(23 ก.ย.ฆิกเมฆ 63))เหมือนพวกเยาวชนปลดแอกที่อ้างนศ.ธรรมศาสตร์ระดมพลมาชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย.2563 เร่ิมจากบุกธรรมศาสตร์ที่เขาไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ชุมนุม โดยใช้อำนาจตัดกุญแจคล้องประตูทั้งด้านสนามหลวงและท่าพระจันทร์เข้าไปตั้งหลัักที่สนามบอลเดิม แล้วก็ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงว่าบุกมาชุมนุมกันทำไม ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามาทำไม แล้วทำความยากลำบากแก่ตำรวจเขาที่คอยดูแลความปลอดภัยให้ แล้วไม่นานก็ยกพวกไหลออกมาสู่สนามหลวง กว่าจะชุมนุมกันได้ก็ยากลำบาก เพราะโดนพายุถล่มพอดี ไม่มีเวที เอารถมาเป้ฯเวที แล้วก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามาทำไม พอถึงเช้า หกโมงก็ทำพิธีฝังหมุดที่เรียกว่าหมุดคณะราษฎร์ หรืออะไรของพวกเขานี่แหละที่ผิดกฎหมายโบราณสถานด้วย ทางกทม.กรมศิลป์ และ กท.ศธ.จะเอาเข้าคุกอยู่ ่ แล้วก็พากันไป พระราชวัง ไปศูนย์องค์มนตรี ไปยื่นหนังสือ ที่เรียกว่าฏีกาถึงในหลวงนู้นนะ แบบคนไทยผู้รักในหลวงว่า ไม่เจียมเลยนั่นแหละ แล้วก็พากันเลิกไป เพราะไม่มีคน เดิมจะไปทำเนียบ แต่ไม่มีคนก็เลยรีบไปพระราชวัง รีบยื่นฏีกา ไม่งั้นคนจะหนีกลับไปหมด มีนางผมแดง ๆนางรุ้ง พูดอะไรก็ไม่รู้ แบบที่คิดว่าตนเป็นวีรสตรี ...
เรื่องเหล่านี้แท้จริงแล้วนับว่าเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ มีแบบนี้มาตลอดต่อเนื่องมาไม่หยุดนับแต่มีพรรคการเมืองที่ชื่อ อนาคตใหม่เกิดขึ้นมาถึงพรรคก้าวไกลวันนี้ ...แล้ววันนี้ 23ก.ย. ที่สภา มีการประชุมรวมกันทั้งสว.กับ สส. มีทั้งหมด เป็นรัฐสภา รวมทั้งหมด 737 คน วันนี้มีสว.มา 232 คน สส.362 คน (รวม สว. สส. 594 คน) ก็พิจารณาร่างญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ญัตติ ...ก็ว่ากันไป แบบเดียวกับประชุมท้องสนามหลวง19-20ก.ย.นั่นเอง คือ พูดอะไรกันไป ๆ ค่อนข้างไร้สาระ พูดกันไปทั้งวันจนถึง 00.32 น.จึงปิดประชุม และพวกสนามหลวงวันนั้นก็มาอยู่ในสภาวันนี้ก็เยอะ ดูเหมือนพวกพรรคก้าวไกลที่มาจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทยนั่นแหละ ก็คงสืบนิสัยพรรคไปเหมือนเดิม คือมีแต่ก่อกวนมีวาทะ ที่เขาพูดวิชาการและประวัติกัน แต่นี่พูดแบบเด็ก ๆ ไม่เป็นวิชาการเลย มีแต่ออกเสียงร้อง ว่าไปตามตรรกะไร้ข้อเท็จจริง เช่นไปว่ารัฐบาลเผาบ้านบ้านเผาเมือง เขากำลังพยายามดับไฟ ถอนฟืนออกจากเตา เอาความดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น แบบการโฆษณาชวนเชื่อไปแบบนี้ตลอดมาแบบไม่มีข้อเท็จจริงเลย จนมีการประท้วงไปเยอะ
แบบองค์กรเลว ที่ไปตั้งองค์กรนักเรียนเลวตนก็เลวด้วยนั่นเอง และมักคิดว่าตนเป็นเด็กยุคใหม่ การเมืองก็ต้องปรับใหม่ มองฝ่ายอื่น โดยเฉพาะมอง สว.ว่าเป็นคนตกยุคเอาไปไล่สว.ออกไปอย่างไร้เหตุผล อย่างเช่น พอเสรี สุวรรณภานนท์ สว.พูดแล้วไปกดดัน ไปทำให้หันเหเสียสมาธิไป ถึงขั้นต่อว่ากันว่าจะถอนหงอกคนแก่ อะไรประมาณนั้น พูดไปถึงว่าพ่อผมตายไปแล้ว รอคุณเสรี อยู่ และพวกนี้มักจะเข้าใจเรื่องพูดจาเสียดสี ปมด้อยคนอื่นดีจริงๆ ทำให้คนแก่แม้ประธานสภานายชวน หลีกภัย ยังสะดุ้งกับคำว่าถอนหงอกคนแก่ นี่แหละพรรคก้าวไกลเขาเอามาใช้ต่อสู้ทางวาทะวาจามา นับแต่การโฆษณาชวนเชื่อทางโซเซียลออนไลน์มาตลอด ทำให้สภาลดฐาะคนดีคนมีภูมิธรรมมีความเป็นสภาบัณฑิต หรือกัลยาณชน ลงไปเยอะ และ นี่แหละทำให้การประชุม ที่ว่า เหมือน ๆ กับการชุมนุมที่สนามหลวง 19-20 กย.นั่นเลย คือเสียเวลาพูดกันเยอะไปหน่อย น่าจะรีบ ๆ จบกันเสีย พูดอะไรไปก็ซ้ำ ๆ ซ้อน ๆ
อย่างเช่นนายสุทิน คลังแสง พรรคเพื่อไทยนี่ พูดไม่เข้าหลักการไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิงที่ไปพูดเรื่องขออ้อนวอนให้ พล.อ.ประยุทธ ลาออกเถอะเพราะท่านเป็นคนทำชั่วมาตลอดอะไรประมาณนี้ และซึ่งคนๆนี้ไม่เคยมองเหตุมองผล ไม่เคยมองกติกาการเมือง และไม่เคยมองตนเอง เขาจะออกหรือไม่ออกมันเป็นไปตามกติกา ไม่ใช่คุณจะไปอ้อนวอนว่า คุณทำชั่วมาเยอะแล้ว ลาออกเถอะ เชื่อผมเถอะ แบบยกตัวเองเก่งกาจมาในสภาอะไรรู้หมดแบบนั้นมันต้องพูดกันแบบมีเหตุมีผล นั่นแหละคนมีจิตอิจฉาริษยาอย่างแท้จริง ...เอาละ ก็พอเถอะ พอลงคะแนนอะไรก็รีบ ๆ ลงไป แก้หรือไม่แก้ก็พอ ๆ กัน เพราะนักการเมืองไทย ก็ทำได้อย่างนี้เองน่ะสิ ดีที่มีคนเข้มแข็งมาเป้ฯรัฐบาลดูแลทั้งหมดให้สงบเดินหน้าไปเรื่อย ๆ เราในฐานะประชาชนประชาธิปไตยผู้อยู่เหนือนักการเมืองก็พูดออกมาให้รู้กันบ้าง@ฆิกเมฆ ณ เมฆินทร์ 24 ก.ย.63 10.20