะให้มีโอกาศเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรหรืออยู่ในวงการประชาชนไทยอีกต่อไป

 

Phayap Panyatharo

Phayap Panyatharo ส่วนที่ต้องถามว่า เยาวชนปลดแอกมาจากไหน นั้น ก็เพราะ ไม่รู้ตัวตนเขาอย่างไรเล่า ยุคใหม่ ยุค ออนไลน์นี้ ตัวตนผิดพลาดไปนิดเดียวเขาก็ไม่ให้เข้า แม้ผิดอักขระไปตัวเดียว คงเข้าใจนะ แล้วไม่แสดงตัวตน ยังเสนอเรื่องสำคัญมาก ๆ เกี่ยวกับความเป็นความตายของประเทศชาติอีก คือเสนอให้รัฐบาลทำ 3 ข้อ ข้อ 1 ยุบสภา ซึ่งเป็นข้อเสนอที่โง่ ของฝ่ายค้าน ยุบตอนนี้ ฝ่ายรัฐบาลเขาก็ชนะเต็ม ๆ เพราะผลงานโควิดเขาเด่นดังไปทั่วโลก เขาฉลาดหาเสียงไว้ทั่วประเทศแล้วด้วยเงินโควิด ส่วนตัวเองมีแต่เรื่องเงินๆๆๆ เอาไปจ้างเขามาชุมนุม ข้อ 2. อย่าคุกคามประชาชน มีเหตุ 2 แห่ง ที่เกิดเพราะความฉุกละหุกอลเวงของคนหมู่มาก เป็นธรรมดา มันมีอย่างนี้แหละเป้ฯธรรมดา ๆ เลย นี่ดีที่ราชการเขาเอาใจใส่เรื่องกลัวจะเป็นโควิดตายไปหมด เลยพลาดไปบ้าง แต่นี่เอาเรื่องเล็ก ๆ แค่ลมหายใจฝืดก็เอามาหามาใส่ความเขาตลอด ยังกะเรื่องใหญ่เรื่องโต แต่นี่แหละต้องการผลทางการโฆษณาชวนเชื่อ เขารู้ทันน่า แต่ ข้อ 3 แก้รัฐธรรมนูญ ถ้าคุณรู้เรื่องประชาธิปไตยอยู่บ้าง คุณไม่ต้องแก้เยอะหรอก เอาว่าแก้ให้ตรงกับ รธน. 2540 ก่อนก็แล้วกัน หรือจริง ๆ ไม่ต้องแก็ 60 หรอก เลิกใช้ เอา 40 มาใช้แทนก็ได้ 40 เขาเหมาะอยู่แล้ว ค่อย ๆ เป็นขั้นเป็นตอนไปสิ ใช้ไปก่อนจะได้ไม่เปลืองงบประมาณ เรื่องสำคัญเกี่ยวกับความเป็นความตายของชาติบ้านเมืองขนาดนี้แล้ว จะให้รัฐบาลทำทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ทำเลยแบบที่นายชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย กับนายพิธาน ลิ้มเจริญรัฐ พรรคก้าวไกลลุกขึ้นประกาศในสภาว่าประชาธิปไตยต้องนำไปทำทันทีนั้น เราคิดว่า สส.คิดอย่างนี้ได้อย่างไร เหมือนคนไม่เคยทำงานอะไรมาไม่เคยมีประสบการณ์การเป็นฝ่ายทำคือฝ่ายรัฐบาลมาเลย เลยมาเป็นสส.ได้อย่างไร คนที่ไหนให้มาเข้าสภา จะทำอะไร เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เขารับเรื่องรับข้อมูลแล้ว เขาก็ต้องเอาไปกรองก่อนเสมอไป เอาไปวิเคราะห์ ส่งสถานีวิจัยของสถาบันเขาก่อน เสมอไปล่ะ เขาจะเอาไปทำทันทีได้อย่างไร ก็เหมือนหมอนายแพทย์นั่นเองเขาก็ต้องเอาข้อมูลไปตรวจก่อน ก็รู้อยู่แต่ทำไมหมอชลน่านจึงยืนยัน ว่ารัฐบาลต้องทำทันทีเพราะเราต้องรับฟังความคิดเห็นของเยาวชนนิสิตนักศึกษาจึงจะเป็นประชาธิปไตย มิฉะนั้นเป็นเผด็จการคสช.นั่นเองว่าไปนั่น และที่ว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลทุกสถาบันทั้งโลก เขาก็มีเครือข่ายข่าวสารเขาแน่นหนาพออยู่แล้วแต่เขาเปิดให้แสดงความเห็นเผื่อจะได้ประโยชน์ได้ความคิดเพิ่มเติมมา เขาก็รับเรื่องที่เสนอมา เขาก็เอาไปดู หากว่ามีประโยชน์เขาก็เอาไปใช้ หากไม่มีประโยชน์ ก็ทิ้งไป ก็เท่านั้นเอง ระบบมันเป็นอย่างนั้นก็เข้าใจบ้างซี ส่วนเรื่องใหญ่จริง ๆ สำหรับคุณฝ่ายค้านก็คือรอการเลือกตั้งสิ แบบคนอเมริกันรอจะถีบนายทรัมพ์ ออกจากเก้าอี้ประธานาธิบดีอเมริกาอยู่ขณะนี้ ไทยก็เหมือนกัน เพื่อไทย ก้าวไกล ก็เตรียมสิ อยากจะถีบใครออกก็รอ เตรียมเลือกตั้ง เตรียมหาเสียงกับประชาชนไว้ วันหนึ่งต้องมีเลือกตั้งแน่ นี่แหละประชาธิปไตยของประชาชนจริง ๆ ไม่ใช่ประชาชนกำมะลอที่ออกมาเพ่นพ่านขวางทางจราจรอยู่วันนี้ ...$ ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ 30 ก.ค.2563 13.20 น.