ทีวีช่องหอย ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร ..............................มีปากก็พูดไป เท่านั้นเอง .....
และผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคุณรองศาสตราจารย์นั่น จึงพูดอะไรที่มันไม่ถูกต้อง..............ในเมื่อเขาชนะท่วมท้นมา ก็มากล่าวว่าจะเป็นเผด็จการรัฐสภา ................... เหมือนหมอไม่เข้าใจ .............ก็อาจจะเป็นได้ครับ ขนาดศาสตราจารย์นางหนึ่ง ที่สังคมย่อมคาดหมายได้ว่าจะเป็นหลักทางสติปัญญา ความคิดอันถูกต้องทางการเมืองของประเทศ แต่กลับกลายเป็นว่า แกเองไม่เข้าใจ ปัญญาสั้น เดิมเป็นคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสียด้วย ยังไม่เข้าใจเลยว่าการเมืองประชาธิปไตยเป็นอย่างไร วิถีทางประชาธิปไตยเป็นอย่างไร แล้วไปกินเงินเดือนแพงลิ่วในองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ไม่เคยแสดงบทบาทเพื่อประชาธิปไตยเลย . ล่าสุดยังกล่าวหาว่า รัฐบาลมีความชอบธรรมด้วยประการทั้งปวงในการปราบปรามประชาชน 19 พ.ค. 2553 นี่หรือองค์กรสิทธิ์ .....ใคร ๆ ก็ออกมาวิพากษ์นักวิชาการคนนี้ครับ นางอมรา พงศาพิศ ....... คนพวกนี้พอ ๆ กัน คงเป็นหน่วยอาสารับใช้อมาตย์ต่อต้านประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยไทยน่าเป็นห่วง เพราะการจะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ หรืออย่างน้อยก็สามารถเดินไปได้ ไม่ถอยกลับไปอีก นั้น อยู่ที่ระบบทั้งหมด ต้องเป็นประชาธิปไตยด้วย ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยเฉพาะส่วนของประชาชนเสื้อแดง ส่วนของพรรคเพื่อไทย แต่ประชาชนทั้งชาติจะต้องเป็นประชาธิปไตย (ขณะนี้มีสิ่งที่ดีคือพวกเสื้อเหลืองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวประชาธิปไตย รู้ดีเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ ค่อยลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ จนหายไปหมดแล้ว นั่นแปลว่ามีคนเข้าใจประชาธิปไตยยิ่งขึ้นอันเป็นผลให้ฝ่ายแดงประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นเต็มแผ่นดินนี่เป็นความหวังของประชาธิปไตยไทย)
ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตย(ที่อย่างน้อยก็ต้องฟังเสียงประชาชนและยอมรับว่าเสียงประชาชนเป้นเสียงสวรรค์) เฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรครัฐบาลต้องเป็นประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย พรรคทุกพรรคต้องเป็นประชาธิปไตย
ประชาชนทุกฝ่าย ทุกสถาบัน ต้องพร้อมกันเป็นประชาธิปไตย และผลที่ต้องการก็คือจะต้องมีกติกา ที่เรียกว่า กติกาของประชาธิปไตย และเคารพปฏิบัติตามกติกานั้น การปกครองจึงจะเป็นประชาธิปไตย เพียงคนเราทุกฝ่าย ทุกสถาบันเข้าใจทำให้สมบูรณ์ในความหมายว่า อำนาจนั้นเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เราสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่รอบรู้ประชาธิปไตยและนำประชาชนไปสู่ประชาธิปไตย และพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวที่สามารถเสนอนโยบายที่จะส่งเสริมการกระตุ้นอย่างแรงไปสู่ประชาธิปไตย
นั่นคือเป็นนโยบายที่อาจยกฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนชั้นรากหญ้า ชาวนา กรรมกร คนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้ขึ้นสู่ระดับที่เสมอ ๆ ชนส่วนอื่น ๆ ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจลง มาเสมอ ๆ กัน ระดับที่จำเป็นเพียงพอก็คือระดับที่เงยหน้าอ้าปากได้ และ นั่นจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ชั้นรากหญ้าของประเทศ ลุกขึ้นยืนได้ พึ่งตนเองได้ ถ้าคนยืนไม่ได้ พึ่งตนเองไม่ได้ คอยกินน้ำใต้ศอกเขาอยู่ จะเป็นเสรีชนได้อย่างไร จะคิดอะไรเองได้ และจะเป็นประชาธิปไตย ปกครองตนเองได้อย่างไร แต่เมื่อมีนโยบายรัฐบาลที่ดี สามารถสร้างสรรค์ มีผลต่อประชาชนรากหญ้า คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ยืนได้แล้ว ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ก็เป็นไปได้ คนก็มีความคิดเองได้ เลือกได้ ทำมาหากินด้วยพลังมันสมองของตนได้ ยืนบนขาตัวเองได้ ก็ก้าวเดินไปได้ พัฒนาไปได้ มีความคิดอ่านสร้างสรรค์และเลือกเองได้ ................. นั่นเป็นพื้นฐานอันจำเป็นของความเป็นเสรีชน ถ้าคุณเป็นทาส คุณจะเป้นเสรีชนได้อย่างไร
ฉะนั้น ในระยะเริ่มต้นบุกเบิกเส้นทางของประชาธิปไตย เราต้องสนับสนุนพรรคการเมืองที่ครีเอทนโยบายใด ในการสร้างฐานทางเศรษฐกิจให้แด่คนส่วนใหญ่ มองคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นเป้าหมายของนโยบายทางเศรษฐกิจ ทำให้คนรากหญ้าของประเทศ ให้ลุกขึ้นยืนได้ เดินได้ พัฒนาได้ คิดเองได้ สร้างตนเอง ให้ร่ำรวยได้ นั่นแหละสร้างประชาธิปไตย ที่จะเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้จริง ๆ ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการเลือกตั้ง แต่ประชาชนต้องรู้ว่าเลือกตั้งไปแล้วพวกเขาได้อะไร .พรรคการเมืองเสนอนโยบายอะไรบ้าง ...พวกเขาจะเงยหน้าอ้าปากได้หรือไม่ ยืนได้ หรือไม่ เดินได้หรือไม่ พวกเขาต้องรู้หลักการเลือกตั้ง ว่ามีพรรคการเมืองใดหรือไม่ที่อาจบริหารโดยเสนอนโยบาย ที่ถูกต้องตามครรลองของความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ดังกล่าว ........ เดี๋ยวนี้ พวกเขารู้กันเยอะแล้ว ........จากการเลือกตั้งคราวที่ใหม่ที่สุดนี้ แสสดงชัดเจนว่าพวกเขามองเห็นชัดว่าพรรคการเมืองใดจะอาจสร้างสรรค์นโยบายที่เป็นจริงได้ และนั่นคือคำตัดสินว่า พรรคเพื่อไทย ช่วยเขาได้ พวกเขาคิดถูกทางที่อาจเป็นจริงได้แล้ว นั่นคือ เลือกพรรค เลือกนโยบาย .......อย่าเพ้อฝัน.......
และในทางตรงกันข้าม พวกเขาไม่เห็นเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่น ๆ ที่มีอยู่ขณะนี้จะสร้างสรรประโยชน์แด่ประชาชนได้อย่างไร เพราะพรรคเหล่านี้ไม่เข้าใจประชาชน ไม่เข้าใจประชาธิปไตย ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ........ เขาจึงไม่ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ต่อไปอีก............. และยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนผู้เข้าใจประชาธิปไตย พวกเขาจะมั่นใจว่าพรรคการเมืองใดใด ที่มีสิทธิ์อยู่ต่อไป ต้องเป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ถ้าพวกเขาจะยังต้องการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับใจเป็นประชาธิปไตยเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ................. และสถาบันทั้งสิ้น นับแต่สถาบันหลัก ๆ โดยเฉพาะ ตุลาการ ....... สถาบันทหาร สถาบันวิชาการ ฯลฯ ก็ต้องเป็นประชาธิปไตย ........... ต้องเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด
เมื่อระบบทั้งหมดของประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตย ......... ประเทศไทยก็จะสงบสุข มีการปกครองที่เป็นธรรมโดยสมบูรณ์ นั่นคือประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ พลังของทุกยูนิต(คนทุกคน)ของประเทศก็จะแข็งแรงแกร่งกล้า มีชัยชนะในทุกเรื่อง ต่อโลกนี้
|