ท่านที่เชื่อตนเอง ที่คิดว่าตนเองเป็นนั่นเป็นนี่ และแม้เป็นพระโพธิสัตว์ ที่ว่านี้ น่าจะลองนิ่งคิดวิปัสสนาดูว่าเหตุแห่งความคิดนี้นั้น มาจากุอะไร ซึ่งที่จริงก็มีคำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่มองข้ามไป เพราะอิทธิพลของ เหตุ ที่ว่านั้น คือความีอัตตา นั่นเอง ฉะนั้น ทางที่ท่านบอกไว้แล้ว เรื่อง อนัตตาจึงทำไปไม่สำเร็จ เพราะตัวเองตกอยู่ใต้อำนาจของอัตตา คือ ความอยากเป็นนั่นเป็นนี้ คือ ลักษณะของ ภวะตัณหา นั่นเอง ทำให้อยากใหญ่ อยากมีอำนาจเหนือคนอื่นเขาง่าย ๆ เพียงคิดเอา ฉะนั้น การคิดว่าตนเองเป็นโพธิสัตว์ หรืออยากเป็นโพธิสัตว์ จึงอาจจะเกิดจากตัณหาตัวที่ว่าอยากใหญ่นี้เองก็ได้จึงควรไปนั่งพิจารณาดูตัวเอง ว่าการอยากเป็นพระพุทธเจ้า นั้น เป็นการอยากใหญ่ ที่ใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน คือการได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะอยู่เหนือคน เทวดา ผีปีศาจ ทั้งหลาย ใหญ่ขนาดนั้นไปเลย นี่เป็นกิเลสในใจเราเองหรือเปล่า และการคิดจะเป็นโพธิสัตว์ จะเป็ฯได้อย่างไรหากไม่คิดกำจัดเรื่องบาป เรื่องกิเลสตัณหา ที่ไปสร้างบารมีโพธิสัตว์ได้อย่างไร หากยังสะสมแต่กิเลสอยากใหญ่ไปเรื่อย ๆ เอาให้ถึงอริยภูมิก่อนนั้นจะถูกต้องที่สุดเพราะอริยภูมินั้นจะส่งเสริมให้พูนพลังมุ่งสูงส่งต่อไปได้อีกโดยขึ้นสู่อริยภูมิสูงไปเรื่อย จนถึงพุทธภูมิ นั่นแหละจึงจะถูกต้องตามเหตุและผลแห่งการสะสมบารมีธรรม