นางรังสิมา รอดรัศมี พูดฉอด ๆ ๆ แล้วโยนผ้าขาว ยอมแพ้ เป็นอันจบการอภิปราย ประธานให้ฝ่ายค้านสรุป นายอภิสิทธิ์ พูด จะใช้เวลา 47 นาทีต่อไป
จะพูดอะไรเกี่ยวกับประเด็น ทดน้ำทำลายเมืองหรือไม่ ? คอยฟัง.....
เอาละ นี่คือคำพูดของ อภิสิทธิ์ ไม่อธิบายกราฟเส้นนั้น โยนว่า รัฐบาลบริหารน้ำผิดพลาดในเดือน ส.ค.-ก.ย.2554
แล้วเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่น ๆ หลงไปตามวาทะกรรมตนเอง นั่นคือ เพ้อเจ้อไปตามตรรกะอันเป็นนามธรรมที่ความฝัน นั่นเอง คือสาระของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไหนแต่ไรมา
ผมว่านายอภิสิทธิ์ วิเคราะห์สถานการณ์ไม่ถูก ไม่เข้าใจสถานการณ์ และยังทำการโจมตีแบบไร้น้ำจิตน้ำใจ อย่างน้อยก็น่าจะให้ความเป็นธรรม หรือมีจิตใจรักความเป็นธรรมบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย แต่นั่นแหละ มันบอกถึงการทำงานไม่เป็น ดีแต่พูดจริง ๆ เพราะแกน่าจะเข้าใจว่า นี่เป็นการบริหารงานในสถานการณ์ที่แปรปรวนจัด เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปในในแต่ละนาที ๆ ชั่วโมง ๆ สถานการณ์เปลี่ยนไปตลอด ๆ ไม่ต่างอะไรกับการรบในระยะประชิด ถึงขั้นประจัญบาญ ระหว่างทัพขนาดใหญ่ ที่เปิดการรบหลายแนวรบ สิ่งที่วัดความสามารถนั้นมันอยู่ที่ความสามารถในการปรับหรือเปลี่ยนแผน และการมององค์รวมให้ทั่วถึงทุกแนวรบ จะต้องไม่ยึดติดอยู่กับวิธีการใดหนึ่ง ต้องปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด เพื่อให้ทันสถานการณ์ และถ้าคนทำงานเป็น ก็จะได้เห็นว่ารัฐบาล และศปภ.ทำงานได้ผล โดยจะเห็นว่ารัฐบาลได้ทำการปรับเปลี่ยนแผนไปตลอด มีแผนหนึ่งแผน 2 แผน 3 ..... เมื่อแผน 1 ใช้ไม่ได้ เขาก็ใช้แผน 2 ทันที ดังจะเห็นแต่แรกว่า รัฐบาลใช้โมเดล บางระกำ แต่แล้วพลาด ซึ่งมันพลาดได้ครับ อย่าถือเป็นสิ่งน่าตำหนิ และสิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ ความสามารถในการปรับแผนให้รับสถานการณ์ได้ จนทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น จนกระทั่งบัดนี้ ปัญหาก็ค่อยลดลงไปตามลำดับ ยังเหลืออยู่ก็ภายในรอบ ๆ กทม.เท่านั้น แต่บัดนี้ก็เห็นว่าเอาอยู่อย่างมั่นใจแล้ว ภายหลังทำงานหนักมา 2 เดือนเศษ ๆ แต่วิธีการมองของพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนเด็ก ๆ ที่พอเริ่มก็พลาดเสียแล้ว นั่นคือประเมินสถานการณ์ไม่ถก มองเสือว่าเป็นหมู นี่มันไม่ใช่น้ำท่วมธรรมดา อย่างที่นายอภิสิทธิมอง เปรียบปานสินามิ (มีหนังสือพิมพ์ และนักวิชาการกล่าวว่าเป็น สินามิน้ำจืด) ฉะนั้นจะไปบังคับว่ารัฐบาลควรทำอย่างนั้นอย่างนี้อย่างที่ สส.ปชป. และหน.พรรคชี้ได้อย่างไร นั่นแหละความที่ดีแต่พูด เริ่มด้วยการไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง แล้วอวดดี อวดฉลาด (ไม่มีใครจะกำหนดได้หรอกครับว่าจะต้องใช้วิธีการอะไร อย่างไร เพราะต้องติดตามศึกษาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนเข้าใจมันเสียก่อน จึงจะกำหนดยุทธวิธีที่เหมาะได้ การไปเสนอว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นเท่ากับไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่ตระหนักว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และแล้ว ครั้นรัฐบาลและ ศปภ.เอาสถานการณ์อยู่ขึ้นมา แทนที่จะมาร่วมไชโยโห่หิ๊ว กลับดันมาทำตนเป็นปฏิปักษ์ไปเสีย นี่แหละน่าคิดว่ามาจากพลังอิจฉาริษยาจากภายในนั่นเอง (กลัวเขาได้ดีล้ำหน้าตนเอง)
แล้ววาทะกรรมของนายอภิสิทธิ์นั้นก็คือ ลืมความจริง พูดไปตามความฝัน หลับตาพูดไป นั่นเอง คือฟังแกพูดเหมือนแกลืมโลกที่เป็นจริง
แล้วก็ขัดความรู้สึกตนเอง เมื่อแกพูดถึงจิตอาสา มามากมายมหาศาล ...... ทั่วประเทศ และต่างประเทศ..ระดมมาช่วยไทย ...ซึ่งนั่นหมายถึงความศรัทธาในรัฐบาล และ ศปภ. แกลืมไปว่า นี่คือคำสรรเสริญรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยตรง พอรู้สึก แกก็หาเรื่องมาเบี่ยงเบน ทับถม ว่าของกองพะเนินเทินทึกไปไม่ถึงพี่น้องผู้หิวโหย จัดซื้อเต๊นท์ใน"อัตราจองหอง"....(เขาคงหมายถึงว่า ราคาแพงไป) วันนี้บริหารน้ำให้เป็นเรื่องแตกแยกใหม่ ....เกิดความแตกแยก นี่คือผลงานของ ศปภ. ................ สรุป นายอภิสิทธิ์เป็นคนดีแต่พูดจริง ๆ แม้จะเป้นฝ่ายค้านก็ใช้ไม่ได้ เพราะค้านแบบไม่สอดคล้องวิถีทางประชาธิปไตย จิตใจยังไม่ยิ่งใหญ่พอจะเป็ฯประชาธิปไตย
แต่นั่นแหละ เขาหาเรื่อง เพื่อที่จะลงสุดท้ายว่า ผมไม่อาจจะยินยอมให้ท่านอยู่ในตำแหน่งได้ ....
ผมจะยกตัวอย่างหนึ่ง มีเรือเอี่ยมจุ้นลำหนึ่งจมอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ขวางทางน้ำ ทำให้กระแสน้ำซัดเข้าฝั่ง ไปกัดเซาะฝั่งจนบ้านประชาชนพังลงไปในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ช่วงระหว่างการเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554 ......... นายอภิสิทธิ์ไม่เคยรีบไปดูเลยทั้ง ๆ ที่เป็นรัฐบาลอยู่ .......ปัญหาแค่เรือเอี่ยมจุ้นลำเดียว นายอภิสิทธิ์ปล่อยให้คาราคาซังไปถึง 2 เดือน จึงแก้ปัญหาเสร็จ ท่านคิดว่า นี่มันบอกอะไร แน่นอน มันบอกถึงความไม่เอาไหนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ งานแค่นี้ก็ยังเสียเวลาบริหารถึงเดือนสองเดือน ในขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เจอสินามิ เอาอยู่ภายใน 2 เดือนเช่นเดียวกัน เวลา 2 เดือนพอ ๆ กันระหว่าง รัฐบาลประชาธิปัตย์ กับรัฐบาลเพื่อไทย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผลงานช่างแตกต่างกันจริง ๆ รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารจัดการสินามิน้ำจืดไทย 2554 จนเอาอยู่ เอานิ่งได้ ควบคุมได้ ภายใน 2 เดือนเช่นเดียวกัน กับที่นายอภิสิทธิ์กู้เรือเอี่ยมจุ้น 1 ลำ ใช้เวลาถึง 2 เดือน น่าคิดว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์พูดกล่าวหาว่าคนอื่นทำงานล้มเหลวไปได้อย่างไม่นึกละอายใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นภัยพิบัติมโหฬาร กว่ากรณีเรือเอี่ยมจุ้นลำนั้น อย่างเทียบกันไม่ได้ และภายใน 2 เดือนพอ ๆ กัน
ก็เพราะได้สร้างนิสัย มองคนในแง่ร้ายมาแต่เด็ก ๆ นั่นเอง สร้างนิสัยการจับผิดคนอื่น แม้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตลอด เลยกลายเป็น ดีแต่พูด ทำไม่เป็น เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น ได้อย่างหน้าด้าน ๆ นั่นเเอง ........ นี่ก็แค่ข้อสมมติฐานนะครับ แต่น่ามีความจริงถึงเกือบ 100 % เข้าไปแล้ว
|