ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้ดูดี ๆ
นายเชน เทือกสุบรรณ นักเลงโตในสภาฯ
วันที่ 5 ก.ย.2556 เวลา 19.00 น.นายเชน เทือกสุบรรณ คงเป็นลูกชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นส.ส.ปชป.แกคงคิดว่าพ่อแกใหญ่ แกก็มีอัตตาตามไปด้วย ในภาพได้จาก SNEWS ครับขอบคุณ นายเชน แกโกรธก็ยกเก้าอี้ขึ้นทุ่มลงไปเต็มแรงของแก ยังไม่พอจับอีกตัวทุ่มลงไปอีก รายงานว่าเก้าอี้แขนหักไปเลย แกพูดออกมาว่าแกทนเห็นประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ สภาจะต้องพูดกัน แล้วนายพายัพ ปั้นเกตุมาเสนอปิดการอภิปรายใช้ได้หรือ? คือเป็นการประท้วงของนายเชน ข่าวกล่าวว่า แกยังเดินออกไปชี้หน้าชี้ตาประธานสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานสภาขณะนั้น ตำหนิว่าทำหน้าที่ไม่สุจริตอะไรประมาณนั้น แต่ประธานสภาบอกว่าใจเย็น ๆ เถอะ เรื่องยุติลงแล้ว ยังมีเรื่องใหม่อีก คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคปชป.ก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกไปเท้าแขนด่าประธานสภาต่อ....ประธานสภาท่านก็ยิ้มให้ ... เราแค่อยากให้ได้ข้อสรุปว่า นี่คือ อันธพาล ตามที่เรามองไว้แต่แรกแล้วนั่นเอง ..... คนพวกนี้ลืมนึกไปว่า แท้จริงแล้วพวกเขามีน้อยคนกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง คือฝ่ายรัฐบาล หากยกพวกไปสนามฟุตบอลแล้วตีกัน ก็คิดหรือว่าจะหยิ่งผยองต่อไปได้ โดนยำแน่(โดยเฉพาะนายสาธิต วงศ์หนองเตย ตายแน่) ...... ทีนี้ฝ่ายพวกมากเขาเป็นผู้ดี เขาฟังกันเฉย ๆและอดทน ทนอด รู้จักใช้ธรรมะบริหารอารมณ์จิตใจ เพื่อให้อะไร ๆ มันผ่านไปได้ ทนฟังพวกกุ๊ยการเมืองนี้ไปหน่อยเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ เขาก็คิดเช่นนี้ ผู้ดี มีธรรมะ แม้กระทั่งผู้ดีในระบอบราชากษัตริย์ เผด็จการของสังคมไทยในอดีต เขาก็ยังสังวรณ์ไตรทวาร กว่านักการเมืองประชาธิปัตย์ยุคประชาธิปไตยเสียอีก นั่นเป็นสิ่งที่ชี้บอกถึงความไม่เข้าใจประชาธิปไตย ของพรรคประชาธิปัตย์ นับแต่หัวหน้าพรรค ซึ่งไปเล่าเรียนมาจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ในประเทศที่เป็นแม่แบบประชาธิปไตยโลก ก็ยังไม่เข้าใจ ที่ปรึกษาพรรค นายชวน หลีกภัย ยิ่งทึบไปกว่านี้อีก ก็เลยเป็นต้นเหตุของปัญหาอันยิ่งใหญ่ของประชาธิปไตยของไทยในทุกวันนี้ จึงขอให้พรรคประชาธิปัตย์เร่งเรียนรู้ประชาธิปไตย และสิ่งที่เรียกว่าวิถีประชาธิปไตยให้เข้าใจเร็ว ๆ เถอะ บ้านเมืองจะได้สงบและก้าวหน้าเสียที
นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
6 ก.ย.2556/13.10 น.
ภาพนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาไทยวันนี้(5ก.ย.2556)ช่วง 10.00 น.เพิ่งเปิดการประชุม นายวัชระมีอะไรบางอย่างจะแนะนำประธานสภา แกก็ออกมายืนยกมืออยู่แถวหน้าสภาเลย แต่เป็นเรื่องนอกประเด็น ประธานก็บอกว่ามันเป็นเรื่องนอกประเด็น แกก็ไม่ฟัง ภาพนี้เป็นผลงานของนสพ.มติชน จะเห็นตำรวจ 20 กว่านายเดินพาเหรดเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังนายวัชระ เพชรทอง และพาตัวออกไปนอกห้องประฃุม ตามสัญญาณจากประธานสภา เหตุก็เนื่องมาจากนายวัชระ ดื้อดึง ฟังภาษาไม่รู้เรื่อง สมองทึบไม่สามารถที่จะเพอเซปต์ความหมายจากภาษา และเหตุการณ์ถูกผิดได้ ไร้เหตุผล ตามที่ทราบกันอยู่แล้ว ประธานสภาเห็นว่านายวัชระพูดไม่รู้เรื่องก็ยืนขึ้น ตำรวจก็เข้ามาลากตัวออกไป น่าสงสารนายวัชระ แกกลัวลานจนตาเหลือก เหมือนควายที่ถูกจูงเข้าโรงฆ่าสัตว์ แกก็ขัดขืน มีเรี่ยวแรงมากเป็นพิเศษ(เหมือนคนถูกผีเข้า จะมีแรงมาก จนต้องใช้คนหลายคนเข้าควบคุมตัวจึงจะเอาอยู่) นายวัชระพยายามจะคว้าไมโครโฟน ก็คงจะคิดใช้วาทะออกไปว่า ตำรวจรังแกประชาชน ช่วยผมด้วย อะไรประมาณนั้น แต่ตำรวจรู้แกวเลยกันไว้ แกก็ลากไมโครโฟนไปจนแท่นไมโครโฟนหลุดออกไป พอลาก ๆ ออกไปทางประตูนายสาธิต วงศ์หนองเตยเข้ามาข้างหลัง จะช่วย แต่โดนศอกของตำรวจเข้าแสกหน้ามั้ง ล้มฟุบลงไป โผล่ขึ้นมาอีกทีมีเลือดแดงที่ใบหน้า แกคงอายรีบคลานหนีกล้องไป น่าสงสาร เพราะแกตัวเตี้ย ๆ อย่างนั้นสูงแค่สะดือเขายังไม่เจียมตัว นายวชัชระนี่ยอดนักก่อกวนจากพรรคประชาธิปัตย์ครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่อาจจะนับได้ น่าทุเรศมาก เหมือนคนไม่เต็มเต็ง ผมในฐานะราษฎรคนหนึ่งนี่ เห็นว่าไม่เหมาะกับตำแหน่ง ขาดสาระ แล้วยังขาดหิริ โอตตัปปะ คราวหน้าคงจะถูกประชาชนเมินหายไปจากสภา
- นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
5 ก.ย.2556,21.45.50
นายเอียด เส้งเอียด (คนกึ่งนั่งกึ่งนอนถืออาวุธสงคราม) แกนนำกลุ่มเกษตรกรสวนยาง กลุ่มอ.ชะอวด นครศรีธรรมราช เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อคุยกับฝ่ายรัฐบาล มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะ กนย.วันที่ 4 ก.ย.2556 ปรากฎว่าทางฝ่ายรัฐบาลรับข้อเสนอไป ภาพนี้และภาพล่างได้มาจาก เฟสบุ๊คของเอียด เส้งเอียดเอง ไม่ระบุวันที่ถ่ายภาพ ดูภาพแล้ว เอาเรื่องเหมือนกัน แต่ประชาชนสงสัยว่าเป็นชาวสวนยางจริงหรือเปล่า ?
ที่จริงเอียด เส้งเอียด ไม่ได้เป็นอะไร เป็นผู้ที่มีอดีตเป็นจอมโจรปล้น ฆ่า เรียกค่าไถ่ และหนีหัวซุกหัวซุนไปในป่า ก่อคดีฆ่ากำนัน ตำรวจ ทหาร และพระร่วม 13 คดี แต่จนมุมตำรวจ-ทหารไทย ถูกพิพากษาประหารชีวิตทั้งพี่และน้อง(ตามภาพคือโจรไข่หมูก ผู้พี่ ขวามือ โจรเอียด ซ้ายมือ ผู้ชูนิ้ว) ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงได้ออกจากคุก....และดูเหมือนจะคุ้นเคยสนิทกับสส.หลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานประสานกับพรรคประชาธิปัตย์ในสภาได้อย่างกลมกลืน ตั้งแต่วันแรก ๆ ของการชุมนุมม็อบยาง(23 ส.ค.2556)แล้ว และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกาศในสภาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2556 นี้ ว่าจะต่อสู้ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ได้ทุกวิถีทาง บางทีนี่เป็นอีกวิถีทางหนึ่ง คือ คบโจรสร้างม็อบก่อกวนไม่ให้รัฐบาลทำงานได้ นั่นเป็นเรื่องที่วิญญูชนย่อมมองออกทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว
- นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
5 ก.ย.2556/12.00 น.
Nation Channel, 2 ก.ย.2556 โพสต์ข่าว+ความคิดเห็นว่า: ยิ่งลักษณ์หน้าแหก! เชิญโทนี่ แบล์ มากินข้าวกับอภิสิทธิ์ ผู้นำฝ่ายค้าน ..... เราไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้เขียนข่าวปน ๆ ไปกับความคิดเห็นคนนี้ เป็นความคิดเห็นที่ห่วยแตกมาก ไม่น่ามีคนบ้องตื้นขนาดนี้อยู่ในวงการสื่อมวลชนไทยเลย แท้จริง นายอภิสิทธิ์ เป็นประชากรของอังกฤษ เพราะเขาเป็นคนสองสัญชาติอยู่แล้ว โทนี่แบล์ เขาเป็นคนอังกฤษระดับมาตรฐาน และเคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษ 2 สมัย น่าเป็นไปได้ว่าแท้จริง โทนี่ แบล ถือโอกาสที่นรม.ยิ่งลักษณ์เชิญมาให้ความรู้ ในฐานะมิตรประเทศประชาธิปไตยด้วยกันอยู่แล้ว เขาก็ยินดีมา แต่โอกาสพิเศษของแบลก็คือมาตามเด็กของเขากลับอังกฤษไปด้วย เพื่อที่จะได้หยุดเกรเรเกตุงเสียที หรือไม่ก็คงมาให้สติเตือนให้นายอภิสิทธิ์รู้จักอะไรเป็นอะไรในแนวทางของประเทศประชาธิปไตยบ้าง ก็เท่านั้นเอง แล้วคุณจะไปถือเป็นเรื่องหน้าแหกหรือไม่หน้าแหกได้อย่างไร บักบ้องส์ส์ส์ส์ส์เอย !!! เชื่อผมสิ ! อีกหน่อยก็ยังจะมีเจ้าของอีกหนึ่งคือมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด มาตามเด็กของเขาอีกเหมือนกัน เอากลับไป ภายหลังทำเรื่องราวเกเรเกตุงมามากพอแล้ว คุณไม่รู้หรือนายอภิสิทธิ์นี่จบถึงมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศสหราชอาณาจักรมานะ แต่แล้วเป็นยังไง ไม่รู้เรื่องประชาธิปไตยเลย เสียชื่อมหาวิทยาลัยเขาหมด
อีกอย่างหนึ่ง แบล เขาเอาตัวเขามาให้นายอภิสิทธิ์ดูใกล้ ๆ ผมหมายถึงเอาประวัติการต่อสู้ของฝ่ายค้านของอังกฤษสมัยหนึ่งมาให้ดู เดิมพรรคกรรมกร ที่ต่อสู้กับพรรคขุนนางอังกฤษมายาวนานไม่ได้รุ่งโรจน์เท่าเวลานี้ เวลาที่แบลได้นำพาพลพรรคเลเบอร์(Labour Party) ต่อสู้มา คือสมัยนั้นเขาเคยแพ้แล้วแพ้อีกอยู่ครึ่งศตวรรษ จึงมาชนะเอาในยุคของแบลเป็นหัวหน้าพรรค แบลต้องการให้คนอังกฤษคนนี้(นายอภิสิทธิ์)ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป.ประเทศไทยคิดใหม่ คิดแบบพรรคเลเบอร์ของเขา ต้องต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาตกลงกติกาไว้อย่างไร ต้องสู้ไปตามกติกานั้น ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ ผลที่ได้มาจึงจะยิ่งใหญ่และเป็นการสร้างสรรค์ประเทศตนเอง อย่างโทนี่แบล แต่วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์คิดผิด และคิดในทางที่ตกต่ำ ที่เสื่อมเสียแก่ตัวเองอย่างต่ำสุด ๆ และนั่นเป็นการถ่วงทำลายประเทศไทยโดยตรง คือไม่คิดสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่คิดออกนอกลู่นอกทางประชาธิปไตย เปิดแขนอ้าเอาเผด็จการมาครอบครองระบบไทย และใช้วิถีการต่อสู้แบบอันธพาลมาตลอด ......เห็นชัด ๆ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ยังมาพูดเน้นในสภา เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ส.ค.นี้ อย่างที่สอดคล้องต้องกันไปทั้งพรรค ปชป. อย่างที่ผยอง ดื้อดึงที่สุดว่า เขาจะต่อสู้เอาชนะให้ได้ทุกวิถีทางการต่อสู้ ไม่คำนึงว่าจะใช้วิธีการต่อสู้แบบใดวิธีใด.....คำว่าทุกวิถีทาง บอกถึงความทึบ โง่เง่าเต่าตุ่น.....มันสะท้อนออกมาแล้วกับม็อบสวนยาง .... นั่นไง (ทำไมคุณเรียกร้องเอาแค่ 120 ล่ะ ทำไมไม่เอา 220 เป็นสองเท่าไปเลย ในเมื่อประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อให้ได้มาทุกวิถีทางไปแล้ว?) ..... คือถ้าใช้การต่อสู้ทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงกฎหมายและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมมนุษย์แล้ว อย่างเลวที่สุดที่ทำได้ก็คือจับอาวุธขึ้นสู้ล้มล้างระบอบและรัฐบาลของประชาชน...หรือการต่อสู้แบบเอากำลังกาย อนารยะธรรมเข้าว่า แบบยุคมนุษย์วานร 1.8 ล้านปี นั่นก็ผิดยุค ผิดกฎหมายฉกรรจ์ เป็นกบฏ โทษถึงตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร ....จะเอาหรือ ? .... ก็จำนนอยู่ดี........ถูกแล้ว ทำเช่นนั้มันผิดกฎหมายฉกรรจ์.....โทษตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร ... เมื่อไม่มีทางก็ควรเอาอย่างแบล แพ้แล้วแพ้อีก ในที่สุดเมื่ออุดมการดี นโยบายดี ความพยายามดี ก็ชนะได้ ในการเมืองประชาธิปไตย ไม่มีพรรคไหนครองอำนาจตลอดกาล ดูอเมริกาสิ 2 พรรคใหญ่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้น ลง ตลอด เป็นสัจธรรมเพราะอะไร ใช้หัวคิดดูเองบ้าง ก็ชนะได้ในวันหนึ่ง นี่แหละ คือท่านนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบล แห่งสหราชอาณาจักร ต้องการให้คุณอภิสิทธิ์ ได้ดู ได้เห็น และจงดู และเห็นเถอะ ..... นี่ต่างหากที่เราควรจะมองเห็น จากการมาของท่านอดีตนรม.อังกฤษ โทนี่แบล ..........
ก็จะเห็นว่า การพบกันของ 2 อดีตนายกรัฐมนตรีนี้ เกิดขึ้น ณ สถานทูตอังกฤษ น่าคิดว่า การที่บุคคลทั้ง 2 ได้พบกันนี้ เป็นการประสานงานของฝ่ายใด แน่ละ กท.ต่างประเทศไทยน่ามีส่วนสำคัญ ข้อที่น่าคิดก็คือ แนวความคิดนี้นับว่าฉลาดล้ำเลิศเลยทีเดียว ได้เคยมีมาแต่ยุคไซอิ๋วแล้ว คราวพระถังซัมจั๋งเดินทางมาถึงแดนปีศาจควายนั่นแหละ เห้งเจียต้อนตีอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะปีศาจควายได้ ฝ่ายพระถังซัมจั๋งก็ถูกมัด พวกปีศาจมันเตรียมตั้งหม้อไฟเอาไว้ต้มกินอยู่แล้ว เห้งเจียก็มาคิดได้ว่าปีศาจนี้มีฤทธิ์ผิดธรรมดา ชะรอยจะเป็นควายหลบมาจากสวรรค์ อย่าเลยจะไปตามหาเจ้าของควายมาเอาควายเขากลับไปดีกว่า เห้งเจียหรือซึงหงอคงก็ขึ้นไปที่สำนักไท้แป๊ะกงที่สวรรค์ ก็รู้ว่าควายหายไปตัวหนึ่ง ก็เข้าไปต่อว่าทำไมปล่อยควายลงไปอาละวาด รีบไปเอากลับคืนมา ไม่งั้นจะฟ้องเง็กเซียงฮ่องเต้ลงโทษเสีย ไท้แป๊ะกงก็รีบไปสำรวจควายของตัวเอง ก็พบว่าควายหายไปตัวหนึ่งจริง ๆ ก็ตกใจรีบตามเห้งเจียไปยังโลกมนุษย์ พอเห็นเจ้าของมาเท่านั้นปีศาจควายก็หงอเหมือนเด็กอ่อนไปเลย ไท้แป๊ะกงตวาดให้ทีหนึ่งก็กลับร่างเป็นควายเหมือนเดิม จูงจมูกไปสวรรค์ มันยังอาฆาตเห้งเจียไว้ว่า มึง ไอ้ลิงไว้สักวันเถอะ..... ก็ต้องชมว่าการเชื้อเชิญโทนี่ แบลมาประเทศไทยครั้งนี้เป็นเรื่องที่แยบคายมาก
อีกประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหมายถึงกรรมการพรรค ทั้งคณะที่ปรึกษามาถึงหัวหน้าพรรค สมาชิกพรรคทุกคน รวมทั้งชาวใต้ที่นิยมวาทะพรรคประชาธิปัตย์ทุกผู้ทุกคน ก็คงจะได้ฟังโทนี่ แบลพูดแล้ว พร้อม ๆ กับคนสำคัญอีก 2 คนทางวิชาการ คือนายมาร์ตี้ อาห์ติซารี ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ ผู้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2551 กับนางพริซิล่า เฮย์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านในประเทศด้อยพัฒนาหลายประเทศ พูดเมื่อเช้าวันนี้ตลอดถึงเวลาบ่ายวันนี้แล้ว(2 ก.ย.2556) อยากให้ท่านได้คิดว่า การหยิ่งผยองของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องที่ว่าตัวเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่นั้น ได้ประสบความจริงหรือสัจธรรมเกี่ยวกับการพูด นั่นคือ การพูดอย่างพรรคประชาธิปัตย์เล่าเรียนสืบทอดกันมาตลอดเวลานานและชนะใจชาวใต้นั้น แท้จริงเป็นการพูดที่มีเกรดอยู่ระดับศรีธนญชัย(นักเล่านิทานตลกไร้สาระ)เท่านั้นเอง และพรรคนี้เอาวิธีการพูดตลกคะนองไร้สาระนี้เข้าไปแสดงความยิ่งใหญ่ในสภา และเวทีการพูดทุกแห่งในประเทศไทยมาแล้ว แม้กระทั่งพูดเรื่องเท็จให้เป็นจริงในเวทีที่เรียกว่า ผ่าความจริง เขาก็ยังกล้าหาญ พยายามพูดเท็จให้คนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงให้ได้ (จนไปโดนไล่ที่ศรีสะเกษ เพราะคนที่นั่นฉลาดมาก เขารู้ว่าประชาธิปัตย์จะไปพูดเรื่องเท็จล้วน ๆ เขาขี้เกียจฟังเรื่องโกหกไร้สาระและเห็นว่าพวกนี้ไปละเมิดสิทธิที่จะรับฟังความจริงของพวกเขา จึงพากันออกมาขับไล่หนีไปเสีย) นั้น เมื่อได้ฟังโทนี่แบล ได้ฟังนายมาร์ตี้ อาห์ติซารี และนางพริซิล่า เฮย์เนอร์ แล้ว ได้สำนึกหรือเปล่าว่าเป็นการพูดคนละระดับชั้นคนละเกรดกันอย่างแท้จริง เพราะอะไร ? เพราะนั่นคือแบบอย่างการพูดแนวประชาธิปไตยวิทยาศาสตร์ไง ? ซึ่งสังคมประชาธิปไตยก้าวหน้าจะต้องเรียนรู้อารยธรรมการพูดกันแบบนี้. ประชาธิปัตย์จึงควรเลิกวิธีพูดแบบศรีธนญชัยเสียที ทุเรศเต็มทีแล้ว หัดเรียนรู้วิธีการพูดที่ดี ๆ มีมาตรฐานสากลจากบุคคลชั้นนำยุคประชาธิปไตยก้าวหน้าทั้ง3ท่านนี้เสียบ้าง.
อย่างไรหรือ...การพูดแนวประชาธิปไตยวิทยาศาสตร์? ก็ science & research ยังไงครับ.....(ก็บอกแล้วให้ฟังท่านทั้ง 3 ท่านมีโทนี่ แบล เป็นต้นพูดวันนี้...นั่นแหละตัวแบบ) .จะพูดอะไรก็ให้มีข้อมูลที่ผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้ว มาอ้างอิงกัน มันจะน่าเชื่อถือและเป็นแนวสร้างสรรค์สังคมได้จริงกว่าพูดโกหกพกลม...โฆษณาชวนเชื่อไปวัน ๆ แบบประชาธิปัตย์ หรือแบบนายบุญยอด สุขถิ่นไทย นายจุลินทร์ นายจุฤทธิ์ ลักษณะวิศิษฐ์(คู่พ่อ-ลูกในรัฐสภาไทย) เป็นต้น
-
มาธาดอร์ ปชป.
บทแทรก มีคำถามมาว่า ตายไหมครับ ? ผมไม่อยากมองประเด็นนี้เลย ในความรู้สึกของผมนั้น เห็นว่าเป็นการต่อสู้แบบนักรบ ผมยกให้กะทิงนี้เป็นนักรบ เสมอกับนายมาธาดอร์นั้นเลยทีเดียว เนื่องเพราะทั้งคู่ได้เข้าสู่สนามรบ 2 ต่อ 2 ในเมื่อเปิดการต่อสู้ขึ้นแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายก็ย่อมใช้ความสามารถของตนอย่างสุดฤทธิ์ มีพลังเอนเนอยี่เท่าไร ก็ต้องเอาออกมาใช้ให้หมด สำหรับกะทิงเราจะเห็นพลังนี้ชัดเจนมาก ดูเนื้อตัวของมัน ดูขาทั้ง 4 ของมัน ดูหางของมัน ที่บอกถึงการต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์เพื่อเอาตัวมันรอด แน่ละ เมื่อโดนหอกของมาธาดอร์เข้าไป ได้เลือดโชกถึง 3 หอกแล้ว กะทิงมันคิดอย่างไร มันย่อมคิดว่าทางที่มันจะรอดไม่มีทางอื่นนอกจากสู้สู้ สู้ ไม่มีการโอดครวญ และแล้วมันก็ประสบผลสำเร็จ ที่สามารถส่งอาวุธร้ายของมันเข้าสู้จุดตายของคู่ต่อสู้ได้ มันควรจะได้รับยกย่องว่าเป้นกะทิงระดับจักรพรรดิ์แห่งสงคราม และอัญเชิญมันไปอยู่พระราชวัง ให้สมกับชัยชนะของมัน ซึ่งได้มาอย่างยุติธรรม ขาวสะอาด ..... ทำให้คิดถึงนักรบในสงครามทรอย ...เคยดูหนังเรื่องสงครามทรอยไหมครับ? เขาทำจากประวัติศาสตร์จริงยุคกรีกเรืองอำนาจ ผมยังนึกเสียดายอยู่เลย ในแง่ที่ว่าเฮกเตอร์มีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ที่จะไม่รับคำท้าทายของอาร์คิริส และหากเฮกเตอร์ไม่ตายไปเสียก่อน กรุงทรอยก็คงจะไม่แพ้สงคราม แต่ด้วยจิตใจนักรบ และชื่อว่านักรบยุคนั้น เขาไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติ จึงรับคำท้ายทาย และในที่สุด อาคิริสเป็นผู้ชนะ สามารถต้อนตีเฮกเตอร์ ผู้ฆ่าแม่ทัพกรีกตายไปหลายศพในการรบมาก่อนนี้แล้ว ให้ยอมรับการลงโทษแต่โดยดีได้ (ในหนังเฮกเตอร์ถูกคมหอกอาคิริสเข้าที่บ่าไหล่ก่อนทำให้ทรงตัวไม่ได้ ต้องทรุดตัวลงนั่ง เอาอกรอรับคมหอกอย่างเดียว นักรบยุคนั้นเขาสู้กันแบบที่ไม่หวังชัยชนะ แต่หวังในเกียรติยศด้านความกล้าหาญและความเป็นธรรมในการต่อสู้มากกว่า....เกียรติยศของทั้งคู่นี้จึงตรึงตราคนมาจนถึงยุคปัจจุบัน ได้เป็นแบบอย่างของนักรบผู้กล้าหาญมาจนเท่าทุกวันนี้ .......มาดูคู่นี้ เป้นการต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ ...และเห็นแล้วว่าทางที่กะทิงจะชนะนั้น มีน้อย....แต่แล้วก็กลับตาละปัตร ...ในภาพ กะทิงจะพิชิตชัยชนะอยู่แล้ว.......ตามกติกานักรบคนน่าจะยอมรับในความพ่ายแพ้ของตัวเอง...และยกย่องผู้ชนะ กะทิงตัวนี้ถึงระดับจักรพรรดิ์เลยทีเดียวดังกล่าวไว้ข้างต้น .....แต่คนโกง ขี้ขลาด ถ่อย ทรยศ ไม่ยอมรับในเกียรติของนักรบ ..........นั่นคือการยอมรับความพ่ายแพ้ของตัว .....ผมจึงยกให้ฝ่ายคนนั้นเป็นมาธาดอร์ ปชป.ไงครับ
ยอดเยี่ยม ยิ่งยง
7 ก.ย.2556/21.50 น.
สิงห์ปชป.
บทแทรก ตายไหมครับ ? ในวีดิโอลิงค์ เขาถ่ายมาจากการชู่มวิจัยพฤติกรรมสัตว์ แต่ไม่จบตอน คือตามถ่ายไม่ทัน แต่พอเห็นได้ว่าสิงห์โตหนีไปได้ ไม่โดนกระบือกระทืบตาย สิง เสือ ที่โดนสัตว์หมู่อื่นฆ่า มีน้อยรายครับ คู่อาฆาตจริง ๆ นอกจากไฮยีน่าแล้วก็มีกระบือหรือควายป่านี่แหละ สำหรับกระบือหรือควายป่า เห็นมีการโรมรันพันตูกันโดยฝ่ายหนึ่งสู้เพื่อเอาชีวิตรอด อีกฝ่ายหนึ่งเป็นนักล่าเพื่อเอาเลือดเนื้อชีวิตเป็นอาหาร พบในวีอิโอตอนหนึ่งควายป่าหลงฝูงเข้าไปในดงสิงโต ๆทั้งฝูงก็ไล่ตามทัน เกิดการต่อสู้กัน สิงโตมันประสานงานกัน เผ่นเข้าขม้ำตามจุดพลังต่าง ๆของกระบือ ก่อนที่กระบือจะเสียท่าล้มลงไป ปรากฎว่า เขาของมันตักเข้าที่ชายโครงหัวหน้าฝูงสิงโต บาดเจ็บสาหัสไปตัวหนึ่ง ถึงต้องถอนตัวจากการต่อสู้ แต่ไม่ได้เห้นชัดเจนว่ามันตายหรือเปล่า กระนั้นก็พอคาดได้ว่าไม่น่ารอด เพราะมันเดินหนีไปอยู่ห่าง ๆ มองดูฝูงรุมกัดกินเนื้อกระบืออยู่ไม่มาร่วมด้วย มีเห็นชัดอยู่ตอนหนึ่งครับ ฝูงกระบือป่าตัวอ้วนกำยำทั้งฝูงไล่ต้อนสิงโตวิ่งขึ้นต้นไม้ อาจจะเป็นตอนต่อจากที่เห็นในภาพข้างบนก็ได้ครับ กระบือชนต้นไม้เอนไปเอนมาแล้วในที่สุดสิงโตตกกระเด็นลงมา กระบือเสยเขาขึ้นรับ เข้ากลางตัวเลยครับ แล้วมันสลัดร่างสิงโตไปกลางฝูง ๆ ก็เสยเขารับ แล้วสลัดร่างสิงโตไปอีกหลายทอด คราวนี้ตายไม่เหลือ เห็นชัดจริง ๆ ครับ ........... ผมจึงให้เป็นสิงห์ปชป. คล้ายกันเลย เพียงแต่ว่าคู่ต่อสู้ของสิงห์ปชป.ไม่ใช่กระบือ แต่เป็นมนุษย์ผู้เจริญกว่า(มีความคิดดีกว่า)เท่านั้นเอง ........ซึ่งก็ยิ่งต้องตายแหง ๆ ใช่ไหมครับ ?
นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
7 ก.ย.2556/22.10 น.
นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
2 ก.ย.2556/ 23.55 น.
มาธาดอร์ ปชป.
สิงห์ปชป.
<<<<< ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้ดูดี ๆ มาธาดอร์ สิงห์ปชป.ถึงคราวสิ้นชื่อ>>>>>
<<<<<พรรคที่ไร้ประโยชน์แด่ประชาชนโดยสิ้นเชิงคือพรรคประชาธิปัตย์>>>>>
<<<<<ฝ่ายค้านที่ไม่เข้าใจฐานะตนเองในระบอบประชาธิปไตย สุดถ่อย-อัปยศในรัฐสภาไทย>>>>>
<<<<<ม.68กับภาษาไทยระดับประถมศึกษา ตลก.รัฐธรรมนูญไร้วุฒิภาวะ>>>>>