รายงาน 19 – 20-21 ก.ย. 2563 บุกธรรมศาสตร์ บุกสนามหลวง บุกทำเนียบองค์มนตรี
โดย ฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
1. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
19 กันยายน เวลา 19:51 น. ·
ตั้งแต่เช้ามาจนถึงเวลานี้ ท่ามกลางฝนปรอยๆ ตามอำนาจโนอึล มีคนมาชุมนุมครึ่งสนามหลวง เย็น ๆ มานี้ เห็นมีผู้นำพรรคมาร่วมงานคนเดียว คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล แล้วไม่นานนัก ปิยบุตร แสงกนกกุล ก็มา มีการถ่ายทอดคำพูดทั้งสองคนนี้ ก็ไม่ทราบว่าพูดอะไรเหมือนกัน แบบว่ามีปากก็พูดไปเรื่อย ๆ แบบนายปิยบุตรนี่ เขาพิจารณาเรื่องตามกฎหมายไทย หมอค้านว่ากฎหมายฝรั่งเศสไม่ผิด ไปโน้น แปลว่าโง่จริงๆ ไม่รู้เรื่องอธิปไตยของชาติเลย นี่ระดับรองศาสตราจารย์หรือเปล่า ?ก็สอนให้นศ.ธรรมศาสตร์โง่ตามไปแบบนี้ ไล่ออกเถอะ
เสียดายจริง ๆ มากันตั้งครึ่งค่อนสนามหลวง เปียกฝนกัน ลำบากเหน็ดเหนื่อย เสียเวลามา เสียเวลาทำการงานอาชีพ มากันทำไม? ยังไม่รู้เรื่องเลย ฝนตกเปียกไปหมด นาย เพนกวิน เยาวชนติดแอก ดูหน้าตาก็เหมือนควายติดแอก ดูโง่ ๆ ถือไมค์อยู่ .... คือ ไม่ทราบว่า เขามาทำอะไรกัน.....เดิมเขาเคยเรียกร้อง 3-4 ข้อคือ 1. ให้ยุบสภา 2. ให้แก้รัฐธรรมนูญ 3. ให้เลือกตั้งใหม่ในเดือนกันยายน 4. อย่าคุกคามประชาชน แล้วก็คงเรียกร้อง 10 ข้อ เรื่องสถาบันนั่นเอง คงพูดตอนดึก ๆ มั้ง
มาวันนี้ไม่รู้จะเรียกร้องอะไร ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ต้องมาเสียเวลาทำมาหากินกันขนาดนี้ เสียเงินเสียทองกันขนาดนี้ และที่สำคัญเสี่ยงต่อโควิด เพียงพบคนเดียวติดโควิด ก็คงต้องเอาคนทั้งหมดที่มาประชุมไปตรวจกันหมด เอาคนทั้งหมื่นไปเก็บ 14 วัน เห็นอะไรไหม ? นั่นแหละความแย่ที่สุดของพวกจัดชุมนุมนี้ แย่จริง ๆ ไม่รู้อะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญ
เรื่องแสดงความคิดเห็นก็อ้างตลอดว่า มีเสรีภาพ ทำไปตามเสรีภาพแสดงความคิดเห็น มันไม่ใช่ตรงนี้หรอก มันอยู่ที่ ความคิดเห็นห่วย ๆ แล้วใครเขาจะฟังล่ะ อย่างจะให้แก้รธน. แต่ให้เลือกตั้งใหม่ ยุบสภา มันก็ไม่รับเหตุผลกัน งานใหญ่ของประเทศชาติทำเล่น ๆ ได้อย่างไร
ขนาดพูดเรื่องการเมือง ยังไม่ถูกเลย น่าไปเรียนหนังสือให้จบก่อน ขนาดจบเป็น ดร. เป็นศาสตราจารย์ธรรมศาสตร์แล้ว ยังไม่รู้การเมืองคืออะไรเลย น่าเบื่อจริง ๆ ไร้สาระจริง ๆ คิดว่า หยุดเถอะ หยุดชุมนุมเถอะ รีบกลับบ้านกลับช่องไปเถอะไปทำงานหาเงินหาทองเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียดีกว่า ปล่อยให้หนุ่มสาวเขาหาความสำราญกันไปก็พอ แล้วตำรวจจะไปตามตัวเองฐานบุกมหาวิทยาลัยเขา
นิสิตนักศึกษาและประชาชน นี่แหละ เขามีกรรมาธิการให้ไปบอกความคับแค้นใจหลายแห่งก็ไปบอกเขาได้ ซึ่งกรรมาธิการ ที่ว่านี้แหละ จะให้เยาวชน นิสิตนักศึกษา ไปเสนอความคิดเห็นได้ ทำตนเหมือน สส.คนหนึ่งนั่นเอง แต่ก็ไม่เอา . ทั้ง ๆ ที่ง่ายดี ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินทอง มาชุมนุมแบบนี้เลย เอาละ อาจจะเป็นการลองก็ได้
โฮย เสียดายเงินทองเวลาเหลือเกิน มาทำไมกัน ? เห็นว่าจะเอาจริงวันข้างหน้าเดือนตุลามั้ง แต่อย่าคิดเลยไม่มีอะไรใหม่หรอก เขาตั้งสภาผู้แทนราษฎรให้ปกครองประเทศแล้วก็ค่อยแต่งแก้ไปสิ แบบไม่ต้องเสียเงินทองอะไรเลยค่อยเป็นค่อยไป ทำอีกชุมนุมอีกก็จะเหมือนวันนี้แหละ เอาละ เลิกชุมนุมเถอะ กลับบ้านกันเถอะ ...@ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์19ก.ย.256319.35 น.
Phayap Panyatharo
19 กันยายน เวลา 14:45 น. ·
มีคนหัวล้าน ๆให้ความคิดเห็นว่า จะแก้ปัญหาวันนี้อย่างไร คนหัวล้าน ๆนั้น จำชื่อไม่ทัน ข่าวไปไว เป็นศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ ในม.ธรรมศาสตร์ ท่านว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องการทหาร ต้องแก้เชิงการเมือง ทหารอย่ามายุ่ง ความเห็นนี้ แสดงว่าท่านไม่เข้าใจการเมืองไง ท่านไม่ทราบเลยว่ามีปัญหาทางการเมืองไทยอย่างไร ขนาดนี้แล้ว อยู่รัฐศาสตร์ด้วย เป็นถึงศาสตราจารย์ด้วย ยังไม่เข้าใจการเมืองเลย และยังไม่เข้าใจ การบริหารการปกครอง ไม่เข้าใจ การทหาร ด้วย ... ก็แบบนี้แหละที่สอนมา ไม่ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่นักศึกษาธรรมศาสตร์
น่าไล่ออกไป น่าโละธรรมศาสตร์ทั้งหมดเสียที จะไปยุให้นักศึกษามันทำไปไม่ถูกกับวิถีทางการเมือง โดยเฉพาะการเมืองระบอบประชาธิปไตย นั่นเอง@ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์19กย.6314.20
Phayap Panyatharo
คือ การเมืองเป็นกรอบใหญ่ มีทุกฝ่ายอยู่ในกรอบใหญ่นั้น ทหาร ตำรวจ พลเรือน รัฐสภา นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ คุณจะไปมองเฉพาะทหารอย่างไร ต้องมองเหตุที่ไปที่มา ทำไมทหารจึงมาจัดการเรื่องทั้งหลาย @ฆิกเมฆ
2. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
มาวันที่ 2 20 กย. แต่เช้าเลย 06.00 น. นึกว่าจะทำอะไร พากันทำพิธีปักหมุดลงที่ขอบ ๆ สนามหลวง นั่นเองบอกว่าหมุดคณะราษฎร์ บอกว่าเป็นของวิเศษ แล้วบอกฤกษ์ดี เอาหมอพราหมมาสวดทำพิธีกันใหญ่ นี่ยิ่งกว่าไร้สาระ
ทำอย่างนี้ไปทำไม ? เคยทำพิธีจุดธูปเทียนเผาพริกเกลือ ร้องขอเทวดามาช่วย ข้างสนามกท.มหาดไทยคราวก่อน ด้วยแนวคิดล้าหลังเหมือนกันนี่แหละ ก็ที่อ้างตนว่าเป็นแนวร่วมธรรมศาสตร์ ก็วิธีโบราณขนาดนี้แล้วธรรมศาสตร์จะล้าหลังจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร นี่แหละที่ธรรมศาสตร์สอนมาผิด ๆ อีก ที่ถึงต้องโละธรรมศาสตร์เสียที
ผู้นำก็นายอานนท์ นำพา นายผริษฐ์ ชีวรักษ์ ...ภาพข่าวรายงาน สนามหลวงว่างไปหมด ฝนยังคลุ้มไปทั่ว คนก็คงอยากกลับบ้านกันละมั้ง มาทำไมหาคำตอบไม่ได้ จริง ๆ แล้วมีข่าว เปลี่ยนเป้าหมายไปอีกเป็น 1. ไล่ประยุทธและพวก 2. ร่างรธน.ใหม่ ต้องแก้ไขทุกมาตรา 3. ปฏิรูปสถาบัน สุดแต่นึกอะไรได้ก็ว่าไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง ไร้สาระจริง ๆ ที่เสนอไว้เดิม ให้ยุบสภาในเดือนกันยานี้ ก็ไม่เอาแล้ว คนโง่พวกนี้ถูกใครหลอกใช้อยู่แท้ ๆ
เสียดาย ผู้มาร่วมชุมนุม เสียเวลา เสียงานการไปหมด เพราะแท้จริง ไม่มีนักศึกษามาเท่าไรเลย มีแต่พวกคนต่างจังหวัด ถูกต้อนระดมมาฝนกำลังตก นากำลังได้เวลาทำกันทั่วประเทศ รีบกลับบ้านเถอะ ข้อเสนอ ของคนโง่พวกนี้ ก็เห็นแล้วว่า โง่ ๆ และ ซ้ำมีผิดกฎหมายร้ายแรงที่เกี่ยวกับกบฎ ล้มล้างสถาบันไปอีก
3. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
ก็ 8 โมง 15 นาที ว่าจะไม่ไปทำเนียบรัฐบาลแล้ว แต่จะไปถวายฎีกาในหลวง 3 ข้อเรียกร้อง ตามข่าวntVนะ คนก็ออกมาเต็มสนามหลวง เปรียบกับคราวก่อน ๆ ก็เยอะเหมือนกัน คราว 14 ต.ค. 16 นั้น ก็มากกว่านี้คราวนั้นล้นธรรมศาสตร์ออกมา ข้ามสะพานมัฆวานรังสรรค์ และโดน ฮ. กราดยิง โดนฝ่ายเผด็จการกั้นตามถนนราชดำเนิน เริ่มรุนแรงกันที่หน้ากรมประชาสัมพันธ์ ไปถนนราชดำเนิน นั่นเป็นเรื่องหลัง
แต่วันนี้รัฐบาลมองประชาธิปไตยจริงจังแบบประชาธิปไตย และสันติธรรม กระนั้นการป้องกันความสงบของประเทศชาติ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล จนขณะนี้ ก็มีการเคลื่อนของพวกเข้าชุมนุมไปตามลำดับ ไม่มีการขัดขวาง แต่เป้าหมายที่จะไปยื่นฏีกานี่แหละ อะไรกันแน่ ...แต่แน่ ๆ จะไปเผชิญหน้าพระเจ้าแผ่นดินไทยอย่างนั้นหรือ? ก็คือบอกถึงเป้าหมายเดิม ที่พูดกันอย่างถล่มเวทีเมื่อ 10 ส.ค.2563 นั่นเอง ...เอาละ ที่เห็นรอ ๆ มา ก็เห็นได้ว่า รอคำสั่งภายนอกที่สั่งการลึกลับ มาจากไหน นั่นแหละ....อย่าคิดว่า เขาจะไม่รู้ ...
เอาละ วิ่งแล้ว.วิ่งสู่เป้าหมาย แถวตำรวจที่รักษาการณ์ เป็นแนวยาว นั่นเป็นยุทธวิธีเลยละ เขาเรียนรู้มาจากไหน ? นี่เป็นวิธีการหนึ่งของการชุมนุมและก่อการร้าย?
4. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
เอาละ รู้เขารู้เรา ที่ซุนวูสอนรู้ความลับของข้าศึกรบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง นี่บอกอะไร บอกว่า ฝ่ายเดินขบวน ทำงานแบบการยึดแผนยุทธการนั่นเอง ปกปิดแผนตนมาตลอด ปกปิดแม้กระทั่ง มารอสูรตนใดอยู่เบื้องหลังคำสั่งและท่อน้ำเลี้ยงพวกนี้ แต่ความจริงที่ประชาชนคนไทยยอมรับไม่ได้ก็คือ เรื่องสถาบันนั้นเอง สถาบันกษัตริย์จะต้องอยู่คู่คนไทยคู่พระพุทธศาสนา เป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คนไทยเขาพอใจอยู่ในสายเลือดของเขาอย่างนี้จึงได้ชื่อว่า คนไทย
5. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
ก็รายงานสดของเนชั่น22เขา ขบวนมาเผชิญหน้ากัน ผบ.ชน. มารับ นางรุ้ง ตัวแทนฝ่ายชุมนุม ไปส่งหนังสือให้ตัวแทนพระราชวัง ต่อไป ข่าวพาดหัวว่า ตร.ยอมเปิดทางให้ตัวแทนยื่นถวายฏีกากับองค์มนตรี ก็นี่แหละแผนลับเพิ่งมาเปิดเผยให้คนไทยทราบ นี่แน่นอน ย่อมพาดพิงไปถึง แผนชั้นสูงสุดของฝ่ายนั้น ที่มีต่อสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
6. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
แต่ที่เห็นมาตลอดที่น่าตกใจมาตลอดก็คือ #การเบียดเสียดยัดเยียดกันอย่างแน่นหนาของฝ่ายที่มาชุมนุมกันตั้งแต่วันแรก และแม้วันนี้ เวลานี้ พวกนี้ก็ไม่มีการสวมหน้ากาก กลายเป็นคนสองฝ่ายที่เห็นชัดเจน ฝ่ายหน้ากากกับฝ่ายไม่มีหน้ากาก ฝ่ายตำรวจ เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการของประชาชนทั้งชาตินั้น เขาเป็นฝ่ายที่สวมหน้ากาก ที่สวมหน้ากากป้องกันโควิดเป็นฝ่ายรัฐบาลของประชาชนและพวกเขาล้วนพูดจาอ่อนหวาน นุ่มนวลแก่ประชาชน ในแบบ คตินักรบฝรั่ง ที่ว่า The modest is the bravest ผู้สุภาพที่สุดคือผู้กล้าหาญที่สุด แต่อีกพวกหนึ่งหน้าว่างไปหมด ไม่กลัวภัยโควิดกันเลย แบบกล้าหาญแบบโง่เขลา
นี่ต่างหากที่ทำให้การชุมนุมครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมเสียเลย คิดทำลายชาติแบบที่เปิดประตูธรรมศาสตร์ให้โควิดเข้าระบาดในประเทศไทยอย่างนั้นหรือ ไม่คิดถึงภัยของประเทศชาติกันเลย ไม่มองมหันตภัยของโลกทั้งโลกกันเลย
และเมื่อมาถึงบัดนี้แล้ว ทางแก้ก็คือ ยื่นความคิดเห็นไปแล้ว ก็รีบสลายมวลชนเถอะ ป้องกันโควิดอย่างเร่งด่วนเลย พากันกลับบ้านเถอะ ไปทำไร่ทำนากัน พอดีกับโนอึลเอาฝนมาให้ทั่วประเทศ นี่ดีกว่านะ มีอะไรเรื่องเศรษฐกิจ ก็ใช่คนต่างประเทศจะช่วยได้ รัฐบาลนี่แหละเขามีแผนและได้มีคติไทยช่วยไทยตลอดมาอยู่แล้ว...เอาละ รู้ไว้หน่อยก็ดี ประชาธิปไตยไทยเกิดขึ้นยาก ก็เพราะไทยเราไม่มีเสรีภาพเสรีชนอันแท้จริง ความเป็นคนทาสของเรายังถูกควบคุมอยู่ แม้พวกที่มาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนี้เอง ยิ่งกว่าทาส ทาสเงิน ทั้งนั้น......
∞∞∞∞∞
7. (ภาพ)ฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
เขานัดไปสภาวันที่ 23-24 ก.ย.ที่สภาจะประชุมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายเพนกวินบอกให้พรรคพวกที่มาชุมนุมหยุดงานทั่วประเทศ ทำไม?
8. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
เขาจะมาก่อกวนแบบที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ลูกศิษย์ธรรมศาสตร์คนนี้ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ
ก็สภาเขาเป็นสภามีสส. ที่เป็นตัวแทนประชาชนทั่วประเทศ87ล้านคน เขาจึงเรียกว่า สภาผู้แทนราษฎร ยังไง เขาจะพิจารณาอะไร ก็ทำไปในนามของประชาชนทั่วประเทศอยู่แล้ว แล้วตัวเองนายเพนกวิน เป็นใคร นางอะไรน่ะผมแดง ๆ น่ะ นางรุ้ง เป็นใคร? ใครสั่งให้มาก่อกวน หรือมาในนามประชาชนจังหวัดไหน ? ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือตามกฎหมายใด ให้มีสิทธิอะไร ? แม้มีพวก ก็เพียงคนไม่กี่คน จะไปเปรียบกับคนของประชาชน97ล้านคนในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างไร?
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ คนไทยเขาก็เข้าใจ ว่า นี่แหละการก่อกวนประชาธิปไตยโดยแท้จริงเป็นโจรประชาธิปไตย ไม่ใช่คิดสร้างประชาธิปไตยเลย และน่าที่จะมีความผิดร้ายแรง ฐานทำลายประชาธิปไตย ..
หมอนี่ยังไม่รู้อีกนะ ว่า อำนาจทั้ง 3 นั้น แต่ละอำนาจของประชาชนนั้น มีครรลองของมันอย่างไร อย่างนิติบัญญัตินี่ เป็นเรื่องออกกฎหมาย มันมี 2 ฝ่ายเสมอไป ที่มีหน้าที่ทำการตรวจสอบให้กฎหมายออกมาอย่างเป็นธรรมต่อคนทั้งประเทศ คือ ฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน และโดยหลักประชาธิปไตย ให้คนที่มีความเห็นต่างที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เถียงกันได้ คัดค้านกันได้อย่างมีเหตุมีผล
แม้เถียงกันทั้งวันทั้งคืนก็ตาม ไม่มีใครยอมใคร แต่นั่นแหละทำได้ เพียงแต่ไม่ใช่ยกพวกเข้าต่อยตีกันกลางสภา
แต่วิธีประชาธิปไตยคือยกมือ ก็ต้องยกมือ ฝ่ายไหนยกมือมากกว่าก็ชนะ ฝ่ายแพ้ก็ยินดีในความพ่ายแพ้ นี่แหละกติกาประชาธิปไตย มีกติกาแบบนักมวยนั่นเอง แต่หมอเพนกวินนี่ ก็อาจจะไม่รู้ แม้ว่าพูดตลอดว่าพวกตนสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตย และการยกมือ(หรือลงคะแนนเสียง)แต่ละครั้ง นั้นเป็นหลักการตัดสินใจหาข้อสรุปของความคิดที่แตกต่าง จึงต้องรู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน จะต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย แบบยอมรับกติกาการเมืองเช่นนี้ แบบรู้กติกามวย นั่นเอง มีกติกาการเมืองอย่างไรก็ต้องเข้าใจและยอมรับสิ
แต่หมอนี่จะไปเอาชนะท่าเดียว จะก่อม็อบบีบบังคับเอาท่าเดียว โดยไม่คิดว่าสภาเป็นสถานที่ประชุมของคนตัวแทนของประชาชนทั้ง87ล้านคนทั่วประเทศ โดยที่เมื่อเปรียบกับตนเองแล้ว ตนไร้เกียรติฐานเป็นตัวแทนประชาชนไปอย่างสิ้นเชิง หากไปก่อกวน นั่นแหละเป็นการทำร้ายละเมิดสิทธิของคนอื่น จะไปก็ไปได้ แต่ฟังอย่างเดียว อย่าไปก่อการร้าย นั่น กบฎต่อประชาธิปไตยเลยทีเดียว พอ ๆ กับ การไม่เคารพเสียงส่วนมาก นี่โจรประชาธิปไตยจริง ๆ ที่ชาวประชาธิปไตยจริงมีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องเอาเขาไปไกล ๆ ไปเลยเพื่อไม่ให้ก่อกวนประชาธิปไตยได้ต่อไป@ฆิกเมฆ
9. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
ทีนี้คุณก็อาจจะไม่เข้าใจว่า แบบนี้ยกมือทีไรคุณก็แพ้เขาทุกที ฝ่ายพรรคก้าวไกล เพื่อไทย แพ้เขาทุกที แพ้มาตลอด ก็ออกไปด่าว่ารัฐบาลโกง นี่แหละสภาเผด็จการที่ต้องล้มล้างเสียวันนี้ คุณคิดผิดไปเช่นนี้เพราะความไม่รู้ ที่ว่าคิดผิดก็เพราะคุณมองใกล้เกินไป มองไปไกลๆหน่อย และต้องเข้าใจเหตุผลของประชาชนของประชาธิปไตยให้ถูกต้อง
และระบบเหตุผลประชาธิปไตยก็คือ ประชาชนเขาอยากให้รัฐบาลมีความมั่นคงและมีเวลาทำงานในแต่ละนโยบายนั้นให้สำเร็จอย่างเต็มที่ ๆ เพราะงานแต่ละนโยบายนั้น มันใช่ว่าทำวันสองวันก็เสร็จเมื่อไร ใช่ว่าทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ต้องทำให้เต็มตามเหตุผลความจำเป็นของมันแต่ละนโยบาย รัฐบาลจึงต้องการความมั่นคง ส่วนฝ่ายค้านนั้น ที่ได้เสียงส่วนน้อยก็เพราะประชาชนไม่ต้องการให้เป็นผู้ทำงานผู้บริหาร แต่ให้เป็นฝ่ายค้าน คือให้มีหน้าที่ของการเฝ้ามองดูตรวจสอบ ไม่ให้ไปเป็นผู้บริหาร ไม่ให้ทำงานไงล่ะแต่ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ ออกไปก็ถามประชาชนว่านโยบายนั้นเขาออกมาทำให้หรือเปล่า ก็ถามไปตลอด ก็หาเสียงตนเองไปด้วยก็ได้ เพื่อคราวหน้าจะได้เสียงส่วนมากเป็นรัฐบาลบ้าง(มีต่อ)
10. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
ฉะนั้น ประชาชนจึงออกเสียงให้รัฐบาล โดยได้เสียงมากกว่าฝ่ายค้านเสมอไป ก็โดยระบบก็ให้ฝ่ายที่มีเสียงข้างมากเป็นฝ่ายบริหารเป็นรัฐบาลนั่นเองประเทศจึงจะเดินไปได้ นั่นแหละมีเหตุผลมาเช่นนี้เพื่อที่จะทำนโยบายบริหารไปได้อย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ตกสู่ประชาชนทั้ง87ล้านเต็มที่ไม่กระพร่องกระแพร่งเพราะยกมือแล้วชนะบ้างแพ้บ้าง นั่นเอง
ฉะนั้นระบบเช่นนี้จึงเป็นระบบที่จะทำให้นโยบายทุก ๆ นโยบายเดินไปพร้อมกันได้ การบริหารงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติของประชาชนของรัฐบาลพรรคใดก็ตามที่เป็นรัฐบาลจึงจะเป็นไปได้อย่างเต็มที่เจริญก้าวหน้าไปเต็มที่ แต่แค่ลองสมมุติดู ถ้าเป็นแบบที่เสียงสูสีกันมาก อย่างเช่น มหาดไทย ยกมือแล้วรัฐบาลชนะก็ได้ทำนโยบายมหาดไทยไป แต่เกษตรกลับแพ้ คมนาคมแพ้ ก็ไม่ได้ทำไปตามนโยบายที่วางเอาไว้เต็มที่ ก็บกพร่องกะพร่องกะแพร่งไป นโยบายก็แปรไป ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ชนะบ้าง แพ้บ้างไปอย่างนี้ ก็เพราะคิดโง่ ๆ ว่า ให้เราชนะบ้าง แพ้บ้าง ฟังเสียงฝ่ายค้านบ้าง เป็นเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่เลย มันเป็นเรื่องนโยบาย ซึ่ง 2 ฝ่ายอาจจะมีนโยบายตรงข้ามกันเลยก็ได้ จึงแล้วแต่ประชาชนจะเลือกเอา
และครั้นประชาชนเลือกแล้ว ก็แน่วแน่ไปตามนโยบายที่ประชาชนสนับสนุน ที่ว่านั้นมันไม่ถูกระบบของมันยังไงล่ะ แต่ประชาชนเขาอยากให้รัฐบาลได้ทำนโยบายทั้งหมดที่เสนอ ให้นโยบายทุกกระทรวงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมเป็นนโยบายทั้งประเทศเดินไปทิศทางเดียวกันและเดินไปอย่างแข็งแรงไม่กระพร่องกระแพร่ง(มีต่อ)
11. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
เขาจึงให้รัฐบาลมีเสียงส่วนใหญ่เสมอไป ยกมือสนับสนุนนโยบายใดก็ต้องชนะหมด ซึ่งเป็นหลักการปกติธรรมดา ๆ ว่าด้วยนโยบายการเมือง จะไปโกรธเขาทำไม เราก็ต้องเข้าใจหลักการตามระบบประชาธิปไตยของประชาชนเช่นนี้
แต่หาก อย่างเช่น นโยบายงบประมาณของรัฐบาลที่ยกมือไปทีไร รัฐบาลชนะหมด พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยที่โง่ ๆ ไม่เข้าใจประชาธิปไตยก็โกรธหาว่าเป็นเผด็จการ ออกไปด่ารัฐบาลข้างนอกสภา ปลุกระดมมวลชนด่ารัฐบาลว่าเป็นเผด็จการไป และปลุกระดมประชาชนมาชุมนุม อย่างที่มาเมื่อวานนี้เอง แล้วยังคิดผิดต่อไปอีก อย่างเช่นคิดการใหญ่เดือนตุลาคมอีกเช่นนี้ เป็นการกระทำเพราะความไม่รู้จริง ๆ แล้วที่ว่าส่งเสริมสร้างประชาธิปไตย จะเป็นไปได้อย่างไร ความคิดมันผิดแต่ต้นแล้ว มันก็มีแต่จะทำลายประชาธิปไตยเสียอีก
ฉะนั้นสมมติว่าหากการไปชนะเพียง 2-3 กระทรวง เช่นนี้ การบริหารงานก็บกพร่อง อะไรที่แพ้ก็ทำไม่ได้เต็มที่ เช่นเกษตรแพ้ นี่รัฐบาลก็ทำนโยบายได้ไม่เต็มสมบูรณ์พร่อง ๆ ขาด ๆ เกินๆ มันก็เสียหายแก่ประชาชนชาวไร่ชาวนา ฝ่ายเกษตรไปหมด
ฉะนั้น ประชาชนประชาธิปไตยเขาจึงมองเสมอว่า เสียงฝ่ายบบริหารนั้น จะต้องได้เสียงส่วนมากเสมอไป การทำนโยบายจึงจะต่อเนื่องไปได้อย่างสมบูรณ์
ฉะนั้น ฝ่ายค้านก็ต้องเข้าใจ และทำหน้าที่ฝ่ายค้านไป(มีต่อ)
12. Phayap Panyatharoฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์
ซึ่งตรงนี้ทำได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่องเลยอย่างที่บอกมานั้นเอง และก็ในสภาก็คือ การตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล ตรวจสอบการเงิน ตรวจสอบการตรงไปตรงมาทุจริตคิดมิชอบหรือเปล่า จะเสนอนโยบายไปบ้างก็ได้ แต่เขาไม่เอาไม่รับ เพราะอย่างที่ว่าความคิดของตนๆก็เอาไปทำ คนอื่นเขาก็มีความคิดเขาเขาก็ทำตามความคิดเขา ก็เรื่องอะไรจะมาทำตามความคิดของเราล่ะ เราก็ทำงานฝ่ายค้านไป นี่แหละงานหนักเหมือนกัน
ทีนี้ ก็ 4 ปีมีเลือกตั้งครั้งหนึ่งคุณก็ทำความดีไปสิให้ชนะใจประชาชน ๆเขาก็จะเลือกคุณเอง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องแล้วทำผิดไปเรื่อยวางแผนก่อกวนไปตลอดจนลืมกฎหมายความผิดฐานกบฎล้มล้างชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไป ไปเข้าคุกแทน อะไรประมาณนั้น ที่ถูกก็คือขณะรออยู่ก็ทำแต่ความดีไป ศึกษาวิจัยนโยบายไป จนกว่าจะได้รับเลือกตั้งเป็นเสียงส่วนมากจากประชาชน ก็จะได้ทำอะไร แบบที่คิดจะทำ เอาแต่ไปด่าเขาอยู่ทุกวันนี้มันไม่ชอบธรรม จะย้อนมาสู่เราเองภายหลัง
การที่ฝ่ายค้านยินดียินยอมให้ฝ่ายรัฐบาลวันนี้เขาทำงานบริหารมีฝ่ายรัฐบาลมีฝ่ายค้านในรัฐสภา นั่นแหละ ความเป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีวิธีอื่นแนวทางอื่นที่ดีไปกว่านี้ และซึ่งโลกประชาธิปไตยก็ทำแบบนี้เพราะมันเป็นระบบของมันอย่างนี้@ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ 21กย.630930
∞∞∞∞∞