เปรม ตินสูลานนท์ ถึงธาริต เพ็งดิษฐ์
ภาพผู้นำเหล่าทัพเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ 2554 มีสิ่งที่เข้าใจกันว่า เป็นประเพณีที่เหล่าทัพและแม้นายกรัฐมนตรี ก็ถือปฏิบัติมาเช่นนี้ เว้นแต่ยุคทักษิณ สมัคร สมชาย ซึ่งเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ในภาพเห็นพล.อ.เปรม เด่นในชุดสีฟ้า ยืนรับคารวะจากแม่ทัพนายกอง การที่เหล่าทัพกระทำเช่นนี้ เห็นได้ว่าไม่เป็นการเหมาะสมในยุคของระบอบประชาธิปไตย ตรงที่ต่างก็ไปในเครื่องแบบ อันแสดงถึงยศและตำแหน่งของทางราชการ ซึ่งยุคประชาธิปไตยนั้น ผู้ครองยศและตำแหน่งทางราชการ ย่อมขึ้นตรงต่อประชาชน จะไปค้อมหัวให้บุคคลอื่นใด นอกไปจากประชาชนไม่ได้ ผู้นำเหล่าทัพควรที่จะไปทำการเยี่ยมคารวะในโอกาสเช่นนี้ได้ แต่ควรต้องไปนอกเครื่องแบบ อันจะแสดงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล และสิทธิของปัจเจกบุคคลตามระบอบประชาธิปไตย อันเป็นความชอบธรรมและไม่ก่อเกิดปัญหาใดใดให้สังคมคลางแคลงใจได้
แต่การไปพร้อมเครื่องแบบ ยศ ตำแหน่งเช่นนี้ย่อมอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจได้สองทาง ทั้งทางที่ถูกต้อง และทางที่ไม่ถูกต้อง ในส่วนของความเข้าใจถูกต้องนั่นคือทหารทุกเหล่าทัพได้กระทำตนอยู่ใต้บังคับบัญชาของพลเอกเปรม ตินสูลานนท์ จริง และพล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ อย่างน้อยก็ถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจส่วนบุคคล(โดยไม่มีสิทธิ์และความชอบธรรมใดใดเลย)เข้าก้าวก่ายหน้าที่ราชการ ซึ่งพล.อ.เปรมกระทำมาตลอด โดยไม่ชอบ ทั้งทางหลักการประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมของระบอบใดใด นี่คือความจริง ทำให้คำพูดที่ว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ มีความจริงขึ้น อันมากน้อยเพียงใด ย่อมประจักษ์ในยุคประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดินอยู่แล้ว ส่วนประการที่อาจมองได้ว่าไม่ใช่เช่นนั้นก็คือ ก่อนหน้านั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้นำเหล่าทัพเปิดการแถลงข่าว ว่าทหารรับรองว่าจะไม่ทำการปฏิวัติ ยึดอำนาจหรือรัฐประหารอย่างแน่นอน ประกันไปถึงว่าอย่างไร ๆ ประเทศไทยก็จะมีการเลือกตั้ง ทหารย่อมไม่เกี่ยวกับการเมือง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปของสื่อมวลชน ในลักษณะท้าทายว่าจะรักษาสัจของชายชาติทหารไว้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อผบ.ทบ.ยังคงถือว่าตนเป็นผู้คุมกำลัง เป็นใหญ่กว่า ผบ.สส. เป็นใหญ่กว่า รมว.กลาโหม และเป็นใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี....(เช่นที่มีประวัติทหารมาตลอดนั้น) แต่ยอมรับใช้มือที่มองไม่เห็น.....หรือมีท่าทีเช่นนี้ เช่นในภาพนี้แล้ว จะไม่ให้คนสงสัยได้อย่างไร.......... กระนั้นก็มีเค้าของเจตนาที่ผบ.สส. พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ แสดงถึงความถูกต้องชอบธรรม ของวิธีการที่จะปฏิบัติของทหารในระบอบประชาธิปไตยอันถูกต้องอยู่ส่วนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี และผบ.สส.นั้นแท้จริงก็เป็นตำแหน่งที่ โดยโครงสร้างแล้ว ต้องเหนือกว่า ผบ.เหล่าทัพ จึงควรที่ผบ.เหล่าทัพจักเคารพเสมือนผู้บัญชาการทหารสูงสุดจริง ๆ เมื่อ ผบ.สส.ออกปากว่าจะไม่มี......ทหารต้องกลับเข้ากรมกอง... ก็ต้องเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ต้องไปฟังคำสั่งของพล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ทหารนอกราชการคนนั้น
แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ที่ตึงเครียดขึ้น ภายหลังเหล่าทัพและบุคคลสำคัญได้เข้าเยี่ยมคารวะ อันเนื่องมาจากการชุมนุมเสื้อแดงวันที่ 10 เม.ย.2554 เพื่อรำลึกประชาชนผู้เสียชีวิตในการเรียกร้องประชาธิปไตย อันเป็นเพื่อนร่วมรบร่วมเป็นร่วมตายของพวกเขา พวกเขาก็ต้องมาอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดา จะถือว่าเป็นความผิดได้อย่างไร ประเด็นนี้คือ ท่านอธิบดีกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้กล่าวหาว่ามี 12 แกนนำกระทำความผิดร้ายแรงมากจะต้องเรียกตัวมาสอบสวน ยื่นฟ้องร้อง ในฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ .......... (ซึ่งก่อนนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะ ประธาน ศอฉ. พร้อมทั้งเครื่องมือของรัฐบาลก็ได้อ้างเหตุผลนี้ โดยประกาศไปทั่วโลกว่า แดงมีเครือข่ายล้มราชบัลลังก์ เป็นเหตุผลหลัก เช่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุณยรุตน์กลิน ใช้อ้างเพื่อทำรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เข้าทำการปราบปรามประชาชนมือเปล่าผู้มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย จนนองเลือดใน 19 พ.ค.2554 )...... ทางพรรคเพื่อไทยได้ทราบเรื่องนี้ ก็มีคนตกใจลาออกจากสมาชิกพรรคไปทันที่ 1 คน คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ทางแกนนำที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาก็จะถูกถอนประกันโดยคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ เช่นเดียวกัน กำลังทำเรื่องราวอยู่ ......... นี่ก็จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไปใหญ่โต เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่....... ทำไมอธิบดีกรมดีเอสไอ และพลเอกเปรม ตินสูลานนท์จึงไม่คิดถึงหลักความจริงว่า ทางนายกรัฐมนตรีท่านประกาศจะยุบสภาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้พรรคการเมืองและเครือข่ายการเมืองเขาก็ต้องหาเสียง นักการเมืองก็ต้องวิ่งเต้นจัดการตนเองให้เข้าสู่ระบอบประเพณีของประชาธิปไตย นับแต่ กกต.เขาก็ต้องเตรียมการเลือกตั้ง สภาก็เร่งจัดการกฎหมายลูกที่ยังไม่เสร็จให้เสร็จ พรรคร่วมรัฐบาลเขาก็วิ่งไปนั่นไปนี่ เพื่อประสานงานรวมหมู่รวมพวกของเขา ไม่เห็นนายเตี้ยบรรหารวิ่งไปกอดนายเนวินโย่งหรือ ? ส่วนอีกพรรค ฝ่ายค้านเขา ๆ ก็ เปิดเวทีแถลงนโยบายของพรรคเขา พวกของเขา ๆ ก็ต้องเปิดไฮด์ปาร์ค เป็นธรรมดา ................. และไม่ใช่เพียงเท่านี้ พรรครัฐบาลที่ได้เปรียบ เพราะหาเสียงมาตลอดเวลาที่ได้เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว เช่นโดยนโยบายประชานิยม เอาเงินไปแจก เป็นต้น และก็ยังจะต้องออกมาเปิดไฮปาร์คสู้กันทางนโยบาย ........ออกโทรทัศน์ แขวนป้ายโฆษณาสู้กัน ไม่เคยดูอเมริกาเลยหรืออย่างไร นี่มันเป็นปกติธรรมดาของประชาธิปไตย เวลาที่จะมีการเลือกตั้งสำคัญคือตัวแทนประชาชนไปสู่อำนาจ .......แล้วอธิบดีกรมการสืบสวนสอบสวนพิเศษนี่ ไม่เข้าใจเลยหรืออย่างไร จึงไปคิดทำอะไร ๆ ที่ไม่ถูกต้องเช่นนั้น ???? ดีไม่ดี คนทั้งหลายอาจจะเข้าใจผิดว่าเลียประจบประแจงอย่างนอกหน้าโดยเสนอตัวไปรับใช้พล.อ.เปรม ไปทำสองมาตรฐานเอาแก่ประชาชนฝ่ายที่ค้านนโยบายรัฐบาล ก็จะทำบ้านเมืองให้วุ่นวาย จะสร้างความเสื่อมเสียและเสียหายไปถึงประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษไปด้วยซ้ำ.......อีกประการหนึ่งประชาชนจำนวนไม่น้อยที่เขาเดินไปในเส้นทางเดียวกับแกนนำที่คุณตั้งข้อหาแก่เขา ว่าคิดล้มเจ้า..เขาก็จะไม่พอใจและก่อเกิดความชิงชังขึ้น ..ก็จะกลายเป็นพลังใหญ่โตมหฬารแหวกออกนอกทิศนอกทางไปได้ ..เราจึงขอเตือนว่า เพียงใช้มันสมอง ตรึกตรองธรรม ว่าด้วยความเป็นธรรมดา เท่านั้นเอง อย่าทำเรื่องราวใดใดที่ขัดแย้งกับความเป็นธรรมดา ปล่อยให้อะไร ๆ เป็นไปตามธรรมดาของมัน ๆ ก็ไม่มีปัญหา.....(คุณธาริตก็ต้องใจกว้าง ทนให้เขาด่าเอาหน่อย เพื่อเห็นแก่ความสงบของบ้านเมือง....เข้าใจว่าถ้าไม่ใช่คนสำคัญแล้วเขาก็ไม่ด่า..) .......และทางเดียวขณะนี้ก็คือ ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตย เข้าสู่สถานการณ์ของมัน นั่นคือ สถานการณ์การเลือกตั้ง (ภาพถ่าย จากคอมพิวเตอร์สามอาจารย์เมื่อ 18 เม.ย.54,20.30น.)
- สุไหงปาดี ชินะกุล
19 เม.ย.2554/07.04น.