@มาพูดเรื่องประชาธิปไตยกันไปเรื่อย ๆ นะครับ อังกฤษเขาเป็นประชาธิปไตยอย่างไรนี่ เข้าใจกันไหม? มีบางคนเลยทีเดียวไม่เข้าใจ อเมริกาเป็นประชาธิปไตยไหมครับ? มีบางคนไม่รู้คำตอบ...ถึงขนาดว่าอเมริกาไม่เป็นประชาธิปไตยก็มี ขนาดศาสตราจารย์ไทยนะครับ บอกว่า จีนเป็นประชาธิปไตยแบบจีน ก็ยังมี ลูกศิษย์จะไม่หลงไปสุด ๆ ได้อย่างไร ...หรือบางคนก็บอกไปว่า ประชาธิปไตยมีหลายชนิดมีแบบประชาธิปไตยอเมริกา เป็นแบบเฉพาะของแต่ละประเทศ ว่าไปนั่น คือนั่นแหละไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย ..
แต่ผมเองชอบอังกฤษ อเมริกามาก ชอบที่อังกฤษเขามีการเมืองการเลือกตั้งเขา แล้วพรรคการเมืองเขา มีจริยธรรมสูง มีความเคารพเชื่อถือในผลการเลือกตั้ง เขามี 2พรรคคือ พรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรคขุนนางพรรคคนเก่าแก่สืบทอดวัฒนธรรมเดิมมา เป็นพรรคหลักครองอำนาจมาตลอดแบบหาคู่แข่งไม่ได้ ล่าสุด ก็ยุคสงครามฟอลกแลนด์ ่นางมากาเรตแธตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หลายสมัย รวมแล้วถึง 18 ปี ซึ่งหมายความว่า เขาชนะการเลือกตั้งมาถึง 3-4 สมัย แต่ฝ่ายค้านเขาก็สู้ แบบแพ้มาตลอด 18 ปี เขาก็ยังไม่บ่น ไม่ไปปลุกม็อบเดินขบวนไปตามถนนหนทางแบบม็อบปัญญาอ่อนเมืองไทยเลย แต่เขาสร้างผลงาน มาจนที่สุดชนะใจประชาชนด้วยความดี ด้วยความสามารถของฃเขา จึงได้รับการเลือกตั้งชนะพรรคอนุรักษ์นิยม ก็ พรรคแรงงาน นั่นเอง โทนี่ แบลร์ ชนะต่อมาถึง 3-4 สมัย 16 ปี พรรคอนุรักษ์นิยม จึงคืนมาชนะอีกจนถึงทุกวันนี้นายบอริส เยนซิล เป็น นายกรัฐมนตรีพรรคอนุรักษ์นิยม
ดูพรรคการเมืองเขา มีวินัยกันขนาดไหน ไม่คิดเห็นแก่ตัวกันขนาดไหน มีธรรมะซึ่งแท้จริงพุทธธรรมนั่นเองเขาเคร่งกว่าไทยที่อ้างว่าเป็นพุทธเสียอีก แต่ที่ไทยเป็นเช่นนี้เพราะไม่เข้าใจประชาธิปไตยทั้งนั้นเลย เช่นนายอานันท์ ปัญญารชุนออกมาพูดวันนี้ ว่ารัฐธรรมนูญ 60 เป็นต้นเหตุเดินขบวน สว.เป็นต้นเหตุเดินขบวน ซึ่งมองแบบให้รู้ผิด ๆ ไปยุเด็ก ๆ มัน ...นั่นไม่ใช่ต้นเหตุหรอกครับ ต้นเหตุคือการไม่เข้าใจขั้นตอนประชาธิปไตย แล้วทำไปไม่ถูกขั้นตอนประชาธิปไตย เรายังเป็นประชาธิปไตยไม่เต็มใบไงครับ แต่ก็ต้องถามว่าทำไมจึงไม่เอาเต็มใบ ก็เพราะมันยังเอาไม่ได้ นั่นเอง ขืนเอาประชาธิปไตยเต็มใบ ก็จะทำแบบเต็มใบไม่ได้ ต้องเอาแค่ครึ่งใบไปก่อน เข้าใจไหมครับ ? เป็นเรื่องกาละเทศะ เกี่ยวกับปรระชาชนด้วย
คือ อย่างนายอานันท์ ปัญญารชุนนั่นแหละ ท่านพูด รธน.60 มันเป็นต้นเหตุ เพราะมันไม่เป็นประชาธิปไตย นั่นพูดผิดไปนะครับ และผมว่าเมื่อคนใหญ่คนโตระดับนี้พูดผิด พอ ๆ กับพวกนิสิต นักศึกษา มันฟังครู อาจารย์พูดผิด ๆ มันก็ออกมาพูด ทำไปผิด ๆ เดินขบวนไปอย่างผิด ๆ นั่นแหละ
โดยไม่รู้ว่าผิดอย่างไรถูกอย่างไร พูดผิด ก็ไปให้คนอื่นทำผิดไป ขนาดใหญ่โตแล้วยังไปพูดไม่รู้เรื่อง นี่ มีมากเลย ถึงบอกว่า ด้อยพัฒนาไปหมด
ทีนี้ก็มาดูกันอย่างนี้ก่อน รธน. 60 มันพอใช้ได้ ไม่ใช่ว่าจะไปมองว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยเลย มันเป็นประชาธิปไตยอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว เอาละ ทางรัฐบาลเอง โดยฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ จันทโอชา ท่านก็บริหารงานไปตามรธน. 60 นั่นแหละ ก็มาดูกันหน่อยว่า รธน.60 นี้ ใครเขียนขึ้นมา ก็่ท่านมีชัย ฤชุพันธ์ นั่นแหละ ผมว่า ท่านมีชัย นี่แหละ ท่านร่างมาแบบที่ว่าให้เกิดความเหมาะสม น่ะ คือ เอาประชาธิปไตย 50 % ก็เอาไปก่อน แค่ให้เดินไปได้ก่อน เดินไปได้แค่นี้ก็เอาก่อน
คือใช่ว่าจะไม่รู้ว่ามันไม่ดีตรงไหน เลวตรงไหน แบบที่ม็อบเขาว่ามานั้นแหละ ใช่ว่าไม่รู้ เพียงแต่มันยังไม่เหมาะแก่กาละเทศะ ไม่เหมาะแก่สถานะของประชาชน นักการเมือง นั่นเอง .....จึงให้ค่อยเรียนค่อยปฏิบัติประชาธิปไตยไตยไป
เช่น ให้ฝึกหัดกันในเรื่องการใช้สิทธิของตนเองก่อน รู้จักออกมาใช้สิทธิของประชาชน ให้เข้าใจฐานะของเสรีชน ลงประชามติไปได้ 16 ล้านเสียงสนับสนุนรธน. 60 ก็เอาไปอ้างได้ว่าเป็น รธน.ประชาชนเป็นประชาธิปไตยเพราะประชาชนให้การรับรอง ก็รอดตัวไปไงครับ แต่ที่ดีคือฝึกหัดออกเสียงกัน ก็ได้เรียน ได้ฝึกหัดปฏิบัติกันทั้งประเทศ ให้ไปใช้สิ่งที่เรียกว่า อำนาจเต็มตัวของคนไทยแต่ละคน 1 คน 1 เสียง แบบเสรีชน คือฝึกหัดการเป็นเสรีชน ไม่เอาเสียงไปขาย แบบที่ขายกันเป็นประจำ ถึงขนาดเป็นแบบเป็นวัฒนธรรมกันเลยว่า1เสียงขายได้เป็นสินค้าประจำตัวสำหรับขายมีรายได้คราวมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าเลือกผู้ใหญ่บ้านกำนันอบต. อบจ. เทศบาล สุขาภิบาลขายได้หมด จนติดปากไปเลยรู้กันไปเลยว่า เงินไม่มากาไม่เป็น นี่แหละสิ่งที่เลวของประชาชนไทย ต้องให้ฝึกหัดทดลองดู แล้ว ยังจะไปทดลองต่อไปหน่อยในการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่ง กกต.กำหนดแล้วคือ
อบจ. หรือการเมืองท้องถิ่นระดับต่อไปตาม ๆกันไป แบบที่ฝ่ายค้านด่ามาตลอดว่ารัฐบลาไม่เอาการเมืองท้องถิ่นนั่นแหละ
คุณไม่คิดหรือว่า การเมืองท้องถิ่นนั้น เดี๋ยวนี้ใช้ระบอบประชาธิปไตยไปหมดเลย เพียงแต่เรายังทำไม่เป็น เลือกตั้งแบบไม่เป็นแบบไร้ศักดิ์ศณีเสรีชนไปหมด คือไม่เข้าใจอำนาจการเมืองของตัวเราแต่ละคน ที่เรียกว่าเสรีชนนั้น หากแต่ไปขายเสียง เอาเสียงไปเป็นสินค้าขายได้เงินทุกทีมีการเลือกตั้ง แล้วนั่นก็พัง เราต้องปลุกจิตสำนึกตรงนี้ขึ้นมาให้ได้ ให้เต็มที่เลย แบบอังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น เขาให้ได้ แต่ขณะนี้แหละ เราไม่ได้ฐานะเสรีชนเลย ยังเป็นทาสการเงินของนักการเมือง ในและนอกประเทศอยู่ เราไม่คิดว่าเป็นอำนาจที่มีเกียรติ์ 1 คน 1 เสียง ไม่สำนึกเลยว่า เราต้องมีสิ่งนี้จึงจะเป็นประชาธิไตยได้โดยสมบูรณ์
แม้กระทั่งการออกมาชุมนุมของม็อบปลดแอก หรือ อะไรนี่แหละ มีการออกมาเองหรือเปล่า ? เปล่าเลย การปลุกระดมทางไอที เฟส ที่เรียกว่าสื่อโซเซียล นี่แหละ มีเงินเป็นปัจจัยตัวดึงดูดทั้งสิ้น ลองมองดูดีๆ ล้วนแต่มีเบื้องหลังเรื่องถูกซื้อออกมาทั้งนั้น นี่แหละมันไม่พร้อมที่จะเป็นเสรีชน แล้วนักเรียน นักศึกษาที่ออกมา ก็ใครล่ะไปปลุกใจให้เข้าใจผิดไปทำบาปทำเลวอะไรก็ได้ ใครไปปลุกให้รวมกันเป็นเป็นองค์การนักเรียนเลว ซึ่งต้องถือว่าใครก็ตามไปสอนให้คน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่มันไม่รู้อะไรมาก ให้มองว่า ความเลวทำได้เลย นี่ ถือว่าเป็นคนเลวจริง ๆ และกรรมจะสนองเขาโดยที่ลูกหลานเขาเองจะเลว แบบที่เขาสอนนั้นเอง คอยดูเถอะ นี่แหละ เราเลยต้องฝึกหัดประชาธิปไตยไป ให้คนไทย นักวิชาการไทย นักการเมืองไทย รู้ประชาธิปไตยอย่างถูกต้องจริงๆ
และล่าสุดก็ฝึกหัดฝ่ายค้านในสภาเอง ก็ดูสิ สภาที่ปรากฎ มันไม่ต้องถามหรอกว่าเป็นประชาธิปไตยหรือเปล่าถามว่าเป็นสภาของสุภาพบุรุษ คนดี คนเป็นบัณฑิตกันหรือไม่ ไม่มีลักษณะอย่างนั้นเลย(จึงเสมือนเป็นที่รวมของคนวิปริตทางจิตประเภทหนึ่งเท่านั้นเอง) ล่าสุดที่เห็นมา นับแต่ผ่านการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 มา ได้รัฐบาลได้ฝ่ายค้านแล้ว ในสภาประชุมกันแต่ละครั้ง เหมือนไม่ใช่สภาของมนุษย์ เป็นสภาของสัตว์สี่เท้าที่ใช้เสียงเห่าหอนไปตาม ๆ กัน ของฝ่ายค้าน
และล่าสุด ก็ยกระดับไปถึงเลือดถึงเนื้อ โดยนายวิศาล พรรคเพื่อไทย อภิปรายไปแบบด่าเขาข้างเดียวแล้วจบลง เอามีดกรีดแขนตนเอง ถึงขนาดนั้น ก็ฝ่ายค้านอีก โดยไม่รู้ว่าทำไปทำไม ถึงไม่เข้าใจประชาธิปไตยแต่ธรรมดา ๆ นี่แหละถามตนดูบ้างว่า ได้กับเสียอะไรจะมากกว่ากัน .....เช่นนี้แหละ ที่ว่า ยังไม่ต้องเอาเต็มใบ เอาแค่พอทำไปได้ก่อน และถ้าหากจะเอาเต็มใบ ก็ไม่เห็นต้องไปใช้เงินทองอะไร เป็นหมื่น ๆ ล้านบาท ให้ท่านมีชัย ฤชุพันธ์ แก้ให้ก็ได้ คราวนี้ก็ให้แก้ยกระดับขึ้นไปเป็นประชาธิปไตย 75 % อย่าพึ่งให้ถึง 100 % เพื่อให้คนคุ้นไปเรื่อย ๆ ก่อน สัก 5-6ปี ค่อยแก้ไปเต็มใบ ก็จะง่าย ๆ ไปเอง แล้ว ไปดูเรื่อง อบจ. อบต.และ เทศบาล สุขาภิบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อน ว่าทำได้ดีเพียงไหน แล้วค่อย แก้ รธน. ให้เป็น 100 % ประชาธิปไตย ดีไหมล่ะครับ ?
เอาละ มีการชุมนุมกันไปอีก โดยไม่คิดขออนุญาตให้ถูกกฎหมาย ซึ่งนี่แหละเวลาทำไม่คิดผิดคิดถูก เอาตามใจแบบนี้ ก็ไม่ใช่ประชาชนดี มองแบบประชาธิปไตยก็เป็นการทำลายสิทธิของผู้อื่นเขาอย่างมากมายเลยไม่รู้จักคิด เป็นการทำลายล้างสิทธิของคนอื่น ไร้จิตใจจริงๆ นั้นแหละสัจธรรมจริยธรรมประชาธิปไตย ที่ต้องอยู่ในสำนึกของเสรีชนเสมอ แม้กระทั่งตำรวจ ก็น่าจะคิดถึงเขาบ้าง ตำรวจไทยปฏิวัติมามากจริงๆ สัก40ปีหลังไปดูสิ ทำไมไอ้เสือทั้งหลายมันไม่ยอมมอบตัวมีแต่สู้แบบถวายชีวิต เพราะยุคนั้นตำรวจเขาไม่เหมือนวันนี้นั่นเอง วันนี้เขากลายเป็นตำรวจที่ผู้ร้ายไม่เกรงกลัวเอาเสียเลยแต่นั่นแหละเขามีประสิทธิภาพสูงเยี่ยม แบบวันสลายม็อบคราวประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 14 ต.ค.63 นั้นเอง วันที่ม็อบทำท่าจะคุกคามสถาบันนั้นเอง แต่วันนี้ก็เห็นว่า ก็จะเรื่องอะไร ก็เรื่องศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาวินิจฉัย กรณี สส.กับงานทำสื่อนั่นเอง ไล่ คนของพรรคก้าวไกล ออกจากสส.ไปอีกคนหนึ่งฐานมีงานสื่ออาชีพขณะเป็นสส. แบบที่พรรคไม่มีสิทธิชดเชยเสียงที่ขาดไปเลย เสียไปเลย 1 เสียง และเรื่องกกต.ให้ฟ้องคนในพรรคอนาคตใหม่เก่าคือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรณิการ์ วาณิช และพวกรวม 16 คน ด้วยข้อหาเรื่องเงินที่นายธนาธร ให้พรรคยืมร่วม 200 ล้านบาทนั้นเอง มีโทษถึงติดคุก 5 ปี ฟ้องไปแล้วทันทีที่กกต.ประกาศ นั่นแหละ ...แล้วไปมองว่าศาลเขาอยุติธรรม เป็นการใส่ร้ายกลั่นแกล้งพรรคเขา แบบทำนิติสงครามกับฝ่ายค้าน ว่าไปโง่ ๆ แบบนั้นเลย แบบหัวหอกฝ่ายค้านปิยบุตร แสงกนกกุลนั่นเอง คนที่ไม่ค่อยเข้าใจ แบบไม่ค่อยเข้าใจประชาธิปไปไตยนี่แหละ ก็ออกมากัน
นั่นแหละ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องมาทำความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยกันให้ถูกต้องก่อน และกฎหมาย กับ ประชาธิปไตย สัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมเดินขบวนกันไม่เคารพกฎหมายเสียเลย นี่หรือประชาธิปไตย ใครสอนมา ? นี่เอง ที่ดูเหมือนพรรคการเมืองใหม่ รุ่นเด็ก ๆ ไม่ค่อยเข้าใจและทำผิดไป จนถึงขั้นโดนยุบพรรค โดนไล่ไปจากสภาก็หลายคนแล้ว ที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดก็คือ ไปยุยงให้เดินขบวนออกมาไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง เสนออะไรไปเรื่อย ๆ แบบเสนอไปเรื่อย ๆ วันนู็เสนอ 10 ข้ แล้วผ่านมา ๆ เสนอเหล่อ 3 ข้อ แต่ละข้อก็ไม่เหมือนเดิม นี่แหละม็อบข้างถนนจะไปเชื่อถือได้อย่างไร
ฉะนั้น เอาประชาธิปไตยไปแค่ 50 % ก่อนก็ถูกกาละเทศะ ถูกคุณภาพประชาชนดี ก็เอาแค่นี้ดีแล้ว หากคิดแก้รธน.60 ก็ทำไมไม่มีใครพูดเลยว่า แก้อย่างไรจึงจะเป็นประชาธิปไตยดีขึ้น มีแต่พูดว่าให้ใครแก้ สสร.แก้ เปลืองเงินเปลืองทอง แล้วยังไม่รู้จะเอาสสร.มาจากไหน ยิ่งจะได้คนโง่ ๆ ไม่รู้ประชาธิปไตยเข้ามาเขียน รัฐธรรมนูญโง่ ๆไปอีก แล้วก็มาเถียงกันต่อไปอีกไม่รู้จบ แม้วันนี้ นายอานันท์ออกมาก็ไม่ได้พูดบอกว่าแก้ตรงไหน เป็นไม่เป็น ประชาธิปไตยอย่างไร ไม่พูดเลยเหมือนกันหมดทั้งประเทศ นี่แหละ
เมื่อไม่รู้เรื่องประชาธิปไตย จะแก้ให้เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ลองพูดออกมาหน่อย สิ โดยเฉพาะนักรัฐศาตร์ในมหาวิทยาลัย ครูบาอาจารย์ทางการเมืองนั่นเอง มีคนรู้เรื่องบ้างไหม? ถ้ายังไม่เข้าใจตรงนี้ก็อย่าเพิ่งไปคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย จะผิดทางไปใหญ่ ก็อย่างที่บอกล่ะให้ท่านมีชัย ช่วยแก้ให้ก็ได้ บอกท่านว่าคราวนี้เอาประชาธิปไตย 75 %ก็พอก่อน ท่านก็ทำให้ได้น่า ไปเสียเงินเป็นหม่ื่นสองหมื่นล้านไปทำไม มันบอกว่านั่นแหละค่าโง่ น่าอายไปเสียอีก @สุไหงปาดี ชินะกุล ฆิกเมฆณ ณเมฆินทร์ 30 ต.ค. 2563 02.40