ReadyPlanet.com
dot dot
bulletBUDDHISM to the NEW WORLD ERA
bullet1.Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet117.Lukanda-ลูกันดา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
bulletMystery World Report รายงานการศึกษาโลกลี้ลับ
bulletสารบาญโหราศาสตร์
bulletหลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิต
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบนี้(เริ่ม ก.พ.55)
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น1
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น 11
bulletทุกความคิดเห็นจากหน้า1(ก่อน ก.พ.55)
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบบอร์ด(ถึงก.พ.55)
bulletภาค 11
bulletภาค 12
bullet54.Hmong ม้ง
bullet133.แอลเบเนีย
bullet133.แอลเบเนีย
bulletหน้าที่เก็บไว้




110.please translate พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.65-5 ม.ค.66(21ตอน)ปัญหาพุทธศาสนาวันนี้แรงร้ายแต่แก้ไขได้ด้วยพุทธิปัญญา ไทย

 110.please translate พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.65-5 ม.ค.66(21ตอน)ปัญหาพุทธศาสนาวันนี้แรงร้ายแต่แก้ไขได้ด้วยพุทธิปัญญา ไทย   แก้ไขลบ

 

 
 

 

 

 Please translate to your languages

พุทธศาสนารายวัน  26 ต.ค. 2565 – 5 ม.ค.2566 (21 ตอน)

ตอนที่ 1

26 ต.ค.2565  พิธีกรรมไม่พาสู่มรรคผล

ต้นเรื่อง:พระศรีเงิน มีสิทธิ์

ไปที่ไหน ไม่เคย ร้องขออะไร จากใคร และอยู่ตามสถานะ สภาวะ ที่มี ที่เป็นอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับปรุง รักษาของที่มีอยู่แล้ว ให้ดีให้เรียบร้อย เพราะวัตถุถ้ามีเงินก็สร้างได้ แต่สิ่งที่คนยุคนี้ ขาดไปคือความเป็นผู้มีคุณธรรม ความเข้าใจในสัจธรรม ขาดสติปัญญาไป ไปยึดเอาแต่พิธีเท่านั้น(ศาสนพิธี)เช่นพิธีรับศีล พิธีรับพร พิธีให้พร พิธีทำบุญ พิธีเสาะเคราะห์ ต่อชะตา ซึ่งเป็นเพียงพิธีหาเงินเท่านั้นเป็นเพียงแต่การเพิ่มศรัทธาฯเท่านั้น..แต่ไม่มีสติปัญญาในทางธรรมต่อไป.

ความคิดเห็น 5 รายการ

พุทธธรรมเทศนา พัฒนาคุณภาพชีวิต

สุดยอดเลยครับหลวงพ่อ ศรีเงิน   ในโลกนี้ถ้ามีพระดีๆเช่นนี้มากๆ พระศาสนาเราจะเจริญมั่นคงแน่

25-10-2565-19.57น. ธัญบุรี.

@@@ Phayap Panyatharo

เป็นปัญหาสังคมชาวไทยพุทธมานาน ตื่นกันไปเพราะไม่เข้าใจสัจธรรมพุทธที่แท้ มีคนโง่พาทำไป จึงทำให้การบำรุงอุปถัมภ์ อุปฐากผิดทางไป คนไปตื่นตามพิธีกรรม..เพื่อเอาเงิน หาเงินเป็นเป้าหมาย ดังที่ท่านว่าไปกันทั้งหมด สังคมเป็นไปนอกทางแบบนี้ ทำให้การอุปฐากพระ สาวก ผู้มุ่งมั่นเดินไปตามทางอริยมรรค นั้น ไม่ได้รับการมองดูเลย ...นั่นเพราะการมีพิธีกรรม ผู้พาทำพิธีกรรม ทั้งสงฆ์เอง ฆราวาสเอง โดยเฉพาะสงฆ์นักปกครอง  สงฆ์เกจิอาจารย์บางพวก ..

พาออกนอกทางไปหมด จึงมีแต่ตื่นกันในเรื่องก่อสร้าง วัตถุนิยม แบบที่ไม่เข้าใจโทษหรือมลทินวัตถุนิยมเลย ไม่เข้าใจมรรคผล นิพพาน ไม่เข้าใจการบำเพ็ญบารมีเพื่อมรรคผล นิพพาน กลายเป็นการหลงไปในโลภะ โทสะ โมหะ ใฝ่แต่ในโลกธรรม 4 ประการ 8 ประการ  ไม่เข้าใจว่านั่นคือ ราคะ ตัณหาทั้งสิ้น(จึงเกิดกรณีตัวอย่างเช่นเรื่อง เงินทอนวัด เรื่อง ธรรมกาย ธัมมะชะโย ขึ้นแบบตนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าผิดอย่างไร...แม้เรื่องบุญกฐิน....ก็ดูเถอะโฆษณาหาเงินกันใหญ่ ไปมีข้อแก้ตัวไป ตามอิทธิพลของตัณหานั่นเองใฝ่ได้เงิน ทั้งนั้น  มันผิดแล้วจะบรรลุได้อย่างไรไม่รู้จักคิด)

จึงหาผู้ที่เป็นอริยบุคคล ผู้เดินในทางอริยมรรคอริยผลได้ยาก แม้มีอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครรู้จัก ไม่เข้าใจวิธีบำเพ็ญบารมีของท่านและหากไปไม่ถึงปลายทาง...คือเบื้องต้นโสดาบันผล ปลายสุดอรหันตบุคคลสำเร็จแล้ว ก็สิ้นปัญหาทั้งปวง แต่สมัยนี้ที่คนตื่นไปตามการใฝ่สร้างวัตถุธรรมกันหมด ไม่คิดอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการอุปถัมภ์พระอริยบุคคล นั่นเอง เพราะขาดการอุปฐาก อุปถัมภ์ ไม่มีพิธีกรรมใดใด ไม่มีวัตถุสร้างศรัทธาไป ก็จึงยาก เพราะคนตาบอดหลงงมงายไป มองไม่เห็น

 ฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้รู้ทางที่ถูก ได้บอกกล่าวสั่งสอน และทั้งตัวเองด้วย ที่ต้องบำเพ็ญบารมี ตามทางอริยมรรคอริยบุคคล  ขอความทรหดอดทนในการทำดีบริสุทธิ์นั้นเป็นการปฏิบัติข้อสำคัญ ซึ่งอาจจะสำคัญที่สุดก็ได้   ใฝ่ทางวิปัสสนา กรรมฐานเพื่อรู้แจ้ง ทุกขัง อนิจจัง และอนัตตา รู้แจ้งโลกอวิชชานี้ ให้บรรลุอริยมรรคสูงสุดไปอย่างถึงที่สุด  และสำหรับประชาชนคนผู้ใดเข้าใจ

พอใจอุปัฏฐากพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นั่นแหละ ได้ผลกรรมสูงส่ง  เพราะการสร้างบุคคลอริยบุคคล สูงส่งกว่าการสร้าง วัตถุ ใดใด ที่โฆษณาโอ้อวดกันอยู่ขณะนี้  นั้นเอง จึงได้ผลบุญยิ่งประเสริฐเลอเลิศกว่า มีอนาคตชาตินี้ ชาติหน้าที่ดีเลิศประเสริฐกว่า และควรจะช่วยกันสร้างทางบุญ ทางปัญญา ที่ถูกต้องและที่สำคัญสร้างตนเอง ใครก็ตามสร้างตนเองเป็นอริยบุคคล นั้นแหละ ได้ผลบุญล้ำเลิศกว่าไปช่วยคนโลภคนหลงสร้างวัตถุอีก ทางพุทธนี้ทางอริยมรรคอริยผล สร้างอริยบุคคล ให้ถูกต้อง

·        แฟ้ม: พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.2565 พระศรีเงิน มีสิทธิ์

-----*****-----
-----*****-----
-----*****-----

ตอนที่ 2

พุทธศาสนารายวัน  30 ต.ค.2565  เรื่องเวรกรรมของเขา

ต้นเรื่อง:พระศรีเงิน มีสิทธิ์

เรื่องเวรกรรมผู้รู้กล่าวว่า มีจริง ในธรรมบทก็มีกล่าวไว้มากมาย เมื่อเขาพูดทำไม่ดีกับเรา ถ้าเราไม่โต้ตอบเขา ก็เป็นกรรมของเขา และอาจเป็นกรรมของเราตามมาก็ได้.

@Tay Virasinee

สาธุค่ะ

@@@ Phayap Panyatharo

เรื่องอย่างนี้ เราต้องสละ..ทรัพย์---ชีวิตช่วยคนอื่นนะครับ ไม่ใช่คิดแบบที่คุณคิด คือปล่อยให้เป็นไปตามกรรม...ปล่อยไป ตาย.....นั่นมันง่ายเกินไป และอาจจะเป็นความผิด อย่างเช่นตัวอย่างนี้: คุณเห็นเด็กกำลังจะจมน้ำตาย คุณคิดว่า ตามกรรมเขา ก็เดินหนีไป โดยคุณคิดว่าพระพุทธเจ้าสอน กรรมใครกรรมมัน เขาจะจมน้ำตาย ก็เพราะเขาคงสร้างกรรมมา คิดอย่างนี้ผิดครับ......ผิดเรื่อง ความไม่มีศีล-ธรรม ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ธรรมข้อ 1 เมตตา ถ้าคุณเดินหนีไป เอาละ เท่ากับคุณฆ่าสัตว์ ผิดศีลเพราะพอจะช่วยได้แต่ไม่ช่วยชีวิตเขา และ เท่ากับคุณละเมิดธรรม เมตตาธรรมนั้นเอง.....มันผิด ธรรมะ และแม้ศีลด้วย.......และคุณก็ต้องรู้ว่า ทางกฎหมายบ้านเมือง เขาก็จะเอาผิด ตามเหตุผลนี้ไปด้วย ฐานปล่อยให้เด็กจมน้ำตายต่อหน้าต่อตาแบบไม่ช่วยเขาเลย โดยคุณเข้าใจไปว่า กรรมใครกรรมมัน กฎหมายเขาเอาไปลงโทษฐานไม่ช่วยเด็กที่กำลังจมน้ำตาย อาจจะติดคุก.....นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง .....

ฉะนั้น มันมีพื้นฐานอยู่ที่ธรรมะในจิตใจของคนแต่ละคน ผู้ที่ไร้เมตตาจิต เห็นแก่ตัว ก็มีข้อแก้ตัวไปได้เสมอ แม้เอาธรรมะมาแก้ตัวก็ได้ ....เช่นบอกว่า กรรมของเขา ปล่อยเขาไป อะไรอย่างนี้ ....

เรื่องกรรมใครกรรมมันนี้ มันไม่หมายความว่า คนเราจะต่างคนต่างทำ ไม่ต้องมาช่วยเหลือกันเลย ผลที่เกิดมาจากกรรมของแต่ละคน นั้น.... ไม่ใช่นะ แต่กรรมของความคิดร่วมกันนั้น หรือ สามัคคีธรรมของหมู่นั้น มีความหมายอย่างมากเมื่อคนเรามาอยู่ร่วมกันในสังคม เป็น บ้านเรือน มีครอบครัวขึ้น มีบิดา มารดา...มีลูก หลาน.. ปู่ ย่าตายาย ลูกของเรา หลานเหลนของเรา แม้ เพื่อนสนิท มิตรสหาย และ มิตรภาพเกิดขึ้น มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ซึ่ง มันก็เป็นไปตามระบบครอบครัว ระบบหมู่บ้าน ระบบประเทศไป ระบบมิตรสหาย ซึ่งจะต้องคิดไปในเรื่องของระบบครอบครัวระบบสังคม หมู่พวก มิตรสหาย ประเทศชาติ ตามไปด้วย

ส่วนกรรมใครกรรมมันนั้นท่านมองสัจธรรมสูงสุด ถูกต้องเลยทีเดียว ในเรื่อง มรรคผล นิพพานโดยตรง ...

ในกรณีที่คุณว่ามาข้างต้น..จะยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ .คุณเห็นเขาถือมีดอีโต้ ตรงไปจะฟันหัวแม่ของเขาอย่างนี้ คุณต้องช่วยเขานะ........ไม่ใช่วิ่งหนีไป ว่าเวรของแม่มันเอง พระพุทธเจ้าบอก.....นั่นผิดครับ.... คุณต้องช่วย แบบใดแบบหนึ่ง ตามกำลังของคุณ คุณต้องร้องบอกร้องตะโกนห้าม ทำท่าทำทางห้าม แม้เอาก้อนดินขว้างมัน เอาหนังสติ๊กยิงมัน ....พอมันหันมาจะฟันหัวคุณ คุณก็ช่วยได้สำเร็จแล้ว แม่มันไม่ตายแล้ว คุณช่วยชีวิตคนได้แล้ว คุณก็หลอกให้มันไล่หรือต่อยกับมันก็ได้ถ้าคุณเป็นนักมวยเอก แล้วก็โทรศัพท์บอกตำรวจมาจับมัน.......ไม่ใช่ไปคิดเอาเฉยๆ ว่า เป็นเวรกรรมของแม่ลูก ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม กูไม่เกี่ยว นั้นมันไม่ใช่คนเลยนี่นะคนธรรมดาๆนี่แหละ ยังไม่ใช่คนเลย คนต้องช่วยแก้ไขภัยอันตรายแก่กันและกัน จนช่วยไม่ได้จริง ๆ นั้นแหละ ค่อยไปว่าเรื่องของเวรกรรม ....

·        แฟ้ม: พุทธศาสนารายวัน30 ต.ค.2565 พระศรีเงิน มีสิทธิ์ เวรกรรม

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 3

พุทธศาสนารายวัน 2 พ.ย.2565 

ต้นเรื่องปกป้องดำรง พระศาสนากำลังมีภัย ไม่ใช่แครอทธรรมดา

ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด! พระอาจารย์วัดดังน่าน ที่กระทำทางเพศแก่สามเณร นานถึง2ปี

ความคิดเห็น 6 รายการ

@ดำรงค์ อยู่โพธิ์

อย่างนี่ ปราชิก ไหม พระ อาจารย์

@@@ Phayap Panyatharo

.....ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด!พระอาจารย์วัดดังน่าน ที่กระทำทางเพศแก่สามเณรนานถึง2ปี....มีคำถามว่าอย่างนี่ ปาราชิกไหม?...คำตอบเป็นปาราชิก กรณีนี้ เสพเมถุนกับสามเณร ก็มีความสงสัยถามมา ดูภิกขุปาฏิโมกข์ ปฐมปาราชิก "1.1 อนึ่งภิกษุใด ถึงพร้อมซึ่งสิกขาและสาชีพของภิกษุทั้งหลายแล้ว ไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง เสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้" ข้อควรเข้าใจก็คือโดยสถานะของความเป็นพุทธสาวกผู้มีหน้าที่โดยตรงคือใฝ่มรรคผลนิพพานนั้นจะต้องยืนอยู่บนกรรมฐานอันสูงสุดแห่งเทวธรรม คือความเกรงกลัวและความละอายต่อการกระทำบาประวังการกระทำชั่วบาปตลอดเวลาด้วยตนเอง เมื่อรู้ตัวเองว่ากระทำผิดร้ายแรงขนาดนี้ก็ถอดจีวร ออกไปจากหมู่โดยทันที เพราะถึงไม่ออกไปเอง ซ่อนตัวหลบลี้อยู่ ก็หาใช่พุทธสงฆสาวกไม่(ชาวไทยเรียกสมีแทน) แต่ต่อมา มีความอ่อนหย่อนไปแห่งเทวธรรม จึงมีความเห็นแก่ตัวเพิ่มเข้ามาเห็นแก่เงินที่หาได้จากการเป็นสงฆ์หรือพุทธพาณิช

โดยที่ไม่เข้าใจหลักธรรมเบื้องต้นแห่งมรรคผลว่า กรรมชั่วกรรมบาประดับนี้เป็นการทำลายพุทธศาสนา นั้นมีผลบาปสูงส่งสุดแห่งบาปทั้งหลาย มีนรกโลกันต์เป็นที่ไปและไม่อาจให้บรรลุมรรคผลไปในอนาคตกี่หมื่นล้านชาติ จึงมีบทบาทของพุทธบริษัทเกิดขึ้น มีการยกพวกพากันไปไล่ออกอย่างเปิดเผย ปรากฎทั่วไปที่วัดในชนบท ... แม้วัดในเมืองวันนี้ ก็จะพบว่ามีพุทธบริษัทพากันตรวจตราอยู่เสมอมา...นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้องของพุทธบริษัท ที่น่าจะช่วยทำหน้าที่นี้ ทีโลกพากันหาความสำราญทางกามกันอย่างเปิดเผยหลงไปในความสุขทางกามกันทุกเวลานาทีเลย จนกระแสแรงไหลเข้าสู่วัด พลอยทำให้เกิดกระแสความนิยมกามตามประชาชนไปด้วย

นับแต่มีการเสพกามทางสื่อมือถือนี่เองซึ่งมีมากขึ้น ๆ จนมีปัญหาการผิดพระวินัยข้อที่1 และข้ออื่น ๆ โดยเฉพาะสังฆาทิเสส(อสุจิเคลื่อน)กันเป็นปกติไปเลย แล้วหยาบกระด้างไปเรื่อยๆจนถึง ปฐมปาราชิกแบบนี้มากขึ้น ทุติยะ:เรื่องเงินมากขึ้น) และมีปัญหามาตามลำดับ ๆ ที่ชาวพุทธไทยรู้กันดีนับแต่พระนิกร ธรรมวาที-อรปวีณา มาถึงพระครูนครปฐม ที่ถึงขนาดให้หาเด็กชาวเขามาเลี้ยงดูอุปการะแต่เสพกามด้วยนับสิบคน (จนติดคุก) ถึงยันตระอมโรที่ขาดเทวธรรมไปอย่างสิ้นเชิง(ธัมมะชะโย ธรรมกาย ทุติยะปาราชิก) และซึ่งมีหลบซ่อนตัวเองอยู่ ดังปรากฎว่ามีสตรีเพศออกมาเปิดเผยหลักฐานทางสื่อนั้นก็ยังไม่มีความละอายใจ ในบาปชั่วของตน แบบที่ยังคงหลอกลวงคนทั้งหลายไปว่าตนเป็นอรหันต์หาเงินสร้างวัตถุทางพุทธศาสนาอย่างใหญ่โต จนคนโง่เขลาทั้งหลายหลงไปว่า อรหันต์นั้น ย่อมมีความนิยมของประชาชนมาก ๆ มีผู้ศรัทธามาก ๆ อย่างนี้ไม่เช่นนั้นจะสร้างวัตถุใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร

ซึ่งนั้นเป็นความเข้าใจผิด จนมีสตรีผู้อยากรู้จริงมาพิศูจน์ อรหันต์นั้นย่อมหมดสิ้นไปซึ่งตัณหา 3 กาม ภะวะ วิภะวะ ตัณหาไปทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองสมบัติอย่างโลก ๆ เลย และแม้ทำผิดแล้วหลบซ่อนอยู่แล้วไม่มีความสำนึกแม้อย่างคนดีคนหนึ่งเลยว่า มันปิดกั้นไปหมดแล้วซึ่งทางแห่งอริยมรรค มีแต่จะรับผลกรรมอันหนักไปในนรกอเวจีกี่ล้านโกฏิปีนับแต่กระทำผิดปาราชิกมาแล้ว ซึ่งไม่มีทางอื่นนอกจากสงฆ์สาวกปรับตัวเองมุ่งสู่อริยมรรคเท่านั้น อย่าหลงไปตามสมบัติเงินทองหรือใฝ่นอกทางไปสู่โลกียธรรมเลย

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 4

26 ต.ค.2565  พิธีกรรมไม่พาสู่มรรคผล

ต้นเรื่อง:พระศรีเงิน มีสิทธิ์

ไปที่ไหน ไม่เคย ร้องขออะไร จากใคร และอยู่ตามสถานะ สภาวะ ที่มี ที่เป็นอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับปรุง รักษาของที่มีอยู่แล้ว ให้ดีให้เรียบร้อย เพราะวัตถุถ้ามีเงินก็สร้างได้ แต่สิ่งที่คนยุคนี้ ขาดไปคือความเป็นผู้มีคุณธรรม ความเข้าใจในสัจธรรม ขาดสติปัญญาไป ไปยึดเอาแต่พิธีเท่านั้น(ศาสนพิธี)เช่นพิธีรับศีล พิธีรับพร พิธีให้พร พิธีทำบุญ พิธีเสดาะเคราะห์ ต่อชะตา ซึ่งเป็นเพียงพิธีหาเงินเท่านั้นเป็นเพียงแต่การเพิ่มศรัทธาฯเท่านั้น..แต่ไม่มีสติปัญญาในทางธรรมต่อไป.

ความคิดเห็น 5 รายการ

พุทธธรรมเทศนา พัฒนาคุณภาพชีวิต

สุดยอดเลยครับหลวงพ่อ ศรีเงิน   ในโลกนี้ถ้ามีพระดีๆเช่นนี้มากๆ พระศาสนาเราจะเจริญมั่นคงแน่

25-10-2565-19.57น. ธัญบุรี.

@@@ Phayap Panyatharo

เป็นปัญหาสังคมชาวไทยพุทธมานาน ตื่นกันไปเพราะไม่เข้าใจสัจธรรมพุทธที่แท้ มีคนโง่พาทำไป(ราชการสงฆ์นั่นเอง) จึงทำให้การบำรุงอุปถัมภ์ อุปฐากผิดทางไป คนไปตื่นตามพิธีกรรม..เพื่อเอาเงิน หาเงินเป็นเป้าหมาย ดังที่ท่านว่าไปกันทั้งหมด สังคมเป็นไปนอกทางแบบนี้ ทำให้การอุปฐากพระ สาวก ผู้มุ่งมั่นเดินไปตามทางอริยมรรค นั้น ไม่ได้รับการมองดูเลย ...

นั่นเพราะการมีพิธีกรรม ผู้พาทำพิธีกรรม ทั้งสงฆ์เอง ฆราวาสเอง โดยเฉพาะสงฆ์นักปกครอง  สงฆ์เกจิอาจารย์บางพวก ..พาออกนอกทางไปหมด จึงมีแต่ตื่นกันในเรื่องก่อสร้าง วัตถุนิยม แบบที่ไม่เข้าใจโทษหรือมลทินวัตถุนิยมเลย ไม่เข้าใจมรรคผล นิพพาน ไม่เข้าใจการบำเพ็ญบารมีเพื่อมรรคผล นิพพาน กลายเป็นการหลงไปในโลภะ โทสะ โมหะ ใฝ่แต่ในโลกธรรม 4 ประการ 8 ประการ  ไม่เข้าใจว่านั่นคือ ราคะ ตัณหาทั้งสิ้น(จึงเกิดกรณีตัวอย่างเช่นเรื่อง เงินทอนวัด เรื่อง ธรรมกาย ธัมมะชะโย ขึ้นแบบตนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าผิดอย่างไร...แม้เรื่องบุญกฐิน....ก็ดูเถอะโฆษณาหาเงินกันใหญ่ ไปมีข้อแก้ตัวไป ตามอิทธิพลของตัณหานั่นเองใฝ่ได้เงิน ทั้งนั้น  มันผิดแล้วจะบรรลุได้อย่างไรโง่  ไม่รู้จักคิด)

จึงหาผู้ที่เป็นอริยบุคคล ผู้เดินในทางอริยมรรคอริยผลได้ยาก แม้มีอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครรู้จัก ไม่เข้าใจวิธีบำเพ็ญบารมีของท่านและหากไปไม่ถึงปลายทาง...คือเบื้องต้นโสดาบันผล ปลายสุดอรหันตบุคคลสำเร็จแล้ว ก็สิ้นปัญหาทั้งปวง แต่สมัยนี้ที่คนตื่นไปตามการใฝ่สร้างวัตถุธรรมกันหมด ไม่คิดอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการอุปถัมภ์พระอริยบุคคล นั่นเอง เพราะขาดการอุปฐาก อุปถัมภ์ ไม่มีพิธีกรรมใดใด ไม่มีวัตถุสร้างศรัทธาไป ก็จึงยาก เพราะคนตาบอดหลงงมงายไป มองไม่เห็น

 ฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้รู้ทางที่ถูก ได้บอกกล่าวสั่งสอน และทั้งตัวเองด้วย ที่ต้องบำเพ็ญบารมี ตามทางอริยมรรคอริยบุคคล  ขอความทรหดอดทนในการทำดีบริสุทธิ์นั้นเป็นการปฏิบัติข้อสำคัญ ซึ่งอาจจะสำคัญที่สุดก็ได้   ใฝ่ทางวิปัสสนา กรรมฐานเพื่อรู้แจ้ง ทุกขัง อนิจจัง และอนัตตา รู้แจ้งโลกอวิชชานี้ ให้บรรลุอริยมรรคสูงสุดไปอย่างถึงที่สุด  และสำหรับประชาชนคนผู้ใดเข้าใจ พอใจอุปัฏฐากพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นั่นแหละ ได้ผลกรรมสูงส่ง  เพราะการสร้างบุคคลอริยบุคคล สูงส่งกว่าการสร้าง วัตถุ ใดใด ที่โฆษณาโอ้อวดกันอยู่ขณะนี้  นั้นเอง จึงได้ผลบุญยิ่งประเสริฐเลอเลิศกว่า มีอนาคตชาตินี้ ชาติหน้าที่ดีเลิศประเสริฐกว่า และควรจะช่วยกันสร้างทางบุญ ทางปัญญา ที่ถูกต้องและที่สำคัญสร้างตนเอง ใครก็ตามสร้างตนเองเป็นอริยบุคคล นั้นแหละ ได้ผลบุญล้ำเลิศกว่าไปช่วยคนโลภคนหลงสร้างวัตถุอีก ทางพุทธนี้ทางอริยมรรคอริยผล สร้างอริยบุคคล ให้ถูกต้อง

·        แฟ้ม: พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.2565 พระศรีเงิน มีสิทธิ์

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 5.

พุทธศาสนารายวัน  30 ต.ค.2565  เรื่องเวรกรรมของเขา

ต้นเรื่อง:พระศรีเงิน มีสิทธิ์

เรื่องเวรกรรมผู้รู้กล่าวว่า มีจริง ในธรรมบทก็มีกล่าวไว้มากมาย เมื่อเขาพูดทำไม่ดีกับเรา ถ้าเราไม่โต้ตอบเขา ก็เป็นกรรมของเขา และอาจเป็นกรรมของเราตามมาก็ได้.

@Tay Virasinee

สาธุค่ะ

@@@ Phayap Panyatharo

เรื่องอย่างนี้ เราต้องสละ..ทรัพย์---ชีวิตช่วยคนอื่นนะครับ ไม่ใช่คิดแบบที่คุณคิด คือปล่อยให้เป็นไปตามกรรม...ปล่อยไป ตาย.....นั่นมันง่ายเกินไป และอาจจะเป็นความผิด อย่างเช่นตัวอย่างนี้: คุณเห็นเด็กกำลังจะจมน้ำตาย คุณคิดว่า ตามกรรมเขา ก็เดินหนีไป โดยคุณคิดว่าพระพุทธเจ้าสอน กรรมใครกรรมมัน เขาจะจมน้ำตาย ก็เพราะเขาคงสร้างกรรมมา คิดอย่างนี้ผิดครับ......ผิดเรื่อง ความไม่มีศีล-ธรรม ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ธรรมข้อ 1 เมตตา ถ้าคุณเดินหนีไป เอาละ เท่ากับคุณฆ่าสัตว์ ผิดศีลเพราะพอจะช่วยได้แต่ไม่ช่วยชีวิตเขา และ เท่ากับคุณละเมิดธรรม เมตตาธรรมนั้นเอง.....มันผิด ธรรมะ และแม้ศีลด้วย.......และคุณก็ต้องรู้ว่า ทางกฎหมายบ้านเมือง เขาก็จะเอาผิด ตามเหตุผลนี้ไปด้วย ฐานปล่อยให้เด็กจมน้ำตายต่อหน้าต่อตาแบบไม่ช่วยเขาเลย โดยคุณเข้าใจไปว่า กรรมใครกรรมมัน กฎหมายเขาเอาไปลงโทษฐานไม่ช่วยเด็กที่กำลังจมน้ำตาย อาจจะติดคุก.....นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง .....

ฉะนั้น มันมีพื้นฐานอยู่ที่ธรรมะในจิตใจของคนแต่ละคน ผู้ที่ไร้เมตตาจิต เห็นแก่ตัว ก็มีข้อแก้ตัวไปได้เสมอ แม้เอาธรรมะมาแก้ตัวก็ได้ ....เช่นบอกว่า กรรมของเขา ปล่อยเขาไป อะไรอย่างนี้ ....

เรื่องกรรมใครกรรมมันนี้ มันไม่หมายความว่า คนเราจะต่างคนต่างทำ ไม่ต้องมาช่วยเหลือกันเลย ผลที่เกิดมาจากกรรมของแต่ละคน นั้น.... ไม่ใช่นะ แต่กรรมของความคิดร่วมกันนั้น หรือ สามัคคีธรรมของหมู่นั้น มีความหมายอย่างมากเมื่อคนเรามาอยู่ร่วมกันในสังคม เป็น บ้านเรือน มีครอบครัวขึ้น มีบิดา มารดา...มีลูก หลาน.. ปู่ ย่าตายาย ลูกของเรา หลานเหลนของเรา แม้ เพื่อนสนิท มิตรสหาย และ มิตรภาพเกิดขึ้น มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ซึ่ง มันก็เป็นไปตามระบบครอบครัว ระบบหมู่บ้าน ระบบประเทศไป ระบบมิตรสหาย ซึ่งจะต้องคิดไปในเรื่องของระบบครอบครัวระบบสังคม หมู่พวก มิตรสหาย ประเทศชาติ ตามไปด้วย

ส่วนกรรมใครกรรมมันนั้นท่านมองสัจธรรมสูงสุด ถูกต้องเลยทีเดียว ในเรื่อง มรรคผล นิพพานโดยตรง ...

ในกรณีที่คุณว่ามาข้างต้น..จะยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ .คุณเห็นเขาถือมีดอีโต้ ตรงไปจะฟันหัวแม่ของเขาอย่างนี้ คุณต้องช่วยเขานะ........ไม่ใช่วิ่งหนีไป ว่าเวรของแม่มันเอง พระพุทธเจ้าบอก.....นั่นผิดครับ.... คุณต้องช่วย แบบใดแบบหนึ่ง ตามกำลังของคุณ คุณต้องร้องบอกร้องตะโกนห้าม ทำท่าทำทางห้าม แม้เอาก้อนดินขว้างมัน เอาหนังสติ๊กยิงมัน ....พอมันหันมาจะฟันหัวคุณ คุณก็ช่วยได้สำเร็จแล้ว แม่มันไม่ตายแล้ว คุณช่วยชีวิตคนได้แล้ว คุณก็หลอกให้มันไล่หรือต่อยกับมันก็ได้ถ้าคุณเป็นนักมวยเอก แล้วก็โทรศัพท์บอกตำรวจมาจับมัน.......ไม่ใช่ไปคิดเอาเฉยๆ ว่า เป็นเวรกรรมของแม่ลูก ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม กูไม่เกี่ยว นั้นมันไม่ใช่คนเลยนี่นะคนธรรมดาๆนี่แหละ ยังไม่ใช่คนเลย คนต้องช่วยแก้ไขภัยอันตรายแก่กันและกัน จนช่วยไม่ได้จริง ๆ นั้นแหละ ค่อยไปว่าเรื่องของเวรกรรม ....

·        แฟ้ม: พุทธศาสนารายวัน30 ต.ค.2565 พระศรีเงิน มีสิทธิ์ เวรกรรม

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 6.

***** พุทธศาสนารายวัน  2 พ.ย.2565 

ต้นเรื่องปกป้องดำรง พระศาสนากำลังมีภัย ไม่ใช่แครอทธรรมดา

ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด! พระอาจารย์วัดดังน่าน ที่กระทำทางเพศแก่สามเณร นานถึง2ปี

ความคิดเห็น 6 รายการ

@ดำรงค์ อยู่โพธิ์

อย่างนี่ ปราชิก ไหม พระ อาจารย์

@@@ Phayap Panyatharo

.....ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด!พระอาจารย์วัดดังน่าน ที่กระทำทางเพศแก่สามเณรนานถึง2ปี....มีคำถามว่าอย่างนี่ ปาราชิกไหม?...คำตอบเป็นปาราชิก กรณีนี้ เสพเมถุนกับสามเณร ก็มีความสงสัยถามมา ดูภิกขุปาฏิโมกข์ ปฐมปาราชิก "1.1 อนึ่งภิกษุใด ถึงพร้อมซึ่งสิกขาและสาชีพของภิกษุทั้งหลายแล้ว ไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง เสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้" ข้อควรเข้าใจก็คือโดยสถานะของความเป็นพุทธสาวกผู้มีหน้าที่โดยตรงคือใฝ่มรรคผลนิพพานนั้นจะต้องยืนอยู่บนกรรมฐานอันสูงสุดแห่งเทวธรรม คือความเกรงกลัวและความละอายต่อการกระทำบาประวังการกระทำชั่วบาปตลอดเวลาด้วยตนเอง เมื่อรู้ตัวเองว่ากระทำผิดร้ายแรงขนาดนี้ก็ถอดจีวร ออกไปจากหมู่โดยทันที เพราะถึงไม่ออกไปเอง ซ่อนตัวหลบลี้อยู่ ก็หาใช่พุทธสงฆสาวกไม่(ชาวไทยเรียกสมีแทน) แต่ต่อมา มีความอ่อนหย่อนไปแห่งเทวธรรม จึงมีความเห็นแก่ตัวเพิ่มเข้ามาเห็นแก่เงินที่หาได้จากการเป็นสงฆ์หรือพุทธพาณิช

โดยที่ไม่เข้าใจหลักธรรมเบื้องต้นแห่งมรรคผลว่า กรรมชั่วกรรมบาประดับนี้เป็นการทำลายพุทธศาสนา นั้นมีผลบาปสูงส่งสุดแห่งบาปทั้งหลาย มีนรกโลกันต์เป็นที่ไปและไม่อาจให้บรรลุมรรคผลไปในอนาคตกี่หมื่นล้านชาติ จึงมีบทบาทของพุทธบริษัทเกิดขึ้น มีการยกพวกพากันไปไล่ออกอย่างเปิดเผย ปรากฎทั่วไปที่วัดในชนบท ... แม้วัดในเมืองวันนี้ ก็จะพบว่ามีพุทธบริษัทพากันตรวจตราอยู่เสมอมา...นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้องของพุทธบริษัท ที่น่าจะช่วยทำหน้าที่นี้ ทีโลกพากันหาความสำราญทางกามกันอย่างเปิดเผยหลงไปในความสุขทางกามกันทุกเวลานาทีเลย จนกระแสแรงไหลเข้าสู่วัด พลอยทำให้เกิดกระแสความนิยมกามตามประชาชนไปด้วย

นับแต่มีการเสพกามทางสื่อมือถือนี่เองซึ่งมีมากขึ้น ๆ จนมีปัญหาการผิดพระวินัยข้อที่1 และข้ออื่น ๆ โดยเฉพาะสังฆาทิเสส(อสุจิเคลื่อน)กันเป็นปกติไปเลย แล้วหยาบกระด้างไปเรื่อยๆจนถึง ปฐมปาราชิกแบบนี้มากขึ้น ทุติยะ:เรื่องเงินมากขึ้น) และมีปัญหามาตามลำดับ ๆ ที่ชาวพุทธไทยรู้กันดีนับแต่พระนิกร ธรรมวาที-อรปวีณา มาถึงพระครูนครปฐม ที่ถึงขนาดให้หาเด็กชาวเขามาเลี้ยงดูอุปการะแต่เสพกามด้วยนับสิบคน (จนติดคุก) ถึงยันตระอมโรที่ขาดเทวธรรมไปอย่างสิ้นเชิง(ธัมมะชะโย ธรรมกาย ทุติยะปาราชิก) และซึ่งมีหลบซ่อนตัวเองอยู่ ดังปรากฎว่ามีสตรีเพศออกมาเปิดเผยหลักฐานทางสื่อนั้นก็ยังไม่มีความละอายใจ ในบาปชั่วของตน แบบที่ยังคงหลอกลวงคนทั้งหลายไปว่าตนเป็นอรหันต์หาเงินสร้างวัตถุทางพุทธศาสนาอย่างใหญ่โต จนคนโง่เขลาทั้งหลายหลงไปว่า อรหันต์นั้น ย่อมมีความนิยมของประชาชนมาก ๆ มีผู้ศรัทธามาก ๆ อย่างนี้ไม่เช่นนั้นจะสร้างวัตถุใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร

ซึ่งนั้นเป็นความเข้าใจผิด จนมีสตรีผู้อยากรู้จริงมาพิศูจน์ อรหันต์นั้นย่อมหมดสิ้นไปซึ่งตัณหา 3 กาม ภะวะ วิภะวะ ตัณหาไปทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองสมบัติอย่างโลก ๆ เลย และแม้ทำผิดแล้วหลบซ่อนอยู่แล้วไม่มีความสำนึกแม้อย่างคนดีคนหนึ่งเลยว่า มันปิดกั้นไปหมดแล้วซึ่งทางแห่งอริยมรรค มีแต่จะรับผลกรรมอันหนักไปในนรกอเวจีกี่ล้านโกฏิปีนับแต่กระทำผิดปาราชิกมาแล้ว ซึ่งไม่มีทางอื่นนอกจากสงฆ์สาวกปรับตัวเองมุ่งสู่อริยมรรคเท่านั้น อย่าหลงไปตามสมบัติเงินทองหรือใฝ่นอกทางไปสู่โลกียธรรมเลย

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 7.

***** พุทธศาสนารายวัน  2 พ.ย.2565 ยศช้างขุนนางพระ

ต้นเรื่อง:เดระ นฤมาส

โลกประกอบด้วยสัตว์และโดยเฉพาะ #มนุษย์ #เป็นผู้คิดเป็นได้ดีกว่าสัตว์อื่น   การเห็นมนุษย์จำนวนมากอยู่ได้เราอยู่ได้โดยอาศัยเพื่อนมนุษย์คือ##คำสอนพระพุทธศาสนา  แต่ศาสนาปีศาจนั้นสอนกันว่าเมื่อมีคนอยู่มากย่อมมีผู้ขาดทุนให้ตนอยู่มาก  เขาจึงสอนให้เกิดความเชื่อว่า##ฆ่าคนต่างศาสนาไม่บาป   ก็เพื่อปลูกฝังความคิดจงมีชีวิตด้วยการเบียดเบียนแย่งชิงเอาโภคะและทรัพยากรของมนุษย์ให้ได้มากที่สุดเพื่อความเจริญรุ่งเรืองสนองความต้องการของพวกเขาเอง  การศึกษาของสงฆ์น่าจะต้องศึกษาอื่นด้วย  ไม่ใช่แค่เปรียบเทียบแต่เพื่อให้รู้นำมาสอนศาสนิกของตนด้วย

   อย่าว่าแต่เพียงระดับพระธรรมดา   พระระดับนำผู้มียศช้างก็ควรพิจารณาระบบการศึกษาด้วย

ความคิดเห็น 2 รายการ

@พระวีระพล ใจบุญ

งานเข้า

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความพูดว่า "AtHe@R R At มส มส.สั่งห้ามพระ-เณร เข้าพักสถานที่ไม่ได้ รับอนุญาตให้สร้างวัด"

@@@ Phayap Panyatharo

เรื่อง ยศช้างขุนนางพระ เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ถ้าขาดสติการตรึกตรอง......ใช่ เห็นด้วย มันมาจากเหตุทีมียศช้างขุนนางพระหลายชั้นเกินไป การมีหลายชั้นเกินไปเป็นเหตุให้ ชีวิตทั้งชีวิตไม่ไปไหน นอกจากความหวังฝักใฝ่เดินไปตามลำดับชั้นยศนี้ คือ คิดก้าวหน้าไปตามชั้นยศต่อไปเรื่อย ๆ มี 11 ชั้น แต่ละชั้นใช้เวลา อย่างน้อยอย่างเก่งด้วย10 ปีกว่าจะไปถึงชั้นที่ 11 เอา 5x11 ก็ 55 ปี จะแก่ตายพอดีกว่าจะไปถึงชั้นที่ 11(เอา20ปีบวชพระ+55 เท่ากับ 75 ปีมาเริ่มสนใจทางพุทธศาสนาที่แท้ เพราะระบบยศนี้ ชีวิตทั้งชีวิต ไม่ต้องทำอะไร นอกจากคิดเลือนชั้นแก่งแย่งกันไปในเรื่องชั้น ยศ....ตำแหน่ง ด้วย ไม่คิดอย่างอื่น..นี่คืออะไร?

ก็คือ ออกไปนอกเส้นทางมรรคผลตั้งแต่เข้ามาสู่ระบบยศช้างขุนนางพระนั่นเอง..คือกว่าจะไปถึงไปชั้นที่ 11 สูงสุด ก็เป็นได้แค่ปุถุชนคนธรรมดา ๆๆๆ แบบระบบการปกครองเดิมของไทยเรานั้นเองแม้ถ้อยคำที่ใช้ยศช้างขุนนางพระ นี้ ก็เป็นภาษาการปกครองโลกยุคราชาธิปไตยไทยเรานั่นเอง(คือพระทุกวันนี้เป็นข้าราชการยุคเก่าเรานี่เอง แบบเดิมที่พระเจ้าแผ่นดินแต่งตั้งไปรับใช้พระเจ้าแผ่นดิน เข้าใจไหมครับ?) เป็นเพียงพระปุถุชนคนธรรมดา อย่าไปหลงคิดว่าเป็นพระอรหันต์ล่ะ แต่แน่ละเป็นเจ้าขุนมูลนายที่น่ากลัวเหมือนเจ้าขุนมูลนายยุคนั้นแหละ แต่ไม่ใช่อริยบุคคลแต่อย่างใด ที่ว่ามาว่า เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ก็เนื่องจาก มันพาออกไปนอกทางมรรคผล นิพพาน นั่นเอง .....

นั่นก็เป็นสิ่งที่น่าเศร้า น่าเสียดายชีวิตทั้งชีวิต น่าเศร้าเพราะบวชมาแล้วยังโง่คิดแบบโลก ๆ อยู่ ใช้เวลาทั้งชีวิตคิดใฝ่ในโลกธรรม ในภวะตัณหา วิภวะตัณหาไปตลอดชีวิต...ใฝ่หาเอายศช้างขุนนางพระแบบระบอบปกครองไทยเดิมนั่นเอง ....มีหลายชั้นเท่าไร ก็เสียเวลามากเท่านั้น จึงควรลดชั้นลงมาให้เหลือน้อย ๆ(สัก 3 ชั้นก็พอมีพระราช พระธรรม พระสมเด็จเท่านี้ก็พอ ) จะได้เร็ว จบเร็วไปต่อไม่ได้แล้วก็หันมาทางมรรคผลนิพพานต่อไปได้ เช่นได้สูงสุดเมื่ออายุ 50 ปี จบทางยศขุนนางแล้วไม่มีต่อ ก็มีเวลาหันเดินไปสู่ทางอริยมรรคทางมรรคผลนิพพานได้อีก50 ปีที่เหลือ ทั้งนี้ให้อายุ 100 ปีโดยประมาณ ก็อาจจะบรรลุมรรคผลนิพพานแม้แค่โสดาบันมรรคได้ก่อนตายอายุ 100 ปีก็ดีเลิศแล้ว

การมีระบบยศพระบอกได้ว่าไม่อาจจะบรรลุโสดาบันได้เลย ฉะนั้นการคิดที่ถูกก็แทนที่จะให้ชีวิตทั้งชีวิตตกอยู่ในระบบยศช้างขุนนางพระแก่ตายไปไม่ได้อะไรเลย ไม่ต่างจากปุถุชนคนธรรมดาเขา นี่สัจธรรมเป็นอย่างนี้ ฉะนั้น มียศพระอยู่ตราบใด เป็นอันตรายต่อพุทธศาสนาแน่ ฉะนั้นต้องช่วยกันคิดจัดระบบสงฆ์สาวกนับแต่โสดาบันมรรค โสดาบันผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล จนถึงสูงสุดที่ อรหัตมรรค อรหัตผล รวม 8 ชั้น อริยะยศ อริยศักดิ์ อริยะฐานันดร อริยะบุคคลผู้ประเสริฐ นั้นจึงเป็นเส้นทางของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง....

แต่เส้นทางอริยมรรคถูกปิดกั้นเสียอย่างแน่นหนา จึงควรจะลดชั้นยศ-ตำแหน่งลงไปให้เหลือแค่ 3 ชั้นก็พอ ให้ถึงจุดจบเร็ว ๆ มีเวลาชีวิตเหลือสำหรับภาคปฏิบัติคือการเดินสู่เส้นทางอริยมรรค อริยผล 8 ชั้นอันประเสริฐ ก่อนตายก็จะได้บ้างแค่โสดาบันมรรคก็แสนเลิศแล้ว แต่นั่นแหละเมื่อรู้จักทำหน้าที่ รู้หน้าที่ตน ก็ยังจะช่วยให้สงฆ์สาวกนอกระบบชั้นยศทั้งโลก บรรลุอริยะธรรมได้ง่ายได้เร็วขึ้น

·        แฟ้ม:พุทธศาสนารายวัน 4 ตอน 26 ต.ค.2565  ลงเฟสฯ

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 8.

พุทธศาสนารายวัน  11 พ.ย.2565

ต้นเรื่อง:สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

พุทธไม่สามารถแยกออกจาก พราหมณ์ ความเชื่อ + คำสอน สอดคล้อง กันในบางเรื่องราว

ความคิดเห็น 5 รายการ

สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

สังสารวัฏ ก็หยิบนำมาจาก พราหมณ์ ในคัมภีร์ อุปนิษัท

@@@ Phayap Panyatharo

คือศาสนาทั้งหลายนั้น เดินไปทางศาสนาเหมือนกัน ปนกันไปอย่างนี้แหละ และมีชั้นของศาสนา ฮินดู คริสต์ อิสลาม อื่น ๆ นั้น เป็นชั้นล่าง ๆ กลาง ๆ รวมกันอยู่หมดทุกศาสนาแหละ คือคน ๆ หนึ่ง นับถือไปหมดทุกศาสนานั้นแหละ คนจึงนับถือแบบปนกันไป อย่างพราหมณ์ ฮินดู นี่ก็ปนกับพุทธมาอย่างนี้ตลอดมา อย่างที่คุณว่านั้นแหละ หากแต่สุดยอดของศาสนาพุทธนั้น เลยขึ้นไปอีก เป็นชั้นสูงสุด เฉพาะพุทธ นั้นแหละเป็นพุทธแท้ ๆ ที่ศาสนาอื่นมาปนไม่ได้ เพราะคนละชั้นกัน ในรูปธรรมคือ ภูมิปัญญาของศาสนาอื่น ๆ ศาสดาอื่น ๆยังต่ำต้อย ไม่ถึงระดับที่พ้นทุกข์ได้ นั่นเอง

ฉะนั้น พุทธองค์จึงทรงตรัสแก่ลูกศิษย์คนสุดท้ายในวันปรินิพพาน(สุภัททะ ปริพาชก) ที่ถามพระองค์ว่า มีอริยบุคคล โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ในลัทธิความเชื่ออื่นหรือไม่ ซึ่งทรงตอบว่ามีเพียงในศาสนาพุทธเท่านั้น คนทั้งหลายไม่อาจจะพบพระอริยบุคคลทั้ง 4 ดังกล่าวในฮินดู ในคริสต์ ในอิสลาม ในศาสนา ความเชื่ออื่น ๆ เลย ได้ฟังได้เข้าใจ ดังนี้ เกิดปัญญาขึ้นดั่งนี้ จึงบรรลุอรหันต์คนสุดท้าย ของพุทธองค์ ในวันปรินพพานของพระองค์นั้นเอง นี่แหละ ความหมายที่ล้ำเลิศของพุทธศาสนา ที่ส่วนสูงสุดของศาสนาพุทธนี้ อยู่เลยชั้นศาสนาทั้งหลายขึ้นไปเป็นจุดสูงสุด ที่ไม่รู้เรียกอะไรแต่ที่พุทธองค์เรียกว่าโลกนิพพาน นั้นเองมีในศาสนาพุทธเท่านั้น

และนั่นแหละ จึงเรียกว่า แดนอริยบุคคล มีในแดนพุทธศาสนาเท่านั้น ที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์นิรันดรของชีวิตหนึ่ง ที่บรรลุอรหันตบุคคลไปแล้ว ไม่กลับมาสู่วัฏฏะสงสารอีกแล้ว ตรงนี้แตกต่างจากศาสนาอื่น ก็เพราะเหนือชั้นขึ้นมา ชั้นล่างลงไป ล้วนเป็นโลกปุถุชนคนธรรมดา(แม้เป็นเทพ เทวดา เป็นพระเจ้าฯลฯ ที่ยังไม่บรรลุอริยบุคคล ก็มีสถานะเป็น ปุถุชนทั้งนั้น คือหมายความว่ามีการเกิด  การตายหมุนวนไปไม่รู้จบ) ที่ยังไม่พ้นไปจากแดนวนรอบแห่งทุกข์ ไม่พ้นไปจากวัฏฏะสงสารนั้นแหละความแตกต่าง และที่โลก ที่ฉลาดมีปัญญา ตาสว่าง พ้นจากความมืดบอดแล้ว ย่อมจะเลือกเอาส่วนที่สูงสุดล้ำเลิศ นั้นเท่านั้นเองเป็นปกติวิสัยของผู้รู้อยู่แล้ว

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 9.

พุทธศาสนารายวัน  วันที่ 12 พ.ย.2565

ต้นเรื่องญาณทีโป นามะ

กิเลสมีอยู่ในใจทุกคนความโลภโกรธหลงมีทุกคนเป็นสากลไม่ว่าศาสนาใดชนชาติใดอดีตนานแค่ไหนจนถึงอนาคตข้างหน้าก็ยังคงมีกิเลสสามตัวนี้เป็นหลัก

ความคิดเห็น 13 รายการ

@@@ Phayap Panyatharo

เราพูดกันไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอก คนเราทุกวันนี้ มีหลายเชื้อ ชาติพันธุ์ หลายศาสนา ลัทธิความเชื่อ  ที่ไม่รู้ความจริงอันนี้ เราจึงช่วยกันบอกคนไปทั้งโลก และให้คนทั้งโลกได้รู้เพิ่มเติมไปว่า กิเลสนี้แหละ ทำให้เราคนทั้งหลายเป็นทุกข์ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย หมุนเวียนไม่รู้จบ เป็นวัฏฏะสงสาร ในแดนโลกนี้ที่แสนเป็นทุกข์ตลอดเวลา ที่คนต้องตายกันหมด  

เมื่อโลกได้รู้แล้ว ก็จะได้ช่วยกันเอากิเลสออกจากใจตนเองเสียให้หมดสิ้น ให้รู้ว่ามหาภัยร้ายสุดนั้นอยู่ในใจของตนเองนั้นเอง ไม่อยู่ไหนเลย ผลจากการเอากิเลสออกจากใจไปหมดสิ้นนั้นแหละ ทำให้ใจเราใหม่ สะอาด สะอ้าน บริสุทธิ์ มีแต่เมตตา ความเป็นมิตร และ มีความตายเป็นมิตรเป็นเป็นเพื่อนรัก ไม่กลัวความตาย ไม่กลัว ความแก่ ความเจ็บ ไม่ตื่นกลัวโรคร้ายใดใด แม้โควิดวันนี้ ตายก่อนตาย เมื่อได้รู้ความจริงนี้

และครั้นตายแล้วก็ไม่กลับไปยังโลกที่แสนทุกข์นี้อีกเลย ไปสู่โลกใหม่ ด้วยอำนาจใจที่พ้นกิเลสแล้ว ที่ทุกคนมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ไร้ตัวตน ไร้ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ และไร้จิตใจไร้วิญญาณ ไปสู่ความว่างอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ไม่มีอะไร ที่ฝรั่งว่า NOTHING นั่นเอง ที่พุทธศาสนชนรู้ดีกันว่านิพพาน หรือ ฝรั่งว่า นิรวานะ นั้น แต่ความเป็นจริงนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำพูดสุดประมาณได้ จงรีบฝันและทำความฝันให้เป็นจริงเถิด

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 10..

พุทธศาสนารายวัน  11 พ.ย.2565 (2)

ต้นเรื่องสุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

พุทธไม่สามารถแยกออกจาก พราหมณ์ ความเชื่อ + คำสอน สอดคล้อง กันในบางเรื่องราว

ความคิดเห็น 5 รายการ

สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

สังสารวัฏ ก็หยิบนำมาจาก พราหมณ์ ในคัมภีร์ อุปนิษัท

@@@ Phayap Panyatharo

คือศาสนาทั้งหลายนั้น เดินไปทางศาสนาเหมือนกัน ปนกันไปอย่างนี้แหละ และมีชั้นของศาสนา ฮินดู คริสต์ อิสลาม อื่น ๆ นั้น เป็นชั้นล่าง ๆ กลาง ๆ รวมกันอยู่หมดทุกศาสนาแหละ คือคน ๆ หนึ่ง นับถือไปหมดทุกศาสนานั้นแหละ คนจึงนับถือแบบปนกันไป อย่างพราหมณ์ ฮินดู นี่ก็ปนกับพุทธมาอย่างนี้ตลอดมา อย่างที่คุณว่านั้นแหละ หากแต่สุดยอดของศาสนาพุทธนั้น เลยขึ้นไปอีก เป็นชั้นสูงสุด เฉพาะพุทธ นั้นแหละเป็นพุทธแท้ ๆ ที่ศาสนาอื่นมาปนไม่ได้ เพราะคนละชั้นกัน ในรูปธรรมคือ ภูมิปัญญาของศาสนาอื่น ๆ ศาสดาอื่น ๆยังต่ำต้อย ไม่ถึงระดับที่พ้นทุกข์ได้ นั่นเอง

ฉะนั้น พุทธองค์จึงทรงตรัสแก่ลูกศิษย์คนสุดท้ายในวันปรินิพพาน(สุภัททะ ปริพาชก) ที่ถามพระองค์ว่า มีอริยบุคคล โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ในลัทธิความเชื่ออื่นหรือไม่ ซึ่งทรงตอบว่ามีเพียงในศาสนาพุทธเท่านั้น คนทั้งหลายไม่อาจจะพบพระอริยบุคคลทั้ง 4 ดังกล่าวในฮินดู ในคริสต์ ในอิสลาม ในศาสนา ความเชื่ออื่น ๆ เลย ได้ฟังได้เข้าใจ ดังนี้ เกิดปัญญาขึ้นดั่งนี้ จึงบรรลุอรหันต์คนสุดท้าย ของพุทธองค์ ในวันปรินพพานของพระองค์นั้นเอง นี่แหละ ความหมายที่ล้ำเลิศของพุทธศาสนา ที่ส่วนสูงสุดของศาสนาพุทธนี้ อยู่เลยชั้นศาสนาทั้งหลายขึ้นไปเป็นจุดสูงสุด ที่ไม่รู้เรียกอะไรแต่ที่พุทธองค์เรียกว่าโลกนิพพาน นั้นเองมีในศาสนาพุทธเท่านั้น

และนั่นแหละ จึงเรียกว่า แดนอริยบุคคล มีในแดนพุทธศาสนาเท่านั้น ที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์นิรันดรของชีวิตหนึ่ง ที่บรรลุอรหันตบุคคลไปแล้ว ไม่กลับมาสู่วัฏฏะสงสารอีกแล้ว ตรงนี้แตกต่างจากศาสนาอื่น ก็เพราะเหนือชั้นขึ้นมา ชั้นล่างลงไป ล้วนเป็นโลกปุถุชนคนธรรมดา(แม้เป็นเทพ เทวดา เป็นพระเจ้าฯลฯ ที่ยังไม่บรรลุอริยบุคคล ก็มีสถานะเป็น ปุถุชนทั้งนั้น คือหมายความว่ามีการเกิด  การตายหมุนวนไปไม่รู้จบ) ที่ยังไม่พ้นไปจากแดนวนรอบแห่งทุกข์ ไม่พ้นไปจากวัฏฏะสงสารนั้นแหละความแตกต่าง และที่โลก ที่ฉลาดมีปัญญา ตาสว่าง พ้นจากความืดบอดแล้ว ย่อมจะเลือกเอาส่วนที่สูงสุดล้ำเลิศ นั้นเท่านั้นเองเป็นปกติวิสัยของผู้รู้อยู่แล้ว

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 11.

พุทธศาสนารายวัน  วันที่ 12 พ.ย.2565

ต้นเรื่องญาณทีโป นามะ

กิเลสมีอยู่ในใจทุกคนความโลภโกรธหลงมีทุกคนเป็นสากลไม่ว่าศาสนาใดชนชาติใดอดีตนานแค่ไหนจนถึงอนาคตข้างหน้าก็ยังคงมีกิเลสสามตัวนี้เป็นหลัก

ความคิดเห็น 13 รายการ

@@@ Phayap Panyatharo

เราพูดกันไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอก คนเราทุกวันนี้ มีหลายเชื้อ ชาติพันธุ์ หลายศาสนา ลัทธิความเชื่อ  ที่ไม่รู้ความจริงอันนี้ เราจึงช่วยกันบอกคนไปทั้งโลก และให้คนทั้งโลกได้รู้เพิ่มเติมไปว่า กิเลสนี้แหละ ทำให้เราคนทั้งหลายเป็นทุกข์ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย หมุนเวียนไม่รู้จบ เป็นวัฏฐสงสาร ในแดนโลกนี้ที่แสนเป็นทุกข์ตลอดเวลา ที่คนต้องตายกันหมด 

เมื่อโลกได้รู้แล้ว ก็จะได้ช่วยกันเอากิเลสออกจากใจตนเองเสียให้หมดสิ้น ให้รู้ว่ามหาภัยร้ายสุดนั้นอยู่ในใจของตนเองนั้นเอง ไม่อยู่ไหนเลย ผลจากการเอากิเลสออกจากใจไปหมดสิ้นนั้นแหละ ทำให้ใจเราใหม่ สะอาด สะอ้าน บริสุทธิ์ มีแต่เมตตา ความเป็นมิตร และ มีความตายเป็นมิตรเป็นเป็นเพื่อนรัก ไม่กลัวความตาย ไม่กลัว ความแก่ ความเจ็บ ไม่ตื่นกลัวโรคร้ายใดใด แม้โควิดวันนี้ ตายก่อนตาย

เมื่อได้รู้ความจริงนี้ และครั้นตายแล้วก็ไม่กลับไปยังโลกที่แสนทุกข์นี้อีกเลย ไปสู่โลกใหม่ ด้วยอำนาจใจที่พ้นกิเลสแล้ว ที่ทุกคนมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ไร้ตัวตน ไร้ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ และไร้จิตใจไร้วิญญาณ ไปสู่ความว่างอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ไม่มีอะไร ที่ฝรั่งว่า NOTHING นั่นเอง ที่พุทธศาสนชนรู้ดีกันว่านิพพาน หรือ ฝรั่งว่า นิรวานะ นั้น แต่ความเป็นจริงนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำพูดสุดประมาณได้ จงรีบฝันและทำความฝันให้เป็นจริงเถิด

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 12.

พุทธศาสนารายวัน  20 พ.ย.2565

ต้นเรื่องญาณทีโป นามะ

12 พฤศจิกายน เวลา 04:21 น.  

กิเลสมีอยู่ในใจทุกคนความโลภโกรธหลงมีทุกคนเป็นสากลไม่ว่าศาสนาใดชนชาติใดอดีตนานแค่ไหนจนถึงอนาคตข้างหน้าก็ยังคงมีกิเลสสามตัวนี้เป็นหลัก

ความคิดเห็น 25 รายการ

-----

@@@ Phayap Panyatharo

เราพูดกันไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอก คนเราทุกวันนี้ มีหลายเชื้อ ชาติพันธุ์ ที่ไม่รู้ความจริงอันนี้ เราจึงช่วยกันบอกคนไปทั้งโลก และให้คนทั้งโลกได้รู้เพิ่มเติมไปว่า กิเลสนี้แหละ ทำให้เราคนทั้งหลายเป็นทุกข์ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย หมุนเวียนไม่รู้จบ เป็นวัฏฏะสงสาร ในแดนโลกนี้ที่แสนเป็นทุกข์ตลอดเวลา

เมื่อโลกได้รู้แล้ว ก็จะได้ช่วยกันเอากิเลสออกจากใจตนเองเสียให้หมดสิ้น ให้รู้ว่ามหาภัยร้ายสุดนั้นอยู่ในใจของตนเองนั้นเอง ไม่อยู่ไหนเลย ผลจากการเอากิเลสออกจากใจไปหมดสิ้นนั้นแหละ ทำให้ใจเราใหม่ สะอาด สะอ้าน บริสุทธิ์ มีแต่เมตตา ความเป็นมิตร และ มีความตายเป็นมิตรเป็นเป็นเพื่อนรัก ไม่กลัวความตาย ไม่กลัว ความแก่ ความเจ็บ ไม่ตื่นกลัวโรคร้ายใดใด แม้โควิดวันนี้ ตายก่อนตาย

เมื่อได้รู้ความจริงนี้ และครั้นตายแล้วก็ไม่กลับไปยังโลกที่แสนทุกข์นี้อีกเลย ไปสู่โลกใหม่ ด้วยอำนาจใจที่พ้นกิเลสแล้ว ที่ทุกคนมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ไร้ตัวตน ไร้ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ และไร้จิตใจไร้วิญญาณ ไปสู่ความว่างอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ไม่มีอะไร ที่ฝรั่งว่า NOTHING นั่นเอง ที่พุทธศาสนชนรู้ดีกันว่านิพพาน หรือ ฝรั่งว่า นิรวานะ นั้น แต่ความเป็นจริงนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำพูดสุดประมาณได้ จงรีบฝันและทำความฝันให้จริงเถิด

-----

@อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความพูดว่า "भाऊ जय भिम"

@@@ Phayap Panyatharo

เรื่องทุกข์นี้ เราทราบกันจากพระพุทธเจ้าสอน ตั้งแต่พระสูตรแรก2-3 พระสูตร ทรงบอกว่าทุกข์เกิดจากชีวิตเรานี้มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยเปลี่ยนแปลงไปแบบยอดเจดีย์ สูงสุดแล้วก็ตกต่ำลงมาแล้วไปสู่ความเสื่อมสลาย ความสิ้นสุด ความหมดสภาพ เพราะความแก่ชรา และแล้วก็ไปสู่เจ็บป่วยและความตาย เป็นอย่างนี้ทุก ๆ ชีวิต  ท่านสอนไว้เรื่อง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ซึ่งการเป็นเช่นนี้ เราก็รู้อยู่ว่ามันเป็นเช่นนี้เรากลัวแต่เราก็หยุดมันไม่ได้แม้ว่าจะมีการบำรุงรักษากายไม่ให้เจ็บป่วย ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ในที่สุดมันก็ป่วยและที่สุดก็ป่วยเจ็บอีก และนอนรอความตายอย่างเดียว และที่สุดก็ต้องตายแบบที่เรารู้ๆ ว่ามันจะตาย

พระพุทธเจ้าท่านบอกสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อนว่า เมื่อเราตายไปแล้ว มันยังไม่จบ มันไปต่อ โดยที่ไปมีชีวิตใหม่ต่อไปอีก แล้วแต่กรรมทำเอาไว้ว่าจะไปเกิดใหม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องเกิดใหม่อาจจะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเทวดา ก็ได้ แต่แม้เกิดใหม่เป็นอะไรก็ตาม มันก็มาเป็นทุกข์เหมือนเดิม เช่นมาเกิดใหม่เป็นเศรษฐี มันก็อยู่ในกฎเดิม คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา คือมันไม่มีสุขแท้ มีแต่ทุกสุข ๆ ดิบ ๆ มีเวทนาทางกายและใจตลอด และที่สำคัญมันไม่ยั่งยืนมันเป็นอนิจจัง เราอยากให้อยู่ในความสุขสรรหรรษาที่เราได้เราพบเช่นวัยหนุ่มสาวมีความสุขเพราะความรัก อาหาร การท่องเที่ยว แต่มันไม่ยั่งยืน มันถูกเวลาพาไปสู่ความแก่ แล้วเจ็บ นอนรอความตาย แล้วก็ตายไปอีก เช่นนี้....

เมื่อตายลงไปอีก แล้วก็ไปเกิดใหม่อีก แล้วก็เป็นเหมือนเดิมนี้เอง คือไม่มีอะไไรนอกจากทุกข์ คือทุกข์นี้หมายถึงชีวิตนั้นเอง มันมีชีวิตที่เป็นเช่นนี้ที่ไม่รู้เรียกอะไร ก็เรียกว่า ทุกข์ คือทุกข์แบบสุก ๆ ดิบ ๆ เวลามีสุขก็ไม่นิรันดร เช่นนี้แหละที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วมาบอกคนทั้งหลาย ให้รู้ว่าชีวิตและสรรพสิ่งมันเป็นวัฏฏะสงสาร คือเป็นวงรอบของการเกิดแก่ เจ็บ ตาย เราจงนั่งเงียบ ๆ พินิจพิจารณาดูอย่างลึกซึ้งเถิด มันก็ไร้สาระที่ว่าเกิดมาทำไม ในเมื่อเกิดมาแล้ว ก็ไม่พ้นวัฏฏะสงสารรอบชีวิตที่น่าสมเพชเวทนา น่าเบื่อหน่าย นั้นเอง มันเป็นความจริงเช่นนี้

และเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เฉพาะคนเรา แต่ทุกสิ่ง แม้โลกทั้งโลก ก็อยู่ในวัฏฏะสงสารคือ เวลา-กาลเวลาพาเดินไปสู่ความตาย ความพินาสน์ เหมือนชีวิตหนึ่งนั่นเอง นี่แหละเมื่อรู้แล้วก็จะเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นในจิตใจของเราเห็นโลกและชีวิตเป็นสิ่งที่ไร้สาระ น่าขยะแขยง น่ารังเกียจ น่าสมเพชเวทนา เหมือนเห็นหมู่หนอนในฐานส้วมนั่นเอง จงตรัสรู้ให้มีนิพพิทาญาณเถิด ก็จะหน่ายและมีการละลายกิเลส ตัณหา อุปาทานในจิตใจไปเองโดยอัตโนมัติ จึงทำให้ ปัญวัคคีย์และชฎิลพันกว่ารูปสำเร็จอรหันต์ขึ้นมาได้พลันทันที

ทุกวันนี้คนเรายุคนี้ยิ่งฉลาดโปรดพิจารณาบ่อย ๆ จนเห็นความจริงเรื่องทุกข์ เรื่องที่จะเป็นไปเช่นนี้...ไม่เป็นแบบอื่นเลย...แบบขัดไม่ได้เลย แบบมีเวลาเป็นนายพาเราไปสู่ความดับ ความตาย ความสิ้นสลาย ในวัฏฏะสงสารแบบนี้กี่รอบกันแล้ว อย่าว่าแต่ร้อยปี พันปี ร้อยรอบ พันรอบเลย โกฺฏปีโกฏิรอบไปตามๆ กันยังน้อยไป นั่นแหละมองให้เห็นเถิด แล้วจะเกิดความเบื่อหน่าย มีนิพพิทาญาณขึ้นเมื่อไร มันก็ล้างกิเลสในใจหมด ก็สำเร็จอรหันต์เมื่อนั้น...บอกไปเถิดให้รู้ความจริงนี้กันทุก ๆคนทั้งโลก บรรลุอรหันต์กันทั้งโลก

-----

@ผู้เขียน

ญาณทีโป นามะ

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป และ ข้อความ

ตอบกลับ1 สัปดาห์

ผู้เขียน

@ญาณทีโป นามะ

อาจเป็นรูปภาพของ กุหลาบธรรมชาติต้นไม้ และ ข้อความพูดว่า "Shot on realme 8 2022/11/121 2022/1 17:48"

@กัลยา เจริญศรีรุ่งเรือง

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความพูดว่า "เชื่อหลวงพี่นะ เชื่อน หลวง พี่นะ"

@กาลเวลาไม่เคยหยุด ใจคนเท่านั้นที่จะหยุดได้

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป และ ข้อความพูดว่า "สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ"

@กาลเวลาไม่เคยหยุด ใจคนเท่านั้นที่จะหยุดได้

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้ และ ข้อความพูดว่า "สาธุ สาธุ สาธุ"

@Phannee Munaek

สาธุคะ

@ผกาวรรณ เรืองประเสริฐ

@นายสิงหา ยอดอินทร์

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้ และ ข้อความ

@Paj Intarakamhang

อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ

@ธนโชติ สุจิณธัมโม

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้ และ ข้อความพูดว่า "สาธุ สาธุ สาธุ"

@พันภิวรรณ ขอสาป

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คนดอกไม้ และ ข้อความพูดว่า "สุขสันต์ วันเสาร์ มั่ง มั่ง.มี.ศรี.สุข สุข ศรี"

@วรางคณา นะจา

สาธุจ้า

@หมอกฟ้า สดใส

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความพูดว่า "สาธุ สาธุ สาธุค่ะ.."

@ฉลอง กลั่นเชื้อ

ไอริสสีม่วง พรพิศ

สาธุเจ้าค่ะ

ตอบกลับ1 สัปดาห์

@พระคูณ บุตนนท์

ผู้เขียน

@ญาณทีโป นามะ

พระคูณ บุตนนท์ ยอมคับ

@สมพวง พุกบัวขาว

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

@สาริกา นามวิจิตร

สาธุค่ะ

@สว่าง มณีศรี

สาธุๆๆครับ

@พิชิต ต้นกันยา

โลภโกรธหลงไม่ใช่ของดีทำลายได้ก็จะเป็นการดีถ้าสิงสถิตอยู่กับใครทุกข์เกิดแน่นอนถ้ารู้ไม่ทันมันจะล้างสมองเราทำให้เสียคน🙏🙏🙏

@ดวงใจ กองสข

คิดหลายมายากิเลสมีตั้งแต่อุแว่อย่จ้า เมื่อได้รู้แล้วให้อยู่เหนือกิเลส อย่าให้มันครอบงำใจจิตมัวหมอง🙏🙏🙏พระคุณเจ้า

ผู้เขียน

@ญาณทีโป นามะ

ดวงใจ กองสข ยอม

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 13.

พุทธศาสนารายวัน  21 พ.ย.2565

ต้นเรื่อง: ອາມິດ ຕາພຸດ

ชีวิตของสัตว์โลกทั้งหลายมี 2 ประเภทในเมื่อตายแล้วคือ : 1;ประเภทที่หนึ่งเมื่อตายแล้วแต่ยังมีความไม่รู้เป็นสิ่งที่กั้นไว้และยังมี ตัณหา หรือความโกรธ ความโลภ ความหลง เป็นสิ่งที่ผูกมัดไว้ยู่ ,  2;ประเภทที่ตายแล้วแต่รู้แจ้งแห่งธรรมและสิ้นสุดจากตัณได้แล้ว

ความคิดเห็น 5 รายการ

@@@ Phayap Panyatharo

ก็รู้ ๆ กัน ประเภทที่1นั้นตายไปแล้วก็เป็นไปตามผลกรรมที่สร้างเอาไว้ก่อนตาย ไปเกิดใหม่ตามผลกรรม ที่กรรมดีมากๆ ก็ได้เกิดดีเป็นคนในวงศ์ตระกูลดีร่ำรวย บุตรหลานผู้มีอำนาจ เป็นใหญ่ในแผ่นดินหรือแม้ไปเกิดเป็นเทวดาฯลฯ ที่กรรมชั่วไว้ก็ไปนรกไปถึงโลกันต์นรก หากถึงทำร้ายเข่นฆ่าผู้มีพระคุณ เรื่องนี้ชาวพุทธรู้กันดี แต่คนที่ไม่รู้ ไม่เชื่อก็เยอะ นั่นน่าเสียดายชีวิต นั้นแหละเรื่องของโลกปุถุชน คนทั้งหลาย

ประการที่ 2 ที่จัดมานี้ ยังไม่ชัดเจนนัก คงยังไม่เข้าใจนักนั่นเอง เอาว่า หากสิ้นกิเลสไปหมดก็ลุอรหันต์ไปเลยไม่มีอะไรห่วงแล้ว มีแต่จะช่วยอธิบายสอนทางอันถูกต้องแด่คนทั้งหลายไปให้ง่ายยิ่งขึ้น หากแต่เพิ่งเข้าแดนต้น ๆของอริยมรรค คือ โสดาบันบุคคล ก็ต้องรู้ว่ายังมีหลายระดับอริยบุคคล นับแต่โสดาบัน โสดาบันหากตายไป นั้นไปเกิดใหม่ที่ไหนก็ตามเป็นอะไรก็ตามจะทรงสถานะอริยบุคคลต่อไปจนเกิดใหม่สืบสานต่อไปในเส้นทางอริยมรรคอริยผลไปตามลำดับๆ จนถึงอรหันต์

ที่ควรเข้าใจก็คือ ตรงนี้เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาเป็นคนเป็นมนุษย์ และได้พบพระพุทธศาสนาอย่าได้เมินเฉยไปเลยจงพยายามสร้างตนให้เป็นคนดีเดินในทางมรรคผลนิพพานให้ได้ โดยที่ดีที่ล้ำเลิศสุดก็คือเป็นโสดาบันให้ได้ก่อน และจะรู้ประโยชน์รู้อานิสงส์อันล้ำเลิศประเสริฐ รู้ว่าชีวิตทั้งชีวิตนั้นดีอย่างไร ส่งผลดีเลิศอย่างไรและหากสำเร็จโสดาบัน จะสิ้นปัญหาไปทั้งหมดมีปัญหาอะไรในโลกพระโสดาบันจะเอาชนะได้หมด และเดินหน้าในเส้นทางอริยบุคคลแบบไม่ถอยคืน พอสำเร็จโสดาบันแล้วไม่วอกแวก ไม่เฉไปไหนอีกเลย ไม่ห่วงอาลัยอะไรในโลกอีกเลย ตรงไปสู่มรรคผลนิพพานสถานเดียว แม้ชาตินี้ยังไม่สำเร็จอรหันต์ ตายลงเสียก่อน ก็จะพยายามต่อไปในชาติหน้า ตายไปอีก ก็ไม่ละทิ้งเลย กี่ชาติก็ตาม เป็นคนดีประเสริฐล้ำเลิศ ไม่ตกต่ำไปสู่ปุถุชนอีกเลย มีทางไปสู่อรหันต์สถานเดียว....

ฉะนั้นเมื่อมาเป็นคน เกิดเป็นคนในชาตินี้แล้วได้พบพระพุทธศาสนาได้พบทางอริยมรรคนั้นแล้ว นั้นแหละ โชคลาภอันประเสริฐจริง ๆ ที่ไม่มีวันตกต่ำอีกแล้วมีแต่เดินทางไปสูงส่งไปเรื่อย เข้าแดนสกทาคามีอนาคามี และอรหันต์ ขอ อย่างเดียวให้บรรลุโสดาบันให้ได้ก่อนโสดาบันคือการข้ามฝั่งโลกโลกีย์ ไปสู่ฝั่งอริยชนแล้ว มีแต่เดินหน้าไม่กลับสู่โลกียะอีกนั่นปุถุชนทั่วไป หากบวชเป็นสงฆ์สาวกแล้ว จะเมินเฉยไปได้อย่างไรต่อสิ่งที่ดีล้ำเลิศนี้

ถือว่ามีหน้าที่โดยตรง หน้าที่ที่จะต้องบำเพ็ญตนประพฤติตนให้บรรลุโสดาบัน -อรหันต์ให้ได้ ....อย่าไปเอาอย่างอื่น โดยเฉพาะเรื่องโลกธรรม8 นั้นคือตัณหาดี ๆ นี่เอง จะรู้เอง หากถึงโสดาบันแล้ว นั้นแหละผ่านโลกียะโลก สู่โลกใหม่แล้ว

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนทื่ 14.

พุทธศาสนารายวัน  28 พ.ย.2565

ต้องเดินกันไปพร้อมกันทั้งระบบ เพื่อโลกและสากลจักรวาล

ต้นเรื่องภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ จะพูดจะคุยเรื่องธรรมและวินัยต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะบุคคลทุกวันนี้ใด้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิภายนอก จนทำไห้รู้สึกว่าตัวเองเป็นแกะดำในดงนักบวช

ยากมากที่จะใด้ยินนักบวชคุยกันเรื่องการประพฤติปฏิบัติ 99เปอร์เซ็น มีแต่เรื่องความขลังความศักสิทธิ์ ลงอักขระเลขยันต์ เดรัจฉานวิชชาสารพัด มนคาถาอย่างโน้นอย่างนี้ ยกครูครอบครู เท่าที่สังเกตุดูพุทธศาสนาจะหมดไปอีกไม่เกินรอ้ยปีแน่นอน เหลือแต่เจ้าลัทธิในคราบนักบวช ขนาดปัจจุบันนี้ยังมีคนมืดบอดนับตั้งแต่นักบวชจนถึงฆราวาสเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เจ้าลัทธิในคราบนักบวชเติบโตขึ้นจนปีกกล้าขาแข็ง นักปฏิบัติเดินหลงทางกันเป็นแถบๆ ทำสมาธิเพื่อปลุกเสกอธิษฐานจิตไส่เครื่องรางของขลัง เป็นมิจฉาสมาธิขวางกั้นมรรคผลนิพพานกันเป็นแถว แต่ก็พากันเรียกชื่อแบบโก้หรูว่า เกจิ ที่แปลว่านักบวชชั้นต่ำ

คำนี้มาหาเปรียญ ป.ธ.แปด ป.ธ.เก้าเขาแปลความหมายให้ฟังที่เขาเรียกเกจิๆเป็นแค่การเรียกให้เกียดเฉยๆเพราะเขาไม่อยากแปลให้ฟัง เพราะเกรงใจผ้าเหลือง จึงใช้คำว่าเกจิแทน พระพุทธเจ้าห้ามกราบใหว้เจ้าลัทธเหล่านี้อย่างเด็ดขาด เพราะทำตัวเป็นศัตรูกับพระองค์

ภิกษุทั้งหลายเธออย่ารอ้งเรียกความเป็นศัตรูกับตถาคตเลย การกระทำไดๆที่ขัดแย้งต่อพระสัทธรรม พระองค์บอกว่าภิกษุเหล่านั้นกำลังรอ้งเรียกความเป็นศัตรูกับพระองค์

ลองคิดเล่นเล่นดูก็ได้ว่า ระหว่างเจ้าลัทธิในคราบนักบวชในพระพุทธศาสนา ที่มีมากถึง80เปอเซ็น กับเทวทัตใครมันจะเลวร้ายกว่ากัน ที่พากันด่าว่าเทวทัตไม่ดีๆนั้น ยังไม่ใด้ครึ่งของเจ้าลัทธิในคราบนักบวชแบบในปัจจุบันนี้เลย

เพราะมันใด้พาทั้งพระทั้งฆราวาสจมลงสู่มิจฉาทิฏฐิ ขวางกั้นมรรคผลเป็นที่เรียบร้อย อนันตริยกรรมปิดกั้นมรรคผล เดรัจฉานวิชชาก็ขวางกั้นมรรคผลเช่นเดียวกัน พุทธะตรัสแล้วตอ้งเป็นหนึ่งไม่มีสอง นอกจากคนจะดื้อด้านหาเรื่องมาขัดแย้ง หรือรอ้งเรียกความเป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้าเสียเอง จึงไม่สนใจหรือสึกรู้สาว่ามันเป็นภัยทั้งตนเองและคนอื่น

เพราะภัยจากคำว่าปิดกั้นและขวางกั้นมันน่ากลัวกว่าความตายเสียดว้ยซ้ำ

1 ความคิดเห็น

@@@  Phayap Panyatharo

เราไม่เข้าใจเรื่องตัณหา3: กามภะวะวิภะวะ ตัณหา หากเราเข้าใจก็จะพานำไปสู่ทางปฏิบัติที่ดีขึ้นกว่านี้จนถึงดีที่สุด ประเสริฐที่สุด....และในเมื่อไม่เข้าใจนั้นก็หมายถึงไม่เข้าใจศัตรูผู้ที่จะทำลายตัวเรา ทำลายสงฆ์ สมณะ นักบวชในพระพุทธศาสนานั้นเอง จึงปรากฎว่า อยู่กันไป ทำอะไรกันไป แบบไม่มีทิศทางสู่ประโยชน์แก่ตน แก่พระพุทธศาสนาตามที่องค์พระบรมศาสดาทรงหวังตั้งเอาไว้

รูปธรรมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ จึงมีแต่การแสวงหาลาภผล โลกธรรม8:ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข นั้นเอง ไม่ร้หน้าที่ของตนเองเลยทุกระดับ องค์การสงฆ์นักบวชวันนี้

 ศาสนาพุทธทั้งระบบเดิม ระบบไทย อยู่ได้พระสถาบันกษัตริย์ มาแต่ดั้งเดิมมาแล้ว มาสู่ยุคอโศกมหาราช และกษัตริย์ยุคต่อ ๆ มาถึงทุกวันนี้ โดยที่สถาบันสงฆ์เอง ไม่ได้ช่วยตัวเองเท่าที่ควร  เหมือนคนขี้เกียจเราดี ๆ นี่เอง  จึงน่ามามองสัจธรรมแห่งความเสื่อม แบบที่ท่านได้ว่ามานี้อย่างจริงจังและไม่น่าตำหนิที่มีผู้เสนอความจริงมาให้รำลึกรู้เตือนสติกันเอง และมาเริ่มกันใหม่เถอะ โดยจะต้องเดินทางกันไปตามรอยพระพุทธเจ้า ไปด้วยกัน ไปพร้อมกันทั้งหมดทั้งระบบสงฆ์เราทั้งหมู่เลยทีเดียว นั่นแหละนอกจากทางฟื้นตัวสู่อริยมรรคอริยผลแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ยุคนี้ทั้งโลก และสืบสร้างต่ออายุพระพุทธศาสนาไปถึง 5000 ปี

และเราจะต้องเข้าใจสถานการณ์ศาสนาสากลว่าเสื่อมทรามลงไปทุกศาสนาความเชื่ออันเนื่องมาจากความเป็นยุคใหม่ คนใหม่ และไม่มีทางฟื้นสำหรับศาสนาอื่น ๆ แต่พุทธศาสนาเท่านั้นเพราะเป็นศาสนาวิทยาศาสตร์...คือเป็นศาสนาที่สอนความจริงที่บอกเหตุและผลไว้อย่างชัดเจนพิศูจน์ได้ (ไม่โกหกอย่างศาสนาเทวนิยมทั้งหลาย)ที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ รับรองไว้แล้วให้เป็นศาสนาประจำจักรวาล ... แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ต้องไปกันทั้งหมู่ ไปพร้อมกัน ไปทางเดียวกันทั้งหมู่ ไปตามรอยพระพุทธเจ้า ไปด้วยกันทั้งหมดทั้งหมู่ที่มีอยู่ทุกวันนี้ นั่นแหละโลกทั้งโลกจะได้ประโยชน์ที่พ้นทุกข์อย่างแท้จริง

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

@ Phayap Panyatharo 
สาธุ  สาธุ  ถูกต้องเลยทีเดียว

@@@ Phayap Panyatharo 

เราจำเป็นต้องไปกันทั้งหมู่ทั้งระบบ หมายถึง ตั้งแต่ระบบการปกครองคณะสงฆ์ ทุกระดับ ที่เป็นอยู่ขณะนี้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ไม่คิดตรงนี้ คิดแต่เรื่องว่า หน้าที่คืออะไรเท่านั้นเอง  เริ่มมาจากมหาเถรสมาคม ลงมา เริ่มตั้งแต่สมณศักดิ์สูงสุดลงมาถึงพระธรรมดาไม่มียศ สมณศักดิ์ ไม่มีตำแหน่ง เป็นเพียงลูกวัด (แต่สำคัญกว่า) และตำแหน่งสูงสุดลงมา

ตำแหน่งทั้งหมด รวมทั้งพระธรรมดาที่ไม่มีตำแหน่ง นั้นคือการมารำลึกถึงหน้าที่ของตนๆ แท้จริง เรานักบวชทั้งสิ้นนั้น มีหน้าที่อันเดียวกันทุกรูปทุกองค์ทำหน้าที่ของตนเท่านั้นเองเข้าใจร่วมกันถึงหน้าที่ของตนเท่านั้นเอง ง่าย ๆ เอง ต้องมาทำความเข้าใจร่วมกันถึงคำว่า หน้าที่ ศาสนาพุทธทั้งหมดก็จะกระเตื้องขึ้นมาอย่างน่าพิสวง

ในเรื่องนี้ ผู้รู้ทั้งหลาย ก็มาช่วยออกความเห็นสติปัญญากันไป ค่อย ๆ เดินไปพร้อมกัน แบบตามรอยพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ผิดเพี้ยน...ขอเพียงทำความเข้าใจเรื่องหน้าที่ให้ถูกต้องเท่านั้นเอง เป็นเรื่องของปัญญาโดยแท้จริง เมื่อใดเข้าใจเรื่องหน้าที่ได้ถูกต้องตรงกันเท่านั้นเอง คือความสำเร็จคือการเคลื่อนไปของพระพุทธศาสนายุคนี้

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 15.

พุทธศาสนารายวัน 1 ธ.ค.2565  อาณาปานะสติ เป็นเรื่องสมาธิ

ต้นเรื่องญาณทีโป นามะ

ทำไมดูลมอาปาณะสติถึงลำบากอึดอัดมีอาการต่างต่างเพราะจิตมันดิ้นจิตคนเราไม่เคยสงบไม่เคยหยุดนิ่งอยู่ดีดีจะมาบังคับให้มันสงบหยุดมันดื้อ

ความคิดเห็น 39 รายการ

หมอกฟ้า สดใส 
กาลเวลาไม่เคยหยุด ใจคนเท่านั้นที่จะหยุดได้

@@@ Phayap Panyatharo

อาณาปานสติ เป็นเรื่องสมาธิ หากสมาธิยังไม่เข้าระดับ ไม่เข้าขั้นก็จะปฏิบัติไปได้ยาก แบบว่า เป็นนักเรียน ป.4 แต่ไปเรียนหลักสูตรปริญญาโท อย่างนี้ มันก็ยาก อาณาปาณสตินี้ ยังอธิบายไปในเชิงปริยัติ กันทั้งนั้นเลย ทางปฏิบัติ ไม่มีใครรู้เลย จึงเท่ากับเวลาเอาไปปฏิบัติแบบครูสอนเองก็ทำไม่เป็น ทำไม่ได้แต่บอกไปตามตัวหนังสือล้วนๆ จึงทำไปแบบถูก ๆ ผิด ๆๆ เสียเวลาปฏิบัติไปเปล่า ๆ ใครเจอแบบนี้ น่าจะหยุด ไปปฏิบัติแบบ ปัญญา นำ คือไปใช้ความคิด นั่นแหละง่ายเพราะคนทุกคนทุกเพศทุกวัย มีความคิดกันทุกคนมาตั้งแต่เกิด ใช้ความคิดที่มีอยู่แล้วนี่แหละคิด พิจารณา มีเวลาก็คิดๆ ๆ ๆ ๆ พิจารณา ใช้มรรค 8 เป็นหลัก จะบรรลุเร็วกว่า คือตั้งแต่โสดาบัน ถึงอรหันต์ นั้นได้จากการปฏิบัติไปตามแต่ละข้อที่เกี่ยวข้องของมรรค8  เริ่มจาก สัมมาวายามะ ขยัน อย่าขี้เกียจ จัดระบบความคิดของเราแบบขยัน ๆ 

ไปสัมมากัมมันตะ งานที่ทำ ๆ ๆ ทุกวันเวลา ต้องถูกกฎหมาย ดี ไม่ร้าย ให้กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ดีตรงกัน ไม่โกหกตนเองซื่อสัตย์ต่อตนเองตลอดไปจนกว่าจะสำเร็จ    สัมมาอาชีวะ คือทำไปปฏิบัติไปขณะที่ทำงานการอาชีพเรานั้นเอง ตรงนี้ก็คือทุกคนมีอาชีพ  ปฏิบัติธรรมไปในขณะทำอาชีพนั้นเอง  เอาบ้านเป็นวัด  โรงงานเป็นวัด  เอาสนามรบเป็นวัด   มุ่งร่ำรวยไปพร้อมกับคิดเรื่องอริยสัจ4 ไปด้วยอย่าขาด ก็ได้ทั้งความร่ำรวยทั้งสำเร็จธรรมไปพร้อมกัน ไม่ว่าขณะทำงานอยู่ในโรงงาน เต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องกลต่าง ๆ อยู่บนเครื่องบิน กำลังเดินทางไปต่างประเทศ อยู่ในรถโดยสาร รถไฟ ทำงานเราอยู่อะไรก็ตาม ขายของ ทำการตลาดแบกๆหาม ๆ ตรวจตราดูแลกรรมกรลูกน้อง นับเงินในบริษัทมากมาย ในธนาคาร ก็นับไป ทำงานเกษตร ในสวน ในนาเรา ในสำนักงานเรา ขณะสอนลูกศิษย์ ขณะทำงานอยู่ นั้นเอง คิดให้เห็นความจริง 3 อย่างคือทุกขัง อนิจจัง  อนัตตา  เรื่อง อะไร ๆ ที่พบประสบ ล้วนเป็นอนิจจัง อนัตตา ไปหมด ทั้งนั้น คิดได้ก็บรรลุเลย...

.แบบว่าคิดออก เห็นว่ามันเป็นจริงเช่นนั้น และอย่าลืมคิดตัวเรานี่แหละให้เห็นจริงตามนั้นด้วยก็บรรลุ แบบว่าตรัสรู้ คือหายสงสัยไปเลย ด้วยตนเองเห็นเอง รู้แจ้งเอง รวมแล้วเข้าใจเรื่อง ทุกข์ รู้แจ้งเรื่องสรรพะธัมมาทุกขา: สรรพสิ่งล้วนเป็นทุกข์คือมองให้เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเคลื่อนไปสู่ความเสื่อมสลาย ไม่มีสิ่งใดถาวร เลยมีแต่เสื่อม จนที่สุดของทุกสิ่ง สลายพินาสน์ไป ตายไป นี่แหละมันเป็นจริงอย่างนี้เลย เพียงแต่เราหรือใครก็ตามชาติพันธ์ไหนก็ตาม ศาสนาไหนก็ตาม ไม่ค่อยมองดูให้เห็นชัด ๆ

มองดูพิจารณาดูอย่างนี้ให้เห็นว่ามันเป็นจริงอย่างนี้ เช่นรถออกจากอู่มาใหม่ ๆ มันก็สวย ต่อไปมันก็ขี้เหร่ลงไปเรื่อย ไปจนถึงผุพังลงไป คนก็ไปตายกันทุกคนไม่เว้นแม้พระมหากษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ แต่ก็แพ้แก่อนัตตา สั่งมันไม่ได้  สู่ความตาย ความพินาสทั้งสิ้น นั้นแหละทุกข์ และมองเห็นว่ามันเป็นเช่นนี้จริง ๆ ก็สำเร็จ .....

และใครๆ ที่มีความคิดคิดคิดคิด ก็สำเร็จได้ ไม่ต้องไปยากในเรื่อง ทำอาณาปานะสติ หรือทำสมาธิเลย มีตัวอย่างผู้สำเร็จมาแบบนี้หลายคนแล้ว วันนี้นี่แหละ ดูภาพที่ประกอบนี้ บอกถึงเรื่องสมาธิ...มันยาก แม้ทางปริยัติ ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย จะไปปฏิบัติอะไร ก็ดูภาพนี้มันบอกอะไร ?(ภาพเทวดามีวงประกายแสงรอบตัว)

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 16

***** พุทธศาสนารายวัน  7 ธ.ค.2565 สมถะ วิปัสนากัมฐาน

ต้นเรื่องภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

ไม่เคยรู้จักกัมฐานเลย

มันเป็นไง รู้จักแต่สมถะและวิปัสนา ใครรู้จักกัมฐานบ้าง555

ความคิดเห็น 8 รายการ

สายลม พัดผ่าน

มึนเหมือนกัน ว่าแต่..วิปัสนาน่ะ เป็นยังไงล่ะ ?

ภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

สายลม พัดผ่าน เห็นเกิดดับของจิต มโน วิญญาณ

สายลม พัดผ่าน

ภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

สาธุ..

ก็ แล้ว กัมมัฏฐานล่ะ รู้จักรึยังเล่า

ภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

สายลม พัดผ่าน พุทธะไม่เคยพูดถึงกันฐาน กัมฐานมีพระสูตรเดียวที่ทรงตรัสกับชาวนา ฐานที่ตั้งแห่งการงาน เป็นเรื่องงานทางโลกไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมเลย แต่สมัยนี้มันมั่วเอาคำว่ากัมฐานที่พูดกับชาวนา มาเสียบเข้ากับการปฏิบัติ สมถะวิปัสสนา ถ้าจะไห้เข้าใจละเอียดตอ้งใช้เวลาอธิบายพอสมควร

สายลม พัดผ่าน

ภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

นี่แหละ ที่เรียกว่า พระไตรปิฎกผิดเพี้ยนค่ะ

@@@ Phayap Panyatharo

กัมฐาน สมถะ วิปัสนา ..... ก็ทำอยู่เป็นประจำวันแล้วสำหรับพระสงฆ์ในเมืองไทย เพียงแต่เรียกชื่อไม่ตรงกัน..ก็ทำต่อไปที่ทำอยู่ทั้งวันตั้งแต่ออกบิณฑบาตร ทำวัตรสวดมนต์ เช้า เย็น กวาดลานวัด ฯลฯ  ดูกิจวัตร 10 อย่าง นั่นแหละ เป็นกรรมฐานที่ถูกต้องแล้ว

(1.) ลงอุโบสถ ทำสังฆกรรมที่เกี่ยวข้อง

(2.) บิณฑบาตเลี้ยงชีพ

(3.) สวดมนต์ไหว้พระเช้า เย็น

(4.) กวาดวิหารลานพระเจดีย์

(5.) ดูแลรักษาผ้าครอง

(6.) อยู่ปริวาสกรรมคือเป็นอาบัติต้องปลงอาบัติ ตามวิธีแต่ละอาบัติ

(7.) โกนผม ปลงหนวด ตัดเล็บ...มีวันโกนวันพระก็ต้องทำไปตามนั้น

(8.) ศึกษาสิกขาบทและปฏิบัติพระอาจารย์

(9.) เทศนาบัติ(แสดงอาบัติ)

(10.) พิจารณาปัจเวกขณะเกิดแก่ เจ็บ ตาย ประจำ

ทั้งสิ้นที่สงฆ์สาวกยุคนี้ทำพร้อมกันหมดทุกคน เป็นกรรมฐาน สำหรับสงฆ์ทุกรูป นับแต่พระในมหาเถรสมาคม ลงมาถึงพระสงฆ์ทั้งหลายในชนบท ในป่าในดอน ไม่ว่าเป็นเจ้าคณะระดับไหน ทำไปประจำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 10-20.-30 ปี ก็จะบรรลุได้(โดยไม่ต้องไปคิดเรื่องสมถะ วิปัสนากัมฐานที่ถามมานั้น) .....

แต่ที่เป็นกัมฐานที่สูงสุด ก็ที่พระพุทธเจ้าสอนครั้งแรกนั้นเอง เรื่อง มรรค 8 หรือ มัชฌิมาปฏิปทา....มรรคทั้ง 8 ข้อ เริ่มแต่

(1.) สัมมาทิฏฐิ: ความเห็นชอบ

(2.) สัมมาสังกัปโป :ความดำริชอบ

(3.) สัมมาวาจา :วาจาชอบ

(4.) สัมมากัมมันโต: กรรม-การงานชอบ

(5.) สัมมาวายาโม: ความเพียร ขยันขันแข็งชอบ

(6.) สัมมาอาชีโว :อาชีพชอบ

(7.) สัมมาสติ : สติชอบ

(8.) สัมมาสมาธิ: สมาธิชอบ

จากนี้ก็ไปทำกัมฐานที่ละเอียดขึ้น ในอนัตลักขณะสูตร ให้มีความดำริชอบ ความพยายามชอบอย่างไม่ขาด มีความพยายามคิด ๆ ๆ ตรึกตรอง ไม่ขาดเลย เรื่อง อนิจจัง อนัตตา ว่ามันเป็นทุกข์อย่างไร ...ตั้งใจทำไปตั้งแต่นี้สัก 10 ปี ไม่ขาดเลยก็พอรู้ความจริงขึ้น รู้แจ้งธรรมทุกข์นี้ ก็สำเร็จอรหันต์ได้ ทำเลย... หมายเหตุ กัมฐานหมายถึง การกระทำ คือ สัมมากัมมันตะ นั่นเอง หมายถึงซื่อสัตย์ต่อตัวเองกาย วาจา ใจ ตรงกัน

อย่าเพียงไปพูด แต่ต้องทำ ทำมรรค8 ให้สำเร็จก็บรรลุ รีบทำ ๆ เข้าจะได้สำเร็จ ไม่ต้องไปถามเรื่องที่ถามมาเลยก็ได้ เรื่องสมถะ วิปัสนาคืออะไรไม่ต้อง ไม่ต้องค้นคว้าพระไตรปิฏก ไม่ต้องถามใคร เพระคนที่สอนก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เอากิจวัตร 10 ทุกวันให้ได้ และเอา มรรค 8 เอามรรค8 ไปทำเลย เริ่มข้อที่ (1.) สัมมาทิฏฐิ ก็เรื่องต่างศาสนาอย่าไปเชื่อเรื่องพระเจ้า ต้องเชื่อเรื่องเราเองทำเองเราได้เองบรรลุด้วยตนเองไม่มีพระเจ้าช่วยให้บรรลุธรรมได้ เช่นอิสลามนี้ ได้อยู่แล้ว.....

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 17.

พุทธศาสนารายวัน  28 พ.ย.2565

ต้องเดินกันไปพร้อมกันทั้งระบบ เพื่อโลกและสากลจัรวาล

ต้นเรื่องภิกขุปะทะ นางฟ้าเลือดเย็น

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ จะพูดจะคุยเรื่องธรรมและวินัยตอ้งระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะบุคคลทุกวันนี้ใด้เข้าไปเป็นสว่นหนึ่งของลัทธิภายนอก จนทำไห้รู้สึกว่าตัวเองเป็นแกะดำในดงนักบวช

ยากมากที่จะใด้ยินนักบวชคุยกันเรื่องการประพฤติปฏิบัติ 99เปอร์เซ็น มีแต่เรื่องความขลังความศักสิทธิ์ ลงอักขระเลขยันต์ เดรัจฉานวิชชาสารพัด มนคาถาอย่างโน้นอย่างนี้ ยกครูครอบครู เท่าที่สังเกตุดูพุทธศาสนาจะหมดไปอีกไม่เกินรอ้ยปีแน่นอน เหลือแต่เจ้าลัทธิในคราบนักบวช ขนาดปัจจุบันนี้ยังมีคนมืดบอดนับตั้งแต่นักบวชจนถึงฆราวาสเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เจ้าลัทธิในคราบนักบวชเติบโตขึ้นจนปีกกล้าขาแข็ง นักปฏิบัติเดินหลงทางกันเป็นแถบๆ ทำสมาธิเพื่อปลุกเสกอธิษฐานจิตไส่เครื่องรางของขลัง เป็นมิจฉาสมาธิขวางกั้นมรรคผลนิพพานกันเป็นแถว แต่ก็พากันเรียกชื่อแบบโก้หรูว่า เกจิ ที่แปลว่านักบวชชั้นต่ำ

คำนี้มาหาปเรียญ ป.ธ.แปด ป.ธ.เก้าเขาแปลความหมายให้ฟังที่เขาเรียกเกจิๆเป็นแค่การเรียกให้เกียดเฉยๆเพราะเขาไม่อยากแปลให้ฟัง เพราะเกรงใจผ้าเหลือง จึงใช้คำว่าเกจิแทน พระพุทธเจ้าห้ามกราบใหว้เจ้าลัทธเหล่านี้อย่างเด็ดขาด เพราะทำตัวเป็นศัตรูกับพระองค์

ภิกษุทั้งหลายเธออย่ารอ้งเรียกความเป็นศัตรูกับตถาคตเลย การกระทำไดๆที่ขัดแย้งต่อพระสัทธรรม พระองค์บอกว่าภิกษุเหล่านั้นกำลังรอ้งเรียกความเป็นศัตรูกับพระองค์

ลองคิดเล่นเล่นดูก็ได้ว่า ระหว่างเจ้าลัทธิในคราบนักบวชในพระพุทธศาสนา ที่มีมากถึง80เปอเซ็น กับเทวทัตใครมันจะเลวร้ายกว่ากัน ที่พากันด่าว่าเทวทัตไม่ดีๆนั้น ยังไม่ใด้ครึ่งของเจ้าลัทธิในคราบนักบวชแบบในปัจจุบันนี้เลย

เพราะมันใด้พาทั้งพระทั้งฆราวาสจมลงสู่มิจฉาทิฏฐิ ขวางกั้นมรรคผลเป็นที่เรียบร้อย อนันตริยกรรมปิดกั้นมรรคผล เดรัจฉานวิชชาก็ขวางกั้นมรรคผลเช่นเดียวกัน พุทธะตรัสแล้วตอ้งเป็นหนึ่งไม่มีสอง นอกจากคนจะดื้อด้านหาเรื่องมาขัดแย้ง หรือรอ้งเรียกความเป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้าเสียเอง จึงไม่สนใจหรือสึกรู้สาว่ามันเป็นภัยทั้งตนเองและคนอื่น

เพราะภัยจากคำว่าปิดกั้นและขวางกั้นมันน่ากลัวกว่าความตายเสียดว้ยซ้ำ

1 ความคิดเห็น

@@@ Phayap Panyatharo

เราไม่เข้าใจเรื่องตัณหา3: กามภะวะวิภะวะ ตัณหา หากเราเข้าใจก็จะพานำไปสู่ทางปฏิบัติที่ดีขึ้นกว่านี้จนถึงดีที่สุด ประเสริฐที่สุด....และในเมื่อไม่เข้าใจนั้นก็หมายถึงไม่เข้าใจศัตรูผู้ที่จะทำลายตัวเรา ทำลายสงฆ์ สมณะ นักบวชในพระพุทธศาสนานั้นเอง จึงปรากฎว่า อยู่กันไป ทำอะไรกันไป แบบไม่มีทิศทางสู่ประโยชน์แก่ตน แก่พระพุทธศาสนาตามที่องค์พระบรมศาสดาทรงหวังตั้งเอาไว้

รูปธรรมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ จึงมีแต่การแสวงหาลาภผล โลกธรรม8:ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข นั้นเอง ไม่ร้หน้าที่ของตนเองเลยทุกระดับ องค์การสงฆ์นักบวชวันนี้

 ศาสนาพุทธทั้งระบบเดิม ระบบไทย อยู่ได้พระสถาบันกษัตริย์ มาแต่ดั้งเดิมมาแล้ว มาสู่ยุคอโศกมหาราช และกษัตริย์ยุคต่อ ๆ มาถึงทุกวันนี้ โดยที่สถาบันสงฆ์เอง ไม่ได้ช่วยตัวเองเท่าที่ควร  เหมือนคนขี้เกียจเราดี ๆ นี่เอง  จึงน่ามามองสัจธรรมแห่งความเสื่อม แบบที่ท่านได้ว่ามานี้อย่างจริงจังและไม่น่าตำหนิที่มีผู้เสนอความจริงมาให้รำลึกรู้เตือนสติกันเอง และมาเริ่มกันใหม่เถอะ โดยจะต้องเดินทางกันไปตามรอยพระพุทธเจ้า ไปด้วยกัน ไปพร้อมกันทั้งหมดทั้งระบบสงฆ์เราทั้งหมู่เลยทีเดียว นั่นแหละนอกจากทางฟื้นตัวสู่อริยมรรคอริยผลแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ยุคนี้ทั้งโลก และสืบสร้างต่ออายุพระพุทธศาสนาไปถึง 5000 ปี

และเราจะต้องเข้าใจสถานการณ์ศาสนาสากลว่าเสื่อมทรามลงไปทุกศาสนาความเชื่ออันเนื่องมาจากความเป็นยุคใหม่ คนใหม่ และไม่มีทางฟื้นสำหรับศาสนาอื่น ๆ แต่พุทธศาสนาเท่านั้นเพราะเป็นศาสนาวิทยาศาสตร์...คือเป็นศาสนาที่สอนความจริงที่บอกเหตุและผลไว้อย่างชัดเจนพิศูจน์ได้ (ไม่โกหกอย่างศาสนาเทวนิยมทั้งหลาย)ที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ รับรองไว้แล้วให้เป็นศาสนาประจำจักรวาล ... แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ต้องไปกันทั้งหมู่ ไปพร้อมกัน ไปทางเดียวกันทั้งหมู่ ไปตามรอยพระพุทธเจ้า ไปด้วยกันทั้งหมดทั้งหมู่ที่มีอยู่ทุกวันนี้ นั่นแหละโลกทั้งโลกจะได้ประโยชน์ที่พ้นทุกข์อย่างแท้จริง

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 18.

Phayap Panyatharo : พระครูพุทธิพงศานุวัตร

พุทธศาสนารายวัน  11 ธ.ค.2565

***** ปัญหาของพระพุทธศาสนาแก้ไขได้ง่าย โดยรู้จักหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่จนสำเร็จให้ได้

1. หน้าที่ของพระสงฆ์ผู้บวชห่มเหลืองแล้วนั้น  นับแต่วันบวชครองผ้ากาสาวพัสตร์มาวันแรกเป็นต้นไปนั้น  ก็คือการแสวงหาความหลุดพ้น สู่มรรคผลนิพพานอย่างเดียว  ไม่มีหน้าที่อย่างอื่น  ไม่แหกทางไปปฏิบัติอย่างอื่น    หน้าที่เดียวเท่านี้เอง  ไปตลอดชีวิต  จนกว่าจะบรรลุมรรคผลคือได้สำเร็จรู้แจ้งสัจธรรมระดับโสดาบัน ขึ้นมาให้ได้แล้ว   นั่นคือ ชีวิตนักบวชนั้น มุ่งเป้าหมายสู่มรรคผล นิพพานเท่านั้น.....เพราะสัจธรรมมีว่า การเกิดมาพบพระพุทธศาสนานั้นเป็นของประเสริฐของดีที่สุดยากที่จะได้มาพบอยู่แล้ว  และที่จะได้อะไรของชีวิตที่ดีที่สุดที่ไม่มีที่ใดให้ได้ นอกจากพุทธสาวกผู้ทำหน้าที่ของสาวกได้อย่างถูกต้อง ...และที่ทุกวันนี้ไม่เข้าใจกันเลย  ดูเหมือนไม่เข้าใจเลยก็คือ มรรคผล นิพพาน นั้นเป็นประโยชน์ต่อ นักบวชพุทธสาวกห่มเหลืองนั้นเอง  และครั้นได้ระดับ โสดาบันไปแล้ว  นั้น เป็นประโยชน์ล้ำเลิศ  เป็นการได้การพบของวิเศษ  แม้โลกทั้งโลกก็ไม่มีประโยชน์เท่าเลย  

ฉะนั้นทำไมไม่มาทบทวนหน้าที่ของตนนี้ หน้าที่เพื่อประโยชน์ตนเอง และพระพุทธศาสนาที่มีคนเป็นห่วงใยกันมากมายในวันนี้   เป็นประโยชน์ คือสิ่งที่จะได้นั้น มีประโยชน์  ไม่ใช่ประโยชน์ธรรมดา ๆ   แต่พ้นทุกข์ไปทั้งหมดทั้งสิ้นไปเลย   จึงเป็นหน้าที่ที่หากเข้าใจแล้วก็จะถึงสละชีวิตตนเอง  ถึงกับถวายชีวิตตนเองทั้งชีวิต ให้ได้เพื่อสำเร็จอริยมรรค อริยผลระดับสุดยอดสูงสุด คือ  อรหันตบุคคลไปเลย  อริยมรรคอริยผล  ในชาตินี้ให้ได้นั่นเอง ตามหลัก สัมมาสติ  คือ  อย่าไปหวังประโยชน์ในชาติหน้า ปีหน้า  อาทิตย์หน้า  วันพรุ่งนี้ ไม่เอา  เอาปัจจุบันให้ได้  แต่ต้องทำให้ได้สำเร็จในชาตินี้   วันนี้  ที่นี่และเดี๋ยวนี้  นั้นเอง สัมมาสติที่ต้องเอามาใช้ในกรณีนี้

ประเด็น ณ ที่นี้ก็คือ ทุกวันนี้มีผู้ที่อยู่ในหน้าที่ตนเอง  แต่ไม่เข้าใจหน้าที่ก็มีอยู่เต็มไปหมด และนำไปสู่ปัญหาไปหมด  จนถึงขั้นวิตกกันว่า ถึงวาระที่พุทธศาสนาไทยจะล่มสลายลงแล้ว

(1.) นับแต่ระดับองค์กรสูงสุดคือ สมเด็จพระสังฆราช  มหาเถรสมาคม  ผู้เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคม   ผู้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม อันมาจากบุคคลผู้สูงสุดขององค์กรสงฆ์ทั้งประเทศ  ที่เป็นองค์กรสูงสุดของพระพุทธศาสนาวันนี้ ต่างก็มีหน้าที่ของตนอันนี้  หน้าที่ที่ที่ต้องพาตนเอง  ผู้มีฐานะอันสูงส่งดังนี้แล้ว นั่นเอง  ยังมีหน้าที่ที่ต้องพาตนเองไปถึงอริยะฐานะเริ่มต้นที่ โสดาบัน    มีหน้าที่ บรรลุโสดาบันให้ได้...ถึงอรหันต์ได้ยิ่งดีเลิศ นั่นแหละหน้าที่สำคัญยิ่งกว่าไปทำอย่างอื่นทั้งสิ้น   เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา มีหรือไม่ ?  ไม่มีเลย  มีแต่คิดเอาเองว่าตนเป็นอรหันต์ คนโง่ๆๆๆๆ ก็คิดว่า นั่นแหละอรหันต์

(2.) พระผู้ดำรงสมณศักดิ์สูงสุด นับแต่สมเด็จพระสังฆราช ลงมาชั้นพรหม ชั้นธรรม ชั้นเทพ  ชั้นราช ชั้นสามัญ  พระครู  เจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค  เจ้าคณะจังหวัดเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ที่ล้วนมีสมณศักดิ์ กำกับไปด้วยทั้งสิ้น (มากมายหลายชั้นยศเหลือเกิน  จนนี่แหละเป็นการบอกถึงความไร้ปัญญา ไร้หน้าที่ ไร้ความคิดการเดินสู่มรรคผลนิพพานไปหมด ตามระบบสงฆ์เจ้าขุนมูลนายไทย)   ถึงสงฆ์ผู้ไม่มีสมณศักดิ์ใดใด    ก็มีหน้าที่อันเดียวกันนี้  คือหน้าที่ทำตนให้บรรลุเป็นโสดาบันอย่างต่ำ  อย่างสูงให้อรหัตผล ทุกคน  หากยังไม่บรรลุ  อย่าไปคิดทำอย่างอื่นจะเป็นการนอกหน้าที่ไปหมดหรือแม้กระทั่งไปทำอะไรแบบไม่เข้าใจสัจธรรม นั่นคือ การได้ตำแหน่งแล้วไปยึดมั่นถือมั่นแบบอำนาจการปกครองแบบยุคเจ้าขุนมูลนาย คือมองแบบตำแหน่งอำนาจ แบบการเมืองยุคเจ้าขุนมูลนาย  เป็นนายคนทั้งหลาย  เป็นนายหมู่สงฆ์ทั้งหลายที่ตนไปแล้วเขาต้องกราบราบลงดิน และเอาทรัพย์สมบัติเครื่องบำรุงบำเรอมาถวาย  ประมาณนั้นเลย   นั้นหารู้ไม่ว่า  คือ  ภวะ-วิภะวะตัณหา นั้นเอง  สร้างบาปที่ปิดกั้นมรรคผลนิพพานไปแบบตนโง่ไม่รู้หลงไปตามตัณหานั้นแท้ ๆ  (แสดงว่าไม่เคยอ่านเข้าใจเรื่องที่พุทธองค์ตรัส 3 รอบ 12 อาการ ในธัมมจักกัปปะวัตนะสูตรเลย ) แล้วจะสำเร็จมรรคผลได้อย่างไร ไม่รู้จักคิดเลยทั้ง ๆ ที่มาขนาดนี้แล้ว 

 (3.)  พระสงฆ์สาวกทั้งหลาย   ที่คนทั้งหลาย  แม้กระทั่งพระสงฆ์ด้วยกัน  โดยเฉพาะ พระสงฆ์ที่โลกเขาเอาตำแหน่งมาตั้งให้ เอายศถาบรรดาศักดิ์ เจ้าขุนมูลนายมาใส่ให้  มักจะมองว่า  เป็นสงฆ์ชั้นต่ำ(พระกระจอก) ...หาใช่ไม่...นั่นแหละเป็นความเข้าใจผิดอย่างแท้จริง    แท้จริง มนุษย์ใดก็ตาม ได้เข้ามาสู่สงฆสาวกพระพุทธเจ้าแล้ว คนใดก็ตามนั้นมิใช่คนธรรมดาเลย   นั้นแหละเดินทางเข้าสู่เส้นทางประเสริฐแล้ว(คนพุทธเราเดิมก็เข้าใจดี แม้ลูกตนเองบวช พ่อแม่ยังก้มลงกราบ  แม้กษัตริย์ก็กราบพระสงฆ์ทุกคนเลย เพราะเหตุที่เป็นพุทธสาวกผู้มุ่งเดินทางสู่มรรคผลนิพพานนั้นเอง)  คือ  โสดาบันมรรค   ถึงอรหัตตผล พอ ๆ กับสงฆ์ 2-3ประเภทที่อ้างมาแล้วนั้นเลยทีเดียว และ  การที่เป็นสงฆ์ธรรมดา  ไม่ถูกภวะ  วิภวะตัณหามารมาผูกมัดเป็นทาสแล้ว(ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์สงฆ์  ตำแหน่งทางการปกครองแบบเจ้าขุนมูลนายเดิม...ซึ่งนั่นคือ ภวะ-วิภะวะ ตัณหานั่นเอง)  นั่นแหละ การได้เป็นเพียงสงฆ์สาวกแบบมัชฌิมาปฏิปทาจึงเป็นทางประเสริฐกว่าด้วยซ้ำ ...แต่ประเด็นก็คือ สงฆ์สาวกทั้งหลายเหล่านี้ก็เช่นเดียวกัน ยังมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติไปจนบรรลุผลสำเร็จ  นั่นก็คือปฏิบัติธรรมสู่มรรคผลนิพพานให้จงได้  แม้ด้วยชีวิต อันเป็นหน้าที่อย่างเดียวกันกับสงฆ์มีชนชั้นฐานะทางการปกครอง อื่น ๆ   

 (4.)  พระสงฆ์ทั้งหลาย ไม่ว่าอยู่ในฐานะสมณศักดิ์ใดตำแหน่งการเมือง อำนาจระดับใดก็ตาม มีหน้าที่อย่างเดียวกัน ไม่แตกต่างเลย ที่ต้องปฏิบัติไปจนเสร็จภาระหน้าที่นั้น   ครั้นปฏิบัติหน้าที่สำเร็จนั้น หมายความว่าบรรลุมรรคผลนิพพาน  นั่นคือการบรรลุอริยบุคคล ตั้งแต่ระดับโสดาบัน ไปสกทาคามี  อนาคามี  หรือ  อรหันต์เลยก็ได้  ซึ่งยุคนี้สามารถทำได้ไม่ยากเย็นและนั้นแหละการพ้นปัญหา พ้นทุกข์ไปแล้ว สังคมก็พลอยได้ประโยชน์ไปทั่วโลก  นั้นเองพุทธศาสนาเป็นสิ่งประเสริฐที่เคารพบูชาของโลกทั้งโลกได้

(5.)  การปฏิบัติ ๆไปตามระบบสงฆ์เดิมนั้นเอง กิจวัตร 10ประการของสงฆ์ทุกรูปมีกำหนดไว้แบบลงตัวทุกข้อและถือปฏิบัติมาตลอด ให้ร่วมกันเดินพร้อมกันหมด  และหลัก มรรค 8  อันเป็นหลักการ มัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งหมายความว่าเป็นหลักการบรรลุอริยมรรคแบบใครก็ตามฏิบัติไปได้ตามหลักทั้ง 8 นี้แล้วย่อมบรรลุได้  ท่านไม่จำเพาะเลยว่าเฉพาะพระสงฆ์สาวก  ไม่จำเพาะเลยว่าเฉพาะชาวพุทธ  แต่ชนชาย หญิง ผู้มีปัญญารู้แจ้งตามมรรค 8นี้สามารถบรรลุได้หมด ไม่ว่าชนเชื้อชาติใด ศาสนาใด  และนี่แหละเมื่อมองใกล้ตัว คือมองในวงการสงฆ์ไทยยุคนี้คำว่า สมณศักดิ์  ตำแหน่งทางการปกครองใดใดในระบบเจ้าขุนมูลนายสงฆ์ยุคนี้หรือยุคไหนจึงไม่มีความหมายสำหรับมัชฌิมาปฏิปทานี้เลย  คือ ขึ้นอยู่ที่กรรม:ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใครทำใครได้...ไม่มีอำนาจใดบันดาลให้ได้ (ตามหลักสัมมาทิฏฐินั่นเอง) ใครทำกรรมดีได้ก็ได้ แม้ดีถึงอริยมรรคอริยะผลสูงสุด ก็ด้วยกรรม  ไม่จำกัดว่า ท่านต้องเป็นด๊อดเตอร์  เปรียญ9ประโยค  ไม่จำกัดว่าท่านต้องเป็นสมเด็จนั่นสมเด็จนี้  พระพรหมนั่นพระพรหมนี้ 

แต่ ทั่วไป  สงฆ์เสมอกันหมดด้วย พระธรรมวินัย 227 ข้อ 311 ข้อ  ซึ่งทรงยืนยันถึงผลสำเร็จด้วยพระองค์เองตามที่ทรงตรัส 3รอบ12 อาการ นั้นเอง  สงฆ์ทั้งประเทศ ทั้งโลก มีหน้าที่ปฏิบัติตามระบบนี้ให้มีลักษณะเป็นสงฆ์สาวกเหมือนกันหมด   เพียงแต่ ผู้ที่มีตำแหน่ง เจ้าคณะผู้ปกครอง ทรงสมณศักดิ์สูงส่ง   ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ถูก คือ อย่าไปคิดว่าตำแหน่ง และสมณศักดิ์ของตนเป็นเรื่องของอำนาจ(ซึ่งจะหมายถึง ภวะ-วิภะวะตัณหา นั่นเอง รู้เสียด้วย) คืออำนาจ ตนมีอำนาจเหนือสงฆ์องค์อื่น  โดยเฉพาะประชาชนคนพุทธ มาพบท่านเจ้าคุณเข้าแล้ว ต้องหมอบราบกราบกรานแบบไม่มีเงื่อนไข พอ ๆ กับสงฆ์สามัญชนคนธรรมดาๆ ....

แต่ต้องเข้าใจว่าตำแหน่งนั้นคือหน้าที่  และเป็นหน้าที่รับใช้พระองค์อื่น พระผู้บวชเข้ามาเพื่อใฝ่แสวงหาอริยสัจธรรมมรรคผลนิพพานให้ดีที่สุดให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อให้บรรลุมรรคผลให้ได้   ไม่ใช่เป็นเจ้าเป็นนายเขา  ตรงนี้แหละคือประเด็นสำคัญของการเดินไปพร้อมกันได้ทั้งระบบสงฆ์มหาศาลทุกวันนี้  ตนมีหน้าที่อำนวยแนวทางปฏิบัติแก้ปัญหาทางปฏิบัติให้สงฆ์ทั้งหลายได้ปฏิบัติสู่มรรคผลนิพพานสถานเดียว   มิใช่เพื่อเป้าหมายอื่นใดเลย  มีอย่างเดียว เพื่อมรรคผลนิพพานได้อย่างเต็มที่  และครั้นมีความสำเร็จเกิดขึ้น  สถานะนั้นก็คืออริยะฐานะอริยะฐานันดร  อริยะวงศ์  อริยบุคคลสงฆ์ผู้สูงส่งประเสริฐ  ที่พ้นสถานะปุถุชนไปแล้วเกินสมณศักดิ์ปุถุชน เกินสถานะตำแหน่งองค์กรอำนาจปุถุชนสงฆ์ 

นั้นเองการปฏิบัติหน้าที่ ที่ในที่สุดนำเราทั้งหมดทั้งระบบสงฆ์อันไพศาลบรรลุโลกอริยบุคคล  พร้อมกัน  ด้วยกัน  ก็ย่อมเบิกตามวลชนทั้งโลกให้มองเห็นความดี ความประเสริฐของสงฆ์สาวก  ไปส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เผยแผ่คุณงามความดี นำเส้นทางมรรคผลนิพพานไปสู่คนทั้งโลก 

นั่นแหละความกตัญญู กตะเวทิตาของสงฆ์ทั้งปวงแด่องค์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริงเช่นนี้นั้น นำความเจริญมาให้พระพุทธศาสนากระเดื่องดังไปทั้งโลกยุคใหม่ อันเนื่องเพราะการบังเกิดขึ้นของหมู่สงฆ์อริยบุคคลทั้งระบบนั่นเอง   เป็นการที่พระพุทธศาสนาปกครองโลกทั้งโลก ด้วย อริยะธรรม  นำโลกไปพ้นทุกข์ทั้งโลกเนิ่นนานไปชั่วฟ้าดินสลาย....เพียงทำหน้าที่ของตนให้ดีเต็มที่เท่านั้นเอง

6. โดยรูปธรรมขณะนี้

(1.) เป็นยุคโควิต 19 คนทั้งโลกกำลังลำบากยากจน และถูกเข่นฆ่าเอาชีวิตไปกว่า 6 ล้านคนแล้ว  ยากจนกันไปทั้งโลกแล้ว  แม้ว่าเมืองไทยเมืองพุทธนั้น ย่อหย่อนลงมากว่าประเทศทั้งหลาย ค่อยผ่านความลำบากมาตามลำดับแล้ว   แต่กระนั้นก็ตามมีสิ่งที่คณะสงฆ์ทั้งระบบ ทั้งคณะ น่าจะแสดงออกถึงความมีเมตตากรุณาสงสารผู้ยากไร้   นั้นก็ด้วยการหยุดการก่อสร้างวัตถุใดๆ ลงเสียก่อนชั่วระยะหนึ่ง ให้การหยุดการก่อสร้างของคณะสงฆ์เป็นการแสดงออกถึงความกรุณาปรานีแด่ชนชาวไทยชนชาวโลกไปสักระยะ 2-3 ปี  ไม่ให้มีเสียงเลื่อยเสียงสิ่วเสียงตอกตะปู แม้ดอกเดียวในวัดทั่วประเทศ   และสมควรให้มีการฟึกฟื้นร่วมกันทั้งราชอาณาจักรพุทธ  กลับไปเริ่มกิจวัตร 10 พร้อมกัน  มุ่งมรรคผลนิพพานพร้อมกัน ตามหลักอริยมรรค 8 อันเป็นมัชฌิมาปฏิปทา โดยโอกาศแห่งสถานการณ์อันยากไร้เช่นนี้แหละบันดาลผลสำเร็จทางมรรคผลนิพพานให้มาเสมอ

 (2.)  การพิจารณาแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ ให้ระวังเรื่องการบัญญัติเรื่อง  หน้าที่ขององค์กรปกครองสงฆ์  โดยจะต้องสอดคล้องหลักการหน้าที่เพื่อมรรคผลดังกล่าวมา ระวังความหมายเรื่อง อำนาจ  อันจะเป็นการใส่เรื่อง ภวะ-วิภวะ ตัณหาเข้าไปให้พระสังฆาธิการปฏิบัติ  ซึ่งนั่นเป็นการบาป  ที่สั่งให้ทำบาป สร้างภวะ-วิภวะตัณหา ที่ตรงข้ามกับคำสอนของพระพุทธเจ้า  ที่ปิดกั้นเจ้าคณะพระสังฆาธิการเองไปสู่มรรคผลนิพพานอย่างทึบไปเลย  เพราะนำไปสู่ตัณหาอย่างไม่หวาดหวั่น  รู้สึกตัว   โดยรูปธรรมก็คือ  อย่าให้มีความหมายทางอำนาจ ที่เจ้าคณะพระสังฆาธิการจะนำไปกดขี่ บีบบังคับพระสงฆ์ใต้การปกครอง   หากแต่ต้องบัญญัติ ให้เจ้าคณะพระสังฆาธิการเหล่านี้ รู้ในหน้าที่ของการรับใช้สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า บริการนำพระสงฆ์ทั้งหลายไปประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นโสดาบัน  ถึงอรหันต์ หากทำผิดไปจากหลักการนี้ก็ถือว่าทำไปผิดหน้าที่ ควรเอาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการไปเสีย   ดูเรื่องหน้าที่ของเจ้าคณะพระสังฆาธิการตามกฎหมายคณะสงฆ์   ดูมาตรา 37 (2).....  

(3.) ตามสถานการณ์ของโลกยุคใหม่นี้ เพื่อบำรุงส่งเสริมให้พระภิกษุสงฆ์ ได้ใช้เวลาของการบวช เป็นไปเพื่อการปฏิบัติธรรมบรรลุมรรคผลนิพพานอย่างแท้จริง  ให้ปราศจากความห่วงกังวล จากสถานการณ์เศรษฐกิจพื้นฐาน เรื่องปัจจัย 4  จึงควรให้มีการ กำหนดเงินเดือนให้พระภิกษุสงฆ์ทุกรูป ....พอที่จะไม่ต้องถูกสถานการณ์บังคับให้ไปแสวงหาจตุปัจจัยไทยทานแบบลับๆ ล่อ ๆ หรือเป็นทาสศาสนาเทวะนิยม  แบบไม่สอดคล้องพระธรรมวินัย ให้หมดกังวลลง ในเรื่องการใช้จ่ายพื้นฐานของชีวิตยุคใหม่  เพื่อการตั้งใจปฏิบัติธรรมอันตรงแท้และมีการต่อเนื่อง มีการเดินวิริยารัมภะไปได้จนตลอด เกิดผลต่อการบรรลุมรรคผลได้..

เรื่องนี้ น่าพิจารณาไปถึงเรื่องที่เป็นการทำบุญทำทานเป็นกรณีงานบุญธรรมดา ๆ อีกประการหนึ่งที่ชาวพุทธทั้งหลาย ที่ชาวพุทธทั่วไปในประเทศไทย(รวมทั้งวัดใหญ่ที่มีบารมีรายรับมากมายเป็นประจำวันอยู่ด้วยให้ความอุปถัมภ์ร่วมกัน)  อันเป็นประเทศพุทธศาสนาประจำชาติมาหลายร้อยปีนี้ ย่อมมีส่วนร่วมด้วย ได้อย่างเป็นการบุญโดยแท้จริง   และเป็นการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาโดยตรงเลยทีเดียว .....ขอเสนอข้อนี้ไปยังรัฐบาลโดยตรงและ องค์การพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา และทั้งชาวพุทธทั้งหลายทั่วไทยทั่วโลก ฯลฯ ได้โปรดพิจารณาทำบุญของชาติไทยในประเด็นนี้...และนั่นแหละเราจะได้เห็นพระอริยะบุคคลมากมายบังเกิดขึ้นในแผ่นดินยุคนี้และแผ่ผายออกไปทั่วโลก   (***********ลงเฟส  11 ธ.ค. 2565)

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 19.

พุทธศาสนารายวัน 16ธ.ค. 2565

3 มารใหญ่แห่งจักรภพ

อะนิจจังรู้กันเกร่อว่า ความไม่เที่ยง แต่ไม่เข้าใจ

ถ้าคุณเข้าใจก็จะมองเห็นมัน มิต่างจากปลวกเลย  มันกัด  มันกร่อน  มันกิน  มันสลาย  มันละลาย  มันทำลายเราอยู่ตลอดเวลาทุกเวลานาที  วินาที   มันย่อยสลายความสมบูรณ์แห่งสุขภาพชีวิตลงไปตลอด จาก100 % ลงไปเรื่อย ๆ จนถึง 0%

อะนัตตา  มันเป็นเพชฌฆาต เหนือเพชฌฆาตทั้งปวง  เป็นมารร้ายที่น่ากลัวมาก  เพราะไม่มีใครมีอำนาจเหนือมัน ไม่มีใครจะสั่งมันให้หยุดการก่อการร้ายของมันได้เลย มันเป็นมหาโจรร้ายของมนุษย์ที่ทั้ง ๆ ที่มันเป็นโจรต้องเอามันมาลงโทษ แต่หามีใครกล้าสามารถเอามันมาลงโทษได้ไม่  และมันกลับเป็นผู้ทรงอำนาจ ทำการปกครองคนดี คนชั่วไปทั้งโลก  ปกครองโลกสวรรค์ แม้เทวดา  เทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิก็สั่งมันไม่ได้   มันเอง อะนัตตานี้แหละแท้จริงคือ เทพเจ้าแห่งความตาย ผู้บันดาลความตายให้ทุกชีวิตและสรรพสิ่ง  มันคือ เพชฌฆาตโลกและจักรวาล และสรรพสิ่งตัวจริงแท้

ที่น่ากลัวก็เพราะมันเป็นผู้ทรงอำนาจกว่าใคร อะไรทั้งสิ้น   และอำนาจมันไปทางเดียวคือไปตาย  มันฆ่าคนทุกคน ทุกชีวิตและสรรพสิ่ง   มันสั่งทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์ทุกชีวิต  เทพเจ้าทุกองค์ นับแต่อิศวร  นารายณ์ พรหม พิฆเณศ  พระอินทร์  เทวดาทั้งสิ้น แม้เทพเจ้าองค์ใหม่ ๆ มีพระเจ้ายะโฮวาห์  อัลเลาะห์ ดาว เดือน ตะวัน   โลก และสรรพสิ่งทั้งสิ้น ให้ค่อยเสื่อมลงไปตามอำนาจมารอะนิจจัง   แล้วในที่สุด มัน อะนัตตาเป็นผู้ประหารทั้งหมด แบบไม่มีใครเลยอาจห้ามปรามสั่งการยับยั้งมันได้

นั่นแหละ อะนัตตา

มันซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบกริบเสมอ คนเหมือนตาบอด มองไม่เห็นมันหรอก  แม้มันทำร้ายเราอยู่ตลอดเวลา  มันก็ไม่ให้เราเห็น ไม่ให้เรารู้ว่ามันเป็นผู้ร้าย เป็นมหามาร มหาโจร

เพราะมารทั้ง 3 นี้ มันสั่งไว้เช่นนี้  สร้างระบบการปกครองมันไว้เช่นนี้  เริ่มแต่ให้คนเราและทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่ร่วมกันในโลกเดียวกัน  โลกทุกข์ที่เรียกว่าวัฏฏะสงสาร นั่นเอง   ต่อเมื่อมองเห็นมันนั่นแหละ จักตื่นเต้นตกใจ ดิ้นรนกันจนสุดชีวิต  

มิต่างจากเห็นไฟกำลังไหม้บ้านเราเองพลุ่งโพลงอยู่   มิต่างจากนักโทษประหาร ที่เห็นคมดาบแสนคม ขาว ของเพชฌฆาต อะนัตตา  ก็ดิ้นรนสุดชีวิต  แต่ ไม่อาจรอดได้เลย

 

ผู้ที่มีดวงตาวิเศษ มองเห็นมารทั้ง3 นี้คนแรกก็คือเจ้าชายพระองค์หนึ่งแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อ 2565 + 80 ปีมาแล้ว 

พระองค์ทรงมองเห็นตั้งแต่เป็นยุพราชอยู่ และทรงไม่มีความสุขเลย แม้จะทรงมีพระราชบิดาผู้ทรงอำนาจ  มีพระราชินีผู้สุดสวยเป็นเอกในแผ่นดินยุคนั้น

และแม้จะทรงศึกษาวาการทุกอย่างทุกวิชาที่มีอยู่ในยุคนั้นที่เรียกว่าศิลปะศาสตร์ 18 ประการนั้น  รวมทั้งวิชานักรบที่ทรงเป็นยอดวีรบุรุษแห่งยุคนั้น  จบสิ้นลง รอบรู้ทุกอย่างก็ตาม   แต่พระองค์มองไม่เห็นเลยว่าจะเอาชนะมหาโจรร้ายทั้ง3 ทุกขัง อะนิจจังอะนัตตา  ได้อย่างไร  จะทรงขัดคำสั่งของมหามารอะนัตตา ที่จะนำความตายมาให้ในที่สุด ได้อย่างไร   แม้ทรงเป็นกษัตริย์มหาราชยิ่งใหญ่ในแผ่นดินชมพูทวีป  แต่จะออกคำสั่งใดใดให้มหามารอะนัตตาปฏิบัติตาม ไม่มีวันที่มันจะฟังคำสั่งเราเลย  แม้มองไปถึงเทพเจ้าทั้งหลาย แม้เทพเจ้าทั้งหลายเอง ก็ยังตกอยู่ใต้อำนาจมารอะนัตตา ทรงพบอย่างไม่สงสัยว่า แม้เทพเจ้าขณะนั้น แท้จริง ก็ตกอยู่ใต้อำนาจมาร ทุกขัง  อะนิจจังและ อะนัตตาไปหมด  ทรงพบอย่างไม่สงสัยว่ามารอะนัตตามีอำนาจเหนือเทพเจ้าทั้งปวง

นั่นหมายความว่า  เป็นไปตามอำนาจคำสั่งของมารอะนัตตา  ให้ชีวิตนั้นเมื่อมีเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องตายสถานเดียว  ชีวิตจะเป็นไปตามมารอะนิจจัง ไม่ถาวรอยู่ได้ มีแต่ค่อยเสื่อมสลายลงไปๆ และไปสู่ความตายทุกคนทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่งไปสู่ความดับสลายความตาย ความจากไปทุกชีวิตและสรรพสิ่ง

เจ้าชายพระองค์นั้น จึงทรงหยุดอยู่ไม่ได้ ในการที่แท้จริงคนล้วนเป็นทาสพญามารนั้น ไม่มีวันพ้นออกมาสู่อิสรเสรีภาพได้เลย 

จึงทรงสละราชบัลลังก์ออกป่า ปลงพระเศียรเสียอย่างนักบวชเพื่อศึกษาหาทางเอาชนะมารอะนัตตาให้ได้

ทรงศึกษาจากนักบวชผู้รู้มากที่สุดในสมัยนั้น  ไปจนสิ้นสรรพวิชาที่รู้อยู่ไม่มีเหลือแด่พระองค์อีก  แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะหรือรู้วิธีเอาชนะสามอสูร ทุกขัง  อะนิจจัง อะนัตตาได้เลย

จนตัองปลีกตัวไปศึกษาเอาเองในที่สันโดษเดี่ยว  ด้วยพระมานะว่า จะยอมเป็นทาสพญามารทั้ง 3 ไม่ได้เลย ต้องหาทางเอาชนะให้จงได้

และในที่สุด เมื่อทรงแสวงหาอยู่ 6 ปีไปแล้ว ในป่าอันแสนยากลำบาก ผิดกันไปอย่างตรงกันข้ามกับความสุขสบายในมหาราชวังในคืนวันเพ็ญเดือนหกนั้นก็มาสู่ความรู้แจ้งสัจธรรม ที่เอาชนะมหามารทั้ง3ได้

ทรงทิพยเนตร ที่มองเห็นมารทั้ง 3อย่างแจ่มแจ้ง ทรงรู้ไปทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิต ความเป็นอยู่ ความเป็น ความตายของมารทั้ง3 นั้น

และเพราะเหตุนี้  ทำให้ฝ่ายมารเดือดร้อนขึ้นมา  เห็นว่าพระองค์จะฝ่าด่านร้ายออกไปพ้นอำนาจมารแล้ว  ก็ไม่ยอมได้ยกทัพมาล้อมพระองค์  ขู่สำทับให้ยอมแพ้แก่มารเสีย  ครั้นฝ่ายมารเดือดร้อนขึ้นมา คิดกำราบพระพุทธเจ้า ปล่อยอาวุธร้าย ทั้ง 3 คือ กาม  ภะวะ  และ วิภะวะ  ตัณหานั้นเอง  ทุกอย่าง  ทรงทำสงครามใหญ่เอาชนะมารทั้ง3 นั้นได้อย่างเด็ดขาด

ทรงรู้วิชาที่เอาชนะมารทั้ง 3 นั้น

จึงทรงประกาศพระองค์ขึ้นท่ามกลางมหามารนั้นว่าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า   และทรงประกาศสัจธรรมที่จะสังหารมารทั้ง 3 ว่าพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า

ที่คนทั้งหลายได้ยินอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง  หากแต่ลืมเลือนไป  ไม่ใฝ่แสวงเอาประโยชน์เพื่อตนเองพ้นไปจากความเป็นทาสใต้อำนาจของมารอะนัตตา  เพชฌฆาตแห่งชีวิตและสรรพสิ่งนั้นเอง

นั้นก็คือ ความรู้เรื่องอริยสัจ 4 นั่นเอง

อริยสัจ 4จึงจึงเป็นความจริง4 ประการที่นำไปสู่การปลดปล่อยตัวเองเอาชนะมารร้าย ทุกขัง  อะนิจจัง อะนัตตามหาเพชฌฆาตได้

จงมาเรียนอริยสัจ 4 ให้เข้าใจเถิด

จงเรียนรู้ตัณหา เครื่องมือของมหามารทั้ง 3 อย่าง คือ กาม  ภะวะ  วิภะวะ 

เพียงเปิดตาขึ้นจากความหลับเถิดมองเห็นเท่านั้นเอง มารทั้งหลายก็มาสู่ความพ่ายแพ้ทันใดแล้ว  นั่นแหละ

อะนัตตา เป็นเจ้าออกคำสั่ง เกิดมาแล้ว  ต้องตาย  อะนิจจัง เป็นตัวผูกมัด จูงไปสู่โรงฆ่าสัตว์ ตลอด ไม่มีหยุดนิ่งอยู่ มีแต่พาเดินไป  และ พาไปสู่โลกแห่งทุกข์ ที่เป็นแดนหมุนวนไม่รู้จบ นั่นคือ วัฏฏะสงสาร เป็นที่ไป ที่มา  ที่เกิด และที่ตาย ของมวลมนุษย์และสรรพสิ่ง ตลอดกาลนานนิรันดร เลย

ครั้นเราได้ดวงตาสว่างเห็นแจ้งสัจธรรมความจริงเหล่านี้   นั่นแหละการมองเห็นมารร้ายทั้ง 3 ละ  เป็นการตรัสรู้ มองเห็นทางสู่โลกมรรคผลนิพพานเอาชนะมารทั้ง3 เพชฌฆาตได้อย่างเด็ดขาด

                     แฟ้ม:พุทธศาสนารายวัน 16ธ.ค.2565 3 มารใหญ่แห่งจักรภพ

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 20.

พุทธศาสนา รายวัน 17 ธ.ค. 2565 มิจฉาสมาธิ

เฟสต้นเรื่อง:  ญาณทีโป นามะ

"หลวงตามหาบัวพระสิ้นคิดติดในสมาธิห้าปีหมดความคิดติดสุขสมาธิทรงฌานเข้าฌานสมาธิกดทับกิเลสไว้จนมาเจอหลวงปู่มั่นบอกให้ใช้ความคิดญานปัญญา".........

ไม่ทราบใครเป็นคนกล่าว

เพราะเหมือนคนไม่เคยรู้เรื่อง สมาธิ เลย คือตัวเองไม่เคยทำสมาธิเลย แต่ไปวิจารณ์ว่าเขาทำสมาธิไม่ถูก

สมาธิหลับตา อะไรประมาณนั้น แล้วไปกล่าวเลยถึงเรื่อง ฌาณ ...ทรงฌาณ เข้าสมาธิ  คือไปตำหนิในสิ่งที่ตนไม่เคยทำ  ไม่เคยปฏิบัติ  ไม่รู้เรื่องเลยทำอย่างไร ไม่รู้เรื่องเลย ......คนอื่นเขาทำถูกวิถีทางแท้ ๆ  ไปตำหนิเขา  ทำให้คนที่เขาฝึกสมาธิไปทั้งประเทศ  ทั้งชาวต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษา  ไขว้เขวไปหมด

และไปกล่าวถึงท่านผู้สูงส่งอย่างท่านหลวงตามหาบัว ว่าทำไม่ถูกอย่างนั้น ทำไม่ถูกอย่างนี้  แบบที่คนพูดไม่เคยทำไม่เคยปฏิบัติเลย ที่พูดในเรื่องฝ่ายปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ที่ตนพูดนั้นตนไม่รู้เรื่องเลย ....

ก็มีอยู่ ประเภทที่ทำสมาธิไม่เป็นเลย  ไม่เคยทำอย่างเขาทำเลย แต่ก็ไปนึกเอาว่าเรารู้กว่าเขา อย่างนั้น ๆ ๆ ๆ น่าละอายจริง ๆ

มีอยู่ชนิดที่ทำสมาธิไม่เป็นเลย คณิกะเป็นอย่างไร ไม่รู้ แต่ไปด่าเขาว่าทำผิดหลักพระพุทธศาสนา  มีอยู่สำนักหนึ่งสายสันติอโศก  ที่เจ้าสำนัก ไปด่าเขาใหญ่ ด่าแม้ท่านหลวงตามหาบัว   แม้สายหลวงปู่มั่น  หลวงปู่ฝั้น  ที่คนไทยนับถือว่าเป็นพระอรหันต์ สายปฏิบัติ  สายป่า  นี่แหละว่าปฏิบัติผิดไปหมด ซึ่งหมายถึงด่าพระทั้งประเทศ ที่ทำวัตร ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิประจำ หลังทำวัตรเช้า  วัตรเย็น  ว่า พวกสมาธิหลับตานี่ พวกมิจฉาทิฏฐิไปหมด ไม่ใช่พระพุทธศาสนา  แล้วว่าตนนี่แหละพุทธศาสนาแท้ อะไรประมาณนั้น  ซึ่งมันไม่ชอบธรรมเลย..น่าเป็นเรื่องที่เริ่มจากความหลงผิดหลงตัวเอง แล้วลูกน้องแกก็ว่าตามไปใหญ่ ....โอ....น่าละอายใจจริง ๆ  น่าจะหยุด ๆ เสีย เพราะมันขัดความจริง และขัดความรู้สึกของคนไทยพุทธส่วนมากเขาอาจจะต่อต้านเอาแรงๆ 

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

ตอนที่ 21.

***** พุทธศาสนาวันนี้  5 ม.ค. 2566  กลับมาทำหน้าที่เถิด

ต้นเรื่อง : สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

ปฏิบัติตนแบบคนบ้า เมินโลก วางเฉย-ไม่สนโลก พระเณรส่วนมากเป็น เราละตรงนั้นมาดำเนินการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

ความคิดเห็น 3 รายการ

@สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

อย่าให้เขาว่าพุทธโลกสวย ยอมรับคำติเตียนวิจารณ์ไม่ได้ก็กล่าวโทษถือบาป

@@@ Phayap Panyatharo

เรื่องนี้ น่าที่ฝ่ายการคณะสงฆ์เราจะได้นำมาพิจารณาเป็นเรื่องสำคัญของการอยู่รอดของศาสนา แต่ปรากฎว่าไม่มีเลยทั้งๆ ที่มีองค์กรสงฆ์คือ มหาเถรสมาคม ที่เป็นรัฐบาลสงฆ์ เป็นศาสนาจักร เมื่อพิจารณาด้วยปัญญา ด้วยคำสอนพุทธองค์แล้วแนวทางที่พยายามแก้ปัญหากลับเป็นการเพิ่มปัญหามาตลอด ซึ่งการมองข้อเท็จจริงนี้ ต้องมองด้วยปัญญา และหากใช้ปัญญาพิจารณาแล้ว ก็ย่อมจะมาเห็นตรงกันทั้งชาวพุทธว่า ถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหากันแล้ว และไม่น่าจะยากเย็น และไม่น่าจะสลับซับซ้อนอะไรเลยเพียงแต่เข้าใจศาสนาของเราเอง เข้าใจความประสงค์ของพระบรมศาสดาว่าทรงสร้างศาสนาพุทธขึ้นมาทำไม

ง่าย ๆ เลย เพียงแต่องค์กรสงฆ์ และ ระบบสงฆ์ปัจจุบันได้เข้าใจเรื่อง หน้าที่ของตน เท่านั้นเอง และขึ้นชื่อว่าพระสงฆ์ ทุกองค์ ทุกรูป กลับมานึกถึงหน้าที่ของตนและปฏิบัติตรงตามหน้าที่ เท่านั้นเองซึ่งหากเข้าใจ การปฏิบัติหน้าที่นี้ก็มิใช่เพื่อใครได้ประโยชน์ เพื่อตนเองเท่านั้นจริง ๆ ตนเองปฏิบัติหน้าที่ของตน เพื่อตนได้ประโยชน์จริง ๆ และก็รู้กันอยู่ว่ามีหน้าที่อย่างเดียวกันหมดทุกคนทุกรูปเลยคือบวชมานุ่งห่มแบบพระพุทธเจ้าแล้ว มีหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้นคือการบรรลุธรรม โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และอรหันต์ ให้ได้ ใช้เวลาทั้งชีวิตนักบวชทำหน้าที่นี้ ไม่หยุดจนตายไปต่ออีกชาติหน้า อย่าไปทำอย่างอื่น

แต่พบว่า นั่นก็คือ หลงลืมหน้าที่กันไปหมดนั่นเอง มาทบทวนกันเถอะพูดแบบคนรักกันนะ ประธาน กรรมการมหาเถรสมาคม ก็มีหน้าที่ ทำตนให้บรรลุธรรม ทุกวันนี้ ไม่เห็นมีใครบรรลุเลย แม้โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และ อรหันต์ ไม่มีเลย นั้นแหละแปลว่า ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ตามความมุ่งหมายของพระบรมศาสดาเลย

ฉะนั้นอย่านึกว่ามียศมีตำแหน่งเป็นระดับสูงสุดแล้วนึกว่าเป็นอรหันต์นั้นไม่ใช่ๆๆๆๆ เป็นคนธรรมดา ๆๆๆๆๅๆ ที่ต่ำต้อยเมื่อเปรียบกับอริยสงฆ์นี่เอง จึงต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ทำตนเป็นพระอริยบุคคลให้จงได้ จากนั้น พระสมเด็จ พระรองสมเด็จ พระพรหม พระเจ้าคุณ พระธรรม พระเทพ พระราช พระสามัญ พระครู ตรี โท เอก พิเศษ พระ ปลัด ฯลฯ ลงมาแบบเจ้าขุนมูลนายไม่ผิดกันเลยกับโลก ๆ และมีตำแหน่งมาตั้งแต่ประธานมหาเถรสมาคม กรรมการมหาเถรสมาคม  เจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค  เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส ระดับรอง สามัญชนมากมายเต็มไปหมด(หลงไปยิ่งกว่าทางโลกเขาอีก) แต่หารู้ไม่ว่าเป็นระบบที่กีดกั้นหน้าที่ของเราเองอย่างเต็มๆ ไปเลย ซึ่งผิดหน้าที่ของสงฆ์สาวกไปอย่างตรงกันข้าม ...

ฉะนั้น จะต้องคืนมา พากันปฏิบัติหน้าที่ มีอย่างเดียว คือหน้าที่การปฏิบัติธรรมตามพระบรมศาสดาให้บรรลุอริยมรรค อริยผล ให้ได้ เป็นพระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ในชีวิตนี้ให้ได้ ยังไม่บรรลุธรรมถือว่ายังปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วน นี่แหละ ประโยชน์ตนเองแท้ ๆ เพราะได้พ้นทุกข์ยังไม่รู้คิดอีก โง่จริง สู่พระมหานิพพาน เลย และนี่เท่านั้น ๆ จริง ๆ จึงจะแก้ปัญหาสงฆ์ได้วันนี้ และยังจะส่งผลดีที่น่าตื่นเต้นแด่ชาวโลก ก็คือ พระพุทธศาสนาก็จะกระเดื่องดังไปทั่วโลกทั่วจักรวาล คนทั้งโลก 8 พันล้านชีวิตก็จะได้ประโยชน์ตาม ณ วันนี้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้เอง ที่เริ่มด้วยหน้าที่ของงพระสงฆ์องค์เณร พุทธบริษัททั้งหลาย มาทำหน้าที่กันอย่างเต็มความสามารถ เชื่อเถอะ มีผู้ทำดีอยู่ตราบใดโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์

-----

สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

จงรักเพื่อนมนุษย์ จะอยุ่เป็นสุขด้วยความเมตตา

-----*****-----

-----*****-----

-----*****-----

จบ ชุดแรก ตอนที่ 1-21  26 ต.ค. 2565 - 5 ม.ค. 2566 (......7 ม.ค. 2566)

·        แฟ้ม: พุทธศาสนารายวัน 26ต.ค.65-5 ม.ค.66(21ตอน) ปัญหาพุทธศาสนาวันนี้แรงร้ายแต่แก้ไขได้ด้วยพุทธิปัญญา ไทย

-----

*****




55.Macedonian มาซิโดเนีย

1..วาทะที่ 1..Wuhan virus, 1.. Зборови 1.. Вухан вирус Како светот ќе г
3..วาทะที่ 3.14 วันสันโดษ.3.. Збор 3.. Целиот свет мора да го избегнувk
41..วาทะที่ 41.. สคส.2564 43 ภาษาโลก Испраќање среќа 2021 година, говор 41.. SorKhorSor. 2021 г
61. วาทะที่ 61สัญญาณแห่งสันติธรรมโลกยุคใหม่
62..ยอดสุภาษิตโลก (63ภาษา) world proverb(63 languages)
69..วันสำคัญของมวลมนุษย์ทั้งโลก รอบ 16 ก.พ. 2565Ден на Маха Буча, важен ден за целот
70..แด่สงครามรัสเซีย-ยูเครน До Руско-украинската војна
75..อริยสัจธรรมข้อที่ 1 ทุกข์ 75..Првата благородна вистина: страдање
76..อริยสัจธรรมข้อที่ 2 สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ Втората благородна вистина на стр
77..อริยสัจธรรมข้อที่ 3 ทุกขนิโรธ Третата благородна вистина: Дука Нир
79.. The 4 Noble Truths, 4 manuscripts for translations of 64 world languages, complete the 4 Truths, Samutaib, Nirodha, the Path. 79..อริยสัจธรรม 4 ต้นฉบับ สำหรับการแปล 64 ภาษาโลก ครบ 4 สัจจะทุกข สมุทัยบ นิโรธ มรรค
90 อริยสัจ ๔ Please translate to your language by Google translate
91 คำชี้ทางปฏิบัติ สังหารกามกิเลสลงได้จริง Please translate to your language
93 Тајландските муслимани не ги разбираат и&#
99..อริยสัจธรรมแห่งชีวิต บทที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 Please translateto your language by Google translate
99..อริยสัจธรรมแห่งชีวิต บทที่ 1 2 3 4 5 Please translateto your language by Google translate
100..Што учи будизмот? Ова е одлична вест. Нека с&
101..การเมือง เสนอให้คิด คนไทยไปสู่ประชาธิปไตยจริง ๆ ชุดที่1-5 18 เรื่องต้นฉบับไทยสมบูรณ์
102..Please translate NWE ต้นฉบับ ยอดสุภาษิต เดือนกันยายน 2565 50บท ภาษา ไทย-อังกฤษ
103 Please translate Phayap Panyatharo ประวัติชีวิตนักปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต พระพยับ ปัญญาธโร (เล่าเอง) ตอนที่ 1-2 ไทย 48 บท
104.pleasetranslate รวมยอดสุภาษิต ถ่ายทอดไป 138ภาษาโลก ครอบพลเมือง 7.6 พันล้านคน
105 please translate รวมยอดสุภาษิตวรรคสั้น 210 บทต้นฉบับ ถ่ายทอดไป 138 ภาษาโลกครอบ 8พันล้านประชากรทั้งโลก
106 please translate ปัญหาของพระพุทธศาสนาแก้ไขได้ง่ายทั้งระบบสงฆ์แล้วนั้นหมายถึงสว่างรุ่งเรืองไปทั้งโลกยุคนี้
107. ส.ค.ส.(ส่งความสุขปีใหม่) 2566 แด่พลโลก 8พันล้านชีวิต
108.Please translate อิสลาม-พุทธศาสนา รายวัน 21 ธ.ค.2565 สมาธิ3ระดับสุดยอดมหานิพพาน
109. Please translate รายงานการวิจัยความคิดเห็นของคนไทยต่อปัญหาเดินขบวนในกรุงเตหะราน อิหร่าน
111.please translate พุทธศาสนารายวัน 26 ต.ค.65-5 ม.ค.66(21 ตอน ๆ ที่21) กลับมาทำหน้าที่เถิด
111.please translate การเมืองโลก ประชาธิปไตยอเมริกาจากธัมมจักกัปปวัตนสูตร สู่กาลามสูตร ต้นฉบับ 138 ภาษาโลก
112 please translate พุทธศาสนาวันนี้ รำลึกวันอาสาฬหบูชา วันพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา
120 แด่เพื่อน 2567
121 เรื่องราวของชีวิต ตอนที่ 1+2+3+4 ต้นฉบับไทย
122.การเมืองไทยวันนี้ 22สค.2566 ทักษิณกลับไทยแบบมหาเศรษฐีต้องโทษอาญาแผ่นดินเข้าคุกทันที8ปีทบทวน11กพ.2567
123 โหราศาสตร์ชี้ชะตาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส
124 โหราศาสตร์ ดาว6ดวงเคลื่อนมารวมกัน ใน7เม.ย.2567 อะไรจะเกิดขึ้นแก่ประเทศไทย
125 พุทธศาสนา โอวาทปาฏิโมกข์ วันมาฆะบูชาของชาวพุทธไทยและชาวพุทธทั้งโลก
126 การเมืองไทยวันนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พิธา-ก้าวไกลคิดล้มล้างการปกครอง ไม่ผิดหรอก
127 การเมืองไทยคัวอย่างที่น่าอัยอาย อำนาจตุลาการสูงสุดถูกแทรกแซงก้าวก่ายลดน้อยด้อยค่ามาตลอดจากอำนาจยริหารแม้หน่วยงานกระจิบกระจ้อยต้อยต่ำแค่กรมราชทัณฑ์ยังทำได้
128 เรื่องราวของชีวิต ตอนที่ 5
129 พุทธศาสนารายวัน 9 มี.ค.2566 มรรค 8 เพื่อบรรลุอริยบุคคลอรหันต์
130 การเมืองไทยวันนี้ 11 มี.ค. 2567 ศึกษาการเมืองไทย ประชาธิปไตยไม่เหมาะแก่การเมืองสัตว์ป่า จ่าฝูงเผด็จการทุกชนิด ประชาชนไทยต้องตื่นทำหน้าที่แล้วดูนายพลยอร์จ วอชิงตัน ผู้รู้ธรรมะประชาธิปไตยโลก
131 พุทธศาสนา สมาธิสูงสุดปราณ และ 9 เทกนิคการฝึกสมาธิของแพทย์ประสานกัน
132 การเมืองไทยวันนี้ยังเละเทะสับสนด้วยยุคซ็อฟท์เพาเวอร์ และพลังสงครามจิตวิทยา อันซ่อนเร้นเกินความรู้สึกอันเกี่ยวกับการเมืองอันตรายทั้งสิ้น
133. รวมเรื่องร้ายกาจรายวันในโลกยุคนี้ 4 เรื่อง
134 การเมืืองไทยวันนี้ 30 มี.ค.2567 บอกความคิดอ่านยังด้อยพัฒนาเป็นการเมืองต่ำต้อยด้อยพัฒนาจริง ๆ
135. การเมืองไทยในรัฐสภาวันนี้ 28 มี.ค. 2567 รับเรื่องบ่อนการพนันครบวงจรถูกกฎหมาย



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์ สื่อของเราทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นแดนสนุกน่าท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกกว่า 8 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน 8 พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น.