มารนั้นเป็นภาษาโบราณสำหรับให้เกิดความเข้าใจว่า เป็นสิ่งที่อันตรายแก่เรา หากมีมารมาหมายความว่า หากทำความชั่วๆจะนำไปสู่ผลชั่วนั่นเอง ในทางที่เราจะได้ประโยชน์จริง ๆ ต้องเข้าใจว่วา มารนี้ป็นนามธรรม ไม่ใช่มีรูปร่างเป็นยักษ์ตัวโตใหญ่มาหาเรา หากแต่หมายถึง ความชั่ว หากเราต้องการไปไกลจากมาร เราก็ทำความดี อย่าทำชั่ว ซึ่งการทำดีนี้ แท้จริงก็คือการที่เราหมั่นขยันขันแข็งแบบไม่มีความขี้เกียจ ไล่สิ่งที่ว่าความขี้เกียจไปจากเราให้หมด ให้มีแต่ความขยันมันก็จะมีความขยันขึ้นมาแทนความขี้เกียจ เท่านี้เอง ความขยันนั้นก็จะเป็นนิสัยของเรา ไปทำอะไร ทำมาหากิน ทำอาชีพอะไร แม้แต่เด็ก ๆ ก็ขยันในการเรียน การศึกษา หรือทำอะไรไปอย่างขยันขันแข็ง แม้ในการงานอาชีพเราก็ขยัน คิด ขยันทำ ขยัน ไปทุกอย่าง แม้กระทั่งการพักผ่อนหลับนอนก็ทำไปแบบจิตใจขยัน อย่าพักผ่อน หลับนอนไปแบบขี้เกียจ นี่เอง ทำให้ร่ำรวย และการประกอบอาชีพใดก็ตาม ขยันทำไปแบบทำอาชีพที่สุจริตล้วน ๆ นั้นเอง มุ่งไปร่ำรวยเลยแบบสุจริตแบบใช้สติปัญญา จนรวย จนสำเร็จตามเป้าหมาย นั้นแหละ การปฏิบัติธรรมที่ล้ำเลิศอยู่เอง สำหรับคนยุคนี้ ดีกว่าไปนั่งเฉยๆ ในป่าที่เรียกว่าทำสมาธิ หรือ อะไรโดดเดี่ยว หรือรวมหมู่กันนั่งเฉย ๆ เสียเวลาไปหลายวันหลายคืนเปล่าๆ มาทำงานการอาชีพเราแบบสุจริต และทำไปอย่างไร้ความขี้เกียจ นั่นแหละมารที่แท้จริง จงสังหารมันเสีย สังหารมารความขี้เกียจ ให้หมดสิ้น ก็จะเหลือแต่ความขยัน ทำงานการของเราไป ที่สุดก็สำเร็จมรรคผลได้พร้อมๆ กับงานของเราที่สำเร็จลงตามเป้าหมาย ได้เป็นเศรษฐีได้งานดีธุรกิจก้าวหน้า ครอบครัวมีความสุข และครอบครัวเป็นคนขยันตาม ๆ กัน นั้นเองการปฏิบัติธรรมที่ดีเลิศ ด้วยการฆ่ามารคือความขี้เกียจเสีย ก็จะได้พบแต่ความสำเร็จความร่ำรวยอย่างแน่นอน และเป็นทางแห่งความสำเร็จ แห่งความสุข ทางเดียวกับทางมรรคผล นิพพานของพระพุทธเจ้าเลย
1
-
ถูกใจ
- ·
ตอบกลับ
- · 2 วัน