รายงานรัฐบาลทหารปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน
ครั้งล่าสุดเริ่ม 13 พฤษภาคม 2553
วีระ มุสิกพงษ์ ประธานนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ขณะออกรายการ intelligence พบจอม เพชรประดับ ประเด็นนายกรัฐมนตรีเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ ให้เลือกตั้งวันที่ 14 พ.ย.2553 ภาพนี้วันที่ 7 พ.ค.2553เวลา 21.25 น. แต่แล้ว ณ วันนี้ 12 พ.ค.2553 แผนปรองดองแห่งชาติทำท่าว่าจะล้มเหลวลง และแนวคิดในการปราบปรามประชาชนกำลังก่อหวอดขึ้นมาใหม่
เราคิดว่า รัฐบาลกำลังจะทำดีแล้ว ในการเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ แม้ว่าแผนความคิดของรัฐบาล โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธาน ศอฉ.โดยตรง จะยังตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตย หากแผนความคิดของนายกรัฐมนตรี เป็นแผนที่ตั้งอยู่บนครรลองประชาธิปไตย นั้นแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยเด็ดขาดก็คือ แผนการปราบปรามประชาชน โดยใช้วิธีการข่มเหงรังแก ผู้อ่อนแอกว่า อุปมาเหมือน ทำร้ายด้วยกำลังที่เหนือกว่า ทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่า (ตัวโตกว่ารังแกคนอ่อนแอกว่า) ประชาชนมือเปล่าไร้อาวุธ จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะหากเคารพในประชาธิปไตย ต้องเคารพในสิทธิในการที่จะเรียกร้อง บอกกล่าวแด่ผู้ปกครอง และสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการอันชอบธรรมของพวกเขา มีสิทธิที่จะอยู่อย่างสงบ ไม่ถูกทำร้าย ทางร่างกายและจิตใจ ของผู้อื่น มีสิทธิในการที่จะมีฃีวิต และเมื่อมีชีวิตแล้วก็อยู่มีชีวิตต่อไป เขาต้องไม่ถูกฆ่าให้ตายไปเสียจากชีวิตของเขา ต้องรู้ว่าชีวิตมีค่า ต้องเคารพในสิทธิความเสมอภาคของปัจเจกบุคคลในระบอบประชาธิปไตย คือท่านอย่ามองประชาชน เอกชน ในระบอบประชาธิปไตยว่าต่ำต้อย ด้อยค่า ชีวิตพวกเขามีค่าน้อยกว่าชีวิตพวกท่าน หรือน้อยค่ากว่าคนอื่น ๆ อย่ามองว่าพวกเขาเป็นสวะสังคมที่จะเก็บจะกวาดไปทิ้งเสียที่ไหนเมื่อไรก็ได้ มองอย่างนี้ ไม่ถูก และไม่ถูกตามครรลองประชาธิปไตยแล้ว ยังไม่ถูกหลักการของศาสนาสากล ทุก ๆ ศาสนา ในศาสนาคริสต์กำหนดไว้ในบทบัญญัติ 10 ประการ ๆ ความว่า จงอย่าฆ่าคน, อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา, อย่าลักทรัพย์, อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน... (You shall not murder! You shall commit no adultery! You shall not steal ! You shall not witness falsely against your neighbour!...Holy Bible : Exodus 20.13-14-15-16..) ตรงกับหลักศาสนาพุทธ ที่กำหนดไว้ในศีลทุกระดับ ที่จะเริ่มด้วยข้อที่ 1 เสมอไปที่บัญญัติว่า จงอย่าฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต (ปาณาติปาตา เวรมณี) แม้ในศาสนาอิสลามก็ระบุถึงการที่ต้องทำความสันติสงบ แก่ผู้อื่น (อัสลามอเลกุม) และหลักการประชาธิปไตย ได้ให้ความละเอียดไปตามหลักการศาสนานี้ จึงเป็นประชาธิปไตย คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน (ประชาชนมีความสำคัญที่สุด ที่ท่านไม่อาจจะสั่งฆ่าเขาได้) สำหรับคนที่มีสติปัญญา(โดยเฉพาะชาวพุทธทั้งหลาย) เข้าใจเรื่องราวมาตั้งแต่หลักการดั้งเดิมทางศาสนา และอีกประการหนึ่ง ในครรลองประชาธิปไตย ชีวิตคนย่อมมีค่ามากมายหลายเท่ากว่าวัตถุ ถ้าเรารับและรักในประชาธิปไตย นั้น หมายความอยู่ในตัวเอง ถึงความรักในผู้อื่น ในศาสนาคริสต์กำหนดว่า ถึงผู้อื่นเป็นศัตรู เราก็ต้องรักแม้กระทั่งศัตรูจึงจะเป็นประชาธิปไตย มีวาทะของพระศาสดาเยซูว่า เมื่อเขาตบแก้มซ้ายเรา ก็ยื่นแก้มขวาให้เขาตบอีกด้วย
(.. ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
You have heard that it was said, “An eye for an eye and a tooth for a tooth”
But I tell you not to resist an evil person. But whoever slaps you on your right cheek, turn the other to him also.
ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ตาต่อตาและฟันต่อฟัน
ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
[Holy Bible; Matthew 5:38-39]....)
ในศาสนาพุทธ ชีวิตถูกรับประกันไว้ถึงโลกหน้าหรือชาติหน้า เพราะการประหารชีวิตเป็นบาปอย่างหนัก และท่านอาจจะเผลอไปกระทำบาปแด่พระสงฆ์องค์เจ้า แด่พระผู้ตั้งใจมีปณิธานการสั่งสมบารมีถึงระดับพระโพธิญาณ แล้วก็จะเป็นบาปอันหนัก ระดับถูกแผ่นดินสูบลงนรกโลกันต์ทั้งเป็น ๆ (เช่นเทวทัตแน่นอน)
ฉะนั้น ขอให้รัฐบาล และทุก ๆ ฝ่ายที่ประกอบกันเป็นผู้ปกครอง จงมุ่งตรงไปในทางที่ได้เริ่มไว้ดีแล้วที่สอดคล้องครรลองอันถูกต้องแล้ว ให้เดินไปตามครรลองของประชาธิปไตย นั่นคือ ไม่มีทางอื่น นอกจาก ระงับการทำร้าย เข่นฆ่า ปราบปรามประชาชน หรือแม้พฤติกรรมใดที่จะมีการเสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ ซึ่งในกรณีนี้ เป็นประชาชนมือเปล่า ๆ จริง ๆ และพวกเขาได้ประพฤติและปฏิบัติตรงตามธรรมะที่ได้ประกาศ เห็นชัดเจนในคุณธรรมของพวกเขาแล้วทั้งโลก นั่นคือ สันติ และ อหิงสา ความคิดที่จะบีบบังคับเอาตามใจให้ประชาชนยอมจำนนให้ได้นั้น ไม่อาจจะทำได้ ท่านต้องมาสู่สติ ก่อนที่จะทำไปท่านจะต้องถามตนเองก่อนว่า หากทำอย่างนั้น หรือปราบปรามด้วยอาวุธแล้ว เรื่องมันจะจบหรือไม่????? คำตอบมีชัดเจนเลยทีเดียวว่า มันไม่จบ ท่านฟังไหม????? มีคำตอบจากประวัติศาสตร์มายืนยันแล้วว่า การปราบปราม ฆ่าผู้ไม่เห็นด้วยทิ้งเสียนั้น ไม่ใช่คำตอบเลย ท่านตาถั่วหรืออย่างไร???? ประชาชนที่มานี่ จำนวนเรือนแสน .....พวกเขามาทำไม???? และแม้ไม่มีประวัติศาสตร์มายืนยัน แต่ใช้เหตุผลมองไปในเรื่องความเป็นมนุษย์ ท่านก็จะเห็นว่า ไม่ใช่ทางที่ยุติปัญหาอย่างแน่นอน
ฉะนั้นมีทางเดียวคือ การเจรจา และ ยุบสภาในที่สุด และรัฐบาลควรจะมีความจริงใจ และมีความปรารถนาดี อย่างสุจริต รู้จักเคารพในประชาชน แม้จะไม่เคารพประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย ก็เคารพในฐานะที่เขาเป็นคน ๆ หนึ่ง นั่นก็จะบอกไปถึงคุณค่าครรลองประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน วันนี้ ถ้ารัฐบาลมองประชาชนถูกต้อง ตามฐานะที่เป็นจริงของความเป็นคน เท่านั้น รัฐบาลและแม้กองทัพ หรือ ศอฉ. ของสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็จะแก้ปัญหาได้ เพราะเมื่อเข้าใจสัจธรรมดังกล่าวมาแล้วนี้ ความเสียสละก็มีขึ้น ความไม่เห็นแก่ตัวก็มีขึ้น ฉะนั้น แม้ไม่เข้าใจสาระแห่งสัจธรรมของความเป็นมนุษย์ แต่ระลึกทางปฏิบัติที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ โดยคติว่า .... อย่าเห็นแก่ตัว แต่จงเห็นแก่ประชาชน นั่นเป็นวิถีทางประชาธิปไตย และ .... วิถีทางบุญ....... จงมีศรัทธาในคำสอนของศาสนา....(บุษบา บุญเสฏฐ์ และ อรบุศป์ ละอองธรรม วิเคราะห์ 13 พ.ค.2553/08.30 น.)
เจ๊กลิ้มติดคุก85ปีให้ลูกน้องนางนัฏยา แฮนดอลลเมดกับนายนิรัน เยาวพาออกเฟสบุคไร้สาระทั้งวันชิงพื้นที่สื่อ ด่าแหลก ขอให้รัฐบาลและเสื้อแดงเข้าไปดูหน่อยพอเอาเข้าคุกก็เอาเข้าไปนะครับ