1.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- เวลาคุณไปเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนี่ คุณรู้หรือเปล่าว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร ? รัฐธรรมนูญนั้นก็คือ เสาเอก นั่นเอง เวลาจะสร้างบ้านนี่เขาจะลงเสาเอกตามฤกษ์งามยามดีก่อน แล้วลงเสาต่างๆ ตามไป แล้วโครงสร้างทั้งหมดของบ้านก็จะถูกสร้างแบบยึดโยงไปทั้งหลัง กลายเป็นบ้านหลังใหญ่หลังงามของเรา เช่นนี้แหละเหมือนรัฐธรรมนูญเลยที่เมื่อมีรัฐธรรมมนูญขึ้นมาก็มีการปรับโครงสร้างทั้งหมดของการเมืองการบริหารต่างๆรวมทั้งวัฒนธรรมสังคม ทั้งประเทศตามไป...มันเป็นโครงสร้างที่ คนสร้าง เจ้าของบ้านผู้สร้างนั้น เขามองแต่แรกแล้วว่าจะให้บ้านเขางดงาม มีหลักมีฐานอย่างไร ได้ตามใจเขา และนั่นหมายความว่า บ้านต้องอยู่ยืนนาน ได้กินได้อยู่ ได้เป็นที่พักอาศัย ที่สบายของครอบครัว ญาติพี่น้อง ใช้พักทำการงานอาชีพขึ้นเป็นหลักเป็นฐานของชีวิต และหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตเลย ที่พอลงที่บ้านนี้แล้ว การคิดจะแก้รัฐธรรมนูญ จะไปคิดอย่างเด็ก ๆ หรือครูบาอาจารย์เด็กในม.ธรรมศาสตร์ไม่ได้ การแก้รัฐธรรมนูญ มันทำได้ยากนั่นเอง ประเทศที่เจริญแล้ว เขาจะไม่แก้รัฐธรรมนูญกัน เช่นสหรัฐอเมริกา นี่ อังกฤษนี่ ฝรั่งเศสนี่ เขาไม่เคยคิดดูถูกรัฐธรรมนูญเขาเลย อย่างอเมริกานี่ รัฐธรรมนูญอันแรกของเขานี่ บัญญัติเรื่องใหญ่เรื่องเดียวคือเรื่อง สิทธิเสรีภาพของประชาชนอเมริกาเลย นี่แหละเสาเอกบ้านเขา ไม่เคยมีการแก้ตรงนี้ มีแต่เพิ่มเติมเสาเอกไปเล็ก ๆน้อย มาถึงวันนี้ราวๆ กว่า 20 ครั้งเท่านั้น ทำให้สมบูรณ์ไปเรื่อย คือที่จะคิดแก้ไหม่ ยกร่างใหม่หมดเลยนั้นไม่มี เขามีแต่ยืนยันเรื่องเดิมและเพิ่มไปให้สมบูรณ์ ลองคิดดูก็จะ เหมือนเราจะรื้อบ้านมาสร้างใหม่อย่างนั้นเลย มันยาก ต้องเสียเงินเสียทองเสียเวลา และไม่ค่อยมีเหตุผลสมควร วันนี้ในเมื่อพรรคก้าวไกลคิดไปในทางที่จะแก้ไขเรื่องไม่ให้มีสถาบันกษัตริย์ต่อไปอีกเลย ดังที่ข่าวล่าที่พูดกันอึกทึกไปว่า พรรคก้าวไกลไม่เสนอร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นในเรื่องนี้
2.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- ก็เพราะหัวหน้าพรรคเขา รองหัวหน้าพรรคเขาก็ออกมาบอกแล้วว่า เพราะพรรคฝ่ายค้าน เพื่อไทย ไม่คิดแก้หมวด 1 และ หมวด 2 ที่เกี่ยวกับ ชาติ และพระมหากษัตริย์ นั่นเอง ที่พรรคอื่นคิดไม่ตรงกับกับพรรคก้าวไกลเขาไม่เอาด้วย เขาไม่คิดเรื่องจะเอาสถาบันกษัตริย์ออกไป ขจัดมหากษัตริย์ไปเสียจากประชาธิปไตยอย่างพรรคก้าวไกลอนาคตใหม่คิดและทำมาตลอด โดยที่เป็นการคิดผิดเข้าใจผิด ในหลักคิดที่ว่า เป็นประชาธิปไตยไม่ได้หากมีกษัตริย์ ประชาธิปไตยไม่มีกษัตริย์ เขาเป็นพรรคที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ยืนยันอุดมการณ์ล้มกษัตริย์จึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ จึงจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่ประกาศโฆษณาออกไปแล้วนั่นเอง ซึ่งนั่นแหละนั่นคือความคิดเด็ก ๆ การเมืองนั่นเองไม่ผิดเลย แม้มีเรื่องเรื่องน่าคิด น่าศึกษาขณะนี้ก็คือ การคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ เริ่มมาพร้อมการมีพรรคอนาคตใหม่ และแรงขึ้นจากเด็กไทยในม.ธรรมศาสตร์ เด็กที่เรียกตนว่า เยาวชนปลดแอก ครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนั้นแหละ เพราะไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร แต่ถ้าคิดจะแก้ก็มีน่าคิดอย่างรัสเซียวันนี้ ที่น่าสนใจวันนี้ก็คือ รัสเซีย เขาก็มีการแก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว โดยแก้ไขให้นายปูติน ได้เป็นประธานาธิบดีต่อไปนานๆอีกหลายสมัย ซึ่งก็มีสิทธิคิดไป ไทยเราก็มีสิทธิเหมือนกัน ที่จะแก้รัฐธรรมนูญไปแบบเดียวกับรัสเซีย ที่แก้ให้ปูตินเป็นประธานาธิบดีต่อไปอีก หลายสมัย
3.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- ฉะนั้น มิต่างกันเลยกับเรื่องบ้านเรื่องเสาเอก และเสาเอกนั้นก็จะยึดมั่นไป ตราบบ้านพังนู้นถึงจะมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง จะมีอะไรก็เพียงการต่อเติมเพิ่มเสริมบ้านไปเท่านั้นไม่มีการคิดเรื่องย้ายเสาเอกอีก รัฐธรรมนูญก็เหมือนเรื่องบ้านนี้เอง เสาเอกนั่นแหละรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นเมื่อคุณคิดจะทำอะไรกับรัฐธรรมนูญ นั้นก็คือคิดทำอะไรกับเสาเอกของบ้านนั้นเอง มีเงินร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมาจึงคิดสร้างบ้านใหม่กันทั้งนั้น ประเทศประชาธิปไตยหลัก ๆ เขาจึงจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกัน เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอเมริกา ซึ่งอเมริกานี้แหละไม่เคยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ตั้ง อเมริกาขึ้นมาเป็นประเทศ นั่นแหละโครงสร้างประชาธิปไตยเขาจึงมั่นคงมาก ...ฉะนั้นระบบการเมืองทั่วๆ ไป เขาจะจัดให้ระเบียบการแก้รัฐธรรมนูญนี้ แก้ยากๆ ไว้ เสมออย่างนี้ โดยหลักการว่า รัฐธรรมนูญ ไม่ควรที่จะแก้ไข ไม่ควรที่จะแก้บ่อย ๆ โดยเฉพาะมีเด็กโง่ ๆ คนโง่ ๆ รู้เท่าไม่ถึงการณ์มาจัดการมาคิดอย่างขณะนี้นั่นเอง ก็เหตุผลก็ชัด ในเรื่องที่ว่าเรื่องสำคัญ ๆ จะต้องทำให้มันมั่นคง จะให้เหลาะแหละ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายๆ ได้อย่างไร นี่แหละ อย่าคิดไปพูดเล่น ๆ ไร้สาระ การแก้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่จะทำเล่น ๆ ง่าย ๆไม่ได้ นึกจะแก้เมื่อไรก็ออกมาเสนอแก้ เช่นนั้นได้อย่างไร อย่างที่เมื่อวางเสาเอกลงแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง มีทำกันก็แต่การต่อเติมเสริมไปให้สมบูรณ์ที่เป็นหลักอยู่แล้วก็ให้ยืนมั่นคงต่อไปไม่ทรุดลงอีก นั่นอย่างไร แบบอเมริกาเขานั่นแหละ
4.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไม การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องคิดขึ้นอย่างมีเหตุมีผล และด้วยความเข้าใจประชาธิปไตยอย่างละเอียดลึกซึ้ง คือเขาเข้าใจผิดไปนั่นเองแต่แรกในเรื่องประชาธิปไตย ที่เขาเสนอไป10 ข้อ ให้คนไทยทราบแล้วว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องไม่มีกษัตริย์ และ กษัตริย์ ต้องไม่มีในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนี่คือความโง่ ความไม่รู้ ซึ่งความไม่รู้ แต่เหิมเกริมว่าตนรู้ตนถูกที่สุดเช่นนี้เองที่จะทำลายประเทศชาติของเรา เพราะ โดยหลักการประชาธิปไตยแล้ว มีกษัตริย์หรือไม่มีกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยก็ได้ ไม่ใช่ประเด็นประชาธิปไตยเลย เคยเสนอให้วิจัยเอาเอง เอา รธน.ไทยมาดูทุกฉบับ ดูเองก็ได้ มีตรงไหนที่ อำนาจทั้ง3 คือ นิติบัญญัติ บริหาร และ ตุลาการ ถูกวางไว้ และถูกใช้ไปในแบบไม่มีเสรีภาพ ไม่เป็นไปตามสิทธิอำนาจของสถาบันตนเองอย่างเต็ม 100 % ไม่เคยปรากฏเลยตั้งแต่เราเป็นประชาธิปไตยมา และเมื่อมันเป็นเรื่องคิดผิด ไร้วุฒิภาวะไปอย่างนี้ในเรื่องใหญ่โตมโหฬาร เกี่ยวกับชาติ อธิปไตยไทยใหญ่โตทั้งประเทศเช่นนี้ ใครเขาจะเอาด้วยล่ะ ? และนั่นหมายความไปถึงการคิดทำลายชาติด้วยความไม่รู้อย่างชัดเจนชัดแจ้งนั่นเอง โดยคิดทำลายสถาบันกษัตริย์ของไทยนั่นเอง ชัดเจน ชัดแจ้ง
5.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- พรรคก้าวไกลพรรคเพื่อไทยนี้ ยังไม่รู้สึกนะว่า จากการเลือกตั้งซ่อมมา 6 ครั้งแล้ว หลังมีสภาผู้แทนราษฎร หลังการเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค.2562 นั้น พรรคก้าวไกลอนาคตใหม่เดิมที่ได้มาถึง 6ล้านเสียงนั้น จากนั้นแพ้มาตลอดทั้ง 6 ครั้ง สู้ฝ่ายรัฐบาลเขาไม่ได้เลย เรียกว่าแพ้อย่างน่าขายหน้าไม่สมกับที่ตนเองโอ้อวดโฆษณาความเด่นดีของตนไว้ แบบที่ว่าน่าอับอายขายหน้าน่าหนีไปจากการเมืองไทยได้แล้ว นั่นเอง คุณไม่อ่านไม่ทราบความหมายเลยหรืออย่างไร การเลือกตั้งคืออะไรในเรื่องประชาธิปไตย? เช่นอเมริกานี่กำลังจะเลือกตั้ง 3พ.ย.63 นี่รู้ความหมายหรือเปล่า ในฐานะพรรคการเมืองหนึ่งนี่เตรียมการรับอย่างไร? แต่นี่นายธนาธร นายปิยบุตร นางพรรณิการ์ นายพิธา นี่ไม่รู้เรื่องเลย คือตั้งแต่พรรคการเมืองนี้มาสู่การเมืองไทย ก็เริ่มมีบทบาทไปอย่างกว้างขวางอื้ออึงไปหมดในประเทศ โดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ สื่อโซเซียลต่าง ๆ ที่ไปไกลทั่วโลก ซึ่งนี่คือมีพรรคแล้วทำการหาเสียงโฆษณาความดีของตนโดยด่าคนอื่นมาตลอดไม่มีเลยเรื่องการเสนอนโยบาย แบบที่ตนไม่รู้ว่าผิดกาละเทศะไปรบกวนความสงบ การทำมาหากินของคนในประเทศไปหมดเพราะมันไม่ใช่กาละเทศะที่ให้มีการหาเสียง ตามกฎหมายเลือกตั้ง ตนเองไปด่าเขาฝ่ายเดียวมาตลอด ก็ไปรบกวนคนเขาอยู่ตลอดทั้งปี นั่นคือการหาเสียงโดยตรงแบบไม่รู้กาละเทศะการเมืองเลย นั่นเอง ที่แสดงบทบาทของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลมาตลอด แต่ทำไมแพ้ฝ่ายรัฐบาลเขามาตลอด ในเวทีประชาชนประชาธิปไตยที่แท้จริง คือในการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 6 ครั้งนั้น 6 จังหวัดนั้น ก็เขานิยมรัฐบาลมากกว่าคุณไงล่ะ แปลว่าประชาชนไทยเขารู้ว่าพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลทำอะไร รัฐบาลทำอะไรนั่นเอง นี่แหละเรื่องของประชาชนที่แท้จริง และล่าสุดมาแพ้ไปยับเยินที่การเลือกตั้งซ่อมสมุทรปราการ 9 ส.ค.63 พปชร.ชนะอีกก่อนชุมนุมประกาศล้มกษัตริย์นั่นเอง นั่นมันหมายความว่าอะไร ในความหมายประชาธิปไตย ก็หมายความว่าประชาชนเขาไม่เอาพรรคก้าวไกลไม่เอานายพิธา นายธนาธร นั่นเอง เขารู้แล้วละมั้งว่าพรรคนี้คิดอะไรจะทำอะไร แม้ล่าสุดแพ้แล้วยังไปก่อความวุ่นวายอะไรไปอีกอย่างผิด ๆ โดยไปปลุกปั่นนักเรียนมัธยม ประถมศึกษาไปแบบผิด ๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าเขาทำไปทำไม ไปปลุกปั่นเด็ก อนุบาล ซึ่งมันแทบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของบ้านเมื่องเลย นี่แหละ คนบ้าก่อการร้ายละ
6.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- ซึ่งนี่คือการปลุกระดมการก่อการร้ายนั่นเอง เพราะเด็ก ๆ มันไม่รู้เรื่องการเมือง เพราะมันยังไม่ได้ศึกษา มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเมืองคืออะไร เขาจึงยังไม่ให้ไปเลือกตั้งไงเล่า แต่นายธนาธรนี่ไปปลุกระดมเด็ก เพื่อก่อการร้ายแก่สังคมให้วุ่นวาย ทำระบบวัฒนธรรมเสียหายทำลายชาติไปอีกแบบหนึ่งถึงขนาดไปหยุดการกราบไหว้ ครูบาอาจารย์ ว่าจ้างครูสอน ไม่ใช่สอนให้เปล่าๆ ไม่มีบุญคุณอะไรต่อกันแล้ว และมองเห็นว่าจะทำแบบปฏิวัติวัฒนธรรมจีนแดงยุคเหมาเจ๋อตุง นั่นเอง โดยคิดเอาเด็กมาร่วมปฏิวัติ ดูภาพที่เอามาประกอบนะครับ ชื่อภาพเยาวชนเรดการ์ด ยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีนแดง พ.ศ.2508-2511 เขาเอาเด็กๆไปตั้งเป็นกองทัพเรียกว่ากองทัพเด็กแดงปลดแอก หรือ เรดการ์ด ให้มีหน้าที่สืบหากบฏ ซึ่งคือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติวัฒนธรรมเหมาเจ๋อตุงนั่นเอง และเด็กพวกนี้ก็ไปสืบหาได้พบกบฏจำนวนมากเลย ที่กองทัพจีนเอาไปประหารชีวิตไปนับพันนับหมื่นคนที่เรามาทราบภายหลังว่ากบฏที่เด็กเยาวชนเรดการ์ดไปพบนั้น ก็ล้วนแต่เป็นพ่อแม่เด็กเยาชนเรดการ์ดนี้เองเพราะพ่อแม่ไม่คิดระแวงเลยว่าลูกตนจะเป็นแมวมองอันตรายมีอะไรก็พูดออกมาหมดก็ถูกลูกตนเองเสนอชื่อรายงานไป นี่ก็คือ พวกเด็กเรดการ์ดนี่เองถูกปั่นหัวล้างสมองหลงผิดเนรคุณบิดามารดาพวกเขาไปด้วยถูกปลุกปั่นล้างมันสมองไปนั่นเอง นับพันนับหมื่นพ่อแม่ที่ถูกลูกตนเองฆ่าตายไป วันนี้นายนธนาธร กับพวกพรรคคิดล้มกษัตริย์นี้ ก็คิดใช้เด็ก ๆ นักเรียน ชันประถม ชั้นมัธยม ทั้งเด็ก ๆ ในธรรมศาสตร์นั่นแหละ เหมือนเยาวชนเรดการ์ด นั่นเลยไปทำการก่อกวนวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ โดยไม่คิดว่าจะสะท้อนผลอะไรออกไปส่เด็ก ๆเอง และสู่สถาบันครูอาจารย์ที่ต้องปั่นป่วนไปหมด ด้วยเหตุผลอย่างโง่ๆเรื่องเสรีภาพประชาธิปไตย ก็ให้รู้ไว้ว่าคน ๆ นี้ ที่ชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นคนร้ายอย่างไร เอาละเราไม่คิดตกใจอะไร เพราะเด็กไทย ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เขามีพ่อมีแม่มีครูบาอาจารย์คนดีมีเมตตาสูงดูแลอยู่ดีทั้งนั้น และนายธนาธร ต้นความคิดปฏิวัติวัฒนธรรมนี้ ตนเองก็ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมคืออะไรมาจากไหน คือเขาทำอะไรไปนี่ด้วยความเห็นแก่ตัวเพื่อตนได้ประธโยชน์ทางการเมือง แต่ทำไปแบบอันธพาลเราดีๆ นี่เอง จะโดนคนไทยสาปแช่งตายไปเอง หากจอมพลสฤษดิ์ยังอยู่ก็คงไปเสียนานแล้วละ
7.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- ในเมื่อ เข้าใจประชาธิปไตย คือ ประชาชนไทย ประเทศไทย เรื่องของไทย ผิดไปหมด แล้วยังคิดว่าเข้าใจถูก คิดแบบนักโฆษณาชวนเชื่อหน้าด้านอย่างนายปิยบุตร นายธนาธร นั่นเอง จนล่าสุดมาออกเวทีม็อบ ที่ไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตยเลย เพราะไปกะเกณฑ์พรรคพวกของตน ที่ตนมีอะไรหว่านล้อมตอบแทนให้ นอกระบบประชาธิปไตยมาแต่อ้างสิทธิทางประชาธิปไตยมา ออกโรงแถลงนโยบายพรรคอย่างชัดเจนชัดแจ้งในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 10 ส.ค.2563 นั้นเอง ว่า เขาจะล้มสถาบันกษัตริย์ไทย นี่แหละนโยบายที่เผยออกมาตรง ๆ ในคืนวันนั้น โดยมีอาจารย์ 105 คนในมหาวิทยาลัยยืนยันสนับสนุน ซึ่งมาวันนี้ยิ่งบอกชัดไปอีก จากที่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวดที่1 ชาติ และหมวดที่ 2 มหากษัตริย์ ให้เป็นไปตามนโยบายพรรคของตน ..และต้องเป็นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ..ก็ที่น่าถามก็คือทำไมพรรคก้าวไกล ทำไมไม่รู้จักวัดผลงานตัวเองล่ะ ที่แพ้การเลือกตั้งซ่อมมาตลอดนั้น ไม่เคยชนะอีกเลยนั้น มันแสดงความหมายอะไร ก็ประชาชนเขาเริ่มเข้าใจแล้วยังไงว่าพวกนี้ นับแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางพรรณิพา ช่อวาณิช ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่มาถึงพรรคก้าวไกลนี้ เริ่มแสดงให้เห็นความจริง ว่า ยังไม่มีวุฒิภาวะพอจะไปปกครองประเทศนั่นเอง มีความเป็น simple เกินไป ไม่สมดุลกับการเมืองของประเทศนั่นเอง โดยเฉพาะ นโยบายที่แถลง ที่แสดงเค้าออกมาว่า พรรคก้าวไกลพรรคเพื่อไทยนี้แสดงถึงนโยบายการคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์โดยความโง่ไม่เข้าใจประชาธิปไตย แบบที่ว่าอ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแบบผิดๆ นั่นเอง และนั่นหมายความว่าไปกล่าวหาฝ่ายอื่นเป็นเผด็จการแบบผิดๆที่แท้จริงมาอย่างประชาธิปไตยนั่นเอง ซึ่งเป็นการหลอกลวงประชาชนคนทั้งประเทศไปด้วยแบบที่ตนไม่รู้ ออกมาจากอวิชชาความโง่เขลาโดยแท้นั่นเอง
8.
ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ :- และ การที่แพ้ไปตลอดในการเลือกตั้งซ่อม นั่นแหละบอกถึงประชาชนไทย เขามองอะไรเป็น ฉลาดพอที่จะเลือกคน เลือก สส.เพื่อไปทำงานแทนเขาในสภาผู้แทนราษฎร นั่นเอง แม้เราเองประชาชนผู้หนึ่ง มาถึงวันนี้ เราก็จะไม่ขอเอาคนเหล่านี้อีกเลย และพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ที่จะคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ก็นอกจากฝ่ายกฎหมายบ้านเมืองจะจัดการโดยตรงแล้ว ด้านสิทธิของประชาชนประชาธิปไตย ก็จะใช้อำนาจ 1 เสียงของตนนั่นเองจะต้อง ไม่เอาคนเนรคุณพวกนี้เข้าสภาฯมาสักคนเลย และแน่นอน มีคนที่เขาจะพากันต่อต้านพรรคที่มีนโยบายเลว ร้เมตตาธรรม เนรคุณต่อชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ เช่นนี้ทั่วประเทศ ทุกสถาบันสังคมไทย แต่เอาละ อยากจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็เสนอแก้ไปได้ ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญกำหนดนั้นแหละ แต่นั่นแหละการ คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยที่ไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร แล้วมันก็ยากเลยละ เพราะคนอื่นเขารู้ว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร แต่เราไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร มาพูดเรื่องรัฐธรรมนูญเข้า เขาก็ไม่เอาด้วย แล้วจะไปกล่าวโทษเขาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นเผด็จการ ได้อย่างไร มีเหตุมีผลเสียบ้างสิ คิดดู อย่างง่าย ๆก็คือพอเริ่มต้นเรื่องนี้แล้ว เรื่องแก้รัฐธรรมนูญแล้วมันส่งผลเยอะ ต้องทำอะไรบ้าง จะต้องเสียเงินเสียทองมหาศาลอย่างไม่สมควร จนท่านผู้ใหญ่ ผู้รู้ สว.ท่านหนึ่งคำนวณออกมาแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญนี้ จะส่งผลเสียเงินทองของชาติไปถึง 11,000-15,000 ล้านบาท ...เศรษฐกิจชาติประชาชน กำลังจะวายวอดเพราะโควิด-19อยู่ขณะนี้ จะไปคิดทำอะไรเปล่า ๆ ไร้สาระเช่นนี้ไปทำไม ตามนโยบายพรรคเยาวชนก้าวไกลอนาคตใหม่ไปทำไม หาเงินที่ไหนมา ตั้ง หมื่นกว่าล้าน จะ เสียเงินมหาศาลขนาดนี้ไปทำไม น่าเสียดายจริง ๆ เอาละ อย่าไปแก้เลย เอาไว้สัก 3-4 ปีก่อน หรือไม่ว่าง ๆ ก็ค่อยมาพูดกันเอา รธน.40มาใช้เถอะ ไม่ต้องเสียเงินเลยสักแดงเดียว @ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ 19 ส.ค.2563 13.30 น.