บทสรุปประเทศไทยวันนี้
บทแทรกที่ 1 จากกระทู้ในเวบบอร์ด
พรรคประชาธิปัตย์ สุดถ่อย อัปรยศ
สุดถ่อย อัปรยศในการทำหน้าที่ในรัฐสภา บอยคอตการเลือกตั้ง อย่างหน้าด้าน ไร้ความอายที่สุด ถึง 2 ครั้ง
แล้วยังต่อต้านขัดขวางการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 อีก เท่ากับเป้นกบฏ ควรยุบพรรคเสียเลย
· ผู้ตั้งกระทู้ 001 :: วันที่ลงประกาศ 2014-01-31 16:34:45
ความเห็นที่ 1 (3385277)
กปปส.+ปชป. ร่วมกันบอยค๊อตการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ส่งม็อบติดอาวุธไป ยิง ถล่มกันที่หน่วยเลือกตั้งหลักสี่ ......การคัดค้าน ขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดร้ายแรงขนาดไหน ในระบอบประชาธิปไตย ปชป.หารู้ไม่
ร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคนะครับ และบัดนี้ ปชป.เหมือนไม่ใช่พรรคแล้ว เป็นหมู่โจรหมู่หนึ่งเท่านั้นเอง
· ผู้แสดงความคิดเห็น สุ วันที่ตอบ 2014-02-02 15:21:58
ความเห็นที่ 2 (3385400)
ตลอดเวลาที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ทำสิ่งเดียวซ้ำซากคือ หาเรื่อง ค้านทุกเรื่องโดยไม่คำนึงเหตุผล และจริยธรรมใดใดของสังคมมนุษย์
หลังเลือกตั้ง นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตสส.สงขลาหลายสมัย มือหาเรื่อง สร้างเรื่องส่ง ศาล รธน. ขณะนี้เตรียมยื่นฟ้องข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหาเรื่องยุบรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกแล้ว โดยจะยื่นฟ้องให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะ...
มันหน้าด้านจริง ๆ และต่ำทรามมาก เป็นพวก ป่าเถื่อน อนารยชนจริง ๆ ดวงใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น รุ่มร้อนด้วยความอาฆาต พยาบาท จองเวร .........
ที่น่าคิดก็คือ มันไร้เหตุผลขนาดนี้แล้ว หาก ตลก.รธน.ฉวยเอาไปล้มรัฐบาล....ตลก รัฐธรรมนูญ นี่จะยิ่งกว่าป่าเถื่อนอนารยธรรมเสียอีก ...............
หากเป็นเช่นนั้น เราค่อยปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง อย่างสุขุมรอบคอบที่สุด แต่ต้องเด็ดขาดจริง ๆ .... สวะที่ไร้ค่าก็ต้องกวาดให้เรียบหมดใช่ไหม?
· ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2014-02-04 23:06:24
ความเห็นที่ 3 (3385418)
การเมืองไทยวุ่นวายเพราะอะไร?..........เพราะพรรคบอดประชาธิปัตย์นี้เองครับ ......... นี่คือสัจธรรม และโดยระบอบประชาธิปไตยแล้ว ในเมื่อพรรคนี้สละสิทธิ์ ไม่ลงเลือกตั้ง นั่นหมายความว่าละบทบาททางการเมืองไป พรรคนี้ก็จะต้องยอมรับว่าบทบาทในรัฐสภาของตนจบสิ้นลง ............. แต่ถ้าคุณไปทำบทบาทนอกสภาในทางที่ขัดขวางการเลือกตั้ง และทำลายล้มระบอบประชาธิปไตย นั่นก็ย่อมผิดกฎหมาย ....ร้ายแรงระดับ กบฏ ล้มล้างประชาธิปไตย
ข้อเท็จจริงเป็นอยู่ขณะนี้ แล้ว กกต. และตลก รธน. ปปช. จะมองไม่เห็นหรืออย่างไร ?
มันเป็นความผิดซึ่งหน้า ว่า เป็นกบฏ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย หาก ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช.มองผิดไปนอกนี้ ก็เท่ากับสนับสนุนกบฏ เท่านั้นเอง ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยย่อมมองตรงกันอย่างนี้ด้วยเหตุผลอย่างนี้ ในวันนี้ มันบ่งบอกถึงความไม่ชัดเจนของกติกา หรือกฎหมาย ทำให้คนโกงเบี้ยวได้ ในวันหน้า ประชาชนจะสร้างกฎหมายขึ้นมาให้ชัดเจนอย่างนี้ เพื่อกำจัดคนโกงออกไปจากระบอบของเราให้เรียบเกลี้ยง กติกาประชาธิปไตยต้องชัดเจน จนไม่ต้องอาศัยนักกฎหมายใดมาตีความ และประชาชนย่อมมองตรงกันหมด จึงจะได้ชื่อว่า กฎหมายของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
แบบที่ต้องการตีความจาก กกต. ปปช. จาก ตลก รธน. ที่ตีความเข้าข้างตนเองมาตลอดเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยระบอบประชาธิปไตย ต้องมีการปฏิรูป
· ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัยประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2014-02-05 08:10:51
สรุปประเทศไทยวันนี้
อะไรคือปัญหาประเทศไทย มี 2 ลักษณะคือ 1. ปัญหาความไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือภาษาพุทธศาสนาว่า อวิชชา 2. ปัญหาความดึงดื้อถือดี โดยหลงไปยึดมั่นถือมั่นในแนวคิดที่ผิด ไม่ยอมลดละอัตตาตัวตน ยอมรับ กลับใจจากสิ่งที่ผิดมาเป็นสิ่งที่ถูก เรียกปัญหานี้ว่า ทิฏฐิ
ใครเป็นผู้สร้างปัญหาทั้งหมดนี้ คือพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ปัญหามีดังนี้คือ
1. พรรคการเมืองนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยเหตุอะไร ไม่คำนึง ในที่นี้การมีพรรคการเมืองขึ้นนั้น เนื่องมาจากประเทศสยามนี้ ได้ตั้งใจที่จะนำการปกครองแบบทันสมัยในโลกเจริญมาใช้ปกครองประเทศ เรียกว่า ประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อได้เห็นเช่นนี้จึงได้ตั้งพรรคขึ้นตามหลักการประชาธิปไตย ตั้งชื่อพรรคของตนว่า ประชาธิปัตย์ ซึ่งแปลความหมายได้ตามหลักภาษาไทยและความหมายของระบอบประชาธิปไตย ได้ว่า พรรคที่สนับสนุนให้อำนาจการปกครองสูงสุดเป็นของประชาชน (ประชา=หมู่คน,หมู่พลเมือง, ประชาชน,ประชาราษฎร์ อธิปัตย์=อธิปไตย,อำนาจสูงสุดของรัฐที่จะใช้บังคับบัญชาภายในอาณาเขตของตน)
นั่นเป็นอวิชชาในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตั้งแต่ตั้งพรรคขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2489 วันที่ 6 เดือนเมษายน 2489 ซึ่งบัดนี้มีอายุจะครบ 58 ปีเต็มแล้ว จนกลายเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดในระหว่างพรรคการเมืองทั้งหลาย แต่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีแต่ชื่อว่า ประชาธิปัตย์ ในเนื้อหาของพฤติกรรมของพรรคการเมืองพรรคนี้ ไม่เคยสะท้อนความหมายของการปกครองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนเลย พฤติกรรมเป็นตรงกันข้าม นั่นคือ มิไ้ด้สนับสนุนให้การเมืองประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ตามชื่อ แต่คัดค้านระบอบประชาธิปไตย และมุ่งทำลายบุคคลในระบอบประชาธิปไตย(เช่นกรณี ดร.ปรีดี พนมยงค์ เป็นต้น) โดยตลอดมา นั่นเป็นเพราะอวิชชา และทิฏฐิ ดังกล่าว เลยทำให้พรรคการเมืองนี้ เป็นพรรคที่เริ่มต้นความหมายของการเมืองของตนด้วยการหลอกลวงตลบแตลงมาตั้งแต่ต้น และตลบแตลงมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของบุคคลระดับหัวหน้า-รองหัวหน้า-เลขาธิการของพรรคและสมาชิกพรรคที่เป็นสส.ทั้งหมดในระยะปัจจุบัน ได้ดำเนินการต่อสู้ในสภาและนอกสภามาอย่างป่าเถื่อน โดยไม่เข้าใจวินัยทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตยเลย นั่นคือไม่เข้าใจเรื่องสิทธิ และ ไม่เข้าใจเรื่องหน้าที่
และไม่เข้าใจประชาธิปไตย ไม่เข้าใจกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างสูงสุด นั่นคือรัฐธรรมนูญไทยทั้ง 18 ฉบับ ที่ต่างก็ได้เขียนข่้อความไว้ตรงกัน ที่บังคับเอาไว้ว่าประเทศไทยต้องปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2540 อันเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการรับรองโดยสภาผู้แทนราษฎร(ในรูปรวมคือรัฐสภา) หรือ ปวงชนชาวไทยเจ้าของอำนาจได้รับรองไว้ ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 2 ว่า
<<<มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>
แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญเถื่อน(รัฐธรรมนูญโจร) พุทธศักราช 2550 ที่ออกโดยคณะ คมช.ก็ยังรับรองเอาไว้ บังคับเอาไว้ว่า ประเทศไทยต้องมีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่นเดียวกัน
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ 2550 ยังรับรองหลักการที่ว่าด้วยอธิปไตยของประชาชนและเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพอันเป็นหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ ตรงกันหมด อย่างเป็นข้อบังคับว่าประเทศไทยจะต้องดำเนินการเมืองไปตามที่รัฐธรรมนูญ(แม้เป็นรัฐธรรมนูญโจรก็ตาม)ไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ นั่นคือ
<<<มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>
<<<มาตรา ๔ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง>>>
<<<มาตรา ๕ ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน>>>
พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เข้าใจบทบัญญัติในมาตรา 2 มาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5 เหล่านี้ นี่คืออวิชชา พรรคนี้จึงไม่เคยมีการยอมรับในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนชาวอีสาน และชาวเหนือ โดยผู้นำพรรคและสส.พรรคได้กล่าวเสมอ ๆ ว่า เสียงประชาชนอีสาน 15 ล้านเสียงนั้นสู้เสียงคนกรุงเทพมหานคร 3 แสนคนไม่ได้ นายเสรรี วงศ์มณฑา ยิ่งเน้นไปอีก ฉะนั้น รัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกของคนอีสาน คนเหนือ จึงเป็นรัฐบาลโง่ ๆ คนฉลาดอย่างคนกรุงเทพมหานคร จึงไม่อาจจะยอมรับได้จำเป็นต้องล้มรัฐบาลโง่ ๆ เสียทุกรัฐบาลไป และมีนักวิชาการฝ่ายประชาธิปัตย์ เช่นนายสมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์(เป็นถึงศาสตราจารย์ในสถาบันชั้นสูง) ได้กล่าวว่า หลักการ 1 คน 1 เสียงใช้ไม่ได้สำหรับประเทศไทย จะต้องเป็น 70 : 30 อย่างนี้ อันเป็นการขัดแย้งบทบัญญัติใน 4 มาตราสำคัญ ในรัฐธรรมนูญไทยดังกล่าว และหมายความว่าเป็นผู้ประพฤติผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ขัดขวางล้มล้างระบอบประชาธิปไตย นั่นเอง ประชาธิปไตยไทยจึงถูกขัดขวางจากสิ่งที่เรียกว่า อวิชชา มาตลอด 81 ปีที่ผ่าน
การที่มีบทบัญญัติบังคับไว้ในรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ รวมทั้งหมด 18 ฉบับ ในทำนองเดียวกับที่ยกตัวอย่างมาจากรัฐธรรมนูญ 2540 2550 นั้นก็หมายความว่า ประเทศไทยต้องดำเนินการปกครองไปตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น หากมีฝ่ายใดคิดนำระบอบอื่นมาใช้ นั้นหมายถึงกบฏต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน นั่นเอง
และซึ่ง ตลอดเวลามา 58 ปีแล้ว ที่พรรคการเมืองชื่อ ประชาธิปัตย์ นี้ ได้ประพฤติตนเป็นผู้ขัดขวาง ต่อต้าน ทำลาย ประชาธิปไตย ไม่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุด และนั่นหมายถึง กระทำผิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุด ย่อมมีโทษฐานเป็นกบฏ ผู้คิดล้มล้างระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามมาตรา 68 วรรค 1
เช่นที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการซ่องสุมผู้คน ติดอาวุธในสวนลุมพินี จำนวนมากขณะนี้ ย่อมได้ชื่อว่าคิดล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
แต่นอกไปจากพฤติกรรมนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังได้พยายามที่จะนำหลักการปกครองที่ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย และที่ไม่เป็นไปตามหลักการที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่นหลักการที่กำหนดอำนาจบริหาร ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ยกตัวอย่างเพียงมาตรา 172 ดังนี้
<<< มาตรา ๑๗๒ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกตามมาตรา ๑๒๗
การเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่ง ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรรับรอง
มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยุ่ของสภาผู้แทนราษฎร การลงมติในกรณีเช่นว่านี้ให้กระทำไปโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย>>>
ซึ่งมาตรา ๑๗๒ นีั้ ได้กำหนดที่มาที่ไปของประมุขของอำนาจฝ่ายบริหารเอาไว้ว่า ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมาโดยครรลองประชาธิปไตย นั่นคือ ต้องได้รับการรับรองจากผู้แทนของประชาชน หรือในที่นี้ก็คือ สภาผู้แทนราษฎร นั่นเอง ชัดเจนอยู่เช่นนี้ และรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับก็รับรองไว้ อย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ถูกตามมาตรา ๒ ที่กำหนดไว้ให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคการเมืองใดใด รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะต้องเคารพบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญนี้ และดำเนินการไปตามนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะนี้เป็นข้อบังคับสำหรับประเทศไทย ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ มาเนิ่นนาน ร่วม 81 ปีแล้ว ฉะนั้น ในเมื่อมีพรรคการเมืองที่ไม่เคารพ และกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ ไปอย่างฉกรรจ์ เช่นพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ทำการบอยคอตต์และทำการขัดขวางการเลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2549 และอีกครั้งหนึ่งในปัจจุบัน ในการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 และยังพยายามทุกวิถีทางที่จะขัดขวางมิให้ประชาชนไปสมัครรับเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้ ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้อยู่บัดนี้ถึง 28 เขตเลือกตั้ง ..... นี่คือความผิดอันฉกรรจ์ ต่อระบอบประชาธิปไตย และผิดต่อการขัดขวางสิทธิ ของประชาชน และขัดต่อเสรีภาพของประชาชน สมควรแก่การที่จะยุบพรรคการเมืองนี้เสีย หรืออย่างน้อยก็เป็นพรรคที่ได้แสดงฐานะ ภูมิปัญญา วิชชา ออกมาว่า ไม่มีคุณสมบัติพอสำหรับการเมืองระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว ไม่นับการที่พรรคนี้มีความประพฤติทุจริตประการอื่น ๆ ในอดีตอันไม่นาน จนมีการฟ้องร้องให้ยุบพรรคการเมืองนี้เสีย
ด้วยเหตุนี้ สรุปประเทศไทยวันนี้ ปัญหาทั้งสิ้นเกิดขึ้นจากพรรคประชาธิปัตย์ วิธีปฏิบัติก็คือ
1. บุคคลหรือพรรคการเมืองกระทำผิดกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายก็สมควรจับกุมตัวไปลงไทษเสียโดยเร็ว อุปมาเหมือนมีหมาบ้าเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องรีบเร่งจัดการกำจัดไปโดยพลันทันที ไม่งั้นหากปล่อยให้เนิ่นไปหมาบ้าย่อมมีโอกาสกัด ทำร้ายเด็ก หรือประชาชนในหมู่บ้านได้
2... เมื่อพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตต์การเลือกตั้งนั้น หมายความว่า เขามีสิทธิ์ที่จะทำได้ ตามหลักเสรีภาพของบุคคลและพรรคการเมือง แต่สิ่งที่เขาไม่มีสิทธิ์ก็คือ การขัดขวางการเลือกตั้ง ที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ที่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง จนทำให้ไม่สามารถเลือกตั้งได้ 28 หน่วย นั้นเป็นความผิด และนี่เป็นการกระทำอย่างมีความจงใจ มีเจตนาอย่างเต็มที่ และยังเป็นการกระทำความผิดซ้ำสอง จากการที่เคยขัดขวางการเลือกตั้งมาเมื่อปี 2549 ความผิดต่อระบอบประชาธิปไตย จึงมีความฉกรรจ์ที่สุด และในเมื่อประเทศปกครองโดยกฎหมาย ผู้กระทำผิดกฎหมายย่อมต้องได้รับการลงโทษอย่างฉกรรจ์ตามไปด้วย
3. การเสนอที่โง่เง่า ก็คือ เสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ก็เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่า การเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 นี้ ไม่ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตย ทรงตรัสแบบชาวบ้าน ๆ ว่า เป็นการกระทำแบบ มั่ว ๆ ด้วยซ้ำไป และพระองค์จะไม่ทรงกระทำการเกินหน้าที่ การทำการเกินหน้าที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ท่านทรงกล่าวไว้ (อันนี้น่าที่องค์กรอิสระ ฝ่ายอำนาจตุลาการ น่าจะได้สำนึกในพระราชดำรัสข้อนี้ เพราะทรงตรัสสอนคณะผู้พิพากษาโดยตรง การทำเกินหน้าที่โดยหลักประชาธิปไตยก็คือ ก้าวก่ายหน้าที่อำนาจอื่นเขา โดยตนไม่เข้าใจก็ตัดสินอยุติธรรมออกมาอย่างตลก ๆ เช่นตนไม่เข้าใจเรื่องการเศรษฐกิจ เงิน ตลาด การลงทุนอะไรเลย ก็ไปตัดสินระงับการลงทุนเขา ...เขาจะสร้างรถไฟความเร็วสูง ก็ระงับ ว่าสร้างถนนลูกรังดีกว่า....รู้ไหมว่ามันเป็นตลกที่ขายหน้าระดับโลกไปแล้ว) อวิชชาปิดหูปิดตาพรรคประชาธิปัตย์อย่างมืดบอดเช่นนี้ ก็ย่อมทำลายระบอบประชาธิปไตยลงไปอีกทางหนึ่ง และย่อมไม่เป็นการเคารพและจงรักภักดีต่อสถาบัน ที่ยังดื้อดึงคิดตั้ง นรม.ม.7 ต่อไป
4. การเสนอที่โง่เง่าอีกที ก็คือปล้นอำนาจเอาดื้อ ๆ คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้กระทำไปอย่างโง่ ๆ อย่างไร เช่นเหตุการณ์เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2556 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ระดมประชาชนมาแสนกว่าคนเศษ...ถูกละมีสิทธิชุมนุม ตราบที่ไม่ไปละเมิดสิทธิของประชาชนคนอื่นเขา ... ก็สถาปนาตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และได้ออกโทรทัศน์แถลงการณ์ ออกคำสั่งไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ลงภายใน 24 ชั่วโมง และวันต่อมาก็ได้ออกคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศมารายงานตัวต่อนายสุเทพ ณ ศูนย์ราชการ ที่ตนยกพวกปล้นยึดครองอยู่ ออกคำสั่งให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวงไปรายงานตัว ออกคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถอนกองกำลังออกไป (ให้พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ยกกำลังมาเสริมแทน พล.อ.ประยุทธ จึงได้ตั้งบังเกอร์ขึ้นทั้่วกรุงเทพมาจนถึงบัดนี้ อันบอกไปถึงว่า ใครบ้างที่ฟังคำสั่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) และนี่คือ เรื่องโง่ ๆ หรือ อวิชชาของพรรคประชาธิปัตย์ ....ประชาชนโง่หรือ ที่จะเดินตามก้นคนบอดใบ้เช่นนี้....ปรากฎว่าประชาชนฉลาด ม็อบสุเทพ-ประชาธิปัตย์จึงร่อยหรอลงไป เหลือแต่พวกการ์ดโจรและบังเกอร์ล้อมรอบสุเทพอยู่และซ่องสุมกันณ สวนลุมพินี ทุกวันนี้
5. พรรคและสมาชิกประชาธิปัตย์ มีความผิด ตามกฎหมายอะไรบ้าง ก็ต้องได้รับการจับกุมตัวไปลงโทษ โดยเฉพาะความผิดล่าสุด คือการขัดขวางการเลือกตั้ง นั้นเสมือนการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยโดยตรง ย่อมมีความผิดฉกรรจ์ถึงขั้นยุบพรรค ปรับ และจำขัง
นี่ก็เป็นแนวทางแก้ปัญหาทางฝ่ายผู้รักษากฎหมาย
และทางฝ่ายประชาชนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เข้าใจประชาธิปไตย ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แน่นอน ย่อมดำเนินการไปตามวิถีทางอันชอบด้วยประชาธิปไตย ในอันที่จะรักษาต่อต้านระบอบอื่น ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ แม้แบบล่าสุด สุเทพ-อภิสิทธิ์ รักษาแนวทางตรงสู่ประชาธิปไตยทางเดียวเท่านั้น
ยืนยัน ทางเดียวเท่านั้น คือ ประชาธิปไตย นั้นเป็นทางชนะของประชาชนและประเทศชาติ
- ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
27 มี.ค. 2557 05:42:23