ยุทธศาสตรชาติ สว.เสนอในที่ประชุมวุฒิสภา การศึกษามีปัญหาถึงรดับมหาวิทยาลัย ยุบธรรมศาสตร์เถอะ
Phayap Panyatharo
26 นาที ·
แชร์กับ สาธารณะ
สาธารณะ
เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้วComputerman36:8 ก.ย.36 14.00น.010TPTV เกาะติดสภา ถ่ายทอดสด8ก.ย.63 :- รายงานการประชุมวุฒิสภามาตั้งแต่เช้าน่าขึ้นป้ายจำนวนผู้มาประชุมกี่คน ๆ ไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลาการประชุมแบบสภาผู้แทนราษฎรหน่อยนะ คนดูจะได้รู้ว่ามีสว.กี่คนมา กี่คนขาด ใครขี้เกียจทำงานไม่สมเงินเดือนบ้าง พิจารณารายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ พูดกันไปตลอดวันคนละ 8-9 นาที พิจารณา รายงานข้อเสนอแนะการปฏิรูปประเทศ
มีเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา ในการดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ค่อนข้างหลายท่านที่วิจารณ์ออกมา ฟังแล้วไม่สบายใจ เพราะดูมีปัญหามากจริง ๆ มาตั้งแต่ระดับประถมศึกษามามัธยม และที่มาต่อระดับมหาวิทยาลัย ที่เราเองเคยวิเคราะห์ระยะหลังนี้ถึงเสนอให้โละมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ดี เราไม่เห็นด้วยการมีปัญหาขนาดใดก็ตามหมายความว่าปัญหาใหญ่ปัญหาโตเพียงใดก็ตามไม่ควรจะให้มีการแก้ปัญหาบนท้องถนนหนทางเด็ดขาด เราต้องแก้ปัญหาการศึกษาในห้องงานวิจัยการศึกษาโดยเฉพาะเป็นวันเป็นคืนไปเลย(เพราะมันเป็นเรื่องของวิชาการ ที่ต้องหาสัจธรรมจริงๆจากการวิจัย) แต่ห้องที่ว่าห้องงานวิจัยการศึกษานี้ ไม่เคยมี ในทุกระดับการศึกษาไทย และยังไม่มี และยังจะไม่มี เพราะท่านไม่เคยทำงานวิจัยการศึกษามาเลย ทุกระดับ เวลาคิดงานการศึกษาขึ้นมาก็ไปดูว่าต่างประเทศเขาทำอย่างไร ก็เอามาเลียนแบบเขาไป
และแปลกมาก ที่ใครไปพูดถึงต่างประเทศ ประเทศนั้น ประเทศนี้ขึ้นมาดูจะได้รับความเชื่อถือดี โดยไม่คิดว่าคนละประเทศกับเรา เท่านั้นเอง จริง ๆ และจนป่านนี้ วงการศึกษา การเมือง โดยเฉพาะระดับ อุดมศึกษา คือมหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย นั้นเอง มีหน้าที่ในการวิจัยปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ ในที่นี้หมายถึงด้านสังคมศาสตร์นะ
โดยเฉพาะการวิจัยรัฐศาสตร์ การเมือง การสังคม วัฒนธรรม นี่ ซึ่งธรรมศาสตร์ซึ่งมีเรื่องเลวร้ายมาตลอด ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น ต่อมาจึงก่อเกิดความคิดผิด ๆ ไม่รู้หยุดหย่อนซ่อนแฝงปัญหาลับมาตลอด แต่นี่กล่าวเฉพาะสังคมศาสตร์
ทางวิทยาศาสตร์ ทางแพทย์ ทางเกษตรศาสตร์นี่ เขาไปได้ไกลโดยเฉพาะเรื่องทางแพทย์ สาธารณสุข ทางวิทยาศาสตร์ ไวรัสโควิด นี่ เขามีพื้นฐานงานการวิจัยเป็นมาตรฐานและไปไกลแล้วทีเดียวปรากฏตอนมีโควิด-19 นี่เอง แต่กระนั้นก็ยังต้องเร่งไปอีกนะ งานวิจัยวัคซีนนี่แหละไทยเรามีฝีมือพอจะแข่งอเมริกา จีน ได้เลย ขอแต่สนับสนุนกันไปเต็มที่เท่านั้นเองและต้องเห็นว่าเป็นงานสำคัญจริง ๆชนิดที่ทิ้งไม่ได้
ส่วนงานวิจัยทางสังคมศาสตร์นี่แหละนิ่งเลย ยังไม่รู้งานการวิจัยการศึกษาเลย เวลาคิดอะไรจึงเพียงคิดๆ ไป คิดเอา คิดได้ ก็เอามาเขียนขึ้นเป็นแผนเป็นโครงโครงการ หรือโครงงาน เท่านั้นเอง เท่าที่มหาวิทยาลัยไทยทำได้ ก็ทำโพลไง ทำโพลนั่นทำโพลนี่เก่ง แต่เก่งแบบนี้ ไม่ควรถึงระดับอาจารย์ แค่ระดับนักเรียนมัธยมก็พอ ไม่น่าจะถึงระดับอาจารย์ศาสตราจารย์ทำเลย พอบอกว่าโพลนั้นทำโดยรองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยนั่น นี่ ....ฟังแล้วน่าปั่นป่วนในลำไส้ใหญ่ เพราะ น่าจะเป็นเด็กมัธยมทำมากกว่าจึงจะสมคุณวุฒิ
ฉะนั้น ปัญหาทางการศึกษาวันนี้ จึงทับท่วมท้น ทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงกับเรื่องการศึกษาไทยยังไงล่ะ ก็ยิ่งมีการเปลี่ยนระบบการสื่อสารไปเป็นออนไลนอย่างมีประสิทธิภาพในการศึกษาหาข้อมูล แทบทุกชนิดหาได้จากระบบงานออนไลน์นี่เอง คุณเชื่อไหม แทบไม่ต้องไปนั่งในห้องมหาวิทยาลัยเลย หาเอาจากครูกูเกิลได้หมด เราต่อไปไม่ต้องดูที่การเรียนแต่ดูจากผลงานเขา เขาแสดงผลงานอะไรออกมา ในวงการอาชีพเขานั่นเอง ก็เอาประกาศนียบัตร ปริญญาไปให้เขา นั่นแหละคนเก่งจริงละ
น่าจะไปดูเวบของ นร.หญิงไทย ที่ไปเรียนอเมริกาคนนั้น เธอได้ออกเวบมาพูดถึงออนไลน์การศึกษาไทยว่าห่วยมาก นั่นแหละไปฟังเธอหน่อย และเธอพูดถูกความจริงเลย น้องเนย รู้จักบุคคลผู้นี้ในนาม Lilcomet
ทาง Facebook :
https://www.facebook.com/verylilcomet
และInstagram : https://www.instagram.com/verylilcomet
เอาละ เรื่องการศึกษา การแก้ปัญหาการศึกษาคงมีการพูดถึงกันไปอีกกว้างขวางและน่ามาลงที่ข้อสรุปดังที่ว่ามานี่แหละ ที่การพัฒนาการศึกษาออนไลน์ เร่งทำให้ได้มาตรฐาน ทั้งประเทศ แต่จะอย่างไรก็ตามขณะที่ยังมีปัญหาอยู่ขณะนี้
เราขอยืนยันว่า อย่าออกมาแก้กันตามถนนหนทางเด็ดขาด มันไม่ได้อะไรหรอกน่า หาห้องมาสร้างงานวิจัยทางการศึกษาขึ้นมาจริงๆ เถอะ แต่เรื่องราวที่ท่าน พลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม สว.รายงานว่าได้คุยกับเด็ก เด็กบอกวิชาประวัติศาสตร์เป็นเรื่องล้าหลังควรเลิกคิดเลิกเรียนไปเลย นั่นสิ เด็กก็คือเด็ก เขาคิดอะไรก็พูดไป โดยที่ไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่าความรู้อยู่เบื้องลึกเบื้องหลังความคิดเห็นเลย ตามที่ สว.ท่านหนึ่งผู้เชี่ยวชาญการศึกษาพูดในสภานี้ ที่ว่า การแสดงความคิดเห็นนั้น ต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นเสียก่อน หากไม่มีความรู้ก็จะแสดงความคิดเห็นไปผิด ๆ ก็จะเสียหายหากทำไปตามความคิดผิด ๆ นั้น
อย่างกรณีนี้ ที่เด็กกลุ่มนี้บอกวิชาประวัติศาสตร์ ให้เลิกเรียนเถอะ เป็นความคิดของผู้คิดล้มล้างสถาบันนั่นเองมาล้างความคิดเอา เพราะประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น สถาบันค่อนข้างเด่น ที่สร้างความผูกพันกับระหว่างคนไทยกับสถาบันแน่นแฟ้น อย่างเช่นรายการ นรศวรมหาราช ขณะนี้ทางทีวี 22 นั้น ทำให้ศรัทธาเชื่อถือในสถาบันมากพวกนักล้มสถาบันจึงไปตัดความคิดของเด็ก ๆ ลงเสีย โดยไม่ให้มองค่าของวิชาประวัติศาสตร์ แต่ความจริงนั้น เด็กคนนี้ ยังไม่รู้เลยว่า ประวัติศาสตร์ หมายความว่าอะไร คำว่า ศาสตร์ หมายความว่าอะไร ไม่รู้เลย
อะไรที่มันเป็นศาสตร์ เป็น Science ขึ้นมานี่ มันไม่ใช่ไปเขียนปุ๊บปั๊บขึ้นมา แต่เขาได้ทดลองพิศูจน์มาเป็นปีหลายปี หลายร้อยปี หลายพัน หลายหมื่นปีก็มีถึงได้นามว่า ศาสตร์(ที่หลายหมื่นปีก็ โหราศาสตร์ไงล่ะ) จนได้พบทฤษฎี ได้พบ การพิศูจน์ ไม่ผิดพลาดขึ้น เช่น ศาสตร์การบินไง ตั้งแต่สองพี่น้องตระกูลไรท์ ค้นพบการบินแบบนกขึ้น เขาก็คิดต่อกันมาร่วมร้อยปีเลย จึงทำเครื่องบินพัฒนามาเรื่อย ๆ จนถึงระดับการบินอวกาศไปนอกโลก ถึงดาวจันทร์ ดาวพฤหัสได้ ผลงานที่เขาวิจัยกันติดต่อมานั่นเอง เขาวิจัยมาตลอด เพื่อให้ได้ทฤษฎีที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ เรื่องการบินไทย อะไรก็ไม่รู้ อลเวงไปหมด ในเชิงการบริหารนั่นเอง เพราะไม่มีวงงานการวิจัยทำงานตรวจสอบให้นั่นเอง
จนวันนี้ ฝ่ายการศึกษาเรามีที่น่าชื่นชมก็เรื่องเด็กนักเรียนวิจัยพันธ์พืชต่างๆเป็นตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม นั่นเองเพราะมีนาข้าว พ่อเป็นชาวนา ครูก็เป็นชาวนา นั่นแหละต่อไปนี้ งานการวิจัยนาข้าว อาหารการกิน ต้องเร่งรัดเพื่อให้เราทำอาหารสำหรับชาวโลกทั้งโลกหลังชนะโควิดแล้วและวิจัยทางการระดมการท่องเที่ยว ทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้คนรู้จักไทยไปมากยิ่งขึ้น
แต่นั่นทางวิทยาศาสตร์เขา ทางการเมือง ทางสังคมศาสตร์ แม้จบดร.แล้วยังทำงานวิจัยไม่เป็นเลย อย่างในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั่นเองการเมืองยุ่งเหยิงมาตั้งแต่ 14 ต.ค. 16 ยังไม่รู้จักเอาข้อมูลมาตั้งสมมติฐานการวิจัยขึ้นเลย ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อธิการบดีมากี่คนก็นิ่งเพราะทำไม่เป็น ก็มานอนเล่นเฉย ๆ เรื่องนี้ ก็มีนะ มีนายกรัฐมนตรีไทยมองเห็นปัญหามาแล้ว จึงครั้งหนึ่ง ขณะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เชิญอธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยไปร่วมฟัง และร่วมประชุมด้วย คือท่านทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง เป็นเรื่องพิเศษจริง ๆ ที่เอาอธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยไปร่วมประชุมครม.ด้วย เสร็จแล้ว ท่านก็บอกว่า เอาละ ท่านอธิการบดีก็ได้ฟังแล้ว ต่อไปก็จะขอความคิดเห็นจากพวกท่านหน่อย ขอให้แสดงความคิดเห็นออกมา
คนที่ดูและฟังการประชุมคราวนั้นก็คงจะแปลกใจเหมือนกัน ที่พอให้แสดงความเห็น ทั้ง ๆ ที่เป็นระดับอธิการบดีนี่แหละ มีแต่คนอมยิ้ม ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลย แม้แต่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่ท่านบอกซ้ำ ไปก็ไม่มีใครกล้าพูด ทำไมล่ะ? ก็แบบที่ว่ามานี่เอง ท่านก็ขอให้แบ่งกลุ่มงาน เสนองานกลุ่มมาให้ท่านหน่อย ก็แบ่งกลุ่มกันทำคนละเรื่อง แต่ก็ให้ส่งงานตามมา มีธรรมศาสตร์ไม่ร่วมรายงานกับเขา ก็ลองเปรียบเทียบกับเด็กมัธยม ที่มาไล่รมว.ศึกษาไปเดินต่อท้ายวันที่ 19 ส.ค. ณ กระทรวงศึกษาสิ ขนาดเขาเป็นเด็ก เขายังกล้าและเก่งกว่าอธิการบดีเลย
...เท่านี้แหละที่ก็พอบอกอะไร ๆ ในวงการศึกษาเรา ว่าเราไร้คนมีคุณภาพจริง ๆ ก็เอาตามกันไปแบบไม่รู้อะไรเป็นอะไร แม้ประชาธิปไตยก็ไม่รู้
14.06 น. อาจารย์วิษณุ เครืองาม ในฐานะตัวแทนนายกรัฐมนตรี ได้เข้าสู่ที่ประชุมท่านประธานวุฒิสภา ขอให้แสดงความคิดเห็น ท่านได้กล่าวชื่นชมว่า ข้อเสนอของสว.มีประโยชน์อย่างยิ่ง จะเอาไปพิจารณา เอาไปทำแผนปฏิรูปประเทศ นรม.ประธานยุทธศาสตร์ชาติ ปธ.รัฐสภาเป็นรองประธานยุทธศาสตร์ชาติ ...การบ้านครม. จะทำปฏิรูปอะไร ? ประเมินนั้นยังไม่ได้รับทราบ ...มี สน.พัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ.... รับทราบแผนการปฏิรูปประเทศ ตามรธน. ....จะส่งรายงานไปยังนายกรัฐมนตรีต่อไป
ปิดประชุม15.45 น. ในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติที่มีคณะต่างๆด้านต่างๆนำไปคิดสร้างกัน หลายคณะ แล้วจะนำมารวมเป็นยุทธศาสตร์ชาตินี้ ก็จะต้องมองเข้าใจว่า เป็นประชาธิปไตยอย่างไรหรือไม่ เพราะแท้จริง นี่คือเรื่องราวของนโยบายทางการเมืองนั่นเอง เป็นของพรรคการเมืองเขา มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเอานโยบายที่ย่อมได้รับการรับรองจากประชาชนมาแล้ว ขึ้นเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติได้โดยตรง แหละหาก รธน.60 ได้รับการแก้ไขไป ก็อาจจะทำให้งานยุทธศาสตร์แบบนี้ ไร้ผล ไปทำการบริหารต่อไปไม่ได้ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ประชาธิปไตย จะต้องเข้าใจ เพื่อไม่ให้มีการเถียงกัน กลายเป็นเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะความไม่รู้ นั่นเอง @เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้วComputerman36ฆิกเมฆสุวรรณเมฆินทร์8ก.ย.256318.35