ReadyPlanet.com
dot dot
bulletBUDDHISM to the NEW WORLD ERA
bullet1.Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet117.Lukanda-ลูกันดา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
bulletMystery World Report รายงานการศึกษาโลกลี้ลับ
bulletสารบาญโหราศาสตร์
bulletหลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิต
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบนี้(เริ่ม ก.พ.55)
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น1
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น 11
bulletทุกความคิดเห็นจากหน้า1(ก่อน ก.พ.55)
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบบอร์ด(ถึงก.พ.55)
bulletภาค 11
bulletภาค 12
bullet54.Hmong ม้ง
bullet133.แอลเบเนีย
bullet133.แอลเบเนีย
bulletหน้าที่เก็บไว้




5.1..NWE.5..อนัตตา1..รูปัง ภิกขะเว อะนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา สกัดวาทะประเด็นอริยมรรคโดยเฉพาะ ถวายจ.อ.วังหิน มรณภาพ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

รูปัง  ภิกขะเว  อะนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา

(ถวายแด่ พระศพ พระครูวรธรรมคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอวังหิน จ.ศรีสะเกษ)

โพสต์ในเฟส:24 มิถุนายน เวลา 03:49 น.  ·

[Thai-English]

-----

 

 

1.

ก็เมื่อ สังขาร คือ ร่างกาย (รูป+เวทนา+สัญญา+สังขาร+วิญญาณ), เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง, และจึงเป็นเหตุของทุกข์, เช่นนี้ สังขาร (ร่างกาย) จึงบังคับไม่ได้ ตามใจเราไม่ได้, จะต้องตายในที่สุดทุกๆคน ทุกๆสังขาร ทุก ๆ ชีวิต, สังขารร่างกาย จึง ไม่ใช่ของเรา เราสั่งให้มันอยู่ไปร้อยปี พัน ปี ไม่ได้เลย, มันเป็น อนัตตา มันไม่ใช่ของเรา แม้มือ เท้า แขน ขาเรา ปอด หัวใจ มันสมองเรา ก็ไม่ใช่ของเราเป็นอนัตตาทั้งสิ้น,

ฉะนั้น พวกเราทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ย่อมจะไปสู่จุดสุดท้าย เช่นเดียวกันนี้ทุกคน ๆ ทั้งโลกเลย, น่าเบื่อหน่ายในชีวิตจริง ๆ ที่มีปกติหมุนวนอยู่เช่นนี้ อยู่กับการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย, ตายแล้วก็มาเกิดใหม่-ตายอีกรอบใหม่ หมุนวนไปใหม่เช่นนี้ ไม่พ้นไปจากวงเวียนนี้ นับโกฎิ ๆ ปีมาแล้ว และยังจะต่อไปเช่นนี้อีกนับโกฎิๆปีข้างหน้า ตราบที่ยังไม่พ้นไปจาก อนัตตา, เพราะไม่พันไปจาก อนัตตา,

ฉะนั้น  คนทั้งหลาย  ทั้งโลก  ไม่ว่าชาติใดเชื้อสายใดศาสนาใด  จงมุ่งไปสู่ทางพระนิพพานเถอะ ทางไปสู่ความพ้นทุกข์จริง ๆ พ้น อนัตตาจริง ๆ ด้วยการชำระล้างตัณหาสาม, กามตัณหา, ภะวะตัณหา, และวิภะวะตัณหาให้หมดจากใจเราให้ได้ให้เกลี้ยงเกลาจริง ๆ  นั่นคือหากเมื่อใด คนใดสามารถชำระดวงจิตให้สะอาดผ่องแผ้ว พ้นไปได้จาก กิเสทั้ง 3 ดังกล่าวเมื่อไร ก็จะบรรลุสู่มรรคผลนิพพานเมื่อนั้นโดยทันที  นั่นแหละโลกนิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมครูของเราของโลกละ นั้นแหละได้พบความสุขอมตะนิรันดร ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก  เอาละ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เลย หากยังช้าอยู่ก็ต้องรีบๆ เพราะเวลามีน้อย... พระครูพุทธิพงศานุวัตร ผจล.วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ศรีสะเกษ.16 มิ.ย.2564 07.24 น.

 

 

-----

-----

 

2.

ความคิดเห็น-คำอธิบาย

รูปัง ภิกขะเว อะนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา

รูปัง ภิกขะเว อะนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา บาลีบทนี้มาจาก อนัตตลักขณะสูตร ที่พุทธองค์ทรงแสดงเป็นกัณฑ์ที่ 2 แด่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5, ซึ่งพระอานนท์เถระได้จดจำมาถ่ายทอดถึงคนทุกวันนี้ซึ่งเชื่อได้ว่า ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ตกหล่นครบทุกคำตามที่พระองค์ทรงแสดงครั้งนั้น, และนั้นเอง, ทำให้ทรงความหมายอย่างสำคัญต่อการบรรลุมรรคผลนิพพานได้สำหรับคนยุคใหม่, หากแต่ การทำความเข้าใจมักจะมีคนระดับครูบาอาจารย์หรือนักการศึกษาทำความเข้าใจผิดไปจากความหมายในอนัตตลักขณสูตรเองในถ้อยคำสำคัญคำหนึ่ง ซี่งมีสัจธรรมเกี่ยวกับเรื่องสังขาร และเรื่อง ธรรม หรือ ธัมม ตามบทสรุปที่ว่า สัพเพสังขาราอนิจจา, สัพเพสังขาราทุกขา, สัพเพธัมมา อนัตตา,

คำว่าสัพเพธัมมาตามนัยยะของอนัตลักขณะสูตรนั้น คำว่าธัมมะ ไม่ใช่แปลว่า ธรรมะ หรือธัมมะ ในนัยยะของแก้วสามประการที่สองคือ พระธรรม หรือความหมายอื่นใดก็ตาม แต่หมายถึง สรรพสิ่งในโลก ในจักรวาลนี้ทั้งสิ้น หากเอาไปแปลว่า เป็นธรรมะ แล้วจะไม่เข้าความหมายของ อนัตลักษณะสูตรคือก็จะเข้าใจผิดไป ไม่นำไปสู่ความเข้าใจเรื่องมรรคผลนิพพาน อรหันต์นั่นเอง ก็แปลว่าเข้าใจผิด ที่ไม่อาจจะบรรลุพระอรหันต์ได้เลย

 

3.

โดยที่เราต้องเข้าใจให้สอดคล้องความหมายของอนัตตลักขณะสูตรตั้งแต่เริ่มต้นเข้าใจเรื่อง อนิจจัง ร่างกายชีวิตไม่เที่ยง ไม่คงที่แต่เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆจนที่สุดสู่ความสูญสลาย สู่ความตายไปทุกคน ๆ  ภาพที่เห็นจริง ๆ อยู่ปกติก็คือ คนเราทุกคนนั้นไม่สามารถสั่งร่างกายของตน ไม่ให้มีการแก่ การเจ็บและการตายได้เลย นี่เองเป็นเหตุของ ทุกข์ เป็นเหตุให้มีคำว่า สัพเพสังขารา ทุกขา สังขารร่างกาย ชีวิตเป็นทุกข์   ซี่งอนิจจัง และทุกขัง นี้ทรงแสดงมาแต่ธัมมจักกัปปะวัตนะสูตรแล้ว เป็นเหตุให้โกณฑัญญะสำเร็จโสดาบัน จากความเข้าใจหลักอนิจจังว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับล่วงลับไปเป็นธรรมดา ครั้น7วันต่อมามาทรงแสดงอนัตตลักขณะสูตร ทรงพูดถึงสัจธรรมของร่างกายของชีวิตคนว่าไม่ใช่ของเรา ทรงถามปัญจวัคีย์ว่า รูป ร่างกายเป็นอัตตาหรือไม่ ตอบว่า ไม่ เพราะหากเป็นอัตตาแล้ว รูปก็จะไม่เป็นไปเปลี่ยนไปในทางที่เราไม่ชอบและหากเป็นอัตตา รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ, ก็จะสามารถสั่งการได้ตามใจเรา แต่เราสั่งการมันให้เป็นไปตามใจเราไม่ได้ เช่นจะไปสั่งให้รูปร่างกายของเราอย่าแก่ อย่าเจ็บ อย่าตาย ก็สั่งไม่ได้ บังคับมันไม่ได้ เช่นนี้แหละ จึงเรียกว่า มันเป็นอนัตตา แปลว่ามันไม่ใช่ของเรา เราบังคับร่างกายเราให้เป็นไปตามใจเราปารถนาไม่ได้ ซึ่งเมื่อขยายความเข้าใจออกไป จึงเป็นสัพเพธัมมาอนัตตา โดยเราต้องแปลคำว่า สัพเพธัมมา ให้ถูก โดยต้องแปลคำว่า ธรรมะ หรือ ธรรมา หรือ ธัมมะ นี้ว่าเป็นสัพพสิ่งในโลก ในจักรวาล ที่มีสภาวะอย่างเดียวกับสังขาร นั่นคือไม่ใช่ของเรา เราสั่งการให้มันเป็นไปตามใจเราไม่ได้

 

 

ฉะนั้น คำว่า ธรรมะ ตามนี้ จึงหมายถึง สรรพสิ่ง คือสิ่งทั้งหลายทุก ๆ สิ่งบนโลกและจักรวาลนี้ ล้วนเป็นอนัตตา ไม่ใช่ของเรา เราสั่งบังคับมันไม่ได้เลยนั้นเอง ธรรม หรือธัมมะ ตามพระสูตรนี้ ไม่ใช่หมายถึง พระรัตนตรัยที่คนพุทธบูชาว่า สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม ธัมมัง นมัสสามิ ไม่ใช่ หากแปลไปเข้าใจไปแบบนั้นแล้วก็ไม่อาจจะนำดวงจิตไปพิจารณาเห็นความน่าหน่ายน่าชังของทุกขลักษณะ อันเกิดมาจากความเป็นอนิจจังและอนัตตาได้ เพราะเมื่อทรงแสดงพระธรรมบทนี้จบลง ได้ทำให้ปัญจวัคคีย์ เกิดความเบื่อหน่ายในสังขาร ที่สั่งการบังคับไม่ได้ ที่เห็นแล้วว่า นั่นเป็นเพราะสังขาร ชีวิตไม่ใช่ของเรา เราคล้ายว่ายืมของคนอื่นมาใช้เท่านั้น ก็เกิดความเบื่อหน่ายขึ้นและความเบื่อหน่ายไปล้างกิเลสภายในดวงจิตหมดสิ้นไปในทันที ก็จึงบรรลุอรหันต์พร้อมกันทั้ง 5 องค์หลังทรงแสดงพระธรรมเสร็จลงทันที ฉะนั้น หากใครก็ตามไปแปลคำว่า สัพเพธัมมาอนัตตา เป็นอย่างอื่น ไม่สอดคล้อง อนัตตลักขณะสูตร จึงถือว่าแปลผิดและเข้าใจผิดไปหมดเลย นั้นย่อมนำคนผู้หลงผิดไปตาม ไปเข้าใจผิดในพระพุทธศาสนาต่อไปอีกด้วย และแน่นอนกลับปิดกั้นทางสู่มรรคผลนิพพานอย่างสนิทไปเลย เรียกว่าทำไปตามอวิชชาอย่างแท้จริง น่าละอายใจ

 

4.

คำว่าอัตตาหรือตัวตนนั้น ตามอนัตลักขณะสูตร ความมีตัวตนของเรา ร่างกายของเรา มือ  เท้า แขน ขา หัวใจ ตับ ปอด นั้น ไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว แต่เป็นอนัตตา ดังที่ทรงถามปัญจวัคคีย์ว่า ร่างกายเป็นอัตตาหรือไม่ ? ปัญจวัคคีย์ตอบว่าไม่ ถามว่าทำไมล่ะ? ตอบว่า หากว่าร่างกาย มือ เท้าแขน ขา ปอด ตับ หัวใจ เป็นอัตตา เป็นเรา เป็นของเราเป็นตัวตนของเรา เราก็จะสั่งมันได้ บังคับบัญชามันได้ ว่า จงอย่าแก่ จงอย่าเจ็บ จงอย่าตาย จงมีอายุยืนไป ร้อยปี พันปี แต่เราสั่งได้ไหม? ไม่ได้!! มันจึงเป็นอนัตตา มันไม่มีอัตตาอยู่แล้ว มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้วเพียงแต่เราไปสำคัญผิดว่ามันเป็นเรา มันเป็นของเราเท่านั้นเอง ....นี่แหละเป็นสัจธรรม ที่เมื่อรู้แล้ว จะทำให้เกิดความหน่ายในชีวิต ความเป็นอัตตา อนัตตา นี้ นำไปเกิดการขับไล่ตัณหาในดวงจิตออกไปเกลี้ยงเกลาและบรรลุอรหันต์ได้ ประเด็นก็เกิดขึ้นมาว่า แล้วทำไม ในเมื่อความจริงอัตตาไม่มีอยู่แล้ว, ก็เพราะในความจริง ไม่มีอัตตาอยู่แล้ว มีแต่อนัตตา มันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว นั้นก็บังเอิญเกิดรู้ขึ้นมาทำให้คนหลายคนเข้าใจผิดไปได้ โดยได้รู้ว่าตนเองไม่มีอัตตาแล้ว มีแต่อนัตตา ตนย่อมสำเร็จอรหันต์แล้ว นั้น นั่นแหละ!! ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าตนเองสำเร็จเป็นพระอรหันต์,ซึ่งนับเป็นความเข้าใจผิดไปอย่างมากมาย, ซึ่งทางที่ถูกก็คือคำว่าตัวตนหรืออัตตายังมีอีกความหมายหนึ่งต่างหาก ต่างไปจาก อนัตตลักขณะสูตร นั่นก็คือมีอีกความหมายใน ธัมมจักกัปปะวัตตนะสูตรที่ทรงแสดงมาก่อนนั้นเอง และนี้เป็นคนละความหมาย ไปจากอนัตตลักขณะสูตร หากเข้าใจได้รู้ตามอนัตตลักขณะสูตรแล้ว ไปเข้าใจเรื่อง สัพเพสังขาราอนิจจา สัพเพสังขาราทุกขา สัพเพธัมมาอนัตตาติ, จะยังไม่ใช่, ต้องไปศึกษาต่อในเรื่อง อริยสัจ 4 จึงจะรู้จักธรรมะว่าด้วยอัตตา อนัตตาที่เป็นตอนจบจริงๆ ในความหมายของคำว่าตัวตน ตัวกูของกู ตัวมึงของมึงหรือ เรื่อง อีโก้ ที่ฝรั่งเขาได้รู้ไปก่อนแล้ว, หากยังไม่ไปเข้าใจอริยสัจ 4 จากธัมมจักกัปปะวัตนะสูตร ที่ทรงเทศนามาก่อนแล้ว ก็จะไม่อาจสำเร็จอรหันต์ได้, นั้น ก็จะเป็นการเอาเรื่องที่ตนเข้าใจผิดไปสอนผิดๆ ต่อไปอีก โดยอาจถึงขั้นว่าเข้าใจว่าตนสำเร็จอรหันต์ไปก็ได้ นั้นแหละ เป็นเรื่องที่ทำลายสัจธรรมในพระพุทธศาสนาไปเลย คำว่าอัตตามันซ่อนความหมายซ่อนคำอยู่ในธัมมจักกัปปะวัตนะสูตร หาพบก็สำเร็จละ

5.

ก็ธัมมจักกัปปวัตตนะสูตร ทรงแสดงครั้งแรก เป็นบทปฐม ซึ่งการแสดงธรรมบทแรกนี้ ทรงแสดงความหมายไว้อย่างเป็นแบบฉบับ สำหรับการรู้แจ้งมรรคผลทั้งสิ้น นับจากโสดาบัน, สกทาคามี, อนาคามี, ถึง อรหันต์, หมายความว่า ธัมมจักกัปปวัตนะสูตรนี้ ถ้าเข้าใจรู้แจ้งหมดแล้ว ก็สามารถสำเร็จไปได้ถึงอรหันต์ แต่ท่านอัญญาโกณฑัญญะขณะนั้นสามารถรู้แค่เรื่อง อนิจจังคือรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา เมื่อมารู้แจ้งไปอีกจากอนัตตลักขณะสูตร เรื่อง เราบังคับสิ่งใดไม่ให้เป็นไป ให้เป็นไปตามใจเราไม่ได้เลย มีแต่ล่วงไป ๆ สู่จุดดับแบบไม่ฟังเราเลย ทั้งสิ้น นั้นแหละอนัตตา และ สัพเพธัมมา อนัตตา, ไม่ใช่หมายความถึง ธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นการขยายจากสัพเพสังขารา ไปเป็น สัพเพธัมมา ซึ่งให้ความหมายกว้างขวางขึ้น ธัมมะตรงนี้จึงหมายถึงสิ่งทั้งหลายทั้งปวงหรือของสรรพสิ่ง คือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นไปเสื่อมไป ดับไปเองแบบที่เราสั่งการบังคับไม่ให้มันเป็นไปเสื่อมไปไม่ได้เลย มันเป็นเช่นนั้นเสมอๆ แก่ เจ็บ ตาย ไปเสมอ สั่งให้มันคงอยู่ เป็นอยู่ตลอดไปไม่ตายไม่หักไม่พังไม่ได้ เช่นจะไปสั่งดวงอาทิตย์ จงอย่าตกดินลงไปเลย สั่งดินฟ้าอากาศ อย่าหนาวเลย สั่งดาวหาง อย่ามาชนโลกนะ อะไรที่เป็นสัพพสิ่ง ทั้งสากลจักรวาล แม้โลกเรา สุริยะจักรวาล และจักรวาลอื่น ๆ มันเป็นอนัตตาทั้งสิ้น เข้าใจได้ เห็นจริงอย่างนี้แหละ นำไปสู่มรรคผลนิพพานอรหัตผลได้ แต่ถ้าไปเข้าใจคำว่าสัพเพธัมมา หมายถึง ธัมมะ ในความหมายของ พระธรรมที่ทรงสอนแล้ว และเข้าใจผิดไปหมดว่าพระธัมมเป็นอนัตตา นั้นก็เรียกว่าหลงทางไปเลย และคำว่าอัตตา คำว่าตัวตน ที่มองแบบตรงข้ามกับอนัตตา นั้น จะต้องไปศึกษาจากพระธัมมจักกัปปวัตนะสูตร ให้เข้าใจ และยังมีอีกพระสูตรหนึ่ง ที่ทรงแสดงแด่พวกนักบวชลัทธิเดิม 1003 รูป ถัดจากนั้นมา คือ อาทิตตปริยายสูตร สำเร็จอรหันต์พร้อมกันหมดเมื่อทรงแสดงจบลง(หมายความว่าฆ่าอัตตาตัวตนที่มีในตนหมดก็สำเร็จอรหันต์พร้อมกันได้) นั้นแหละค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจเรื่อง อัตตา ตัวตน ได้อย่างชัดเจน น่าจะไปศึกษาจาก 3 พระคัมภีร์นี้ให้เจนจบจริง ๆ ก็ย่อมจะส่งผลแด่คนยุคนี้ได้เช่นเดียวกับคนยุคนั้น.

@แด่ พระศพ พระครูวรธรรมคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอวังหิน จ.ศรีสะเกษ 24 มิ.ย.2564

 

 

 

-----

-----

 

 

[English]

Rupang Bhikkave Anatta Look, monks, image is soulless

(Dedicated to the funeral of Phrakhru Worathamkanarak Dean of Wang Hin District, Sisaket Province)

-----

 

1.

When sankhara is the body (form+feeling+concept+sankhara+spirit), it is impermanent and impermanent, and thus is the cause of suffering, thus the body cannot be forced. As we can't, we will die in the end. Everyone, every body, every life, therefore the body is not mine. We can't order it to live for a hundred years, a thousand years. It's anatta. It's not ours, even hands, feet, arms, legs. We, our lungs, our hearts, our brains are not ours.

Therefore, those of us who are still alive will surely go to the last point. Likewise everyone in the whole world, really boring in this normal spiraling life. Live with birth, old age, sickness and death, dying and being born again - dying again. spinning around like this It has not escaped from this circle, counted many years ago, and will continue like this for many years to come. As long as it is not freed from Anatta, because it is not entangled from Anatta,

Therefore, all people, the whole world, regardless of race, religion, Let's head towards Nirvana. The path to true liberation from suffering is truly selfless by purifying the three lusts, kama lust, bhava-tanha, and vibhava-tanha from our minds. When can a person purify his mind and purify himself from these three kise? will attain to the path of nirvana immediately That is the nirvana of the Lord Buddha. our teacher of the world That's where I found eternal happiness. Not coming back to swim and die again. Well, here and now. If you're still late, you have to hurry. Because there is little time... Phrakhru Putthipongsanuwat Chief of Police, Maha Phuttharam Temple, Phra Aram Luang, Sisaket, June 16, 2021, 07.24 a.m.

-----
-----

2.

Rupang Bhikkave Anatta Look, monks, image is soulless

Rupang Bhikkave Anatta Look, monks, image is soulless This chapter is from Anatta Lak moment formula which the Buddha performed as the 2nd khan to the 5 Panchavakkeys, which Ananda Thera remembered to convey to people today who believe that Complete and complete without omissions of every word as he showed at that time, and thereby, giving significant meaning to the attainment of the path of Nirvana for the new generation, but comprehension often has a level of mentorship or educator. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . The study misunderstands the meaning of the Anatta Lakana Sutra itself in one key word. which has the truth about sankhara and dharma or dhamma according to the conclusion that Sabbesangkhara anicca, Sabbesankhara Dukkha, Sabbedhamma anatta,

The word sabbe dhamma comes in the sense of anatta lak kana sutta. The word dhamma does not mean dharma or dhamma in the sense of the second three glass is dharma or any other meaning, but refers to everything in world in this whole universe If taken to translate as Dharma, then it will not understand the meaning of The nature of the formula is that it will be misunderstood. does not lead to an understanding of the path of nirvana That's the arahant. misunderstood that cannot attain arahatship at all

 

3.

Whereas we must understand in accordance with the meaning of the Anatta Lak Sutta from the beginning to understand the matter of vanity, the body of life is impermanent. not stable, but changing to deteriorate until the end to destruction To everyone's death, the picture that is actually seen is normal. All of us cannot command our bodies. not to get old injury and death. This is the cause of suffering, which is why there is the word sabbe-sankhara, every leg, body-sankhara. Life is miserable, vanity and dukkha, this has been demonstrated since the Dhammacakkappavattana Sutta. is the reason for the success of Kondanya From the understanding of the impertinent principle that Something happens normally That will naturally pass away. Then, 7 days later, His Highness expressed anattalak during the Sutra. He spoke of the truth of the body of a person's life as not ours. He asked Panchavakee whether the form or the body was an ego or not. Form will not change in a way that we don't like, and if it is ego, form, feeling, contract, body, spirit, it will be able to command as we please. But we can't command it as we please. For example, to order the form of our body not to grow old, not to hurt, not to die, it cannot be commanded, it cannot be controlled. This is how it is called anatta. means it's not ours We can't force our bodies to do what we want. which when expanding the understanding Therefore, it is Sabbedhamma Anatta. We must translate the word sabpethamma correctly by having to translate this word dharma or dharma or dhamma to be all things in the world in the universe that have the same condition as the body. that is not ours We can't order it to be what we want.

Therefore, the word Dharma according to this means everything, that is, everything in this world and the universe. All are the self, not ours, we cannot enforce it at all. Dharma or Dhamma according to this Sutra. not mean The Three Jewels that Buddhists worship as Swagkhato bhagavata dhammo dhammam namassami, no, if interpreted in such a way, then one cannot take the mind to consider its despicableness. of all characteristics caused by vanity and selflessness because when he finished preaching this chapter has made Panchawak Key boredom in the body that cannot be forced seen that That's because the body life is not ours We seem to borrow from other people only to use. Boredom arose and boredom immediately washed away the passion within the soul. So he attained all five Arahants at the same time after he finished preaching the Dharma immediately. Sabbedhamma Anatta otherwise, inconsistent, selfless, as in the formula. Therefore, it is considered a mistranslation and misunderstanding. that will lead the astray to misunderstand Buddhism as well and, of course, completely blocked the path leading to Nirvana. It is called true ignorance, shameful.

 

4.

The word ego or self according to the infinite form while the formula our existence Our bodies, hands, feet, arms, legs, heart, liver, lungs are not ours. but it is soulless As he asked Panchawakkee, Is the body an ego? Panchawakkey replied no. Ask why? Answer: If the body, hands, feet, arms, legs, lungs, liver, heart are the ego, it is us, it is ours, it is our self. We can order it. You can command it, don't get old, don't get hurt, don't die, live for a hundred years, a thousand years, but can we command it? No!! therefore it is soulless. It doesn't have an ego anymore. It is already like this, but we mistakenly assumed it was us. It's ours only. ....this is the truth that when I know will cause displeasure in life This self-existence leads to the expulsion of desires in the mind to be clean and to attain arahatship. The issue arises as to why when the truth does not exist, because in reality There is no ego, there is only Anatta, it is not ours anymore. That accidentally happened to know that many people have misunderstood. Knowing that he has no self, only anatta, he has attained an arahant, that's it!! This led to the misunderstanding that oneself was an Arahant, which was a huge misunderstanding, in which the correct way was that the word self or ego also had another meaning, different from the Anatalak Sutra. that is, there is another meaning in The Dhammacakkappavattana Sutta that He had shown before. and this is a different meaning Go from the Anatta Lak while the formula. If you can understand, you can know according to the mantra during the formula. to understand Alas Sangkhara on every leg Sabbedhamma anattati, not yet, must go to study the Four Noble Truths in order to know the Dharma of the Self. Anatta that is the real ending. In the meaning of self, my self, your self, or the ego that foreigners have already known, if they have not understood the 4 Noble Truths from the Dhammacakkappavattana Sutta who had preached before If one would not be able to attain arahatship, that would lead to the misunderstanding of the teachings further, possibly to the point of understanding that one could have attained arahatship. That's the thing that completely destroyed the truth in Buddhism. The word attaman hides its meaning in the Dhammacakkappavattana Sutta. Found it successfully.

 

5.

Dhammacakkappavattana Sutta His Highness gave his first appearance as the first chapter. He expressed the meaning in a typical way. for the enlightenment of all paths Counting from Sotaban, Sakthagami, Anagami, to Arhat, means this Dhammacakkappavattana Sutta. If you understand, know everything. It can be accomplished to an arahant. But Anya Kondanya at that time could only know about Vanity is knowing that something naturally arises, it naturally disappears. When we come to enlightenment from anattalak in the sutra and subject, we force things not to happen. not to be able to do as we wish, but to the point of extinction without listening to me at all. That is Anatta and Sabbadhamma Anatta, not referring to All dhammas are selfless. not like that but is an extension from sappesangkhara to sappedhamma, which gives a broader meaning Dhamma here therefore refers to all things or things, that is, all things are perishable. self-extinguishing like we ordered to force it not to be deteriorating at all. It is always like that, always getting old, sick, always dying, ordering it to last. Live forever, not dead, not broken, not broken. like going to order the sun Don't fall down. Order the weather, don't be cold, order comets, don't hit the earth. what is a thing The whole universe, even our planet, the solar universe and the rest of the universe, it is all selfless. leading to the path of nirvana and arahatship But if you understand the word sabbe dhamma means dhamma in the meaning of the dharma taught and completely misunderstood that Dhamma is selfless. It's called getting lost. And the word atta, the word self, which looks at the opposite of Anatta, must be studied from the Dhammacakkappavattana Sutta to understand it. And there is another sutra. that he showed to the 1003 priests of the same sect, next to that was the Aditata Pariya Sutta Attaining all Arahants at the same time when His Highness finished (meaning that killing all of the self-contained self can achieve Arahant at the same time), it is quite a matter of clearly understanding the self-self. Should go to study from these 3 scriptures until the end. It will really affect people in this era as well as people of that era.@To the funeral, Phra Kru Worathamakarak Dean of Wang Hin District, Sisaket Province, June 24, 2021.

 

 

-----
-----

 

 

 

 

 




5..NWE.5..คำอธิบายสัจธรรมแห่งชีวิต เรื่องทุกข์ เรื่องอนิจจัง และเรื่อง อนัตตา ตามพระสูตรทุกถ้อยคำในพ

5.2..NWE.5..อนัตตา2..Alex Joy อนัตตะลักขณะสูตร วิวาทะธรรมพิจารณ์
5.3..NWE 5..อนัตตา3..พระพุทธเจ้าตรัสอะไรในอนัตตะลักขณะสูตร ? พาตามพุทธวาทะทุกคำในพระสูตร เรารู้อะไร จากอนัตตลักขณะสูตร ? เรารู้แล้วหรือยัง ?
5.4..NWE.5..อนัตตา4..อนัตตะลักขณะสูตร บทสรุป พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไรในอนัตตลักขณสูตร?
5.5..NWE5..อนัตตา5..อัตตา-อนัตตา, นิจจัง –อนิจจัง, เป็นทุกขอริยสัจ มีมาจากเหตุคือสมุทัยอริยสัจ ความรู้แจ้งอย่างไรนำไปสู่มรรคผลนิพพานในทันทีทันใดได้?
6.1..NWE.5..ธัมมจักก1..ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จักรคือธรรม ไม่มีจักรอื่นสู้ได้ พาตามพุทธวาทะทุกคำในพระสูตร มาดูสาระสำคัญ ของการแสดงปฐมเทศนานี้
6.2..NEW 5..ธัมมจักก2..วันอาสาฬหบูชา วันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาแด่ปัญจวัคคีย์ สกัดวาทะประเด็นมรรคผลนิพพานโดยเฉพาะ
6.3..Nwe.5..ธัมมจักก3..ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จักรคือธรรมไม่มีจักรอื่นต้านทานได้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร?ธรรมะคืออะไร?
6.4..NWE 5..ธัมมจักก4..ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร สิ่งที่ควรรู้ควรเข้าใจจริง ๆ อยู่ตรงไหน?



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์ สื่อของเราทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นแดนสนุกน่าท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกกว่า 8 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ที่สรรพสิ่ง ล้วนเดินไปสู่โลกาวินาสน์ในวันข้างหน้า ภาวะอริยบุคคลจะนำคนทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน 8 พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น.