และอย่าคิดไปไกลถึงขั้นว่า เราถูก คนอื่นผิดหมด อย่าไปขั้นนั้น .... ไม่ถูกหลักการประชาธิปไตย ก็คงจะยังไม่เข้าใจกันอีก

มาเอาแค่นี้ก่อน ก็น่าจะมีระเบียบบอกไว้เหมือนกัน โดยเหตุโดยผลของมนุษย์ผู้เจริญนั่นเอง ด้วยวัฒนธรรมก็ว่าได้ แต่นี่เรื่องของรัฐสภา

คือ เวลาคุณพูดนี่ ในสภานี่ คุณต้องมองไปที่ประธานสภาไม่ใช่หรือ? แต่นี่เวลาคุณด่านายกรัฐมนตรีไปนี่ คุณจ้องเป๋งไปนายกเลย คิดว่า ไม่เหมาะนะ และสภาก็มีระเบียบอย่างที่ว่า ไม่ใช่หรือ คือมองประธานสภา อย่าไปมองคนอื่น ทำอย่างที่ว่านี่ มันไม่สมกับสภามนุษย์นะ และจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ขนาดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ยังไม่เข้าใจไม่เคารพไม่ทำเลย

แต่....มีมากกว่านี้นะน่าเกลียดจริง ๆ คือ เวลานายสุทินพูดมา 2 ชม.นี่ ยืนอยู่กลางพวกสส.พรรคเพื่อไทย เลย และดูเหมือนนัดกันเลย ให้ทุกคนเพ่งสายตาว่าร้ายตรงไปสู่เป้าหมาย คือนายกรัฐมนตรีด้วยสายตาอันเหยียดหยาม ดูถูกดูหมิ่นตามไปกับคำพูดด้วยนั้น .....แบบนี้คุณทำไปทำไม มันไม่ใช่ระดับคนดี มีปัญญาที่ควรจะมาสู่สภาแห่งชาตินี้เลย .........ทำไมเราไม่พยายามเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยกันเสียที

เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ อย่ารอครับ ไล่ออกได้ก็ไล่ไป แต่ต้องถูกระบบ ...แบบที่ไบเดน เขาสรรเสริญระบอบประชาธิปไตยไว้นั้น

ซึ่ง อย่างนี้ครับ

1. คุณต้องเข้าใจว่า แพ้ชนะเนื่องมาจากมือที่ยกของ 2 ฝ่าย จะออกมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวน่าวิตกอย่างไรเลย หากกลัวหากตกใจ จะไม่ใช่ประชาธิปไตย

2. คุณต้องเข้าใจว่ารัฐบาล(แม้ประชาชนคนประชาธิปไตยเขาก็มองแบบนี้)เขามองแต่ต้น และมีภาระแต่ต้น ที่จะอยู่ต่อไป จนครบวาระตาม ที่ประชาชนมอบให้ คราวละ 4 ปี จึงย่อมรักษาอำนาจเอาไว้เป็นธรรมดา รัฐบาลไหน ๆ ก็จะทำอย่างนี้ อภิปรายไว้วางใจเขาก็เตรียมมาเอาชนะฝ่ายค้านให้ได้ เวลา 4 ปีที่ให้ไม่นานเลย ทุกคนรอได้ และช่วงที่รอนี่แหละ ฝ่ายค้านมาตรฐานเขาจะพยายามปรับปรุงพรรคตนเอง หาคนเก่งมามาก ๆ ให้เข้าพรรคตนเอง ไปหาเสียงกับประชาชนไปมาก ๆ เวลา 4 ปีไปมัวทะเลาะเขาทำไม ปรับพรรคตนเอง หาคนเก่งมารอไว้สิ วันนี้เวลานี้มีปัญหาคือฝ่ายค้านหาคนเก่งคนดีไม่มีเลย

3. แต่หากคุณเกิดชนะ มีสส.รัฐบาลประเภทไม่รู้เรื่องอีกเหมือนกันทรยศ งดออกเสียงให้ รัฐบาลแพ้ ก็จะมีการแข่งขันกันในรัฐสภาตั้งรัฐบาลใหม่ พรรคฝ่ายค้านก็มีสิทธิ์ตั้งรัฐบาล คุณก็เตรียมการสิ เตรียมไว้เลย จะไม่มีใครโกรธเกลียดคุณเลย แม้ฝ่ายรัฐบาลที่แพ้คุณ และต้องไปยกมือตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกครั้ง แต่หากฝ่ายรัฐบาลเดิมเขาชนะอีก เขาก็ต้องเป็นรัฐบาลใหม่ไปอีก แบบนี้ประชาธิปไตยเขาไม่ให้โกรธกันไง เข้าใจไหม?

4. แต่โดยมากแล้ว หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลแพ้ รัฐบาลเขามักจะยุบสภา คืนอำนาจสู่ประชาชน โดยที่เขามองอยู่ว่าเขาน่าจะชนะเข้ามาอีกนั้นเอง รัฐบาลมักได้เปรียบ เราก็ต้องมองความจริงอย่างนี้ ........หากมีอย่างนั้น คุณก็อย่าไปโกรธแค้นเขาอีก

สรุปแล้ว ไม่มีการโกรธแค้นกันในระบอบประชาธิปไตย คุณจะไล่รัฐบาลจนแพ้ในสภา ก็ไม่มีใครโกรธแค้น รัฐบาลเขายุบสภา คุณก็ต้องไม่โกรธแค้น หากเขาชนะมาอีกคุณก็ไม่ต้องโกรธแค้น ก็แค่หารัฐบาลใหม่ โดยรัฐสภายกมือกันใหม่เลยก็ได้ หรือโดยคืนอำนาจให้ประชนชน ก็ได้ แต่ระบอบประชาธิปไตย เขาไม่ให้โกรธกัน ไม่ว่าจะทำแบบไหน

เข้าใจตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน ......ไปดูที่บอกต้น ๆ นั้นก่อน ๑@สุไหงฆิกเมฆณ ณระย้า16 ก.พ.2564

ความคิดเห็น

 

ก็มาถึง 23.32 น.แล้ว พิจารณ์ เชาวพัฒนาวงศ์ บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายอยู่ แบบไม่น่าตื่นเต้นอะไร, แม้ออกท่าออกทางไม่ชอบทหาร เกลียดคนในเครื่องแบบ ทำท่าว่าจะไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นรม. หาว่าท่านไร้มันสมอง, แต่ที่คนก่อนอภิปรายไปนั้น ร่วม 3 ชม.เห็นจะได้ อย่างยืดยาว เรื่องเศรษฐกิจ เอาข้อมูลมาแสดงเป็นระยะ ๆ ลงท้ายแบบเดียวกับที่เคยกล่าวหามาแต่ดั้งเดิม เรื่องเศรษฐกิจ ไทยยุคประยุทธ มันมืดมน มืดมิด ไล่ออกไปจากนายกรัฐมนตรีเสีย ไทยจึงจะเดินหน้าไปพ้นความหายนะทางเศรษฐกิจได้ เป็น สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นการอภิปรายที่น่าเบื่อหน่าย ...

ทั้ง2คนที่อภิปรายมาและกำลังอภิปรายอยู่นี้ มีลักษณะเรื่องนโยบายการเมืองมากกว่า คือเอาความคิดของตนเองออกมายกเหนือความคิดคนอื่น เหนือกว่าของรัฐบาลประยุทธ เปรียบเทียบกับของเขา แล้วบอกว่าของเขาล้าหลัง ทำลายชาติ ซึ่งเท่ากับบอกว่าของตนดีกว่า จะทำให้ชาติเจริญ ก็คือเอาความคิดตนเองเสนอเขามาเขาไม่สนใจ ก็อย่าโกรธเขา เราเอาไปเสนอประชาชน เอาไว้ใช้เมื่อเป็นรัฐบาลสิ หรือไม่ก็ไม่ต้องกลัวเพราะประชาชนเขาจะฟังเองว่านโยบายของเราหรือของใครถูกใจเขา เมื่อถึงวันเลือกตั้ง นั้นแหละประชาชนเขาพิศูจน์เอง ดูแล้ว นายจุลพันธ์ สส.เชียงใหม่นี้ น่าจะพยายามไปต่อสู้ในพรรคตนเอง ให้ตนได้เป็นคนสำคัญในพรรค เพื่อไทย ระดับหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรคเสียก่อน เตรียมเป็นรัฐมนตรีหรือ นายกรัฐมนตรี คราวหน้าดีกว่า คือ เลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค. 2562 คราวหน้าก็คงเป็น 23 ก.พ.2566 อีกไม่กี่ปีนี่เอง หากแต่การอภิปรายวันนี้ พอท่านนายกรัฐมนตรีตอบโต้ไป ก็ดูเหมือนว่า จะลบข้อกล่าวหาไปได้เกลี้ยงหมด แล้วก็เหมือนฝ่ายอภิปรายน่าจะเสียหายไปเอง เพราะข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ฝ่ายรัฐบาลได้มีโอกาสแถลงความจริงแด่ประชาชน คนก็คงจะเลือกนายกประยุทธ มากกว่า นี่แหละที่สส.ฝ่ายค้านน่าจะเข้าใจ อะไรที่ตนว่าดี ๆ ดีกว่าเขา นั้นแหละประชาธิปไตยให้เสนอประชาชน

• ตอบกลับ • 3 วัน

นั้นแหละเสนอประชาชนไป หากประชาชนเขาเลือกเราก็เท่ากับเขารักนโยบายเรา และเราเอาไปทำเองเมื่อได้เป็นรัฐบาล มันไม่ใช่จบลงวันนี้ แต่ไปจบลงในการเลือกตั้งคราวหน้า...สิ่งที่จะจบลงคราวนี้ก็คือรัฐบาลชนะ แล้วก็เดินหน้าทำนโยบายของรัฐบาลเดิมต่อไป (ชนะการอภิปรายคราวนี้แล้วก็จบ)เขาไม่เอาความคิดของคุณไปใช้แน่ ๆ อันเป็นธรรมดา นั้นแหละธรรมดา ความคิดของใครคนนั้นก็เอาไปทำเอง หากเสนอประชาชน ๆ เขาชอบ และเลือกเราชนะมา ก็ได้ทำนโยบายนั้น จะไปโกรธเขา ไปว่าเขาไร้สมองสติปัญญาไม่เท่าคุณ ไม่ใช่ ก็ไม่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศอย่างเดียว และด้วยความคิดหรือนโยบายของฝ่ายรัฐบาลเขา เรื่องอะไรจะเอาความคิดคุณไปทำล่ะ เวลาที่เหลือก่อนการเลือกตั้ง มีหน้าที่ทำงานบริหารประเทศอย่างเต็มที่ และงานในสภาจบลง งานนอกสภาก็จบลง ไม่มีเดินขบวนอีก ไม่มีคณะราษฎรหรือคณะอะไรมาอีก มาเสนอเรื่องราวแด่รัฐบาลอีก(เพราะสภาของประชาชนตัดสินไปแล้ว และรัฐบาลมีหน้าที่ทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ แบบไม่ต้องมีใครมาขัด มาขัดไม่ได้อีก อย่าไปก่อกวนการทำงานเขา) ไปจนกว่าถึงการเลือกตั้งคราวหน้า จึงจะมีการหาเสียงเตรียมเลือกตั้งของพรรคการเมือง อยู่ที่ว่าประชาชนเขาเอาเราหรือเปล่าเท่านั้นเอง นี่แหละประชาธิปไตย พอดี 00.25 น.ปิดประชุม ต่อ09.00 น.พรุ่งนี้ @สุไหงฆิกเมฆณ ณระย้า

ความคิดเห็น

ในภาคเช้าเปิดสภา น่าสนใจที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ขณะเปิดประเด็นอภิปรายของฝ่ายค้าน ท่านเกิดการไอ ขนาดหนักพอสมควร และไอไปนานอยู่ จนต้องหยุดพูดไปเป็นครั้ง ๆ คราว ๆ รออาการดีขึ้น น่าวิตกว่าไปติดเชื้อไวรัสโควิดเข้าหรือเปล่า น่าไปรับการตรวจดู หากไปตรวจผลออกมาติดเชื้อก็คงยุ่งกันไปทั้งสภา และอาการน่าคิดเหมือนกันว่า โดนของ หรือไสยศาสตร์หรือเปล่า อาการคล้าย ๆ โดนไสยศาสตร์เขาปล่อยของมาและก็มีอาการคล้าย ๆ นี้อีกคนคือ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม แกพ่นอะไรของแกไปใหญ่เลย แบบว่าคล้าย ๆ เพ้อเจ้อโดนของเขา ไปอีกคน นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจน่าสังเกตมากไปอีกอย่างหนึ่งสำหรับการอภิปรายในสภาวันนี้...ก็น่าตามไปดูวันต่อ ๆ ไป มีอะไรคล้ายคลึงกันอีกหรือเปล่า ก็ขอบันทึกเอาไว้เผื่อจะมีวิชาไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับวงการเมืองระดับชาติของไทย@

ความคิดเห็น

Nantasarn Seesalab

ที่นับว่าสำคัญ รัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ของประเทศประชาธิบไตย กำหนดให้ผู้นำประเทศดำรงตำแหน่งไม่เกิน ๒ สมัย ๆละ ๔ ปี เช่น สหรัฐอเมริกา แม้ทรับป์จะพลาดสมัยที่ ๒ ในปีนี้ แต่จะขอต่ออีกครั้งในปี ๒๐๒๔ โดยจะลงสมัครประธานาธิบดีสมัยที่ ๒ นี้คือกลไกแก้ปัญหาของระบอบประธานาธิบดี ต้องเคารพเสียงประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศเป็นหลักครับ

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

[วันที่ 2]

อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 17ก.พ.64 11.50 น. มาดูอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อวันที่2 ต่ออีกนิดเรื่องไสยศาสตร์ ข้อสังเกต นายขจิต ไชยนิคม สส. อีกคนหนึ่ง ไม่รู้แกเกิดอะไรขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีตอบแก้คำถาม หลายคำถามมาแล้ว ยกมือ แล้วพูด แบบที่ทางประธานสภาท่านยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไรก็พูดไปใหญ่ จนมีผู้ประท้วงหลายคนและเถียงกันไปใหญ่ ในที่สุด สส.ปารีณา ไกรคุปต์ ให้ข้อสังเกตว่า นายขจิต ชัยนิคม สส.มหาสารคามคนนี้ ออกคำพูดท่าทางเหมือนเมาเหล้า "น่าเอาไปตรวจแอลกอฮอล์" ทางประธาน ท่านศุภชัย โพธิ์สุ ว่าน่าเป็นเพราะบุคคลิกภาพแต่ละคน มากกว่า ท่านขจิต อยู่สภามานานพอ ๆ กัน ก็เป็นอย่างนี้แหละ ..... ก็น่าจะเห็นจริงๆว่าผิดปกติไปหน่อย ...ไม่เมาเหล้า ก็คงโดนของ...โดนมนต์ไสยอีกรายละมั้ง .....ก็บันทึกไว้เป็นข้อมูลนะครับ@สุไหง

 

ความคิดเห็น

นายไชยา พรหมา สส.เพื่อไทยบัวลำพู นี่ไม่เอาเรื่องอาวุธยุทโธปกรเลย ว่าเขาสู้กันเรื่องเศรษฐกิจ .... ว่าบ้านเมืองพังทะลายไปแล้ว .....ก็แปลก ถ้าพังไปแล้ว ตัวเองยังสบายอยู่

แล้ว มีสส.อีกคนมาเน้นเรื่องวัคซีน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร นี่ไม่ใช่ สส.นะ เป็นบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใช้คำว่าท่านรองนายก อนุทิน ชาญวีรกุล ว่า กระจอก ก็สมอยู่กับเป็นเพียง สสบัญชีรายชื่อ ไม่ได้สัมผัสสส.ของประชาชนจริง ๆ(สส.ระดับ2), มีนางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล นั่งทำหน้าทำตาอยู่ข้างๆ ที่แปลกเหมือนกันข่าวเช้าเขาพูดถึงมากเลยว่ามี เตี้ยหลังม็อบ เกิดขึ้นในสภา เขาหมายถึงอมรรัตน์นี้เอง ไปชุมนุมกับพวกม็อบตลอด นี่แหละพรรคก้าวไกลละ ไม่รู้ได้ฉายาจากไหนมา ...

เรื่องวัคซีนนั้น เราเองคิดลึก ๆ อยู่ว่าอย่าเพิ่งไปซื้อต่างประเทศเลย แพทย์ไทยเราเอง ฝ่ายวิจัยเขา ก็กำลังวิจัยอยู่ เราคิดว่าแพทย์ไทยก็เก่งเชิงงานวิจัยระดับมาตรฐานโลกอยู่แล้ว ก็รัฐบาลก็คุมสถานการณ์ได้ดีอยู่ ช้า ๆ รอวัคซีนไทยก็ได้ และในเชิงงานวิจัยเห็นได้ว่าวัคซีนไทยค่อนข้างจะละเอียด ลึกซึ้ง จะสมบูรณ์มีประสิทธิภาพกว่าจากต่างประเทศ เรารอเอาเงินไว้ก่อนดีกว่า แต่อย่างว่า อย่างนายวิโรจน์นี้ไม่รู้อะไร ข้อมูลที่เอามาพูดนี้ก็ไม่เคยรู้ว่ามาจากไหน @สุไหง

เมื่อเช้าเปิดสภา ก็มี จิราพร สินธุไพร สส. หญิง ร้อยเอ็ดเขต 5 เพื่อไทย

ระบุความเลวของพล.อ.ประยุทธ หลายอย่าง เพียงดัง คนเลวคนหนึ่งบนแผ่นดินนี้เลย ลุแก่อำนาจ เสพติดอำนาจ มีผลประโยชน์เป็นเดิมพัน เอากฎหมายเป็นเครื่องมือหากิน ไร้สำนึกความรับผิดชอบ โกหกหลอกลวงประชาชน รวมความอัปยศ คนเบื่อหน่าย ออกมาขับไล่ทั้งบ้านทั้งเมือง โง่ หัวสมองอย่างควาย รู้อะไรบ้าง นอกจากรัฐประหาร ม. 44 โดยเอาเรื่องเหมืองเหมือง อัครา ...............แล้วครั้นพบว่า ข้อมูลที่เอามาเป็นข้อมูลแบบคาดเดาเอาหมด .............นอกจากนั้นมันบอกถึงการวิเคราะห์บนความไม่เข้าใจเรื่องการบริหารราชการบ้านเมืองไปอีกด้วย ..... และแน่ละ นั้นบอกไปด้วยว่า ไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตยเลย .......เราอยากให้ประชาชนมองให้เข้าใจว่า สส.คนนี้ เป็นอย่างไร ? ด่าเก่งแบบไม่มองตนเองเลย แต่ประชาธิปไตยเขาไม่มองแบบนั้น เขามองแบบเสมอกัน และเขาจะไม่เอาสิ่งที่เรียกว่า ดี ๆ ชั่ว ๆ มามองเลย คือ ประชาธิปไตย ไม่มีคำว่า ดี หรือ ชั่ว แต่ สส.คนนี้ไปว่า พลเอกประยุทธ เลว ชั่วที่สุด ความหมายคือ ไม่เข้าใจประชาธิปไตย ถ้าเข้าใจประชาธิปไตย จะไม่ไปเกี่ยวกับคำว่าดี หรือ ชั่ว แล้วแบบนี้ จะสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาธิปไตยต่อไปอีกนาน สร้างความสับสนแด่วงการไปอีกนาน

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

Nantasarn Seesalab

12 กุมภาพันธ์ เวลา 11:00 น. •

การพิจารณาถอดถอน อดีต ปธน.ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งของวุฒิสภาสหรัฐ มาถึงวันที่ ๓ แล้ว อีกไม่นานคงรู้ว่า ทรัมป์จะอยู่หรือจะไป ประธานาธิบดีไบเดน เคยกล่าวก่อนวันที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ก่อการจลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๔ ว่า ระบบประชาธิปไตย เป็นระบบที่เข้มแข็ง และมีกลไกแก้วิกฤตในตัวของมันเอง อเมริกาจึงได้ยึดระบบนี้ติดต่อกันมาเริ่มตั้งแต่สถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกา คำพูดดังกล่าวนับว่าเป็นสัจธรรม ที่พิสูจน์ให้เห็นทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ดังนั้น แนวโน้มของโลกจึงนิยมใช้ระบบประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่แต่ละประเทศกำลังเผชิญอยู่ หากประเทศใดเดินทางออกจากกรองประชาธิปไตย ก็จะได้รับการต่อต้านทั้งจากประชาชนภายในประเทศและชาวโลก เพราะชาวโลกในปัจจุบันรวมกันเป็นหนึ่งเดียว (One Village) ด้วยระบบข้อมูลข่าวสารอย่างน่าตื่นเต้นและไม่มีทางยับยั้งได้ ดังนั้น ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นความหวังของชาวโลกที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ความคิดเห็น

Phayap Panyatharo

ที่ว่า "ประธานาธิบดีไบเดน เคยกล่าวก่อนวันที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ก่อการจลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๔ ว่า ระบบประชาธิปไตย เป็นระบบที่เข้มแข็ง และมีกลไกแก้วิกฤตในตัวของมันเอง" นี่แหละ อเมริกาเขาไปไกลขนาดนั้นจริง ๆ จนมีปัญหาอะไรนับแต่ปัญหาผิวสี ที่ครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไทย มองว่าวิกฤตแล้ว เรื่องบุกสภาของกลุ่มสนับสนุนทรัมป์ เรื่องทรัมป์ ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง นั้น มันไม่น่าตื่นเต้นอะไรเลย หากเห็นได้ว่า ประชาธิปไตยอเมริกัน มันไปถึงระดับไหน มันก็จะแก้ของมันไปเอง และทั้งไปแบบไหนก็ตามเป็นไปเอง

เช่นฝ่ายรักษาความมั่นคง โดยความตระหนักในฐานะหน้าที่ของเขาตามหลักประชาธิปไตย เขาจึงกล้าจัดการผู้ชุมนุมอย่างไม่ปรานีเลย เขาก็ทำไปเอง หากมันเข้าเหตุเข้าผล ที่ต้องทำไป ก็ทำไป ไม่เหมือนไทยเรา วันวานนี้ ที่ถนนหน้าศาลหลักเมือง กรุงเทพ และทั้งก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิในการเมืองเลย(เป็น นักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ด้วยซ้ำ ก็ยังออกมาได้ ไร้ความคิดแต่ยังมองอะไรไม่ออกอีก ไม่ดูนักศึกษาอเมริกันเขาเป็นตัวอย่างบ้าง สำหรับอเมริกันช่วงเลือกตั้ง( 3 พ.ย.63) ก็ปรากฎว่านักวิชาการไทยเราในมหาวิทยาลัย(คือครูอาจารย์ที่สอนรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้นแหละ) ออกมาว่ากันใหญ่ วิจารณ์กันใหญ่ แบบว่าไม่รู้ไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย ทั้งๆที่เป็นครูสอนการเมือง ประชาธิปไตย

จึงผลิตศิษย์ ๆ โง่ ๆตามออกมา แต่หากประชาธิปไตยบังเกิดขึ้นแล้ว มันกลายเป็นสิ่งที่ทำงานโดยระบบไปเลย เรื่องประชาธิปไตยจึงเป็นตัวเครื่องมือที่ผู้ใดเอาไปใช้ได้ นั่นแหละ ผู้นำโลกละ อย่างที่ไบเดนเขาพูดออกมาเลยละ และปัญหาที่ว่ามาในอเมริกานั้น ระบบมันก็ได้แก้ไขไปแล้ว นั้นก็เพราะชนอเมริกันเขาเข้าใจประชาธิปไตย เข้าใจระบบ เข้าใจสิทธิ หน้าที่ เข้าใจ ประชาธิปไตยจึงเป็นระบอบการเมืองที่สมควรแก่การปกครองของมนุษย์โดยแท้จริง ที่เราจะต้องเอามาให้ได้ (ลองไปดูการต่อสู้กันของ 2 มหาอำนาจ ยุคสงครามเย็น ระหว่าง USA กับ USSR สิ ใครล่ะ มีประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยมาแต่ต้น รู้จักเอาวิธีประชาธิปไตยมาใช้ ก็ชนะผู้แพ้พังทลายไป โลกจึงมีมหาอำนาจชาติเดียวในโลกอยู่วันนี้ ส่วนรัสเซียยิ่งเห็นว่า วันนี้ทำผิดนอกหลักประชาธิปไตยไปเสียแล้ว ปูตินกำลังจะหลงอำนาจหรือเปล่า? แต่แน่ ๆ มันดูเหมือนจะบอกว่าคนเก่งในรัสเซียไม่มีอีกแล้ว มีคนจะเป็นประธานาธิบดีได้เพียงคนเดียว ไม่เหมือนอเมริกาเขา มีคนเก่งนับล้านๆ พร้อมเป็นประธานาธิบดี ตลอดเวลา...ดูเลยไปที่เขมรสิ ทั้งประเทศมีเก่งอยู่คนเดียว) แต่นี่แหละ มันยากจริงๆสำหรับแถวๆ ประเทศเรา ขณะนี้ก็ดู เขมร - ลาว ยังไม่รู้สึกเลยว่าตนล้าหลังทางการเมืองขนาดไหน ก็เพราะยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยนี้เอง และไม่เข้าใจทำอะไรไปผิด ๆ หมดเลย มันก็ยุ่ง เดี๋ยวก็ไปแบบพม่า เขมร, ก็เสียหายแย่เลย .....

แม้เรื่องง่าย ๆที่เพียงมองดูง่ายๆ คิดดูแบบธรรมดา ๆ ก็เข้าใจ เห็นความอันตราย แต่ไม่คิด เพราะคิดไม่เป็นนั่นเอง โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่คิด คือพวกในมหาวิทยาลัย นักการเมืองนั่นเอง และ ธรรมดา ๆ นักการเมืองไทยในสภา (พวกฝ่ายค้าน ) นอกสภา (พวกอันธพาลเดินขบวน) ยังไม่เข้าใจเลย นั้นคือ เรื่องของกลไกประชาธิปไตยนั้น จำเป็นต้องมีน้ำมันหล่อเลี้ยง ชะโลมเครื่องยนต์กลไกให้ดีตลอดเวลาขาดไม่ได้เลยเหมือนเครื่องยนต์กลไกเครื่องจักรเครื่องยนต์นั้นเอง แต่นักวิชาการ นักการเมืองไทยไม่รู้สึกเลย ว่าการเมืองประชาธิปไตยไทยบกพร่องอันตรายขนาดไหนในเรื่องง่ายๆนี้เอง

กลไกต่างๆ ทางการเมืองในสภา นอกสภา ขาดน้ำมันเครื่อง ขาดน้ำมันหล่อลื่น ที่จำเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับช่างแห้งแล้ง ร้อนระอุอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะพวกม็อบ ลูกศิษย์ครูอาจารย์ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ รู้พอ ๆ กันแบบไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย รู้อย่างเดียวประชาธิปไตยให้ออกมาเดินขบวน รู้เท่านี้เอง จึงต้องมาดูและเอาพวกโง่ ๆ ออกไปให้สอนไปผิดๆ อยู่ได้อย่างไร น่าดูพม่าเป็นตัวอย่างที่ไม่รู้ก็จะแก้ตัวไปได้อย่างไรล่ะ นี่ไม่รู้อะไรแม้น้ำมันเครื่องยนต์กลไก ก็ไม่รู้ แต่พอขี่ขับเป็นก็เอาใหญ่เหมือนเด็ก ๆ นั้นเอง อย่างเดียว ร้อนไปตลอดแบบนี้เครื่องก็พังแน่ ๆ อยู่แล้ว ก็ระเบิดออกมา เหมือนพม่านั่นเอง นั่นสิ เมื่อรู้อะไรมันผิดไปก็ต้องรีบแก้ไขแค่เรื่องน้ำมันหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์เรื่องง่าย ๆ แต่สร้างผลแรงร้ายได้ก็ต้องดูให้รู้ให้เข้าใจ แก้ไขกัน แต่นี่มีแต่พูด ด่าคนทำงานเขา ตัวเองทำอะไรไม่เป็นดีแต่ด่าแบบนี้เอาไว้ทำไมล่ะ? ประชาชนจึงต้องดู เพราะเราเป็นเจ้าของประเทศ @สุไหงปาดี ฆิกเมฆินทร์ 15 กพ.64 09.00

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

[วันที่ 3]

มาต่อ 22.30 น.17 ก.พ.2564 สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.แบบบัญชีพรรคก้าวไกล อภิปรายอยู่เรื่อง รถไฟฟ้ากรุงเทพมหานคร เรื่อง 3 ป.ทำให้เสียหายอย่างยิ่ง ในเรื่องการลงทุนสร้างงานตรงนี้ สายสีเขียว สีส้ม .... ผู้เปิดประเด็นเหมือนเป็นท่านยุทธพงษ์ จรัสสุวรรณเสถียร สส.ร้อยเอ็ด ... ประเด็นนี้ นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่น่าเป็นประเด็นหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ จันทร์โอชา ครั้งนี้ ซึ่ง มีความน่าคิดน่าพิจารณาของประชาชนคนฟัง...และมีลักษณะการอภิปรายที่ค่อนข้างอิงข้อมูล ความรู้ทางหลักการเงินเศรษฐศาสตร์ ของการมีเหตุมีผล มีข้อมูล ที่น่ารับฟังของสส.สุรเชษฐ์ พรรคก้าวไกลคนนี้ ที่สำคัญเป็นประเด็นของปัญหาเศรษฐกิจของไทยเราอย่างที่ต้องสนใจจริง ๆ ....อย่างไรก็ดีการที่ท่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มท. ได้ตอบและแสดงข้อมูลมาแล้วนับว่าน่าระวัง ที่ประชาชนจะต้องมองไปอย่างมองไทม์ไลน์ เหตุผลที่เป็นมาตามไทม์ไลน์ และ ตามหน่วยงานกทม.ด้วย รัฐบาลด้วย หน่วยงาน องค์การที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งมองเห็นละเอียด มีเหตุมีผลจริง ๆ ตามที่ท่าน รมว.มท.พูดไปแบบชี้แจงข้อเท็จจริงที่คนทั้งหลายไม่เคยได้รับรู้มาก่อน เบื้องหลังอย่างมีเหตุมีผลไปหมด ซึ่งนี่เอง การต่อสู้ของมวยคู่เอก ... ซึ่งนี่หมายถึงการพิจารณาของประชาชนแบบคนในระบอบประชาธิปไตย ...เราหมายความว่า อย่าเพิ่งเชื่อใคร อะไร ง่าย ๆ จนกว่าเราจะได้ศึกษาเหตุผลครบถ้วนเสียก่อน และครั้นท่านรมว.มหาดไทยมาแก้ข้อกล่าวหาของ สุรเชษฐ์ อีกก็ดูน่าฟังน่าเชื่อไปอีกว่ารัฐบาลมองปัญหาอย่างไร

เรื่องนี้ จึงต้องมอบให้ประชาชนไปเลย และช้า ๆ ท่านมีเวลามากเลย ก่อนมีการเลือกตั้ง ครั้งต่อไปที่จะเอาเรื่องนี้ไปพิจารณาว่าจะเลือกใครเข้าไปบริหารโดยอำนาจการเลือกตั้งของประชาชน...จะเอาใครไปเป็นรัฐบาลใหม่ ?

และมาวันนี้ เราจึงได้พบประเด็นสำคัญของการอภิปรายว่า มี 2 ประเด็น โดยมีเหตุมีผลที่ชัดเจน โดยการได้เห็นว่า พรรคฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ค้าน และให้ล้มรัฐบาลให้ได้ ใน 2 ประเด็น

1. ประเด็นโควิด ฝ่ายค้านย่อมรู้ดีว่า โควิด นั้น รัฐบาลประยุทธ ทำผลงานไว้ดีเลิศ ระดับโลก โลกเขาชื่นชมเอาตัวอย่าง ชนะใจประชาชน มองด้วยความเป็นกลางแล้ว เป็นจุดเด่นจุดดีจริง ๆ ของรัฐบาลถึงก้องไปต่างประเทศ แต่ฝ่ายค้านเอาประเด็นนี้มาโจมตีรัฐบาลอย่างแหลก หาว่า รัฐบาลสร้างผลงานอย่างเลวร้าย คนรัฐบาลเลวอย่างไม่ใช่มนุษย์ อย่างที่สส.เมื่อเช้าที่ชื่อ จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด ว่าไว้แบบที่ว่าคนขนาดนี้เลวไปหมด และว่าตาม ๆ กันมาในแบบที่เราเคยวิเคราะห์พบมาตลอดว่าพรรคก้าวไกลพรรคฝ่ายค้าน ทำการโฆษณาแบบโฆษณาชวนเชื่อ(การโกหกให้คนเชื่อ) มาตลอด (มันมีเปอร์เซนต์กลยุทธนี้แซมมาตลอดของพรรคฝ่ายค้าน จึงยังเชื่อไม่ได้) และพรรคฝ่ายค้านพยายามอภิปรายให้เห็นอย่างนั้นจริง ๆ แบบที่ไม่ได้พบว่า มีความยินดีไปกับสิ่งที่รัฐบาลทำดีแด่ประเทศชาติและประชาชนเลย

2. เรื่อง รถไฟฟ้า นี่แหละ ที่ดูเหมือนฝ่ายค้านยกมากล่าว ที่น่าเชื่อถือ น่าฟัง และ น่าชื่นชมยินดีด้วยกับแนวทางการอภิปรายของพรรคก้าวไกล พรรคใหม่ แต่แล้ว ทางฝ่ายรัฐบาล โดย ท่านรมว.มหาดไทย ที่บอกถึงความสุขุม รอบคอบ มองปัญหาครบถ้วนทุกมุมปัญหากว่า ที่สามารถชี้แจงบอกไปถึงเหตุผล ที่ไปที่มาของปัญหา เป็นมาอย่างชัดเจน ...ทำให้เห็นจุดอ่อนของพรรคฝ่ายค้านไปอีก นั้น

นี่แหละเป็นคำตอบ ที่เราได้คำตอบวันนี้แล้ว ในคำถามที่ว่า ในช่วงเวลาที่ประเทศชาติไทยเราพบภัยพิบัติอย่างยิ่งใหญ่ คือภัยโควิด นี้ ที่โลกทั้งโลกนั้นถึงแก่ล่มสลายมลายชีวิตไป กว่า 3 ล้านชีวิตเป็นศพไป

เศรษฐกิจรวมของโลกตกต่ำไปทั้งโลก นั้นรัฐบาลไทยได้มีความเป็นห่วงเป็นใยประชาชนอย่างที่สุด และแสดงความสามารถในการบริหารเอาประเทศเอาประชาชนรอดภัยพิบัติไปได้ อย่างน่าชื่นชมยินดีไปพร้อมกันทั้งประเทศ และคำถามมีว่าพรรคฝ่ายค้านทำอะไรบ้าง ในการช่วยแก้ปัญหาของชาติของประชาชนครั้งนี้ ทำไมจึงดุด่าด้วยวาทะอันร้ายแรงว่ารัฐบาลเลวร้าย และเป็นคนไร้ค่าทำแต่ความเลวมาตลอด คำตอบคือ พรรคฝ่ายค้าน ที่เป็นฝ่ายเปิดอถิปรายทำการล้มล้างรัฐบาลอยู่วันนี้เอง ไม่ได้มีบทบาทคิดช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใดเลย ประเทศชาติ ประชาชนรอดภัยพิบัติคราวนี้ไปได้ เวลานี้ เวลาที่ได้มีการค้นคิดวิจัยอาวุธวัคซีนมาแล้วนี้(ถือว่ารอด) เพราะความสามารถของรัฐบาลประยุทธ จันทร์โอชา อย่างแท้จริง และเป็นผลงานฝ่ายรัฐบาลฝ่ายเดียวจริง ๆ ส่วนฝ่ายค้านกลับทำการต่อต้านขัดขวางงานป้องกันต่อสู้ภัยพิบัติของชาติของประชาชนมาตลอด (ซึ่งบอกถึงความอิจฉาริษยา กลัวรัฐบาลจะได้รับความนิยมจากประชาชนไปกว่าตนนั่นเอง

ซึ่งเรามองว่าเป็นความเลวอย่างยิ่ง) นั่นเอง เพราะภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นภัยร่วมของโลกทั้งโลก ของคนไทยทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข โดยที่ได้เห็นมาตลอด พร้อมกับการระบาดเข้ามาของโควิดจากเมืองจีน เพราะขณะที่มีงานหนักในการป้องกันโควิดนั้น เราได้พบมาตลอดถึงการชุมนุมของม็อบฝ่ายค้าน ที่มองเห็นเจตนาช่วยแพร่ขยายโควิดเสียอีก อันเนื่องจากความพยายามของฝ่ายค้านที่มีแต่การปลุกระดมมวลชน ยุยงนิสิตนักศึกษา แม้เด็กชั้นประถม มัธยม ที่ไปยุยงให้จัดตั้งเป็นองค์กรนักเรียนเลว อันเป็นความคิดอ่านการกระทำชั่วผิดศีลธรรมทั้งสิ้น เป็นต้น ให้คนทั้งหลายออกมาเบียดเสียดยัดเยียด ให้ถอดหน้ากาก กันไปหมดที่ตรงข้ามหลักการสาธารณสุขศาสตร์ที่รัฐบาลสั่งห้ามป้องกันโควิดนั้นเอง ซึ่งพรรคฝ่ายค้านก็รู้อยู่หากแสร้งทำเป็นไม่รู้แต่หากมีเจตนาร้ายดังกล่าว คือเพื่อให้ประชาชนไทยติดโควิดง่าย ๆ ให้เกิดการระบาดของโควิดไปอย่างกว้างขวางให้คนตายเป็นหมู่ ๆ เหมือนต่างประเทศ และเพื่อเอาไปกล่าวตำหนิโทษฝ่ายรัฐบาลได้ง่ายนั้นเอง อย่างที่ทำอยู่ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพื่อล้มรัฐบาลอยู่ขณะนี้นั่นเอง ก็เห็นชัดเจนมาตลอดที่มีการชุมนุมของม็อบ โดยการสนับสนุนของฝ่ายค้านของสส.ฝ่ายค้าน ที่อ้างประชาธิปไตยแบบไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย จนมีคำเรียกสส.คนหนึ่งว่า เตี้ยหลังม็อบ นั่นเอง เป็นหลักฐานการสนับสนุนพวกก่อการร้ายเดินขบวนก่อกวนรัฐบาลไม่ให้ทำงานอยู่ตลอดมา

นี่คือ มากไปกว่าข้อสรุป แต่เป็นคำตอบ ที่บอกถึงพรรคฝ่ายค้านไทย พรรคก้าวไกล พรรคอนาคตใหม่และพรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายแคะไค้ความบกพร่องของรัฐบาล ของคน ดุด่า รัฐบาลอยู่วันนี้เอง(งานอย่างนี้ที่เป็นงานดูความบกพร่องดูความผิดของคนอื่นนั้น เป็นงานง่ายแสนง่ายจริงๆ และเป็นสิ่งที่เสียนิสัย คนเก่งต้องไม่เอาอย่างนี้) ที่ไร้บทบาทช่วยเหลือประเทศชาติประชาชนอย่างสิ้นเชิง ในภัยพิบัติร้ายแรงของประเทศชาติและประชาชนไทยและทั่วโลกคราวนี้พรรคฝ่ายค้านไม่มีการช่วยเหลือประเทศชาติเลย ....เป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีผลงานช่วยเหลือประเทศชาติและให้ประโยชน์อะไรแก่ประเทศชาติและชาชนไทยในภาวะวิกฤตของประเทศชาติของโลกทั้งโลกเลยนั้นเอง มันบอกว่าไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะองค์การบริหารองค์การปกครองประเทศ ไปโดยสิ้นเชิง บอกถึงความไร้สติปัญญาไม่รู้หน้าที่ไปอย่างสิ้นเชิงด้วยซ้ำ นี่เองที่ควรไล่ออกไปเสียจากรัฐสภาไทย ..... ในการจัดการงานของประเทศ ที่จะเลือกคน ตัวแทนประชาชนเข้าไปทำงานของประเทศชาติ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คนแบบที่เราได้พบมาทางฝ่ายค้านจึงไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อมองจากเรื่องที่เขาไม่รู้สึกถึงภัยพิบัติของประเทศเลย แล้วยังมีการมองคนทำดีเป็นคนทำชั่วไปอีก ...นี่ก็มองตามเหตุตามผลที่เห็นชัดเจนมาแต่ต้นและอยู่ขณะนี้นั่นเอง และเสนอประชาชน เพื่อการหาคนดีมาร่วมสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงต่อไป @สุไหงปาดี ชินะกุล ฆิกเมฆณ ณเมฆินทร์ บัวระย้า ชบาบุญเสฏฐ์ 18 ก.พ.64 00.30

อภิปรายวันที่ 3 18ก.พ.64 19.50 น.

ยุทธพงษ์ จรัสเถียร สส.มหาสารคามพรรคเพื่อไทย โดน ประท้วง จากรังสิมา รอดรัศมี พรรค ปชป. ว่าพูดมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ฟังไม่รู้เรื่องเลย ประธานก็ยังให้พูดไปได้ ประธานอ่อนแอ เตือนเขาหน่อยซี ยุทธพงษ์น่ะฝีมือตกไปเยอะ..... ยุทธพงษ์โกรธถามกลับผมฝีมือตกไปยังไง ฝีมือผมกำลังพุ่งต่างหาก? ท่านประธานศุภชัย โพธิ์สุ ประธานพิจารณาวินิจฉัยว่า ยุทธพงษ์วกวนเวียนไปเวียนมา จริงๆ แล้วพูดไปสักหน่อย สส.อีกคนยกมือประท้วงอีก ว่าพูดฟังมา 56 นาทีแล้วไม่ได้เรื่องเลย.....ก็แปลกดี ยุทธพงษ์วันนี้ฝีมือตกจริงๆ พูดแบบว่าวกไปวกมาอยู่กับที่แบบทำให้พูดไป100 คำนี่ มีคำที่ฟังรู้เรื่องเพียง 5 คำเห็นจะได้ แล้วออกท่าออกทางเป็นอันธพาล ยิ่งกว่าพวกบัญชีรายชื่อ ก้าวไกลไปอีก (....ดูท่าโดนของ ไสยศาสตร์อีกคนหนึ่งเข้าแล้วมั้ง ก็บันทึกไว้) แล้วพอตั้งตัวได้ ก็ด่านายกรัฐมนตรีไป แบบด่าไม่รู้เรื่อง เหมือนคนบ้าก็ว่าได้ประเดี๋ยวก็จบ นั่งลง .... แล้วสงวน พงษ์มณี สส.ลำพูน เพื่อไทย พูดต่อ เรื่อง รมว.ศธ. เกริ่นนำก่อนว่าเป็นสหายเช่นเดียวกับประธาน โพธิสุ และทั้งเป็นครูเหมือนกัน ว่าทบทวนไปนั่น เหมือนจะบอกว่ารู้เรื่องครูดี .......เรื่องราวของการอภิปรายของฝ่ายค้านวันนี้ ดูเหมือนไม่มีคนในท้องตลาดฟังกันเลย และจริงๆ น่าเบื่อ โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่เอาสส.เด็ก ๆ มาพูดโจมตีรมว.ศึกษาธิการ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ(ปดิพัทธ์ สันติภาดา พรรคก้าวไกล อภิปราย รมว.ศธ.) คือพูดอะไรแบบผู้ใหญ่ไม่เป็น พูดไปตามอารมณ์ โกรธ เกลียด ออกวาทะไปตามอารมณ์ โกรธ เกลียด ไร้เหตุผล เหมือนเด็กจริง ๆ นั่นแหละประโยชน์ของการเปิดอภิปราย ที่ฝ่ายค้านแสดงออกมา ...อย่างนายสงวน พงษ์มณี สส.ลำพูน ก็พูดต่อ ไปอยู่ขณะนี้ น่าเบื่อหน่ายจริง ๆ การใช้ภาษาเป็นแบบนักการเมืองไทยเก่า ๆ แบบเก่าๆ คือที่ว่าพูดเก่งนั่นเอง ออกสุ้มเสียง วาทะสั้นๆ ยาว ๆ หนัก ๆ เบาๆ สูงๆต่ำๆ มันไม่น่าเชื่อถือไงล่ะ เพราะเหมือนการแสดง เสแสร้งไปต่างๆเท่านั้นเอง แต่เอาข้อมูลที่ล้วนแต่เป็นการบิดเบือนมาพูดทั้งนั้น นี่แหละสภาไทย ที่ห่างไกลไปจากความจริงใจ ความจริงของข้อมูล และห่างไกลไปจากวิธีธรรมชาติของประชาธิปไตย ของประชาชน@สุไหงปาดีฆิกเมฆณณระย้า 18 ก.พ.256420.35

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

แทรกความทรงจำ

1 ปีที่แล้ว

ดูความทรงจำของคุณ

Phayap Panyatharo

19 กุมภาพันธ์ 2020 •

The world and its population had been led by human imagination for a long time in the past. It's the perfect world of imagination. The people couldn't know any truth untill the world originated the first scientist who created scientific methods. Now scientists with scientific methods take the world and its population out of the long lasted imagination to the truth. The truth leads the world now.

โลกและประชากรโลกได้ถูกขับเคลื่อนไปด้วยจินตนาการของมนุษย์ ในอดีตกาลอันยาวนานระยะหนึ่ง มันเป็นโลกแห่งจินตนาการโดยแท้จริง ประชากรโลกไม่สามารถรู้ความจริงใดใดได้เลย จนกระทั่งโลกได้ให้กำเนิดนักวิทยาศาสตร์คนแรกขึ้นมาพร้อมด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ของเขา ในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์และวิธีการแบบวิทยาศาสตร์ได้พาโลกและประชากรโลกก้าวข้ามโลกแห่งจินตนาการอันยาวนานมานั้นแล้ว ไปสู่โลกแห่งความจริง ความจริงนี่แหละกำลังทำหน้าที่ผู้นำโลกยุคนี้

1 ปีที่แล้ว

ดูความทรงจำของคุณ

19 กุมภาพันธ์ 2020 •

1. Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ ศิษย์ อตุโล ศิษย์ อตุโล

กายกับจิต BODY & MIND มองในประเด็น ความสมดุล ธรรมชาติให้ความสมดุลมาแบบนี้

2. Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ Boon Boochu

เวลาคน ๆ หนึ่ง ทำความดี หากเขาคิดเอาสิ่งตอบแทนจากการทำความดีนั้น ก็ถือว่าเป็นกิเลส หากเราทำความดีเพียงเล็กน้อย แล้วหวังสิ่งตอบแทน ที่เกินไป ไม่สมเหตุสมผล นั้นก็เป็นกิเลส หากเราทำความดีเพียงเล็กน้อย เราหวังสิ่งตอบแทนถึงระดับ พุทธภูมิ นั้นถือว่าบาป คือเป็นกิเลสหนามาก ถ้าเราหวังพุทธภูมิแล้ว อย่าไปประเมินค่าพุทธภูมิ ว่าจะต้องทำความดีไปให้ได้ขนาดนั้น ๆ ๆ คืออย่าไปคิดเหมือนซื้อ ขาย ที่ว่า 100 บาทได้ ไข่ไก่กี่ฟอง อะไรประมาณนั้น เพราะ ค่าของพุทธภูมิ นั้น กำหนดไม่ได้

3. Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ ศิษย์ อตุโล ศิษย์ อตุโล

ก็ เมื่อบุคคลมีความสามารถนำจิตเข้าสู่ภาวะของ สมาธิแล้ว ไม่ต้องสั่ง มันสงบเอง เพราะสมาธิคือความสงบ ความนิ่ง ความที่มันละมาไกลจากโลกียวิสัยโลกียธรรม จิตมันก็สงบลงไปเอง หมายความว่า เราต้องเชี่ยวชาญในการเข้า ในการออก จากสมาธิ หากไม่มีความเก่งในการทำสมาธิ จะไปสั่งให้จิตมันเป็นสมาธิ สั่งอย่างไร ๆ มันก็เข้าสมาธิไม่ได้ จึงต้องศึกษาสมาธิไปตลอดเวลาอันยาวนาน อย่างพระสงฆ์นี่บวชจนตาย ยังเข้าสมาธิไม่ได้เลยก็มีเยอะแยะ จึงต้องศึกษา และนี่แหละ มีไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ต้องใช้เวลาศึกษา จะไปสั่งให้มันเป็นขึ้นเองได้อย่างไร

4. Phayap Panyatharo ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ ศิษย์ อตุโล ศิษย์ อตุโล

18 ก.พ. 2020 08:03

จิตนี้เป็นนามธรรมนะครับ หมายความว่า มันไวมาก ไปเร็ว มาเร็วเท่าความคิดเราเลย ไวเท่าความคิด นั่นคือจิต ไม่เหมือนรูปธรรม ที่ช้า เรื่องเกี่ยวกับจิตนี่ ที่เราควรรู้ก็คือ จิตนี้มันอยู่ระหว่างกลาง ระหว่างความดี กับ ความชั่ว หรือระหว่างกุศลธรรมกับ อกุศลธรรม ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน ซึ่งสองฝ่ายที่อยู่คนละด้านกันเลยนี้แหละมีลักษณะเป็นศัตรูคู่อาฆาตแค้น และมีการรบการทำสงครามกันอยู่ตลอดเวลา ระหว่าง 2ฝ่ายนั้น โดยมุ่งเข้ายึดครองจิตใจ มุ่งยึดดินแดนคือจิตของเรานี่เองให้ได้ จึงถึงกันเร็วมากและตลอดเวลาที่มีลมหายใจอยู่ สุดแต่ว่าฝ่ายชั่วหรือฝ่ายดี ฝ่ายอกุศลหรือฝ่ายกุศล ฝ่ายบาปหรือฝ่ายบุญ ที่ชนะเข้ายึดครองจิตไว้ได้ และจิตนามธรรมนี้ เป็นนายของรูปธรรม คือจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตมีหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชา มันบัญชาอย่างไร กายก็ทำอย่างนั้น อย่างเช่น จ่า30ศพ จิตซึ่งขณะนั้นถูกยึดครองโดยความโกรธ อกุศลธรรม ฝ่ายกุศลธรรม หรือฝ่ายดี ฝ่ายบุญแพ้ราบ พ่ายสงครามราบไปหมด จิตจึงถูกครองด้วยความบาป คือความโกรธแค้น ตัณหา อุปาทาน จิตก็ถูกยึดครองเป็นฝ่ายบาปบัญชาการฝ่ายกาย ให้ยิงกราดฆ่าให้หมด มือเขาก็กดไกยิงกราดไป ตายไปถึง30ศพ ... มีผู้รู้วิเคราะห์ว่า เพราะไร้สติ นั่นแหละ สิ่งที่เป็นความโกรธแค้น ตัณหา อุปาทาน นั้นเองชนะสงครามนามธรรม ที่ช่วงชิงการปกครองจิตใจของคนทั้งหลาย ชนะแล้วมาครอบครองสั่งการฝ่ายรูปธรรมมีมือมีเท้า มีตามีหู ทำการตามฝ่ายบาปไปหมด และมาสู่จิต อย่างไว สั่งการอย่างไว เพราะเป็นนามธรรมด้วยกัน ถึงกันตลอด คนจึงต้องเข้าใจว่า มีสงครามนามธรรมอยู่ตลอดเวลาภายในจิตใจของเรา นั่นคือฝ่ายมาร กับฝ่ายพระ ทำสงครามชิงใจเราอยู่ตลอดเวลา ต้องมีสติระวัง ว่ากิเลส ตัณหา อุปาทาน ความโกรธแค้น อกุศลธรรมทั้งหลาย จะมาบุกรุกยึดครองสิงสู่ในจิตใจเรา ในเมื่อฝ่ายความดีกุศลธรรมที่ใจนั้นมีอยู่อ่อนแอ สู้ไม่ไหว แตกเตลิดหนีไป ฝ่ายมารชนะเข้าครอบครองแทนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนเราจะไม่ได้พบความสุขสงบเลย ดังที่ชาวพุทธเราได้พบสัจจธรรมพบข้อสรุป ว่าใจเราควรต้องเข้มแข็งแกร่งกล้าด้วยกำแพงแห่งธรรมะมีฝ่ายกุศลธรรม ความดี ความงาม ความว่างไร้กิเลส ตัณหาอุปาทานมาเป็นผู้ปกครองจิตใจอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละชีวิตจึงจะพบความสงบ มีความสุข เกษมเปรมปรีดิ์ เยือกเย็นเป็นสุขอย่างแน่นอน และที่สุดเห็นทางมรรคผล เดินสู่นิพพานได้ในชาติในชีวิตนี้

ความคิดเห็น

Phayap Panyatharo

Thank so much for FACEBOOK to see me and my posts to tell the people to see the truth.. ขอบคุณมากเลยแด่เฟสบุ๊คที่ตามมองและการโพสต์ของข้าพเจ้าที่ประสงค์บอกคนทั้งหลายให้รู้ความจริง

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

[วันที่ 4]

 

วันสุดท้าย

วันที่ 4. อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล, 19 ก.พ.2564: 13.15 น. สภากำลังเถียงกัน มีสส.พรรคก้าวไกล กำลังโต้กับ ประธาน ศุภชัย โพธ์สุ อยู่, แล้วนาย ซูกาโน มะทา สส.ยะลา ลุกขึ้นมา, แล้ว ศุภชัย ใจสมุทร์สส.ภูมิใจไทย ลุกขึ้นพูดต่อ ........แล้วนิยม เวชกามา เพื่อไทย ประท้วงผู้ประท้วงข้อ 71, ประท้วงประธาน, แล้ว เกษม ศุภรานนท์ สส.นม.พปชร. ประท้วงอีกครั้ง ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง บช.พรรคประชาชาติ อภิปรายเรื่องที่ดินการรถไฟ ว่าที่ไม่ไว้วางใจนายกและรมว.มหาดไทยนั้น ท่านต้องมีมาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม .........จบแล้วท่าน รมว.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มท. พูดแก้ข้อกล่าวหา .....ท่านยืนยันเรื่องความเป็นธรรม ยุติธรรม ต้องยืนบนหลักกฎหมายเท่านั้น และกรณีที่ดินการรถไฟ ศาลฎีกาท่านตัดสินไปแล้ว จบ ก็จบจริง ๆ สู้เหตุผล หลักฐาน ทางกฎหมายของท่านไม่ได้

[ก่อนนี้ ก็วานนี้ 18 ก.พ.2564 ท่าน รมว.พาณิชย์ และรองนายกรัฐมนตรี จุรินรทร์ ลักณวิศิษฐ์ ก็เอาตัวรอดไปจากการอภิปรายของฝ่ายค้าน ไปอย่างค่อนข้างเด็ดขาดเลยทีเดียว]

ศรัณวุฒิ ศรัณย์เกต สส.เพื่อไทย อุตรดิตถ์ สส.หนวด ว่าจะกล่าวหารัฐบาลประยุทธ์ ผู้ได้อำนาจมาตามรัฐธรรมนูญโจร ว่าประเทศไทยเหมือนบ้านเก่า เสาทรุด 6 ปีที่เผด็จการประยุทธ อยู่มาตามรธน.โจรไม่เคยสร้างสรรค์อะไรเลย ....ดูเหมือนได้เวลาพูด 1 ชม. ก็คงจบลงแบบที่ประธานสภาท่านว่าแบบนิสัยใจคอเขาเองแหละ แต่มีประท้วงต่ออีก อยากฟังเสียงหล่อ ๆ แต่จนสส.ประท้วงแล้วท้วงอีก จนกระทั่ง สส.ปารีณา ไกรคุปต์ ประท้วง ประธานว่าน่าให้ ไปตรวจแอลกอฮอล์ ก็เลยดูสงบลงหน่อย ประธานศุภชัย โพธิ์สุ ท่านไหวดีไหวทันว่าขอให้ได้ฟังเสียงหล่อ ๆ .ค่อยได้ยินเสียงหล่อ ๆ ตามมาหน่อย ...

แล้วประธานขอให้สรุป บ่นใหญ่เลยว่าให้เวลาผมน้อย คนอื่นพูด2-3 ชั่วโมงผมได้แค่ชั่วโมงเดียว (เคยได้เวลาพูดคราวพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ได้เวลาพูดถึง 3 ชม. ซึ่งคราวจบตอนนั้นจบแบบท้าพล.อ.ประยุทธ ไปดวลปืนกันหน้าวัดพระแก้ว ขำไปทั่วโลก ) ประธานว่า วิปฝ่ายค้านเพิ่มเวลาให้ 15 นาที ก็ว่าต่อว่าทหารปล้นอำนาจมาแล้วไปขอพระเจ้าแผ่นดินรับรอง เป็นการทำลายสถาบัน ใช่ว่าสวามิภักดิ์ต่อสถาบัน ใครเป็นฝ่ายตรงข้าม เอามาตรา 112 ไปอ้างจับไปหมด เกิดประท้วงกันใหญ่อีกครั้งหนึ่ง พอดีสับเปลี่ยนท่านประธานชวน หลีกภัย เข้ามา ก็ว่ากล่าวหารัฐบาลประยุทธต่อไป ... อยากให้นายกสำเหนียกว่า ท่านได้ทำอะไรไป ท่านเห็นแก่ตัวที่สุดเลวที่สุด “ถ้าท่านเป็นอย่างนั้นจริง ๆ” ท่านจงใจเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น แล้ว(เอานิยาย)เอาเรื่องสมัยผ้าขะม้าแดง มาเล่า เทียบกับ ยุคนี้ ว่าเลียนอำนาจแบบคนผ้าขะม้าแดงเลย ชอบใช้อำนาจแบบผ้าขะม้าแดง มีใบเสร็จ รถถัง ใบเสร็จรถบัส ใบเสร็จเจ้าสัว ตั้งตนเองเป็นนายกยุคแปรปรวน ใจคนแตกสลาย วันนี้ แต่งชุดดำมาไว้ทุกข์ให้ประยุทธ จันทร์โอชาจบลงด้วยคำเด็ดว่า คุณประยุทธ จันทร์โอชา ผมไว้ทุกข์ให้คุณครับ ....พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา แก้ข้อกล่าวหาเอง ถามตอนท้าย ๆ ว่าใบเสร็จอะไร? ใบเสร็จปลอมหรือเปล่า ? ก็จบ คนเข้าใจไปหมดว่า สส.อุตรดิตถ์คนนี้ชอบปั้นแต่งนิทานมาตลอด

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ , มาพูดเรื่องอาหารการกิน เศรษฐกิจ ว่ารัฐบาลล้มเหลว 4 ประการ (1.) ล้มเหลวเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน (2.) ล้มเหลวแก้ปัญหาโควิด-19 (3.) ล้มเหลวคอรฺรัปชั่น เอื้อนายทุนและยาเสพติด (4.) ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านบอกแต่แรกว่า รัฐสภา สภา มีหน้าที่ 2 อย่างตามระบอบประชาธิปไตย คือ (1.) ออก กม. (2.) ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร แบบที่ก็ไม่ค่อยเข้าใจประชาธิปไตยไปอีก …ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ในเรื่องโควิดท่านบอกว่าติดเชื้อ 25,111 คน แต่ไม่บอกว่าตายกันเท่าไร อเมริกาตายไปเท่าไร บราซิล ตายไปเท่าไร นี่แหละประเด็นที่ต้องดู โลกตายไป 2.4 ล้านศพ, อเมริกาตายไป 4.93 แสนศพ บราซิล ตายไป 2.43 แสนศพ ไทย 83 ศพเท่านั้นเอง แต่ ที่ทำได้อย่างนี้ เพราะความสามารถในการบริหารของผู้บริหารประเทศนั้นเอง เทียบอเมริกาแล้ว คนละระดับเลย(กับทรัมป์) พูดแบบคนและพรรคการเมืองที่ไม่ได้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเลวร้ายของชาติบ้านเมืองและประชาชนเลย ในยามที่ชาติบ้านเมืองมีภัยระดับโลก เป็นพรรคการเมืองพวกเดียวกับพรรคฝ่ายค้านนั้นเอง ที่ไร้ค่าจริง ๆ ในยามที่บ้านเมืองพบเผชิญภัยระดับที่จะวอดวายไปได้ทั้งชาติ ...เรื่องที่แจกเงินผ่านแอป นั้น ไม่แจกเงินสด ก็เพราะเป็นโอกาสดีที่จะให้ประชาชนไทยเรียนรู้เทกนิคทันสมัยของโลกนั้นเอง เริ่มมาแต่โครงการ ชิมช๊อปใช้ แล้ว ถึงวันนี้คนไทยจึงเก่งขึ้นทั้งประเทศเลย เข้าใจนะ @สุไหงปาดีชินะกุล ฆิกเมฆณณเมฆินทร์ บัวรย้า ชบาบุญเสฏฐ 19 ก.พ.2564 16.20 น.

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

แทรกความทรงจำ

อาจารย์ วุฒิด๊อกเตอร์ทางรัฐศาสตร์กับน้องสาวสุดกะล่อน ไหงไม่รู้หลักรัฐศาสตร์การปกครองเลย ขนาดตัวเองทำผิดขับรถชนคนบาดเจ็บเกือบตาย รถเสียหายถึง 3 คนแท้ ๆ ยังหาว่าตำรวจเลว เข้ามาทำร้ายตนเองกับน้องสาว ไปถึงโรงพักฟ้องว่าตำรวจทำร้ายรังแกผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ตนเองด่าว่าตำรวจฉอด ๆ ๆ ๆ ๆ ไล่ออกเถอะ เขาทำให้ภาพ ม.สวนสุนันทาเป็นแดนไวล๋ไลฟ์ มหาวิทยาลัยอะไรมีคนอย่างสัตว์ป่าเป็นครูบาอาจารย์ ตนเมาขับรถชนคนแท้ ๆ แต่ไม่คิดอย่างคนมีเหตุมีผล ทำผิดกฎหมายแท้ ๆ ทำคนอื่นเขาบาดเจ็บเกือบตายเสียทรัพย์สิน ไม่คิดสงสารเขาเลย แทนที่จะรีบช่วยคนเจ็บส่งโรงพยาบาล กลับคิดหนีไป พอตำรวจไปเจรจากลับทำตัวใหญ่อย่างควายป่าเสือสิงโต อีก ดูเผ่าพันธุ์เขาสิ ดูน้องสาวเขา ด่าคล่องจริงๆ มิผิดหรอกที่คนเช่นนี้แหละเพิ่มขึ้นในสังคมไทยไปเรื่อย ๆ ซึ่งเห็นได้เลยว่าเอาแบบอย่างสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ที่ด่าเก่งทุกคนทุกรูปแบบการด่า ด้วยคำหยาบสุดหยาบ คำโกหกสุดโกหก คำส่อเสียดยุคนที่รักกันให้แตกแยกกัน และคำเพ้อเจ้อ ไร้เหตุผลไปสุด ๆ ครบทุกอธรรมวาจาตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา อย่างที่หัวหน้าพรรค ผู้นำพรรคพาด่าเป็นแนวยุทธศาสตร์ฝ่ายตนนั้นเอง ผลทางจิตใจ อันเกิดจากการยุยงพี่ชาย-น้องสาว ที่ได้คติในใจมาจากพรรคอนาคตใหม่ ที่ยุคนทั้งหลาย ให้มองเผด็จการทหารตำรวจเป็นโจร น่าเกลียดน่าชัง ยุคนให้เกลียดชังตำรวจทหาร ต่อต้านตำรวจทหารหาเรื่องให้สุด ๆ ไปเลย มองตำรวจทหารเป็นคนเฮงซวย เผด็จการ อัปรีย์ สติปัญญาหัวกระบือ เป็นโจรโกงชาติบ้านเมือง คสช.เฮงซวยปกครองประเทศ เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น ได้อย่างไร เป็นถึงครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัย นั่นแหละ เอาออกไปเถอะมีคนดี ๆ เยอะ เอาเข้ามาแทนคนเลว ๆ ไปเถอะ ทำภาพมหาวิทยาลัยครูสวนสุนันทาให้เป็นแดนอารยธรรม ไม่ใช่แดนเถื่อนอย่างที่เห็นวันนี้ หากไม่มีอะไรเลย ก็ดู อธิการบดี ที่ออกมาพูดแก้ตัวแทนครูอาจารย์เขาคนนี้ ก็เอาอธิการบดีคนนี้ออกไปด้วย คือคนเก่งมีรออยู่เยอะ อย่าเสียดายเลย

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

 

19 ก.พ.2564 22.00 น.มาฟัง ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น่าวิตก ในประเด็นการวิเคราะห์เรื่องประชาธิปไตย นั้น วิเคราะห์ไม่สอดคล้องหลักประชาธิปไตยเลย เช่นมองเรื่อง ม.44 ซึ่ง ไม่ได้แปลว่ามีม. 44 แล้วเป็นเผด็จการ, ดูอเมริกา เขา หน่วยกำลังรักษาความมั่นคงทำการปราบปรามขบวนการบุรุกรัฐสภาเขา อย่างรุนแรง เด็ดขาด จนเรียบเกลี้ยงลง ถึงตายกันไป 6 คน นั้น ไม่ได้แปลว่าเป็นเผด็จการ, รัสเซีย จับผู้ชุมนุมถึงห้าพันคนไปคุมขัง ทำไปโดยระบบของประชาธิปไตย .....กรณีพม่าวันนี้ ไม่เหมือน กรณีไทย, ทหารพม่าวันนี้ ไม่เหมือนทหารไทย, การมอง นายพลเอก มิน อ่อง ลาย เป็น รัฐประหาร เผด็จการเต็มตัว นั้น ถือว่าถูกต้อง, และเห็นสมควรที่ จะได้รับการต่อต้าน จากประชาชนเมียนมา และทั้งประเทศประชาธิปไตย คนประชาธิปไตยทั้งโลก,

แต่ รัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ไทย ไม่ใช่เช่นนั้นอันนี้แหละที่ต้องระวัง, ต้องเข้าใจ การทำอะไรไปแบบเข้าใจผิด หรือ ด้วยความโง่เขลา ด้วยความไม่รู้นั้น เป็นโทษร้ายแรงแบบโง่เขลาจริงๆ อันตรายจะเกิดจากความไม่รู้ ..การมอง คสช.เป็นเผด็จการนั้น ถือว่าถูกต้อง, แต่การมองรัฐบาลประยุทธ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยขณะนี้ วันนี้เวลานี้ เป็นเผด็จการนั้น ไม่ถูกต้อง

ซึ่งเราต้องเข้าใจเรื่อง กติกาการเมืองไทยเวลานี้ ว่ามาจากไหน อย่างไร มองได้ว่า เริ่มเข้าเส้นทางประชาธิปไตยแล้ว ที่ต้องเดินต่อไปบนวิถีทางนี้แหละ ขอให้เดินต่อไปให้ได้ก็แล้วกัน และจะต้องมีการยกระดับไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีกว่าเหมาะสมกว่าไปอีกเรื่อย ๆ แบบว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เวลานี้ถือว่าเป็นประชาธิปไตย(ไม่ใช่เผด็จการ)

แต่การที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ของระบอบประชาธิปไตยนั้นมีเหตุมีผล ที่ต้องทำความเข้าใจให้ได้ มิฉะนั้น นี้แหละที่จะก่อเกิดอันตรายแต่ประชาธิปไตยไทย อันเนื่องจากความไม่รู้ แต่จะต้องเข้าใจว่า เป็นเบื้องต้นของการพัฒนาประชาธิปไตยแล้ว มาสู่ทิศทางที่ถูกต้องแล้ว มีเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งเราค่อยยกระดับไป ค่อยเดินต่อไป

และเบื้องต้นนั้นที่ควรจะเดินไปให้ได้ หรือทำให้ได้ก็คือการเลือกตั้ง จะต้องให้มีทุก ๆ 4 ปี เวลานี้เรามีการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ครบเวลา เมื่อ 23 มี.ค. 2566 นี่แหละที่คนประชาธิปไตยต้องมาทำความเข้าใจให้ตรงกัน ที่เราประชาชนไทย ต้องเข้าใจและเตรียมตัวไว้เลย เพื่อการเลือกตั้ง เดือน มีนาคม 2566

ใครอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เตรียมตัวไว้ได้ ใครอยากเป็น สส. สว. ก็เตรียมตัวไว้ และประชาธิปไตยไทยที่ควรต้องเตรียมอย่างจริงๆ ก็คือพรรคการเมือง ที่เห็นอยู่เวลานี้ พรรคการเมืองไทยค่อนข้างจะอ่อนแอมากจริง ๆ เราไม่ควรมีพรรคการเมืองหลายพรรค ในอนาคต หากมาตรฐานจริงๆ จะเหลือเพียงแค่ 2 - 3 พรรคการเมือง โดยที่จะเป็นผลจากการพัฒนาไปเองของประชาธิปไตย โดยให้มีพรรคการเมืองหลัก ๆ คือ พรรค รัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน การสร้างพรรคการเมืองนั้น ต้องสร้างให้เป็น สถาบัน ให้ได้นั่นเอง ต้องเริ่มได้แล้วตั้งแต่วันนี้ จึงบอกถึงหน้าที่นักการเมืองไทยวันนี้ว่า มีหน้าที่สำคัญในการสร้างพรรคการเมืองให้เข้าสู่สถานะของสถาบันให้ได้ นั่นเอง จึงควรที่จะตระเตรียมกันเสียตั้งแต่วันนี้

ฉะนั้น การลงคะแนนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ ผลออกมาอย่างไร ก็ย่อมเดินต่อไป ตามเหตุ ตามผลของระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง ซึ่งโดยกติกาการเมืองไทย(ตามรัฐธรรมนูญ 62) รัฐบาล(ที่คงชนะหมดทุกรัฐมนตรี) ก็ทำหน้าที่รัฐบาลไป ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป หากแพ้ ก็มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมทั้งสิทธิของรัฐบาลที่จะยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจสู่ประชาชน ซึ่งสิ่งนี้มีได้ เพราะ การเป็นประชาธิปไตยนั่นเอง หากเป็นเผด็จการจะมีแบบนี้ไม่ได้

ฉะนั้น รัฐบาลไทยวันนี้ เป็นประชาธิปไตย อย่าไปมองแบบเดียวกับเมียนม่าอย่างเด็ดขาด และอย่าไปคิดปลุกระดมมวลชนเดินขบวนออกมาล้มล้างรัฐบาลอย่างเด็ดขาด ทางเดียวต่อจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันนี้ก็คือ การเตรียมการเลือกตั้ง เมื่อครบวาระการเลือกตั้ง (ตามรัฐธรรมนูญ) ตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย นั่นเอง

สำหรับสิ่งที่บอกว่า ชลน่าน ศรีแก้ว ไม่เข้าใจประชาธิปไตย แล้วพาปฏิบัติไปแบบไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ก็คือ ไปบอกว่าประยุทธ จันทร์โอชา ทำการบริหารประเทศเลวร้าย อ่อนสติปัญญา ไม่เหมาะไม่ควร ไม่ดีพอจะเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วไปพนมมือขอท่านให้ท่านลาออกเถอะ อุตส่าห์อ้อนวอนว่า "ขอใจท่านเถอะครับ ลาออกเถอะครับ คืนอำนาจให้ประชาชนเถอะครับ ท่านทำชั่ว ทำเลวมามากแล้ว ลาออกเถอะประชาชนจะอภัยให้ และนับถือบูชาว่าเป็นคนดีเห็นแก่ประชาชนแก่ชาติจริงๆ " นี้ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ขอแบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย ในขณะที่ท่านว่า เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นั่นแหละ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ เป็นความรู้ที่ผิดอย่างร้ายแรง เสียหายแก่นิสัยประชาธิปไตยอย่างแรงร้าย เช่นที่เคยมีมาในคราวก่อนแล้ว จากนาย สุทิน คลังแสง ที่พนมมืออ้อนวอน ว่าท่านทำความเลวมามากแล้ว หากลาออกเอง ประชาชนจะยกย่องเป็นผู้ประเสริฐ และผมเองนี่แหละจะบูชาท่าน ..... เพราะเหตุผลก็คือเขาไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งอ้อนวอนแบบนั้น เขาเลวแค่ไหนก็อย่าไปอ้อนวอนแบบนั้น ชลน่าน ศรีแก้ว เมื่อเปรียบเทียบคนต่อคน ก็ใช่ว่าจะรู้อะไรไปมากกว่า ดีกว่า เก่งกว่าพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เก่งกว่าคนอื่นไปหมด

ความคิดของคนแต่ละคน อย่าไปคิดว่าดีกว่า ว่าชั่วกว่า ว่าเลว ว่าชั่ว นั้นไม่ใช่ คนดีเท่ากัน คนเก่งเท่ากัน คนชั่วเท่ากัน เสมอกันนั้นแหละประชาธิปไตย อย่าไปคิดว่าเราเก่งกว่าเขา รู้ดีกว่าเขา อย่าคิดเช่นนั้น แต่ถึงแม้ว่าท่านจะจบปริญญาเอกเมืองนอกมา แต่อย่าคิดว่าท่านรู้มากกว่าคนอื่นในสภาเดียวกัน คิดจะบอกจะสั่งอะไรตามใจตนไป ไม่ถูก ห้ามทำ... ทางเดียวเท่านั้น การลงคะแนนเสียงเท่านั้น(1คน1เสียงเท่ากัน) ...ท่านต้องเข้าใจว่า ทำไม จึงเป็นเช่นนั้น...และชลน่าน ศรีแก้ว เข้าใจผิดมามากเลยทีเดียว ขอได้ไปศึกษาให้รู้ประชาธิปไตยจริง ๆ ต่อไปอีกเถอะ .....คุณนั้นเอง พาทำผิดมามากแล้ว เพราะความไม่เข้าใจประชาธิปไตย เข้าใจไปอย่างผิด ๆ หลังจากวันนี้ เวลานี้ ที่ปิดสภาลงแล้ว หน้าที่ท่านก็คือ เตรียมมาลงคะแนนเสียงของท่าน นับคะแนนเสียงสถานเดียว อย่าไปคิดว่าเขาเลวเหลือเกินลาออกเองเถอะ ผมบอกเพราะรักท่านนะ อะไรประมาณนี้ ....ไม่ใช่ประชาธิปไตย อย่าทำอีกอย่างเด็ดขาด @สุไหงปาดี ชินะกุล ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ บัวระย้า ชบาบุญเสฏฐ์ 19 ก.พ.2564 23.15 น.

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

[วันที่ 5]

ลงมติ 20 ก.พ.2564, 0700น.

และอย่าง รังสิมันต์ โรม สส.ระดับ 2 (บัญชีรายชื่อ อนาคตใหม่เดิม ก้าวไกลใหม่)นี้ก็เหมือนกัน เหลิงตนเองไปแบบไม่เข้าใจประชาธิปไตย (คนๆนี้เคยประกาศกลางสภา แบบดูถูกคนอื่น ไร้ความเสมอภาค มาแล้วว่า สส.เป็นพวกโจรห้าร้อย ที่สนับสนุน โจรห้าร้อยด้วยกันเป็นรัฐบาลโจรห้าร้อย พูดกลางสภา ที่ประชาชนผู้เป็นนายการเมืองต้องมองดู เราจะเอาคนโง่ ๆ แบบนี้เข้าสภามาไม่ได้หรอก) ซึ่งวันนี้นายคนนี้ก็ทำเหมือนเดิม คือ ปฏิบัติการโอ้อวดตนเอง ทำการอภิปรายไปแบบตามใจตัวเอง ไม่เคารพระเบียบ แม้ได้รับคำเตือนจากประธานสภา ก็ดื้อด้านมุ่งหมายก่อกวนสภาให้วุ่นวายให้ได้ แบบเหยียดหยามสส.คนอื่นเขา ทำให้เกิดการประท้วงวุ่นไปหมดทั้งสภา เกือบ หวิดเกิดปะทะใช้กำลังกัน

และอีกคนนายณัชชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกลอีก คนพวกนี้พรรคก้าวไกลนี้(รวมทั้งนางเตี้ยหลังม็อบ) นี้อยู่เบื้องหลังม็อบมาตลอด และไม่เข้าใจการเมืองเลย เข้าใจผิดไปหมด วันนี้ มาออกวาทะว่า ระบอบประยุทธ เพื่อค้ำจุนอำนาจระบอบประยุทธ รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจคสช.เผด็จการเหลิงอำนาจ ว่าไปใหญ่ แบบโง่เขลาน่าละอายคำพูดตนเอง ถูกประท้วงให้ถอนคำพูด โดยประธานสภาให้ถอน .... ก็ยังเถียงว่าตนพูดถูกตามความจริง จนแทบเกิดวุ่นวายขึ้นอีกกรณีหนึ่ง อันเนื่องจากสติปัญญาทางการเมืองมีไม่พอจะเข้ามาสู่สภาแห่งนี้ ความโง่เขลาเบาปัญญา ไม่เข้าใจประชาธิปไตย นั่นเอง

คือนายณัชชา นี้แกไม่ยอมมองสมองไม่ยอมคิดเรื่องที่กำลังทำอยู่ทั้งสภา แม้ขณะที่แกพูดอยู่ แกได้พูด ได้แสดงวาจา ได้พูดมาได้อย่างไร ที่สภามีการทำอะไรมาตั้งแต่ วันที่ 16 ก.พ.ถึงวันที่ 19 ก.พ. ไม่รู้คิดเลยหรือมันเป็นเรื่องการเมืองอย่างไร ? คือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถึง 10 รัฐมนตรี นี้ ท่านได้อำนาจมาจากไหน ไม่คิดเลยหรือ? คิดไม่ออกเลยหรือ? สภาผู้แทนราษฎรที่มาว่ากล่าวด่าว่ากล่าว จะไล่รัฐบาลออกไปให้ได้วันนี้ ได้อำนาจมาจากไหน? นี่หรือเผด็จการ? นี่หรือการสืบทอดอำนาจเผด็จการ มองไม่ออกเลยหรือ?

ที่สภาได้อำนาจอย่างเต็มที่ ที่จะไล่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีออกได้ นี่แหละอำนาจของประชาชน ผู้แทนประชาชนได้อำนาจอย่างเต็มที่มาแล้ว และพร้อมเสมอจะไล่รัฐบาลออกไป ในอนาคต หากพบว่าทำความผิดโกงประชาชน (หากเป็นเผด็จการ ท่านจะมีอย่างนี้ได้หรือ? ...นี่คือต้องมองให้ถูกนั่นเอง หากโง่ มองไม่ถูก ก็จะเดินหน้าพัฒนาไปไม่ได้ ก็ก่อเกิดอันตรายแก่ประชาธิปไตยไปอีก เพราะจะไปทำผิด ๆ ไปใหญ่ อันนี้มันบอกอยู่ตรงๆ แล้วว่า เป็นประชาธิปไตยอำนาจเป็นของประชาชนเต็มตัวที่สามารรถไล่รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี คนชั่วคนผิดออกได้เต็ม ๆ อยู่แล้ว ได้มาเท่านี้ก่อนก็พอใจไปก่อนแล้ว ถือว่าเพียงพอแก่การเป็นประชาธิปไตย แล้ว ยังพูดมาตลอดยุยงส่งเสริมม็อบให้ไปชุมนุมต่อต้านเผด็จการมาตลอด อ้างว่าไปไล่เผด็จการ ไปไล่ระบอบประยุทธ ทำให้คนไทย ไม่เป็นอันทำมาหากิน ไม่เป็นอันให้รัฐบาลทำงานการกันเลย และวันนี้ด่าว่าไปผิด ๆ ว่า ระบอบประยุทธ ค้ำจุนอำนาจระบอบประยุทธ แบบพูดไปไม่ตรงความจริงนั่นเอง จนสภาอลเวงไป การไปให้ความรู้ที่ผิดไปปลุกระดมมวลชน แม้เด็กชั้นประถมมัธยมมาตลอดว่ารัฐบาลเผด็จการ มันก็ทำลายพื้นฐานที่จะพาเราเดินหน้าไปหมด ก็เสนอไว้เพื่อประชาชนจะได้มองดูต่อไป เราคิดว่าประชาชนต้องใช้อำนาจตน อย่าเอาคนโง่ๆ แบบนี้เข้าสภาอีกเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞

ผลการลงมติ

1. พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 206 งดออกเสียง 3

2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไว้วางใจ 274 ไม่ไว้วางใจ 204 งดออกเสียง 4

3. นายอนุทิน ชาญวีรกุล ไว้วางใจ 275 ไม่ไว้วางใจ 201 งดออกเสียง 6

4. นายจุรินทร์ ลักณวิศิษฐ์ ไว้วางใจ 268 ไม่ไว้วางใจ 207 งดออกเสียง 7

5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 205 งดออกเสียง 3

6. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไว้วางใจ 268 ไม่ไว้วางใจ 201 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1

7.นายสุชาติ ชมกลิ่น ไว้วางใจ 263 ไม่ไว้วางใจ 212 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1

8. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ไว้วางใจ 258 ไม่ไว้วางใจ 215 งดออกเสียง 8

9. นายนิพนธ์ บุญญามณี ไว้วางใจ 272 ไม่ไว้วางใจ 206 งดออกเสียง 4

10. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไว้วางใจ 274 ไม่ไว้วางใจ 199 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1

 

 

 

∞∞∞∞∞

∞∞∞∞∞