@เอาละปิดประชุมแล้ว ตั้งแต่ 09.30 น. มาถึง 22.00 น. นายสุทิน คลังแสง มาสรุปความคิดของฝ่ายฝ่ายตนฝ่ายค้านในเรื่องเดียวจริง ๆ ว่าเพียงนายกรัฐมนตรีลาออกไปเท่านั้นเองประเทศไทยก็จะดีขึ้น โดยกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีเป็นเผด็จการครองอำนาจมา6ปีแล้วทำอะไรไม่เป็นเลย ว่าเป็นวิถีทางประชาธิปไตย และไม่เพียงแต่นายสุทิน ทั้งหมดพรรคเพื่อไทย นับแต่หัวหน้าพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวหน้า เป็นต้นมา
ไม่ได้มีข้อเสนออะไรเลย สรุปลงอย่างเดียวทั้ง 2 วันสั้น ๆ ว่าพล.อ.ประยุทธ ต้องลาออก ปัญหาอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธแท้ ๆ ที่เป็นตัวสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ เพราะความโง่ ทำงานไม่เป็น ตลอด 6 ปีที่ดำรงตำแหน่งมาไม่เคยทำอะไรเลย แค่หวงอำนาจ วางแผนสืบอำนาจต่อไปให้นานที่สุด จึงขอให้ลาออกเสียเปิดทางให้ประเทศไทยเดินทางไปได้ ก็แก้ปัญหาได้
ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย นั่นไม่ใช่หรอก ไม่สอดคล้องหลักทฤษฎีประชาธิปไตย เขาจะคอยฟัง อยู่ ๆ ใครจะบอกให้ออกก็ออกได้อย่างไรเช่นม็อบ ข้างถนนออกคำสั่งให้ลาออกไปจากตำแหน่ง ก็ให้ออกไปอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่ เหตุผลก็คือนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ได้มีอิสรภาพของตนเอง เขาผูกพันกับพรรคการเมืองของเขา พรรคที่ี่ร่วมเป็นรัฐบาลกับเขา ที่ต้องทำงานตามนโยบายร่วมกันของพวกเขา คือพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ฯ ที่เป็นรัฐบาลอยู่ขณะนั้น จะทำอะไรที่มีผลต่อคณะรัฐมนตรี ต่อพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอยู่ ต่อนโยบายที่มีผลตรงต่อประชาชนอยู่ แบบง่าย ๆได้อย่างไร
ซึ่งในทางประชาธิปไตยนั้น แท้จริงทำไม่ได้อย่างนั้น ไม่มีแบบอย่างให้ลาออกแบบที่จะไล่กันออกง่าย ๆ คิดเอาง่าย ๆ แบบนี้ อย่างพรรคเพื่อไทยที่ระดมความคิด ด่าว่าให้ประยุทธลาออกแบบง่าย ๆ แบบที่สั่งให้ทำไปแบบไม่เข้าใจเลย ที่ี่หาว่าเขาทำอะไรไปไม่เป็นไม่ถูกต้องสารพัดข้อกล่าวหาทั้งพรรคทั้งนักการเมืองของพรรคทุกคน รวมทั้งม็อบของตนนอกสภานั้นเลย ซึ่งมันไม่ถูกหลักการประชาธิปไตยเลย แต่อ้างว่าถูกหลักการ
นั่นคือไปมองที่เขาไม่ทำตามข้อเสนอของเรา ไม่ทำแบบเรา หรือเขาไม่ทำแบบที่เราคิดให้นั้นเอง ในแบบที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าถูกต้อง หรือแบบที่กล่าวหาเขาว่าเขาทำไม่เป็น นั่นแหละ เรื่องของ นโยบายการเมือง เข้าใจไหม? เอาละคุณมีสิทธิเสนอให้เขาลาออกโดยเหตุผลว่าเขาไม่ทำตามคุณ ไม่ทำอย่างเดียวกับที่คุณคิด ซึ่งคุณน่าจะเข้าใจว่า นั่นแหละปัญหานโยบายการเมือง ตัวอย่างก็คือ เรื่องโควิด-19 ที่พรรคฝ่ายค้านคิดไม่ตรงกับฝ่ายรัฐบาล และการอภิปรายที่แสดงออกมาเหมือนคิดแบบ แบบทรัมพ์ แบบอเมริกา แบบบราซิล คือ มองว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ๆ ไม่เคยบอกให้พรรคพวกของตนระวัง ให้ปิดหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ดูจากที่ชุมนุมแต่ละครั้ง ที่เห็นว่าไม่เคยมีการเตือนกันเลย นั่นเอง เพื่อเอาเรื่องเศรษฐกิจ ไม่มีการระมัดระวัง มองว่าทำอย่างเดียวกับไข้หวัดใหญ่ก็ได้ เรื่องให้ยกการ์ด การ์ดอย่าตกคุณพรรคเพื่อไทย ก้าวไกลนี่แหละกลับไปว่าไม่ทันสมัยเด็กเยาวชนยุคใหม่ไม่เอาอย่างนั้นไปอีก ออกไปทำงานทำการเศรษฐกิจดีกว่า
เพราะเหตุนี้ทางฝ่ายรัฐบาลเขากลับมีการปิดล็อค มีการให้บังคับให้สวมหน้ากาก มีการระมัดระวังระยะห่างกัน ล้างมือบ่อย ๆ มีการออกคำสั่งออกไปแบบฉุกเฉิน คุณไปหาว่าพรรครัฐบาลเขาทำเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องลาออก นั่นแหละ นโยบาย เป็นเรื่องที่ความคิดของใครคนนั้นก็เอาไปทำเอง คุณเสนอให้รัฐบาลทำ เขาไม่ทำ เพราะเขามีนโยบายของเขาอย่างเช่นโควิดเขาก็มีนโยบายปิดหน้ากากทำระยะห่าง และ ล้างมือ เป็นนโยบาย ที่เขาทำมา แต่คุณเสนอว่า ให้ปลดล๊อค ไม่ให้ควบคุมเพื่อให้มีเศรษฐกิจดี นี่เป็นนโยบาย ที่คุณจะต้องเอาไว้ทำเองเมื่อได้เป็นรัฐบาล
นโยบายของเขาก็มีของเขา และซึ่งเขาทำมาได้ผลเต็ม 100% ขนาดนี้แล้ว เขาจะไปเอาความคิดของคุณมาทำทำไม และทำไมคุณจะต้องไปโกรธเขา ที่ถูกคุณนั้นแหละ มีนโยบายอะไรดี ๆ ที่คุณว่าดี นั่นแหละ คอยเก็บเอาไว้ทำเมื่อคุณได้เป็นรัฐบาล เมื่อชนะการเลือกตั้ง4ปีข้างหน้า นี่ไงประชาธิปไตย พรรคการเมืองย่อมมีนโยบายของตน ทำตามนโยบายของตน นโยบายของคุณ ความคิดของคุณๆก็เอาไปทำเอง เสนอให้เขาเขาไม่เอาก็อย่าไปโกรธแค้นเขา คอยแต่จะไปไล่เขาอยู่ตลอดปีตลอดชาติ โดยไม่ถูกหลักการประชาธิปไตย ที่เขาให้รัฐบาลทำงานไป 4 ปีเต็มๆก่อนค่อยมีการหาเสียงตั้งรัฐบาลใหม่ ของคุณๆ ก็เอาไปทำเองคราวได้เป็นรัฐบาลสิ จะไปโกรธเขา กล่าวหาเขาว่าทำงานไม่เป็นได้อย่างไร ต้องเข้าใจว่าทำงานกันคนละนโยบาย ถึงจะถูกต้อง ปล่อยให้เขาทำงานไป4ปีสิ ให้เขาทำเต็มที่ อย่าไปขัดขวางเขา จะได้ทำประโยชน์แก่ประชาชนได้เต็มที่ และครั้นครบ 4 ปี ค่อยมาหาเสียงสู้กันเป็นรอบๆ ไป จะไปคอยแต่ปลุกระดมมวลชนไปไล่เขาออกทำไม เขาเป็นพรรครัฐบาล มีนโยบาย มีความคิดของเขา
และเรื่องโควิด ก็ปรากฎว่านโยบายเขาประสบความสำเร็จ คุณก็อย่าไปอิจฉาริษยาเขา แล้วพยายามขัดขวางเขาทุกอย่างกลัวจะได้ดิบได้ดี ได้ความนิยมกว่าจากประชาชนทั้งประเทศ แน่ละ มีทางที่คุณจะแพ้เขาอีกแน่คราวเลือกตั้งคราวหน้า เขาจะไม่จำเป็นต้องไปเอานโยบายที่คุณเสนอเลย แล้วคุณจะไปโกรธเขาทำไม และด่าว่าเขาทำไม ที่เขาไม่ทำตามความคิดของคุณ ความคิดของใครก็ของคนนั้นทำเอง อย่าไปมองว่าที่เขาคิดไม่เหมือนเรา หมายความว่าเขาโง่ ไม่ฉลาดเหมือนเรา แต่นั่นแหละ นโยบาย เข้าใจไหม ? ของใครของมัน
ฉะนั้น เมื่อเขาไม่ทำอย่างเดียวกับเรา อย่างเดียวกับที่เราคิดเราเสนอเขา จะไปมองว่าเขาโง่ ไม่ได้ เขามีความคิด มีนโยบายของเขาเขาก็ทำตามความคิดของเขา ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองก็ทำนโยบายของตนที่แตกต่างกันเสมอไปเช่นนี้ นั่นแหละประชาธิปไตย นอกจากนั้น คุณก็ไปไล่เขาออกไปอย่างไม่มีความผิด และเข้าใจผิดไปจริง ๆ ว่ามีสิทธิไล่เขา โดยหาเรื่องมาไล่เขาออกเมื่อใดก็ได้เวลาใดก็ได้ตลอดปีตลอดชาติว่าเป็นประชาธิปไตย นั้น ไม่ใช่หรอก และคุณก็ยังไม่เข้าใจอีกว่า
เขามีสิทธิเต็มที่ที่จะไปสนใจข้อเสนอของคุณหรือไม่ก็ได้ แม้ขนาดว่าทำผิดไปจริง ๆ เขาก็มีสิทธิไม่ลาออก ไล่ก็ไม่ออก นี่เป็นสิทธิ์ ดูตัวอย่างอเมริกาสิเอา บิล คลินตั้น ก่อน โดน อิมพีชเมนต์ จากข้อหาไปทำอนาจาร นักศึกษาสาวมาดูงานในทำเนียบ ที่โด่งดังไปทั่วโลก (เขาเองก็ยังบอก นสพ.เลยว่า It tasted good มันอร่อยดี) สภาตั้งข้อกล่าวหา ถึงไล่ออก แบบพรรคเพื่อไทยนี่แหละ ตั้งข้อกล่าวหาแรงเลย คือ ให้ไล่ออก ( Impeachment) เพราะเขาไม่ลาออก นั่นเองทั้ง ๆที่มีความผิดขนาดนั้น ทางสภาเขาจึงเอาเข้าพิจารณา แต่ก็รอดชนะเสียงส่วนมาก ไล่ออกไม่ได้ อยู่ต่อมาอีกถึง 2 สมัย และคนล่าสุดก็นายโดนัล จอห์น ทรัมพ์ สภาเขายกมือไล่ โดนอิมพีชเมนต์เหมือนกัน และ สภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนเสียงฝ่ายไล่ออกชนะไปแล้ว แต่เมื่อเข้าวุฒฺิสภา ๆ ไม่ผ่าน ทรัมพ์จึงอยู่เป็นประธานาธิบดีต่อมา ถึงวันนี้ ที่กำลังจะเลือกตั้งใหม่ 3 พ.ย.63นี้เอง นี่คือเรื่องการไล่ฝ่ายบริหารออกจากตำแหน่ง เขาไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆอย่างที่นายสุทิน คิด มันไปเกี่ยวกับพรรคการเมือง มันเสียชื่อไปถึงพรรคการเมือง ซึ่งเขาจะต้องโอบอุ้ม ไม่มีการลาออกเองอย่างแน่นอน
และที่สำคัญ มันมีเหตุมีผล มาจาก นโยบายการเมือง นโยบายพรรค ที่ทำอยู่ ที่รับผิดชอบอยู่ ที่ต้องบริหารไปให้ครบวาระการอยู่ในตำแหน่ง มีนโยบายของเขา เช่นโยบาย โควิด นี่แหละ เขายังรับผิดชอบต้องทำต่อไป จะปล่อยให้พรรคฝ่ายค้านไล่ออกไม่ได้ นโยบายของพรรคฝ่ายค้าน จะทำก็ต้องให้ได้เป็นรัฐบาลเก็บไว้จนกว่าจะได้เป็นรัฐบาล จึงค่อยเอาความคิดตน นโยบายของตน ที่เอาไปด่าว่าเขาทำไม่เป็นนี่แหละมาทำ นั่นแหละประชาธิปไตย ไม่ใช่เหตุผลที่เขาไม่ทำผลงาน ไม่ทำแบบที่เราเสนอเขาไปนั้น มันเป็นนโยบายของพรรคของคุณ พรรคฝ่ายค้าน เขาไม่ทำไม่รับความคิดของคุณๆ ก็จะไปกล่าวว่าเขาทำงานไม่เป็น ไม่ทำงานไม่ได้ เพราะตามหลักประชาธิปไตยแล้ว ความคิดของใคร คนนั้นก็เอาไปทำ เขาไม่เอา ไม่ทำตามความคิดของคุณ จะไปหาว่าเขาทำงานไม่เป็นไม่ได้ @สุไหงปาดี ชินะกุล27 ต.ค.2563 23.55