ในทางปฏิบัตินั้นก็รู้กันง่าย ๆ ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีไปในทุกสรรพสิ่ง ..นี่แหละพิจารณาให้รู้ก็จะสำเร็จโสดาบันได้ และครั้นไปพิจารณาเรื่องตามอนัตตลักขณะสูตร ก็ย่อๆ ก็คือเรื่องอัตตาตัวตน นั้นเอง ทำลายอัตตาตัวตนได้ก็สำเร็จอรหันต์ คือทำตัวเราเองให้ไม่มีตัวตน ให้ว่างเปล่า เรื่องนี้มีย่อๆเรื่องหนึ่ง ตามที่ท่านบอกสอนมาแล้วว่า ตัวกูของกู นั้นเอง ฝรั่งเอาไปศึกษาต่อและได้ข้อสรุปออกมาว่า เรื่อง อีโก้ EGO นั่นเอง ทำพวกนี้ให้หายไปจากใจ ไม่ให้มีการยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ไม่ให้มี อีโก้ ก็สำเร็จอรหันต์ได้, ต่อไปยิ่งสั้นง่ายอีก คืออาทิตตปริยายสูตร ก็ที่ทรงเทศนาให้ชฎิล1003 รูปฟัง จบแล้วสำเร็จอรหันต์พร้อมกันหมดทั้ง 1003 รูป ซึ่งเป็นไปได้แม้ยุคนี้สมัยนี้ และเรื่องก็ง่ายๆ เอง คือเรื่องความร้อน สรุปคือคนเรามีดวงอาทิตย์อยู่ในกายในใจภายในของเราทุก ๆ คนเลย และความประพฤติร้ายลืมตัวทำบาปทำกรรมมาจากความร้อนนี้ พยายามดับความร้อนในกายในใจให้ได้ ให้ค่อยมอดไปเหลือแต่ความเย็น เท่านี้เองก็สำเร็จอรหันต์ได้ นิพพานท่านแปลว่า เย็น มาจากความหมายในอาทิตตปริยายสูตรเรื่องอาทิตย์ร้อนนี่เอง....มีข้อให้รำลึกว่า ทำไมจึงทรงไม่ให้อวดอุตตริมนุสสธรรมอวดฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ก็เพราะการศึกษาไปฝ่ายนั้น ไม่ใช่เหตุแห่งการบรรลุอรหันต์นั่นเอง และหากศึกษาไปก็จะออกนอกทางและเสียเวลามากและจะเลยไปทางอื่นคือศาสนาอื่น เมื่อมาศึกกษาแบบที่ยกมาอ้างนี้ ก็ง่าย จึงคนสมัยใหม่นี้ที่แสนจะฉลาดกว่าคนสมัยก่อน จะสำเร็จง่าย ๆ ได้.....สำหรับฆราวาสยุคนี้นั้น อย่าลืมไปการปฏิบัติธรรมนั้นอยู่กับงานการอาชีพที่เราทำประจำวันนั้นเอง ทำงานไปอย่างเป็นการปฏิบัติธรรม(อย่าไปอยู่เฉย ๆ ในป่าในดง ในวัด) ซึ่งหมายความว่าหาเงินหาทองไปด้วยอย่างสุจริตให้ร่ำรวยไปแบบสุจจริต ก็สำเร็จพร้อมกับการบรรลุธรรมอรหันต์ได้.
1
-
ถูกใจ
- ·
ตอบกลับ
- · 5 ชม.
- ·
แก้ไขแล้ว