แล้วข้อเท็จจริงวันนี้ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลรักษาการณ์ หมายความว่ายังบริหารประเทศอยู่ รับผิดชอบเรื่องราวของประเทศและประชาชนอยู่อย่างเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนั่นเอง..................... แต่ดูเถอะ......ไปพูดว่าประชาธิปัตย์มีนโยบาย เริ่มต้นได้ในวันแรกเลย ว่าอย่างนี้................คือเดี๋ยวนี้เขาก็ทำได้ ไม่ต้องรอ เพราะเขาเป้นรัฐบาลอยู่แล้ว ...แม้เป็นรัฐบาลรักษาการณ์ก็ทำได้ ลองทำให้ดูหน่อยซี พิศูจน์กันเลย ............เห็นเบิกงบประมาณออกไปตั้งหลายแสนล้าน เอาไปทำอะไร ทำไมไม่บอกประชาชน ........
แต่มาพูดว่า.....ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเริ่มต้นได้ภายในวันเดียว.......
คือแสดงถึงความกะล่อน ไร้ความรับผิดชอบไปโดยสิ้นเชิง................เอาแต่ตั้งใจสร้างภาพหลอกลวงประชาชนไปวัน ๆ .................
ผมว่าถึงไปโต้วาทีกับคนอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ ก็แพ้................เพราะโต้วาทีทางการเมืองนี่ ไม่ใช่โต้วาทีทางภาษา.........แต่เป็นโต้วาทีเพื่อสาระประโยชน์อะไรต่อประชาชน พรรคการเมืองจะทำอะไร.....และ อย่างไร.ให้เป้นประโยชน์แก่ประชาชน ประเทศชาติ.............
พรรคประชาธิปัตย์จะทำอะไร และ ทำอย่างไร นี่ไม่เคยบอก..............แม้กระทั่งวาทะที่ว่า วันเดียวเริ่มต้นได้เลย นี่ ก็ไม่เห็นบอกว่าทำอะไร และทำอย่างไร ....... คนฉลาดไหนเขาจะยอมรับ ..........เพราะคำพูดนี่คือลอมฟาง ......ไร้สาระ ไหม้ขึ้นแล้วก็หายแวบไปเท่านั้นเอง.....และนี่เป็นนโยบายอย่างไร ไร้สาระจริง ๆ ...................แล้วก็ยังมีคนไม่รู้เรื่อง โง่เง่าเต่าตุ่น และไม่เคยทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ชั่วชีวิตอยู่ในสภาและรัฐบาลมาตลอดชีวิต คือนายชวน หลีกภัย ที่ออกมาพูดดื้อ ๆ ด้าน ๆ ว่า ..........คู่ต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ คืออันธพาล แดงเผาบ้านเผาเมือง.....จะยอมให้ขึ้นมาครองเมืองไม่ได้......................นี่หรือนักการเมืองที่มีคนยกให้ว่า เทพเจ้าการเมือง.........(นายนิพิธ อินทสมบัติ ไปประจบยกยอเอา....ก่อนได้เป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม) ........... นี่ก็เด็กอีกคนหนึ่งจริง ๆ ...นายชวน หลีกภัย กลับมาเป็นเด็กเอาตอนแก่ ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน ศอฉ. รองนรม.ฝ่ายความมั่นคง ได้พูดก่อนจะเกิดการปิดล้อมเข่นฆ่าประชาชนว่า จะระดมหน่วยทหารชั้นดี มี สวาท และ อินทรราช เข้ามาจัดการประชาชนผู้ชุมนุม โดยกล่าวหาว่าประชาชนผู้มาเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นคอมมิวนิสต์ ผู้ก่อการร้าย... คิดล้มล้างสถาบัน.......(นายสุเทพก็เอาผังล้มเจ้าออกมาโชว์ทางโทรทัศน์.......ก็เป็นหลักฐานอยู่โท่ ๆ เขาทำการกล่าวหารฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้อย่างลำพองใจมาก.....ทั้งนี้ก็เพราะ...คงคิดว่าตนเองและพวกคุมระบบไว้ได้ทั้งหมด...โดยเฉพาะคุมกำลังทัพบก.......แม้กระทั่งระบบตุลาการของประเทศ..........
แต่ประชาชนทุกชั้น เขากำลังฟัง...................มีโต้วาทีกันโดยปกติของวาระการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว......จะถามหาทำไมนักหนา.........นึกหรือว่าตัวเองจะชนะทางการโต้วาที..............ไม่หรอก.............การพูดเก่งอย่างไร ของนายอภิสิทธิ์และนายชวน นอกจากการโกหกพกลมไปวันหนึ่ง ๆ
ที่จริง เป็ฯเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ๆ ที่ประชาชนไทยพวกหนึ่งมองการพูดของนายอภิสิทธิ์ว่าเป้น การพูดเก่ง.......
ในขณะที่มีคนอีกจำนวนมากมายเกลียดชังการพูดแบบนี้ ................... เพราะเขาเอาสาระเป้ฯหลัก.........................................................................
ถ้าเอาตามหลักการพระพุทธศาสนาแล้ว การพูดดีนั้นมีหลักอยู่ 4 ประการคือต้องละเว้นการพูด 4 ประเภทนี้คือ
1. การพูดโกหก เช่นนายอภิสิทธิ์โกหกเรื่อง การหนีการเกณฑ์ทหาร การเป็นคนสองสัญชาติ เป็นต้น
2. การพูดเพ้อเจ้อ การพูดเพ้อเจ้อหมายถึงพูดอย่างไม่มีเหตุผล ไร้หลักฐานการอ้างอิงมาประกอบ รวมความถึงการวิเคราะห์วิจัยปัญหาใดใด ไม่ว่านักวิชาการก็ดี ที่ปราศจากการอ้างอิง พูดลอย ๆ ก็เรียกว่าเพ้อเจ้อได้ เช่นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทย มีขบวนการล้มเจ้า เป็นต้น
3. การพูดส่อเสียด คือการพูดให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามกับตน และยกย่องตนเองฝ่ายเดียว ทับถมคนอื่น คือพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ของพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำเช่นนายชวน หลีกภัย จนได้ฉายา เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แม้กระทั่งวันนี้นายชวนยังเอาชั่วใส่ประชาชนเสื้อแดง ผู้มาเรียกร้องประชาธิปไตย ว่าเป็นอันธพาล เป็นผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง จะยอมให้อันธพาลครองเมืองไม่ได้ เป็นตัวอย่างแบบสด ๆ
4. การพูดหยาบคาย คนในพรรคประชาธิปัตย์พูดหยาบคายมาก โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และที่เป้ฯประวัติศาสตร์ของประเทศก็คราวนายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ด่านายบรรหาร ศิลปะอาชา กลางสภาคราวนั้น จนนายบรรหารเสียเส้น วิกลจริตมาจนถึงทุกวันนี้
การพูดลักษณะ 4 ประการนี้มีครบในพรรคประชาธิปัตย์ .......ก็เลยดีแต่พูด......มีสมญาให้เรียกกันตรงความหมายมาแต่เดิมว่า ศรีธนนชัย.....................แล้วจะเรียกว่าพูดดี พูดเก่งไม่ได้ ต้องเรียกว่าพูดเลว
ทีนี้สาระของบ้านเมืองไทยขณะนี้ ได้ถูกทำลายมาตั้งแต่ 19 ก.ย.2549........โดย สนธิ บุณยรัตนกลิน ........ และพรรคประชาธิปัตย์.......และตลอดเวลามามีคนอย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พูดเลวเพราะเข้าหลักการพูด 4 แบบข้างต้น ทำให้ชาติบ้านเมืองล่มจม เต็มไปด้วยหนี้สิน และความลำบากยากจน มาตลอด แม้กระทั่งไข่ก็มีราคาแพงเป็นประวัติการณ์ เนื่องเพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปหลงเชื่อคนต่างประเทศ ไปจ้างให้คนต่างประเทศทำนโยบายเกี่ยวกับไข่(ตนเองไม่มีความสามารถทำนโยบายเองได้) และถูกหลอกเอาค่าจ้างไปถึง 69 ล้านบาท โดยที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนทำงานการวิจัยตลาดเมืองไทยเลย ไปนั่งคิดประโยคมาได้ประโยคเดียวว่า ชั่งกิโลขาย เอามาเสนอนายอภิสิทธิ์ พร้อมอธิบายนิดหน่อยนายอภิสิทธิ์ก็เชื่อ...................ซึ่งจะเห็ฯว่าคนพวกนี้ทำความผิดทางวาจากันทั้งนั้น มีแต่การโกหกหลอกลวง ในที่นี้ก็คือบริษัทต่างประเทศโกหกเอา....เสนอ นโยบาย ไข่ชั่งกิโล ให้ แล้วงาบเงินไปนอนตีพุงกินอย่างสบาย ๆ 69 ล้านบาท
รัฐบาลโง่ ๆ อย่างนี้จะเลือกเข้ามาอีกหรือ.............ไม่มีคนไทยไหนเลือกเข้ามาอีกแล้ว.......................
และจะตีกินด้วยวาทะ...............อย่างเดิม.........คิดหาเสียงด้วยการโต้วาที............... ใครเขาจะกลัว...............เพียงแต่เขามองว่าไร้สาระเท่านั้น.............
คู่ต่อสู้ไม่ใช่อภิสิทธิ์ แต่คือประชาชน เขาต่อสู้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในนโยบาย................และเข้าใจความจริงใจ...............................................
และเข้าใจว่า อย่างไรเรียกว่าพูดเก่ง พูดดี.....
|