1.Tha-ไทย
-----
วันมาฆะบูชา วันสำคัญของมวลมนุษย์ทั้งโลก รอบ 16 ก.พ. 2565
-----
เวลา 9 เดือนหลังพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว วันนี้ได้เกิดคำสอนสำคัญ แด่มวลมนุษย์ เพื่อที่มนุษย์ได้รับฟังคำสอนแล้ว จะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสังคมมนุษย์ ว่าเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายที่ทำให้มนุษย์ทั้งหลายอยู่กันอย่างเดือดร้อน วุ่นวายไม่รู้จบสิ้น ไม่มีวันสงบสุข รู้ว่าพระพุทธศาสนานั้นเป็นศาสนาที่ตักเตือน ชี้นำทางมนุษย์ทั้งหลายไปสู่ความสุข สงบ และสันติธรรม
เพราะสามัคคีธรรมระหว่างมนุษย์จะเกิดขึ้นไม่ได้หากโลกไม่ได้รู้สัจธรรมในพระพุทธศาสนา 3 ประการ อันเป็นผลมาจากวันมาฆะบูชาวันนี้ มีการประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมายของพระอรหันต์ 1,250องค์ และพระ บรมศาสดาได้ทรงบอกธรรมะสำหรับเผยแผ่แด่ชาวโลกไป 3 ประการ นั้นเองเป็นธรรมสำคัญประจำโลก หากไม่มีธรรมะสามประการนี้ในโลกมนุษย์แล้ว โลกจะไม่พบความสุขสงบเลย
การที่โลกมนุษย์ สังคมมนุษย์มีแต่เรื่องราวเดือดร้อน มีการรบราฆ่าฟันกัน มีการแก่งแย่งชิงสมบัติ แก่งแย่งอำนาจ กันมาตลอด มีความเป็นศัตรูกันและกัน ตลอดมาตั้งแต่มีความเป็นสังคมมนุษย์เกิดขึ้น จึงจำเป็นที่คนทั้งหลายจะต้องได้รู้ธรรมะ 3 ประการ เพื่อก่อเกิดแต่ประโยชน์ของความสงบของมวลมนุษย์ทั้งโลก เพื่อความอยู่กันอย่างมีไมตรีจิต มีมิตรภาพระหว่างมนุษย์ทั้งหลายจึงจะนำไปสู่สามัคคีธรรมนำไปสู่ความสุขสงบได้
ซึ่งเป็นคำสอน 3 ข้อ ข้อที่1 จงอย่าทำความชั่ว, ที่ก่อความเดือดร้อนแด่คนอื่นๆ และคนทั้งหลายเลย ข้อ2. จงทำแต่ความดีเถิด, ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง และคนอื่นๆ ทั้งหลายแต่ประการเดียว, เพราะนี่เองจะเป็นเหตุสำคัญของความรัก ความสามัคคีของคนทั้งหลาย ทำให้การอยู่ร่วมกันของสังคมมนุษย์มีแต่ความรักกันอย่างเดียว มีความสุขสงบอย่างเดียว มีมิตรภาพความรักกันระหว่างมนุษย์ อย่าได้มีความเกลียดชังกันเลย เพราะความเกลียดชัง ไม่รักกัน ไม่มีมิตรภาพแก่กันและกัน นั้นเองมาจากการทำชั่ว ไม่ทำความดี จึงทำสังคมมนุษย์วุ่นวายมาตลอด กระทั่งความรุนแรงจนเกิดการรบ การสงครามโลกนั้นเอง ไม่อาจจะทำให้มนุษย์โลกเป็นสุขสงบได้
อันเป็นเหตุให้ทรงสั่งสอนตักเตือนมนุษย์ทั้งโลก จงอย่าทำความชั่วเลย, จงทำแต่ความดีเถิด, โลกจึงจะสงบสุข มีสามัคคีธรรม มิตรภาพและความรักจึงจะเกิดขึ้นได้
และคำสอนที่ 3 ทรงสอนเรื่องสำคัญยิ่งทีเดียวชนิดที่รู้ได้เฉพาะตนคนผู้ฉลาดรู้คิดพิจารณา ใช้สติปัญญาอย่างไม่ลดละ นั่นคือ การปฏิบัติเรื่องของจิตใจภายใน, เรื่องของนามธรรมภายใน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์อันเป็นผลจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่มนุษย์ไม่เคยเห็นความสำคัญของจิตใจ หากแต่จิตใจนี้เอง เมื่อเราได้เข้าใจได้เห็นสภาพเห็นความเป็นความไปของจิตใจแล้ว นั้นแหละคือชีวิตทั้งชีวิตเลยทีเดียว
และตามคำสอนของพระบรมศาสดาวันนี้ ทรงสอนว่าจงทำจิตใจให้สะอาดขาวรอบไปหมด, ให้บริสุทธิล้วน ๆ ทั้งนี้ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนใดสัญชาติใด เชื้อชาติใด แม้นับถือศาสนาต่าง ๆ ไม่ว่าคริสต์ อิสลามฮินดู ก็เป็นคนมีจิตใจทั้งสิ้น และแม้เหล่าอมนุษย์ทั้งหลายเทพ พรหม พระเจ้า ก็ให้ระวังปฏิบัติเรื่องจิตใจนี้ โดยการชำระจิตใจขยองตนให้ค่อยขาวรอบไปเรื่อยๆ ๆ ๆ ๆ จนที่สุดแล้วไม่มีสิ่งสกปรกใดใดไม่มีกิเลส ตัณหา อุปาทานใดเหลือตกค้างในจิตใจเลย นั้นแหละจะบังเกิดผลสู่ปัญญาความรู้แจ้งสัจธรรมของชีวิต จิตใจนั้นให้รู้แจ้งเห็นชีวิตทั้งชีวิตเห็นโลกทั้งโลก เห็นจักรวาลทั้งจักรวาล และเห็นอริยสัจธรรมในคำสอน 3 ประการนี้ว่า เป็นคำสอนสำคัญของโลกทั้งโลก คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทั้งที่พระพุทธเจ้าที่มีมาก่อน ก็ทรงสอนเอาไว้ องค์ปัจจุบัน ก็ทรงสอนเอาไว้ และพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ ไป ก็จะทรงสอน สัจธรรม 3 ข้อนี้ นั้นเพราะเป็นคำสอนเพื่อประโยชน์แท้จริงของโลกมนุษย์ทั้งโลก ก็หากเรามนุษย์ทั้งหลายไม่รักกัน ไม่มีไมตรีจิตกัน ทำแต่ความชั่วกันแล้ว แน่นอน ไม่มีความสงบลงเลย จะมีแต่การทำผิดศีลและธรรม อันลัทธิ-ศาสนาต่างๆ ก็สอนเอาไว้ทั้งสิ้น
2.
เมื่อไม่ละการทำชั่ว ทำแต่สิ่งที่ผิดศีลธรรมแล้ว โลกมนุษย์จะได้พบความสุขสงบ สันติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และยากแก่การจะได้พบคนดี สังคมที่ดี ได้พบความดี ทำแต่ความดีกันได้อย่างไร ?
ฉะนั้น วันนี้ขอให้มนุษย์ทั้งหลายในโลกมนุษย์ทั้งโลกได้มารำลึกสัจธรรมแห่งความสุขสงบของมนุษยโลก 3 ข้อ นั้นคือ จงอย่าทำความชั่วกันเลย, ละเสียเถิดซึ่งความโลภ ความโกรธ และความหลง, จงทำแต่ความดี จงให้กันและกันซึ่งการทานทรัพย์สิ่งของ มาช่วยกันและกันให้พ้นทุกข์ยากลำบากทางเศรษฐกิจ จากผลของโรคร้ายมหาภัยของโลกวันนี้ซึ่งก็คือโควิดร้ายที่สังหารชาวโลกเราไปมหาศาลอยู่วันนี้นั่นเอง, จง ให้กันและกันในสิ่งที่เราทั้งหลายมีกันอยู่แล้วคือไมตรีจิต มิตรภาพอันถาวร เพื่อความรักอันสดชื่น มีความเป็นมนุษย์ใจสูงส่ง นั้นเอง มนุษยชาติทั้งหลายจึงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ โลกมนุษย์จึงจะมีความสงบลง และความสะอาดก็จะไล่พยาธิมหาภัยไปจากโลกได้ ไม่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความเป็นศัตรูหมู่อมิตรซึ่งกันและกันอันนำไปสู่ความแตกร้าว ของมวลหมู่ประเทศของมนุษย์
จงทำแต่ความดีแล้วนั้นเอง สันติสุขก็จะเกิดขึ้นทั้งโลก และ ที่พิเศษอย่างยิ่ง ตราบเมื่อมนุษย์มารู้จักความสำคัญของภาคภายใน รู้แล้วเอาจิตเอาใจเป็นที่ตั้ง หมั่นทำตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า จงหมั่นชำระล้างจิตใจให้ขาวสะอาด จงมีสติพิจารณาตลอดเวลาถึงสภาพจิตใจของตนเองว่า สิ้นไปจากกิเลส ตัณหา อุปาทานแล้วหรือยัง?
ครั้น เมื่อพยายามไปถึงจุดสุดสิ้นแล้วซึ่งกิเลส หรือตัณหา 3 ประการ กามตัณหา, อยากในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสไม่รู้จบ, ภวะตัณหา ความอยากใหญ่อยากโตเหนือคนอื่นเขา ใฝ่อำนาจเหนือคนทั้งปวง เป็นน้อยต้อยต่ำกว่าใครไม่ได้, และ วิภะวะตัณหา, ตนเป็นเล็กเป็นน้อยต้อยต่ำกว่าคนอื่นเขาก็เป็นทุกข์เดือดร้อนไม่รู้จบ มีแต่มุ่งใหญ่ใฝ่สูงไม่รู้จบ, แล้วนั้นแหละ จงเป็นเพชรฆาต ฆ่าตัณหาทั้ง3 ประการนี้เสียให้ได้เกลี้ยง, แม้พุทธองค์ก็ตรัสว่าทุกคนสามารถเป็นพระพุทธเจ้าได้เหมือนพระองค์ ก็โดยการชำระจิตใจให้สิ้นไปได้จากตัณหา ให้เกิดความสะอาด ขาวผ่องในดวงจิตของตนขึ้นมาได้เมื่อใด ก็บรรลุสู่ความพ้นทุกข์ รู้แจ้งในสัจธรรมของชีวิต พ้นไปจากความหวาดหวั่นความกลัวในวิถีชีวิต พ้นจากความสงสัยเรื่อง โลกนี้ โลกหน้า หรือโลกอมนุษย์ โลกเทพ โลกพรหม โลกพระเจ้า ความสงสัยที่แสนสลับซับซ้อนในเรื่องราวของชีวิตตนเอง ก็จะสิ้นมลายหายไปหมด นั้นแหละสู่สภาพพ้นทุกข์สู่ความสุขอมตะแท้นิรันดร แห่งโลกใหม่คือ มหานิพพาน ที่อันสุดจะว่างเปล่า นั้นแล
วันมาฆะบูชา จึงเป็นการเตือนมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งโลก จงประพฤติพร้อมกันในข้อปฏิบัติ 3 ข้อนั้นเถิด จึงจะนำโลกไปสู่ความสงบ พ้นปัญหา มีสามัคคีธรรมเกิดขึ้นในโลกได้
-----
-----