ศาล เมื่อไม่สถิตยุติธรรม ก็ต้องอาบัติปาราชิก
เมื่อวานนี้ 18 ก.พ.2557 ขณะที่ ศรส.ทางรัฐบาลปฏิบัติการขอพื้นที่คืน 5 แห่ง ทางฝ่ายตรงข้ามมี ปปช.ก็ได้ประกาศว่า รับข้อกล่าวหา นรม.ยิ่งลักษณ์ทุจริตโครงการจำนำข้าว ด้วยมติ กก.ปปช. 8:0 และให้ นรม.ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 27 ก.พ.2557 และจะเร่งชี้มูลความผิดภายในเดือนมีนาคม 2557 (หากคดีมีมูล นรม.ต้องหยุดการทำหน้าที่ รก.นรม.)
เช้าวันนี้มีรายงานว่า ชาวนานำ500อีแต๋นบุกกทม....นี่ก็เป็นผลจากการยุยงส่งเสริมจาก พรรคประชาธิปัตย์ กับปฏิบัติการม็องล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดย กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ในทางการเมือง นี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนถึงการกบฎ การแสดงบทบาทของ ปปช. กกต. ระยะนี้เห็นชัดเจนว่าเร่งช่วยฝ่ายตนคือสุเทพ เทือกสุบรรณ กบฏประเทศ ผู้ต้องหาฆ่าประชาชน 99 ศพ โดยดำเนินการสกัดกั้นการรุกคืบหน้าของฝ่ายรัฐบาลโดยลัดคิวพิจารณาคดีอื่นโดยเฉพาะคดีพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายตนเอง ที่มีคดีโกงประกันราคาข้าวมาก่อนนี้ตั้งแต่เป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นปฏิบัติการอริต่อฝ่ายรัฐบาล โดยเลือกปฏิบัติ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ .... และเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตย เข้าช่วยเหลือกบฏข้างฝ่ายขุนนางอมาตย์ เป็นเครื่องมือของฝ่ายอมาตย์เต็มตัว ............โดยปฏิบัติการอย่างไม่ซื่อตรงต่อวิชาชีพทางกฎหมายหรือนิติศาสตร์ของตน ...... ใช้ความรู้ทางนิติศาสตร์เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนที่เป็นกบฏ เพื่อสร้างความวุ่นวายแตกหักให้แก่ฝ่ายตรงกันข้ามของตน .. เพื่อฝ่ายตนได้ขึ้นสู่อำนาจ…ซึ่งในการนี้มีการปฏิบัติตอบโต้ขององค์กรอิสระเถื่อนเหล่านั้นอย่างทันการณ์ราวกับวางแผนทางยุทธศาสตร์ไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่คำนึงฐานะหน้าที่ของตนผู้อยู่ในตำแหน่งทรงความยุติธรรมเห็นได้ชัด .......เมื่อไม่ทรงความยุติธรรม ทำตาชั่งแห่งความยุติธรรมเสียหายไปทั้งหมดก็มิต่างอะไรกับสงฆ์มีมลทินด้วยต้องอาบัติสูงสุด ตามพระวินัยแห่งพระพุทธศาสนาคือปาราชิก ผู้ต้องอาบัตินี้โดยฝ่ายสงฆ์ฝ่ายสงฆ์ก็พ้นจากความเป็นสงฆ์โดยอัตโนมัติเอง ไม่พึงให้มีใครชี้ตัดสิน ศาลสถิตยุติธรรมหรือผู้ทำหน้าที่ตัดสินคดีความอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม นี้ ย่อมเป็นที่พึ่งของสังคมในนัยะเช่นเดียวกับฝ่ายสงฆ์ นั่นคือผู้ดำรงความบริสุทธิ์ยุติธรรมของสังคม หากไม่ดำรงยุติธรรมแล้ว ใช้ตำแหน่งทำการทุจริต ไม่ตรงไปตามหลักวิชาชีพของตน ก็ต้องพ้นจากหน้าที่ไปโดยอัตโนมัติ ไร้สิ้นซึ่งความนับถือศรัทธา เสมือนพระต้องปาราชิกไม่มีผิดเลย ทางฝ่ายพระปาราชิก ต้องลาสิกขา หากไม่ลาสิกขาประชาชนก็จะรวมตัวกันทั้งหมู่บ้าน ตำบล ทั้งประเทศมาขับไล่ ไม่ให้อยู่เสียสถาบันอันสูงส่งบริสุทธิ์ที่กราบไว้บูชาของประชาชนอีกต่อไป ผู้ทรยศต่อความยุติธรรม ไม่ดำรงความเป็นธรรม มัวหมอง ทำลายสถาบัน ก็ต้องปาราชิกเหมือนสงฆ์นั่นเอง หากไม่ละอายใจ ไม่ทรงเทวธรรมคือหิริโอตตัปปะ ด้วยตนเองนั่นคือลาออกหรือทำให้ตนเองยุติบทบาทเองโดยอัตโนมัติแล้วประชาชนก็ย่อมจะมาขับไล่ไปเสียจากฐานะอันสูงส่งนั้นในที่สุด
ช.ห.บ. ชนบท
19 ก.พ. 2557:09:10:15