ตามหลักการแล้ว เสื้อแดงนี่แหละคือความหมายของประชาธิปไตยทางตรงครับ คือ ไม่ต้องมีตัวแทน ถึงเวลาก็ลุกกันขึ้นพร้อม ๆ กันทั้งแผ่นดิน และประกาศอุดมการณ์ของเรา ว่าอย่างไร ? เมื่อคนทั้งแผ่นดินเอาด้วยกับอุดมการณ์เดียวกันแล้ว ใคร ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านได้ ในที่นี้ก็คือ การประกาศว่าด้วย ระบอบอมาตยาธิปไตยที่ไม่เป็นธรรม ระบอบทหารที่ไม่เป็นธรรม ระบอบศาลที่ไม่เป็นธรรม และระบอบพรรคการเมืองที่ไม่เป็นธรรม
ในยุคการสื่อสารที่ก้าวหน้าขนาดนี้ เราสามารถประชุมผ่านสื่อได้หลายชนิดครับ ประชาธิปไตยทางตรงสามารถขับเคลื่อนไปทางสื่อทันสมัยนี่เอง คือประชาชนเสื้อแดงทุกจังหวัดทั่วประเทศลุกขึ้นพร้อม ๆ กัน คือนัดชุมนุมใหญ่พร้อม ๆ กัน นัดเป็นการประชุมใหญ่ของมหาประชาชน ทั่วไปทุกจังหวัดของประเทศ เพื่อที่จะวินิจฉัยเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ๆ ที่มีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว เช่นสถานการณ์ 19 พ.ค. 2553 ที่ประชาชน 92 ศพถูกสังหาร เสื้อแดงสามารถชี้ออกมาได้ จากการประชุม ประชาธิปไตยทางตรงนี่เอง
นี่คือความชอบธรรม ของการที่จะคงมีเสื้อแดงอยู่ต่อไป ในสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย อำนาจเป็นของประชาชน
ทุกวันนี้ ยังมีอำนาจที่หลอกลวง ซ่อนแฝง ที่กระด้างกระเดื่องต่ออำนาจของประชาชนอยู่ พร้อมที่จะกบฎต่อประชาชน
สังเกตได้จาก วงการตุลาการ ศาลยุติธรรมของประเทศ บัดนี้ก็ยิ่งยืดเยื้อออกไป คงไว้ในสัญลักษณ์ของสองมาตรฐานก็เหมือนเดิม ประชาชนคอยแล้วคอยอีกว่าเมื่อไร พวกยึดทำเนียบรัฐบาล พวกยึดสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 พวกยึดสนามบิน พวกที่ยกพวกขวางทางเสด็จพระราชดำเนิน และพวกสั่งการล้อมฆ่าประชาชน 92 ศพ จักได้เข้าสู่กระบวนการศาล เอามาลงโทษ ให้จบสิ้นลงเสียที
อย่างเช่นคณะของ คณิต ณ นคร มีความจริงใจในอุดมการณ์เพียงไหน ถ้าเขาไม่กล้าเสี่ยงก็ยังเชื่อไม่ได้ แต่ดูแล้วพยายามลากเรื่องราวยาวออกไป รอ ๆ รัฐบาลล้มเสียก็หมดหน้าที่ อะไรประมาณนี้
บอกได้เลยว่า มาถึงวันนี้แล้ว ยังเชื่อขบวนการนิติธรรมของประเทศไม่ได้
สิ่งที่เชื่อได้แน่นอนก็คือ เสื้อแดง ที่จะต้องขยายออกไป ๆ ๆ ๆ ๆ ในอุดมการณ์ประชาธิปไตย นั่นหมายถึงทำประเทศและประชาชนทั้งสิ้น ทุกส่วนให้เป็นประชาธิปไตยได้เท่านั้น
และซึ่งวันนั้น หรือแม้วันนี้ ก็อาจจะตัดสินคดีได้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยทางตรง
สรุปก็คือ รู้ ๆ อู่ว่าใครผิดใครถูก ถ้าคุณจริงใจก็รีบ ๆ ทำเข้า ประชาชนเข้าข้าง คอยหนุนอย่างแน่นอน
|