ก็รู้กันดีครับว่าพวกเถื่อน ๆ ทำอะไรเถื่อน ๆ เอาไว้ ซ้ายมือ ตลก.รธน.นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ว่าให้รัฐบาลไปทำถนนลูกรังให้ครบทั้งประเทศเสียก่อน จึงค่อยทำรถไฟความเร็วสูง (ตลกจริง ๆ ครับ) กลางนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ไร้ความสามารถ สติปัญญา ปานละอ่อน ที่ด้อยทุกประการต่อหน้าที่ กกต. (ไม่สมกับเงินค่าจ้างเลยแม้แต่นิดเดียว...ใครสรรหามาต้องรับผิดชอบ ไล่ออกไปได้แล้ว) ภาพขวา เปรียบเทียบกับพรรคการเมืองสุดถ่อยเถื่อน สุดอัประยศ ประชาธิปัตย์ (น.ส.พ.ไทยรัฐ พาดหัวข่าวไว้) ขณะนี้ตายสนิทไปจากการเมืองประชาธิปไตยไทย เป็นพรรคการเมืองที่มาปรากฎภายหลังนี้เลยถึงความดีแต่พูด แล้วยังอ่อนสติปัญญา ขนาดทำอัตวินิบาตฆาตกรรมตนเอง นั่นคือ โดยทำการบอยคอตการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ซึ่งการที่พรรคนี้ไม่ลงเลือกตั้ง หรือละบทบาททางการเมืองไปเสียเลยนั้น ย่อมเป็นการดีต่อประชาธิปไตยไทยอยู่แล้ว เพราะระบอบประชาธิปไตยจะก้าวหน้าย่อมต้องขจัดพรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ที่ไม่เข้าใจประชาธิปไตยและใช้วิถีป่าเถื่อนอนารยธรรมเผด็จการในรัฐสภาตลอดเวลาที่ตนเป็นฝ่ายค้าน ไปโดยเรียบเกลี้ยงให้จงได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คนเถื่อน แห่งองค์กรเถื่อนโดยรัฐธรรมนูญเถื่อน
บทบาทของนายสมชัย ศรีสุทธิยากรคนนี้ส่อถึงเจตนาอันรุนแรงเปิดเผยไม่เกรงกลัวความผิด ในการที่แสดงบทบาทที่ขัดขวางล้มล้างระบอบประชาธิปไตยไทยตั้งแต่แรกเข้ามารับหน้าที่เป็น 1 ในกกต.ทั้ง 5 คน ได้กระทำความผิดตามกฎหมายและทวนกระแสอุดมการณ์ของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั้งประเทศ จะต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสม ทั้งโดยวิถีทางกฎหมายของนิติรัฐ และทั้งวิถีทางของมติมหาชนในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้โดยมาตรา 2 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่บัญญัติว่า <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>> คำว่าระบอบประชาธิปไตย ย่อมหมายถึง อุดมการณ์ เป้าหมาย ระบบ และวิถีทางของระบบนี้ ซึ่งเมื่อนายสมชัยได้เข้ามาสู่ตำแหน่ง กกต. ซึ่งหมายถึงมาเพื่อทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฯกำหนดนั่นคือเพื่อจัดการเลือกตั้ง ตามพรฎ.การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่นายสมชัยไม่ได้สำนึกในหน้าที่ของตน ไม่ได้คำนึงถึงระบอบประชาธิปไตย แม้ความหมายชั้นต้นที่สุดที่ว่า กกต.เป็นเครื่องมือของประชาธิปไตยที่สำคัญอย่างยิ่ง หากไม่มีประชาธิปไตยแล้ว ก็ไม่มี กกต. เขาไม่รู้หน้าที่ของตนทั้งโดยสามัญสำนึกและทั้งโดยกฎหมาย ไม่เข้าใจว่า หน้าที่ของตน ในฐานะที่เป็นส่วนอำนาจที่ 3 ตามระบอบประชาธิปไตย จะต้องบริหารตามกฎหมาย ตามที่มาตรา 3 วรรค กำหนดไว้ว่า
<<<มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>
เห็นได้จากทัศนะของนายสมชัย ที่ว่าหากทางออกตามกฎหมายตัน ไม่มีทางออก เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทางออกทางกฎหมาย นั้นได้บ่งบอกว่าเป็นทัศนะที่อันตรายต่อระบอบการปกครองในเมื่อต้องถือหลักการปกครองโดยนิติธรรม
เขาเป็นบุคคลที่ไม่สำนึกในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรา 2 และมาตรา 3 ในเมื่อมองการปกครองโดยไม่จำเป็นต้องอิงกฎหมาย นั่นคือแนวคิดเผด็จการ และนั่นคือ ปัญหา ตุลาการภิวัฒน์ ที่มีเรื่องล่าสุด จากการฟ้องร้องของนายสมชัยในฐานะกกต.ประเด็นที่เขาพยายามขัดขวางและจะให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ฟ้อง ปปช. และ ปปช.ก็ได้ตัดสินออกมาเมื่อวานนี้เอง ว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 นั้น สามารถที่จะเลื่อนได้ และให้ประธาน กกต.กับ นายกรัฐมนตรีปรึกษากันว่าจะเลื่อนไปวันไหน
ล่าสุด...25 ม.ค. 2557 นายสมชัย ออกวาทะว่า จะใช้อำนาจกกต.สั่งรัฐบาลยุติทำหน้าที่หากไม่ยอมออกพรฎ.เลือกตั้งใหม่... เราต้องการที่จะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่นายสมชัยพูดนั้น ไม่ได้มีการอ้างอิงกฎหมายเลย นายสมชัยมีอำนาจขนาดนั้นเทียวหรือที่จะสั่งรัฐบาลให้ยุติการทำหน้าที่ ใครให้อำนาจนายสมชัยไว้ ที่ว่ามีอำนาจให้รัฐบาลยุติการทำหน้าที่ มีกฎหมายฉบับใด มาตราใดให้อำนาจนายสมชายไว้ขนาดนั้น เช่นนั้น ......... และแน่นอน นายสมชัยได้แสดงออกถึงความไม่เหมาะสมกับหน้าที่ กกต. โดยที่ไม่เข้าใจว่าในระบอบประชาธิปไตยแล้ว อำนาจของคุณนั้น ย่อมมาจากประชาชนเสมอ (หมายความว่า คุณต้องได้อำนาจจากสภาผู้แทนราษฎรเสมอไป...โดยตราเป็นกฎมาย มีมาตราบทบัญญัติให้อำนาจไว้ทุกการกระทำ)
แต่นี่แหละคือปัญหาอันเกิดจาก กกต. ตลก.รธน. และองค์กรอิสระอื่น ๆ ตามรธน.เถื่อน 2550 มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นับตั้งแต่พันธมิตรฝ่ายเผด็จการของตนคือพรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นมาในโลกนี้ หมายความว่า การตัดสินความขององค์กรเหล่านี้ ไม่ได้อิงบนหลักการกฎหมายเลยแต่ตัดสินเอาตามใจตนเอง ตนเองอยู่เหนือกฎหมาย (เช่นการยุบพรรคไทยรักไทย พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย การสั่งการยุติการเป็นนรม.ของนายสมัคร สุนทรเวช..รวมทั้งการละเมิดมาตรา68 ส่วนที่พิทักษ์สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญในเร็ว ๆ นี้) ซึ่งผิดหลักการประชาธิปไตยที่ต้องปกครองโดยหลักนิติธรรม ตามมาตรา 2 และมาตรา 3 วรรค2 ดังกล่าว (โปรดศึกษาเพิ่มเติมจากเรื่องอ่านไทย ป.4 บทบาทที่น่าเหมาะสมขององค์กรเถื่อน....คลิกได้)
ทุกวันนี้ ประชาธิปไตยไทย มีปัญหาที่อำนาจสูงสุด ส่วนของอำนาจที่ 3 ตุลาการ ที่มีปัญหาทั้งระบบและตัวบุคคล ที่โดยระบบเป็นระบบที่มาโดยไม่ชอบด้วยหลักการของระบอบประชาธิปไตย และโดยบุคคล ได้บุคคลที่ไม่เหมาะแก่งาน ตามหลัก right man on right job ดังได้เห็นจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร รวมทั้งกกต.ชุดใหม่ทั้ง 5 คน รวมทั้งในการเลือกตั้งล่วงหน้าวันนี้ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งหลายเขตในกทม. ที่ได้ แสดงบทบาทหน้าที่ที่อ่อนด้อยความสามารถและสติปัญญาที่สมควรแก่งานอย่างสิ้นเชิง และโดยที่เป็นไปอย่างที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายประการใดใดเลยอยู่ขณะนี้(การมาสู่ตำแหน่งและการปฏิบัติงานขององค์กรอิสระทั้งหลายไม่มีการเชื่อมโยงกับประชาชน) แต่การปกครองประเทศต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องการการปกครองแบบประชาธิปไตย กฎหมายนั้นมีความสำคัญ และกฎหมายต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ เทียบเท่าคัมภีร์ทางศาสนา โดยมีศาสดาคือประชาชนทั้งประเทศ นายสมชัย ศรีสุทธิยาการ จะต้องได้รับผลกรรมผลงานที่ทุจริตและไม่สมควรแก่งานของเขา อย่างสาสมแก่ความผิดตามหลักการนี้ และประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง จะต้องติดตามดูบทบาทของนายสมชัย กับกกต.ทั้ง 5 อย่างใกล้ชิดต่อไป
- สุไหงปาดี ชินะกุล
26 ม.ค.2557/18.05.50
บทแทรกที่ 1
คำว่าองค์กรเถื่อน หรือที่ว่า "คนถื่อน องค์กรเถื่อน รัฐธรรมนูญเถื่อน" หมายถึงหลักการตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเราจะต้องทำตามมาตรา 2 แห่งรัฐธรรมนูญฯ 2550 แม้เป็นรัฐธรรมนูญโจร แต่รัฐธรรมนูญโจรนี้ถูกนำมาบังคับใช้ในประเทศนี้โดยกองกำลังรัฐประหาร ของ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ก็จำเป้นต้องเชื่อฟัง ปฏิบัติไปตาม รธน.เถื่อนนี้ไปก่อน (ขืนไม่เชื่อฟังเขา ๆ อาจเอาไปยิงทิ้งเป็นการฆ่าหมู่ก็ได้ เพราะเขามีอำนาจโดยกระบอกปืนเผด็จการคุณก็รู้) ที่เป็นประเด็นก็คือ แม้รัฐธรรมนูญเถื่อนนี้ ก็ยังรับรองว่า ประเทศไทยจะต้องปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 2 นั่นไง ลองทบทวนอีกทีก็ได้
<<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>
แต่ที่กลายเป็นเรื่องโง่ ๆ ไปก็เพราะคนที่เอาไปบังคับใช้ รวมทั้งคณะรัฐประหาร ผู้ที่ร่างมันขึ้นมา โดยเฉพาะนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ได้ชื่อว่านักกฎหมายใหญ่คนหนึ่งของไทย ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ก็ไม่เข้าใจ โดยตีความศัพท์เทคนิก คำว่าระบอบประชาธิปไตยผิดไป แม้ตนเองเป็นคนร่างขึ้นเองแต่กลับไม่เข้าใจความหมาย ไม่เข้าใจคำสั่งของตนเอง ที่ว่า ต้องปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยนั้นคือต้องทำอย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว จึงปฏิบัติไม่ถูก และละเลยต่อการที่ต้องกระตือรือร้นแก้ไขในสิ่งผิด ให้ถูก หรือการที่ต้องแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด (ตามพระวาทะของในหลวงเรา) ผมเชื่อเลยว่า แม้กระทั่งวันนี้ พวกองค์กรอิสระทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวก 9 คนแก่ ๆ โบราณ ๆ ในศาลรัฐธรรมนูญ (นายสุพจน์ ไข่มกด์ ขณะอ่านคำตัดสิน ยังอุตส่าห์โง่อวดฉลาด ว่า ให้รัฐบาลทำถนนลูกรังเสร็จเสียก่อน จึงค่อยทำรถไฟความเร็วสูง ตลกจริง ๆ เราะตลกโง่ ๆ ในคนที่คิดว่าตนฉลาด) พวก กกต. 5 คนที่มาใหม่นี้(แม้กระทั่งชุดเก่า เช่นนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ปธ.กกต.เก่า...ยกเว้นคุณสดศรี สัตยธรรมคนเดียว ที่เข้าใจประชาธิปไตยดีจริง ๆในวันนี้) นางอมรา พงศาพิศ (ศาสตราจารย์ อมรา พงศาพิศ ปธ.กก.สิทธิมนุษยชนไทย อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เป็นต้นนี้ ยังอ่านมาตรา 2 นี้ไม่เข้าใจอะไรเลย ก็เดาสุ่มเอาว่าตนเป็นองค์กรที่ถูกต้อง บริสุทธิ์ เป็นที่น่าเชื่อถือ...และตนมาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุด(โดยไม่รู้ว่าแท้จริง รธน.2550 เป็นกฎหมายเถื่อน)
แล้วประเด็นสำคัญต่อไปก็คือ ตนเป็นองค์กรเถื่อนแท้ ๆ แทนที่จะเจียมตัวเจียมใจ หลบซ่อนตนเองไปเสียอยู่อย่างเงียบ ๆ ถือสันโดษ(เข้าวัดเข้าวาสวดมนต์ฟังธรรมไปเสียรอวาระสุดท้ายของตน) กลับยังไปวางก้ามวางอำนาจเหนือองค์กค์กรที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องคือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และ สภาผู้แทนราษฎร ชุดล่าสุดที่ผ่านการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 2554 มาโดยชอบธรรมและถูกต้องทรงอำนาจสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตย(ตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญโจร 2550) หมายถึงสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ถูกยุบไป และรัฐบาลที่รักษาการณ์อยู่ขณะนี้ อยู่แล้ว แต่แท้จริงเป็นองค์กรเถื่อน จึงกลายเป็นเรื่องตลกระดับสุดยอดของวงการประชาธิปไตยโลก ....
และที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ องค์กรเถื่อนเหล่านี้ยังพยายามกระทำอะไรที่ดื้อด้าน อวดดี ตามใจตัวเอง ในทางที่ไม่ชอบธรรม ตาม หลักนิติธรรมไปอีก ทุกวันนี้องค์กรเถื่อนเหล่านี้ คนเถื่อนในองค์การเถื่อนเหล่านี้กำลังถูกเพ่งเล็งจากประเทศ และผู้นำประเทศที่เป็นสาวกประชาธิปไตยทั่วโลก ว่ากระทำผิดโดยทำตนเหนือกฎหมาย ทำตนเหนือรัฐธรรมนูญ นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่า บัญญัติกฎหมายเอาเองตามใจชอบ(เช่นบัญญัติมาตรา 68 เสียใหม่ให้คำว่า และ แปลว่า หรือ ก็ได้ เป็นต้น) เพื่อสนองประโยชน์ทางกฎหมายของตน เพื่อพวกเพื่อหมู่ของตน และพยายามนำการปกครองที่ไม่พึงปรารถนากลับมาปกครองประเทศ นั่นแหละจึงต้องเผชิญประชาชนผู้ตาส่ว่างทั้งแผ่นดิน ต้องตกสู่กระแสต้านทานอันมหาศาลของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย และหากไม่รีบกลับตัวก็อาจจะถึงระเห็จไปไม่อาจจะอยู่อาศัยในแผ่นดินในประเทศนี้
- ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
27 ม.ค.2557/10.30.50