พรรคการเมืองเองเป็นผู้สร้างปัญหาการเมืองขึ้นเอง
ตลอด 88 ปีมาแล้ว
(ฆิกเมฆณ ณเมฆินทร์)
พอรัฐบาลประยุทธ์ ผ่านมติรัฐสภา มีหน้าที่บริหารงานของประเทศไป 4 ปี เพื่อนำประเทศและประชาชนไปสู่ความรอดปลอดภัยดีงาม มีเศรษฐกิจกิจดี ก้าวหน้าทันโลก แต่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน กลับไม่ยอมให้บริหารงานไปโดยสิทธิของรัฐบาล มีการต่อต้านในสภา ผสานไปกับการต่อต้านนอกสภามาตลอด โดยพรรคการเมืองฝ่ายค้านนั้นเองหนุนหลังม็อบครั้งต่างๆ มาตลอดจนถึงวันนี้
นั่นแหละความไม่ถูกต้องและความไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ที่เห็นได้ถึงการไม่เป็นประชาธิปไตยของพรรคฝ่ายค้าน เป็นสิ่งที่ปฏิบัติไปนอกหลักการประชาธิปไตย เอาความเห็นแก่ตัวมาเป็นบรรทัดฐานการเมือง จึงนำไปสู่ความวุ่นวายมาตลอด
การที่ปรากฎว่า รัฐบาลประยุทธ สามารถพาประชาชนและการสาธารณสุขไทยทั้งชาติ เอาโควิด-19 อยู่ จนแม้ขณะนี้ โลกทั้งโลกตกสู่อันตราย ถึงขนาดวันนี้วันเดียว(วันที่ 17 ต.ค.2563) มีรายงานโลกทั้งโลกติดเชื้อถึง 4 แสนคน ในขณะที่ไทยยังเอาโควิดอยู่ มีผู้ติดเชื้อเพียงหลักสิบ มีคนตายไปเพียง 59 ศพเท่านั้น ขณะที่โลกทั้งโลกตายไปแล้ว ล้านกว่าศพ ดูเป็นเหตุที่เห็นได้ชัดเจนว่า พรรคการเมืองฝ่ายค้านขาดน้ำจิตน้ำใจ ขาดอารยธรรมประชาธิปไตยไปอย่างแท้จริง แสดงถึงความหวั่นเกรงว่าฝ่ายตนจะตกต่ำลงในความนิยมของประชาชน มีความอิจฉาริษยา (กลัวคนอื่นจะได้ดิบได้ดีกว่าตน) เกรงฝ่ายรัฐบาลจะได้รับความนิยมได้ดีได้ชนะในเสียงประชาชนต่อไปอีก
ซึ่งนั้นเองบอกถึงความไร้ธรรมะที่ทำลายความเจริญของประเทศชาติทั้งทางด้านการเมืองและสังคมวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากพฤติกรรมของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่พยายามปลุกระดมมวลชนให้ออกมาชุมนุมทั่วประทศอยู่ขณะนี้นั่นเอง โดยไม่คิดถึงภัยโควิด-19อันร้ายแรงของโลกของประเทศในขณะนี้เลย เห็นได้ถึงเจตนาโดยตรง ที่พรรคฝ่ายค้าน มีเจตนาโดยตรงที่จะให้เกิดการระบาดอย่างร้ายแรง ทำลายประชาชนไทยทั้งประเทศอย่างร้ายแรงเพียงใดยิ่งดี ให้เกิดขึ้นเช่นนี้ให้ได้ เพื่อผลที่ฝ่ายตนจะได้เอาไปโจมตีรัฐบาลต่อไปถือเป็นเหตุไล่รัฐบาลได้ง่ายขึ้นและฝ่ายตนได้เข้ามาเป็นใหญ่แทน
นั้นแหละความคิดของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่คิดไปแบบไร้ธรรมะไปอย่างสิ้นเชิง ...ยังมีอีกหลายเรื่องที่พรรคฝ่ายค้านไทย ขณะนี้ ได้ออกมารุนหนุนม็อบการเมือง โดยเฉพาะผู้นำการเมืองนอกสภา เช่นคณะก้าวหน้าที่นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตรแสงกนกกุล และนางพรรณิการ์ วาณิช รวมทั้งพรรคการเมืองในสภาพรรคก้าวไกล ที่นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรากฎตัวเบื้องหลังม็อบมาตลอด รวมทั้งวิ่งเต้นประกันตัวผู้ต้องหาคดีทำร้ายสิทธิของสมเด็จพระบรมราชินีไทยขณะเสด็จผ่านมาในที่ชุมนุมม็อบ ในเหตุการณ์วันที่ 13-14 ต.ค.2563 ที่คนไทยทั้งประเทศพากันห่มเหลืองมารำลึกวันสวรรคตของพ่อภูมิพลอดุลยเดชมหาราชของพวกเขาเต็มกรุงเทพมหานครนั่นเอง นับแต่ม็อบปฏิรูปล้มล้างสถาบัน วันที่ 10 ส.ค.2563 ที่มีอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์+ร่วมลงชื่อ 105 คน และเป็นผู้วางโครงงานปลุกระดมมวลชนล้มล้างสถาบันกษัตริย์มาตลอด
โดยพยายามนำไทยไปแบบฮ่องกงโมเดล โดยมุ่งหมายสร้างไทยเป็นสาธารณรัฐสยาม ออกสัญลักษณ์ชูมือ 3 นิ้ว ซึ่งหนึ่งในสามข้อนั้นคือ การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั่นเอง( เป็นหลักฐานชั่วร้ายชัดเจนพร้อมเอาความผิดอยู่แล้ว) พยายามสร้างแบบแผนอันชั่วร้ายของม็อบต่างๆ ขึ้นมา นับแต่ม็อบที่จะก่อตั้งขึ้นรวดเร็วเมื่อใดก็ได้ที่เรียกว่า แฟลชม็อบ รวมทั้งการไปปลุกระดมให้ความรู้ที่ผิด ๆ แก่เยาวชนนิสิตนักศึกษาที่มีประเด็นทางศีลธรรมทางศาสนาเข้ามาร่วมอย่างไม่ละอายใจเลย นั่นคือการสร้างม็อบเยาวชนเลว (องค์การนักเรียนเลว เพื่อให้กล้ากระทำความชั่ว หรือแม้ถูกนำไปทำอะไรก็ได้ แม้เรื่องทางเพศ อย่างที่นางรุ้งผมสีแดง-ฟ้าพาทำไป ให้ลืมเรื่องพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ไปให้หมดสิ้น) นั่นเอง อันเป็นแผนการปั่นป่วนมาแต่ระดับครอบครัว และโรงเรียนถึงเยาวชนระดับมหาวิทยาลัย ไทยทั้งประเทศ และซึ่งเกิดผลร้ายทางการปกครองประเทศมาตลอดถึงวันนี้ ...ซึ่งประสานกันกับพรรคก้าวไกลในรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎรในทางต่อต้านรัฐบาล มาตลอด...
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังแสดงออกถึงความพอใจในรัฐบาลประยุทธและไม่เอาพรรคก้าวไกล พรรคนายพิธา นายธนาธร รวมทั้งพรรคทักษิณ ดังจะได้พบว่า แม้ว่ามีการเลือกตั้งซ่อมหลังการมีรัฐบาลแล้วถึง 6 ครั้ง(นับแต่ 24 มี.ค. 2562ที่มีการเลือกตั้ง) 6 จังหวัด ที่ฝ่ายรัฐบาลชนะมาตลอดทั้ง 6 ครั้ง พรรคฝ่ายค้านดังกล่าวแพ้ทั้ง 6 ครั้ง นั้นบอกถึงประชาชนนั้นเอง แต่พรรคฝ่ายค้านกลับไม่แสดงความเคารพในมติของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งมาจริงๆ แต่อย่างไรเลย ซ้ำในการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร พรรคฝ่ายค้านแพ้ไปถึง 2 เรื่องใหญ่ ๆ โดยเฉพาะเรื่องการให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นของเยาวชน นิสตนักศึกษา ประชาชน เปิดสภาให้เยาวชน นิสิตนักศึกษาประชาชนมาแสดงความคิดเห็น..ที่ท่านจะเห็นว่าเรียกร้องกันจริงๆทำนองว่าอยากแสดงความคิดความเห้ฯจริง ๆ แต่ไม่มีความจริงใจจริง ๆ ในเรื่องให้รับฟังความเห็นของผู้ที่คิดต่าง มาแสดงความคิดเห็นประการใดใดก็ได้ นั้น พรรคฝ่ายค้านไม่ยอมให้ตั้ง กก.วิสามัญนี้ จนต้องลงคะแนนเสียงกันแล้วฝ่ายค้านแพ้มตินี้
ซึ่งหมายความว่า ฝ่ายค้านนั้นเองโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลของนายพิธา ธนาธร ที่เน้นการรับฟังเสียงประชาชนนั้นเอง กลับไม่คิดรับฟังความเห็นของเยาวชนนิสิต นักศึกษา นั่นเอง การไม่ยอมรับมติที่ตนแพ้ ซึ่งยังไม่สำนึกว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย
ถึงขั้นยุบพรรคการเมือง แล้วมีลักษณะปฏิบัติการแบบโง่เขลาต่อมาอีกเช่นเดียวกันถึง2 ครั้ง(ที่ท่านผู้ฟังต้องเข้าใจว่า นี่แหละเป็นความโง่ในประชาธิปไตยของนักการเมืองไทย วงการเมืองไทยมหาวิทยาลัยไทยนั่นเอง) ไม่ยอมรับ ถึง 2 รายการสำคัญ พากันว็อลคเอาท์ก่อนปิดประชุมสภา แบบไม่ยอมหยุดถวายความเคารพองค์พระมหากษัตริย์เสียก่อน(ท่านประธานสภาขอว่าให้หยุดเคารพการปิดประชุมเสียก่อน ก็ไม่ยอมทำความดีตรงนี้) นี่คือ การไม่เคารพหลักการประชาธิปไตยของพรรคการเมือง และนี่เองที่ไปสร้างม็อบต่อสู้นอกรัฐสภาผสานกันไป จนถึงวันนี้ ...
วันนี้ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านเริ่มสร้างปัญหาขึ้นอีกแล้ว นี่แหละ น่าทบทวนความจริง 88 ปี ปัญหาประชาธิปไตยไทย การเมืองไทย มาจากพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งนั้น แย่งกันเป็นใหญ่แบบไร้สติกันอย่างแท้จริงนั่นเองซึ่งก็น่าจะคิดได้ว่าแบบนี้ประชาธิปไตยไทยจะเจริญไปได้อย่างไร มันก็วนมาสู่แบบเดิมจนได้ และวันนี้เพียงพรรคการเมืองฝ่ายค้านคิดปฏิบัติตามหลักการประชาธิปไตยเท่านั้นเอง ปัญหาก็จะลุล่วงไปง่ายๆ นั่นคือท่านต้องเข้าใจและยอมรับเรื่องสิทธิของรัฐบาลเขา ต้องปล่อยให้รัฐบาลบริหารงานไปให้ครบ4 ปีก่อน นั่นเป็นสิทธิของรัฐบาลและทั้งเป็นหน้าที่ ของรัฐบาล ที่ตกมาสู่เขาทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล เข้าใจไหม? ให้เขาแสดงความสามารถไปอย่างเต็มที่ โดย ท่านไม่ต้องไปกีดกัน ไม่ไปขัดขวางทั้งการสร้างม็อบการเมืองนอกสภาเช่นนี้ แบบนี้แหละ ก็จะมีการสร้างสรรค์สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชชนทุกฝ่ายได้อย่างเต็มที่
ก็ หากไม่เช่นนั้นแล้ว ประเทศชาติและประชาชนจะได้อะไรจากการมีรัฐบาล(พรรคไหนก็ตาม) เพราะมีรัฐบาลแล้ว รัฐบาลก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เต็มที่เลย นั่นเองเป็นเหตุ เป็นผล ที่ต้องมองดู แล้วเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ฝ่ายค้าน ที่มีความดี ความสามารถที่แท้จริง ก็คงจะได้รับการรับรองจากประชาชนเองได้เป็นรัฐบาล จากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ นี่แหละประชาธิปไตย วิถีประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ต้องมีการสร้างสรรค์ และที่จะทำให้ประชาธิปไตยเดินไปได้ หยุดเถอะ หยุดข้อหาที่ว่า พรรคการเมืองเองเป็นผู้สร้างปัญหาการเมืองขึ้นเอง ตลอด 88 ปีมาแล้ว และคราวนี้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ใครเลย พรรคการเมืองฝ่ายค้านนั้นเอง ซึ่งกำลังจะเลยไปไกลนอกการเมืองในระบบรัฐสภาไปอีก นั่นคือ ไปถึงระบบสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งเมื่อเลยไปถึงจุดนั้น เราก็ขอให้พิจารณาว่าต้นเหตุนั้นมาจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านทั้งสิ้น ประชาธิปไตยไทย ต้องไม่มีพรรคการเมืองแบบนี้ต่อไป เพราะถึงมี อย่างที่มีอยู่ นั่นแหละหนอนบ่อนทำลายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และนั่นแหละ ตัวการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างแท้จริง ดูความจริงเถอะ มาตั้งใจกันจริง ๆ เถอะ พร้อมธรรมะในดวงใจกันทุกคน ทุกอย่างจะง่ายไปหมด @ฆิกเมฆณ ณเมินทร์ 19 ต.ค.2563 14.25