เนวิน ชิดชอบ บรรหาร ศิลปะอาชา อันธพาลในประชาธิปไตย
แกไม่เคยสนใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร แกประกาศว่าถึงชนะเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะพรรคภูมิใจไทย จะรวมกับประชาธิปัตย์ พูดเหมือนนายอภิสิทธิ์ ๆ ว่าใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็จะได้เป็นรัฐบาล
ทั้งพ่อทั้งลูกหน้าตาเหมือนไดฯ ระวังแกแจกเงินไม่อั้น.......
ผมว่านักการเมืองเช่นนี้แหละควรที่ชาวประชาธิปไตยจะได้ไล่ออกเสียจากการเมืองยุคประชาธิปไตย
- ผู้ตั้งกระทู้ นายเบญจะ ณ นคร :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-04 23:23:19
[1]
ความเห็นที่ 1 (3293359)
ถูกแล้วครับ วิธีทำง่ายนิดเดียว ไม่ต้องไปออกปากไล่เขา เราไม่เลือกพรรคนายเนวินก็เจ๊ง
อย่าไปเลือกมัน.................เท่านั้นเองพี่น้อง !!!
- ผู้แสดงความคิดเห็น คณิกา เกิดสิทธิ์ วันที่ตอบ 2011-05-05 20:08:09
ความเห็นที่ 2 (3293532)
ตอนนี้ได้ข้อพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาลบริหารงานไม่เป็น สร้างหนี้สินล้นพ้นตัวให้ประชาชนแบกรับภาระ และปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากภาวะข้าวของแพง ค่าแรงตกต่ำ รัฐบาลยังอนุมัติงบประมาณกว่า 600,000 ล้านบาทเป็นการทิ้งทวนก่อนยุบสภาโดยโครงการดังกล่าวประชาชนแทบไม่ได้รับผลประโยชน์ นับวันก็ได้พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า คุณเข้ามาเป็นนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเองมิใช่เพื่อประชาชน นักการเมืองเช่นนี้แหละที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและระบอบประชาธิปไตย ถึงเวลาที่ประชาชนต้องทำหมันนักการเมืองไดโนเสาร์กลุ่มนี้เสียทีไม่ให้มีโอกาสมาผงาดในสภาผู้แทนราษฎร ประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง
- ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-05-08 00:33:29
ความเห็นที่ 3 (3293700)
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีแผนชั่วร้ายมาตั้งแต่เกิด เขาเลี้ยงพรรคภูมิใจไทยไว้ เลี้ยงนายชัย นายเนวิน ไว้ ก็เพื่อให้แบ่งคะแนนเสียงจากอีสานไปบ้าง โดยลงทุนเท่าไรก็ยอม เพราะ ประชาธิปัตย์ ไม่มีน้ำยา มีสาเหตุมาจากไม่เคยทำนโยบายอะไรเป็นคุณประโยชน์แด่พี่น้อง ในอีสานเลย ฉะนั้น ตั้งแต่คดีกล้ายาง เริ่มต้น นายเนวินพ้น เพราะศาลโสโครก-ตุลาการภิวัฒน์สั่งยกฟ้องตามใบสั่ง สร้างหนี้บุญคุณแก่เนวิน แล้วให้สส.ใต้บาทาตนเองแยกออกจากพรรคเพื่อไทย เป็นงูเห่า เอามารวมเสียงให้พอ ได้จัดตั้งรัฐบาล คราวต่อไปก็จะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ เพื่อไทยจึงอาจจะเสี่ยงถึงชนะแต่ได้คะแนนไม่พอเสร็จเด็ดขาด เพราะมันประกาศกันไว้แล้ว ทั้ง ประชาธิปัตย์(โดยนายกเด็กอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และจอมอกตัญญูเนรวิน-เนวิน ว่าถึงเพื่อไทยชนะก็อาจจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ใครรวมเสียงได้พอต่างหากมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล มันว่าอย่างนั้น มันชั่ว เลว ขนาดไหน ในฐานะที่เรากำลังส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยกันอยู่ ต้องการสปิริตจิตใจ หรือจริยธรรมแห่งประชาธิปไตยกันอยู่ ไม่งั้นระบอบจะตั้งมั่น เดินไปบนครรลองที่ถูกต้องได้อย่างไร...... มันพูดอย่างนี้ โง่อย่างนี้ ชั่วอย่างนี้นั่นแหละ ศัตรูของประชาธิปไตย นอกจากไม่คิดสร้างประชาธิปไตย ด้วยความเห็นแก่ตัว กระหายอำนาจ แล้ว ยังมุ่งทำลายวิถีทางที่ถูกต้องของประชาธิปไตยทุกทาง
ผมเองหวังว่า เมื่อประชาธิปไตยตั้งมั่นแล้ว ระบบอำนาจจะต้องถูกจำกัด ไม่พึงมีผู้หนึ่งผู้ใดอยู่ในอำนาจตลอดไป มันไม่ยุติธรรม อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ มีอย่างที่ไหนที่ชั่วชีวิต ไม่เคยพ้นไปจากสภาผู้แทนราษฎรเลย ผมหมายถึงนายชวน หลีกภัย และสส.คนอื่น ๆ ที่ตัวเองเป็นแล้วเป็นอีก เอามาคุยโอ้อวดกันว่าตนเป็นสส.มาแล้ว 7-8-9 สมัย พ้นจากตนแล้วก็เอาเมีย เอาผัว เอาลูก มาเป็นต่อ เป็ฯกันอยู่ในตระกูลนั่นแหละ
วันนี้ผมกับชาวไพร่เสื้อแดง ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง จะต้องได้มีโอกาสเข้าไปในนั้น ........ และเพื่อให้เกิดความชอบธรรม จะต้องจำกัดอำนาจการอยู่ในวาระของ สส. และ รมต. สว. ทุก ๆ ตำแหน่ง ผมจะให้อยู่ได้เพียง 2 วาระ ๆ ละ 4 ปีเท่านั้น
ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเกิดขึ้นจากคนอยู่ในตำแหน่งเนิ่นนาน ในระบอบไทยที่ผ่าน ๆ มา อย่างนายชวนหลีกภัย เป็นตัวอย่าง เพราะนายชวนเป็นสส.เป็นรมต.ทุกกระทรวง แม้กระทั่งล่าสุดได้เป็นถึงรมว.กห. แต่ไม่เห็นแกทำอะไรเป็นสักอย่าง ....................................ไม่เห็นจริง ๆ แม้กระทั่งเรื่องยาเสพติด แกยังค้านเขาเลย ตอนที่ทักษิณจับตาย ตอนปราบยาเสพติด แกว่าทักษิณทำผิดสิทธิมนุษยชน .............. ลองถาม ๆ ดูว่านายชวน ผู้คร่ำหวอดในสภา ทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ....มีแต่ทำอะไรโง่ ๆ ขายข้าวก็ไม่เป็น........เอามาเล่าใหม่ก็ได้ สมัยหนึ่งนายชวนไปประชุมที่ต่างประเทศ นั่งติดกับนายโจเซฟ แอสตราดา นรม.อินโดเนเซีย นายโจเซฟ เอสตราดาถามว่า ข้าวหอมมะลิคุณอร่อยนะ ผมจะขอซื้อมากเลย คุณขายอย่างไร ตันเท่าไรล่ะ.................นายชวนไม่เข้าใจ และไม่เคยคิดเรื่องจะหาเงินหาทอง หาตลาดสินค้าให้พี่น้องเกษตรกรเลย แกก็ไม่รู้ราคาขายข้าวไทย เท่าไร แกก็บอกว่า เอ ผมก็ไม่รู้ครับ เดี๋ยวผมถามพวกพาณิชให้นะครับ ขอเวลา 3-4 วัน (ใครเขาจะไปคอยคุณ) เขาก็ไปซื้อข้าวเวียดนามแทน ..... ต่อมาพอราคายางตก ภาคใต้วิกฤตราคายาง นายชวนก็ให้พี่น้องชาวใต้โค่นยางลงเสียหลายหมื่นไร่ ให้ปลูกจำปาดะแทน........ยางก็ไม่ขึ้นราคา จนถึงสมัยทักษิณจึงขึ้นราคามาจนถึงปัจจุบัน .... นี่คือตัวอย่างนะครับ ส่วน สส.ประเภทที่เอาครอบครัวตัวเองมากุมอำนาจประชาชนก็เหมือนกัน ก็ไม่เห็นทำอะไร นอกจากการดูแคลนประชาชน ด้วยพฤติกรรม ที่ว่า ทั้งปีไม่ออกไปพบประชาชน ถึงเวลาเลือกตั้งค่อยเอาเงินไปฟาดหัวเอา ไปช่วยงานแต่งงาน งานบวช งานทำบุญประจำปี ทอดผ้าป่า เอาปลาทูเค็มไปแจก จัดหนังให้ดูฟรี ๆ จัดมวยกลางแจ้งให้ดู ไปจองลูกนิมิตร ไปช่วยงานฉลองโบสถ์ บริการยานพาหนะไปเลือกตั้ง ฯลฯ ........ ผมมองดูเสื้อแดง ไพร่ ๆ เขาตั้งใจต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาเพื่อประชาธิปไตย ................ ถูกไล่ยิง ไล่ฆ่าตายกันเป้ฯเบือ ก็ไม่ถอย ............... จนได้ประชาธิปไตย .........ผลก็คือ เท่ากับสร้างงานให้คนพวกหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นว่าต่อสู้อะไรนักหนา ขึ้นมาเป็นเจ้านายของพวกเขา ................ อย่างนี้แหละครับที่ผมเห็นว่า ยังไม่ยุติธรรม
ผมจะต้องจัดการให้พี่น้อง พลไพร่ของผม มีโอกาสเข้าไปนั่งในที่ตรงนั้นได้ อย่างเสมอหน้ากับคนที่เป็น สส. หรือ รมว. อยู่ขณะนี้ ............................ แต่ก็คงไม่มีใครปฏิเสธ ............ในการกำหนดกติกาให้เป็นธรรม ดังที่ผมว่า .................
เพราะเมื่อทักษิณมาแล้ว ก็คงทำให้ประเทศไทยร่ำรวย ด้วยนโยบายอันเฉียบขาด.......... นั่นหมายถึง การมีงานทำกันทั่วหน้า...........ถ้าคุณเป็น สส. หรือ รมว. อยู่ คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการที่ต้องพ้นวาระไปว่าจะไม่มีงานทำ นะครับ..........
เพราะฉะนั้น ในวันนี้ ผมอยากให้ พรรคเพื่อไทยได้ปกครองประเทศ แทนพรรคเก่า ที่ไม่มีนโยบาย โดยไม่มีเงื่อนไขเลย ก็คุณ ประชาธิปัตย์ทำบ้านเมืองล่มจมมาขนาดนี้แล้ว จะหน้าด้านพอ จนคิดกลับมาอีกหรือ ผมอายแทนนะ อายกระทั่งเพียงคิดว่า จะมีคน ประชาชนไหนเขาจะเลือกคุณ เป็นผู้แทนของเขา..............คุณรู้ความรู้สึกของคนหรือไม่ .............ทั้งแผ่นดินอับอาย..........เมื่อมีคุณอยู่
เหตุผลหรือ ....ก็คุณไม่มีนโยบายเลยแล้วคุณจะบริหารงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนได้อย่างไร.......มีข้อพิศูจน์เห็น ๆ กันอยู่ และทั้งได้ซาบซึ้งกันมาแล้วตลอด2-3ปีหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ว่าคุณทำงานไม่เป็นเลย นั่นคือสมญาที่เขาให้ว่าเป็น รัฐบาลเด็ก ที่เหมือนเด็กจริง ๆ ขายหน้าต่างประเทศเขา กระนั้นแล้ว ยังอยากมาเป็นรัฐบาลอีก รวมทั้งพวกโง่ ก๊กภูมิใจไทยด้วย
- ผู้แสดงความคิดเห็น สรศักดิ์ สนมไพร วันที่ตอบ 2011-05-09 19:52:38
ความเห็นที่ 4 (3293846)
ไอ้ที่วิ่งไปกอดกันให้คนดูน่ะ นายบรรหารเตี้ย ที่ถูกชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ถือกระดาษแผ่นเดียวด่าในสภา ให้คนทั้งประเทศฟัง ไป3-4 ชั่วโมง ก่นโคตรเง่ามาแต่เมืองเจ๊กเมืองจีน ........... ทำเป็นแก้เขิน ............ เอาแต่ยิ้มเหมือน เด็กออติสติกไม่มีผิด ........ นี่ก็มีความผิดต่อประชาธิปไตย ไม่แตกต่างจากเนรวิน ชิดชอบ ..........
ทำมาตั้งแต่คราวก่อนแล้ว ยังไม่ทันไร ออกท่ากันเขาไว้แล้ว ถ้าคนระดับอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าใจวิถีทางประชาธิปไตยเลยเช่นนี้ ก็สมควรที่จะถูกมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม อย่างที่ผมกล้าพูดอยู่ขณะนี้แหละครับ ................... เมื่อคุณไม่รู้ประชาธิปไตยเลย ไม่เข้าใจวิธีการที่จะพัฒนาระบบนี้ให้เจริญไป แต่กลับขวางเสียเช่นนี้แล้ว คนอย่างนี้จะมีประโยชน์อะไร แก่สังคมประเทศชาติ ที่ต้องการเดินไปบนวิถีทางประชาธิปไตย ................... คุณเอาหลักการมาจากไหน ที่ว่า พรรคได้ที่หนึ่งไม่จำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาล มันอยู่ที่ว่าพรรคใดสามารถรวมเสียงได้มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลต่างหาก...................... คุณบรรหาร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าใจอย่างนี้จริง ๆ หรือ ????? ................ นี่แหละคือประเด็นที่คนผู้รักประชาธิปไตย เหยียดหยามคุณ และขอร้องว่า อย่าอยู่ในวงการเมืองไทยต่อไปเลย .....เพราะไร้ประโยชน์ แต่ทำลายประชาธิปไตย ...... และถ้าให้ดี เอาออกไปทั้งโคตรตระกูลคุณ กลับไปเมืองเจ๊กเมืองจีน ตามที่ชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ เขาด่าว่าไว้
เขาจะสร้างสังคมประชาธิปไตย ต้องการเดินไปบนวิถีทางประชาธิปไตย ด้วยหลักการประชาธิปไตยอย่างนั้น ๆ .............. แต่มีคนเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี กลับไม่เข้าใจ มุ่งทำลายวิถีทางประชาธิปไตยด้วยความโง่เขลา ไม่เข้าใจหลักการประชาธิปไตย เช่นนี้แล้ว ............. มันคือศัตรูของประชาธิปไตย ........................และศัตรูของประชาชน
ตามทฤษฎีของคุณบรรหาร ...... อดีตนายกรัฐมนตรี........และรวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ นรม.เด็กน้อย ........... คุณไม่เข้าใจจริง ๆ หรือว่า ถ้าเอากติกาว่า ผู้ชนะเสียงส่วนใหญ่ ไม่สำคัญ สำคัญที่พรรคเล็กพรรคน้อยสามารถรวมเสียงกันได้เป็นอันดับหนึ่ง ก็ให้จัดตั้งรัฐบาลได้.....................
มีคนโง่ขนาดนี้ ......... และคนนั้นเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีไทย ......................
ลองคิดดูเองนะครับ ถ้าทำได้อย่างที่คุณว่า ........... การเมืองไทยจะอลเวงไม่รู้จบสิ้น............... อย่างไร ?????....และนั่นก็คือ การเมืองป่าเถื่อนเราดี ๆ นี่เอง คุณคิดได้อย่างไร คุณบรรหาร ???
อย่าให้บอก...อย่าให้สอนนะครับ คิดเองได้.................โตป่านนี้แล้ว........อีกคนก็จาก อ๊อกฝอด แค่นี้ไม่เข้าใจ ก็อายเขาตายห่า
และ นี่คือเหตุผล ที่เราประชาชนไทย จะไม่อนุญาตให้พรรคบรรหาร พรรคเนวิน และพรรค ภิสิต มีบทบาทอีกต่อไป .....
เรามีเหตุผล ใช่ไหมครับ ???
- ผู้แสดงความคิดเห็น สรศักดิ์ สนมไพร วันที่ตอบ 2011-05-10 23:37:18
ความเห็นที่ 5 (3293848)
อีกคนก็สุเทพ เทือกสุบัน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ..........พูดอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลยว่า ชนะที่ 1 ไม่สำคัญ สำคัญที่สามารถรวมเสียงได้ที่หนึ่ง มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล ............ก็สมอยู่กับสมญา มนุษย์วานร 1.8 ล้านปี บอดจริง ๆ ..................... คงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม พูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ...........
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายบัฟฟาโล(นายควาย) วันที่ตอบ 2011-05-11 00:08:38
ความเห็นที่ 6 (3293871)
ผมจะแย้มสักหน่อยก็ได้ครับ......... เมื่อรัฐบาลประกอบด้วยพรรคการเมือง พรรคเล็กพรรคน้อย รวมกันเป็นเสียงส่วนมาก ............ คุณจะบริหาร............โดยหลักการที่ว่า บริหารงานตามนโยบายที่ได้หาเสียง หรือ รับปากกับประชาชนไว้........ได้อย่างไร ?...... และเมื่อในสภา มีฝ่ายค้านที่มีเสียงของประชาชนสนับสนุนอยู่เป้ฯส่วนมากเพราะรอบรู้นโยบาย ชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล แล้ว............. มันจะบริหารไปยากขนาดไหน.........................ฝ่ายที่โกงก็จะออกกฎหมายไปอย่างผิด ๆ ถูก ๆ ฝ่ายที่ประชาชนเขาสนับสนุน ก็จะค้านเพราะเห็นว่ารัฐบาลผสมทำไม่ถูก ................ การเมืองไทยเป็นเช่นนี้มานาน ก่อนที่เราจะได้รัฐบาลทักษิณ อันเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย.....ที่สร้างขึ้นตามหลักการประชาธิปไตยจริง ๆ .....และมีผลจริง ๆ นั่นคือ ประชาธิปไตยกินได้ .............
ก็รัฐบาลอภิสิทธิ์นี่แหละทำตัวอย่างอันวุ่นวายให้เห็น ได้พิศูจน์มาแล้ว หลังรัฐประหาร คือรัฐบาลอภิสิทธิ์ขณะนี้.........ที่ชวนทหารปฏิวัติรัฐบาลประชาธิปไตย ที่เขาได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนท่วมท้น..............มาจัดตั้งรัฐบาลประกอบด้วยก๊กการเมืองภูมิใจไทย ที่ประชาธิปัตย์ต้องเอาใจเหลือเกินจริง ๆ (เหมือนเลี้ยงหมูเตรียมเอาไว้เชือดขายทำกำไร) นับแต่ ให้แดกกระทรวงใหญ่ ๆ แดกงบประมาณก้อนใหญ่ ๆ ก็เพราะวางแผนยึดอีสาน.......แล้วยังมีการบงการจากรั้วคนในเครื่องแบบ ............... ก็บริหารประเทศไป แบบโกงประเทศไปอย่างไรก็ได้ เพราะมีพวกตนเองคุมระบบอยู่...........ก็นี่แหละ เผด็จการ อมาตยาธิปไตย... .จนกระทั่งคนที่ไม่เอาไหนเห็นว่าโกง เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทยไปเสียแล้ว... อันเป็นต้นกำเนิดความป่าเถื่อนล้าหลังกำลังเคลื่อนตัวมาครอบคลุมสังคมไทยทุกระบบ..................... เพราะการบริหารงาน ผิดทำนองคลองธรรมของระบอบ ทั้งประชาธิปไตย และจริยธรรมอันดีงามของสังคมสากล .................. ที่เห็นมา.......หลายครั้งหลายครา..............โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเอาวิธีบริหารอันป่าเถื่อน(คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร.....ก็คิดเอาวิธีการคนป่าคนเถื่อนมาใช้ นั่นคือ ล้อมปราบปรามประชาชนที่เขาออกมาเรียกร้องเพียงลมปาก มือปราศจากอาวุธ จิตใจบริสุทธิ์ปราศจากความเห็นร้าย ฯลฯ คุณก็ล้อมฆ่าเขาตายไป ยังไม่พอ ใส่ข้อหา ผู้ก่อการร้ายและ หมิ่นสถาบัน เข้าไปอีก สารพัดข้อหา อย่างเป็นสองมาตรฐาน ไม่อับอายใครในโลก) .....มาใช้กับประชาชนชาวไทย ที่ได้ชื่อว่าประเทศพระพุทธศาสนา ทำลายความหมายแห่งมโนธรรมและวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ที่สืบทอดมายาวนานจากบรรพบุรุษ....... ยังมองเหตุการณ์ไม่เข้าใจหรืออย่างไร .........................
คือ พรรคไร้หัวคิดประชาธิปัตย์ + ทหารหัวกลวง ซึ่งไม่ทราบมาอย่างไร มากุมอำนาจในสภาได้ บงการสภาได้.....บงการสถาบันอำนาจตุลาการได้... ก็รัฐบาลค่ายทหารที่ว่านั่นแหละ + ก๊กการเมืองเล็ก ๆ น้อย เช่นภูมิใจไทย ที่เอาเงินฟาดหัวเข้ามา อย่างที่เห็นกันชัด ๆ แต่มีอำนาจเหล็กคุ้มครองเอาไว้ .........แล้วการบริหารเป็นอย่างไร ? ก็ไม่สร้างสรรค์ ทำเงินไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ประเทศชาติมีแต่หนี้ ประชาชนไทยทุกวันนี้รับภาระหนี้จากรัฐบาลชุดนี้ พอเกิดอุแว้ออกมานี่ เอาหนี้ออกมาด้วยคนละ 6,000-600,000 บาท.(โดยประมาณ) การบริหาร....แน่นอน......เดินไปอย่างทุลักทุเล ตุปัดตุเป๋..................ไม่เห็นหรือไง ?........ คำมั่นสัญญาก็ไม่เป็นคำมั่นสัญญา.....นโยบายก็ไม่เป็นนโยบาย.............อย่างเช่นเด็กอภิสิทธิ์บอกว่า 99 วันเรียบร้อย (เดี๋ยวนี้เลยเวลา 99 วันมากว่า 200 วันแล้ว เรียบร้อยหรือเปล่า ?) .............จะใช้กฎเหล็ก 8-9 ข้อ .............(กฎปลาไหลน่ะซี เลี้ยวไปเลี้ยวมาได้) ....... หรือแม้ขณะนี้ พรรค ๆ หนึ่ง ก๊กภูมิใจไทยนั่นแหละ ออกนโยบายว่าจะจงรักภักดีต่อสถาบัน จะเทิดทูนสถาบัน.................มันเป็นนโยบายอย่างไร ? น่าหัวเราะ น่าอับอายจริง ๆ สำหรับประชาชนไทยที่จะไปสนับสนุนก๊กโง่ ๆ นี้...ด้วยนโยบายโง่ ๆ เช่นนี้.....(เราหมายถึงเรื่องความจงรักภักดีของประชาชนไทย ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ.......ประเทศไทยนานมาแล้ว ไม่เคยมีปัญหาในประเด็นนี้........คุณจะมาเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นปัญหาไปทำไม....คนไทยมีความจงรักภักดีล้นเปี่ยมอยู่แล้วทุก ๆ คน ......... คุณไม่เข้าใจคำว่านโยบายหรือ............นโยบายหมายถึง ประการแรก เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาของประชาชนอยู่ที่ไหน ปัญหาของประชาชนขณะนี้อยู่ที่ความจงรักภักดีหรืออย่างไร ??? การวางนโยบายต้องวางเพื่อแก้ปัญหา ในเมื่อสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา แล้วคุณจะมาเสนอทำไม มันก็เป็นเรื่องโง่ ๆ แสดงถึงความโง่ และโง่อย่างนี้จะให้ไปบริหารประเทศได้อย่างไร) ตัวอย่างเหล่านี้ ...เดี๋ยวนี้มันพิศูจน์แล้วว่า นี่คือเด็กเลี้ยงแกะเราดี ๆ นี่เอง .............. แม้ขณะนี้ก็ทำได้แค่วาทะกรรม............หลอกชาวบ้านไปวัน ๆ ............................. ทั้งนี้ก็เพราะระบบที่จัดตั้ง มันสวนทางกับวิถีทางของประชาธิปไตย นั่นเอง
ทีนี้ ในหลักการที่ว่า พรรคได้เสียงส่วนมากจะต้องเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล.................. มันทำให้ พอจะดำเนินนโยบายไปได้...... อย่างน้อยก็พรรคใหญ่ที่ชนะเลือกตั้ง ก็จะสามารถคุมนโยบายที่แถลงแก่ประชาชนไปได้ในส่วนของพรรคของตน และครั้นมีการผสม ก็สามารถที่จะผสมผสานนโยบายไปได้ ก็ยังจะทำให้ประเทศชาติ และประชาชนได้ประโยชน์ จากนโยบาย.........อยู่ส่วนหนึ่ง รัฐบาลสามารถทำงาน บริหารไปตามนโยบายที่ประชาชนรับรอง ที่เขาชอบ เขาอยากให้ทำ....ไปได้ ก็ส่วนหนึ่ง และที่สำคัญ เราได้พรรคที่เป็นฝ่ายแพ้ ด้วยการสนับสนุนของประชาชนไม่พอ.มาเป็นฝ่ายค้าน..................... มันทำให้เกิดการสบายใจของรัฐบาล ขึ้นเยอะ ............ ใช่ไหม ? (เช่น ประชาธิปัตย์ ได้มาสัก 83 เสียง เพื่อไทยได้สัก 200 เสียง นี่ เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลก็สามารถบริหารไปด้วยความสบายใจได้
และโดยประชาธิปไตย การเป็นฝ่ายค้าน........เช่นประชาธิปัตย์ ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป้ฯรัฐบาลได้อยู่ตลอดไป ตราบสามารถศึกษาทำนโยบายให้ชนะใจประชาชนอีสานและเหนือได้ ............
นี่......................เป็นความเป็นธรรมครับ.
- ผู้แสดงความคิดเห็น สรศักดิ์ สนมไพร วันที่ตอบ 2011-05-11 09:50:55
ความเห็นที่ 7 (3293882)
แต่ยุคนี้ เราต้องการเสียงประชาชนที่สนับสนุนนโยบายที่ดี มีประโยชน์ ให้มากพอ จนท่วมท้น............
เราหวัง........................ ประชาชนทุกชนชั้น......... ไม่ตกงานครับ..................
และแม้กระทั่ง สส. สว. หรือ รมว. เมื่อหมดวาระแล้ว.................. ก็ไม่ต้องกลัวว่า จะตกงานนะครับ...............
ก็ให้เพื่อไทยทำนโยบายที่เลิศสมิหรานั้นดูนะครับ ผมรับรองว่า ประเทศและประชาชน ต้องเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์.......ได้เลยทีเดียว................
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายบัฟฟาโล(นายควาย) วันที่ตอบ 2011-05-11 10:17:55
ความเห็นที่ 8 (3295666)
ผมชอบคำว่า ประชาชนไม่ตกงานครับ ผมเห็นในประเทศอังกฤษนี่ ประชาชนเขาตกงานนี่ รัฐบาลต้องให้เงินเดือนนะครับ........ แม้กระทั่งคนพิการ ทำมาหากินไม่ได้ รัฐบาลก็ให้เงินเดือน ................
ในประเทศไทยเรา ประเด็นหน้าที่ของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย โดยพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งนี้ ความจริงก็คือ แก้ปัญหาการตกงาน นี่เอง หน้าที่ของรัฐบาลคือ ต้องทำประเทศและประชาชนทุกชั้นให้มีงานทำกันทุก ๆ คน ไม่ให้ประชาชนตกงาน ให้ทุกคนมีทางทำมาหากินได้ หากประชาชนตกงานก็ต้องให้เงินเดือน เมื่อทำได้เช่นนี้ คนก็ไม่แห่ไปสมัครสอบเข้าเป็นราชการ อย่างที่เป็นอยู่ในยุคอภิสิทธิ์ รัฐบาลก็มีแต่ขยายงานราชการออกไปเพื่อให้พวกจบปริญญาได้มีงานทำ........เพราะไม่เคยมีความสามารถที่จะขยายงานออกไปทางภาคเอกชนเลย .......การที่รัฐบาลคำนึงถึงประชาชนจึงต้องสร้างงานไว้เยอะ ให้พอเพียง ทั้งทางราชการและภาคเอกชน ภาคธุรกิจ จนหางานทำได้ มีเงินเดือนระดับมาตรฐานของการอาชีพ เขาก็ ไม่จำเป็นต้องคอยสอบเข้าเป็นข้าราชการ หรือไม่จำเป็นต้องมีปมด้อยเมื่อไม่ได้เป็นข้าราชการ ในส่วนของนักการเมือง และระบบการเมือง ก็ไม่จำเป็นที่นักการเมืองจะหวงอำนาจ....อันเนื่องมาจากกลัวตกงาน หรือไม่มีงานทำ มีตัวอย่างของประเทศญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา เยอรมัน ฯลฯ ประเทศที่เจริญทางประชาธิปไตยทั้งหลาย นักการเมืองเขาพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ก็เพราะเขาลาออกไปแล้วเขาก็มีงานทำ .......... ไม่เหมือนนักการเมืองไทย ที่มีแต่แก่งแย่งตำแหน่งทางการเมืองกัน นับวันแรงขึ้น ทั้ง ๆ ที่เงินเดือนนักการเมืองไทยนี่ ถูกมาก จนดูน่าสมเพช น่าสงสาร (เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น สิงคโปร) เมื่อมองไปถึงต้นเหตุที่มาจากความกลัวไม่มีงานทำนั่นเอง และโดยเหตุนี้ ทำให้เกิดภาวะการแก่งแย่งกันเข้าสู่ตำแหน่ง ต่อต้านการยุบสภา ที่นักการเมืองไทยมักจะไม่ชอบให้ยุบสภา เพราะนั่นหมายถึงการตกงานทันที ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ แต่ถ้ารัฐบาลหรือนักการเมืองขณะที่มีอำนาจอยู่ได้เข้าใจหน้าที่ของตน ก็จะมุ่งมั่นต่อเป้าหมายอันนี้ คือ เป้าหมายในการสร้างงานไว้ให้เพียงพอแก่ประชาชนทุกชั้น รวมทั้งการหางานไว้ให้ตนเองทำเมื่อถึงวาระพ้นตำแหน่งทางการเมือง เมื่อสร้างงานเอาไว้ มีงานสำหรับประชาชนหลายหลากทั้งภาครัฐและเอกชน รัฐบาลก็ไม่ต้องห่วงว่ายุบสภาแล้ว พวกรัฐมนตรี สส. สว. ก็ไม่ต้องกลัว มีงานให้ทำอย่างหลายหลาก ทั้งนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาออกมา ก็ไม่ต้องคอยแย่งกันเข้าสอบแข่งขันเป็นข้าราชการกัน ซึ่งในประเทศไทยขณะนี้มีความรุนแรงมาก มีการเปิดรับสมัครราชการที่ไหนมีคนไปสมัครอย่างมากมายมโหฬารอย่างยิ่งจริง ๆ และครั้นสอบปีนี้ไม่ได้ ปีหน้า ปีต่อ ๆ ไปก็ยังคงมาสอบอยู่อีก จนอายุเข้าวัยกลางคนไปแล้ว เวลาราชการเหลือไม่เท่าไรแล้ว ก็ยังมาสอบ จึงเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงความตกต่ำทางเศรษฐกิจไทย เนื่องมาจากการว่างงานของประชาชนชั้นต่าง ๆ คนไทยก็ยังคงเตรียมสอบเป็นครูบ้าง อาจารย์บ้าง พัฒนาชุมชนบ้าง ขรก.อบต. บ้าง บางคนเทียวสอบสามเหล่าทัพ ตำรวจ สอบแล้วสอบ จนหมดอายุ ดูน่าสงสาร แต่ถ้ารัฐบาลมีความสามารถ ก็หมายถึงมีความสามารถด้านการจัดหางานไว้ให้พร้อมทั้งภาคเอกชนและราชการนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ระบอบประชาธิปไตยก็เดินไปได้ และสามารถสร้างความเป็นธรรมแด่สังคมขึ้นได้
ฉะนั้น รัฐบาลประชาธิปไตย ต้องสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการอยู่ดีกินดีนี้เป็นอันดับหนึ่ง ความเป็นประชาธิปไตยในประเทศใดจึงสามารถดูได้จาก การมีงานทำของประชาชน ให้มีอัตราการมีงานทำของประชาชนสูง ไปจนถึงมีเงินเดือนให้ประชาชนผู้ตกงาน ผู้พิการ...ฯลฯ ก็เป็นเครื่องหมายของความเจริญในประชาธิปไตย อันเนื่องมาจากรัฐบาลมีความสำนึกในหน้าที่และมีความสามารถในการสร้างสรรค์นโยบายสูง
ทุกวันนี้ รัฐบาลเผด็จการไทยสามารถทำได้แค่ให้มีการแห่กันไปสอบเป็นข้าราชการ จำนวนหมื่น ๆ คน ทั้ง ๆ ที่เอาเพียง 30-40 คนเท่านั้นเป็นปกติ ในสายการเมืองการแก่งแย่งชิงและหวงแหนอำนาจก็จะยังคงมีดีกรีสูง การจะสร้างกติกาว่า อยู่กันเพียง 2 วาระ ๆ ละ 4 ปี ทั้ง ๆ ที่มีความเป็นธรรมเช่นนั้น ในประเด็นการหมุนเวียนให้เจ้าของอำนาจได้ขึ้นสู่อำนาจ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็จะมีฝ่ายที่คัดค้าน อันมีสาเหตุมาจากกลัวการว่างงานของตนเอง
เราจึงอยากให้ประชาชนได้มองให้เข้าใจลึกซึ้งจริง ๆ ว่า รัฐบาลประชาธิปไตยนั้น จะต้องฉลาด มีประสบการณ์ พร้อมทั้งความรู้ ความสามารถ เพื่อที่จะไปดำเนินการบริหารประเทศในเรื่องสำคัญยิ่ง นั่นคือ การสร้างงานให้ประชาชนทำกันได้ทั่วหน้า มองไปไกลถึง มีเงินเดือนให้ประชาชนผู้ตกงาน และผู้พิการ ฯลฯ สว. สส. รมต. ข้าราชการการเมือง ก็ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อพ้นวาระแล้ว ไม่ต้องกลัวเรื่องตกงาน ..... โดยนัยยะนี้ ก็หมายความว่า ประชาชนต้องเข้าใจเลือกพรรคและนักการเมืองที่มีความสามารถมีนโยบายที่ชัดเจน ทั้ง นักการเมืองทั้งหลายจะต้องมองไปถึงหน้าที่อันสำคัญนี้ นั่นคือ ไม่เพียงนึกถึงประชาชนที่จะต้องบรรลุเป้าหมายความอยู่ดีกินดีของประชาชน เพราะเหตุที่มีงานทำกันทั่วหน้า ไม่ตกงาน แต่ต้องระลึกถึงตนเองด้วยว่าเมื่อมีโอกาส มีหน้าที่แล้วก็จงใช้โอกาสในการบริหารงานเพื่อบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ จนเกิดสภาวะพร้อมไม่ให้ตนเองตกงาน เพื่อประกันตนเองให้มีงานทำ ภายหลังพ้นวาระการเป็นนักการเมืองด้วย
นี่คือการช่วยสร้างประชาธิปไตยอย่างดีที่สุด
- ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-05-26 21:38:15