ReadyPlanet.com
dot dot
bulletBUDDHISM to the NEW WORLD ERA
bullet1.Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet117.Lukanda-ลูกันดา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
bulletMystery World Report รายงานการศึกษาโลกลี้ลับ
bulletสารบาญโหราศาสตร์
bulletหลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิต
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบนี้(เริ่ม ก.พ.55)
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น1
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น 11
bulletทุกความคิดเห็นจากหน้า1(ก่อน ก.พ.55)
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบบอร์ด(ถึงก.พ.55)
bulletภาค 11
bulletภาค 12
bullet54.Hmong ม้ง
bullet133.แอลเบเนีย
bullet133.แอลเบเนีย
bulletหน้าที่เก็บไว้




7. พูดถึงตนเอง(4) ประวัติเล่าเองล่าสุด 2564 อภินิหาริย์ของชีวิตแต่ละขั้นตอน

 

 

 

 

 

 

 

ประวัติล่าสุดเล่าเองเอาลงเฟส
(ประวัติละเอียด 16 ตอน มีใน นสพ.ดี แต่มันเก่าไปเล่าใหม่ ๆ )

12 ต.ค. 2564

 

 

 

 

 

ชื่อเดิม ร.อ.พยับ เติมใจ กองบัญชาการทหารสูงสุด สนามเสือป่า กทม. 

มีใจฝักใฝ่ในธรรมะของพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่เกิด  มีความสงบ สันติ สำรวมกายวาจาใจมาตั้งแต่เด็กทารก

ชอบฟังนิทานให้แม่-พ่อเล่าให้ฟังทุกคืน พบปรากฎการณ์ระลึกชาติตั้งแต่เด็กแล้ว  

รู้จักทำกสิณไฟ ตั้งแต่เป็นเด็กอ่อนเดินไม่เป็น โดยนั่งมองดูดวงอาทิตย์บนยอดไม้ไปแบบที่สายตาไม่กรดุกระดิก จนดวงอาทิตย์ตกดินอยู่ นานเป็นเวลาตั้ง 2 ชั่วโมงเศษๆ คือตั้งแต่ดวงอาทิตย์อยู่ปลายไม้ แล้วแดดอ่อนลงไปจนเขาเอางัวควายมาเข้าคอก เรายังเดินไม่เป็น ก็ได้แต่นั่งมองดูไป    

พอโตขึ้นเดินได้ก็ได้รู้จักการทำกสิณน้ำ ทำเป็นเอง  ด้วยใจอยากมองดูเท่านั้นเอง ก็มองดูไม่ถอนสายตาไป  คราวพ่อพาไปห้วยลงปักเบ็ดหาปลา กุ้ง  จนเย็นไปหมดทั้งกาย  

เป็นเด็กที่ไม่พูด ไม่จากับใคร และไม่บ่น มาตั้งแต่ยังเป็นทารกและเด็ก ๆ  แม้เข้าเรียนหนังสือ อยู่ห้องคิง รร.เตรียมอุดมศึกษา พญาไทย กทม.  มีเพื่อนชาย 7 คน ไปด้วยกันทั้ง 7 คน เขาคุญหัวเราะกันเกรียวกราว มีแสงชัย สุนทรวัฒน์ ด้วย  เพื่อนชื่อกมลมักเตือนบ่อย ๆ ดังๆว่า พยับพูดหน่อยเถอะวะ แต่ก็ไม่พูดเลี่ยงไป เข้ามหาวิทยาลัย ค่อยพูดบ้างเพราะชอบผู้หญิงสวยๆ ทำให้อยากพูดขึ้นมา   

ใจฝักใฝ่ในเรื่องธัมมะพระพุทธศาสนาแบบที่ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร เรียนหนังสือเก่งมากสอบได้ที่1 ตลอด เป็นนักเรียนทุนหลวง คราวเรียนมัธยมศึกษา  แม้ปริญญาตรีก็ได้ทุนการศึกษาประจำปี  และตอนอยู่มัธยมศึกษา เคยสอบไล่ได้เกินร้อยคะแนนเต็ม  อาจารย์ให้ 21 คะแนนจากคะแนนเต็ม 20 วิชาวรรณคดีอังกฤษ   เข้าห้องคิง รร.เตรียมอุดมศึกษากทม.  แล้วเข้าธรรมศาสตร์  แล้วเข้าปริญญาโท นิด้า  ปฏิบัติธรรม ทานมาแต่เกิด ไม่หยุด

 

ตลอดชีวิตนักเรียนนักศึกษา ข้าราชการ มีแต่สอบแข่งขันสอบเข้าสอบโรงเรียน สอบเข้าทำงาน และไม่เคยแพ้ใคร สอบผ่านหมด  คราวสอบเป็นข้าราชการ  สอบ 2 แห่ง   สอบที่ กพ. และกปส. ได้หมด   แต่กำลังฝังใจเรื่องการสร้างทานบารมีแบบพระเวสสันดร สมัครใจทานตำแหน่งที่สอบได้ทั้ง 2 แห่งให้คนอื่นเขา คิดว่าทานแบบพิเศษ    คิดว่าทำบุญ  ชีวิตฝักใฝ่การปฏิบัติศีล สมาธิ ตลอดเวลา 

ทางปัญญาบารมี เริ่มมาจากการอ่าน  และได้อ่านระดับวรรณคดีสำคัญ ๆ ของชาติไทยมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา อ่านหนังสือวรรณคดีไทย ขุนช้างขุนแผน รามเกียรต์ และ อิเหนามาแต่เรียนชั้นประถม อ่านอิเหนาจบทั้งเล่มตอนเรียนป.4   อยากเป็นพระเอก แบบขุนแผน ฟังพ่อเล่าประวัติหลวงวิจิตรวาทการให้ฟัง  ชอบ แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 พบหนังสือ4เล่มของหลวงวิจิตรวาทการคือ จิตตานุภาพ, มันสมอง, กำลังความคิด,และ มหัศจรรย์ทางจิต,ได้มา4เล่มนี้พร้อมกันเลย ชอบมาก และอยากมีอำนาจจิตแบบขุนแผน มีการสะกดจิตแบบขุนแผน คิดว่าอยากฝึกหัดการสะกดจิต  ก็ตั้งใจฝึกจริง ๆ  ต่อมาหลายปี  จนพอกล่าวได้ว่าเรานี้มีอาจารย์คนแรกก็คือหลวงวิจิตรวาทการนี่เอง (ท่านสอนเลยไปถึงพุทธศาสนาด้วย มีชุดศาสนาสากลแต่ไม่ได้อ่าน ไม่ได้คิดว่าสำคัญเท่า 4 เล่มนี้) ส่วนที่เป็นอภินิหาริย์ของพระพุทธเจ้า

 

 

บทฝึกหัดที่ได้ตั้งใจฝึกจริง ๆ ก็ ฝึกเดินจากบ้านถนนสาธรไปธรรมศาสตร์ เดินตามถนนเจริญกรุงไป ไม่ขี่รถ เดินตามแบบที่หลวงวิจิตรวาทการสอน คือ  เดินตรงไป ก้าวเท้าเสมอกัน และฝึกแผ่อำนาจจิตไปข้างหน้า สั่งการให้คนที่เดินสวนมาต้องหลบทางให้เราอย่างเด็ดขาด ตรงนี้หลวงวิจิตรวาทการสั่งว่า  หากเขาไม่หลบให้ชนเข้าไปเลย ก็ตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ เดินได้ร่วมเดือนเศษ ๆ ทุกวันๆ  ป่วย ก็หยุด  ไปฝึกอย่างอื่น ...ยังมีอีกเยอะ  โดยเฉพาะให้ทำอะไรทำอย่างตั้งใจจริงๆ ทำด้วยใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้จะหยิบเข็มบนถนนขึ้นมาหนึ่งเล่มก็ให้ตั้งใจเพียงดังว่าจะยกขอนไม้ใหญ่หนึ่งขอนขึ้นมา ซึ่งมาพบทีหลังว่าเป็นคำสอนที่ส่งผลการสร้างพลังอำนาจจิตมากทีเดียวและการฝึกมีมากกว่านั้น

 

ที่ฝึกมาตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกตินิสัยก็คือต้องตื่นนนอน 4.30 น.แล้วต้องอาบน้ำทุกวัน ปีแรกเจอฤดูหนาวจนน้ำในตุ่มเย็นแทบเป็นน้ำแข็ง ที่สุดหนาวแต่ต้องการฝึกตรงนี้ ฝึกวาทะอันเป็นสัจจะด้วย เลยต้องอาบน้ำซู่ๆตอนดึกจนคนบ้านข้าง ๆ กัน กม.16 ดอนเมืองขณะนั้น เขาถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น แค่คนได้ฟังเสียงก็หนาวจะตายอยู่แล้ว แต่นั่นแหละการฝึกไม่ขาดเลย จนได้นิสัยมาจนบัดนี้ ทำให้จิตใจเข้มแข็งทรงอำนาจขึ้นมาได้จริง ๆ รู้สึกถึงพลังอำนาจทางจิตที่ยกระดับขึ้น และครั้นจบ มหาวิทยาลัย ไปทำงานอาชีพแล้ว  ก็ได้โอกาสไปทดลอง เป็นผลสำเร็จ สะกดเรียกหญิงสาวมาหามานอนด้วยอยู่ตลอดเวลา 30 คืน   ก็ทำได้จริง  จนมีเสียงเรียกให้มาทางนี้ มาทางพระ  อย่าไปทางมารเลย แกจะเป็นพระหรือจะเป็นมาร ก็เลยหยุดการพัฒนาวิชามารสายนี้ลง  

 

ต่อมาก็มีสิ่งแปละประหลาดเกิดขึ้นมาแทน  มีการอุบัติของเทพธิดาผู้สวยงามขึ้นในดวงจิตดวงใจ อยู่ในดวงใจ  และสามารถกระโดดออกมานั่งคุยกันนอกจิตใจได้ เธอบอกว่าเธอมีชีวิตอยู่ได้เพราะความเมตตา และเพราะการสร้างดวงใจให้อยู่อย่างสะอาด สิ่งที่สนทนาเป็ฯเรื่องธรรมะทั้งสิ้น พูดถึงเรื่องการระลึกชาติ  ที่พูดคุยด้วยแต่คุยเรื่องธรรมะ  ไม่คุยเรื่องอื่น เลย  เท่ากับมีวิญญาณมาควบคุมให้ทำแต่ความดีนั้นเอง

ตลอดเวลาเป็นนักศึกษา มีเรื่องความรัก มากมาย แต่พยายามข้ามไป เสมือนมีความรู้สึกคอยขัดไว้ว่าวันหนึ่งจะต้องจากไกลสตรีคนรักไป   ชีวิตหนุ่ม จบมหาวิทยาลัยแล้ว อุทิศงานราชการให้คนอื่น ตนได้ทำงานทั่วไป จนได้เป็นนายทหาร ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นร้อยเอกก็ออกบวช 

 

 

 

 

 ปี 2512 อายุ 27 ปี  ได้สำเร็จวิปัสนาญาณระดับต้น ๆ  คือโสดาปัน ขณะนั่งพิจารณาธรรมอยู่ ได้พบเหตุการณ์เกิด แก่เจ็บ ตาย เห็นคนเดินไปตามถนนใหญ่ ค่อยแก่ลง เดินหลังโค้งลง  และเหลือแต่โครงกระดูก เดินช้าลงไปทุกคนๆ ทั้งแถวทั้งหมู่ที่เห็นเดินกันไปบนถนนศรีอยุธยานั้น  แล้วล้มนาบลงกับดิน  เปื่อย  เป็นฝ่นผง  หายไปกับดิน ตกใจมากที่ได้เห็น  แล้วพอมองไปทิศตะวันออก  ก็พบว่าดวงตะวันกำลังล้าเหลืองซีดลงไป ๆ เหมือนจะดับลงเหมือนกัน เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเงียบงันไปหมดเหมือนจะสลายมลายไปทั้งโลก ถอนตนมาจากความรู้สึกนั้นแล้วพบว่าแต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึก  แต่ก็ได้ทราบว่าวันหนึ่งโลกก็จะเป็นอย่างที่เห็นนั้นแหละ ...จากนั้น เข้าห้องไปนั่งคิดดูเหตุการณ์ที่ได้พบได้รู้สึก ทันใดก็ได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าตรัสให้ฟังว่า  ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต 

 

 

 เราได้เห็นธรรมเบื้องต้นแล้วคือ  ไตรลักษณ์ นั้นเอง อยากจะศึกษาต่อไปอย่างจริงจังอย่างละเอียด  ก็ขอแม่บวชแต่นั้น แม่รีบมาหา เห็นแม่สทกสะท้อนใจอย่างใหญ่หลวงเมื่อถามว่าบวชนานไหม คำตอบว่า ตลอดชีวิต สงสารแม่จับใจ  เลยบอกเลิกการบวชไว้ก่อน เอาน้องชายมาอยู่ด้วย เลี้ยงน้องชายจนจบปริญญาได้งานทำเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ได้แต่งงานกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย   ตลอด 12 ปีต่อมา  เลือกบ้านอยู่กลางสวนสงบ  ปฏิบัติธรรม เก็บตัวตลอด  บ้านไม่มีหนังสือสักเล่มเดียว  เผาหนังสือ ตำราที่เคยเรียน  แม้กระทั่งหนังสือปริญญาที่เคยเรียนมาเผาทิ้งหมด นั่งเผาไปจนตลอดคืน  จนหมดหนังสือทุกเล่มจนบ้านทั้งหลังไม่มีหนังสือไม่มีแผ่นกระดาษเลย เป็นการอยู่กับบ้านว่างที่ไม่มีหนังสือเลย

 

ตั้งแต่นั้นไป 12 ปีจึงได้ออกบวช ระหว่างนี้แหหละ  พบอภินิหาริ์ย์ เทพธิดาประจำใจ แล้วที่สุด  ได้สำเร็จวิชาปราณ กสิณ สมาธิ  ชั้นสูงสุด  (ปราณนี้สำเร็จแบบเป็นเอง และพบว่าเป็นวิชาที่เถรวาทและในไทยไม่มีสอนและตนเองต้องการพิศูจน์ให้เห็นจริง พอออกบวชจึงมีเวลาพิศูจน์ และ จึงได้พิศูจน์ด้วยการอดข้าว-อดน้ำอยู่7วันภายหลังมาอยู่บ้านแล้ว ได้พบว่าเหตุผลอย่างไร  จึงอดน้ำได้เกิน 3 วัน  ไปถึง 7 วันได้ ไม่ตายตามทฤษฎีแพทย์ศาสตร์  ก็วิชาปราณนี้เอง และพิศูจน์ไปถึงเรื่องฤษีนั่งสมาธิไปจนปลวกมาสร้างรังปลวกรอบตนไปนับเดือนนับปี แต่ไม่ตาย ก็เพราะเหตุผลทางวิชาปราณนี้เอง) จึงขอแม่บวช และออกบวช โดยตั้งใจว่าจะออกเดินทางเข้าป่าไปเลย จึงเลือกบวชที่วัดบ้านถ้ำ กาญจนบุรี ที่อยู่ติดชายแดน เพื่อจะเข้าป่าต่อไปทันทีนั่นเองแผนการบวช   

 

 

 ภาพในอดีต ...หมั้นอาจารย์คนสวยด้วยดอกไม้

ในขณะนั้น ตนเองเกลียดมนุษย์จนรู้สึกว่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะพบแล้วและไม่จดจำชื่อมนุษย์คนใดไว้เปลืองสมอง(ส่วนมนุษย์ผู้หญิงนั้นที่พบแล้วเหมือนพบขยะของสกปรกฯลฯ รังเกียจผู้หญิงโดยเฉพาะคนสวย ๆ  ใจรังเกียจแบบเป็นธรรมชาติไปเลย  แต่เวลาพบเราทำปกติเพื่อรักษามารยาทมนุษย์เท่านั้นเอง เป็นผลจากวิปัสนาญาณชั้นบัวบานเหนือน้ำ และ อศุภกสิณ...นี่แหละที่จะสอนคนทั้งหลายให้ละกามกิเลสได้เลยแบบที่ทำมาได้ผลจริง ๆ นี้แล้ว...และแน่ละ  ทางเบื้องต้นเข้าสู่มรรคผลนิพพานเลยทีเดียว) ตามแผนการบวช จะหนีจากมนุษย์เข้าป่าตลอดไปจนกว่าจะสำเร็จ  จึงคิดเดินทางไปพม่า อินเดีย และธิเบต กะว่าจบลงทั้งชีวิตระหว่างการเดินธุดงค์นี้ ตัวเองคิดเพียงให้ได้รู้จริง ๆ ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร  อะไรคือพระอรหันต์  อะไรคือพระพุทธเจ้า ให้ได้รู้ให้ได้  พ้นไปจากความสงสัยเรื่องพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ให้ได้ทุกประการ  เท่านี้ก็พอใจแล้วในชีวิตนี้...นั่นเป็นความคิดในเชิงนักวิจัยเต็มๆ เลย)  

 

ในขณะนั้น ไม่คิดจะเป็นลูกศิษย์ท่านใด  ผู้ใด เพราะ ตอนหลังมาได้ตรวจดูการคณะสงฆ์มาตลอด  ทั้งการศาสนาสากลคริสต์  อิสลาม  ฮินดู ด้วย ตรวจดูแล้วไม่เห็นมีใครเก่งจริง ๆ เลย จะสอนอะไรให้เราได้ คิดว่าตนไปชั้นสูงสุดแล้ว  กะออกป่าพิศูจน์วิชาปราณและกสิณ ฌาน  ให้หายสงสัย  แต่ครั้นบวชแล้วไม่ได้ไปตามแผนเลย (บวชที่วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพราะใกล้ชายแดนพม่า จะเข้าพม่าก่อน (วันเดินทางไปบวชเป็นช่วงแผ่นดินไหวที่กาญจนบุรีพอดี มรว.เสนีย์ ปราโมช ท่านนั่งถือกาแฟมือสั่นอยู่ในร้าน ตามภาพข่าว)  

 

 

 

คืนที่ทำพิธีบวช พระอาจารย์เจ้าอาวาสให้ไปร่วมพิธีบวชกับเขา  มีโยมจะบวชพอดี 4 คน  และคืนนั้นจะทำพิธีสวดพระพุทธมนต์ฉลองการบวช เขาเข้ามารับไปร่วมพิธีด้วย  พอขึ้นบ้านเขาไปนั่งรออยู่ ต่อหน้าพระภิกษุ 9 รูป ทำพิธี   บ้านเขาซีกหนึ่งเกิดพังโครมลง คนตกใจแตกตื่นกันหมดปรากฎว่า พวกนาค 4 ตนตกลงไปกลิ้งกลางดินกันหมด อลเวงกันอยู่ตั้งนานจึงเข้าสภาวะปกติ ได้ทำพิธีสวดมนต์ต่อไป บวชวันที่ 26 พ.ค. 2526...ผมอายุ 40 ปีพอดี  กลางคืน 2-3 คืนมีแมงสีดำมาเต็มวัด บินมาเหมือนตาข่าย คลุมวัด เสียงลงอย่างกะฝนตกซ่าไปหมด แล้วกองสะสมกันเต็มพื้นห้องนอนไปหมด  พระนอนไม่ได้  อพยพกันใหญ่ คนลือกันว่าเขามาขอส่วนบุญ ...

 

กำลังฝึกกสิณเปิดถ้ำ ทดสอบวิขาเปิดถ้ำสำเร็จ  คือถ้ำมืด ๆ  นั้น ใช้สมาธิเพ่งเปิดถ้ำ  ถ้ำก็สว่างขึ้นมองเห็นหมด     แล้วหลายวันต่อมาได้พบนางยักษ์ขิณีตัวใหญ่ ตามประวัติวัดแห่งนี้ที่ได้ศึกษาก่อนเลือกมาบวชแล้วคิดจะพิศูจน์ให้ได้พบยักขีณีตนนี้   ก็ได้พบแล้ว   ยื่นมือใหญ่มาด้านหลังจะผลักลงเหว.แต่สัมผัสกระแสลมกระพัดมาทางหลังหันกลับไปดู พบมือใหญ่มหิมานั้น ยื่นมาจะผลักหลังลงไป พอหันไปมันก็กลัวสายตาเราถกมือหนี แล้วไม่รอช้าเหาะหนีไปเกาะอยู่เสาหินใหญ่ฝั่งถ้ำฝั่งโน้น  เคี้ยวปากแดงไปหมด  แต่ไม่นานก็หายตัวไป   เป็นเหตุให้ไปฝึกกสิณไฟต่อสามวันต่อมา  ที่ฝั่งแม่น้ำหน้าวัด ..เป็นการฝึกเตโชกสิณต่อจากตอนเป็นเด็กทารก เอาดวงอาทิตย์เป็นเป้าหมาย โดยเพ่งมองเงาดวงอาทิตย์ในลำน้ำนั้นตอนเช้า9โมงพอดี  วันที่ 3 ปรากฏว่าเงาดวงตะวันในลำน้ำนั้นเปล่งแสงพวยพุ่งขึ้นแล้วลามไปในลำน้ำทั้งสาย ดุจเป็นเชื้อเพลิงน้ำมันให้เพลิงไหม้ทั้งลำน้ำ จนแม่น้ำหน้าวัดเป็นไฟลุกท่วมแม่น้ำไปทั้งสายถือว่า สำเร็จเตโชกสิณ) และนี่แหละอาวุธปราบมารยักษ์ในป่าหลังเข้าป่าไปแล้วอันสำเร็จตามแผนแล้วพร้อมในการเข้าป่าไปอีก

 

 

 

17 วันหลังบวช  เพราะต้องกลับบ้านเกิดบ้านแม่ที่ศรีสะเกษ เขาโทรเลขมาตาม บอกว่าแม่ป่วยหนักกลับบ้านด่วน เลยไม่ได้ไปเดินป่าตามแผน  เพราะแม่ป่วย  ดูแลแม่อยู่ 2 ปี จนแม่เสียชีวิต  วันเดินทางกลับออกจากวัดบ้านถ้ำราว สิบโมงเช้า ดวงอาทิตย์ทอแสงทรงกลดขนาดใหญ่มโหฬารยิ่งเหนือศีรษะ ไปวัดเจ้าคณะอำเภอต่อหนังสือสุทธิ แล้วเดินทางโดยรถบัสใหญ่   ดวงอาทิตย์ยังทอทรงกลด ตลอดการเดินทางไปจนเข้าถึงสถานีหัวลำโพง คิดว่าดวงอาทิตย์ทรงกลดส่งกลับบ้าน ...

ก็คิดจะเข้าป่าอีกครั้งหนึ่งหลังแม่ตาย และเพิ่งพิศูจน์วิชาปราณอดข้าวอดน้ำ 7วัน 7 คืนสำเร็จลงพอดี ลงมาจากเพดานอุโบสถ พบคำสั่งพระผู้ใหญ่ซึ่งเป็นญาติ ที่ได้รับการขอร้องจากแม่  ให้ดูแลพระลูกชายด้วย คือ พระเทพวรมุนี  เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ได้ให้ไปอยู่ด้วยที่วัดมหาพุทธาราม เพราะ บังเอิญเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ(พระครูศรีวรปรีชา) ท่านมรณะภาพลงกะทันหันพอดีเลย ท่านกับเพื่อนหลายคนไปปิคนิกฝั่งสระน้ำกินอาหารบ้าน ๆ และปลาช่อนตัวใหญ่ กินบักส้มมอ บักแงว บักไฟเยอะไป กลับมาถึงวัดตอน 1 ทุ่มแล้วปวดท้อง เจ็บท้องตาย   ท่านให้ไปเป็นเลขาฯแทนที่สำนักเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษในปี 2531 ตั้งแต่นั้นมาไม่ได้ไปไหนอีกเลย...(ไปป่าช้า 2 แห่ง ป่าช้าไทย  ป่าช้าจีนสุสานสุขาวดี  ฟังเสียงปีศาจแห่ศพกล่อมทั้งคืน)  

 

ตามท่านไปทั่วอิสาน ทั่วตะวันออก  และทั้งกทม.ถึงสุพรรณบุรี  เพราะท่านเป็นพระนักเทศน์ที่โด่งดังแบบกล้าดุกล้าด่า มีการเทศน์แบบโต้วาทะธรรมกัน ถึงขนาดคู่เทศน์ท่านกระโดดลงจากธรรมาสน์ หนีไปเลย ก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง

 

ตอนไปอยู่กับท่านเวลานั้นท่านมีสุขภาพที่แย่มากแล้ว  ต้องคอยดูแลท่านอย่างใกล้ชิด  ความจริงผมได้ทำบุญใหญ่ก็คราวนี้แหละ  บุญดูแลคนแก่คือท่านพระเทพวรมุนีของผมนี่เองอยู่ตลอดเวลาจนท่านมรณภาพลง 4 ปีต่อมา ... ทำให้ได้ข้อมูลสงฆ์ไปเยอะแยะและรู้เรื่องวงการพระสงฆ์ไปหมด   เอาการศึกษาในโลกด้วย(คือเป็นข้าราชการสงฆ์ที่ต้องประสานงานกับคนทั้งหลาย ปฏิบัติธรรมด้วย  ที่ทำให้การปฏิบัติธรรมยากลำบากกว่าการไปอยู่ป่าหลายร้อยเท่าเจอมารต่อสู้กับมารหลายชนิดกว่า ต้องแบ่งเวลา ได้ศึกษาจากป่าช้า เอาสุสานสุขาวดีศรีสะเกษเป็นวัด  เอาสวนศรีนครินทราบรมราชินีเป็นวัด  และ  เอาทะเลสาปศรีสะเกษขณะที่ยังเป็นบึงอยู่เป็นวัดที่ทำกสิณอากาศ 3 แห่งนี้เดินไปเดินมา ไม่ขี่รถ  แล้วเลยกลายเป็นนิสัยชอบเอาป่าช้าเป็นวัด  แม้ไปถึงภูเก็ตก็เข้าป่าช้าภูเกตนอนแทนวัด  ไปอุบล เอาป่าช้าฮ่วยเชยแทนวัด

 

 

 

ที่พิเศษก็มีวันที่ 2-21 พฤษภาคม 2549 ได้เข้ารับการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์คณะสงฆ์ภาค 10 รุ่นที่ 1 สำเร็จลงและคิดว่าท่านอาจารย์หัวหน้าฝึกท่านเป็นพระอาจารย์ที่มีส่วนให้รู้ธรรมะชั้นสูงสุดอยู่  ....แล้วช่วงนี้เองที่ได้เขียนหนังสือ  รายงานการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์คณะสงฆ์ภาค 10 ประจำปี 2549 ศึกษาโลกลี้ลับ โดย พระอาจารย์พยับ ปญฺญาธโร .....ซึ่งเป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อคนหลายคนมากเลยทีเดียว ...ระหว่างนี้ผมเป็นเกจิอาจารย์ด้วย  และมีความรู้พิเศษทางโหราศาสตร์ชั้นสูง ที่เอาความรู้สูงสุดจากท่านอรหันต์ท่านอุตมรามมหาเถรยุคพระพุทธเจ้าคือจักรทีปนี  ที่วิชานี้เก่งไปตามวิปัสสนาญาณที่เราสำเร็จ คือมีวิปัสนาชั้นสูงก็ทำให้ปัญญาการพยากรณ์ละเอียดแม่นยำในโหราศาสตร์ตามไป  นี่แหละความดีของวิปัสนาญาณ ..

 

มาถึงระยะนี้  อายุผมเข้า 70 ปีเข้าแล้ว แก่แล้ว  สิ่งที่ผมพอใจคือ  เสียงทิพย์ประจำตัวผม  คือ ดนตรีเทพเจ้า ที่ผมจะฟังเมื่อไรก็ได้ เป็นเสียงบรรเลงแบบดนตรีเทพเจ้า ที่ดนตรีทางโลกไม่อาจจะเทียบได้เลย  แต่ผมเองก็รู้ตัวดีว่ายังไม่สำเร็จธรรมที่ปรารถนาเลย แม้จะรู้อะไรไปหมดแล้วก็ตาม   จึงยังไม่โอ้อวดอะไรออกไป  ยังเก็บเอาไว้เกรงว่าหากพูดอะไรออกไปจะผิดพลาดโดยความโง่ของเรา  จึงเก็บไว้อยู่ ยังไม่ได้พูดเรื่องสูงสุด.....

 

 

จนปี พ.ศ.2558 คืนวันที่ 10-11 เมษายน 2558 ระหว่างงานสวดมนต์ทำสมาธิปฏิบัติธรรมข้ามคืนที่วัดของผมเอง โดยท่านเจ้าคุณพระราชธรรมสารสุธี เจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดงานนี้ขึ้นฉลองประจำปี  ซึ่งปีนี้ ผมไม่คิดว่าจะเข้าร่วมสมาธิอีก เพราะคิดว่าล้าเกินไปแล้วเพราะอายุเราเข้า 73 แล้ว  ยอมละๆ ๆ ๆ  คิดอยู่อย่างนี้   แต่แล้ว พอถึง เกือบ ๆ 2 ทุ่มที่เริ่มพิธีปฏิบัติสวดมนต์ นั่งสมาธิกัน  มันมีพื้นฐานจิตที่มันยอมแพ้ไม่ได้(ผมมีพื้นฐานจิตนี้มาตั้งแต่เด็กคราวถือปืนแก๊ปแล่นไล่ตามนกกระยางขาวไปถึงสองฟากทุ่งนาตะวันออกตะวันตก มันมาช่วยปลุกดวงใจให้แพ้ไม่ได้ของผมขึ้นมาก่อนที่มันจะบินสูงจากผมไป)  ก็เลยคิดฮึดสู้ขึ้นมา ว่าเอาละขอให้นั่งสมาธิได้ข้ามคืนให้ได้  ขอให้ข้ามคืนให้ได้เหมือนเดิมก็พอ  ก็เริ่มเลย ได้เข้าสมาธิ เตรียมวิชาทุกอย่างมาช่วย เริ่มด้วยปราณ กสิณ ฌาน  และเตรียมเสียงทิพย์มาย้อมชูกำลังใจ 

 

ปรากฏว่า เข้าอัปนาสมาธิแล้ว  เหมือนทุกคราว  แต่กลับเกิดเรื่องแปลกประหลาด สมาธินั้นหายไป วิปัสสนาญาณคือความคิดหายไป ไม่มีการคิดพิจารณาธรรมะอะไร  กสิณฌาน อะไร ๆ หายไปหมด  รูปธรรมที่ปรากฏคือ นั่งในท่าเดียวไปได้ทั้งคืนแบบไม่กระดุกระดิกเลย(ดูภาพได้) ได้พบคำถามว่า นี่คืออะไร?  ก็คำตอบเบื้องต้นคือ เป็นการทะลุผ่านแดนโลกเข้าสู่โลกนิพพานอยู่กับพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลายตลอดคืน....ยัง  ยังไม่ใช่คำตอบ...

 

 

 

มันคืออะไร? ถามตนเองต่อมาถึงเกือบ 2 ปี  จึงได้พบคำตอบ  และพอใจในชีวิตได้พบสิ่งที่ต้องการ สำเร็จการศึกษาวิชาพระพุทธเจ้าทั้งหมดลง  ก็ถือว่าไม่เสียดายชีวิตแล้ว  มันพิศูจน์กับเราเองว่า มันเป็นความรู้  อวิชาหายไป  มีแต่วิชา รู้อะไรไปหมด ทั้งทางโลกและทางธรรม .มันปรากฏถึงปัญญาที่แตกฉานไปทุกวิชาการทั้งทางโลกและทางธรรม ....แบบนี่แหละคำว่า  ผู้รู้ ละ ...จึงถึงเวลาที่จะอยู่เปล่าดายไปไม่ดีเลย  จะต้องมีการเผยแผ่สัจธรรมออกไปทั่วโลกตามพุทธประสงค์แล้ว  ตามที่เคยมีความฝันก่อนบวชมาแล้ว   ทำหน้าที่งานของพระพุทธเจ้า พุทธไทยเถรวาท บวชมาถึงวันนี้(12 ต.ค.2564) 38 ปี  5 เดือน

 

@พระพยับ ปัญญาธโร(พระครูพุทธิพงศานุวัตร ผจล.วัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ 12 ต.ค.2564 

 

 

 

 

-----

-----

 

 

 




ความเป็นมาของวัดของฉันหรือวัดของเรา ประวัติผู้สร้างวัดนี้ Phayap Panyatharo

1. เกี่ยวกับสถานะการทำงานปัจจุบัน ของ Phayap Panyatharo
2. สอบไล่ได้เกินคะแนนเต็ม อดีตนักเรียนห้องKing226รร.เตรียมอุดมศึกษา
3. เรื่องราวที่ได้ผ่านมานานแล้ว เหลืออยู่แต่ความทรงจำ
4. พูดถึงตัวเอง[1] เชิงการแนะนำตรงไปตรงมาในเฟสบุ๊ค เมื่อ พ.ค.- มิ.ย. 2562
5. พูดถึงตัวเอง[2] เชิงการแนะนำตรงไปตรงมาในเฟสบุ๊ค เมื่อ 4 มี.ค. 2563
6. พูดถึงตัวเอง[3] การศึกษาในมธ.การศึกษาธรรมเพื่อมรรคผลนิพพาน
8. พูดถึงตนเอง(5.) รวมบันทึกประวัตินักต่อสู้ทุกรูปแบบตัวอย่างการต่อสู้เพื่อธรรมะยุคใหม่นี้ จนที่สุดพบชัยชนะนิรันดร แปลเสียงไทย
9. ข่าวดีจาก MY TEMPLE วัดของฉัน อาจารย์พยับ สำเร็จธรรมในมหาวิหารฯ
10. เขียนนิยายธรรมะจากจินตนาการลึกซึ้งในอดีตชาติ
11..เรื่องเล่าจากพระครูพุทธิพงศานุวัตร เริ่มเล่าต้นปี 2565
12. ประวัติดั้งเดิมของผม 16ตอนเล่าถวายเพื่อนเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดสหธรรมิก ในหนังสือพิมพ์ดี
13..พระภิกษุสงฆ์องค์นี้ที่สะท้อนชีวิตอันสูงส่งทรงบารมีที่คนพาลไม่อาจต้านทานได้และรับผลกรรมไปตามๆกัน



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์ สื่อของเราทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นแดนสนุกน่าท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกกว่า 8 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน 8 พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น.