· Muslim Rohingyas
มุสลิม โรฮิงยา
จากเฟสบุ๊ค Phayap Panyatharo
Buddhists In Thailand protests Muslims in Bangladhesh.
Rady Gang Muslims in the world must prove that there like calmness and hate violence.
- October 5, 2012 at 12:57am • Like..
Phayap Panyatharo I suspect that muslims in Bangladesh is not the same with muslims Rohigya refugee from Mynmar. Why don't they help each other from danger? I know that Rohigyas are in the plight now and need an urgent help.
ผมค่อนข้างสงสัยว่ามุสลิมในบังคลาเทศ ไม่ใช่มุสลิมพวกเดียวกันกับมุสลิมโรฮินยาอพยพจากเมียนมาร์ ทำไมพวกเขาไม่ช่วยเหลือกันในยามที่เพื่อนมุสลิมมีภัยอันตราย ผมทราบว่ามุสลิมโรฮินยากำลังอยู่ระหว่างอันตรายยิ่งและกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
- October 5, 2012 at 1:00pm • Like
Phayap Panyatharo It concerns a long time history in the past for Muslim and Buddhist. Now a day it has been accused that Muslim rohingyas sneaked from Bangladesh to Mynmar. It has been regarded illegal immigrant from Bangladesh until at present there stay about 800,000 rohingyas in Mynmar. They have not been accepted 1 of 130 old tribes in Mynmar. Buddhists in Mynmars say they try to take possition of some part of the land of Mynmars. In 1982[2545] law of Mynmar denied them citizenship of Mynmar with no access to education and healthcare. A rohingya refugee in America said the situation has been alike Bosnia and Rawanda and Rohingyas in Mynmar have to evacuate. It has been now 17 years of supression.At the present there have been thousands of rohingyas in the sea as the boat people who have no land to live begging for their lives from the whole world.
- October 5, 2012 at 3:16pm • Like
Phayap Panyatharo เรื่องนี้ ได้มีความเกี่ยวข้องกันมาในประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่างชาวมุสลิมกับชาวพุทธ ในปัจจุบันนี้ ได้มีข้อกล่าวหาว่ามุสลิมโรฮินยาในบังคลาเทศได้ทำการแทรกซึมเข้ามาในประเทศเมียนมาร์ มันถูกเพ่งเล็งว่าเป็นกลุ่มชนอพยพที่ไม่ถูกกฎหมายจากบังคลาเทศ จนกระทั่งในระยะปัจจุบันได้มีมุสลิมโรฮินยาอยู่ในประเทศเมียนมาร์ประมาณ 800,000 คน ชาวโรฮินยานี้ไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นเผ่าชนกลุ่มน้อย 1 ใน 130 เผ่าในเมียนมาร์ ชาวพุทธในเมียนมาร์กล่าวว่าพวกเขาพยายามที่จะเข้ายึดครองแผ่นดินส่วนหนึ่งของประเทศเมียนมาร์ ในปีพ.ศ.2545(1982) ได้มีกฎหมายเมียนมาร์ออกมาปฏิเสธความเป็นประชาชนเมียนมาร์ของโรฮินยาและทั้งตัดขาดการสนับสนุนในเรื่องการศึกษาและการสาธารณสุข โรฮินยาคนหนึ่งในอเมริกาได้เปิดเผยต่อสื่อว่า สถานการณ์ในเมียนมาร์มีความละม้ายคล้ายคลึงสถานการณ์บอสเนียและรวันดาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุให้มุสลิมโรฮินยาต้องอพยพ จนผ่านมา ๆ ใต้การกดดันอย่างหนักถึง 17 ปีแล้ว ขณะนี้ได้มีโรฮินยาจำนวนหลายพันคนล่องเรืออยู่กลางทะเล เป็นประชาชนคนเรือ เอาทะเลเป็นบ้านเพราะไม่มีแผ่นดินอยู่ พวกเขามีแต่คำอ้อนวอนต่อชาวโลกว่า ได้โปรดช่วยชีวิตเราด้วย
- October 8, 2012 at 6:32pm • Edited • Like
Phayap Panyatharo Human groups describe them as "one of the most persecuted people in the world"
กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ให้คำอธิบายว่า พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ถูกกระทำทารุณลงโทษอย่างที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกนี้
- October 8, 2012 at 11:09am •
Phayap Panyatharo But who persecutes them? What they believed is still in their believes. What they prayed, they still pray. What they hoped is still in their hopes. The old believes of the old world have been in their new believes of the new world.
แต่ใครล่ะลงโทษพวกเขา ? สิ่งที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาก็ยังคงเชื่อ สิ่งที่พวกเขาสวดอ้อนวอนพวกเขาก็ยังคงสวดอ้อนวอน สิ่งที่พวกเขาหวัง พวกเขาก็ยังมีความหวัง ความเชื่อเก่า ๆแต่ดั้งเดิมของโลกเก่าของพวกเขา ก็ยังคงเป็นความเชื่อเก่า ๆอยู่ในท่ามกลางความเชื่อใหม่ๆในยุคใหม่ของโลกใหม่
Phayap Panyatharo What they prayed they still pray with all faith in all their heart for their God. They still beg "My Lord do not leave me alone and you are the best of inheritors"
สิ่งที่พวกเขาได้สวดอ้อนวอนต่อพระเจ้ามาแต่อดีตก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อไปอย่างเต็มใจศรัทธาล้นปรี่ท่วมใจของพวกเขา พวกเขาก็ยังคงร้องขอวิงวอนว่า ข้าแต่พระองค์ ได้โปรดอย่าละทิ้งพวกข้าน้อยให้อยู่เดียวดายเลย เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้ามรดกที่ดีล้ำเลิศโดยแท้
- October 8, 2012 at 11:41am • Edited • Like
Phayap Panyatharo My Lord build for me a home with you in paradise.
ข้าแต่พระองค์ ขอได้โปรดสร้างบ้านให้ข้าน้อยสักหนึ่งหลังให้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์ด้วยเถิด
- October 8, 2012 at 11:40am • Like
Phayap Panyatharo Have them been punished for their god hear them not ?
พวกเขาถูกลงโทษหรือเปล่า ในเมื่อพระเจ้าไม่ได้ยินพวกเขาเลย ?
- October 8, 2012 at 11:54am • Like
November 18, 2012
President Barack Obama’s visit is so much impressive in Mynmar. It has been written of as Obama fever in many medias abroad. The picture is one of a lot of pictures reflecting Obama fever that was painted by a young artist of Mynma whose name is Arkar Kyar. And Mynmar government itself has freed 452 prisoners ahead of Obama visit. Yes Barack Obama has had his important role in bringing democracy to new Mynmar. Democratic Mynmar.
การมาเยี่ยมเยียนของประธานาธิบดีบารัค โอบามาเป็นเรื่องที่ประทับใจอย่างมากของประชาชนเมียนมาร์ มีสื่อต่างประเทศมากมายหลายแห่งเขียนถึงเรื่องนี้ว่าเป็นโอบามาฟีเวอร์ในพม่า ภาพที่เห็นนี้ เป็นเพียง 1 ภาพในหลาย ๆ ภาพ ที่สะท้อนถึงการตื่นชื่นชมโอบามา ผู้ที่วาดมันขึ้นมาเป็นศิลปินหนุ่มชื่อว่า อาร์เข่อ จอว์ และแม้กระทั่งรัฐบาลเมียนมาร์เอง ก็ได้ปลดปล่อยนักโทษออกจากเรือนจำจำนวน 452 คนก่อนที่โอบามาไปถึง ถูกละครับ บารัค โอบามา ได้มีบทบาทสำคัญในการนำประชาธิปไตยมาสู่เมียนมาร์ใหม่ คือเมียนมาร์ประชาธิปไตย
See MoreTag PhotoDone TaggingAdd LocationEdit
Like · ·Unfollow PostFollow Post · Share · EditEdit
Waraporn Kukkong and Ubon Chandachat like this..1 share.View all 13 comments..
Phayap Panyatharo I think Mynmar has no other way. It has to accept the muslim 800,000 stateless rohingyas citizens of Mynmar. I think this is the only way, the best way out of its problem. Not just for the sake of mankind only but also for the sake of political democracy and it will go well with democratic mean. Let's forget the 1,000 years history of Muslim creating a great damage to Buddhism in India. And I myself forget the Taliban agression at Babiyam cliff of Pakistan 10 years ago just for the sake of mandkind.
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เมียนมาร์ไม่มีทางเลือก เมียนมาร์ต้องยอมรับมุสลิมโรฮินยา 800,000 คนเป็นประชาชนของเมียนมาร์ ข้าพเจ้าคิดว่า นี่เป็นเพียงวิธีเดียว วิธีที่ดีที่สุดที่เป็นทางออกของปัญหานี้ ไม่ใช่เพื่อเห็นแก่ความเป็นมนุษย์อย่างเดียว แต่เพื่อประโยชน์ของการเมืองระบอบประชาธิปไตยด้วย และมันจะเดินไปได้อย่างดีด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย ขอให้เราลืมประวัติศาสตร์ 1,000 ปีที่มุสลิมได้ทำความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่แก่พุทธศาสนาในอินเดียเสีย และข้าพเจ้าเองก็จะลืมเรื่องราวความก้าวร้าวของพวกตาลีบัน ที่กระทำต่อผาบาบียันเมื่อ10ปีก่อนเสีย เพื่อเห็นแก่ความเป็นมนุษย์
Ubon Chandachatสาธุ ครับ ศาสนา อันมีพระศาสดาผู้ประเสริฐ เป็นเลิศในธรรมมะ ได้สั่งสอนไว้อย่างไร คงจะไม่ผิดที่เราจะน้อมนำมา พากเพียรเรียนรู้ เพื่อปฎิบัติยกตนให้พ้นจากวัฎฎะภัยทั้งปวง กระผมก็คงจะคงเพียงได้ศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อรับรู้ และเป็นหนทางปฎิบัติต่อไป แต่ในอนาคตกระผมก็คงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ อันเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ย้อนกลับมาเกิดขึ้นมาอีกในปัจจุบัน เพราะชาวพุทธที่มีจิตใจพุทธแท้ ย่อมรู้ว่าอันใหนควรไม่ควรทำ ไม่รู้จะมีวิธีไหน พอจะหยุดยั้งความชั่วร้ายของความโลภ โกรธ หลง ในจิตใจของมนุษย์ ที่ไม่ได้นับถือ ศาสนา และศาสดาองค์เดียวกัน คงได้แต่ภาวนาให้เขาเหล่านั้นรู้แจ้งเห็นจริงในคำสอนของศาสนาของแต่ละคน..จะได้มีจิตใจลดละเลิก ไม่อิจฉา ริษยา ไม่เบียดเบียนกัน น่ะขอรับพระคุณเจ้า
Phayap Panyatharo Thank you very much Ubon Chandachat for your idea.
ขอบคุณมาก คุณอุบล คันธชาติ สำหรับความคิดเห็นของคุณ
- November 19, 2012 at 7:56pm · Like · 1
Ubon Chandachatกระผมก็ขอขอบคุณพระคุณเจ้าขอรับ ที่นำความรู้มาเผยแผ่ ให้ได้รู้รับทราบกันขอรับ สาธุ
- November 19, 2012 at 8:06pm · Like
Phayap PanyatharoThe facts about muslim rohingyas in Rakine state of Mynmar [1] They are not 1 in 130 old tribes of Mynmar. They sneaked from muslim countries mostly Bangladesh into Mynmar one by one till 800,000 today. They tried to occupy some land in Rakine state to build a new pure muslim country. [2] Mynmar has issued a law since 1982 that makes 130 years ago not accept muslim rohinyas to be Mynmar citizens. Their children could get no primary education from Mynmar government and Mynmar began a suppressed measure to push rohingyas out of the country. So war created between minority muslim rohingyas and buddhist citizens majority group in Rakine state of Mynmar and many of both side have been killed. [3] Some parts of rohingyas were forced to get out by boats but could not land any shore because any counties would push them back to the sea so they have lived as boat people in the sea and travelled in the sea of Andaman between India to Indonesia for long time. They always pray and beg their highest god to give them homes with a land emerging from the sea of andaman but the god save them not. They have been all time starving and many died of starving. They died of other dangers and the sea is their tombs. Thier poor lifes have been so much under standard of mankind. [4] I saw in The International News,Sat,November 12,2012 saying " Rakhine's 800,000 Rohingyas are considered by the UN to be one of the most persecuted minorityin the world". which does not bring good things to Buddhist Mynmar in recent future.
Phayap Panyatharo ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมุสลิมโรฮิงยาในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาร์ครับ
(1) พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ 1 ใน 130 เผ่าพ้นธ์ดั้งเดิมของเมียนมาร์ พวกเขาแทรกซึมเข้ามาจากประเทศมุสลิมมากที่สุดจากบังคลาเทศ ทีละคน จนได้จำนวนถึง 800,000 คนในปัจจุบันนี้ พวกเขาพยายามที่จะยึดครองแผ่นดินส่วนหนึ่งของเมียนมาร์เพื่อตั้งเป็นประเทศมุสลิมบริสุทธิ์ของพวกเขาเอง
(2) เมียนมาร์ได้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งในปีพ.ศ. 2425 นั่นคือเมื่อ 130 ปีมาแล้ว ไม่ยอมรับว่ามุสลิมโรฮินยาเป็นประชากรของเมียนมาร์ เด็ก ๆ โรฮินยาจะไม่ได้รับการจัดสนับสนุนการศึกษาระดับพื้นฐานจากรัฐบาลพม่า และเมียนมาร์ก็ได้เริ่มใช้มาตรการกดดัน เพื่อผลักดันโรฮินยาออกนอกประเทศ ฉะนั้น จึงเกิดสงครามขึ้นระหว่างชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮินยา กับชาวพุทธเมียนมาร์อันเป็นชนกลุ่มใหญ่ในรัฐคะฉิ่นของพม่า และคนทั้งสองพวกถูกฆ่าตายไปจำนวนมากแล้ว
(3) โรฮินยาบางส่วนถูกบังคับให้ออกนอกประเทศโดยทางเรือแต่พวกเขาไม่สามารถจะขึ้นฝั่งที่ประเทศใดได้ เพราะประเทศทั้งหลายจะผลักพวกเขาคืนกลับลงทะเล ฉะนั้น พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่แบบชาวเรือที่อาศัยทะเลเป็นบ้านอยู่และท่องเที่ยวไปมาในทะเลอันดามัน ระหว่างอินเดีย กับ อินโดเนเซีย มานานหลายปีแล้ว พวกเขาได้แต่อ้อนวอนขอความกรุณาจากพระเจ้าผู้สูงสุดของเขา ให้ประทานบ้านและแผ่นดินให้พวกเขา ให้แผ่นดินนั้นโผล่พ้นผิวน้ำทะเลอันดามันขึ้นมา แต่ พระเจ้าของพวกเขาได้ช่วยชีวิตพวกเขาบ้างหรือเปล่า? เปล่าเลย พวกเขาล้วนแต่ประสบความอดอยากหิวโหยอยู่ตลอดเวลา และมีจำนวนมากที่ตายลงเพราะความอดอยาก พวกเขาตายด้วยอันตรายอย่างอื่นด้วย และเมื่อตายลงก็เอาท้องทะเลเป็นหลุมฝังศพพวกเขา ชีวิตที่น่าสงสารของพวกเขานั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานของความเป็นมนุษย์มากเหลือเกิน
(4) ข้าพเจ้าได้พบในเดอะอินเตอแนชั่นแนลนิวส์ วันเสารที่ 12 พฤศจิกายน 2555 นี่เอง รายงานว่า “โรฮินยาจำนวน 800,000 คนในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาร์ ได้รับการพิจารณาจากองค์การสหประชาชาติว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนักมาเป็นเวลานานที่สุดในโลก” ซึ่งไม่เป็นการดีแก่ประเทศพุทธศาสนาอย่างเมียนมาร์ในอนาคตอันใกล้นี้เลย
- November 22, 2012 at 1:52am · Edited · Like · 2
Ubon Chandachatสาธุขอรับ พระคุณเจ้า กระผมขอบพระคุณครับ ได้อ่านแล้วทั้งเวทนาและสงสารเป็นอย่างยิ่งเลยครับ สำหรับความทุกข์เวทนา ที่พวกเขาเหล่านั้นได้รับ ช่างแสนทรมานเหลือเกินครับ แล้วปัญหาที่จะตามมา มันจะมีลักษณะเหมือนอดีตที่พระคุณเจ้าเล่า หรือปล่าวครับ
- November 22, 2012 at 1:45am · Like..
Phayap Panyatharo It has been Known so well to all Buddhists in the world how muslims created a great damage to Buddhism in India more than 1,000 years ago. In time India was under the rule of England the English ruler found that many Buddhist memorial places had been overwelmed under the ground including Nalandha Buddhist University. He ordered to dig it out and found what Muslim had done the great damage to Buddhism over India land.The early muslim damage to Buddhism has been done in 2002[2545]10 years ago in Afghanistan at Babiyam cliff.They destroyed world Buddhist heritage, you know? I think Mynmar has not forgotten the history. So do I.
มันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมาก ในบรรดาชาวพุทธทั่วโลกว่ามุสลิมได้ก่อความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่แด่พระพุทธศาสนาในอินเดีย เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ในสมัยที่อินเดียอยู่ใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ ผู้ปกครองชาวอังกฤษได้พบว่ามีสถานที่สำคัญ ๆ ของชาวพุทธ รวมทั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาถูกถมเอาไว้ใต้ดิน ท่านจึงได้สั่งให้ขุดดินขึ้นมาแล้วได้พบสิ่งที่มุสลิมทำความเสียหายเอาไว้แด้พุทธศาสนาดังกล่าวมากมาย ทั่วแผ่นดินอินเดีย ในระยะล่าสุดที่มุสลิมทำความเสียหายแด่พุทธศาสนาก็คือเหตุการณ์เมื่อพ.ศ.2545 เมื่อ10 ปีก่อน ที่ประเทศอาฟกานิสถาน ทำลายมรดกทางพระพุทธศาสนาของโลกที่ผาบาบิยัม ท่านก็รู้ใช่ไหม? ข้าพเจ้าคิดว่าเมียนมาร์ยังไม่ลืมประวัติศาสตร์นี้ ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกัน
- November 22, 2012 at 12:04pm · Like · 2..
Ubon Chandachat ขอรับ รู้ และก็ รู้สึกถึงความไม่เข้าใจคนในศาสนาเขา ว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธอยู่เหมือนกัน เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเขาจะทำแต่ไม่มีอะไรจะไปหยุดยั้ง ความคิดพวกเขาเหล่านั้นได้เลย องค์กรใหญ่ๆของศาสนาเขาก็มิได้ยับยั้งอะไร ปล่อยให้พวกตาลีบันย่ำยีจิตใจชาวพุทธอย่างมากเลย พออเมริกาเข้าไปถล่ม ผมก็ยังสงสารประชนเขาด้วยซ้ำ ที่พลอยรับกรรม ไปกับรัฐบาลของเขา โดยไม่รู้อิโหน่อเหน่เลย กระผมคิดว่านในโลกนี้น่าจะมีองค์ใดองค์กรหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ยับยั้งกระกระทำที่รุนแรงต่อศาสนา และคนต่างศานา เพื่อความสงบสุขของมวลมนุษย์ นะขอรับพระคุณเจ้า แต่มันคงเป็นเพียงแค่จินตนาการเล็กๆของกระผมเท่านั้นขอรับ แต่ถึงยังไงชาวพุทธคงไม่ยอมปล่อยให้ใครมาล้มล้างสถาบันศาสนา อันเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจหรอกขอรับ กระผมคนนึงแหล่ะที่ไม่ยอมแน่ๆ
- November 22, 2012 at 7:59pm · Like · 1..
Phayap PanyatharoThe people of Thailand ever heard of muslim rohingyas the boat people came to the shore south of Thailand early year on February 2552[2009] at time government of Apisit Vejchachiva was rising. No one knew the truth but some source said about 1,000 rohingyas came by boats to the shore of PrajuabKirikanth at night while the sea was stormy and the Apisit government pushed them out of Thai sea. But in a few days they had to return to Thai shore again but a half of them had lost in the stormy sea. It was known to the people when a Hollywood movie star Angelina Jolie said to the media begging Thailand to give help to rohinya. But Apisit government rejected and pushed the rest rohinyas back to the sea once more. Poor rohingyas have disappeared with the wide sea since then.
คนไทยเคยได้ยินเรื่องราวของโรฮินยา ในฐานะคนเรือว่า ได้เคยมาถึงฝั่งทะเลไทยใต้ในต้นปี เดือนกุมภาพันธ์ 2552 ในเวลานั้นเป็นระยะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกำลังขึ้นสู่อำนาจ ไม่มีใครรู้ความจริง แต่มีข่าวบางกระแสรายงานว่ามีโรฮินยาจำนวน 1,000 คน มากับเรือพายหลายลำถึงฝั่งทะเลด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลากลางคืน และทะเลมีพายุ แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ออกคำสั่งให้ผลักดันพวกเขาออกนอกทะเลไทย แต่แล้วไม่กี่วันพวกเขาก็พากันกลับเข้ามายังฝั่งทะเลไทยอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าพวกของเขาได้สูญหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง หายไปในทะเลที่ปั่นป่วนด้วยพายุร้าย มันเปิดเผยขึ้นจนประชาชนรู้ข่าวกันทั่วไป เมื่อดาราภาพยนตร์ฮอลลีวูดคนสวยคนนั้นคือ แองเจลินา โจลี่ ได้ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับชาวโรฮินยา และขอร้องรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือแด่ชาวโรฮินยา แต่รัฐบาลอภิสิทธิปฏิเสธ และทำการผลักดันโรฮินยาที่เหลือนั้นกลับคืนสู่ทะเลอีกครั้งหนึ่ง. ชาวโรฮินยาที่น่าสงสารกลุ่มนั้นจึงสูญหายไปในทะเลตั้งแต่บัดนั้น
- November 23, 2012 at 3:04pm · Edited · Like · 1..
Phayap Panyatharo At the present I myself would like to see some facts about rohinyas. All the burden of this problem has been placed on the back of Mynmar eventhough the rohingyas have not got a citizenzip of Mynmar and more serious they are not any tribe of old Mynmar. They're just a strange muslim group walking around a strange land. This is unjust for Mynmar. Why the muslim countries in the world help their own suffering muslims in Buddhist land. Why the wealthy muslim countries especially the Kingdom of Saudiarabia most riches in the muslim world give its hands to the poor rohingyas the poor stateless citizenless rohingya in Mynmar. Because God says to all muslim in the world that muslims are all children of the same Father. I also found this similar verdict in a scripture of the christ ; the Holy Bible. So God's orders must be respected.
ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ขอให้มาดูความจริงเกี่ยวกับโรฮินยาในบางประเด็น ภาระหนักในการดูแลแก้ปัญหานี้ขณะนี้อยู่กับเมียนมาทั้งหมดประเทศเดียว แม้ว่าโรฮินยาเหล่านี้ไม่ใช่ประชาชนของเมียนมาร์ และทั้งยังไม่ใช่เผ่าพันธ์ดั้งเดิมในเมียนมาร์ด้วย โรฮินยาเป็นเพียงกลุ่มมุสลิมแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งที่เดินวนไปมาในแผ่นดินแปลกถิ่น นี่เป็นความไม่เป็นธรรมแด่ประเทศเมียนมาร์ ทำไมประเทศมุสลิมที่ร่ำรวยทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศมุสลิมโลก ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชาวโรฮินยาที่น่าสงสาร โรฮินยาที่ไม่มีความเป็นพลเมืองของประเทศใด ไม่มีประเทศของตนเองอยู่ในเมียนมาร์ เพราะเหตุที่ว่า พระเจ้าทรงตรัสแด่มุสลิมทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกว่า มุสลิมทั้งหลายล้วนเป็นเด็กๆของพระบิดาองค์เดียวกัน ข้าพเจ้าเองได้พบว่าพระดำรัสนี้ก็ยังมีความคล้ายคลึงกับพระดำรัสในคัมภีร์ของชาวคริสต์ คือโฮลี่ไบเบิลด้วย. ฉะนั้น คำสั่งใดใดของพระเจ้า ต้องได้รับการเคารพ.
- November 23, 2012 at 3:21pm · Edited · Like · 1..
Ubon Chandachatขอบพระคุณครับ พระคุณเจ้า สำหรับบทวิเคราะห์ เชิงวิชาการ ผมยินดีมากครับที่พระคุณเจ้าได้นำมาเล่าให้ฟัง กระผมจะคอยดูและติดตาม และใคร่ขอคำชี้แนะจากพระคุณเจ้าอยู่สม่ำเสมอนะครับ สาธุ
- November 23, 2012 at 11:22pm · Like..