ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์  ถึงจะปิดสื่ออย่างไรก็เหมือนเอามือไปปิดฟ้าปิดไม่มิดหรอก ยิ่งปิดเท่าไรประชาชนก็ยิ่งอยากรู้แล้วมากขึ้น และดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะสืบเสาะหาความจริง ยิ่งรัฐบาลออกสื่อด้านเดียว ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น และออกมาร่วมรับรู้ความจริงกับคนเสื้อแดง รัฐบาลมิได้อำมหิตเฉพาะกับคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่คุณอำมหิตกับประชาชนผู้ต้องการมีสิทธิเสรีภาพในการปกครองตนเอง ในการเลือกผู้ปกครองมาบริหารประเทศ เพื่อให้เขาอยู่ดีกินดี และยังอำมหิตกับทหาร ตำรวจที่ต้องถืออาวุธมาข่มขู่ปราบปรามประชาชน ทั้งๆที่ประชาชนเขาชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ การออก พรก.ฉุกเฉินไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะ พรก.ฉุกเฉินได้ถูกยกเลิกไปแล้วในรัฐธรรมนูญ 2540 ดังนั้นการประกาศ พรก.ฉุกเฉินร้ายแรงจึงถือเป็นโมฆะ หากยังขืนจะสลายการชุมนุมด้วยควารุนแรง รัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไม่ต้องสงสัย และยิ่งเมื่อประชาชนได้รับรู้ความจริงเช่นนี้ เขายิ่งต้องออกมาเป็นโจทย์ร้องทุกข์กล่าวโทษรัฐบาลอย่าง

ไม่ต้องสงสัยที่ละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง เพราะสั่งสลายการชุมนุมด้วยอาวุธร้ายแรงโดยไม่มีกฎหมายรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ

วันนี้ได้รับรู้ว่าประชาชนจำนวนมาก  เขาไม่เชื่อถือสื่อที่รัฐบาลใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล  ตลอดจนใช้โจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เขาหันหลังให้สื่อของรัฐและสื่อฟรีทีวี ไปหาสื่อทางเลือกมากมายบนโลกไซเบอร์โดยเฉพาะเว็ปไซต์ของต่างประเทศ การปิดสื่อเสรีของรัฐนอกจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงแล้ว ยังเป็นการหลอกลวงประชาชนให้บริโภคความเท็จ ที่สำคัญได้สร้างความเสียหายให้กับความน่าเชื่อถือของดาวเทียมไทยคม  เพราะบริษัททั้งในไทยและต่างประเทศที่ได้รับสัมปทานจากดาวเทียมไทยคมต้องได้รับความเสียหายจากการถูกตัดสัญญาณ ผลระยะยาวก็คือประเทศไทยจะล้าหลังทั้งทางการศึกษา  เศรษฐกิจ สังคมเพราะต้องสูญเสียโอกาสในการแข่งขันทางเทคโนโลยีซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจการสื่อสารในโลกยุคโลกาภิวัฒน์  

วันนี้ได้พิสูจน์สมมุติฐานอย่างหนึ่งว่า  อาชีพสื่อสารมวลชนเป็นอาชีพที่ต้องการคนที่มีความรอบรู้เหตุการณ์และเหตุผลทางประวัติศาสตร์  มีความเข้าใจเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อต่างๆอย่างมีเหตุผล มีความรอบคอบในการนำเสนอ เป็นกลางเป็นธรรม นำเสนอความจริงอย่างตรงไปตรงมาและกล้าหาญที่จะยืนอยู่ข้างความถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์จากข่าวสาร น่าสงสัยเหลือเกินว่าวงการสื่อสารมวลชนไทยได้บุคลากรที่เพียงอ่านหนังสือคล่อง พูดคล่อง ตีไข่ใส่สีไปวันๆ และรับใช้นายทุนอำมาตย์มาตลอดหรืออย่างไร และความจริงได้ปรากฏออกมาแล้วว่าบุคคลเช่นนี้ไม่มีคุณค่าใดๆต่อการทำหน้าที่สื่อสารมวลชน มีแต่ความหลอกลวงฉ้อฉลและนำพาประชาชนให้แตกแยก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และในที่สุดประชาชนจะลงโทษเขาให้ตายไปจากความน่าเชื่อถือโดยการไม่ซื้อ ไม่ดู ไม่ฟัง

ปิดหูปิดตาประชาชน    แต่จะปิดปากประชาชนไม่ได้

เสียงที่ซุบซิบ  เล่าขานถึงความเหี้ยมโหดไม่เป็นธรรม   จะกระจายไปทั่วประเทศ  ปากต่อปาก  คนต่อคน  

เพราะคนที่ไปพบเห็นความเลวร้าย   มีนับหมื่นนับแสนคน  ทั่วประเทศ   บัดนี้พวกเขากลับถึงถิ่นฐานบ้านกำเนิดแล้ว    และเสียงก็เริ่มซุบซิบออกไป     ว่ารัฐบาลจัญไร  โหดเยี่ยงสัตว์ป่า   ไล่เข่นฆ่าประชาชน   แม้กระทั่งในวัดก็ไม่เว้น  

พวกเขาจะซุบซิบบอกไป.........   ท่านไม่ได้ยินหรอก    มันเป็นคลื่นใต้น้ำ   

จนกว่ารัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบออกมา  ต่อการให้ร้าย เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์  

วันนี้บอกว่าปิดเวบไซต์ไปกว่า 1900 เวบไซต์  ว่าเวบปลุกระดม

นี่แหละเผด็จการ      แล่วจะห้ามได้หรือ?????   เราเองแหละจะคอยสะดุ้ง

การสั่งปิดเวบ มีหลักการอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ    อยู่ ๆ ก็ปิดเอา ๆ  โดยเขาไม่เข้าใจว่าเขาผิดอะไร?????    นี่แหละโบราณแท้ ๆ  .....  ทำให้เสียผลประโยชน์ของประชาชน ไปเปล่า ๆ  

 เป็นยุคมืดสุด ๆ  มันบอกไปถึงอำนาจมืด  ที่ตามล่า ฆ่าเอาชีวิตคนอื่นผู้มีความเห็นแตกต่างทางการเมืองด้วย  ล่าสุด  แกนนำแดง คนสนิท สุพร  ชื่อ อ้วน บัวใหญ่  แดงเราก็เห็นเขา   โธ่เอ๋ย  เป็นฝีมือ ศอฉ. นั่นแหละ   สุเทพ เขาจะยอมรับได้อย่างไร  ก็ต้องปฏิเสธเป็นธรรมดา   ยังมีไล่ล่ากันต่อไปในความลับดำมืดที่น่าสะพึงกลัวมาก   เพราะ นั่นคือการรังแกข่มเหงประชาชน  ทราบว่าการ์ด เสื้อแดงหนีกันหัวซุกหัวซุน   พวกเขาทำผิดอะไร   ?????

อย่า  อย่าต้อนให้จนตรอก...???????

เมื่อจนตรอก  แม้แต่หมา มันมีเพียงเขี้ยว   มันก็ยังสู้ตาย...............

แต่คน.... ไม่ใช่หมา....   

มันฟ้องรัฐบาลเด็ก   ที่ว่าปรองดองนั้น  แท้จริง  โกหกพกลม  ไม่มีความจริงใจแต่อย่างใด   ..........ใจจริงคือ  ดำเนินการใต้ดินขจัดคู่แข่งทางการเมือง   ต้องการทำลายขจัดคู่แข่งขันทางการเมืองอย่างเรียบเกลี้ยง      เขาถือโอกาสตามเก็บหัวคะแนนพรรคการเมือง ทุกคน  ........  ใช้คำว่าปรองดองบังหน้า....ไม่มีเหตุผลอื่น เมื่อดูจากพฤติกรรมองค์รวมของฝ่ายรัฐบาล  ในวันสลายแดง 19 พ.ค.2553    โดยใช้ยุทธวิธีทหารซุ่มยิง  ประชาชนทุกคนที่ออกพฤติกรรมหัวคะแนน  ..... นี่คือรัฐบาลโจร.....วางแผนการทหารเลยไปถึงแผนกำจัดหัวคะแนนทางการเมืองไปในคราวเดียวกันเลย.........

เราก็ได้แต่หวังว่า  ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องอดทน

พรรคเพื่อไทย  ก็ต้องฉลาดทางการตอบโต้ เอาผิดกับคนผิด.....

อย่าท้อถอยนะครับ......   ชัยชนะกำลังตั้งเค้าแล้ว........   เพราะพวกรัฐบาลมันทำตัวมันเองอย่างนี้แล้ว จะเดินไปได้แค่ไหน  ???????

รัฐบาลอภิสิทธิ์และคณะควรได้ฉายาว่า รัฐบาลอำมหิตแห่งชาติ และเดือน เม.ย-พค ปี53 ก็ควรจะระลึกเอาไว้ว่าเป็นเดือนคู่อำมหิตแห่งชาติ

เห็นด้วย   ฮิฮิ

ช่วยเขียนต่อหน่อยเดอ   กำลังอ่านมัน ๆ

ขอบคุณมากสำหรับผู้อ่านทุกท่าน อยากให้กระดานเสวนานี้เป็นที่และเปลี่ยนเรียนรู้ที่มีความคิดรอบด้าน มีเหตุมีผล มีหลักวิชาการ

เป็นการพัฒนาการต่อสู้ทางความคิดไปสู่เสรีภาพโดยปราศจากอคติ ไม่มีการด่าทอเยาะเย้ยเสียดสี  ซึ่งแตกต่างจากเว็ปไซต์ทั่วไป ทั้งนี้เพราะผู้เข้ามาเยือนจะได้รับความรู้ ความคิดที่ดีงาม เป็นการสร้างสรคค์สังคมไทยให้พัฒนาสติปัญญาไปพร้อมกันด้วย 

วันนี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอย่างเป็นงานใหญ่เอาเป็นเอาตาย คือการออกข่าวแก้ตัวไปวันๆ และยังต้องเสียเวลาไปสอดส่องดูแลอย่างเป็นงานหลักว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหน ทีวีช่องไหน เว็ปไซต์อะไร แม้กระทั่งละครโทรทัศน์จะตำหนิติเตียนรัฐบาลบ้าง แล้วคอยเซนต์เซอร์ แต่สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้รับการเหลียวแลแก้ไข คณะรัฐมนตรีไม่กล้าลงพื้นที่ไปพบกับประชาชน ซึ่งก็ไม่มีประเทศไหนในระบอบประชาธิปไตยมีบรรยากาศเช่นนี้ รัฐบาลให้ความสนใจกับกองทัพมากเป็นพิเศษ ราวกับกองทัพคือศูนย์รวมอำนาจของประเทศไทย ทั้งๆที่ในยุคนี้ชาวโลกเขากำลังต่อสู้กับปัญหาทางเศรษฐกิจ

แต่รู้สึกรัฐบาลจะไม่ประสีประสา นี่แหละคือธรรมชาติของพรรคการเมืองที่ขึ้นมาบริหารประเทศด้วยการยึดอำนาจของประชาชน จึงไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชน หวังว่าส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกท่านคงไม่คิดจะแปรพักตร์ไปจากประชาชนนะ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษไม่ให้เข้ามานั่งในสภา อย่าไปคิดว่าพรรคไหนได้เป็นรัฐบาลจะย้ายไปอยู่ด้วย เพราะทุกลมหายใจของคนไทยต้องการประชาธิปไตย ดูไปนานๆ ดูอย่างอดทนและใจเย็นๆ การหัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าและจะดังไปชั่วกัลปาวสาน เพราะไม่มีระบอบเผด็จการใดจะยั่งยืนและได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะสัจธรรมของระบอบนี้มีธรรมชาติของการเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบกดขี่ข่มเหงประชาชนไม่ให้มีเสรีภาพทั้งทางความคิดและการแสดงออกทางการเมือง มันขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับวัฒนธรรมของโลกที่เจริญแล้วด้วยวิทยาการ อีกไม่นานเมื่อความยากจนมาถึงพร้อมๆกันทั่วหน้าเมื่อนั้นแหละเผด็จการต้องพัง ดูอย่างกรุงศรีอยุธยาสิ อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ลงฤา อยุธยาล่มเพราะผู้นำอ่อนแอสร้างความแตกแยก และอยุธยารุ่งเรืองเพราะผู้นำที่เข้มแข็งมีใจเป็นธรรม 

แนวคิดการปิดหูปิดตา ปิดสื่อ ปิดเวบไซต์ของรัฐบาลอภิสิทธิ์     เป็นแนวคิดที่น่าสงสารมากจริง ๆ

เพราะไม่ได้แสดงภูมิปัญญาสำหรับคนยุคใหม่ ที่เป้นเสรีชน อะไรเลย

วันนี้กลุ่มอำมาตย์ทั้งหมดคงตกใจเพราะเห็นประชาชน นักวิชาการ นักศึกษา และสื่อที่เป็นกลางลุกขึ้นมาต่อสู้ทางความคิดกับ

ระบอบอำมาตย์ที่อำมหิต ล้าหลังฉุดประเทศถอยหลังลงคลอง การโฆษณาชวนเชื่อหรือการใช้วาทกรรมอำพรางในยุคนี้ย่อม

ใช้ไม่ได้ผลเพราะเหตุการณ์ทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันได้บอกเหตุ บอกผล และบอกความเป็นไปด้วยตัวของมันเอง ดังสัจธรรมที่ว่าความลับย่อมไม่มีในโลก ใครทำอะไรไว้ดีก็ตาม ชั่วก็ตามสักวันก็ต้องปรากฏผล และวันนี้ผลก็ได้บังเกิดขึ้นแล้วคือคนไทยกว่าครึ่งประเทศ  และคนทั่วโลกได้ตาสว่างแล้ว และในที่สุด... แสงสว่างย่อมบดบังความมืด นี่เป็นธรรมดาของโลก

จนกระทั่งวันนี้ ภายหลังผ่านเหตุการณ์ 19 พ.ค. อำมะหิตมาถึง 3 ต.ค. 2553  แล้ว   รัฐบาลยังไม่เคยแสดงออกถึงความเห้นอกเห็นใจสื่อ    ว่าพวกเขาก็คือหนึ่งในอาชีพทั้งหลาย  พวกเขาทำมาหากิน  มีความสามารถทางนี้ ก็ทำมาหากินกันอย่างนี้ 

เรารู้ว่ารัฐบาลคิดผิดก็เพราะ   คิดจะห้ามเขาอย่างเดียว   ว่าอย่าทำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ    อ้างสารพัด

ถ้าคุณคิดถูกและแสดงความเห็นอกเห็นใจคุณก็ต้องคิดเลยไปอีกว่า  เมื่อห้ามเขาทำแล้ว  เขาจะได้เงินทองที่ไหนเลี้ยงชีพ    .......     เขามีลูกมีเมียที่จะต้องเลี้ยงดู  และเขามีประเทศชาติที่ต้องพิทักษ์     เรารู้ว่ารัฐบาลไม่ได้คิดก็เพราะขณะนี้เศรษฐกิจชาวบ้านย่ำแย่มาก       แต่รัฐบาลก็พยายามเบี่ยงเบนประเด็นไป โดยไม่คำนึงว่าพวกเขาจะอยู่จะกินอะไร ......  กางตำราออกมาพูดเรื่องเศรษฐกิจไทยกำลังเติบโต  เท่านั้นเท่านี้เปอร์เซนต์   .....  แต่มันสัมพันธ์กับความจริงในสังคมหรือไม่   เมื่อคุณไม่มีมาตรการการวิจัย เก็บข้อมูลอันสัมพันธ์กันมาพิศูจน์แล้ว    คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า  ประชาชนได้ประโยชน์  

ความจริงวันนี้ก็คือ   ดู หวย เบอร์  เกลื่อนเพราะอะไร   เพราะคนมีความหวังจากโชค  ไม่ได้มีความหวังจากรัฐบาล เลย  ..........   รัฐบาลไม่เคยทำอะไรให้เขามีรายได้    มีอาชีพ  แต่ทำให้ประชาชนวิตกไปทั่วหน้า ........      ขณะนี้คนในโรงงานกลัวว่า   อีกนานไหมโรงงานเขาจะปิดตัวลง   เพราะขายเสื้อผ้าไม่ออก    ใบสั่งลดน้อยลงไปทุกที   แล้วเหมือนหนองน้ำที่ค่อยแห้งขอดลงไป ๆ    โดยไม่มีความหวังว่าฝนจะมาเมื่อไร    

คนเหล่านี้เริ่มคิดถึงคน ๆ หนึ่ง  ..................   ที่ไปไกลต่างประเทศ.....   เขารู้อย่างกับรู้ร้อนรู้หนาว   ว่าสมัยนั้นไม่เหมือนสมัยนี้     สมัยนี้มีแต่ความกันดาร   และไร้ความหวัง  .............  เพราะรัฐบาลเด็กน้อย  ทำอะไรไม่เป็น      ทำอะไรไม่รับกับนิสสัยคนไทยเลย

เช่นสมัยนายชวน   ยางราคาถูก   นายชวนก็บอกว่าเป็นเพราะทฤษฎีการผลิต อุปสงค์ อุปทาน    จึงให้โค่นยางลงเสียหลายหมื่นไร่   ดึงราคาขึ้น       คนไทยไม่ถนัดทำอย่างนั้น   แต่เมื่อทักษิณมาคนไทยจะผลิดอะไร ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ    ไปตาม ๆ กันก็ผลิดได้  ได้เงินหมด   แม้กระทั่งยางก็ขยายออกไปถึงภาคอิสาณ  ใต้    เพราะทักษิณหาตลาดให้ขายได้หมด   ได้เงินกันหมดทุกสินค้า    คนจึงรักเขา  เขาคนนั้น

รัฐบาลอมาตย์  ทหาร และประชาธิปัตย์มีปัญญาอะไร   .........   แค่เอาตัวเองไปก็ยังร่อแร่ ๆ     

และเป็นรัฐบาลที่สร้างปัญหาขึ้นมาใหม่ ๆ ๆ    ทุกวัน ๆ     คุณรัฐบาลเองเป็นผู้สร้างปัญหา รู้หรือเปล่า  ?

แล้วก็ไปเรียกร้องให้คนอื่นมาปรองดองกับตน

ก็คุณเองเป็นตัวปัญหา....คุณสร้างปัญหาใหม่ ๆ ขึ้นมาทุกวัน ๆ    ปัญหาเก่า ๆ ก็ยังไม่ได้แก้  แล้วยังทำเฉยไปเลย  เช่นปัญหา มาบตาพุด  ปัญหาเก่า   และใหม่ ๆ  ก็ไปสร้างปัญหากับ ซาอุดีอาระเบียเข้า   ....คุณหยุดสร้างปัญหาสิ  ..................................  

คุณหยุดสร้างปัญหา ทำแต่ความดีให้ประชาชนอุ่นใจ   ความปรองดองก็จะเกิดขึ้นเอง   เข้าใจไหมครับ  คุณหนู่  ????

อย่างเช่น ค่าเงินบาท   ไม่มีใครในรัฐบาลนี้คอยดูแล ตรวจสอบเลย    กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้ติดตาม วิเคราะห์ วิจัย  เพื่อคาดคะเนผลรู้ล่วงหน้าเลยหรือว่าค่าเงินบาทที่แข็งตัว  จะเป็นผลเสียหายอย่างไรแก่การตลาดต่างประเทศของไทย โดยเฉพาะในอเมริกา    .......   ลาออกไปเสียเถอะ......    กระทรวงการคลัง  นายโย่ง ประชาชนมีปัญหาด้านนี้ คนกำลังมองปัญหาใหญ่ทางนี้  กระทรวงคลังพูดไปเรื่องอื่น ไปทางโน้น  ....   แล้วนายกรัฐมนตรีก็ไปพม่า......  ไม่ได้ดูแลประชาชนที่กำลังเดือดร้อนเลย  ปล่อยให้ประชาชนต่อสู้เอาเอง  แบบตัวใครตัวมัน 

นี่ค่อสิ่งที่รัฐบาลนี้แสดงออกซึ่งความสามารถ  ที่แท้จริง  .   ว่าคอยแต่สร้างปัญหาขึ้นมาเอง  และครั้นมีปัญหาแล้ว ใหญ่ เล็กขนาดไหน ก็คอยแต่หลบเลี่ยงปัญหา 

เก่งในการใช้สื่อ ใช้น้ำลาย ทำการโฏษณาชวนเชื่อไปวัน ๆ  เท่านั้นเองจริง ๆ     และในระบอบประชาธิปไตย คุณไม่อาจจะอยู่ได้   ทำบ้านเมืองเสียหายลงไปตามลำดับ ๆ   อยู่ไปทำไม ?????   ปล่อยให้ประชาชนเขาเลือกคนของเขาขึ้นมาปกครองเอง   นั่นเป้ฯวิถีทางที่ชอบธรรม

ไร้จริยธรรมทางการเมืองครับ     ขาดจิตใจนักปกครอง   นักประชาธิปไตย   ไม่นึกละอายใจ     ขนาดทำอะไรไม่เป็นเลย  ผลงานไม่มี  ยังอยากได้ค่าจ้าง  อยากได้รางวัล    น่าไม่อายจริง ๆ 

แล้วอย่าพาลมาปิดเวบเราล่ะ    เป็นประชาธิปไตย  เป็นประชาชนอยู่ตราบใด  เรามีสิทธิ์ไล่รัฐบาลขี้โกง  รัฐบาลฆาตกร  รัฐบาลไร้ความสามารถอยู่วันยังค่ำ    จนกว่าจะไปเสีย 

นี่เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย   ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ  ใช่ไหมล่ะครับ   เรียนรู้กันหน่อย   ...

      ทำไมสื่อโทรทัศน์ไทย ไม่กล้าวิจารณ์รัฐบาลขี้โกง  รัฐบาลไร้ความสามารถ  รัฐบาลที่ไม่เอาใจใส่ต่อประชาชนเลย เช่นนี้  ????

ที่จริงสื่อก็ต้องรับใช้ประชาชน   จึงเรียกว่าสื่อมวลชน  และประชาธิปไตยแล้วสื่อต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน  นั่นคือรักษาหลักการของระบอบประชาชนเพื่อประชาชน    ......

สื่อทาส   สื่อขี้ข้าน่ะซีครับ.........แม้กระทั่งคุณสมบัติที่จะเป็นสื่อก็ไม่มี  ......   คุณดูอย่างสื่อรัฐบาล ASTV สิครับ    รุมด่าคน ๆ หนึ่งคนเดียวอยู่ได้เป็นแรมปี    แต่เรื่องเลวร้ายของรัฐบาลไม่กล้าเผยอปาก  ....  อย่างนี้ไม่เรียกว่าสื่อ   ช่อ

งหอยม่วง หรือช่อง 11  ก็เหมือนกัน  ปล่อยให้หมาเฝ้าบ้าน  นายเจิมสาก  กับกะเทย  กับทนายวันเสื่อม    เห่าหอนอยู่ได้    ตั้งแต่หมากระเป๋ามาจนถึงนายองอาจ ทำลายสถาบันสื่อไทยลงราบเรียบ

สื่อทาส  กระบอกเสียงเผด็จการ  นั่นใช่เลย  

แล้วก็เรียกร้องความปรองดอง    ก็ถูก     แต่คุณต้องเข้าใจว่า   ความปรองดองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาสังคม  สื่อที่เรียกร้องความปรองดองก็เรียกร้องไป แก้ปัญหาไป   แต่ยังมีปัญหาอื่น ๆ  ที่ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับความปรองดองเลย  เช่นปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต้องการรัฐบาลที่มีความสามารถ  ไม่ใช่รัฐบาลโง่ ๆ  อย่างที่เป็นอยู่   ที่รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชนต่อไป    และนั่นควรมองว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนย่อมพูดวิจารณ์และไล่รัฐบาลได้ต่อไป   จนกว่าจะได้รัฐบาลที่ดีมีความสามารถมาทำงานให้ประชาชนได้  

นี่เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน   ผู้เป็นนายของรัฐบาล

จริงไม่จริง ???? 

   จริงครับ !!!!!

สื่อจะคิดอย่างไร......... ในเมื่ออาชีพทางการสื่อสารบ้านเราถูกจำกัดไปทุกวัน ๆ  พวกนิเทศศาสตร์  วารสารศาสตร์  ถ้าไม่สู้แล้ววันหนึ่งจะอดตาย   

ต้องเข้าใจสถานการณ์   ว่าวิชาวารสารศาสตร์  นิเทศศาสตร์นั้น  เขาเจริญขึ้นอย่างไม่จำกัดในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น   แต่จะถูกจำกัดทันทีเมื่อทหารมาปกครองประเทศในรูปเผด็จการ   ............  เช่นพม่า  จีน   และประเทศไทยขณะนี้....

พม่าเดิมมีทีวี เมียนมา 1-2-3-4  ผ่านดาวเทียมสากล   ชมได้อยู่ก่อนเหตุการณ์ล้อมปราบปรามประชาชน+สงฆ์พม่าร่วม3หมื่น ปีนั้น (มีชุมนุมที่เจดีย์ชะเวดากอง 1 แสนคน/รูป.....สำนักข่าวไทยรายงานขณะนั้น)   แล้วหลังจากนั้นถูกปิดหมด   เท่ากับปิดประตูเมืองทุกด้าน  ไม่มีใครได้ข่าวสด ๆ จากพม่าอีกเลย      จีนก็เช่นเดียวกัน  มีทีวีเกลื่อนก็จริง  แต่รายงานได้เฉพาะเรื่องงิ้ว.....(บางชองมีงิ้วเล่นให้ดูทั้งวัน  ดูได้ที่  CCTV 11  ดาวเทียม  CHINA SAT 6 B)   และไทยก็เหมือนกัน..........................  เมื่อถูกจำกัดเช่นนี้   พวกคุณนักการสื่อสาร  วิชาชีพนิเทศศาสตร์  จะสามารถขยายอาชีพของคุณออกไปได้อย่างไร      เดิมคุณต้องการนักข่าวในและนอกประเทศ  นักเจาะข่าว  นักแสวงหาความจริง  ข่าวสงคราม   ข่าวสารพัดข่าว....   ก็มีงานทำกัน   บัดนี้เขาไม่ต้องการให้คุณรายงานข่าวในประเทศ   ไม่ต้องการให้ไปเจาะข่าวที่นั่นที่นี่    เพราะเขาเอาข่าวมาให้คุณเอง   คุณก็รายงานไปตามที่เขาให้ข่าว    ................     เพื่อนคุณก็ตกงาน

มองไปตามแนวคิดนี้ก็จะเข้าใจว่า  เผด็จการนั้น  อย่างไร ๆ ๆ ๆ ๆ  ก็ไม่เป็นคุณประโยชน์ต่อนักการสื่อสารมวลชนเลย     อาชีพสาขานี้ถูกจำกัดลงไป ๆ     และแน่นอนในที่สุด  คณะนิเทศศาสตร์  วารสารศาสตร์  ก็ไม่จำเป็นต้องมีการสอนในมหาวิทยาลัย    ครูอาจารย์ก็ไล่ออกหมด   เพราะจบออกมาแล้วจะไปหางานทำที่ไหน   เพราะจะไปเจาะข่าวอะไรที่ไหนก็ไปไม่ได้   แสวงหาความจริงเรื่องอะไรก็ไม่ได้ เขาเอาความเท็จมายัดเยียดให้ถึงมือ   นอกจากไปต่างประเทศ  ทำสื่อต่างประเทศ ก็ยาก เพราะที่นั่นเขาไปไกลลิบตามเขาไม่ทันแล้ว      ที่เขามีสิทธิเสรีภาพทางสื่ออย่างมากมาย  และเพื่อสามามารถทำหน้าที่เป็น กระจกสะท้อนสังคมได้รอบด้าน  นั่นเป็นความเป็นธรรมของภาคการสื่อสารมวลชน 

แต่ไทยยุคนี้    อาชีพการสื่อสารมวลชนถูกจำกัดลงไป   .................   ใช่ไหม ???

ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ...???     แล้วคุณจะเรียนวิชาการสื่อสารมวลชนไปเพื่อจะทำอะไร  ในเมื่อเวทีนี้ถูกปิดกั้นทั้งหมด   นั่นคือยุคเผด็จการ

ทำไม่เราจึงฟังข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์  เอเอฟพี  เป็นต้น   ................   เราไม่มีสำนักข่าวไทยบ้างหรือไง    เพื่อให้คนไทยได้มีอาชีพด้านการข่าว การแสวงหาความจริง..........  เพื่อที่จะขายไปได้ทั่วโลกบ้าง   ทำรายได้เข้าประเทศบ้าง   เรื่องราวของเมืองไทยเอง   แต่ปล่อยให้สำนักข่าวต่างประเทศเอาไปขาย    เราเองไม่มีสิทธิ์ที่จะขายหารายได้เลย............  ทำไมเราจึงต้องเสียผลประโยชน์ส่วนนี้ไปให้ชาวต่างประเทศทั้งหมดเลย....................

เราไม่มีสิทธิ์ในการตั้งสำนักข่าวของเราเลยหรือ  ?  ตัวอย่างเช่นเคยมีสำนักข่าวไทย   เคยรายงานเรื่องราวการล้อมปราบปรามประชาชนในพม่า    แล้วบัดนี้ทำไมไม่รายงานการล้อมปราบปรามประชาชนในไทย  19 พ.ค.2553  เพื่อการอาชีพของเราบ้าง  ??   หรือหายจ๋อมไปแล้ว   ในยุคนายเตี้ย  หมากระเป๋า.......

และทำไม  เราจึงไม่มีปากมีเสียงอะไร......................  กับแม้จะเรียกร้องจากรัฐบาลเด็ก..........................  ซึ่งถูกขู่กรรโชกจากต่างประเทศครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ศักดิ์ศรี   เช่นซาอุดีอาระเบียออกมาขู่......ก็กลัวหงอ   จนต้องรีบส่งไทยมุสลิมไปฮัจจ์......

และขณะนี้ก็กำลังจะโดนสำนักข่าวรอยเตอร์   และประเทศญี่ปุ่นข่มขู่เอาอีก  กรณีนักข่าวเขาถูกทหารยิงตายในเหตุการณ์ล้อมปราบปรามประชาชน  อย่างไรครับ .......................ก็จะวิ่งแจ้นไปซูฮกต่างประเทศเขาอีกครั้ง..........................คอยดู.......

ไม่มีศักดิ์ศรีเลย     ข่มขู๋ได้แต่เขมร   กับ  คนไทย   ............  และข่มได้กับวงการสื่อสารมวลชนไทย.............แล้วทำไมไม่เรียกร้องสิทธิของสื่อสารมวลชนกัน.................   สิทธิในการทำมาหากินตามสาขาอาชีพที่ได้ร่ำเรียนมา.........................

จะยอมอดตาย..............จะไม่ยอมคิดการก้าวหน้า ขยายกิจการงานอาชีพด้านสื่อออกไปเลย อย่างนั้นหรือ.......????

จะคิดอย่างไรล่ะ   นี่คือเรื่องราวของสื่อมวลชนและสาขาวิชาการด้านนิเทศศาสตร์เอง   ที่ต้องต่อสู้เองบ้าง  ????

และต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยครับ    

ประชาธิปไตยเท่านั้น  จึงจะสามารถนำการสื่อสารอาชีพ  ไปสู่ความร่ำรวย  รุ่งเรือง  รุ่งโรจน์ได้    นี่คือสัจธรรมของสื่อ.....ไม่รู้หรืออย่างไร  ???