เขานัดไปสภาวันที่ 23-24 ก.ย.ที่สภาจะประชุมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายเกวินบอกให้พรรคพวกที่มาชุนุมหยุดงานทั่วประเทศ ทำไม?
ความคิดเห็น
Phayap Panyatharo
เขาจะมาก่อกวนแบบที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ลูกศิษย์ธรรมศาสตร์คนนี้ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ก็สภาเขาเป็นสภามีสส. ที่เป็นตัวแทนประชาชนทั่วประเทศ87ล้านคน เขาจึงเรียกว่า สภาผู้แทนราษฎร ยังไง เขาจะพิจารณาอะไร ก็ทำไปในนามของประชาชนทั่วประเทศอยู่แล้ว แล้วตัวเองนายเพนกวิน เป็นใคร นางอะไรน่ะผมแดง ๆ น่ะ นางรุ้ง เป็นใคร? ใครสั่งให้มาก่อกวน หรือมาในนามประชาชนจังหวัดไหน ? ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือตามกฎหมายใด ให้มีสิทธิอะไร ? แม้มีพวก ก็เพียงคนไม่กี่คน จะไปเปรียบกับคนของประชาชน97ล้านคนในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างไร? ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ คนไทยเขาก็เข้าใจ ว่า นี่แหละการก่อกวนประชาธิปไตยโดยแท้จริงเป็นโจรประชาธิปไตย ไม่ใช่คิดสร้่างประชาธิปไตยเลย และน่าที่จะมีความผิดร้ายแรง ฐานทำลายประชาธิปไตย .
.หมอนี่ยังไม่รู้อีกนะ ว่า อำนาจทั้ง 3 นั้น แต่ละอำนาจของประชาชนนั้น มีครรลองของมันอย่างไร อย่างนิติบัญญัตินี่ เป็นเรื่องออกกฎหมาย มันมี 2 ฝ่ายเสมอไป ที่มีหน้าที่ทำการตรวจสอบให้กฎหมายออกมาอย่างเป็นธรรมต่อคนทั้งประเทศ คือ ฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน และโดยหลักประชาธิปไตย ให้คนที่มีความเห็นต่างที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เถียงกันได้ คัดค้านกันได้อย่างมีเหตุมีผล
แม้เถียงกันทั้งวันทั้งคืนก็ตาม ไม่มีใครยอมใคร แต่นั่นแหละทำได้ เพียงแต่ไม่ใช่ยกพวกเข้าต่อยตีกันกลางสภา แต่วิธีประชาธิปไตยคือยกมือ ก็ต้องยกมือ ฝ่ายไหนยกมือมากกว่าก็ชนะ ฝ่ายแพ้ก็ยินดีในความพ่ายแพ้ นี่แหละกติกาประชาธิปไตย มีกติกาแบบนักมวยนั่นเอง แต่หมอเพนกวินนี่ ก็อาจจะไม่รู้ แม้ว่าพูดตลอดว่าพวกตนสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตย และการยกมือ(หรือลงคะแนนเสียง)แต่ละครั้ง นั้นเป็นหลักการตัดสินใจหาข้อสรุปของความคิดที่แตกต่าง จึงต้องรู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน จะต้องรู้แพ่ รู้ชนะ รู้อภัย แบบยอมรับกติกาการเมืองเช่นนี้ แบบรู้กติกามวย นั่นเอง มีกติกาการเมืองอย่างไรก็ต้องเข้าใจและยอมรับสิ แต่หมอนี่จะไปเอาชนะท่าเดียว จะก่อม็อบบีบบังคับเอาท่าเดียว โดยไม่คิดว่า สภา
เป็นสถานที่ประชุมของคนตัวแทนของประชาชนทั้ง87ล้านคนทั่วประเทศ โดยที่เมื่อเปรียบกับตนเองแล้ว ตนไร้เกียรติฐานเป็นตัวแทนประชาชนไปอย่างสิ้นเชิง หากไปก่อกวน นั่นแหละเป็นการทำร้ายละเมิดสิทธิของคนอื่น จะไปก็ไปได้ แต่ฟังอย่างเดียว อย่าไปก่อการร้าย นั่น กบฎต่อประชาธิปไตยเลยทีเดียว พอ ๆ กับ การไม่เคารพเสียงส่วนมาก นี่โจรประชาธิปไตยจริง ๆ ที่ชาวประชาธิปไตยจริงมีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องเอาเขาไปไกล ๆ ไปเลยเพื่อไม่ให้ก่อกวนประชาธิปไตยได้ต่อไป@ฆิกเมฆ
ทีนี้คุณก็อาจจะไม่เข้าใจว่า แบบนี้ยกมือทีไรคุณก็แพ้เขาทุกที ฝ่ายพรรคก้าวไกล เพื่อไทย แพ้เขาทุกที แพ้มาตลอด ก็ออกไปด่าว่ารัฐบาลโกง นี่แหละสภาเผด็จการที่ต้องล้มล้างเสียวันนี้ คุณคิดผิดไปเช่นนี้เพราะความไม่รู้ ที่ว่าคิดผิดก็เพราะคุณมองใกล้เกินไป มองไปไกลๆหน่อย และต้องเข้าใจเหตุผลของประชาชนของประชาธิปไตยให้ถูกต้อง และระบบเหตุผลประชาธิปไตยก็คือ ประชาชนเขาอยากให้รัฐบาลมีความมั่นคงและมีเวลาทำงานในแต่ละนโยบายนั้นให้สำเร็จอย่างเต็มที่ ๆ เพราะงานแต่ละนโยบายนั้น มันใช่ว่าทำวันสองวันก็เสร็จเมื่อไร ใช่ว่าทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ต้องทำให้เต็มตามเหตุผลความจำเป็นของมันแต่ละนโยบาย รัฐบาลจึงต้องการความมั่นคง ส่วนฝ่ายค้านนั้น ที่ได้เสียงส่วนน้อยก็เพราะประชาชนไม่ต้องการให้เป็นผู้ทำงานผู้บริหาร แต่ให้เป็นฝ่ายค้าน คือให้มีหน้าที่ของการเฝ้ามองดูตรวจสอบ ไม่ให้ไปเป็นผู้บริหาร ไม่ให้ทำงานไงล่ะแต่ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ ออกไปก็ถามประชาชนว่านโยบายนั้นเขาออกมาทำให้หรือเปล่า ก็ถามไปตลอด ก็หาเสียงตนเองไปด้วยก็ได้ เพื่อคราวหน้าจะได้เสียงส่วนมากเป็นรัฐบาลบ้าง(มีต่อ)
ฉะนั้น ประชาชนจึงออกเสียงให้รัฐบาล โดยได้เสียงมากกว่าฝ่ายค้านเสมอไป ก็โดยระบบก็ให้ฝ่ายที่มีเสียงข้างมากเป็นฝ่ายบริหารเป็นรัฐบาลนั่นเองประเทศจึงจะเดินไปได้ นั่นแหละมีเหตุผลมาเช่นนี้เพื่อที่จะทำนโยบายบริหารไปได้อย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ตกสู่ประชาชนทั้ง87ล้านเต็มที่ไม่กระพร่องกระแพร่งเพราะยกมือแล้วชนะบ้างแพ้บ้าง นั่นเอง ฉะนั้นระบบเช่นนี้จึงเป็นระบบที่จะทำให้นโยบายทุก ๆ นโยบายเดินไปพร้อมกันได้ การบริหารงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติของประชาชนของรัฐบาลพรรคใดก็ตามที่เป็นรัฐบาลจึงจะเป็นไปได้อย่างเต็มที่เจริญก้าวหน้าไปเต็มที่
แต่แค่ลองสมมุติดู ถ้าเป็นแบบที่เสียงสูสีกันมาก อย่างเช่น มหาดไทย ยกมือแล้วรัฐบาลชนะก็ได้ทำนโยบายมหาดไทยไป แต่เกษตรกลับแพ้ คมนาคมแพ้ ก็ไม่ได้ทำไปตามนโยบายที่วางเอาไว้เต็มที่ ก็บกพร่องกะพร่องกะแพร่งไป นโยบายก็แปรไป ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ชนะบ้าง แพ้บ้างไปอย่างนี้ ก็เพราะคิดโง่ ๆ ว่า ให้เราชนะบ้าง แพ้บ้าง ฟังเสียงฝ่ายค้านบ้าง เป็นเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่เลย มันเป็นเรื่องนโยบาย ซึ่ง 2 ฝ่ายอาจจะมีนโยบายตรงข้ามกันเลยก็ได้ จึงแล้วแต่ประชาชนจะเลือกเอาและครั้นประชาชนเลือกแล้ว ก็แน่วแน่ไปตามนโยบายที่ประชาชนสนับสนุน ที่ว่านั้นมันไม่ถูกระบบของมันยังไงล่ะ แต่ประชาชนเขาอยากให้รัฐบาลได้ทำนโยบายทั้งหมดที่เสนอ ให้นโยบายทุกกระทรวงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมเป็นนโยบายทั้งประเทศเดินไปทิศทางเดียวกันและเดินไปอย่างแข็งแรงไม่กระพร่องกระแพร่ง(มีต่อ)
เขาจึงให้รัฐบาลมีเสียงส่วนใหญ่เสมอไป ยกมือสนับสนุนนโยบายใดก็ต้องชนะหมด ซึ่งเป็นหลักการปกติธรรมดา ๆ ว่าด้วยนโยบายการเมือง จะไปโกรธเขาทำไม เราก็ต้องเข้าใจหลักการตามระบบประชาธิปไตยของประชาชนเช่นนี้ แต่หาก อย่างเช่น นโยบายงบประมาณของรัฐบาลที่ยกมือไปทีไร รัฐบาลชนะหมด พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยที่โง่ ๆ ไม่เข้าใจประชาธิปไตยก็โกรธหาว่าเป็นเผด็จการ ออกไปด่ารัฐบาลข้างนอกสภา ปลุกระดมมวลชนด่ารัฐบาลว่าเป็นเผด็จการไป และปลุกระดมประชาชนมาชุมนุม อย่างที่มาเมื่อวานนี้เอง แล้วยังคิดผิดต่อไปอีก อย่างเช่นคิดการใหญ่เดือนตุลาคมอีกเช่นนี้ เป็นการกระทำเพราะความไม่รู้จริง ๆ
แล้วที่ว่าส่งเสริมสร้างประชาธิปไตย จะเป็นไปได้อย่างไร ความคิดมันผิดแต่ต้นแล้ว มันก็มีแต่จะทำลายประชาธิปไตยเสียอีก ฉะนั้นสมมติว่าหากการไปชนะเพียง 2-3 กระทรวง เช่นนี้ การบริหารงานก็บกพร่อง อะไรที่แพ้ก็ทำไม่ได้เต็มที่ เช่นเกษตรแพ้ นี่รัฐบาลก็ทำนโยบายได้ไม่เต็มสมบูรณ์พร่อง ๆ ขาด ๆ เกินๆ มันก็เสียหายแก่ประชาชนชาวไร่ชาวนา ฝ่ายเกษตรไปหมด ฉะนั้น ประชาชนประชาธิปไตยเขาจึงมองเสมอว่า เสียงฝ่ายบริหารนั้น จะต้องได้เสียงส่วนมากเสมอไป การทำนโยบายจึงจะต่อเนื่องไปได้อย่างสมบูรณ์ ฉะนั้น ฝ่ายค้านก็ต้องเข้าใจ และทำหน้าที่ฝ่ายค้านไป(มีต่อ)
ซึ่งตรงนี้ทำได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่องเลยอย่างที่บอกมานั้นเอง และก็ในสภาก็คือ การตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล ตรวจสอบการเงิน ตรวจสอบการตรงไปตรงมาทุจริตคิดมิชอบหรือเปล่า จะเสนอนโยบายไปบ้างก็ได้ แต่เขาไม่เอาไม่รับ เพราะอย่างที่ว่าความคิดของตนๆก็เอาไปทำ คนอื่นเขาก็มีความคิดเขาเขาทำตามความคิดเขา เราก็ทำงานฝ่ายค้านไป นี่แหละงานหนักเหมือนกัน ทีนี้ ก็ 4 ปีมีเลือกตั้งครั้งหนึ่งคุณก็ทำความดีไปสิให้ชนะใจประชาชน ๆเขาก็จะเลือกคุณเอง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องแล้วทำผิดไปเรื่อยวางแผนก่อกวนไปตลอดจนลืมกฎหมายความผิดฐานกบฎล้มล้างชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไป ไปเข้าคุกแทน อะไรประมาณนั้น
ที่ถูกก็คือขณะรออยู่ก็ทำแต่ความดีไป ศึกษาวิจัยนโยบายไป จนกว่าจะได้รับเลือกตั้งเป็นเสียงส่วนมากจากประชาชน ก็จะได้ทำอะไร แบบที่คิดจะทำ เอาแต่ไปด่าเขาอยู่ทุกวันนี้มันไม่ชอบธรรม จะย้อนมาสู่เราเองภายหลัง การที่ฝ่ายค้านยินดียินยอมให้ฝ่ายรัฐบาลวันนี้เขาทำงานบริหารมีฝ่ายรัฐบาลมีฝ่ายค้านในรัฐสภา นั่นแหละ ความเป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีวิธีอื่นแนวทางอื่นที่ดีไปกว่านี้ และซึ่งโลกประชาธิปไตยก็ทำแบบนี้เพราะมันเป็นระบบของมันอย่างนี้@ฆิกเมฆ21กย.630930