ก็ยุคเผด็จการไงครับ    และตัวโง่ไม่รู้็จักประชาธิปไตยมีเต็มแผ่นดิน     

แล้วคุณพ่อเขา นายวทัญญู เท้าคำลือ  ยังไปบอก ไอซีที อีกว่า อย่าให้เยาวชนมายุ่งเกี่ยวการเมือง  อะไรทำนองนี้   ...    ก็ไปกันใหญ่   เพราะที่จริงแล้ว  เราต้องให้เยาวชนรู้จักการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่เด็ก ๆ  เพราะ  การเมืองคือ ความคิด ครับ     การเมืองคือความคิด      ไม่เห็นครอบครัวฝรั่งหรือ     ลูก ๆ ก็ถือว่าตนมีสิทธิ์คิด  ทำ  กินอะไร วันหนึ่ง ๆ  หากขัดแย้งกันก็ลงคะแนนเสียง   ฝ่ายได้เสียงมากกว่าก็ชนะ

ตัวอย่างเช่น  พ่อเสนอเมนูอาหารเย็นขึ้นมา  แม่ไม่ชอบ ไม่เอาด้วย   พ่อก็ไปขอเสียงสนับสนุนจากลูก ๆ  ลูก ๆ ก็ยกมือให้พ่อ  พ่อก็ชนะ  แม่ก็ยอม   เป็นต้น  หัดดูหนังฝรั่งแล้วสังเกตหน่อยว่าเขาแทรกเรื่องประชาธิปไตยเอาไว้ให้คนในสังคมด้อยพัฒนาดู เรียนรู้       นี่แหละ   การเมือง .....ส่วนครอบครัวไทยก็มีอย่างเดียวคือ  ต้องแล้วแต่พ่อกับแม่   ลูก ๆ  ห้ามเปิดปากโต้แย้ง.......   ครอบครัวไทย  เด็กไทย  ก็เลยเสียเวลา เสียโอกาสเรียนรู้ สร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยมาแต่เด็ก ๆ     วันนี้ มีผู้ใหญ่จำนวนมาก ที่เห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ควรมีความคิดหรืออย่าคิดในเรื่องที่ผู้ใหญ่คิด  เด็กต้องคิดในเรื่องของเด็ก  คือคอยทำตามพ่อแม่  เชื่อฟังพ่อแม่  ครูบาอาจารย์  ห้ามกระดุกกระดิก  ..อย่างเดียว   ....   แต่ในขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาเด็กไว้ให้มีเรื่อง    คิดเป็น    วิเคราะห์เป็น   เป็นเป้าหมายหลักอยู่ด้วย   

คือคนไทยสับสน    ไงครับ       อยากให้เด็กคิดเป็นวิเคราะห์เป็น  ซึ่งจะนำไปสู่ประชาธิปไตย  นั่นเอง   แต่พอเด็กคิดออกมาดัง ๆ   ตามสิทธิ อิสรภาพ  ตามธรรมชาติที่จริงใจของเขา    กลับไปตำหนิโทษเขา    เช่นกรณี มาร์ควี11  นี่แหละครับ      ............    และนายกรัฐมนตรีก็เห็นว่าควรมาขอโทษตน   ......      ก็เลยแสดงว่านายกรัฐมนตรีก็ไม่รู้ไม่เข้าใจประชาธิปไตยเหมือนกัน   การจะสร้างสรรค์ประชาธิปไตยจะต้องทำอย่างไร  ?      ขนาดเป็นผู้นำยังเงอ ะ ๆ งะ ๆ เช่นนี้แล้ว    ก็นับว่าเป็นอุปสรรคแรงของการเป็นประชาธิปไตย.....   ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของชาวเหนือและอีสาน ที่มาไล่นายกรัฐมนตรี    ที่อยากจะขอร้องนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์  ให้ลาออกไปเสีย   ไปไกล ๆ  ต่างประเทศนู้น    แต่นายกหนีไหม ?   เปล่า  กลับเอาทหารมาล้อมฆ่าเสียอีกเกือบร้อยศพ   ประชาชน ผู้ใหญ่ เยาวชน เขาจะสร้างประชาธิปไตยกัน ขวางคนเช่นคุณอภิสิทธิ์นี้แหละอยู่   เลยไม่ก้าวหน้าไปหน   

อีกหน่อยจะมีคนหลายกลุ่มหลายรุ่นหลายวัยออกมาขับไล่ยิ่งกว่าวันนี้   เชื่อสิ      เพราะคนต้องการประชาธิปไตย   นั่นคือ  คนต้องการคิด  และคิด  และคิด   การเมืองคือความคิด   คุณจะไปห้ามความคิด  ไม่ได้   ในเมื่อห้ามความคิดไม่ได้  นั่นแหละจะไห้ามคนไม่ให้แสดงออกทางการเมืองไม่ได้   นี่คือครรลองประชาธิปไตย    คุณต้องปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน

สำหรับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ก็รู้อยู่ว่า  ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  จนถึงปัจจุบัน    ไม่มีการแสดงออกมาให้เห็นเลยว่า  จะเป็นผู้นำสร้างประชาธิปไตยไทยไปได้    ประการแรก  เขาไม่มีสปิริตพอ     เขาไม่เคยรู้จักคำว่า  ขอแสดงความยินดีด้วย   กับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง    ซึ่งเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรงในระบอบประชาธิปไตย   เมื่อเขาเป็นนายกรัฐมนตรี   เขาโขมยนโยบายของพรรคการเมืองอื่นไปแปรรูปจัดทำเป็นนโยบายของพรรคตน อย่างหน้าตาเฉย   ไม่รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย (แม้ว่ามีคนอดสูละอายใจแทนจริง ๆ)        ก็เพราะเขาไม่เข้าใจนั่นเอง   เขาไม่เข้าใจว่า นโยบายที่พรรคไทยรักไทยทำขึ้น  ชนะใจประชาชนนั้น  เขาออกแรงทำงานสำรวจ วิจัยประชาชนมาอย่างเหน็ดเหนื่อย    ไม่ใช่นั่งนึกทางในเอาเหมือนพรรคประชาธิปัตย์   ฉะนั้น  แท้จริงนโยบายนั้นควรเป็นของที่มีลิขสิทธิ์ ใครจะลอกเลียนไปใช้ไม่ได้   แต่นายอภิสิทธิ์ลอกไปหน้าตาเฉยเลย ......   นี่คือสปิริตของนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27 ที่ไม่พอสำหรับการจะเป็นแบบอย่างเพื่อประชาธิปไตย     เมื่อมาถูกเด็กอย่างมาร์ค วี 11 วิจารณ์เอาตรง ๆ  แทนที่จะพอใจ  และประคับประคองให้เด็กเดินไปทางนี้ที่ถูกแล้ว   กลับไปออกท่าทีว่า อย่างนี้เป็นสิ่งที่ผิด....  แบบนี้ใช้ไม่ได้     เราจึงอยากให้อภิสิทธิ์ไปเสีย     เหตุผลของเราเสรีชนก็คือ  เขาไร้ความสามารถ......ไร้จินตนาการของประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง

ยังไม่เห็นอยู่หรือ ????   เขาสั่งการฆ่าประชาชน เกือบร้อยศพ ที่ราชประสงค์    นั่นแสดงวิสัยทัศน์ประชาธิปไตยหรืออย่างไร ?????   เขาไม่รู้สึกในการที่ลูกน้องของเขาทำการน่าอับอายอดสูหลายอย่างหลายประการ  เช่น  ทหารเลวไปล้อมวัด ทำบาป  ฆ่าประชาชนในเขตวัดวาอาราม   ตายไปชัด ๆ   6 ศพ  มีประชาชนในวัดขณะนั้นนับร้อยนับพันคนเห็น  .....เป็นพยานได้   แล้วยังทำเฉยอยู่ได้.....   คนไม่รู้จักประชาธิปไตยเลย เช่นนี้   อยู่ไปก็เสียประโยชน์ของชาติของประชาชน

คนคิดแบบนี้เยอะขึ้นทุกวัน    แล้วไม่รีบไปเสียก่อน.....

ขอแสดงความเสียใจและเสียดายกับมาร์ควี 11 ที่ถอนตัวไปจากการแข่งขัน ถ้าดิฉันเป็นพ่อแม่ของเขา ดิฉันจะไม่ให้เขาถอนตัวจากการแข่งขันเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะอยากจะชนะคะคานในสนามแข่งขัน แต่สิ่งที่เป็นเป้าหมายอันแท้จริงก็คือ การต่อสู้ทางความคิด เป็นการต่อสู้ทางวิชาการเป็นประชาธิปไตย ในเมื่อมาร์ควี11 เขาเขียนวิจารณ์นายกรมต.อย่างตรงไปตรงมา  ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องการเตือนผู้นำประเทศว่าได้บริหารงานผิดพลาดล้มเหลว ควรลาออกไปไม่เหมาะสมกับงานใหญ่เช่นนี้ นับเป็นสิ่งถูกต้องและเป็นความกล้าหาญที่ประชาชนคนหนึ่งจะสะท้อนความคิดเห็นและปัญหาให้รัฐบาลได้ทราบ  เพราะถ้าประชาชนปล่อยปละละเลยจะยิ่งทำให้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงของประเทศเสียหาย ประชาชนของประเทศประชาธิปไตยเขาก็วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ทั้งนั้น เรียกร้องให้ลาออกยังได้เลย การที่ผู้ปกครองของมาร์ควี 11 บอกให้ลูกเป็นฝ่ายล่าถอย  เท่ากับว่าพ่อแม่ของเขายอมให้ลูกพ่ายแพ้ไม่กล้าต่อสู้กับความถูกต้องชอบธรรม  นับเป็นสิ่งที่เจ็บปวดในชีวิตของเขา ต่อไปจะทำให้เขาลังเลกลัว ไม่มั่นใจกับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่สำคัญนายกควรจะรู้ว่าตนเองเป็นผู้นำประเทศ เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องมีสปริต หากประชาชนเขาวิจารณ์ก็ต้องใจกว้างน้อมรับ แม้จะหนักไปบ้างก็ต้องให้อภัย อย่าลืมมีผู้ใหญ่จำนวนมากที่เขามองว่างานนี้ผู้ใหญ่ใจแคบ ใช้กระแสสังคมกดดันเด็กแล้วจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้อย่างไร ความมั่นคงของประเทศชาติเป็นสิ่งยิ่งใหญ่มากเป็นชีวิตของคนทั้งประเทศ  จะปล่อยให้รัฐบาลลองผิดลองถูกได้อย่างไร ประชาชนเขาเห็นไม่เข้าท่าก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กลับไปเห็นหน้าตาตนเองสำคัญกว่า อนิจจาน่าสงสารประเทศไทยจะไปรอดหรือนี่

เสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดของมนุษย์นี่สำคัญมากนะ เป็นชีวิตจิตวิญญาณเขาเลยทีเดียว บางคนเขายอมติดคุกติดตะรางเพื่อให้จิตวิญญาณของเขามีอิสรภาพ ไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรม ไม่ยอมจำนนต่ออธรรม และแม้เขาจะเพลี่ยงพล้ำไปบ้าง  แต่หัวใจของเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ ยังเป็นนักสู้ สู้เพื่อชัยชนะ เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ดูตัวอย่างนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหลายคน บางคนตัวตายไปแล้วแต่ชื่อของเขายังอยู่ในหัวใจของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อย่างจิต ภูมิศักดิ์ อย่างเตียง  ศิริขันธ์ อย่างเสแดง ฯลฯ แม้วิญญาณจะถูกพรากไป แต่เชื่อได้เลยว่าเขาภาคภูมิใจในการตายอย่างวีรบุรุษที่ไม่ยอมก้มหัวให้อธรรม คนที่ยังอยู่เขาก็ยังสู้ต่อไป สู้ตั้งแต่เขายังเป็นเยาวชนคนหนุ่มสาวมาจนหลายคนเริ่มแก่ชรา แต่หัวใจนักสู้ของเขาก็ยังยืนหยัด ตราบใดที่หัวใจไม่ยอมแพ้นั่นแหละคือชัยชนะ ที่ศัตรูอย่างเผด็จการทรราชย์ต้องครั่นคร้าม

ดูในวีดิโอข่าว เห็นพ่อและแม่ของ มาร์ควี 11  นายวทัญญู  เท้าบุญลือกับเมีย ออกข่าวหน้าบาน เลย  ภูมิใจในเรื่องอะไร ไม่ทราบ ???   ถ้าในเรื่องที่ได้ประจบนายกรัฐมนตรีแล้วก็  น่าเสียใจจริง ๆ    ในเมื่อคุณควรจะภูมิใจในการกล้าแสดงออกของบุตร  และหนุนเขาไปทางนั้น  เราคิดว่าโรงเรียน พรินส์ รอยัล ก็คงจะภูมิใจในศิษย์ของเขา ในแง่กล้าแสดงออกซึ่งสปิริตของประชาธิปไตยตั้งแต่เด็ก ๆ นี่แหละ   ไม่ใช่ไปประจบนายกรัฐมนตรี  และไปลาออกจากการแข่งขันเสีย   น่าจะบอกเขาว่า 

"ลูกเก่งนะ  เก่งจริง ๆ   .....   แต่ลูกควรคิดให้รอบคอบหน่อยว่า  ลูกจะไปกระทบสิทธิของคนอื่นเขาอย่างไร  ......   แต่เรื่องนี้  พ่อแม่ดูแล้ว  ลูกของพ่อแม่ทำถูกทุกอย่าง....  ไม่มีตรงไหนเลยที่ลูกไปทำละเมิดสิทธิคนอื่น....  แม้กระทั่งตัวนายกรัฐมนตรี    เพราะนายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งการเมือง  ......  และการเมืองในระบอบที่ประชาชนเป็นประชาธิปไตย...ซึ่งนักการเมืองย่อมรับใช้ฟังเสียงประชาชนอยู่แล้ว.....  ถ้าเขาเป็นประชาธิปไตย  เขาจะไม่นึกตำหนิลูกเลย   แต่เขาจะต้องฟังลูก   ลูกคนตัวเล็ก ๆ  นี่แหละ นายกรัฐมนตรีจะต้องรับฟัง  .....   แต่นี่   เขาเป็นเผด็จการนะลูกนะ.....ปกติเผด็จการจะไม่ชอบการแสดงออกเช่นนี้เสมอ  ลูกควรรู้ไว้  และรอบรู้ทั้งทางดีทางร้ายของการเมือง   เขาจึงไม่พอใจ เป็นธรรมดา   แต่ลูกต้องเข้าใจว่าลูกทำถูกอย่างไร ในระบอบประชาธิปไตย    ก็ขอให้ลูกเดินต่อไปในอุดมการณ์ อย่างรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางหน่อยนะลูกนะ   .....  พ่อแม่เชียร์ให้ลูกเดินไป  ในเส้นทางอิสระเสรีภาพ ที่ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น   ที่ลูกได้ทำไปในวันนี้  ดีแล้ว   ลูกของพ่อแม่ทำดี  เก่งมาก ๆ  ลูก...และลูกจงทำต่อไป....พ่อและแม่จะเชียร์และให้คำปรึกษาและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกไปจนกว่าจะสำเร็จอุดมการณ์...." 

ควรจะเป็นอย่างนี้ซี  ..........

นี่แหละสังคมไทย..ที่ปลูกฝังไม่ให้เด็กเถียงผู้ใหญ่...ไม่ว่าจะเรื่องผิดหรือถูก

.จะอย่างไรก็ตาม ขอชม มาร์ค วี 11 สำนึกของน้องสูงส่งนัก   

ถ้าเทียบกับอำมหิตมาร์ค  ราบ 11 อยากถามคำเดียว  มาร์ค ราบ 11 ยังเป็นคนอยู่รึ

การวิจารณ์ผู้นำประเทศที่ทำงานไม่เป็น  เอาประเทศชาติมาเป็นของเล่น เป็นเรื่องธรรมดานะ เข้าใจว่าที่มาร์ควี 11 เขาใช้คำพูดรุนแรงไปบ้าง  เพราะเขาคงรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่มีการสังหารหมู่ประชาชนมือเปล่า  และชีวิตของเขามีค่าไม่ควรที่ใครจะพล่าผลาญเล่น อีกประการประวัติของคนที่ตายก็เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ถ้าเขาเป็นผู้ก่อการร้ายจริงประวัติของเขาคงฟ้องไปแล้ว และคงมีคนเตรียมพร้อมจะเอาออกมาแฉ 

การเข่นฆ่าประชาชนไม่เหมาะสมกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง บางคนเขาอาจจะกล่าวพาดพิงไปถึงญาติผู้ใหญ่บ้าง  ก็เพราะเขาอาจเชื่อตามคำสอนของคนโบราณว่า คนที่ใจทมิฬหินชาติฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น คงเป็นเพราะพื้นฐานของการเลี้ยงดูที่ไม่เคยสอนให้รักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ดังที่พระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ให้ทรามหรือประณีตแตกต่างกัน ทำไมไม่ลองศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าดูบ้างว่าผู้นำที่ดีต้องมีความอดทน ใจกว้าง ไม่ถือสาการกระทำหรือคำพูดของประชาชน  แต่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีจิตใจดี ตั้งใจเสียสละทำงานเพื่อประชาชน แต่ถึงวันนี้มันคงสายไปเสียแล้ว

ส่วนเรื่องที่มาร์คเขากล่าวจาบจ้วงสถาบันหรือไม่เราๆท่านๆก็ยังไม่รู้แน่ชัด ได้ยินแต่เสียงเล่าลือ พ่อแม่เขาก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ามีคนแกล้งโพสเข้าไป เราก็ไม่ควรไปพิพากษาเขาเพราะมันเป็นการสร้างบาปให้แก่เด็กคนหนึ่ง สงสารเขาบ้าง เขายังเป็นเด็ก อาจทำอะไรมากบ้างน้อยบ้างก็จงให้อภัยกัน และเขาก็สำนึกผิดแล้ว นี่คือพื้นฐานจิตใจที่ดีงามของชาวพุทธ ในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่เราไม่ควรซ้ำเติมเด็ก  เพราะแม้แต่ลูกเราเอง เราก็รับประกันไม่ได้ว่าเขาจะดีพร้อม อาจทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง อย่าให้เด็กเขาเห็นผู้ใหญ่โหดร้ายสำหรับเขาเลย

รู้ไหม ทำไมประชาชนเขาถึงศรัทธาพระพุทธเจ้า ทั้งๆที่ตอนแรกเขาอาจไม่ศรัทธาเพราะอาจนับถือลัทธิความเชื่อเรื่องเทพเจ้าหรืออื่นๆมาก่อน เพราะพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ไม่มีความถือตัวถือตน ท่านจึงไม่โกรธเวลามีคนมาตำหนิติเตียน ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีจึงสามารถสอนให้พระราชา เจ้าผู้ครองนคร พราหมณ์ คหบดี แพศย์ ศูทร จัณฑาล แม้เจ้าลัทธิอื่นๆจำนวนมากเลื่อมใสศรัทธา และหันมาประพฤติพรหมจรรย์ด้วยการฆ่ากิเลส ฆ่าความถือตัวถือตน นำสันติสุขมาสู่ประชาชน  แต่ทำไมประเทศไทยในขณะนี้จึงการสร้างกระแสให้ผู้คนนิยมลัทธิความถือตัวถือตน

โดยเฉพาะสื่อ astv  มีผู้ดำเนินรายการหลายคนพยายามสร้างกระแสให้คนดูนิยมความโกรธแค้นชิงชิงคนที่เห็นต่าง และยกย่องชมเชยคนที่เห็นเหมือนตนว่าเป็นมนุษย์ประเสริฐโดยไม่ใช้เหตุใช้ผล ความเห็นเช่นนี้นำไปสู่ความถือตัวถือตนอย่างยิ่ง เห็นได้จากแกนนำพันธมิตร จำลอง  ศรีเมือง ที่ออกมาประกาศอย่างชัดแจ้งว่าให้รัฐบาลรีบจัดการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงภายใน 7 วัน หากมิเช่นนั้นพันธมิตรจะจัดการเอง 

เสียแรงประกาศตนว่าเป็นผู้ถือศีลกินผัก สันโดษมักน้อย เพียงบุญเล็กๆแค่นี้ก็หลงตนไปใหญ่ว่าสังคมอโศกเป็นอริยชน แต่กับการทำบาปใหญ่โดยเห็นดีเห็นงามไปกับการเข่นฆ่าคนเสื้อแดงซึ่งไม่มีพิษภัยอะไรแค่ออกมาเรียกร้องสิทธิของการปกครองตนเองเท่านั้นกับมองไม่เห็น

เปรียบเหมือนโมฆบุรุษผู้จมปลักอยู่ในโคนตมย่อมมองไม่เห็นแสงสว่างฉันใด คนบาปก็ย่อมมองไม่เห็นโทษของการคิดชั่ว พูดชั่วและทำชั่วฉันนั้น จะเรียกตนว่าอริยะได้อย่างไร ในเมื่อเดินสวนทางกับกุศลกรรมบถ 10 อย่างไรเสียสัจธรรมก็ย่อมต้องเป็นสัจธรรม และจะพิสูจน์ให้คนไทยและคนทั่วโลกได้รู้ได้เห็นในอีกไม่ช้านี้  

ทิฏฐิมานะ เป็นกิเลสที่ครอบงำสัตว์โลกผู้โงเขลาให้ยึดมั่นถือมั่นอยู่ในความถือตัวถือตน ผู้ใดมีความถือตัวถือตนจิตย่อมเศร้าหมองทุรนทุราย

เพราะฝากชีวิตไว้กับการยึดมั่นในความรักและความชังของผู้อื่น จิตของเขาย่อมไม่มีอิสรภาพในตนเอง มีความมืดและทางตีบตัน ไม่อาจพบแสงสว่าง ไม่มีทางออก  พระพุทธเจ้าจึงทรงสั่งสอนให้ละจากความถือตัวถือตนเสีย เพราะเป็นเหตุเครื่องเศร้าหมอง

เสรีภาพต้องมีขอบเขต   เราเห็นว่านี่แหละคือประเด็น       และประเด็นคำตอบก็คือ   เสรีภาพมาพร้อมกับสิทธิครับ 

เราต้องเข้าใจเรื่องเสรีภาพไปพร้อม ๆ กับสิทธิ    อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   เนื้อเดียวกันก่อนครับ  

และคำว่า  เสรีภาพต้องมีขอบเขต นั้นแหละครับ   แต่เราอย่าไปพยายามกระทำสิ่งที่เรียกหรืออาการ  กด  ข่ม หรือบั่นทอนรอนเสรีภาพนะครับ  เพราะประชาธิปไตยจักเจริญไปไม่ได้หากเราไปทำการ  กด  ข่ม หรือบั่นทอน  รอนซึ่งเสรีภาพ   ยิ่งประเทศไทยเรา อยากเป้ฯประชาธิปไตยเร็ว ๆ ให้สมบูรณ์หรือเต็มใบ  ก็ต้องระวังที่จะต้องปลดปล่อยเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ต้องระวังอย่าให้มีการกด ข่ม บั่นทอน ลิดรอนเสรีภาพ นั้น    อุปมาเหมือนกรงขังมีใช้อยู่   แต่สำหรับเสรีภาพ จักต้องไม่มีการเอาเสรีภาพเข้าคุก  จำขังอย่างเด็ดขาด  เพราะเสรีภาพก็ต้องการสิ่งที่เรียกว่าเสรีภาพเหมือนกัน     จนมีหลักการที่ยอมรับไปถึง  เสรีภาพในการกระทำอะไร ๆ   แต่ต้องกล้ายอมรับผิดในการกระทำที่เกินขอบเขตนั้น (คือให้เสรีภาพอย่างไม่จำกัดเป็นพื้นไว้ก่อน แต่ถ้าใช้เสรีภาพไปผิดกฎหมายหรือศีลธรรม ผู้นั้นก็ต้องเข้าใจและยิ้มรับการลงโทษได้)  นี่เป็นการมองเรื่อง  เสรีภาพครับ  ทางการปกครองจึงต้องให้เสรีภาพ แต่เมื่อทำผิดกฎหมายหรือข้อห้ามของสังคม  ก็ต้องพอใจรับโทษ  หรือเข้าใจเหตุผลของการลงโทษ  นี่คือประชาธิปไตย

ซึ่งจะต่างจากการมอง  สิทธิ  หน่อย   เพราะแม้ว่าเสรีชนจะทรงไว้ซึ่งสิทธิโดยสมบูรณ์ก็ตาม   แต่มีข้อที่ควรระลึก  ด้วยสำนึกของความมีสิทธิเสรี นั่นเอง  ว่า  การใช้สิทธิของเรานั้น  ใช้ได้เท่าที่ไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น  การละเมิดสิทธิของคนอื่นเป็นพฤติกรรมอันธพาลในระบอบการเมืองทุกระบอบ ไม่เฉพาะประชาธิปไตยเท่านั้น  นี่จึงเป็นประเด็นหลักสำคัญมาก หรือแทบทั้งหมดของประชาธิปไตยก็ว่าได้ 

เหตุผลก็มาจากหลักเมตตาธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์นั่นแหละครับ   คือเมื่อเราจำต้องอยู่ร่วมกัน ในบ้านเดียวกัน หมู่บ้าน สังคมเดียวกัน  เราจำต้องมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน  รู้ทุกข์รู้สุขของเรา  รู้ทุกข์รู้สุขของเขาอื่น  รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา  จึงเป็นธรรมและสงบสุข   ฉะนั้น เมื่อเรารักสิทธิเสรีภาพ  ก็ต้องรู้ด้วยว่าคนอื่นก็รักสิทธิเสรีภาพเหมือนกับเรา  คนอื่นเขาก็รักสิทธิเสรีภาพด้วย   การไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น จึงเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม  เป็นการสร้างทุกข์ให้ผู้อื่น  เป็นบาปในทางศาสนา  และไม่เข้าหลักการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม  อย่างถ้อยทีถ้อยเอาใจเขา ไปใส่ใจเรา 

ฉะนั้นเรื่องสิทธิ นี้ จึงมีสิ่งที่ควรสังวรอย่างยิ่งในเรื่องการที่ไม่ไปใช้สิทธิของเราให้ละเมิดสิทธิของคนอื่น   และนี่เป็นหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยทีเดียว   ฉะนั้นพื้นฐานวัฒนธรรมประชาธิปไตยจึงต้องมีขึ้น ตามหลักการนี้อย่างจริงจัง   ซึ่งชาวไทยพุทธคงจะเข้าใจได้ง่าย   เพราะมาจากหลักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา  ทุกข์สุขก็ของเราและก็ของเขาด้วย    ฉะนั้นเรื่อง  สิทธิ  เสรีภาพ  จึงมีนัยยะสำคัญอย่างนี้ 

กรณีมาร์ค วี 11  เขาทำถูกครับ  และควรสนับสนุนอย่างยิ่ง ตามหลักการปลดปล่อยเสรีภาพ  และหลักของสิทธิเสรีชน  นั่นแหละครับ   ในเมื่อเขาทำไปอย่างคำนึง  ไม่ได้ไปละเมิดสิทธิของใคร   และนายกรัฐมนตรี  ก็เป็นของประชาชน ตามหลักฯ  ก็ต้องฟังเสียงประชาชน  หมายความว่า   เขาจะตำหนิ  พูดแรง  ด้วยอารมณ์ เพียงใด  เราก็ต้องฟัง   เพราะตำแหน่งทุก ๆ ตำแหน่งทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย ได้มาจากประชาชน ๆ อนุมัติจึงได้มา  และตำแหน่งเหล่านี้ก็ มีไว้เพื่อรับใช้ สนองความต้องการของประชาชน  จึงต้องเข้าใจประเด็น  การเมืองจึงจะเจริญ 

ฉะนั้น  ดูเรื่อง มีการละเมิดสิทธิคนอื่นหรือไม่  เป็นเรื่องสำคัญที่สุด   เรื่องอื่น ๆ  เช่นมักมีผู้พูดว่าหยาบคาย.....  หรือผิดศีลธรรมไป    นั่นเป็นประเด็นวัฒนธรรมไทยเดิม   แต่ประชาธิปไตยแล้วไม่สำคัญ จะหยาบคายไปหน่อยก็ไม่ว่า   ไม่เป็นเหตุให้รับผิดต่อระบอบประชาธิปไตย    เหตุให้รับผิดต่อระบอบฯคือ  การละเมิดสิทธิของผู้อื่น     นี่ต้องให้เกิดในสังคมให้ได้จึงจะได้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ 

คุณว่ามีนัยยะของการละเมิดเบื้องสูงด้วย     มองตรงไหนครับ ?     ทำไมคุณจึงชอบคิดว่าคุณรักในหลวงมากกว่าคนอื่น ๆ เขา  ผมน่ะเทอดทูนในหลวง"ยิ่งชีวิต แต่ผมไม่เคยเลยที่จะไปอวดอ้างหรือข่มคนอื่น จับผิดคนอื่นว่าไม่จงรักภักดี   คนที่จริงใจก็แบบผมนี้แหละครับ   แล้ว  คุณรู้ไหมว่า  จำลอง ศรีเมือง พวกพธม. ที่ชอบพูดว่ารักในหลวงที่สุด  และชอบด่าคนอื่นว่าละเมิดเบื้องสูงนี่แหละ    เป็นตัวการจริง  อย่าลืมคราวสมเด็จพระพี่นางสวรรคตซีครับ   จำลอง ศรีเมือง เจ๊กลิ้ม หรือ สนธิ ลิ้มทองกุล กับพวก พธม. รวม ปชป. นี่แหละ  ที่พากันปิดกั้นถนนราชดำเนิน อันเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีพระศพที่สนามหลวง  ตำรวจไปขอร้องให้เปิดทางก็ไม่ยอม ทำให้เสด็จถนนราชดำเนินไปไม่ได้ จนต้องทรงเลี่ยงไปใช้ถนนลูกหลวงแทนอยู่ถึง 6 วัน    ทำไม่คุณไม่คิดดูว่า  นี่แหละคือละเมิดเบื้องสูงตัวจริง เรื่องจริงซึ่งมีโทษมหันตโทษถึงระดับตัดหัว 7 ชั่วโคตร   ตนเองละเมิดเบื้องสูงเห็นชัด ๆ กันทั้งแผ่นดิน แล้วยังมีหน้าไปกล่าวหาคนอื่น อย่างไม่มีมูล เช่นนี้  ใครก็รู้ความหมายที่บอกถึงเจตนาที่ต้องการบิดเบือนกลบเกลื่อนความผิดของตนนั่นเอง     เห็นไหมครับ     นายเจ๊กลิ้มเอง ยังโดนคดีหมิ่นประมาท โดยลอกคำพูดที่หมิ่นประมาทของ ดาตอปิโด ผู้ได้รับโทษจำคุก 18 ปีไปแล้ว  มาพูดต่อ  ก็กำลังจะได้รับการพิพากษาอยู่ในเร็ววันนี้อีกคดีหนึ่ง    แต่คนเช่นนี้กลับไปกล้ากล่าวหาคนอื่นว่าละเมิดเบื้องสูงอยู่เป็นประจำ   นี่แหละการโฆษณาชวนเชื่อ  ขอให้ตามเขาทันบ้าง

ตามทันไหมครับ ???

คือคนพวกนี้ มีจำลอง ศรีเมือง พวกสันติอโศก  โพธิรักษ์  เจ๊กลิ้ม พธม. ปฃป. นี่ ไปกระทำความผิดต่อสถาบัน   เป็นมหันตโทษ อันร้ายแรงมาก  เพราะบังอาจพาพวกปิดกั้นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน  อยู่ถึง 6 วัน    ทั้ง ๆ ที่ตำรวจมาประสานขอให้เปิดเส้นทางเสด็จ แต่ไม่ยอม     จนได้กระทำผิดอย่างยิ่งใหญ่   ไม่มีใครกล้าทำขนาดนั้น

ก็มานึกหวาดกลัวความผิดครั้งนั้น     ก็พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนทั้งชาติ เกรงคนทั้งชาติจะลุกฮือขึ้นมากระทืบจมดิน  

จึงสร้างเรื่องขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน    สร้างภาพตัวเอง  ว่าเป็นยอดอัศวินผู้จงรักภักดี  และใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นไปไกลตัว (คือโจร.....หาทางเลี่ยงความผิด นั่นเองชัด ๆ)

เห็นแล้วยังครับ  ??????

ขอให้พวกรักชาติที่แท้จริง เอาเรื่องนี้ไปคิดการปลุกระดมมวลชน ให้พร้อมลุกขึ้นมากระทืบพวกที่กล้าบังอาจปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนินครั้งนั้น  เพื่อให้มีการชำระโทษอย่างสาสมเสียที  ไม่งั้นไม่สร่างความแคลงใจ  มันละเมิดสถาบันขนาดนั้  จะลอยนวลอยู่ได้อย่างไร ?????  ชาวไทยผู้จงรักภักดี  ไม่อาจจะยอมได้  .....

มาตรา 8 ตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง 40 และ 50 ตรงกันก็คือ 

" มาตรา 8 องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป้นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ 

ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้"

ที่จริงโทษของพวก พธม.นำโดยจำลอง ศรีเมือง สนธิล้มทองกุล และ ปชป. ก็คือโทษตัดหัว 7 ชั่วโคตร  ฐานบังอาจปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนินของพระมหากษัตริญพร้อมพระบรมราชวงศ์  ในการเสด็จโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมาร์ค 

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ  เหตุใดรัฐบาลอภิสิทธิ์ จึงไม่ยกความผิดฐานละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ครั้งนั้น ขึ้นมา   ทั้ง ๆ ที่เห็นกันอย่างจะแจ้ง กันทั้งแผ่นดินแล้ว    เราจะปล่อยให้สถาบันฯถูกละเมิดอย่างแรง  แล้วลืมเลือนไปได้อย่างไร ???

อย่างไรเรียกว่าจงรักภักดี   ????  

ผมก็ขอถามครับว่า   ทำไมมาร์ควี 11 จึงต้องขอโทษนายกรัฐมนตรี ?

และทำไม มาร์คราบ11  นายกรัฐมนตรีจึงต้องการคำขอโทษจากมาร์ควี 11  ?

น่าถามนะครับ......

ก็ยังมีกรณีเชียงราย  นักเรียนมัธยม 5 คนถูกจับ.......  แล้ว  ก็ยังมีกรณีนิสิตรัฐศาสตร์จุฬา ฯ  ถือป้ายความคิดเห็นจะเสนอนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ มาจุฬา  อาจารย์พวกเขาไปแย่งป้ายหนีไป     สื่อวิจารณ์กันแหลกว่าอาจารย์ทำไม่ถูก   ขณะนี้ก็ยังมีคนวิจารย์อยู่ 

ครับ    อาจารย์ทำไม่ถูกจริง ๆ  .....

ที่รัฐศาสตร์จุฬานี้  เคยมี  อมรา  พงศาพิศ เป็นคณบดี    เป็นถึงศาสตราจารย์     เป็นได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ออกจากจุฬาไปอยู่องค์กรสิทธิมนุษย์ชนแห่งประเทศไทย  จึงรู้ว่า เป็นถึงศาสตราจารย์แต่ไม่รู้การเมืองประชาธิปไตยเลย   ไม่รู้สิทธิคืออะไรด้วยซ้ำ

ก็ขนาด ศาสตราจารย์  คณบดี ยังไม่รู้เรื่องประชาธิปไตย ตามธรรมชาติตามเป็นจริงเลยแล้วอาจารย์ลูกน้องจะรู้อย่างไร ????

คุณอาจจะไม่เชื่อผม    อาจจะแย้งว่าเขาเป้นถึงศาสตราจารย์ทางรัฐศาสตร์  เป็นถึงคณบดีรัฐศาสตร์   จะไม่รู้ได้อย่างไร

แต่เชื่อผมเถอะครับ        สู้พวกคาราวานคนจนไม่ได้......

อย่าประมาทโดยเชื่อว่าเป็นศาสตราจารย์แล้วจะรู้จริง     

ผมขอให้มองคน ๆ หนึ่งขณะนี้ คือ  สมบัติ  ธำรงธัญญวงศ์  เป็นถึงศาสตราจารย์เหมือนกัน    แต่ผมให้ฉายาว่า  คนทรยศต่อประชาธิปไตย

พอ ๆ กับ อีกคนในรัฐศาสตร์ มธ.  ลูกน้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล     คนที่นั่งข้าง ๆ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ตอนบอกให้สมชายลาออกจาก นรม. นั่นแหละครับ ดร.สุรพล....

วันนี้ intelligence ก็เอา 3 นิสิต แห่งรัฐศาสตร์การเมืองจุฬา   ผู้พาพวกชูป้ายประท้วง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นรม.เด็ก   ว่า  จะ 1 คน หรือแสนคน ก็ต้องรับฟัง  (อันเป็นคำพูดของนายอภิสิทธิ์ สมัยเป็นฝ่ายค้าน พูดในสภา)คอยต้อนรับ   แล้วมีอาจารย์รัฐศาสตร์นายหนึ่งมาชิงเอาป้ายไป  ห้ามนิสิตชูป้าย 

เห็นมีข้ออ้างว่า  ไม่ให้หยาบคาย    อาจารย์ไม่ได้ปิดกั้นสิทธินักศึกษา ......

ผมว่าไล่นาย.....อาจารย์รัฐศาสตร์คนนี้ไปไกล ๆ เถอะ  ประชาธิปไตยจึงจะเจริญ  ............   คือพูดกับคนแบบนี้ไม่รู้เรื่องหรอก     เพราะเป็นพวกเดียวกับ  อมรา  พงศาพิศ  ....ไง  ?   ขนาดสอนรัฐศาสตร์ ...เป็นคณบดีรัฐศาสตร์ ยังไม่รู้จักประชาธิปไตยเลย(เป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ  นี่แหละคือความหมายถึงประเทศด้อยพัฒนาสยาม) ......รายหลังต้องให้คาราวานคนจน มาจากบ้านนอกสอน.....  แล้วยังทำเก่งไปอยู่องค์กรสิทธิ  ....   แล้วไปบอกว่า  แดงเป้นฝ่ายฆ่าประชาชน......   เช่นนี้ไปอยู่องค์กรสิทธิได้อย่างไร  ไม่รู้ประชาธิปไตยเลย   รู้หรือเปล่าว่า  เรื่องสิทธิ  เสรีภาพ  ต้องปลดปล่อยอย่างเต็มที่  ไม่งั้นประชาธิปไตยเจริญยาก   เรายิ่งต้องการเร่งรัดประชาธิปไตยอยู่......

เดี๋ยวนี้  ฝ่ายรัฐบาลโจรทำท่าจะเป็นเหมือนยุคถนอม ประภาส คือดองรัฐธรรมนูญไว้       รัฐบาลโจรนี้ก็ดองการเลือกตั้งเอาไว้   และแน่นอน  มาตรการปิดปากประชาชนเป็นเรื่องจำเป็น    คนอย่างนิสิตนักศึกษา ที่กำลังพูดอยู่ในรายการนี้นี่แหละ จะออกมาอีกรอบหนึ่ง    การไล่โจรปล้นประชาธิปไตยจึงจะสำเร็จ  ....

ขอปรบมือให้เลย  ที่กล้าประกาศว่าตนเป็นแดง  เคยไปร่วมกิจกรรมแดงเพื่อประชาธิปไตย  .......

ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์  จากจุฬา  กก.สนนท.,  ธเนศ  ศรีวิรัญ  จากรามฯ  .....อติเทพ  ชัยสิทธิ  จากมหิดล    ขอปรบมือให้  และ   นี่  วิถีทางนักการเมือง   จริง

คำถาม    อาจารย์นายนั้นคงฟังอยู่      แกคงเคียดแค้นเข้ากระดูกดำ   แล้วจะทำอย่างไ ?

อาจารย์พวกนี้เป็นพวกหัวเก่า

ที่ถูกฝังหัวตั้งแต่เด็กมาว่า โตขึ้นจะต้องเป็นเจ้าคนนายคน

 จึงไม่ลึกซึ้งคำว่าประชาธิปไตย

ทั้งๆที่คำนี้เข้าใจได้ง่ายๆ แต่พวกเขาเลือกที่จะแกล้งไม่เข้าใจ เนื่องจากกลัวเสียผลประโยชน์

พวกเขายังอยากอยู่ในระบอบศักดินาเดิมๆ (ซึ่งเป็นที่เหยียดหยันในสายตาของโลกเสรี)

สรุปก็คือพวกนี้ยังหวงอำนาจ และเห็นแก่ตัว  

อนิจจาน่าสงสารมหาวิทยาลัยเก่าแก่ และชาวบ้านที่อุตส่าห์ส่งลูกไปเรียนนึกว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งทางความรู้ ความคิดและสติปัญญา  แต่อาจารย์กลับไม่รู้เรื่องประชาธิปไตยยิ่งเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์แล้วไม่รู้ว่ามนุษย์เขาชอบการเมืองการปกครองแบบไหน อย่างไร  จะไปสอนเด็กให้เข้าใจการเมืองการปกครองได้อย่างไร  รีบๆไล่ให้เออรีรีไทน์ไปซะเร็วๆก็ดี แล้วคัดเลือกอาจารย์ที่ฉลาดๆมาสอน  นักศึกษาพวกนี้แหละที่เป็นเสรีชนเข้าใจโลก เข้าใจความต้องการของมนุษย์ อนาคตควรเลือกมาเป็นอาจารย์ เพราะประเทศไทยต้องการนักวิชาการรุ่นใหม่ที่ทันโลก พวกนักวิชาการไดโนเสาร์เต่าล้านปีช่วยอะไรไม่ได้หรอก มีแต่ดึงปัญญาชนของชาติให้ถอยหลังลงคลองไปด้วยกัน