@เช้่าวันอาทิตย์ที่เดิมมาโทรทัศน์ช่องต่างๆไทยเรา จะถือเป็นวันฟังธรรมะ วันนี้ก็เห็นช่อง NBT 002 มีรายการประเพณีธรรมะ แต่ที่น่าสนใจเป็นรายการช่อง TPTV 010 เป็นโทรทัศน์รัฐสภาไทย วันนี้มีรายการบ้านธรรมะ พิธีกรทางธรรมะคือท่านอรรณพ หอมจันทร์ ได้นำบุคคลนักปราชญ์ที่มีความรู้ความเข้าใจธรรมะ พุทธธรรม มา 5ท่าน คือ(1.)ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขต (2.) ท่านจรัล ภักดีธนากุล (3.)ท่านจักกฤษ เจนเจษฎา (4.) ท่านหญิงจริยา เจียมวิจิตร (5.) ท่านวิชัย เฟื่องฟู รวมแล้วเป็น 6 ท่านนั่งเก้าอีเรียงรายกันไป พูดเรื่องที่ตั้งหัวข้อว่า สนทนาปัญหาสารพัน ความไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา กับ ความคิดการปกป้องพระพุทธศาสนา (คิดปกป้องพระพุทธศาสนาไปแบบไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา) ..ก็น่าจะเป็นเรื่องน่าคิด หากไปคิดว่า ที่ท่านเหล่านี้มาพูดเรื่องการปกป้องพระพุทธศาสนานี้แนะ พูดไปด้วยความไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา หรือที่พูด ๆ ไปทั้งหมดนี้ พูดไปด้วยความเข้าใจพระพุทธศาสนาหรือเปล่า? หากพูดไปกันตั้ง ชั่วโมง ตั้งแต่ 8 โมงถึง 9 โมงนี่ แบบไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาแล้ว ตามที่หัวข้อเรื่องตั้งไว้เองแล้ว ก็คงเป็นเรื่องตลกใหญ่โต คือไปสอนเขาว่าจะปกป้องพระพุทธศาสนาต้องรู้จักพระพุทธศาสนาแล้วตนเองเสนอนั่นเสนอนี่แต่เสนอไปแบบไม่เข้าใจเสียเอง ก็ตลก และตอบคำถามท่านสุจินต์ บริหารวัณเขต ที่บอกลงท้ายว่า มีประโยชน์หรือเปล่า นั้นแหละ เป็นตัวตัดสิน หมายถึงเรื่องที่คุยกัน เรื่องศาสนาพุทธควรบัญญัตเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่ ดูที่ว่ามีประโยชน์หรือไม่ จะยุบสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเสีย หรือ ตั้งเป็น กระทรวงพุทธศาสนา เป็นประโยชน์หรือไม่ ทำไมเรื่องไสยศาสตร์พิธีกรรมงมงายดังไปถึงต่างประเทศทำให้คนต่างประเทศเข้าใจผิดในพุทธศาสนาหรือเปล่า เอาคำว่า เป็นประโยชน์หรือไม่ มาตัดสิน แล้วการอภิปรายวันนี้ เป็นอย่างไร ได้ประโยชน์หรือไม่ ? ก็ยังดููลอย ๆ อะไรเป็นอะไร ก็ไม่ชัดเจน ........แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่ารายการวันนี้ รายการบ้านธััมมะนี้ ค่อนข้างจะมีประโยชน์ วันนี้ในประเด็นอย่างนี้น่าเอาเป็นพียงเร่ิมต้น น่าจัดทำต่อไปตลอด โดยเชิญท่านที่มีความรู้ มีฐานะในสถาบันการเมือง การปกครองที่มีอำนาจทางการเมืองมาคุยประเด็นธรรมะบ่อย ๆ หน่อย และคิดว่า ท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านก็เป็นนักธรรมะปฏิบัติชั้นสูงสุด น่ามาช่วยรายการเช่นนี้บ่อย ๆ ......อย่างไรก็ตาม เราเองคิดว่าธรรมะนั้นไม่ล้าสมัย เช่นที่ท่านจรัลท่านว่า ชนะความชั่วด้วยความดี ชนะความตระหนี่ด้วยการให้ ชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ ชนะกิเลสตัณหาอุปาทานได้บรรลุจิตสะอาดสูงสุด(สู่โลกนิพพานได้ด้วยการชนะตัณหา) ศาสนาพุทธไม่ใช้วิธี ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่เอาแบบคริสต์เลย ที่ว่า เขาตบแก้มซ้ายท่านให้หันแก้มขวาให้เขาตบต่อ หรืออิสลามที่เฉพาะมุสลิมไทย เราเข้าใจลึกซึ้งจริงๆ ว่าอิสลามนำโลกสู่สันติ(ไม่มีสงครามในอิสลามเลย มุสลิมจะไม่มีการทำสงครามหรือก่อการร้ายเลย)
แต่วิธีการนั้นเองค่อนข้างจะล้าสมัย ทันสมัย ล้าสมัยอย่างไร น่าไปศึกษาจากประเด็นที่ท่านพุทธทาส ท่านได้ตั้งเอาไว้ก่อนท่านจากไป คือ คำถามนายเหตุผล 10 ข้อ ในนสพ.พระพุทธสาสนา สัก 35 ปีที่ล่วงมาแล้ว เป็นประเด็นคำถามเรื่อง พระพุทธศาสนากับโลกยุคใหม่โดยตรง ซึ่งนักปราชญ์พุทธไทยหัวก้าวหน้า(แบบไอสไตน์) น่าไปตามศึกษาดู(เป็นคำถาม 10 ข้อ ที่ยังไม่มีคำตอบ เพราะท่านเองก็ยังไม่ได้เฉลย ท่านจากไปก่อน) ก็น่าที่รายการบ้านธรรมะจะได้จัดต่อนะครับ@สุไหงปาดี ชินะกุล ฆิกเมฆณ ณเมฆิน บัวระย้า ชบาบุญเสฏฐ์ 13 ธ.ค.2563 1010