ReadyPlanet.com
dot dot
bulletBUDDHISM to the NEW WORLD ERA
bullet1.Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet117.Lukanda-ลูกันดา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
bulletMystery World Report รายงานการศึกษาโลกลี้ลับ
bulletสารบาญโหราศาสตร์
bulletหลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิต
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบนี้(เริ่ม ก.พ.55)
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น1
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น 11
bulletทุกความคิดเห็นจากหน้า1(ก่อน ก.พ.55)
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบบอร์ด(ถึงก.พ.55)
bulletภาค 11
bulletภาค 12
bullet54.Hmong ม้ง
bullet133.แอลเบเนีย
bullet133.แอลเบเนีย
bulletหน้าที่เก็บไว้




103 Please translate Phayap Panyatharo ประวัติชีวิตนักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต พระพยับ ปัญญาธโร (เล่าเอง) ตอนที่ 1-2 ไทย 48 บท

 

Please translateto your language by Google translate

Phayap Panyatharo ประวัติชีวิตนักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต พระพยับ ปัญญาธโร  (เล่าเอง)
ตอนที่ 1-2 ไทย

-----

Phayap Panyatharo ประวัติทางธรรมปฏิบัติเฉพาะตน(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 11 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  4 ต.ค.2565)

1.

11 พฤษภาคม 2016  ·

ผมเป็นพระภิกษุ มหานิกาย ไทย ครับ บวชเมื่อ 26 พ.ค. 2526 จะครบ 33 ปีแล้วครับ,  ก็ขอบอกเรื่องสำคัญหน่อยว่าสำเร็จวิชาปราณแล้วจึงบวช (วิชานี้ทำให้ลุกขึ้นนั่งกลางดึก และมองเห็นในความมืด  ห้องนอนทั้งห้องที่มืดมิดทำไมสว่างมองเห็นไปหมด และนั่งสมาธิไปได้ตลอดทั้งคืน จนกลายเป็นเรื่องปกติ เป็นคนที่อยู่ด้วยอิริยาบถ 3 ไม่มีการนอนหลังแตะพื้นอีกต่อมา 17 ปีเศษๆ ) บวชแล้วตั้งใจจะหนีเมืองคนไปเลย  จะเดินธุดงค์เข้าป่า ไปพม่า  อินเดีย และเลยไปธิเบต จบชีวิตลงที่ธิเบต  เรียนอย่างเดียว เรียนวิปัสสนา กัมมัฏฐาน ศีล สมาธิ กสิณ ฌาน วิปัสนา  ปัญญา  และมุ่งมรรคผลนิพพาน อยากจะให้รู้ให้ได้จริงว่า พระอริยบุคคล พระอรหันต์เป็นอย่างไร  ไม่เอาปริญญา เปรียญ 1- 7 8-9  ทั้งนั้น......(คิดว่าเรียนไปทางนั้น กว่าจะจบ ก็คงหลาย ๆ ปีไปเลยละ  และก็จะเสียเวลาในเรื่องที่เราต้องการรู้จริงๆ ทางฝ่ายปฏิบัติ เสียเวลาเปล่า ไม่ได้รู้หรอก มรรคผลนิพพานเป็นอย่างไร  จึงไม่เรียนทั้งเปรียญ ป.ธ. ๙ ก็ไม่ได้ 

และ ทั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ เอาปริญญา ดร.มุ่งเป็นศาสตราจารย์  อะไรประมาณนั้นไม่เอา ใฝ่เอาอริยบุคคลสูงสุดเท่านั้น    แบบที่ทำกันมาตลอดยุคใหม่นี้ ก็ไม่เอา แบบว่าสำนักอภิธรรมฯลฯ ก็ไม่ได้สนใจเลย  ผมเลยเป็นพระที่ไม่มีคุณวุฒิอะไรเลย ไม่มีตำแหน่ง เจ้าคณะอะไรเลย ตำบล อำเภอ ไม่มีทั้งนั้น  เวลาลงในเฟสว่า  ”ตำแหน่งสามัญชน หน้าที่อย่างสามัญชนไม่รู้จักคำว่าเกียรติยศคืออะไร..”  มีคนถูกใจถึง 4,568,750 คน โอ๊ะ!น่าตื่นเต้นเลยทีเดียว)  แต่ก็ตั้งใจไปในฝ่ายปฏิบัติล้วน ๆ ตามแนวที่เราเองได้รู้ได้เห็น ทางมรรคผลนิพพานอยู่ส่วนต้น ๆ แล้ว  ร่วม 30 กว่าปีนับจากวันบวชมา   ก็จบการศึกษาเรื่องมรรคผลนิพพานลงในคืนวันที่ 10-12 เมษายน 2558  นี่เองครับ  บอกเล่าอย่างย่อ ๆ  ก็แค่นี้  รายละเอียดก็มีมาก ครับ  จะค่อยรายงานทีหลังไป  ดูภาพที่แนบ คืนนั่งสมาธิสู่โลกนิพพาน คืนวันที่ 11-12 เม.ย.2558  นะครับ (อยู่ในท่านี้ทั้งคืน ไม่กระดุกกระดิก)

 •

(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 11 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

------

2.

ความคิดเห็น 18 รายการ

@สุมิตร สุทธสนธิ์

@นาตยา แต้มทอง

อนุโมทนาสาธุๆๆค่ะ

@สุทธิโรจน์ สกุลนิธิวัฒน์

GIF

@Somsri Surapat

สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

@เอมอร สุทธิ

@ชาญ โสพัฒน์

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

@Jintara Srimuang

สาธุค่ะ

@อุดม โพธิ์ชัย

สาธุครับ

@นรินทร์ วงษ์ขันธ์

@อุดร แขมคำ

สาธุ ๆ ครับท่าน อาจารย์

-----

3.

Phayap Panyatharo

เรื่องของอาตมาของผม นั้น ผมได้บันทึกไว้ในนสพ.ดีนะครับ แต่ส่วนที่ละเอียดนั้นยังไม่ค่อยเปิดเผย เพราะเพื่อนๆจะไม่รู้ไม่เข้าใจ เนื่องจากผมเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมแบบไม่มีครูบาอาจารย์ ผมไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงปู่หลวงตาไหน....เช่นหลวงปู่เสาร์  หลวงปู่มั่น  หลวงปู่ฝั้น หรือสายป่า สายบ้าน สายไหนเลย ที่ผมไม่อยากพูดก็คือ คำว่า “ผมตรัสรู้เองโดยชอบ”  ซึ่งนี่คือความจริง ผมเรียนรู้จักกสิณไฟ ตั้งแต่เป็นเด็กทารก อายุ1ขวบยังเดินไม่เป็นยังไม่รู้สวมเสื้อผ้าเขาพี่เลี้ยงน่ะ เอาไปวางบนแป้นกี่ตอนเย็น ๆ ตะวันเหนือยอดไม้ ผมตกใจที่มองเห็นตะวัน และมองตะวันไปไม่กระพริบตา(แบบไม่กระดุกกระดิก เหมือนภาพเข้าสมาธิภาพนี้เลยนั่นเด็กทารกนะ)ไปร่วม2ชม.ไปจนเขาเอางัวควายมาเข้าคอก พี่เลี้ยงมาเอาตัวไป ตาเกือบบอดตั้งแต่เด็กพ่อหายามารักษาอยู่นานเลย แต่ฝังใจเรียนกสิณมาตลอดไม่หยุด... ไปเพ่งดวงตะวันตอนเรียนอยู่ธรรมศาสตร์..นิด้า...อายุ 25-27ปี  ไม่สำเร็จจนห่างไปไกล... 

-----

4.

จน ตอนไปบวชอายุ 40ปี  จึงสำเร็จ เนื่องจากไปพบยักษีในถ้ำ  มันจะผลักตกเหวตาย  พอดีเหลือบเห็นก่อน มือยาวใหญ่มหิมายื่นมาทางหลังจะผลักลงเหว มันกลัวสายตาเรา เลยหดมือไป.. ก็รู้ว่ามันกลัวกสิณไฟ..จะเอาวิชานี้ไปสู้กับนางยักษ์ในถ้ำ วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี  ก็จึงไปเพ่งดวงอาทิตย์ตกน้ำเวลา 08.30น. แม่น้ำแม่กลอง หน้าวัด 3 วัน ... วันที่ 3 สำเร็จ ดวงอาทิตย์ในน้ำระเบิดขึ้นพลุ่งโพลง....เห็นไฟไหม้แม่น้ำทั้งสายโหมไหม้ไปทั้งลำน้ำ  เหมือนน้ำเป็นน้ำมันทั้งสาย เสร็จวิชากสิณไฟ แค่วิชานี้ผมก็เก่งมากไม่มีใครทำได้อยู่แล้ว  ไม่มีใครพระที่ไหนเก่งเท่าแล้ว (ใช้ปราบมาร ปราบผี อมนุษย์มันจะกลัว ผมจึงไปอยู่ป่าช้าสบาย ๆ ใจมากจนเอาป่าช้าเป็นวัด )  เพียงแต่ผมไม่คิดโอ้อวด โดยเฉพาะคิดว่าจะเอาไปโอ้อวดหาเงินหาทองแบบพระที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นบาป ที่จะกั้นไม่ให้บรรลุอรหันต์ เพราะทางขึ้นสู่อรหันต์นั้น กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จะบาปไม่ได้เลยแม้นิดเดียว...ตามโอวาทะปาฏิโมกข์นั่นเอง  ต้องดีพร้อมสุดๆ สะอาดสุด ๆ ไปสกปรกแม้ปุยฝุ่นดินก็ไม่ได้...ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์สะอาดล้วน  และนั่นแหละ ผมทำดีสุด ๆเลยเพื่อเป้าหมายสูงสุดจึงตัดเรื่องการโอ้อวด การพูดจาเรื่องธรรมะเรื่องมรรคผลไปอย่างเงียบกริบแบบทำเป็นโง่อยู่ตลอด   และคนก็ไม่รู้ว่าผมมีดีอะไรมาบวชทำไม ไม่เห็นได้อะไรเหมือนพวกมหาเปรียญ อะไรประมาณนั้น

-----

5.

ที่เล่านี้ก็เพื่อบอกว่าผมปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เป็นเด็กทารกนั้นเอง  เป็นอัตโนมัติ  โดยเริ่มกสิณไฟ (คือทำอย่างผมทำตั้งแต่ผมอายุไม่ถึง 1 ขวบนี่แหละ ฝึกหัดกสิณไฟ  และมันไม่สำเร็จง่าย ๆ  ตอนผมบวช อายุ 40 จึงสำเร็จ แปลว่าฝึกไปเรียนไป 40 ปี จึงสำเร็จ..คุณลองคิดดูสิอายุเท่าไรทำได้อย่างผมอายุ 1 ขวบหรือไม่?) )

-----

6.

ผมอยากจะบอกว่าผมเป็นคนเกิดมาปฏิบัติธรรมตลอดชีวิตเลย นั่นเอง(บอกหน่อยเลยสำหรับผม ปฏิบัติอะไรที่เป็นนิสัยตนเองคือ เป็นคนไม่พูด  พูดไม่เป็นและที่เป็นมาตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กก็คือ   ไม่บ่น...พ่อพาไปแล่นว่าวกับพวก ๆ ของพ่อตอนค่ำมืด ตั้งแต่ เดินได้ 2-3ก้าว ไม่อยากไปเลย กลัวความมืด   แต่ก็ไม่บ่นเลย  โตขึ้นมาทำงานแล้ว  ก็ไม่เคยบ่น เรื่องที่ผู้บังคับบัญชาใช้งานใดใด...คุณว่านี่เป็นการปฏิบัติธรรมะหรือเปล่า...แต่ผม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธรรมะคืออะไร แต่ทำไปแบบนั้นเอง แบบไม่บ่น )   ปฏิบัติมาตั้งแต่เกิด...ก็สำเร็จขันติธรรม ฯลฯ ชำนาญมาเรื่อย ๆ   จนถึงช่วงปีอายุ 27 ปี ....จึงสำเร็จวิชาปราณอันเป็นผลมาจาสกการไม่พูดไม่บ่นนี้เอง  ก่อนออกบวช จนถึงวันสำคัญข้างต้นนั้น 11-12 เม.ย.2558 เป็นวันที่ผมอายุ 73 ปีแล้ว แก่แล้ว และพบว่าตนรู้ไปทุกสิ่งทุกอย่าง จึงจะค่อยเผยแผ่ออกไป  

-----

7.

ผมเก่งการเมืองกว่าพวกเรียนการเมืองได้ปริญญาเอกมาอีก แต่ใช่ว่าผมไม่รู้การเมืองแบบโลกเพราะผมได้ระดับปริญญาโทนิด้า มา เป็นพื้นฐานให้ปัญญาทางการเมืองแตกฉานไปอีกเพราะมันไปเกี่ยวข้องกับปัญญาภายใน ทำให้เรียนอะไรรู้อะไรง่ายไปหมด โดยเฉพาะเรื่องประชาธิปไตยนี่  อเมริกันเขาเอาไปปกครองประเทศเขานี่มันมาจากหลักการพระพุทธศาสนาเต็ม ๆ นี่เอง 100นี่เอง ที่พวกศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยไทย ไปเรียนเมืองนอกเรียนประชาธิปไตยแต่ไม่รู้ประชาธิปไตย เพราะไม่รู้พุทธศาสนาศาสนาประจำชาติไทยนี่เอง และไม่รู้อีกว่า  ที่ตนไปเรียนนั้นเขารู้ประชาธิปไตยจากพระพุทธศาสนา) แม้กระทั่งโหราศาสตร์ที่พระศาสดาเดิม ๆเรียนรู้กันทุกๆ องค์ แม้กระทั่งท่านยอห์น ....อุปัชฌาย์พระเยซูที่แม่น้ำจอร์แดน.....แกก็เก่งการพยากรณ์ในยุคนั้นจนคนยกเป็นศาสดาและถามว่าท่านเป็นเอลียาห์หรือ  ที่พยากรณ์ไว้ว่าวันหนึ่ง เอลียาห์ บุตรพระเจ้า...พระคริสต์..จะทรงมาโปรดโลก)   ขณะนี้ วันนี้ ( 4 ต.ค.2565)ก็เผยแผ่ไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษา 64 ภาษาออกไปเป็นแผน5ปีสอนธรรมคนทั้โลกเริ่มปี2565 (สู่คน 76.3 พันล้านคน) ดูว่าจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องยิ่งใหญ่แน่ ๆ เหมือนศาสดาใหม่มาสอนศาสนาแด่คนทั้งโลกเลย ครับ เอาแค่นี้ก่อนนะครับเป็นเพื่อนกันก็จริงที่ได้ฟังแล้วคงไม่คิดว่าบร๊าฟใครนะ แต่บอกความจริงสิ่งที่ผมได้มาโดยการปฏิบัติธรรมทั้งชีวิตจริง ๆ ไม่มีเว้นแม้ 1 นาทีทำแต่ความดี และบอกต่อเลยก็ได้ว่า เรื่องปัญหาอย่างนี้ของพระสงฆ์เรา แม้ปัญหาศาสนาสากลคริสต์ อิสลาม ฮินดู ผมรู้หมด เพียงแต่การจะพูดออกมาต้องระวังคนโง่จะดูถูกเอาเพราะไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ที่อยากจะให้รู้ให้เห็นก็คือคนเรายุคนี้แม้ฆราวาสชายหญิงสำเร็จธรรมอรหันต์ได้ โดยไม่ต้องไปสนใจพระสายป่าสายบ้านสายหลวงปู่นั่น นี่อะไรเลยแต่สนใจสัจธรรมแห่งการบรรลุมรรคผล เท่านั้นเอง ตามผมมาสิ(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  4 ต.ค.2565)

-----

8.

Phayap Panyatharo

จะเล่าให้ฟังต่อไปอีกนิดหนึ่ง ภาพนี้ (ภาพนั่งสมาธิคืนวันที่ 11-12 เม.ย.2558 ณ วิหารหลวงพ่อโตศรีสะเกษท่ามกลาง2,000 นักปฏิบัติคืนนั้น) ผมไม่เข้าใจเลยนะว่าผมทำอะไร (แน่ละ เริ่มด้วย สมาธิ แน่ ๆ ซึ่งเรื่องสมาธินี้ผมไม่ต้องบอกท่านหรอกว่าผมเก่งอยู่  สุด ๆอยู่แล้ว)  )จนวันนี้ถึงได้รู้ว่ามันคืออะไร มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่ามันใช่เลยนะ เพราะมันไม่มีอะไรเลย ในรูปธรรม ผมเข้าสู่สภาวะที่ไม่มีอะไรเลย   หายไปเลย  และรูปร่างก็ไม่กระดุกกระดิกเลย  ดูสีหน้า มือที่วางลงตรงลำแข้งหน้าตัก  สีหน้าท่าทาง   ท่าเดียวเลยนี้ตลอดทั้งคืน   แต่กว่าจะมาเข้าใจก็วิเคราะห์มาตลอด ผ่านมา3 ปีแล้ว และพบว่า นี่คือ สุดยอดจริงๆ นี่คือของจริง ยังไม่บอกใคร อยากฟังคนวิจารณ์ว่าอย่างไรก่อน เอาไว้ทดสอบปัญญาคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง หรือ สำเร็จแล้ว นี่คือความลับของโลกนิพพานและวันนี้ผมเริ่มจะเล่าให้ฟัง ให้คนทั้งโลกรู้(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  4 ต.ค.2565)

-----

9.

Phayap Panyatharo

ที่ผมว่า วิชาปราณนั้น ไม่มีใครเข้าใจหรอก แต่ผมสำเร็จวิชานี้ หมายความว่าอย่างไร ก็สุดยอดไงครับ ตามมาจะค่อยเล่าให้ฟังเริ่มแต่ว่าในโลกยุคนี้ โดยเฉพาะในประเทศพุทธศาสนาไทยลาว เขมร พม่า วันนี้   ไม่มีเรียนไม่มีสอน ไม่มีผู้รู้เลย  ตามผมมา ผมผู้สำเร็จวิชานี้แล้ว  นำไปรู้แจ้งเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมดอย่างไร(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  4 ต.ค.2565)

-----

10.

Phayap Panyatharo

เอาละไหน ๆ ก็ได้พูดความลับมาแล้ว ก็ขอพูดสิ่งสำคัญหน่อยว่า สิ่งที่ผมปฏิบัติมาตั้งแต่เกิดจนอายุเข้า 73 ปี จนแก่ว่างั้นเถอะ นั้น ไม่ใช่ปฏิบัติผิดนะครับ...(ปฏิบัติผิดทำให้หลงทาง กว่าจะสำเร็จถึงเป้าหมายสูงสุด  ก็อายุเกือบตาย  73 ปีเข้าแล้ว ) เพียงแต่ผมโชคดี ที่ได้ไปสู่คืนสำคัญวันที่ 11-12 เม.ย.2558 จึงทะลุรอดพ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ต้องการของชีวิตได้สมความปรารถนา มิตายไปเปล่าแล้ว .... จึงรู้อะไรเป็นอะไรในทางปฏิบัติ...(ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ เป็นอย่างไร  ส่งผลถึงกันอย่างไร)   จึงบอกได้ว่า ที่ผมทำมาปฏิบัติมาเกือบทั้งชีวิต ถึง 73 ปี ตั้งแต่ 1 ขวบถึง 73ขวบชีวิตคน ๆหนึ่ง นั้น มันไม่ใช่มาทางอ้อม  ทางตรงนี่แหละ  เพียงแต่ทางแห่งสงครามที่เหี้ยมโหดไปสุด ๆ กว่าจะผ่านไปทีละด่านนั้น สุดพลังความกล้าหาญและสุดทรหดอดทนที่ต้องถวายทั้งชีวิตจริง ๆ ของผมมาตลอดเลย..

-----

11.

.นี่แหละน่าไม่มีคนที่ 2 ในโลกนี้เพราะมันยากและต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิต ตั้งแต่เกิดมาจนเกือบตายจึงชนะได้!!! คุณไม่ต้องเชื่อหรอก แต่ผมจะค่อยอธิบายไป จนที่สุดคงจะเชื่อแล้วมาทางผม ทางอริยบุคคลที่เริ่มต้นด้วย โสดาบันมรรค จนได้ อนาคามิผล  ก่อนสู่ขั้นสูงสุด   ทางยาว และทางมารล้วน ๆ มารทุกชนิดทุกรูปแบบผมผ่านมาทั้งนั้นเพราะไม่ได้เข้าป่าตามแผนในเมืองมารร้ายต็มไปหมด จึงช้าจนเกือบตายไปเปล่าแล้ว  วันนี้ผมจึงบอกได้ว่า อย่าเดินมาทางที่ผมเดินเลย มันยาว มันอ้อม มันช้ามันเสียเวลา มันต้องใช้ความพยายามคนจริง  และไม่น่าจะมีใครผ่านมาได้ มีผมคนเดียวเท่านั้น นอกนั้นตายหมด คนพิเศษเท่านั้นจริงๆจึงจะมาทางนี้ได้ และครั้นมาถึงจึงจะเห็นว่ามีอีกทางหนึ่ง ที่ง่ายมากเลย ... และที่ผมเริ่มบอกออกไปทั่วโลกแล้ว ในหัวข้อเรื่องที่ว่า Buddhism to the Newworld Era(พระพุทธศาสนาสู่โลกยุคใหม่)   โดยมาเริ่มใหม่ ด้วยการมาทบทวนคำสอนบทแรก 3 บทขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ธัมมจักกัปปะวัตตนะสูตร, อนัตตะลักขณะสูตร, อาทิตตะปริยายะสูตร,  ตรงที่ทรงพูดจบ สอนจบ เวลาไม่ถึง 50 นาที คนทั้ง 1000 กว่าคนก็สำเร็จอรหันต์ได้ทันที....ผมตื่นเต้นที่ว่าคนยุคใหม่ สมัยนี้ก็ทำได้อย่างนั้นครับ แบบแค่ทำตามคำบอกของพระองค์ไปให้ถูกต้องเท่านั้นเอง พระองค์บอกอย่างไร นี่แหละที่ผมจะถ่ายทอดไปให้คนทั้งโลก ให้บรรลุกันทั้งโลก ความหวังก็คือคนในต่างประเทศเขาบริสุทธิ์ ในความคิดศรัทธาที่เป็นกลาง ๆ อยู่ จะเข้าใจง่าย ส่วนคนไทย เพื่อนผมเอง ขอให้มองอย่างกลาง ๆ เข้าไว้ นะครับ   (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

12.

Phayap Panyatharo

มันยังพูดไม่จบนะครับเรื่องกสิณไฟ (หรือ เตโชกสิณตามศัพท์พุทธศาสนา) ที่ผมบอกว่าสำเร็จนั้น น่าตื่นเต้นแต่นั่นยังไม่ใช่นะครับ ประโยชน์ของมันที่สำคัญยิ่งสำหรับผมเลยก็คือทำให้เข้าใจกสิณอื่นๆ ง่ายขึ้น ปฏิบัติแบบเดียวกัน  ทฤษฏีเดียวกันทำได้ง่ายไปเลย(คือทำความชำนิชำนาญเพิ่มเติมไปหลังสำเร็จการศึกษารู้ทฤษฎีแล้วนั่นเอง  ก็ยิ่งชำนาญไปเรื่อยๆไปทำกสิณชนิดอื่น ๆ ได้นับร้อยกสิณ )  โดยเฉพาะผมไปทำกสิณอื่น ๆ  นับแต่อากาสะกสิณ,  อาโปกสิณ,   และนั่นคือ อสุภะกสิณ (การเพ่งศพ หรือเพ่งคนเป็น คนสวยๆ ให้เป็นศพ)  ที่ตรงนี้ผมได้นิสัยมาตั้งแต่เข้าป่าช้า 2 แห่ง ป่าช้าไทยโพนเขวา 16วัน 15 คืน,  ป่าช้าจีน :(สุสานสุขาวดี 500ไร่ ที่ตอนแรก ๆ  ทั้งสองป่าช้านี้ ก็มีพวกผีในป่าช้า มาเล่นดนตรีแห่ศพถวายบูชาผม บูชาความดีของผม ตลอดคืน ลั่นท่วมป่าช้าไปหมดจนแทบหูแตก ....) ต่อมาผมเอาทำวัดของผมเลย  21 วัน 20 คืน ผมเองเอาป่าช้าเป็นวัดทำอสุภะกสิณนี้  ซึ่งผมขอเน้นอสุภะกสิณนี่แหละ นั้นแหละคุณต้องทำให้ได้ในฐานะเป็นพระสาวกผู้หวังมรรคผลนิพพาน ใครก็ตามต้องมีหน้าที่ทำให้ได้  จึงจะปราบกามตัณหาได้ไงครับ ไม่ทำอสุภะกสิณ จะข้ามกามตัณหาไปไม่ได้ )  ถ้าทำตรงนี้ไม่ได้ อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องบรรลุอรหันต์ อย่าพูดว่าผมไม่เกิดอีกแล้ว ....ชาติสุดท้ายของผมแล้ว....

-----

13.

หวังคุณทำอศุภกสิณ เก่ง คล่อง จึงจะเอาชนะกามตัณหาได้ แบบชงัดเด็ดขาด รู้ด้วยตนเองเลยและนั่นแหละจึงพ้นกามกิเลสได้ (มีมากเลยที่คิดว่าตนเอากามตัณหาอยู่แล้ว...แบบว่าตนเป็นทาสอยู่แบบไม่รู้ตัวเพราะโดนกามตัณหาหลอกเอา  มันหลอกว่ามันยอมแพ้แล้ว แต่เปล่า... ไม่เลย.....  ต้องพิศูจน์ ทดลองกามตัณหาด้วยอสุภะกสิณให้พบแจ้งจริงก่อนแบบทดลองพิศูจน์ทางวิทยาศาสตร์นั้นเลย แล้วตัณหาอื่นก็ง่าย จนทำการชำระได้ทันที่ทั้ง 3 ตัณหาต่อกันไป คือกามตัณหา ,ภวะตัณหา, วิภวะตัณหา, ไปเลย และนั่นแหละบรรลุอรหันตบุคคลไปเลย และง่ายเลยหลังเก่งอสุภะกสิณ ตรงนี้  ให้ทำเลยครับอย่ามัวไปพูดแสดงโวหารโอ้อวดอยู่..... ใครก็ตามพิศูจน์กันได้ทั้งโลกเลย โปรดย้อนขึ้นไปไปดูที่ผมบอกพระอาจารย์สิริปันโน: สำนักเต่าดำ กาญจนบุรี อดีตลูกชายอภิมหาเศรษฐี ที่สละสิทธิการรับมรดกมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ที่บวชมา 20 พรรษาแล้ว ทำแบบที่ผมให้คำแนะนำไปเลยครับ  สำเร็จจะได้รับรางวัลชีวิตอันสุดแสนวิเศษเลิศเลอล้ำค่า  จากการพบประสบผลงานการรบจนสังหารกามกิเลสได้ ชงัดชัดเจน

-----

14.

 นี่แหละครับเป็นเรื่องแรกที่ผมขอแนะนำเวลานี้ นาทีนี้เลยให้เริ่มทำไปอย่างหวังผลไปเลย ไม่พลาด เอาเดี๋ยวนี้เลยครับ ทำเลย อย่าเสียเวลา ....ผมจะค่อยอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมไปอีก ให้สำเร็จอย่างผมให้ได้ที่น่าแปลกก็คือ   ทำไมจึงชุมนุมญาติโยมมาเยอะเลย  นุ่งขาว ห่มขาวมากันใหญ่  พาเดินจงกรมกันใหญ่  โยมมันจะบรรลุได้ไงไม่คิดเพราะตัวเองผู้สอนเขาบอกเขาไปหมด  ทำไมไม่เอาที่บอกเขาสอนเขาไปทำเอง นี่แปลก!! ก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวของปฏิเวธธรรมระดับมรรคผลนิพพาน  รู้น้อยกว่าโยมอีกก็มีเยอะแยะไป   มาฟังธรรมะเรื่องต่าง ๆทางปฏิบัติ  พระก็บอกโยมได้หมด  ที่น่าแปลกก็คือ   ทำไมครูสอนรูปนั้นไม่เอาไปปฏิบัติเองเพื่อตนเองนั้น บรรลุอสุภกสิณ หรือ  รู้แจ้งทางวิปัสสนาญาณอริยสัจสี่ของตนเอง ให้ตนเองบรรลุโสดา-อรหันต์ก่อนแล้วค่อยโผล่หน้าออกมาอวดเขา  ....และทำไมญาติโยมจึงไม่เข้าใจว่า ขนาดพระบวชมาเพื่อปฏิบัติธรรมอย่างเดียวตลอด 24 ชม.โดยเฉพาะอยู่แล้ว ทำไมตนเองจึงไม่เอาไปฏิบัติให้ตนบรรลุ ให้ตนเองทำหน้าที่ของพระสาวกได้เต็มที่ ดังที่สอนญาติโยมไปแบบสอนไปหมด ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าญาติโยมยากจะบรรลุ   เราก็แค่โอ้อวดไปประจำ ๆ ๆ ๆ แบบไม่ได้ผลเลย ก็เพราะตนเองก็ไม่บรรลุไง  ตลกมากเลย โง่มากเลย   มีอย่างนี้ได้อย่างไร ตลกสุดยอด ?  ....

-----

15.

ก็ขนาดคนที่มีหน้าที่ปฏิบัติโดยตรงยังปฏิบัติไม่สำเร็จ  ญาติโยมจะคิดสำเร็จได้อย่างไร   มันคนละสถานะ  คนละอาชีพการงานกัน(มันทางปฏิบัติไปคนละทางกัน...คือเราเป็นนักบวช   จะเอาวิธีปฏิบัตินักบวชไปให้ชาวบ้านฆราวาสเขาทำได้อย่างไร ....มันมีหลักมรรค8 มัชฌิมาปฏิปทา เท่านั้นไปให้ชาวบ้าน ฆราวาสเขาปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน  แม้พระสงฆ์สาวก นักบวชทั้งหลายก็ปฏิบัติได้  ตามที่ท่านบอกว่า  การทำงานคือการปฏิบัติธรรม และได้มรรคผลนิพพานเหมือนฝ่ายพระ เพียงแต่ไม่มีใครรู้อธิบายไปเท่านั้นเอง   แบบที่ท่านผู้รู้จริง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านบอกเรื่อง  ปัญญา มาก่อน สมาธิ - ศีล  ให้ทำงานการอาชีพของตนไปอย่างดี มีวิริยะ อุตสาหะ มีสัมมาทิฏฐิเป็นหลัก ก็ไปสู่ความร่ำรวย สู่ความเจริญทางการงานอาชีพ  เอาหลัก มรรค 8 หลักมัชฌิมาปฏิปทา นั้นเองมาปฏิบัติ  นั่นแหละวิถีปฏิบัติธรรมเข้ามรรคผลนิพพานได้พอ ๆ กับพระในวัด(พระในวัดมักจะขี้เกียจ กินๆ นอน ๆ มีแต่มิจฉาทิฐิไปวัน ๆ  ขนาดสอนเขาไปยังไม่รู้ว่าสอนอะไร  หลักปัญญาหลักมรรค8 จึงเป็นหลักสากล ทั้งฆราวาส ทำไปได้มรรคผลพอ ๆ กับนักบวชพุทธ)  .... สอนพระด้วยกันเถอะ  สอนตนเองเถอะ   โดยเฉพาะมาฟังอาจารย์โง่ ๆ สอนด้วยแล้ว  เขาสอนไปทำไม ?   หวังลาภ ละมั้ง ? (นี่แหละ สิ่งที่ผมเองไม่กล้าทำมาเพื่ออวดโอ้อวดตนมาเลย  ตั้งแต่เข้าสู่ โสดาปัติมรรค-ผล ถึงอนาคามิผลมาก่อนแล้วก่อนวันสำคัญ 11-12 เม.ย. 2558) ...นี่แหละบาปปิดกั้นมรรคผลนิพพานของตนไปเลย ....อย่าประมาทแม้บาปเพียงเล็กน้อย...

-----

16.

นี่แหละ เรื่องโง่ ๆ มากเลย   เขาต้องการอะไรแน่สำหรับผู้สอนคนทั้งหลาย   เขาทำสิ่งที่ตนสอนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  ครูอาจารย์ยังทำไม่เป็น  ได้แต่พูดไป ๆ  แปลกจริงๆ  (จนมีแม่ชี เปรียญ 9 ประโยค  เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาของสำนักใหญ่โต  แม่ชีนักปฏิบัติธรรมจริง ๆ เป็นครูวิปัสสนาสำนักปฏิบัติหลายสิบปีมา:แม่ชีแอ๋ว ธวัลรัตน์ อุดมรัชเสฏฐ์   ท่านทนไม่ได้ กับทางปฏิบัติของเจ้าสำนัก  ว่ามันผิด  ท่านก็ออกมาพูดว่า  สำนักปฏิบัติธรรมวันนี้  ใหญ่โตมโหฬาร สร้างสำนักขึ้นแล้วสร้างขึ้น  หาเงินทองไปสร้างไม่หยุด ไถทรัพย์สินประชาชนยากจนไปเรื่อย ๆ  แต่สอนอะไรไม่ถูกต้องเลย สอนตนเองยังไม่เป็นเลย   สอนได้แค่ทำบุญ ๆ ๆ ๆ ๆ โดยหวังอย่างเดียว หลอกลวงคนทั้งหลายหวังทรัพย์หวังลาภทั้งนั้น  เป็นคลิปออกไปทั่วโลก  ไปดูสิชมรมบ้านธัมมะ อ.สุจินต์ บริหารวรรณเขต ...แต่ที่แปลกก็คือ   เขาออกคลิปมาด่าว่าแหลกลาญไปขนาดนั้นยังไม่รู้จักออกมาแสดงธรรมแสดงความจริงออกมา  ให้คนหายสงสัยเลย นั่นแปลว่าสำนักโง่เขลาจริง ๆ    ฆราวาสญาติโยมทั้งนั้น และเรื่องหลอกพื้นฐานคือเรื่องการทำบุญทำทาน  และบอกว่า นาบุญคือสำนักปฏิบัติ..แต่พระเองกลับไม่ปฏิบัติ  ก็อย่าเข้าสำนักปฏิบัติเลย .......นี่แหละผมจะค่อยอธิบายไปแล้วละ.....เพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนาเผยแผ่ไปทั่วโลก ..... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  4 ต.ค.2565)

------

17.

Phayap Panyatharo

ก็ขอก๊อป มาไว้ต่อนี้ไปเลยนะ จะได้อยู่ด้วยกัน

Phayap Panyatharo

20 พรรษา 20 ปีนานแล้วทีเดียวยังไม่พ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านเล่าเรื่องของพระองค์เองว่า ทรงปฏิบัติทางสายกลางซึ่งทรงระบุว่ามรรค8นั้นเอง จึงได้สู่ความตรัสรู้พร้อมเฉพาะ (ตถาคเตนะ อะภิสัมพุทธา) ได้เข้าสู่จักษุธรรม (จักขุกะระณี) ได้เข้าสู่ญาณความรู้แจ้ง(ญาณะกระณี) ได้เข้าสู่ความสงบ(อุปะสมายะ) ได้เข้าสู่ความรู้ยิ่ง(อะภิญญายะ) ได้เข้าสู่ความรู้พร้อม(สัมโพธายะ และ ความพร้อมเข้าสู่นิพพาน(นิพพานายะ สังวัตตะติ) (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

18.

Phayap Panyatharo

ทรงตรัสถึงกรรมฐานของพระองค์ ว่าเป็นการพิจารณาอริยสัจ 4 แบบ 3 รอบ 12 อาการคือแบบนักวิจัยสมัยใหม่นี่เอง รอบที่ 1 ทรงมองแบบสมมติฐาน รอบที่2 ทรงพิศูจน์อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งไปหมด เช่นเรื่อง ตัณหา ก็ทรงพิศูจน์ ให้เห็นความหมดไปไม่เหลือเลยแห่งตัณหา รอบที่ 3 ก็ทรงพบความจริงรู้แจ้งตรงตามสมมุติฐานที่พิศูจน์มา เรื่องทุกข์ ก็ทรงรู้แจ้งทุกข์ อย่างแท้จริง ว่าทุกข์คืออะไร ทรงรู้แจ้งทุกข์ก็ทรงรู้แจ้งโลก เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ... เป็นเรื่องการรู้แจ้ง ด้วยการทำกรรมฐานแห่งปัญญา พิจารณาตรึกตรองอย่างลึกซึ้ง ตามที่ทรงตรัสว่าเมื่อได้มี จักขุง อุทะปาทิ(จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว) ญานัง อุทะปาทิ(ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว) ปัญญาอุทะปาทิ(ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว) วิชชาอุทะปาทิ(วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว) อาโลกโก อุทะปาทิ(แสงส่ว่างได้เกิดขึ้นแล้ว) ก็ทรงรู้แจ้ง ทุกข์,  สมุทัยเหตุแห่งทุกข์,  นิโรธ สภาวะแห่งความดับไม่เหลือแห่งเหตุของทุกข์, และ ข้อปฏิบัติทั้ง 8 คือ ทั้งมรรค8 และ มัชฌิมาปฏิปทา พร้อมกัน 8 ข้อ,  ที่ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นั้น ทรงทำให้เกิดขึ้นได้ รวมแล้ว เป็น 12 อาการ เรื่องละ 3 รอบ นั้นแหละจึงทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

19.

Phayap Panyatharo

ซึ่งเมื่อปฏิบัติไปตามพระองค์ มีการตรึกตรอง ไปตามลำดับ อริยสัจ 4 จนรู้แจ้งทุกข์  สมุทัย นิโรธ มรรค ว่าทุกข์คืออะไร มาจากเหตุอะไร เช่นท่านอัญญาโกณฑัญญะ ท่านพบว่าทุกข์มาจากการเกิด เกิดมาแล้วก็ตาย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเช่นนี้หมด ไม่มีใครหรือสิ่งใดพ้นตายไปได้ ท่านก็บรรลุโสดาบัน ครั้นทรงสอนต่อไปอีกเรื่อง อนิจจัง ความไม่เที่ยง ความเป็นอนัตตา ความที่เราทั้งหลายสิ่งทั้งหลายที่เกิดมาล้วนเป็นทาสของความตาย นั้นแหละยิ่งไปไม่พ้นทุกข์เลย และครั้นสอนเรื่องความร้อน ๆ นั้นคือทุกข์นั่นเอง มีอยู่ทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตพบความร้อนทุกนาทีชีวิต นี่แหละทุกข์ที่หนีไปไม่พ้นเลย ก็สำเร็จอรหันต์ เนื่องเพราะเกิดความหน่ายในทุกข์ แล้วเกิดความสลัดหลุดพ้นไปจากตัณหา เลยบรรลุทันที บรรลุแล้วเราก็รู้เองว่าบรรลุแล้ว นี่แหละ ไม่ต้องเปลืองเวลาไปมากนัก เพียงทำความเข้าใจแบบนักวิจัย วิจัยเรื่องทุกข์ ให้เข้าใจจริง ๆ ที่สุดเข้าใจเรื่องทุกสิ่งทุกอย่าง รูปธรรม นามธรรม โลก จักรวาล นรก สวรรค์ คนธรรพ์ พระเจ้า ล้วนเป็นทุกข์เสมอกันหมด ชีวิตทุกชีวิตล้วนเป็นทุกข์ และรูปธรรมก็คือความร้อนความร้อนแบบ สัพพัง อาทิตตัง สรรพสิ่งล้วนมีแต่ร้อนทั้งนั้น ตามอาทิตตะปริยายสูตร นั้นแหละ ทุกข์ ทุกข์คือความร้อน และที่สุดมองเห็นเราเองเป็นทุกข์ รู้แจ้งทุกข์แบบเห็นทุกข์ครอบโลก ครอบจักรวาล สมบูรณ์ ก็สำเร็จอรหันต์ได้ ... ว่าตามพระพุทธเจ้านะครับ รีบพิศูจน์เลย ด้วยตนเอง ก็จะสำเร็จอรหันต์ได้เลย(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

20.

Phayap Panyatharo

เอาละนะครับ... มารู้เรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่ง คือ นักบวช พระสงฆ์ผู้ถวายตนเป็นพุทธสาวกแล้ว จะอยู่ใต้สายตาของมารทุกรูปแบบเลยทันที และเมื่อผ่านมาแล้ว มีตัวร้ายตัวหนึ่ง นั่นคือ กาม เอาละ ด้วยประสบการณ์มา มาศึกษามันสักหน่อย แน่ละ มันจะคอยกีดกั้นเราแบบนิ่มนวล ไม่ให้เราบรรลุธรรมอันสูงสุด กีดกั้นสมาธิเรา ธรรมปฏิบัติเรา ไม่ว่า สมาธิ วิปัสสนา กสิณ ฌาณ เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง เอาละ พอเห็นได้ว่า ที่ยังไม่ไปไหน มาไหน เป็นเพราะกามตัวนี้ กามกิเลส กามตัณหา นี้แหละ ที่มันปิดกั้นคุณอยู่ แบบที่คุณจะไม่รู้ตัวเลย มันเป็นกระแสความรู้สึกนึกคิดอย่างเบาบางไปถึงเรื่องกามกิเลส เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่อ่อนโยน ละมุนละไม แต่นั่นแหละ เครื่องมือของกามที่มันเอามาปิดกั้นเรา(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

21.

Phayap Panyatharo

เราต้องไม่ปรานีมันเลย เราต้องฆ่ามัน ขูดมันออกไปให้เกลี้ยง เริ่มแต่ความนึกคิดจินตนาการของเรา ต้องรู้เลยว่ามันเป็นศัตรูถึงแม้ความรู้สึกจะเป็นดั่งมิตรผู้แสนดี แสนน่าทะนุถนอม แสนน่ารักก็ตาม ต้องมองว่านั่นคือ เล่ห์กลของศัตรูผู้ปิดกั้นเราเอาเราไปเป็นทาส ในรูปธรรมก็คือ ตราบที่ยังไม่บรรลุ จงห่างไกลไปจากสตรีเพศ อย่าให้เห็นเลยก็ดี และจงรู้สัจธรรมว่า นั้นเป็นสิ่งที่ต่ำต้อยด้อยค่า น่ารังเกียจขยะแขยงที่สุด น่าเบื่อที่สุด น่าสะอิดสะเอียนที่สุดลองมองอะไร หมู่หนอนนั่นเอง ที่อยู่ในฐานส้วมวัด หรือใส้เดือนในดินเปียก ๆ ว่าน่ารังเกียจอย่างไรก็ให้ได้ความรู้สึกอย่างนั้น นั่นแหละดวงจิตของเราจะยกขึ้นสูงเกินกว่าระดับกิเลสตัณหาอุปาทาน จะเหมือนดอกบัวที่ค่อยผุดขึ้นจากตม จากน้ำ กำลังไปปริ่มน้ำอยู่เลยทีเดียว ครั้นบานเหนือน้ำขึ้นมาเมื่อไร ก็บรรลุสู่โลกแห่งความตื่น เบิกบาน สว่างไสวไร้มนทิลไปเลย นั่นแหละ ปิดกามทัศนะและความรู้สึกให้มิด อย่าไปเกี่ยวข้องทั้งทางกาย ตา หู และจิตใจ แล้ว.... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

22.

Phayap Panyatharo

ต้องหมั่นทำ อสุภะกสิณ นะ หมั่นหมายความว่าทำบ่อยๆ ทำเป็นประจำ ทำเป็นเวลาแบบเข้าโรงเรียนเลยทีเดียว มีเวลาทำเฉพาะ ๆ อย่าขาด จนในที่สุดจะบังเกิดผลดี มาก ๆ ทำเป็นไหมล่ะ ? (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

23.

Phayap Panyatharo

มาฝึกสร้างจินตนาการ  ฝึกสร้างจินตนาการ ให้เห็นคนสวยสุด ดุจนางงามระดับโลกเลยก็ได้ เพ่งด้วยสมาธิอันเด็ดเดี่ยวของเรา.....แน่ละ ถ้าเก่งสมาธิ....... น่าถึงระดับอุปปะจาระสมาธิ จะเพ่งได้เห็นภาพชัดเจน เห็นหมด รูปร่าง ใบหน้า ผิวพรรณ อันสวยงาม และแววยิ้มอันเบิกบานของเธอ .... และเราจะอาจหลงไปในจินตนาการก็ได้ แต่เราจะให้เดินจินตนาการไปในแบบมองสัจธรรม อนิจตา ความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ....ก็มองต่อไปให้เห็นร่างอันสวยงามนั้น ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เป็นสาวแก่ เข้าวัยชราหงำเหงือก..... มองให้เห็นด้วยจินตนาการ ..... หยุดเพ่งตรงนี้ให้นาน นาน นาน นาน จนพบว่าดวงใจเราเปลี่ยน ไปจากความรักความหลง เป็นความขยะแขยง น่ารังเกียจขึ้นแทนเสียแล้ว ให้ได้พบการเปลียนไปแบบนี้ ใจเราจะยกขึ้นสูงไปจากคนงามความงามนั้น แล้ว จินตนาการต่อไป ให้เห็นภาพอันเจ็บป่วย นอนอยู่บนดินเปียก ริมฝั่งน้ำ และเห็น ร่างเปล่าเปลือยขาวสะอาดสะอ้าน เต่งตึงไปหมด แล้วกลับทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว ค่อยเปลี่ยนไปเป็นร่างอันน่าเกลียด น่ากลัวน่าวิ่งหนีไปไกล ๆ ร่างที่ผุพังลง เห็นดวงตาโบ๋ เนื้อหนังผิดไปคนละคนไปเลย ค่อยผุ ค่อยกร่อนลงจนเหลือแต่กระดูก และ กระดูกนั้นหันมาทักทายคุณ จะโผหามากอดคุณคุณก็วิ่งเลย นั้นแหละ เข้าทางแล้ว .........ทำอสุภกสิณ ให้ได้แบบนี้ ทบทวนมาบ่อยๆ แบบนี้ ...เพ่งดูตรงนี้นานๆ ตรงที่ดวงตาโบ๋น่ะ....แล้ว นั่นแหละจะรู้สึกตนเองเลยว่าเรานั้น คือบัวพ้นน้ำแล้ว เบิกบานแล้ว นั่นแหละ รู้ ตื่น และ เบิกบาน.......ทำบ่อย ๆ แบบทบทวนมาตามลำดับ ๆ ทำบ่อยจนรู้สึกสนุก เพราะเท่ากับกวาดลานวัดทุกวัน ๆ ไม่ให้มีขี้ฝุ่นเลยนั่นเอง และ นี่แหละ ทำเป็นหลักสูตรเลยนะครับ ...คือหมายความว่า ทำพร้อม ๆ กันทั้งมหาวิทยาลัยเลยจะได้บรรลุพร้อมกันทังหมู่ทั้งกลุ่ม ทั้งเมือง ทั้งโลก ...... มันจะบอกคุณเองว่าคุณสำเร็จตรงนี้แล้วหมายถึงรางวัลแห่งชีวิตที่ล้ำค่าอย่างสุดประมาณได้ ...จึงเข้าสู่อรหัตตมรรค อรหัตตผล ได้ทันที ...... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

24.

Phayap Panyatharo

แล้วเราก็จะรู้แจ้งอริยสัจ 4 รู้ 3รอบ 12 อาการแบบพระพุทธเจ้า และรู้ตนเอง ว่าตนรู้แล้ว พร้อมจะโปรดคนทั้งหลายให้รู้ตามเพื่อพบความสุขอมตะนิรันดร นั่นคือ สู่แดนอริยบุคคลสูงสุดด้วยการฆ่ากามตัณหาให้เสร็จเด็ดขาดลงจริงๆก่อน ..........และ ใครๆก็ทำได้ ...ใครทำใครก็ได้ ไม่จำกัดเพศ วัย อายุ เชื้อชาติ ศาสนาใด ......... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----

25.

Phayap Panyatharo

ผมเป็นใครงั้นหรือเอาภูมิปัญญามาจากไหนมาแนะนำ ....ก็ผมเป็นใครก็ไม่เกี่ยวนี่ครับ ดูจากวาทะ วาทะคือสัจธรรม วาทะคือพระเจ้า(อย่างที่พระเยซูคริสต์ตรัสไว้) ลองหาดูก็ได้ว่า วาทะที่แนะนำมานี้ เคยมีมาก่อนหรือไม่ ไม่เคยมีมานะครับ ผมเป็นคนกล่าวให้ฟัง ในโลกยุคใหม่นี้เลย ขอแต่ทำไปตามที่บอกก็ลองดู ทำจริง ๆ นะครับ ... รับรองสำเร็จ ทำแบบที่ผมบอกทุกคำเลย สำเร็จ .... ผมหรือ เอาว่าที่พูดมาผมพิศูจน์มาแล้ว และพอใจที่จะประกาศไปทั่วโลกเลย รีบทำ ๆเข้าเถอะ

 (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส 16 พ.ค.2559 ...แก้ไขเพิ่มเติม  ต.ค.2565)

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

·       แฟ้มเดิม : Phayap Panyathar6 ประวัติทางธรรมปฏิบัติ เริ่มกสิณไฟต้นบทลงเฟส11พ.ค.2557 แก้ไขเพิ่มเติม ต.ค.2565ต้นฉบับ

 

-----

ประวัติชีวิตนักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต พระพยับ ปัญญาธโร (เล่าเอง)

ตอนที่ 2

-----

PhayapPanyatharo       ประวัติทางธรรมปฏิบัติเฉพาะตน ตอนที่ 2

*****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

ประวัติ พระผู้มีปกติอยู่ด้วยอิริยาบถ 3 

 

26.

Phayap Panyatharo

ก็นี่แหละเพื่อน ๆ รู้ดี โดยเฉพาะเพื่อนเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน ที่รู้ว่า พยับ ปัญญาธโร เป็นพระผู้มีปกติอยู่ด้วยอิริยาบถ 3 มาแต่ก่อนบวช 2 ปีแล้ว คือ นั่ง ยืน เดิน ไม่มี นอน ตลอดมา 17 ปี จึงเป็นริดสีดวงทวาร ตามประวัติย่อ ๆ ในหนังสือพิมพ์ดี เริ่มแต่เล่มที่ 5  เดือน ก.ค.2540...ท่านธรรมทาสพาณิช เคยบอกให้เขียนประวัติชีวิตเอาไว้หน่อย ให้คนศึกษาการปฏิบัติธรรมของเรา และเพื่อนเลขาฯ ก็อยากรู้ ก็เลยเขียน  ใช้ชื่อว่า ประวัติของผม พระพยับ ปญฺญาธโร พระผู้มีปกติอยู่ด้วยอิริยายบถ 3 ...ก็บอกสิ่งที่มันเป็นจริงจริงๆ ....  อันเป็นเรื่องที่คนทั่วไปจะไม่เข้าใจ ว่ามันคือธรรมะอะไร...เขียนออกไปแล้วก็มีคนรู้และปฏิบัติตาม... มีพระเคร่งสำนักปฏิบัติธรรม..คงรู้เรื่องของผม คิดทำตาม จะให้ครบ 7 วันให้ได้ จึงให้ศิษย์มัดตัวเองกับเก้าอี้ แบบนี้แหละ กะว่ายอมตาย แล้วเอาไปห้องปฏิบัติแบบเข้าถ้ำ ก็คิดว่าจะทำให้สำเร็จอรหันต์นั่นเอง แต่ไปได้ 6 วันลูกศิษย์ไม่สบายใจเลยพากันพังประตูเข้าไปดู ตายไปรูปหนึ่ง เกือบตายไป 1 รูป ..ก็มีพระแถวอีสานเหนือ ฝั่งโขง ไปหลอกประชาชนว่า  จะเข้าไปอยู่ในโลงศพ 7 วัน ไม่กินข้าวไม่กินน้ำก็คงพบเรื่องของผมนี่เอง...แต่นั่นโกหกประชาชนไปแบบไม่ละอายใจเลย ผมรู้ไงครับ  .....

27.

ก็เหมือนจักขุบาลเถระ ยุคพระพุทธเจ้านั้นเลย  ที่ผมอ่านพบตอนมาอยู่วัดใหญ่ ในเมือง  ก็รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร   จักขุบาลเถรที่ได้ฟังธรรมปฏิบัติจากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่เอาทางปริยัติธรรม เลือกเอาทางปฏิบัติเอาวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ยอมนอน นั่งไปตลอดพรรษา  ไม่ยอมให้หมอทราบความจริงที่ตนไม่ยอมนอน เลยเริ่มตามัว ๆ ไปเรื่อย หมอให้ยามาใส่ตา ให้นอน ก็ไม่ทำ  จนออกพรรษาตาก็บอด เพราะ อยู่ด้วยอิริยาบถ 3 ตาก็บอดไปแบบไม่รู้ไม่มีวิชาปราณ(เหมือนผม)นั้นเอง แต่จักขุปาลเถรตาบอดแล้วจึงสำเร็จอรหันต์ ตาบอดแล้วไปรู้แจ้งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ….ซึ่งเรื่องนี้ยังมีอะไรอธิบายนะครับ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจและไม่รู้ในความสำคัญของวิชาปราณ...ไม่เข้าใจสมาธิที่แท้จริง  ไม่เข้าใจคนเก่งที่หากมีมาในยุคนี้ จะอธิบายไปอย่างไร และรู้แจ้งอะไรบ้าง แบบที่หากรู้แล้วก็จะตื่นเต้นเลยทีเดียว  คือ มันเกี่ยวกับการปฏิบัติสมาธิไปสุด ๆ ก่อนนั่นเอง  คณิกะสมาธิคืออะไร เรียน 2 ปี จบไหม  อุปปะจาระสมาธิคืออะไรเรียนอย่างไร เรียน 3 ปีจบไหม  และ อัปปะนาสมาธิคืออะไร  อย่างไรเรียน 5 ปีจบไหมเรียนเป็นกลุ่มเป็นชั้นเรียนมหาวิทยาลัยไปเลย   ซึ่งโดยวิชาปราณของผม สามารถตรวจสอบได้หมด และเรื่องสมาธิ จำเป็นต้องพูดให้ฟัง  เพื่อให้รู้ความจริง ..... ตรวจสอบมาตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้า ถึงปัจจุบันเลยทีเดียว .....ก็พูดไปเพื่อต่อไปจะเข้าใจความจริงที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

*****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

28.

เรื่องอิริยาบถ 3  มา 17 ปี ก็หยุดนั่ง ลงนอนเพราะเป็นโรคริดสีดวงทวาร  มาฟื้นอีกครั้งหนึ่ง  โอกาสที่ได้ร่วมปฏิบัติธรรมหลักสูตรวิปัสสนาจารย์ ของคณะสงฆ์ภาค 10  ระหว่างวันที่ 2-21 พ.ค.2549 20วันที่ตั้งใจจริง ๆ เพื่อฟื้นอิริยาบถ3ให้ได้ ซึ่งฟื้นได้สำเร็จ  พอฟื้นได้ก็อยู่ในอิริยาบถ3เลยขณะฝึกอยู่นั้นเอง ทั้งวันทั้งคืนไปปกติๆ ปรากฏว่ารู้กันทั่วว่าพระองค์นี้นั่งหลับบนเก้าอี้ตัวนี้ตลอดคืน อยู่ด้วยอิริยาบถ 3    และซึ่งผมตั้งใจแสดงให้เห็นจริงๆ แบบคิดว่าน่าจะเป็นที่ชื่นชมยินดีกับผู้ปฏิบัติได้ธรรมะระดับสูงส่ง  น่าเป็นที่พอใจของพระผู้ใหญ่ ....หากแต่ตรงนี้แหละ ไม่เป็นดั่งที่ผมคิด ทำไมท่านจึงดูไม่ค่อยชอบไม่อยากเห็น พระนักปฏิบัติอย่างผม น่าคิดว่าเป็นการโอ้อวดอุตริมนุสสธรรมหรือเปล่า(ตามที่มีพูดถึงในระดับสูง)  ...พระพรหมโมลี(วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ..จบ ป.4,  ป.ธ.8) จภ.10 ผอ.การฝึกท่านเดินมาตรวจ 2-3 วัน วันสุดท้ายท่าน ชี้ไม้ชี้มือ  และสั่งให้ผมขยับกลดที่พักเข้าไปในเขตป่าด้านหลัง อย่าให้คนเห็น แบบที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านจึงดูไม่ชอบใจเสียเลย  น่าจะมาคุยกับผมว่าทำได้อย่างไร  วิชาอะไร? ....มีคนเก่งเกิดขึ้นอย่างผม ทำไมไม่พอใจ?  มองเป็นการอวดอุตริฯไปนู้น....แล้วผมจะไปสอนวิชาสูงสุดนี้ได้อย่างไรหากมีเจ้านายอย่างนี้.........จน  ต่อมา ท่านก็จากไปง่าย ๆ  เพราะเกิดอุบัติเหตุ รถตู้เสียหลักตกลงไปข้างทางถนนบ้านดอนงัว จ.อุบลราชธานี วันที่ 19 ก.พ.2554 ท่านตายคนเดียว รูปอื่น 3-4 รูปบาดเจ็บ  

ผมกับพระผู้ใหญ่ ท่านจะไม่ชอบเรื่อง หนังสือพิมพ์ดี ของผมนั่นเองเพราะเป็นหนังสือปฏิวัติสงฆ์  แต่ก็ออกมาตลอดไม่เคยหยุดถึงวันนี้ 25 ปีแล้ว และเพิ่งออกเล่มล่าสุดที่ 58 ไปเดือน ก.ย.นี้เอง  *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

29.

Phayap Panyatharo

ตอนที่กลับศรีสะเกษบ้านเกิดเพราะแม่ป่วยหนัก เลยบวชได้เพียง 13 วัน แผนที่เตรียมเดินป่า เข้าพม่า อินเดียและธิเบต โดยอุทิศทั้งชีวิตในระหว่างนี้ไปเลยจนกว่าจะได้พบพระพุทธเจ้า    ก็เลยยุติลงไปแม่ป่วยหนัก โทรเลขบอกสั้นๆว่า แม่ป่วยหนักกลับบ้านด่วน” ก็กลับบ้านศรีสะเกษโดยรถไฟ ขณะเดินทางกลับจากวัดบ้านถ้ำ กาญจนบุรี เช้า ๆ  มีพระอาทิตย์ทรงกลดเหนือศีรษะตลอดเวลาจนขึ้นรถไฟหัวลำโพง ถึงศรีสะเกษ  (ตามภาพนะครับ) ก็เลยบันทึกไว้ว่า  พระอาทิตย์ทรงกลดกั้นแดดให้ ตลอดเวลาเดินทางจากวัดบ้านถ้ำ ไปวัดจ.อ.ท่าม่วง และ เข้าสถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพ  เดินทางสู่ศรีสะเกษ ดูภาพนะครับ ได้จากมหาอมรเทพ ฯ  เหมือนนี้เลย อาทิทตย์รงกลดกลางวันแสก ๆ *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

30.

การบวชของผมมีแต่เรื่องประหลาด ตามลำดับมา ตั้งแต่วันเดินทางมาบวช  แผ่นดินกาญจนบุรี ไหว  ดูภาพ มรว.เสนีย์ ปราโมช ท่านถือกาแฟดื่มอยู่ แทบหลุดมือ....คืนวันก่อนบวช บ้านเขาทำพิธีมีนาคเขา 4 นาคจะบวช วันนั้นด้วยกัน พระเจ้าอาวาสวัดบ้านถ้ำพระมหาปราโมทย์ ปโมทิโต ขึ้นบ้านไปเจริญพุทธมนต์ 9 รูป รอนาคอยู่  ขณะรออยู่นั่นเอง บ้านเขาเกิดพังลงไปซีกหนึ่ง ที่นาค4คนแต่งตัวกันอยู่ หัวหกตกดินกันไปทั้ง4คนพร้อมญาติโยมในห้อง อลเวงกันใหญ่  ก่อนจะเรียบร้อย วันบวช 23 พ.ค. 2526 แล้ว กลางคืนมีแมงตัวดำเล็ก ๆ มาแบบตาข่ายฝน ลงท่วมวัด 4- 5 คืน จนอพยพกันใหญ่ คนมาดูกันใหญ่ว่าเขามาขอส่วนบุญ

มีหลายเรื่องเลย  พบนางยักษ์ ที่อ่านพบในประวัติวัดก่อนบวชนั่นเอง ....  ทำการฝึกโชกสิณสำเร็จ ..... *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565 

31.

ดูแลแม่ไป 2 ปีท่านเสียชีวิตแล้ว จะกลับไปเข้าป่าตามแผนเดิมอีกก็พอดี ขึ้นไปทบทวนวิชาบนเพดาลอุโบสถ 8 วัน 7 คืน  ท่านเจ้าคุณพระเทพวรมุนี(เสน ปัญญาวชิโร  จจ.สก.) ท่านสั่งให้เข้าไปช่วยงานเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เพราะบังเอิญ เลขาเดิมพระครูศรีวรปรีชา  ท่านเกิดมรณภาพลงปัจจุบันทันด่วน(อายุ 54 ปี)  เพราะไปกินอาหารกลางทุ่งนากินผลไม้เข้าไปเยอะเกิดปวดท้องตายไปเฉย ๆ ไม่ทันข้ามคืน  ท่านเจ้าคุณเลยเรียกไปทำหน้าที่แม่บ้านให้หน่อย ท่านว่าอย่างนั้น เราก็เคารพท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่  (เหมือนดูแลพ่อต่อมาอีก 4 ปีเศษ ๆ ท่านก็มรณภาพ)  เลยพอลงจากเพดาลอุโบสถ  จำมหาศีล อดข้าวอดน้ำ 7 วัน 7 คืนเสร็จ ก็ลงมาเจอคำสั่ง   ที่ว่าลงจากโบสถ์แล้วจะกลับวัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แล้วจะเลยเข้าป่า เข้าพม่าก่อน  ตามแผนเดิม ก็เลยไม่ได้ไป   ไปวัดมหาพุทธารามแทน ไปดำรงตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

32.

และซึ่งต่อมาได้ทำงานร่วมกับเพื่อนเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน โครงการอีสานเขียว(ฝ่ายประชาชน)ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งต่อมาเป็นหน.พรรคความหวังใหม่ ...และช่วยท่านจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี คราวนั้นได้ออกหนังสือพิมพ์ดี เล่มแรก ฉบับแรกเดือนมีนาคม 2540   ที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาณ 19 ท่านในนามชมรมเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสานเสนอให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย:...1.พระครูปลัดสิมมา อุดรธานี2.พระครูสุวีราภรณ์ หนองคาย3.พระปลัดนฤปเวศม์ เลย,4.พระครูสิริคุณากร สกลนคร5.พระครูไพศาลกิตติวิมล หนองบัวลำพู,6.พระครูสิริวุฒิคุณ ขอนแก่น7.พระครูวรกิจสุนทร มหาสารคาม8.พระครูปริยัติพัฒนกิจ กาฬสินธุ์9.พระมหาสุนันท์ ร้อยเอ็ด10.พระครูศรีวรคุณ อุบลราชธานี,11.พระร.อ.พยับ ปัญญาธโร ศรีสะเกษ12.พระครูปลัดคำพร นครพนม13.พระมหาอร่าม ยโสธร14.พระครูปลัดพิมพา มุกดาหาร15.พระอาจารย์สมภาร อำนาจเจริญ16.พระครูศรีธรรมวิภัช นครราชสีมา17.พระครูอมรธรรมนิเทศ บุรีรัมย์,18.เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ,19.เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

33.

ในนามชมรมเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน เสนอไปยัง ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)นายอุทัย พิมพ์ใจชน ให้ใส่ข้อความลงในรัฐธรรมนูญ  พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย” ...ซึ่งนายอุทัย พิมพ์ใจชน ได้ตอบหนังสือมาด้วยความชื่นชมยินดีจริง ๆ  แต่โดนมุสลิมขัดขวางมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง  และได้รู้มาใหม่ๆว่า จุฬาราชมนตรี นั่นเอง เป็นตัวการสำคัญ  สั่ง พล.อ.สนธิ บุณยรัตนกลิน หน.คมช. ลงมา  อย่าให้นำศาสนาพุทธเข้ารัฐธรรมนูญแต่ต้องอิสลาม นั่นเป็นแผนลับระดับต้นๆ ของอิสลามไทย...ทำไมคิดการใหญ่เกินตัวไปขนาดนั้น นี่แหละอิสลามเป็นอย่างนี้เอง..และเรื่องอิสลามนี้ เนื่องจากทางการข่าวปฏิบัติการจิตวิทยา กอ.รมน.สมัยนั้น หน.เขาทิ้งพระมหาคัมภีรอัลกุรอาน 3-4 เล่มปกเขียว ๆ  ลงต่อหน้าที่โต๊ะทำงาน  ว่าดูหน่อยว่านี่คืออะไร  ก็เลยได้ศึกษามาหมดทุกลัทธิศาสนาตั้งแต่เป็นฆราวาส..รวมทั้งลัทธิคอมมิวนิสต์ การโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการโกหกให้คนเชื่อทำอย่างไร    *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

-----

34.

ก็มาอยู่วัดมหาพุทธาราม นั่นเอง  เริ่มคิดถึงการบำเพ็ญธรรมะในป่าและเริ่มด้วย ป่าช้า  จึงได้ไปเริ่มที่ป่าช้าโพนเขวาในเดือนเมษายน 2533   ดังได้บันทึกเอาไว้แล้วต่อไปนี้

(ตามภาพ) ไปอยู่ป่าช้าโพนเขวา 15 วัน15 คืนเดือนเมษายน 2533 อยู่คนเดียว บอกเขาว่าหาป่าช้าให้หน่อย ป่าช้าผีดุ ๆ ที่สุดเลย เขาก็เอาป่าช้าโพนเขวานี้ให้ ว่ารวมเผาศพ 5 หมู่บ้านรอบ ๆ ป่าช้ามานานแต่ดั้งเดิมเลย ผีดุจนไม่มีใครกล้าเข้าเวลากลางคืน คนเขาบอกอย่างนั้นคล้ายจะขู่ให้กลัว ความคิดก็คือ ป่าช้าผีดุคนจะได้ไม่กล้าเข้าไปหา ไปรบกวน ทำสมาธิ วิปัสสนา หรือ ทำอะไร ที่ไม่รู้จะเรียกอะไร เรียกว่าไปอยู่สันโดษ ทำความสันโดษให้สม่ำเสมอตลอด แผน 15 วัน ให้ได้ ไม่ให้โยมเข้าไปหา จะว่าฝึกวิชาปราณก็ดูจะไม่ใช่ คือลองมาอยู่ดู เป็นครั้งแรกที่มาอยู่ป่าช้า บอกเจ้าอาวาสวัดใกล้ ๆ ป่าช้าว่ากรุณาอย่าบอกโยมว่ามีพระเกจิมาอยู่ป่าช้า ไม่ต้องการให้คนเข้ามาหาตลอด15วันขอสงบโดดเดี่ยวคนเดียว คล้ายว่าขาดจากโลกไปเลย ...นี่คือการวิจัย สิ่งหนึ่งภายในตัวเอง ต้องการชำระล้างดวงจิตที่คราวมาอยู่วัดในเมืองมีตัณหามาเกาะกุมจิตใจมาก คิดว่าจะทำความสะอาดจิตใจให้ผ่องแผ้ว ไม่มีรอยกังวล เตรียมกล้วยตากแห้งชุบน้ำผึ้งไปฉันพอตลอด 15 วัน วันแรกตอนค่ำๆ *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

35.

ขณะกางกลดรออยู่ นกใหญ่มันบินโผลงมาจากยอดไม้ใหญ่มาชนกลดมันตกลงไปแล้วพลิกตัวบินหนีหายไปในป่า ฮึ นี่ผีมาทักละซี นึกอย่างนั้นเหมือนกัน ก็พบผีหลายตนหลายตัว ตัวที่ทำตัวสูงพิงต้นตาล มันทำตัวผอมสูงไปถึงคอต้นตาล มองดูโยมแบบยิ้มๆคล้ายนึกสนุกจะหลอกคนที่เดินเข้าแถวไปวัด หากมันยื่นมือไปให้เห็นคนก็คงวิ่งกันป่าแตก คืนวันพระวันนั้น น่าเป็นนายผีป่าช้านี้...ยังไม่ไปเกิดเอาละจะแผ่กุศลให้ ก็คิดอย่างนี้ และนั่นแหละเขาก็คงรู้ว่ามีคนแปลกหน้ามาอยู่ดินแดนเขา แต่ไม่ทราบเขาคิดอย่างไรเพราะเราก็ไม่ได้บอกเขาว่าขอใช้สถานที่หน่อยนะ ไม่จุดธูป เทียน เลย ค่ำก็เข้าสมาธิ นั่งไปตลอดคืน คืนหนึ่งได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นกันหลายคน มีเสียงเด็กชาย และเด็กหญิง ....ก็คิดว่าคงมีเด็กตายเอามาฝังที่นี่ กลางคืนก็ออกเดินเที่ยวไปในป่าช้า ไปรอบๆป่าช้า แต่ก็ไม่เห็นมีผีออกมาให้ดู *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

36.

จนถึงวันที่ 10 คืนนั้นจึงมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น คือมีการรวมตัวกันของนักดนตรี เขามารอบล้อมที่พำนักเรา เตรียมเครื่องดนตรีเขา มีปี่ ซอ อะไรอีกแบบดนตรีพื้นบ้านแห่ศพ และกลองใหญ่ ได้ยินคล้ายเขาลองเครื่องดนตรี ตระเตรียมจะเล่นดนตรีกันอยู่เป็นชั่วโมง แล้วพอ 2 ทุ่ม เขาก็เล่นดนตรี วงใหญ่เลย ดังสนั่นเลย มีเสียงปี่เป็นหลัก ซอ และเสียงกลองใหญ่ที่ตีอย่างสุดแรงดังแบบแทบหูแตกท่วมป่าช้าทั้งป่าช้า มันคล้ายว่า คนบ้านเรือนวัดรอบ ๆ ป่าช้าก็จะต้องได้ยิน แต่เปล่า ได้ยินเฉพาะเรา เสียงดังมากกลองตีดังจนแทบหูแตกก็ว่าได้  แต่ทำไมคนข้าง ๆ วัดข้าง ๆป่าช้าไม่ได้ยินเลย เป็นเสียงเพลงแห่ศพ แบบที่บ้านนอกแห่ศพไปป่าช้า สำนวนว่า แอ่ อี แอ่ อี แอ่ ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม...,  แอ่ อี แอ่ อีแอ่  ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม...,  แอ่ อี แอ่ อีแอ่ ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม...อา อีแอ่ ....  ดังจนหูแทบแตกเลยทีเดียว จนป่าทั้งป่าเหมือนถูกลมหมุนพัดต้นไม้ ยอดไม่โยก โยนไปกับเสียงดนตรีป่าช้า และมันไม่ใช่เล่นจบเร็วๆ แต่เล่นไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ จากสองทุ่มไป สามทุ่ม สี่ทุ่ม ไปถึง หกทุ่มก็ไม่หยุด เลยไปถึง ตี 1 เราง่วง หลับลงไป พอถึงตี 2 มันร้องเรียกเสียงดังเลยว่า พระอาจารย์ แล้วดนตรีหยุดลง.....นี่แหละ ผีมาเล่นดนตรีป่าช้าต้อนรับ*****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

Phayap Panyatharo

ไปอยู่สุสานสุขาวดี ป่าช้าจีน 21 วัน 20 คืน

37.

.....ก็คราวต่อไปเดือนพ.ค.2533นั้นเอง จะไปศึกษาเรื่องป่าช้าต่อ....ก็ต่อไปอยู่สุสานจีน ป่าช้าผีดิบ สุสานสุขาวดี ป่า 500 ไร่ รอบ ๆ ขณะนั้น ปี 2533 ก็ป่าทึบไปหมด รอบ ๆ ทั้งข้ามห้วยสำราญไปก็นับหลายพัน-หมื่นไร่ จนโยมผ่านไปมีผีกระโดดขึ้นรถไปด้วยก็มี สุสานผีดิบ คนเฝ้าสุสานถามว่ามาอยู่หลายองค์ไหมครับ บอกว่ามาคนเดียว อยู่กี่วันครับ 20 วัน เอาแผน 20 วันให้เขาดู เขาคงไม่คอยเชื่อนักว่าพระรูปนี้จะมากล้าอยู่นานถึง 20 วัน 20 คืน แต่งตัวแบบสามเณรเมืองกรุงแบบนี้ บอกเขาว่าหาที่ปักกลดที่ผีดุ ๆ อยู่ไกล ๆ ลับตาคนที่สุดให้หน่อย เขาชี้ไปที่ต้นพอกใหญ่เลย ติดฝั่งห้วยสำราญเลยละ ว่านั่นแหละด้านหน้ามีที่ฝังศพใหญ่ ศพไร้ญาติ เขาเล่าเรื่องให้ฟังว่าเคยมีพระธุดงค์มาปักกลดเป็นประจำเจอผีกันประจำ รูปหนึ่งเจอเรื่องประหลาดผีมันแกล้งเอา โดยมันม้วนเสื่อทั้ง 2 ข้างเข้ามาหาตัวพระที่นั่งอยู่ตรงกลาง พระก็มองดูอย่างตื่นเต้น แล้วมันก็หยุด พระก็หัวเราะว่าเอาอยู่ ๆ สู้คาถากูไม่ได้ ทันทีสายกลดก็ขาด หลุดลงมาทับพระทั้งตัวเลย พระตกใจลุกขึ้นได้ก็วิ่งไปสุดฝีเท้า ไปยังบ้านพักภารโรงเขาด้านหน้าประตูออก  แล้วก็ออกไปจากป่าช้าไม่กลับมาอีก บาตร กลดก็ไม่กลับมาเอา... *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

38.

เขาเล่าเรื่องพระอาคมขลังทางไกล พาญาติโยมมาขอเบอร์ ขอเข้าไปอยู่ในวิหารเล็ก อยู่ไปได้สามคืน ตอนเช้าโยมไม่เห็นว่าหายไปไหน รอผลขอเบอร์อยู่ มีแต่รอยเลือดเปรอะไปหมดเป็นทางออกไป ก็คิดว่าพระโดนผีอีกแล้วเตลิดไปไม่หยุดเหมือนกัน....... แต่องค์นี้จะมาอยู่ตั้ง 20 คืน ดูท่าทางก็ไม่น่าจะมีอะไรดีในตัวในตนเหมือนพระป่า ๆ เขา แต่เอาละลองดู เขาก็คิดอย่างนั้น ...ก็เจอผีเยอะ..คืนหนึ่ง มีแมงอีร้องสนั่นดึก ๆ ราวตี 1-2  เริ่มด้วยเห็นภาพนิมิตร เทพเจ้าองค์สี่เหลี่ยม...รูปร่างป็นสี่เหลียม  มายืนต่อหน้ากลดที่หลับนอน ...ไม่ทันถามว่ามีเรื่องอะไรก็หายตัวไปก่อน เชิงมาเตือนอะไรสักอย่าง  และสักอึดใจนั่นเอง  ก็เห็นหมีดำตัวใหญ่มโหฬาร เห็นปรากฏตัวขึ้นระหว่างหลุมฝังศพ กลางป่าช้า แล้ววิ่งออกมาจากหลุมฝังศพ  มุ่งเข้าไปหากลดของพระเจ้าอาวาสรูปหนึ่งที่มาขอปักกลดด้วย5วัน5คืนตัวมันใหญ่มาก ดำ ดูดุร้ายมาก  ตกใจกลัวมันจะไปทำอันตรายพระรูปนั้น  รีบเข้าสมาธิ เพ่งกสิณไปยังมัน   แล้วเนรมิตตาข่ายขึงกั้นไม่ให้เจ้าหมีร้ายวิ่งข้ามเขตหลุมศพออกมาได้ ไม่ให้เข้าไปยังกลดพระรูปนั้นได้ มันดันจะให้ออกจากตาข่าย มุดหายไปในตาข่าย แล้วเราดันมันออกมา ดันไปดันมา เราก็เพิ่มพลังไปมากขึ้น ๆ จนเอามันอยู่  สู้กันอยู่อย่างนี้นานหลายนาทีจนมันยอมแพ้หายไป ...... *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

39.

และที่สุดคืนวันที่ 19 ผีในสุสานสุขาวดี ป่าช้าจีนก็มาเล่นดนตรีให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง แบบเดียวกับวัดป่าโพนเขวาเลย เพียงแต่เสียงมันอ่อนกว่า เพราะป่าช้าจีนไม่มีต้นไม้อุ้มเสียงเหมือนโพนเขวา จึงร้องบอกมันว่า สู้โพนเขวาเขาไม่ได้โว้ย....มันก็พากันมาแก้ตัวอีกครั้งหนึ่งคืนสุดท้ายพอดี แต่ก็สู้โพนเขวาไม่ได้อีก ....ต่อมาสุสานนี้เสมือนบ้านเลย มาบ่อยๆ เป็นประจำเลย  พาเณรร่วมร้อยมาเที่ยวกินหมากไม้...นั่งสมาธิกัน  อาบน้ำห้วยสำราญกัน ....  และไปไหนมาไหนก็เข้าป่าช้า ไปภูเก็ต ก็เข้าป่าช้า มันอยากเข้าไป  แต่ไม่มีดนตรีมาให้ฟังเพราะป่าช้าเล็ก ไปอุบล บ่อย ก็เข้าป่าช้า ฮ่วยเชย ..... ครั้งล่าสุด ลืมไป ไม่ได้กรวดน้ำอุทิศบุญให้เขา ปรากฎว่ามีกลิ่นศพติดตัวไปถึงวัด และล้างไม่ออก จึงนึกได้ว่าลืมแผ่กุศลให้เขา จึงแผ่กุศลให้ ...ก็เอาเป็นวัดเลย  จนที่สุดมาธุดงค์อีก 6วัน 5คืน .....เทพเจ้าทั้งอิศวร นารายณ์ พากันมาทั้งสวรรค์ มาเยี่ยม   ดังที่เล่าให้ฟังมาแล้ว *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

ท่านอาจจะคิดถามว่า รอบ ๆตัว  ใกล้ๆตัวนี่แหละในวัดที่ตนอยู่นี่   วัดพระโตเองนี่แหละมีผีไหม ก็มี ....แม้กระทั่ง ศรีอาริยเมตไตย ก็มาอยู่วัดนี้ ระยะหนึ่ง  มีเรื่องเยอะเลย เห็นหมดแหละ แต่ไม่บอกใคร....ที่แปลกก็คือ  วิญญญาณดั้งเดิมที่ยังไม่ไปเกิด ก็พากันลุกขึ้น มาขอส่วนบุญแล้วไปเกิดกันจนหมดวัดพระโต (ไม่ได้เล่าให้เจ้าอาวาสฟัง นึกว่าเขาจะไม่เชื่อ หรืออิจฉาริษยาก็ได้) มีเรื่องนอกวัด  ที่ตายแล้วยังไม่ไปเกิด เพราะหวงที่ดิน เคยเป็นเศรษฐีที่ดิน รอบ ๆ โรงแรม พรหมพิมาน ใกล้ ไ วัดนั้นเอง มาร่วมฟังสวดมนต์ทำบุญบ้านแถวนั้นประจำ  จนที่สุด 2-3 ปีผ่านไป  ร้องบอกเสียงดังเลยว่าไปเกิดแล้วนะพระอาจารย์พยับ.... หายไปไม่พบอีกตั้งแต่วันนั้น ...กลายเป็นวิชานั่งทางในไป  มีเรื่องราวเยอะแยะไปหมด  รู้เรื่องการปกครองของโลก ปรโลกไปอีกมาก  ...รวมทั้งไสยศาสตร์อีกเยอะเลย  *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

40.

 

เล่าให้ฟังสนุกๆ เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เรื่องสำคัญคือมรรคผลนิพพาน ที่ตอนนั้นยังติดตามอยู่ไกลอยู่ ยังต้องปฏิบัติต่อไปอีกนานเท่าไรก็ต้องติดตามไป เรื่องผี ไม่กลัวเพราะสำเร็จเตโชกสิณ สมาธิและฌาน ที่เคยฝึกมองดูดวงอาทิตย์มาตั้งแต่เป็นเด็กทารกจนตาเกือบบอด แล้วฝึกต่อมาตอนเป็นนศ.มธ.ดูดวงอาทิตย์ต่อแล้วไปสำเร็จเอาตอนบวชไปเพ่งเงาดวงอาทิตย์ในแม่น้ำแม่กลอง หน้าวัดบ้านถ้ำ อ. ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อยู่ 3วันๆ ที่ 3 ดวงอาทิตย์ในน้ำสว่างโพลงขึ้นไหม้แม่น้ำไปทั้งสาย เหมือนน้ำในแม่น้ำเป็นน้ำมันก๊าซเลย ลุกโพลงไปทั้งแม่น้ำ นั้นแหละสำเร็จเตโชกสิณ ... ก็ไม่กลัวผี ปีศาจอะไรพร้อมเข้าป่าเดินป่า ก็เกิดชำนาญการกสิณ ต่อไปไปเพ่งกสิณแบบไหน เช่นกสิณเขียว ไปจนถึงที่สำคัญจริง ๆ  อสุภะกสิณ สำเร็จง่ายๆ ตัดกามตัณหาไปได้ง่าย ๆ ตัวนี้แหละจะบอกให้ทำ ทำอย่างผมทำเลย สำเร็จ ....และจะได้ไปพบกับความว่าง  คือความที่ชีวิตนี้ว่างเปล่าไปจากงานการภาระส่วนสำคัญของชีวิตชีวิตหนึ่งที่เกี่ยวกับกามตัณหา เมื่อภาระตรงนี้ถูกตัดออกไปหมดโยนทิ้งไปหมด มันก็เท่ากับโยนเรื่องทั้งหมดนี้ออกไปจากตัวเรา ที่เคยแบกมันมาก็ไม่ต้องแบกต่อไปอีกก็เบาขึ้นไปเยอะ  ก็เบาขึ้นไปหมด ชีวิตโล่งสบาย ไม่ต้องไปทำภาระเกี่ยวกับกามเกี่ยวกับเรื่องราวทางกามตัณหาอีกต่อไปกายใจสะอาด ว่างไป ไม่มีภาระหนักไปส่วนหนึ่ง อุปมาเหมือนคนป่วยไข้ด้วยโรคมานาน  ครั้นไล่ทำลายโรคหมดไปแล้ว ก็มีความพ้นภาระ สบายแสนสบายไปนั่นเอง นี่แหละหลักมรรคผล นิพพานของพระพุทธเจ้า *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

41.

และหากเอาภะวะ-วิภะวะ ตัณหา  เรื่องอัตตาตัวตน หรือเรื่องที่คนชาวพุทธพูดกันติดปาก   กิเลส ตัณหา  อุปาทาน ความโลภ โกรธ  หลง  โลกธรรมทั้ง 8อย่าง ออกไปได้หมด(คืออย่าให้ใจมันอยากในตัณหาทั้งหลายนั้น...ทำอะไร ๆ ไป  หาความร่ำรวยไป  แต่อย่าให้ใจมันอยาก เพราะความอยากนั่นเองทำให้หนัก ทำให้เกิดการแบกการขน)  ก็เหมือนกัน ดวงจิตก็ไม่มีภาระรับน้ำหนักของตัณหาใดใดอีกต่อไป มันก็เบา เพราะไม่มีอะไรแบกอีกแล้ว  เพราะที่แบกมาตลอดชีวิต มันหลุดพ้นไปหมด ก็แสนสบาย สว่าง ไปหมด  และเมื่อได้ดั่งนั้น  มอง  พิจารณาไปก็จะเห็นเองว่า  มันจบแล้ว ตายแล้วก็ไม่เกิดมารับภาระหนักอะไรต่อไปอีกเลย  เข้าสู่ความประเสริฐล้ำเลิศของ มรรคผลนิพพานสุดจะบอกด้วยวาจาได้  นี่แหละ สำคัญจริง ๆ  ยิ่งกว่าสิ่งใดใดที่เล่ามาในป่าช้า ในอิทธิปาฏิหาริย์ ดังกล่าวใดใด   *****บันทึกลงเฟสครั้งแรก  9 ก.ย. 65 ....แก้ไข 5 ต.ค.2565

-----*****-----

-----*****-----

·       แฟ้ม:Phayap Panyatharo ประวัตินักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต พระพยับ ปัญญาธโร(เล่าเอง)  

     ตอนที่ 1-2 ไทย

-----*****-----

Phayap Panyatharo

ประวัติชีวิตนักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต

พระพยับ ปํญญาธโร(เล่าเอง) ตอนที่1-2 ไทย

(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

 

42.

Phayap Panyatharo

ก็ภาพนี้ปี 2533 เดือนเมษายน ที่เข้าไปอยู่ธุดงค์ในป่าช้า2 ป่าช้า ป่าช้าไทย 15 วัน ป่าช้าจีน 20 วัน ที่เล่าประวัติให้ฟังว่าโดนผีป่าช้าไปเล่นดนตรีแห่ศพให้ฟัง ทั้งคืน แล้วต่อมาก็เอาป่าช้าจีนนี้แหละเป็นเหมือนวัดไปเลย คือปฏิบัติธรรม แบบเดินธุดงค์ตลอด เดินไปสามแห่ง คือ

1. สวนราชสักการะ ห้วยน้ำคำ ไปเพ่งกสิณอากาศ และปักกลด เพ่งอาโปกสิณต่อมาเขาสร้างเป็นเกาะใหญ่กลางน้ำของศรีสะเกษเลย ไม่ได้ไปปักกลดอีก ที่

 

2. สวนลำดวน หรือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี ไปสวนนี้แล้วเข้าไปสุดสวนเลย ไปทำอากาสะกสิณ และท้ายสุดทำ อากาสานัญจายะตะนะฌาน   เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะฌาน ...

ที่ทำพวกนี้ ไม่มีใครสอนนะ ทำเอาเอง แล้วพอทำได้ก็ถามว่ามันคืออะไร และนั่นคือ อากาสานัญจายะตะนะฌาณ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะฌาณ ตรงตามตำรานั้นเลย ทีนี้ ก็เดินไป 3 แห่งนี้ พอตกค่ำคืนก็เดินไปป่าช้าจีน ล่าสุด ก็ 5 วันไปธุดงค์ในป่าช้าจีน และได้พบอะไรที่ยิ่งใหญ่อีก  เดิมไปพบกับสมาธิที่มันตีบตัน เดินไปไม่ได้เพราะอะไร อยู่ถึง 3 วันเข้าแม้คณิกะสมาธิไม่ได้ เพราะอะไร นี่แหละจึงมาพบปัญหาใหม่ว่า แม้คนที่เก่งสมาธิมาแล้ว ถึงอัปปะนาสมาธิได้เป็นปกติ แต่ทำไมคราวนั้นจึงตีบตัน เดินสมาธิไม่ได้ เข้าสมาธิไม่ได้ถึง 3 วันผ่านไปเปล่าๆ คือแม้คณิกะสมาธิ เบื้องต้นเลยนั่นแหละเข้าไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่โดยปกติเป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติของเขามานานแล้ว จนกระทั่งนั่งหลับในสมาธิเป็นปกติอยู่แล้ว ทีนี้ก็หาทางแก้ปัญหา ก็แก้ไม่สำเร็จถึง 3 วันอยู่เปล่า ๆ ไปเลย จนโยมที่มาถวายภัตตาหาร เขาก็ดูไม่เข้าใจไปด้วย ... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

 

43.

ก็พอดีคิดได้ คราวที่ขึ้นไปจำมหาศีล 7 วัน 7 คืนบนเพดาลอุโบสถวัดบ้านโนนน้อยคราวนั้น จำไปได้แค่ 3 วัน3คืนแพ้เหนื่อยล้าไปหมด ก็ต้องออกมา ไม่ผ่าน 3 วันตามแผน7วัน  ก็พอดี ผช.ผญบ.โนนน้อย.ตายมาเผาในวัดเผาแบบกองฟอน คราวนั้นไปปักกลดที่กองฟอน อยู่ถึง  8 คืน ตั้งแต่วันเผา แล้วต่อไปจนครบ8 วัน นั่งข้างกองฟอน ดูกองฟอนอยู่ 8 วัน ...พบว่า สำเร็จกสิณอสุภะแล้ว(ดูที่ใจตนเองรู้ว่าสำเร็จ) ก็ขึ้นจำมหาศีลต่อ คือศึกษาวิชาหนึ่ง ปราณ อยู่ แต่จำศีลไปไม่ข้าม 3 วัน 3 คืน จนคิดแก้ด้วยการทำอสุภะกสิณ นั่งดูกองฟอน 8 วัน จนสำเร็จ จึงขึ้นเพดาลอุโบสถอีกครั้ง คราวนี้ ทะลุไปได้ 7 คืน ถึงคืนที่7 วันที่ 8 แล้ว ยังสบายเลย แข็งแรงปกติ จนสรุปได้ว่า จะต่อไปอีกกี่วัน  กี่สัปดาห์ ก็ได้   เป็นเดือนก็ได้  แบบที่ฤษีเข้าสมาธิจนปลวกมาทำรังล้อมตัวนั้นแหละ ...แต่คราวนี้ ทำแบบงานวิจัย  วันที่ 8 ก็ลงมาจากเพดาลอุโบสถ สำเร็จ คือสำเร็จการธุดงค์ ไม่กินข้าว ไม่กินน้ำ7 วัน ....ได้ทฤษฎีมาเรียบร้อย (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

44.

 ปีต่อมาฝนแล้ง ก็เลยจำศีลเรียกฝนด้วย 8 วัน 7 คืน จนเย็นวันที่ 4 พระอินทร์ขี่เมฆมาเห็นเลื่อนมาที่ขอบฟ้าตะวันตก ยื่นมืออกไป จะจับเอาพระอินทร์มาถาม ว่าทำไมฝนแล้ง  พระอินทร์หายตัวมาปรากฏต่อหน้า  น้ำตาไหล  ...แล้วคืนนั้นฝนตกตลอดคืน มีพายุฟ้าผ่า ฟ้าร้อง คะนองไปหมด  มีฝูงนางฟ้า เทวดา หอบเมฆ เรียงกันมาเป็นสาย จนน้ำท่วมแผ่นดิน มีแต่ผืนน้ำ และจำมหาศีลไม่ต้องกินข้าวกินน้ำได้ครบ  7 วันพิศูจน์ทฤษฎีที่ได้ค้นพบมาปีที่แล้ว ทำได้เลย 7 วัน 7 คืน ไม่ต้องกินข้าวกินน้ำ ผ่านทฤษฎีแพทย์ที่ว่าไม่กินน้ำ 3 วันไม่รอดชีวิต นั้นเพราะเราผ่านวิชาปราณนั้นเอง ผ่านไปแล้วอีกชั้นหนึ่ง........ (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

45.

ก็คราวไปอยู่ป่าช้าจีน5วันหลังนี้ เข้าสมาธิไม่ได้เลย 3 วันแล้วก็เข้าไม่ได้ ก็เลยนึกย้อนไปในคราวจำมหาศีล ก็เลยนึกได้ว่า ต้องเผด็จกามตัณหาเสีย ชำระกามกิเลสด้วยอสุภะกสิณก็มั่นใจว่าคงมาจากเหตุนี้ เพราะกามมันแฝงอยู่ซ่อนเร้นอยู่จนคนตายใจว่าไม่มีมันแล้ว ก็ทำอสุภะกสิณ จนสำเร็จอสุภะกสิณ จิตใจก็ว่างสะอาดเข้าสมาธิได้ทันที และไปเร็วผ่านคณิกะสมาธิผ่านอุปปะจาระสมาธิ เข้าอัปปะนาสมาธิ แบบลัดแล่นตรงไปเลยไม่มีติดขัด

อาจเป็นรูปภาพของ ทะเลสาบธรรมชาติ และ ต้นไม้(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

46.

Phayap Panyatharo

 

นั่นเป็นเหตุการณ์ในเย็นวันนั้น ที่ฝั่งห้วยสำราญ ในป่าช้าจีนผีดิบนี้ คราวไปธุดงค์ 5วัน 5คืนคืน ปีพ.ศ. 2549 ตามภาพนี้ หลังไปธุดงค์ อ.ม่วงสามสิบมา หลังได้เข้าอบรมพระวิปัสสนาจารย์ คณะสงฆ์ภาค 10 ระหว่างวันที่ 2-21 พ.ค. 2549  21 วันมาแล้ว นั้นเป็นคืนที่ 4 ในป่าช้า และแล้วก็ได้พบสิ่งมหัศจรรย์คือพบเทพเจ้า(มองเห็นด้วยตาลืมดูนี่แหละ) วิษณุเทพเจ้า หรือพระนารายณ์นั่นเอง ลอยมายืนบนอากาศต่อหน้า กลางลำห้วย มานิดหน่อย ทีแรกก็แปลกใจว่าเป็นเทวดาอะไร ดูๆแล้วเป็นระดับสามยอดเทพเจ้าเลยนี่นะและได้ความรู้สึกว่าคุ้นเคยกันอย่างยิ่งเลย..ท่านเอ่ยคำถามหนึ่งยิ้มๆว่า  นึกอะไรอยู่ ทำไมมายุ่งเรื่องราวของมนุษย์บนดินนี้  และครั้นมองไปข้างๆก็พบเทพเจ้ายืนเรียงรายกันไปแน่นขนัดไปตามลำห้วย มีตั้งแต่พระพรหม4เศียร พิฆเณศร หัวช้าง และพระอินทร์ ไม่เห็นแต่อีกองค์หนึ่งคือ ศิวะเทพ นึกในใจว่ามากันทั้งสวรรค์ แล้วทำไมศิวะเทพไม่มา แล้วเรียงกันไปแน่นลำห้วย ...แต่วิษณุเทพ เด่น สง่างามกว่าองค์อื่นมีแสงมีประกายล้อมรอบตัว  นี่คืออะไร แปลว่าเทพเจ้าทั้งสวรรค์ยกขบวนมาเยี่ยมเยียนล่ะสิ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ ล่ะสินี่ นึก แล้วเห็น วิษณุเทพยิ้มๆ แล้วคล้ายบอกลา ทั้งหมดก็สลายหายตัวไปพลันทันที ....อะไรกันนี่ ถามตัวเอง เทวดาทั้งสวรรค์มาเยี่ยมแสดงความยินดีล่ะสิ โดยเฉพาะ วิษณุเทพนั้นเสมือนว่าเป็นภาคส่วนเลยทีเดียว ...ตามนี้ ถ้าเป็นฤาษีชีไพรก็แปลว่าบรรลุแล้วสิ .....แต่ทำไมศิวะเทพไม่มาล่ะ...... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

 

47.

 

วันรุ่งขึ้นเย็น ๆ เวลาเดียวกันก็นั่งสมาธิอีกครั้ง ที่เดิม คือ ใต้ต้นไม้แสง ริมฝั่งห้วย นั้น เข้าอัปปนาสมาธิแล้ว เห็นอะไรสักอย่างหนึ่งลอยมาบนอากาศแต่ไกล ๆ มาตามลำห้วย มองคล้าย ๆ คนนั่งไม้กวาดลอยมา ทีแรกนึกว่าแม่มดขี่ไม้กวาดมา พอใกล้เข้ามาจึงเห็นไม่ใช่ใคร นี่แหละศิวะเทพละ ที่เห็นเหมือนไม้กวาดแม่มดนั่งมานั้น ที่จริงคือหอกสามง่าม อาวุธศิวะเทพนั่นเอง แต่งตัวเต็มยศเลย แบบออกศึก มือถือสามง่ามแบบออกศึกเต็มอัตราศึก ค่อยเหาะลอยใกล้เข้ามา ก็ไม่คิดว่าจะได้เจออะไรเช่นนี้ เลยเอาแต่มองดู พอมาใกล้ ๆ ก็ค่อยเหาะเลื่อนผ่านไป ไม่หยุดทักทายแบบเทพเจ้าวานนี้ ไม่มองมาดูด้วยซ้ำ คล้ายมาให้เห็น ตามที่คิดถามเมื่อวานนี้ว่า ศิวะเทพหายไปไหน ก็มาให้เห็นอะไรประมาณนั้น ก็เต็มยศนักรบสวรรค์ เศียรมุ่นกันแน่น แต่ไม่มีจันทร์ แบบออกสนามรบเต็มอัตราศึก ค่อยเหาะผ่านไป สักหน่อยจึงนึกขึ้นว่า ในใจอยากทดสอบพลังกับศิวะนี้จริง ๆ แต่เลยไปเสียแล้ว จะออกคำพูดว่า ศิวะ หยุดก่อน .... ก็สายไปแล้ว แต่นี่แหละพลังภายใน เวลาพบสถานการณ์เข้า พลังภายในก็เปล่งพลังออกมา อยากลองฤทธิกับศิวะเทพ ....... (*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

 

48.

.เอาละ นั่นแหละสิ่งที่ได้พบ ที่ป่าช้าจีนนี้ เล่าให้ฟัง เพื่อบอกว่าเป็นผลจากสมาธินั้นเอง ใครเก่งสมาธิถึงรับคล่องไปตาม 3 ระดับ นับแต่คณิกะสมาธิ อุปปะจาระสมาธิ  และ อัปปะนาสมาธิก็จะมาพบอย่างนี้เป็นธรรมดา  แต่ว่า  นั่นไม่ใช่ สัมมาสมาธิหรอก คือไปทางนี้ ก็ยังไม่ถึง มรรคผลนิพพานนั่นเอง .....  เสมือนเอาป่าช้านี้เป็นวัดเลยละ และทำให้ได้รู้ได้เข้าใจเรื่องเทพ เทวะ สวรรค์ นรกทั้งหลายอย่างมากมายเลยทีเดียว แต่นั่นแหละ เวลานั้น ยังนึกอยู่แต่ว่า ทำไมเราจึงยังไม่เข้าถึงโลกนิพพานอยู่ นิพพานคืออะไรก็เลยมุ่งนิพพานต่อ แบบว่าทำตามคำสอนพระพุทธเจ้า ตามโอวาทปาฏิโมกข์เลย ทำแต่ดี ชั่วต้องละแม้เรื่องเล็กน้อย และ จิตใจต้องดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ จนถึง คืนวันที่ 11-12 เม.ย.2558 นั่นแหละ ได้พบความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริงเข้าจนได้ แม้ว่าอายุเข้า 73 ปีแล้ว ไม่นึกไปแบบปวงเทพ ที่มีแต่การออกศึก การรบ อันเป็นทางบาปการแสวงหาแต่ตัวตน อำนาจ ฤทธิเดช(*****เริ่มเขียนต้นบทลงเฟส  21 ก.ย. 2565 .....แก้ไขเพิ่มเติม 10 ต.ค.2565)

-----*****-----

 

                     แฟ้ม:Phayap Panyatharo ประวัตินักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต พระพยับ ปัญญาธโร(เล่าเอง) 

     ตอนที่ 1-2 ไทย

-----*****-----  




47.Kurdish เคิร์ด

1..วาทะที่ 1 ..วูฮั่น word 1.. Wuhan virus, 1.. Peyv 1.. Vîrûsa Wuhanê dê cîhan çawa ji vê vîrusa xedar derbas bibe? Werin rastiya paqijiyê nas bikin Pêşî qirêj.
3..วาทะที่ 3.14 วันสันโดษ.3.. Peyv 3.. Tevahiya cîhan neçar e ku 14 rojan xwe ji Covid-19 dûr bixe. Vê fersendê bi kar bîne da ku Dharmaya tenêtiyê bi rêkûpêk bike. hem bedenî û hem jî
41..วาทะที่ 41..สคส.2564 .Şandiya dilxweşiyê 2021, axaftin 41.. SorKhorSor. 2021, 63 zimanên cîhanê, pir xemgîne. Covid jiyana cîhanê bi rêjeyek mezin girtiye. Bi rastiya tenêtiyê re şer bik
61. วาทะที่ 61สัญญาณแห่งสันติธรรมโลกยุคใหม่
61. วาทะที่ 61สัญญาณแห่งสันติธรรมโลกยุคใหม่
62..ยอดสุภาษิตโลก (63ภาษา) world proverb(63 languages)
69..วันสำคัญของมวลมนุษย์ทั้งโลก รอบ 16 ก.พ. 2565Roja Makha Bucha, rojek girîng ji bo hemî mirovahiyê li çaraliyê cîhanê, li dora 16ê Sibata 2022
70..แด่สงครามรัสเซีย-ยูเครน Ji bo Şerê Rûs û Ukrayna
75..อริยสัจธรรมข้อที่ 1 ทุกข์ 75..Rastiya Xwezayî ya Yekemîn: Êş, Hemî Êş, Rastiya Derheqê Êş
76..อริยสัจธรรมข้อที่ 2 สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ 2. Rastiya Nobel a Êşkêşiyê, sedema êşê 1, Tenê zanîna sedema êşê sedema êşê hilweşînin Tenê dawî ye
77..อริยสัจธรรมข้อที่ 3 ทุกขนิโรธ Rastiya Nobelê ya Sêyemîn: Dukkha Nirodha Rawestandina êşan 1. Nirodha
79.. The 4 Noble Truths, 4 manuscripts for translations of 64 world languages, complete the 4 Truths, Samutaib, Nirodha, the Path. 79..อริยสัจธรรม 4 ต้นฉบับ สำหรับการแปล 64 ภาษาโลก ครบ 4 สัจจะทุกข สมุทัยบ นิโรธ มรรค
90 อริยสัจ ๔ Please translate to your language by Google translate
91 คำชี้ทางปฏิบัติ สังหารกามกิเลสลงได้จริง Please translate to your language
93 Misilmanên Taylandî ji Nivîsarên Pîroz ên Îslamî wekî hemî derewan fam nakin. tenê wekî kole îxaneta mirinê Îro li Taylandê Îslamê ewqas xeletî kiriye ku hem
99..อริยสัจธรรมแห่งชีวิต บทที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 Please translateto your language by Google translate
99..อริยสัจธรรมแห่งชีวิต บทที่ 1 2 3 4 5 Please translateto your language by Google translate
100..Budîzm çi hîn dike? Ev nûçeyek mezin e. Bila li hemû cîhanê bê zanîn. fêrî çêbûnê bike Hemû mirin, tiştek ne maye…
101..การเมือง เสนอให้คิด คนไทยไปสู่ประชาธิปไตยจริง ๆ ชุดที่1-5 18 เรื่องต้นฉบับไทยสมบูรณ์
102..Please translate NWE ต้นฉบับ ยอดสุภาษิต เดือนกันยายน 2565 50บท ภาษา ไทย-อังกฤษ
104.pleasetranslate รวมยอดสุภาษิต ถ่ายทอดไป 138ภาษาโลก ครอบพลเมือง 7.6 พันล้านคน
105 please translate รวมยอดสุภาษิตวรรคสั้น 210 บทต้นฉบับ ถ่ายทอดไป 138 ภาษาโลกครอบ 8พันล้านประชากรทั้งโลก
106 please translate ปัญหาของพระพุทธศาสนาแก้ไขได้ง่ายทั้งระบบสงฆ์แล้วนั้นหมายถึงสว่างรุ่งเรืองไปทั้งโลกยุคนี้
107. ส.ค.ส.(ส่งความสุขปีใหม่) 2566 แด่พลโลก 8พันล้านชีวิต
108.Please translate อิสลาม-พุทธศาสนา รายวัน 21 ธ.ค.2565 สมาธิ3ระดับสุดยอดมหานิพพาน
109. Please translate รายงานการวิจัยความคิดเห็นของคนไทยต่อปัญหาเดินขบวนในกรุงเตหะราน อิหร่าน
110.please translate พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.65-5 ม.ค.66(21ตอน)ปัญหาพุทธศาสนาวันนี้แรงร้ายแต่แก้ไขได้ด้วยพุทธิปัญญา ไทย
111.please translate พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.65-5 ม.ค.66(21 ตอน ๆ ที่21) กลับมาทำหน้าที่เถิด
111.please translate การเมืองโลก ประชาธิปไตยอเมริกาจากธัมมจักกัปปวัตนสูตร สู่กาลามสูตร ต้นฉบับ 138 ภาษาโลก
112 please translate พุทธศาสนาวันนี้ รำลึกวันอาสาฬหบูชา วันพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา
120 แด่เพื่อน 2567
121 เรื่องราวของชีวิต ตอนที่ 1+2+3+4 ต้นฉบับไทย
122.การเมืองไทยวันนี้ 22สค.2566 ทักษิณกลับไทยแบบมหาเศรษฐีต้องโทษอาญาแผ่นดินเข้าคุกทันที8ปีทบทวน11กพ.2567
123 โหราศาสตร์ชี้ชะตาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส
124 โหราศาสตร์ ดาว6ดวงเคลื่อนมารวมกัน ใน7เม.ย.2567 อะไรจะเกิดขึ้นแก่ประเทศไทย
125 พุทธศาสนา โอวาทปาฏิโมกข์ วันมาฆะบูชาของชาวพุทธไทยและชาวพุทธทั้งโลก
126 การเมืองไทยวันนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พิธา-ก้าวไกลคิดล้มล้างการปกครอง ไม่ผิดหรอก
127 การเมืองไทยคัวอย่างที่น่าอัยอาย อำนาจตุลาการสูงสุดถูกแทรกแซงก้าวก่ายลดน้อยด้อยค่ามาตลอดจากอำนาจยริหารแม้หน่วยงานกระจิบกระจ้อยต้อยต่ำแค่กรมราชทัณฑ์ยังทำได้
128 เรื่องราวของชีวิต ตอนที่ 5
129 พุทธศาสนารายวัน 9 มี.ค.2566 มรรค 8 เพื่อบรรลุอริยบุคคลอรหันต์
130 การเมืองไทยวันนี้ 11 มี.ค. 2567 ศึกษาการเมืองไทย ประชาธิปไตยไม่เหมาะแก่การเมืองสัตว์ป่า จ่าฝูงเผด็จการทุกชนิด ประชาชนไทยต้องตื่นทำหน้าที่แล้วดูนายพลยอร์จ วอชิงตัน ผู้รู้ธรรมะประชาธิปไตยโลก
131 พุทธศาสนา สมาธิสูงสุดปราณ และ 9 เทกนิคการฝึกสมาธิของแพทย์ประสานกัน
132 การเมืองไทยวันนี้ยังเละเทะสับสนด้วยยุคซ็อฟท์เพาเวอร์ และพลังสงครามจิตวิทยา อันซ่อนเร้นเกินความรู้สึกอันเกี่ยวกับการเมืองอันตรายทั้งสิ้น
133. รวมเรื่องร้ายกาจรายวันในโลกยุคนี้ 4 เรื่อง
134 การเมืืองไทยวันนี้ 30 มี.ค.2567 บอกความคิดอ่านยังด้อยพัฒนาเป็นการเมืองต่ำต้อยด้อยพัฒนาจริง ๆ
135. การเมืองไทยในรัฐสภาวันนี้ 28 มี.ค. 2567 รับเรื่องบ่อนการพนันครบวงจรถูกกฎหมาย



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์ สื่อของเราทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นแดนสนุกน่าท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกกว่า 8 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน 8 พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น.