ReadyPlanet.com


สนนท. ประนามรัฐบาลเผด็จการทหารใช้ความรุนแรงต่อประชาชน


สนนท. หรือสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทสไทย ประนามรัฐบาลเผด็จการทหารใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อ

1. ให้นายกรัฐบมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผู้รับผิดชอบใน ศอฉ. ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

2. ให้ยกเลิก ประกาศ พรก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

3. ให้รัฐบาลเลิกแทรกแซงการทำงานของสื่อสารมวลชนทั้งสื่อในประเทศและสื่อต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสถานการณ์การชุมนุมตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา 



ผู้ตั้งกระทู้ กระจกเงา :: วันที่ลงประกาศ 2010-05-15 23:08:09


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3193296)

เลขาธิการองค์กรสิทธิมนุษยชนไทยหายไปไหน

เป็นเรื่องที่น่าอับอายต่างชาติเหลือเกินที่องค์กรสิทธิมนุษยชนไทยไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวตำหนิรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่ลุแก่อำนาจใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธหนักครบมือออกมาปราบปรามประชาชนที่มาชุมนุมโดยอหิงสา สันติ ปราศจากอาวุธนานถึง 65 วัน ทั้งๆที่สื่อต่างประเทศ 

พูตจากนานาชาติ  องค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน องค์การฮิวแมนไลท์วอล์ท หรือแม้แต่เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ  ยังออกมาเตือนรัฐบาลไทยให้หยุดใช้ความรุแรงกับประชาชน และให้องค์กรเหล่านี้มาตรวจสอบ แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนไทยกลับมองไม่เห็น  โดยเฉพาะศาตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์ ผู้ออกมาแสดงบทบาทตลอดเวลาว่าทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกละเมิดสิทธิ แต่กลับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเพื่อขอพื้นที่คืนของรัฐบาลทั้งที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศ เวทีราชประสงค์ จนขณะนี้กรุงเทพมหานครกลายเป็นสนามรบมีทหารถือปืนเข่นฆ่าประชาชนกลับมองไม่เห็น ได้แต่ออกมาบอกให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดความรุนแรงแล้วหันมาเจรจา หากใครไม่เจรจาถือว่าทำร้ายประเทศชาติ คำพูดนี้มิได้แสดงถึงความเข้าใจปัญหา ไม่เข้าใจความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ไม่เข้าใจศักดฺศรีความเป็นมนุษย์ ไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องพรหมวิหารธรรม 4 คือความมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แล้วองค์กรนี้มาเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้อย่างไร ประชาชนคนไทยเฝ้าดูองค์กรนี้และคณะกรรมการบริหารมาตลอดหลายปี ประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกฆ่าอย่างอำมหิต ไม่เคยเลยที่องค์กรนี้จะออกมาเคลื่อนไหวแสดงบทบาทอย่างจริงจัง คนที่จะทำงานอันทรงเกียรตินี้ได้ต้องมีจิตใจรักเพื่อนมนุษย์เห็นความทุกข์ยากของเขาเสมือนทุกข์ของตนเอง 

ลองถามใจตนเองว่าคณะกรรมการทั้งหลายท่านมีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ประชาชนเขายอมรับการตรวจสอบจากท่านหรือไม่ เพราะขณะนี้ประชาชนคนธรรมดา มีการศึกษาต่ำต้อย ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไร ไม่มีตำแหน่งทางวิชาการใดๆ  แต่เขามีหัวใจรักเพื่อนมนุษย์เขาทนไม่ได้ที่ทหารถืออาวุธออกมาเข่นฆ่าประชาชน ด้วยการออกมาส่งเสียงร้อง  ห้ามปรามมิให้ประชาชนคนเสื้อแดงถูกกระทำย่ำยี บางคนเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจนต้องสังเวยชีวิตจากอำนาจอำมหิตก็มี เพราะเขาเหล่านั้นรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก คนไทยยังไม่ยอมรับไม่ให้ความไว้วางใจองค์กรนี้ แล้วนานาชาติเขายอมรับให้เป็นสมาชิกองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนหรือไม่   

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2010-05-16 02:11:34


ความคิดเห็นที่ 2 (3193492)

ประเทศไทยถูกสร้างค่านิยมให้ระบบศักดินามีอำนาจครอบงำสังคมมานาน โดยเฉพาะในวงราชการบุคลากรคนใดอยากได้ดิบได้ดีต้องรู้จักเอาใจนาย ไม่กล้าแม้แต่จะพูดจาขัดแย้งกับความคิดของผู้บังคับบัญชา จนมีคำพูดติดตลกว่าใครทะเลาะกับนายไม่เจริญ และลุกลามกลายเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือที่เรียกว่าระบอบอมาตยาธิปไตยมากยิ่งขึ้นตั้งแต่ระดับสูงลดหลั่นลงไปหาระดับต่ำ  ด้วยเหตุนี้ระบบราชการจึงมีวัฒนาธรรมของการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารด้วยการประจบประแจงมากกว่าการใช้ความสามารถ และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือระบบนี้อาจเป็นช่องว่างให้เจ้านายบางคนหาประโยชน์จากการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง  หรือแต่งตั้งโยกย้ายของข้าราชการ ระบบเจ้าขุนมูลนายมิใช่จำกัดอยู่ในวงราชการเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไปสู่กลุ่มนักการเมือง นักวิชาการหัวเก่า  กลุ่มรัฐวิสาหกิจและกลุ่มนายทุนผูกขาดทางเศรษฐกิจ  ปรากฏการณ์เช่นนี้ได้สร้างอภิสิทธิ์ชนก่อให้เกิดความแตกแยกเอารัดเอาเปรียบในองค์กรต่างๆ คนที่อยู่ในระดับล่างได้แก่เกษตรกร กรรมกรลูกจ้างถูกเอารัดเอาเปรียบ คุณภาพชีวิตต่ำไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ ผู้ประกอบการรายย่อยเสียเปรียบทางการค้า

สภาพการณ์เช่นนี้ถูกแก้ไขให้หมดไปในขณะที่พรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารประเทศ  สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งกับคู่แข่งทางการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเป็นพรรคฝ่ายค้านถึง 8 ปี และยังทำให้กลุ่มอำมาตย์สูญเสียผลประโยชน์ ดังนั้นจึงเกิดขบวนการล้มล้างรัฐบาลขนานใหญ่ และสำเร็จด้วยการรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 2549 ได้รัฐบาลทหารของพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ เข้ามาบริหารประเทศ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยคมช. กกต.ได้ยุบพรรคไทยรักไทย และเมื่อรัฐบาลทหารต้องคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ พรรคพลังประชาชนซึ่งสานต่อนโยบายพรรคไทยรักไทยก็ยังได้รับเลือกให้เป็นเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ในที่สุดก็ยุบพรรคพลังประชาชน และให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่นๆ จนขณะนี้ 1 ปีกว่าที่ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม  แก้ปัญหาความยากจนและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำไม่ได้ มีการโกงกินคอรัปชั่นขนานใหญ่ จึงเกิดกลุ่ม นปช. และประชาชนรวมตัวกันชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลในนามคนเสื้อแดงมาขับไล่ให้ลาออก รัฐบาลก็ประกาศความเป็นศัตรูกับประชาชนทันที และได้สลายการชุมนุมเมื่อ 12-14 เมษายน 2552 แต่ถึงกระนั้นแกนนำ นปช.ก็ไม่ยอมแพ้ได้ปลุกระดมทางความคิดให้เห็นว่าประชาธิปไตยกินได้ทางพีเพิลชาแนล จนมวลชนคนเสื้อแดงเติบใหญ่ขยายไปทุกจังหวัด 1 ปีเต็ม จึงได้ประกาศชุมนุมใหญ่เมื่อ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันนี้ 17 พฤษภาคม 2553 เป็นเวลา 66 วัน รับบาลได้ประกาศ พรบ.ความมั่นคงใน กทม. และจังหวัดใกล้เคียง แต่ประชาชนก็ไม่หวั่นกลัวยังคงเข้าร่วมชุมนุมอย่างคับคั่ง ในที่สุดได้ประกาศ พรบ.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรง  ภายใต้ความรับผิดชอบของศอฉ. และได้ส่งทหารถืออาวุธหนักครบมือมาสลายการชุมนุมเพื่อขอพื่นที่เวทีชุมนุมผ่านฟ้าลีลาศคืน จนมีผู้เสียชีวิตถึง 25 คน บาดเจ็บ ร่วมพันคน จนถึงขณะนี้รัฐบาลพยายามขอพื้นที่ราชประสงค์คืนและได้เข่นฆ่าประชาชนไปแล้วอีก 31 ศพ มีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน กรุงเทพกลายเป็นสมรภูมิเลือด และเปลวไฟการจากเผายางรถยนต์ด้วยคนเสื้อแดงก็ไม่ยอมจำนนยังคงใช้ยุทธวิธีทุกรูปแบบที่จะรักษาฐานที่มั่นและรักษาชีวิตของตนเองและมวลชน และยังไม่มีทีท่าว่าจะประนีประนอมกันได้ เหตุการณ์ครั้งนี้จะจบอย่างไร เพราะทั้ง 2 ฝ่ายก็ต่างไม่ยอมรับสภาพความพ่ายแพ้ เพราะมันหมายถึงความสูญสิ้นในระบอบการเมืองที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ยิ่งรัฐปิดกั้นการชุมนุมก็ยิ่งเกิดเวทีมากมายทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพราะประชาชนเขาเลือกแล้วว่าประชาธิปไตยกินได้ ชัยชนะครั้งนี้คงต้องแลกมาด้วยการสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย และกว่าจะฟื้นฟูประเทศมาถึงจุดสูงสุดที่ประชาชนเคยมีความสุขคงต้องใช้เวลาอันยาวนาน ในต่างประเทศที่เจริญแล้วเขาผ่านการต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตยมานานมากแล้ว เขาก็ยังวนเวียนอยู่กับการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ  สังคม จนไม่รู้ว่าเมื่อไรที่มนุษยชาติจะเอาชนะความเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ได้ ลองหันมาปรองดรองกันและพัฒนาการเมืองตามหลักประชาธิปไตยอันมีธรรมาธิปไตยเป็นรากฐาน หยุดเข่นฆ่าทำร้ายให้อภัยกัน ผู้ปกครองต้องยอมรับความจริงว่าการเป็นรัฐบาลต้องรับภาระอันหนักอึ้ง ต้องนำพาประชาชนไปสู่ความกินดีอยู่ดี ให้ประชาชนเขาเป็นคนตัดสินเถอะว่าเขาไว้วางใจใครให้มารับภาระอันหนักอึ้งนี้ได้ ถึงแม้ประเทศที่เจริญแล้วเขาจะต้องประสบปัญหามากมายจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ภาวะโลกร้อนและภัยธรรมชาติ แต่เขาไม่ต้องมาแก้ไขปัญหาการเมือง  เพราะเขามีจุดยืนที่เป็นกฏกติกามารยาทแล้วว่าเสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์ นักการเมืองเป็นผู้รับใช้ประชาชน แต่ประเทศไทยรัฐบาลอำมาตย์ตีค่าประชาชนเป็นปีศาจตัวร้าย และรัฐบาลเป็นเทพเจ้าที่ต้องสังหารล้างผลาญปีศาจให้หมดสิ้น จึงเกิดกลียุคเช่นนี้ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2010-05-17 02:41:10


ความคิดเห็นที่ 3 (3193493)

อกิริยทิฏฐิ มีความเห็นว่า การกระทำต่างๆของสัตว์ทั้งหลายนั้น ไม่สำเร็จเป็นบาป บุญแต่ประการใด ในสามัญผลสูตรแสดงว่า

    ผู้ที่มีความเห็นผิดชนิดอกิริยทิฏฐิ เห็นว่า การทำดี ทำชั่วของสัตว์ทั้งหลาย จะทำเองก็ตาม ใช้ให้ผู้อื่นทำก็ตาม ไม่ได้ชื่อว่าเป็นบุญ บาป หรือฆ่สัตว์ด้วยตนเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นทำก็ตาม ลักทรัพย์ด้วยตนเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นลักทรัพย์ก็ตาม ไม่ได้ชื่อว่าเป็นบุญ บาป

     ความเห็นผิดชนิดอกิริยทิฏฐินี้  เป็นความเห็นที่ปฏิเสธกรรม อันเป็นตัวเหตุ ฉะนั้นจึงเท่ากับว่า ปฏิเสธผลของกรรมด้วย ดังในสามัญผลสูตร อรรถกถาแสดงว่า

     "เมื่อปฏิเสธการการทำบาป บุญที่เป็นตัวเหตุแล้ว ก็เท่ากับปฏิเสธผลของการทำบาป บุญนั้นด้วย"

     นิยตมิจฉาทิฏฐินี้ เป็นความเห็นผิดชนิดที่สามารถส่งผล ให้เกิดใน"นิรยภูมิ"อย่างแน่นอน แม้พระพุทธองค์ก็โปรดไม่สำเร็จ      (นิรยภูมิ - สัตว์นรก)

การเข่นฆ่าประชาชนผู้ต้องการเพียงแค่ให้รัฐบาลสนองตอบความต้องการขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ แต่รัฐบาลกลับมองเห็นว่าเป็นการทำลายอำนาจทางการเมืองของรัฐบาล เป็นความเห็นผิดอย่างยิ่ง

อำนาจเช่นนี้เป็นเพียงของสมมุติ เป็นภาพมายาที่ชวนให้หลง เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป หาประโยชน์อันใดมิได้ แต่การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ก่อบาปอย่างมหันต์ มีผลทั้งในปัจจุบันและอนาคต ส่งผลให้จิตใจเศร้าหมองทุรนทุรายทั้งยามหลับและยามตื่น และผลของบาปยังติดตามไปในโลกหน้า โปรดหยุดเถอะ ขนาดองคุลิมาลยังหยุดได้แล้วรัฐบาลจะไม่ยอมหยุดหรือ  หากปล่อยจิตให้อกุศลจิตครอบงำนานไปอาจถึงขั้นวิปลาศไปได้ ประชาชนคงไม่ทนที่จะตกเป็นเหยื่อของคนเช่นนี้

  (คัดจากหนังสือ พระอภิธรรมมัตถสังคหะ)

  (คัดจากหนังสือ พระอภิธรรมมัตถสังคหะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น วิญญูชน วันที่ตอบ 2010-05-17 03:01:11


ความคิดเห็นที่ 4 (3193494)

ตอนนี้คนที่ทุกข์หนักเห็นจะเป็นพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา สีหน้าท่าทางบอกว่าท่านทุกข์ใจมากที่ต้องสั่งให้ทหารถืออาวุธมาเข่นฆ่าประชาชน

แม้นายกอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายปณิธาน พ.อ.สรรเสริญ แกก็ทุกข์ที่หาทางลงไม่ได้ เลยต้องปกป้องตัวเองจากความผิดโดยการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด แต่ผลก็คือก่อบาปเพิ่มไปอีก หากยอมรับผิดเสียแต่เดี๋ยวนี้ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ดีก็ตาม  ชั่วก็ตามย่อมได้รับผลของการกระทำนั้น บางทีกรงขังที่กำลังขังจิตใจอยู่ในขณะนี้อาจพังทลายลง ขอเตือนคุณ above เพราะประชาชนคนเสื้อแดงเขาออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นประชาชนเท่านั้นเพราะประชาธิปไตยทำให้เขาอยู่ดีกินดีได้ แต่รัฐบาลเข้าใจผิดคิดว่าประชาชนมาแย่งอำนาจทางการเมืองของเขาไป ทั้งๆที่ความจริงแล้วอำนาจ ยศฐาบรรดาศักดิ์เป็นเพียงของสมมุติ เป็นภาพมายาที่หลอกให้หลง จนกระทั่งความโง่เขลาได้บังตาจนไปก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน อย่าไปร่วมใจกับเขาเลย ถึงเราจะชื่นชอบนักการเมือง ชื่นชอบแกนนำพันธมิตร แต่อย่าปล่อยให้ความชื่นชอบนั้นมาเป็นอกุศลครอบงำจิตเราให้เป็นผู้ผูกโกรธ เพราะมีแต่ทำให้เรากินไม่ได้นอนไม่หลับหาความสงบสุขมิได้  

ผู้แสดงความคิดเห็น วิญญูชน วันที่ตอบ 2010-05-17 03:51:35


ความคิดเห็นที่ 5 (3208176)

 

ขอขัดวิญญูชนหน่อย      เขาไม่ทุกข์หรอกครับ...............

สบายใจเฉิบ      เขาฆ่าเพื่อให้ได้ชนะ..............  เขากะจะฆ่า 500 ศพ   แต่เพียง 89 ศพ ก็ชนะ    เขาแฮปปี้มาก    นี่คือความจริง

 

อย่าเพ้อฝันเรื่องกรรมเวร   ว่าเวรกรรมจะลงโทษเขา   เขาไม่แครหรอกครับ......  ได้แดกสบาย ๆ  นั่นพอใจเขา

ผู้แสดงความคิดเห็น สุพร อ่อนราย วันที่ตอบ 2010-06-20 18:57:15


ความคิดเห็นที่ 6 (3258121)

ตอนนี้เขายังมีอำนาจวาสนาอยู่ก็อาจมองไม่เห็นบาป จึงประมาทมัวเมาแต่สัจธรรมย่อมเป็นจริงเสมอ  ไม่มีใครที่ทำบาปหนักถึงขนาดฆ่าคนให้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากแล้วจะไม่หวาดกลัวต่อความเสื่อม ไม่หวาดระแวงต่อความผิดที่จะได้รับในภายหลัง จิตของคนเหล่านี้ไม่มีวันสงบสุขได้จริงหรอก  แม้เขาจะทนงตนว่ากระบวนการยุติธรรมที่มีอำนาจล้นฟ้าอยู่ข้างเขาก็ตาม  แต่ขณะนี้แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญที่คอยปกป้องและคอยยุบพรรคฝ่ายตรงข้ามก็กำลังตกเป็นจำเลยของสังคมเพราะการกระทำที่ขาดจรรยาบรรณของวิชาชีพ  ความชื่นมื่นและชัยชนะที่เห็นเป็นเพียงภาพมายาไว้ตบตาประชาชนและหลอกตัวเองไปวันๆ  แต่ภายในจิตใจของคนเหล่านี้ก็ยังหวาดหวั่นขลาดกลัว  และยิ่งเห็นประชาชนคนเสื้อแดง รวมทั้งเสรีชนที่รักความยุติธรรมลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างไม่ยอมลดละ ไม่หวาดกลัวคำขู่ของ ศอฉ. กลุ่มอำมาตย์ก็ยิ่งครั่นคร้าม  

ผู้แสดงความคิดเห็น วิญญูชน วันที่ตอบ 2010-11-05 23:34:36



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.