น้ำท่วมแผ่นดินใต้เป็นสิ่งที่นอกเหนือการคาดหมาย
เพราะเกิดในฤดูกาลที่ปกติมาเนิ่นนานแล้วเป็นหน้านอกฤดู
(ภาพถ่ายทางอากาศเหล่านี้เราได้จากสปริงนิวส์เมื่อ 4เม.ย.54)
เวลาที่เกิดอุทกภัยในภาคใต้ปีนี้ ผ่านมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว เป็นอุทกภัย ดินโคลนถล่ม รวมเป็นวินาสน์ภัยสมบูรณ์แบบ เป็นรอบกว่า 140 ปี ชีวิตประชาชนต้องสังเวยไป ตามตัวเลขล่าสุด 85 ชีวิตแล้ว (เกือบเท่าสั่งทหารล้อมปราบประชาชน เดือนพ.ค. 91 ศพ) ซ้ำเติมเข้าไปในความหมายของพรรคประชาธิปัตย์ยุคอภิสิทธิ์-สุเทพ ว่าเป้นรัฐบาลที่มากับภัยชีวิตของประชาชนทุกระยะที่อยู่ในความเป็นรัฐบาล และการเศรษฐกิจ และธรรมชาติขนาดไหน รุนแรงเพียงใด สัจธรรมก็คือมันย่อมผ่านไป และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ค่อยผ่านไป ฉะนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์จึงคิดว่า ถึงรัฐบาลจะไม่ทำอะไรเลย เรื่องราวก็ย่อมผ่านไปเองอยู่แล้ว และบัดนี้ เรื่องราวก็ผ่านไป สิ่งที่เราเห็นก็คือ รัฐบาลเพียงนั่งดูข่าวโทรทัศน์ และวางแผนแจกเงินหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง และนายกรัฐมนตรีกลายเป็นเพียงนักจัดรายการไป เสียดายเงินหรือไม่ ไม่เสียดายที่จะเอาไปช่วยพี่น้องให้แก้ไขชะตาอันเลวร้ายให้พ้นภัยเฉพาะหน้า แต่ที่เรายังคงมีวิจิกิจฉาอยู่ก็คือ พี่น้องภาคใต้เองได้มีหัวคิดหรือไม่ ในทางที่จะคิดทำอะไรให้ได้ดีกว่าที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์-สุเทพทำ......อยู่ขณะนี้ ..... มีวิสัยทัศน์หรือเปล่า ถ้าเราคิดว่าทำอย่างนี้ แค่นี้ดีแล้ว ยอดเยี่ยมแล้ว เราก็เตรียมเลือกสุเทพ อภิสิทธิ์ และชวน ไปเป็นรัฐบาลต่อไป...โดยคิดว่าเป็นผลดีก่อเกิดความปรองดองแห่งชาติขึ้น..เป็นต้น แม้ว่าเราเองก็รู้ชัดว่า มันไม่อาจจะเป็นไปได้ หากเราคิดการปรองดองบนความทุกข์ยากลำบากลำเค็ญทางเศรษฐกิจ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ข้าวของค่าครองชีพสูงลิบลิ่ว และการที่ประเทศชาติเป็นหนี้ท่วมประเทศอยู่ขณะนี้ แล้วท่านคิดว่าสักวันหนึ่ง ถึงเราไม่ต้องทำอะไร มันก็จะแก้ของมันเองจนได้นั่นแหละน่า...งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ทุกข์และสุขย่อมหมุนเวียนไป วันนี้ทุกข์ แต่วันหนึ่งสุขก็จะหมุนมาแทน ท่านคิดอย่างนี้ .......... ซึ่งนี่คือความคิดทาส...จะเป็นไปได้ก็เฉพาะสังคมยุคทาสเท่านั้น (เพราะทาสไม่มีสิทธิ์คิด) ... เพราะสัจธรรมมีว่า ความปรองดองไม่อาจจะมีขึ้นได้บนพื้นฐานความเป็นอยู่อันทุกข์ยากลำบากลำเค็ญ บนฐานะเศรษฐกิจที่เลวร้ายอดหยากปากแห้งเช่นประเทศไทยขณะนี้ ... (ท่านจงพิเคราะห์ดูว่าทำไมหมามันจึงถาโถมเข้ากัดกันเลือดโชกเพื่อแย่งกระดูกเพียงชิ้นเดียว ทำไมมันไม่รู้จักปรองดองกัน...แล้วท่านจะไปกล่าวโทษที่เรื่องความปรองดองจะได้หรือ ต่อเมื่อท่านเลี้ยงหมาให้ดี ให้อาหารการกินพอเพียง นั่นแหละหมามันก็ไม่กัดกันก็เกิดความปรองดองขึ้นระหว่างหมู่หมา) แต่เมื่อคนคิดผิด....นั่นคือมิจฉาทิฏฐิ......ก็เท่ากับยอมรับการบริหาร และดำเนินการบริหารที่ผิดพลาด..ไปเหมือนเดิม แล้วสังคมประเทศชาติจะรอดได้อย่างไร ในเมื่อตั้งอยู่บนมิจฉาทิฏฐิที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมผ่านไปเอง ถึงไม่ทำอะไร ก็ย่อมผ่านไปเองอยู่แล้ว..... ท่านจะคิดเช่นชาวใต้คิดก็ตามใจ แต่บัดนี้ คนทั่วประเทศคิดกันใหม่แล้ว........ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงแล้ว รัฐบาลคือลูกจ้างของประชาชน จะนั่งเป็นนายอยู่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องรีบเร่ง ขวานขวาย กระตือรือร้น รับผิดชอบด้วยชีวิต.... คนผู้เจริญยุคประชาธิปไตยเขาไม่เอาท่านอีกต่อไป รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และไม่เฉพาะรัฐบาลประชาธิปัตย์ รัฐบาลไหน ๆ ถ้านั่งเป็นนายยิ้มระรื่นอยู่ท่ามกลางความเดือดร้อนแสนสาหัสของประชาชน....เช่นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ เขาก็ไม่เอา เฉดหัวไปเลย....นี่คือประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีสิทธิ์ทุกเวลา ที่จะเลือกผู้รับใช้ที่ดีกว่า.....
- บุษบา บุญเสฏฐ์
อรบุศป์ ละอองธรรม
6 เม.ย.2554