เฝ้าดูพรรคการเมือง
ดูทัศนะพรรคการเมือง ที่เรียกว่าพรรคเล็ก ๆ บ้าง อะไรเป็นจุดอ่อนของพรรคเล็ก ๆ และอะไรเป็นจุดแข็งของพรรคเล็ก
- ผู้ตั้งกระทู้ นายประชาธิปไตย :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-03 19:18:25
[1]
ความเห็นที่ 1 (3296515)
พรรคเล็ก ๆ มีความหวังอะไรครับ ?
ถ้าอยากหวังว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี...........นั้น ตามหลักการประชาธิปไตยแล้วมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่พึงหวังอย่างนั้น ...............................เพราะพรรคใหญ่.....หมายยถึงประชาชน..........ได้รับการสนับสนุนประชาชนเป็นจำนวนมาก......................................................พรรคเล็กควรหวังว่า ในวันนี้ เราจะแสดงความสามารถให้ประทับใจประชาชน......และในวันหน้า เราจะเป็นพรรคใหญ่ และมีสิทธิ์หวังเป็นนายกรัฐมนตรี........................นี่จึงจะถูกต้องครับ
สิ่งที่ไม่ถูกต้องประการหนึ่งก็คือ...........นักการเมืองพรรคเล็กไม่ควรจะโลภเกินไป........พอตั้งพรรคขึ้นปีแรกก็อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีเลย.......ได้อย่างไร......
ตัวอย่างคนโลภนะครับ มี
มีนักวิชาการคนหนึ่งครับ แกเป็นอดีตอธิการบดี ม.ธ. นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์.........พอลงเลือกตั้ง แกก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรีเลย....พอไม่ได้..........แกก็หยุดเล่นการเมือง..............
ผมว่า นี่คือการโลภเกินไป.................และอยากได้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้...........คือพอลงปั๊บก็ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย นี่ เป็นไปไม่ได้...........................สำหรับประเทศที่สมบูรณ์ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-03 19:39:41
ความเห็นที่ 2 (3296569)
อย่างในอเมริกา อังกฤษนี่ เราได้ยินชื่อพรรครัฐบาล กับพรรคฝ่ายค้าน จำเจ ซ้ำซากอยู่ทุกครั้ง ๆ จนเราไม่คิดว่ามีเพียง 2 พรรคเท่านั้น แต่แท้จริงมีพรรคการเมืองพรรคเล็กพรรคน้อย..................แต่พรรคเล็กพรรคน้อยนั้นไม่เคยมีเลยที่ได้เป้ฯรัฐบาล...........................
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอย่างคุณคิดเลย....................
เขาคิดผิดหรือ ไม่ชอบด้วยหลักการประชาธิปไตยหรือ ??
- ผู้แสดงความคิดเห็น สถาวร ผดุงสิทธิ์ วันที่ตอบ 2011-06-04 15:22:32
ความเห็นที่ 3 (3296573)
พรรคเล็ก ๆ มีเหตุผลครับ ในการโจมตีพรรคใหญ่ ๆ...............................แต่วิธีแก้ไข ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด....................ไม่ใช่ให้พรรคเล็กรวมกันเป็นรัฐบาลได้........แน่ละคุณจะต้องรู้ว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเช่นนั้น...........แค่คิดก็ไปไม่ได้แล้วครับ .........ไม่ใช่อย่างนั้นครับ................... นั่นเท่ากับล้มล้างหลักการของระบอบประชาธิปไตย....................
ในหลักการที่ว่า majority rule minority right ให้คนส่วนมากเป็นผู้ปกครอง โดยต้องรักษาสิทธิ์ของคนส่วนน้อย
คุณไม่เข้าใจหรือไง ?????
ถึงคุณไม่ได้เป็นรัฐบาล เป็นพวกเสียงส่วนน้อยจากการเลือกตั้ง แต่คุณก็ยังคงมีสิทธิ์ทุกประการเสมอ ๆ กับพวกที่ได้เสียงส่วนใหญ่........คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างในผลของนโยบาย...........เช่นการอยู่ดีกินดี คุณก็มีสิทธิ์ได้เท่าเทียมคนอื่น ๆ เงินเดือน ค่าจ้าง แรงงาน บริการ ที่เพิ่มขึ้น........มีบ้านเอื้ออาทรเกิดขึ้น มีสวัสดิการ เงินเดือนผู้พิการ ฯลฯ คนตกงาน คุณก็มีสิทธิ์ได้สิ่งเหล่านั้นอันเป็นผลจากนโยบายด้วย ............. นี่แหละเรียกว่าสิทธิของคนส่วนน้อย ไม่ใช่ว่าพวกตน....เสียงแพ้เขา แต่ระดมกำลังจัดตั้งรัฐบาลได้เข้ามาบริหารแล้ว ทำประโยชน์ให้เฉพาะพวกของตน เช่นรัฐบาลผสมประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา....ทำมา ที่เป้นต้นเหตุของ 2 มาตรฐานไปในระบบสังคมแทบทุกระบบ แม้กระทั่งระบบเศรษฐกิจ ก็เอื้อให้แด่พวกของตน นายทุน....บริษัทฝ่ายตนเท่านั้น........นั่นมันไม่ใช่หลักการของประชาธิปไตย
ถ้าเล่นการเมืองอย่างไม่เข้าใจ อย่างพวกคุณนี่ อย่ามากวนการเมืองเลย เป็นพวกวัชพืชแห่งประชาธิปไตยเท่านั้นเอง
- ผู้แสดงความคิดเห็น สถาวร ผดุงสิทธิ์ วันที่ตอบ 2011-06-04 15:46:21
ความเห็นที่ 4 (3296574)
สิทธิของคนส่วนน้อย........... คุณมีทุกประการเท่า ๆ กับคนส่วนใหญ่ครับ.....................ขอเน้นประเด็นหลักการ
เช่นพรรครัฐบาลบริหารดี เศรษฐกิจเติบโต บูมไปสุด ๆ ............รัฐบาลก็ขึ้นเงินเดือนไปอย่างสุด ๆ เช่นกัน ...........คุณกลัวหรือว่าเขาจะไปกาหัวคุณเอาไว้ ว่าพวกคัดค้านกู กูจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้ เอาเงินเดือนเรตเดิม ขึ้นให้เฉพาะพวกสนับสนุนตู..............อย่างนี้มีหรือ ???
คุณก็ได้ขึ้นเงินเดือน ฟู่ฟ่า กับเขาด้วย
นี่แหละครับ เรียกว่า รักษาสิทธิของคนส่วนน้อย
เราต้องการประชาธิปไตยไทยเจริญไปแบบถูกวิถีทางมัน มาทำให้เขวไปอย่างที่คุณคิด มันก็ตั้งหลักไม่ได้สักทีนะซี ......
ฮ่วย บักห่านี่ เดี๋ยวบักกอกสับหัวเลย......
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-04 15:59:16
ความเห็นที่ 5 (3296580)
แท้จริงพรรคเล็ก มาจากความคับข้องใจของประชาชน ในปัญหาที่ถูกมองเมิน...........มองข้าม............หรือมองไม่เห็น.......พรรคเล็กมีบทบาทตรงนี้ครับ.........
พรรคเล็กมีโอกาสทำนโยบายเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกมองเมิน มองข้าม หรือมองไม่เห็นนี้ อย่างสมบูรณ์ได้ ................ แต่............ประเทศใหญ่เกินไปที่พรรคเล็กจะอาจทำนโยบายได้อย่างครอบคลุมทั้งประเทศ........................เพียงในเวลาอันสั้น.......หรือแม้มีเวลาก็ยาก.............ยากที่พรรคเล็กจะทำนโยบายครอบคลุมทุกปัญหาได้...........เป็นวิสัยพรรคใหญ่เท่านั้น... พรรคเล็กที่สะท้อนปัญหาและหรือวางนโยบายออกมา ได้ประโยชน์แก่ประชาชนในแง่ที่.....มีการเสนอต่อพรรคใหญ่ หรือพรรครัฐบาล ได้ทราบ. หรือยัดเยียด บังคับให้ปฏิบัติ.........หรือหากประเด็นนี้มีความสำคัญและความจำเป็นจริง ๆ ก็อาจจะได้รับเชิญจากพรรคที่ได้เสียงส่วนมาก ที่มีสิทธิ์ตั้งรัฐบาลให้เข้าร่วมงานบริหารประเทศด้วยก็ได้ ....... นี่เป็นผลประโยชน์ของพรรคเล็ก......และวิถีทางของพรรคเล็กตามระบอบประชาธิปไตย
กรณีตัวอย่างในประเทศไทยปัจจุบันนี้ก็คือ ประเด็นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้......ที่ดูเหมือนมีพรรคการเมืองในท้องถิ่นเกิดขึ้น....แต่ก็มีคำถามว่า.......มีพรรคเล็ก ๆ ใดบ้างที่แสดงออกถึงความเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง.............ที่เป็นปัญหาที่ถูกมองเมิน มองข้าม หรือพรรคใหญ่มองไม่เห็น................ นั่นเป็นโอกาสของพรรคเล็ก ที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาล.......
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-04 16:55:27
ความเห็นที่ 6 (3296630)
แล้วพรรคเล็ก ๆ อย่างชาติไทยพัฒนานี่แหละ....พรรคบรรหาร พูดง่าย ๆ .......เปิดประเด็นสับสนขึ้นมาอย่างมั่วที่สุด เพราะไม่ได้สอดคล้องกับหลักวิชา หลักการอะไรของประชาธิปไตยเลย......แล้วไปพูดถึงตัวบุคคล ว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ควรเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะประเทศต้องการความปรองดอง แค่พูดหลักเบื้องต้นก็ไม่เข้าใจเสียแล้ว .....ในระบอบประชาธิปไตย ใครจะเป้นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ไม่ถึงเป็นนายพลอย่างสนั่นก็ได้ ขอแต่ประชาชนอนุญาต..........ไม่เข้าใจหรือไง มาพูดอยู่ทำไม.....ทำไมไม่รีบทำ ? .................... ผมว่านี่คือที่ว่า ......... ไม่รู้เรื่อง.........ก่อกวน..........ทำให้สับสนไปหมด
วาระนี้ ถ้าคุณอยากเป้นนายกรัฐมนตรี ........วิธีที่ถูกครรลองประชาธิปไตยก็คือ พรรคคุณก็ต้องเสนอเรื่องความปรองดองนี้เป็นนโยบาย ของพรรคของคุณ คุณก็พูดไปว่ามันเป็นนโยบาย ที่ตรงปัญหาของประชาชนอย่างไร.........พูดเหมือนไม่เข้าใจว่าตนกำลังทำอะไรอยู่.............พรรคของคุณก็กำลังหาเสียงอยู่ไม่ใช่หรือครับ...........และคุณก็คงต้องการเสียงสนับสนุนไม่ใช่หรือครับ และอย่างว่า หากได้เสียงท่วมท้น คุณก็ได้เป้นนายกรัฐมนตรี .......งั้นคุณก็ต้องรีบเอาประเด็นนี้ไปหาเสียงกับประชาชนสิครับ........................คูณก็อธิบายไปว่ามันจะช่วยประชาชนได้อย่างไร ...จะทำให้ประชาชนพ้นปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างไร.....มีความอยู่ดีกินดีอย่างไร........ มีเงินในกระเป๋าอย่างไร............(แบบที่พรรคเพื่อไทยเขาพูดน่ะครับ.........อย่างนั้นแหละเรียกว่านโยบาย) เมื่อคุณมีนโยบายดีกว่าเขาคุณก็ต้องรีบเร่งไปพูดกับประชาชน ............... ทำให้ประชาชนเขาเลือกคุณ นั่นคือทางที่ชัดเจน ไม่สับสน มั่ว เหมือนคนโง่เง่าไม่รูเรื่องรู้ราว .............
สรุปอีกทีหนึ่งนะครับ .........ตามหลักการก็คือ ถ้าพลตรีสนั่น นายบรรหาร เห็นว่า ความปรองดองเป็นเรื่องสำคัญ คุณก็เอาไปหาเสียง ให้ประชาชนเห็นความสำคัญซิครับ เขาก็จะเลือกพรรคคุณเข้าไป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และสำคัญขนาดพรรคชาติไทยพัฒนานี้มองเห็นก่อนพรรคอื่น ฉลาดกว่าพรรคอื่น
คุณก็รีบเร่งอธิบายนโยบายนี้ให้ประชาชนเขาวิเคราะห์ และเลื่อมใสในนโยบายนี้ของคุณ.........................มันเกี่ยวกับประชาชน ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมืองอื่น คุณไม่ต้องเสนอให้พรรคอื่นเขารับความคิดของคุณหรอก .............เพราะพรรคการเมืองอื่นเขาก็มีนโยบายของเขา คุณก็มีนโยบายของคุณ ของใครจะดีกว่าอยู่ที่ประชาชน
ไม่งั้น....หลักการที่ว่ามีพรรคการเมือง เท่ากับมีหลายหลากนโยบายให้ประชาชนเลือก ......ถ้าคิดอย่างคุณก็ไม่ต้องมีพรรคการเมืองหลายพรรคสิ ....ก็รวมกันเป็นพรรคเดียว .....แต่ระบอบประชาธิปไตยเขาไม่ยอมให้คุณทำเช่นนั้น เพราะ....... นี่คือแนวคิดเผด็จการล้าหลังสุดกู่.......อย่างที่พรรคชาติไทยพัฒนา มีนายบรรหาร นายสนั่น เสนอนี่แหละ เป็นเรื่องล้าหลังสุดกู่ เป็นการก่อกวน ทำให้สังคมเสียสมาธิ เป็นวัชพืชของประชาธิปไตยจริง ๆ
ต้องคิดใหม่ เรียนใหม่ รู้ใหม่ ในหลักการประชาธิปไตย ประชาชนเป็นผู้สูงสุด อยู่ที่ประชาชนจะเลือกนโยบายของคุณหรือไม่ เราต้องยอมรับในการเลือกของประชาชน ถ้าคุณเห็นว่าเรื่องการปรองดองสำคัญ ทำไมคุณไม่คิดว่า นโยบายความปรองดองจะชนะใจประชาชนและรีบเร่งเสนอว่านี่เป็นนโยบายของพรรคของเรา ..........แล้วมีหวังว่าจะชนะอย่างท่วมท้น...............................แล้วได้จัดรัฐบาลพรรคเดียวไปเลย จะปรองดองอย่างไรก็ได้ประชาชนสนับสนุน อนุญาตแล้ว ....
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-06-05 10:05:23
ความเห็นที่ 7 (3296666)
เตรียมใบข่อยไว้ครับ สำหรับรูดปลาไหล........................เริ่มออกลายปลาไหลอีกแล้ว....
จับมารูดอย่างเกลี้ยงเกลาเลยคราวนี้ แล้วเอาลงหม้อต้มเปรต ...............
- ผู้แสดงความคิดเห็น คนนอก วันที่ตอบ 2011-06-05 18:39:28
ความเห็นที่ 8 (3296812)
ปลาไหล กับงูเห่า.................ก๊าบ !!!
- ผู้แสดงความคิดเห็น นักเรียน วันที่ตอบ 2011-06-06 21:04:39
ความเห็นที่ 9 (3296984)
แล้วนายบรรหารก็ออกมา หาทางที่จะทำมาหากินทางการเมืองไทยต่อไป ......คราวนี้ เหมือนยี่เก.............ถือไม้เท้าทอง ห่มอะไรทอง ๆ หมด ผมหมายถึงนายบรรหาร....ว่าจะสร้างละคร มีพระเอกอภิสิทธิ์ ปชป. กับนางเอกยิ่งลักษณ์ พท................. ครับ ในวาระนี้ คือวาระที่ประชาชนอย่างผม มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มพิกัดนี่ .........
ผมว่านายบรรหาร ไปเสียแล้ว................
เขาหลงประเด็นไปอย่างสุด ๆ ........................
ในทัศนะของผม แกเป็นคนที่ไร้ประโยขน์ต่อประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ...........แล้วบทบาทอย่างนี้แหละครับ มันขวางทางประชาธิปไตยไทย
ความหมายของการเลือกตั้ง ............ความหมายของพรรคการเมืองในระบอบของประชาชนวาระนี้..............คุณมีอะไรที่แสดงถึงแก่นแท้ของพรรคการเมืองคุณหรือไม่ ...............?............คุณทำได้แค่นี้เองหรือ ????
ไปจัดการทำไมพรรคอื่นเขา..........ทำไมไม่มองตัวคุณเอง จัดการพรรคของคุณเอง ..............
ที่ทำตลก ๆ นี้ ไม่ตลกนะครับ....หลอกได้ในสมัย ก่อน 14 ต.ค. 2516 นะครับ....................หลังนั้นมา นักศึกษาเขาปลุกกระแสประชาชนให้ฉลาดแล้ว ............. เขารู้แล้ว ว่าพรรคการเมืองควรจะต้องทำอะไร มีหน้าที่อะไร เพื่อประชาชนอย่างไร .............
แล้วมัวมาเล่นตลกโปกฮา.......ก่อกวนบรรยากาศอยู่ทำไมไม่ทราบ
อีกพวกหนึ่งก็คือ พรรค เพื่อฟ้าดิน...............สำนักโพธิรักษ์ สันติอโศก นั่นเอง .......
นี่มันโลกานุวัต รู้ไหม ? โลกมันก็เป็นเช่นนี้ ............
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าโลกมืดอย่างไร .......... อวิชชา อย่างไร.............. แปลว่า โลกก็มีวิถีทางอย่างโลก ๆ ................ เอาละ ถ้าว่าตนเป็นถึง อาริยะบุคคลโสดาบัน เป็นต้นไปแล้ว ......... ก็อยู่ไปในโลกของตน ๆ เขาก็ไม่ว่า .........
ผมจะเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องหนึ่ง....................คือในสมัยที่หนอนพูดภาษาคนได้นะครับ ..............ก็พากันอยู่ใต้ฐานพระ หรือเวจ ส้วมถ่ายขี้นั่นแหละครับ กินขี้ไปวัน ๆ ต่อมามีหนอนพวกหนึ่งได้สำเร็จธรรม ก็ติดปีก.............บินออกไปจากฐานเวจพระไปสู่สวรรค์ ได้เป็นเทวดา หลงเสวยสุข เสวยของทิพย์บนสวรรค์อยู่ช้านาน วันหนึ่งจึงมานึกได้ว่ามีพรรคพวกอยู่ใต้ฐานพระอยู่อีกมากมาย ก็นึกสงสาร จึงไปเยี่ยมและบอกว่าไปกับผมเถอะ ไปอยู่สวรรค์เบื้องสูงเป็นเทวดาอย่างผมนี่วิเศษจริง ๆ ............พวกหนอนในเวจก็พากันมอง ๆ แล้วก็ตอบว่า เราอยู่ที่นี่แสนสบายที่สุดอยู่แล้ว สบายกว่าท่านเพราะอาหารไม่ต้องหา ถึงเวลาก็มาเองอยู่แล้ว ที่อยู่ที่นอนก็แสนสบาย ถ้าท่านว่าเป็นเทวดาดีก็เป็นเรื่องของท่าน จงไปอยู่อย่างเทวดาเถิด.......เราหมู่หนอนก็จะอยู่อย่างหมู่หนอน.......... ไป ไป ไป เสีย.........เทวดาก็ไป
เรื่องนี้ เปรียบเทียบได้ว่า คนพรรคเพื่อฟ้าดิน และพวกเอเอสทีวี มีสนธิลิ้ม จำลอง ศรีเมือง เป็นต้น คิดว่าตนเป็นเทวดา หรือ อาริยะบุคคล เมื่อประชาชนไม่สนับสนุน คะแนนเสียงไม่ขยับ แถมลดลงไปเรื่อย ๆ จนเหลืออยู่ 2-3 คนหน้าเวที ก็คิดว่า พวกนั้นไม่รู้ชั่วไม่รู้ดี เป็นพวกสิงสาราสัตว์ ส่วนเราเป็นเทวดา.............ก็เอาภาพสัตว์มาเขียนโปสเตอร์ขึ้น.มีรูปเสือ ควาย ลิง กะปอม ตะกวด หมา ............เหยียดหยามคนทั้งแผ่นดินว่าเป้นสัตว์(ซึ่งผิดความจริง เพราะ.....เป็นคน) .... ผมจะบอกให้ครับ แท้ที่จริงนี่คือการโอ้อวดยกตนกลาย ๆ เป็นผลจากแรงขับของ อีโก้ ภายในจิตใจที่แท้จริงของตน (สิ่งที่นักจิตวิทยาเขาสรุปว่าเป็น egoism ผลักดันนั่นเอง ทางศาสนาพุทธหมายถึงความหลงไหลใน อัตตา ตัวตนจัด เป็นพวก มิจฉาทิฏฐิ อีกพวกหนึ่ง............. ที่นึกว่าตนเป็นผู้วิเศษกว่าคนทั้งแผ่นดิน ....แต่แล้ว อาการที่หยามเหยียดมนุษย์เช่นนี้ กลับเป็นเหตุผลที่ฟ้องตนเองว่า แท้จริงเป็นพวกหลงผิด ...............เห่อเหิมในสิ่งที่ตนเองเข้าใจผิด................นั่นคือเข้าใจว่าตนเป็นอริยบคคล เหนือชั้นกว่ามนุษย์ทั้งหลาย .............. ในสันติอโศกทุกวันนี้ ล้วนมีแต่พวกหลงผิดเช่นนี้ การพูดการจาในสังคมนั้น ล้วนพูดจาเรื่องธรรมะชั้นสูง คือโลกุตตระธรรม ........อ้างไปอ้างมาว่าพวกตนล้วนสำเร็จ อารยะบุคคลไปตาม ๆ กัน ....... นั่นเองก่อทิฏฐิว่าตนเหนือคนทั้งหลาย..............
ที่เอเอสทีวีทุกวันนี้ มีพวกอาริยะบุคคลเหล่านี้ ขึ้นเวที ทำการฝึกหัดในสิ่งที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ คือฝึกหัดการด่า และการบิดเบือนโฆษณาชวนเชื่อ.........ซึ่งนั่นคือ หัดการพูดเท็จ พูดส่อเสียอ พูดเพ้อเจ้อ และหัดพูดด่าหยาบคาย....... และเริ่มจะทำเป็น คล่องไปเรื่อย ๆ .....ทั้งนั้น
และ คนทั้งหมดเหล่านี้ ไม่รู้เลยว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างไร วิถีทางของประชาธิปไตยเป็นอย่างไร โลกประชาธิปไตยเขาเจริญเพียงไร และอย่างไร .............บอดมืด..............ซึ่งอันนี้คือ ไม่เข้าใจหลักแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา นั่นเอง
( ถ้าผิดกฎหมายก็ควรเอาไปฟ้องร้อง ลงโทษได้ครับ อย่าไปแคร์มาก......)
พวกนี้ไม่รู้โลก และ ไม่รู้ธรรม คือ โลกานุวัต และ ธรรมนุวัต ............ เป็นพวกอาระยะบุคคลเก๊ ๆ ทั้งสิ้น...........
(เอเอสทีวี).................
นี่ไง มาแล้ว ........... กำลังพูดถึงเรื่องป้ายสัตว์อยู่พอดีนางมาลีรัตน์ นามสกุลแก้วก่า (เขาประกาศชื่อเขาอย่างกร้าว.....เหมือนมีแบคดี) ............... นี่ไม่ใช่พวกสัตว์นั้นนะครับ.......แต่เป็นยักษ์ ครับ ยักษ์...................ยักษ์ขมูฉี........ผมไม่ฟังหรอกครับ พูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง เห็นด่า กกต.อยู่........อ้าว.....ไปเสียแล้ว..............นี่คือตัวการเอาป้ายสัตว์ไปตั้งอีกคนหนึ่ง ........ว่าโดนทำลายไปหลายป้ายจะต้องขึ้นใหม่ ใครทำลายแม่ยักษ์ขมูฉีจะฟ้องให้เสด็ดน้ำไปเลย........
- ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-06-08 14:58:35
ความเห็นที่ 10 (3296985)
ผมจะบันทึกไว้ ให้เป็นหลักฐานว่า นางมาลีรัตน์ แก้วก่า ใส่ความพรรคเพื่อไทย และประชาชนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย ว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้งหนึ่ง .........อ้างว่าตนสังกัดพรรคภูมิใจไทยว่า ............ ให้พี่น้องเลือกพรรคภูมิใจไทย อย่าเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะพวกนี้จะกลับมาเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้งหนึ่ง.................
- ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย ธีระพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-08 15:02:48
ความเห็นที่ 11 (3296989)
SMS จาก ASTV : ขณะนี้ ม้าออกแล้ว ม้าบัดซบเป็นตัวนำ เหล่เป็นตัวตาม........แขกดำแหกลู่ไปแล้ว.....ฟ้าดินที่โหล่
- ผู้แสดงความคิดเห็น อนุพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-08 16:15:50