ReadyPlanet.com


กระทรวงศึกษาธิการประกาศนโยบายสุดเจ๋งให้เด็กตั้งครรภ์มาเรียนได้


ในฐานะที่ดิฉันเป็นครูคนหนึ่ง ได้สัมผัสกับปัญหาเยาวชนตั้งครรภ์ก็มาก แต่ไม่มีเด็กนักเรียนคนไหนใส่ชุดคลุมท้องมาเรียน มีแต่ลาพักการเรียนไป พอคลอดแล้วก็กลับมาเรียนใหม่จนจบ สถานศึกษาก็ไม่ได้ไล่ออกและ

ไม่ต้องเที่ยวประกาศให้ใครรู้ว่าลาพักการเรียนเพราะตั้งครรภ์ เพียงเขียนเหตุผลว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพต้องลาพักรักษาตัว สถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาเขามีวิธีจัดการกับปัญหาโดยไม่ต้องไปตีฆ้องร้องปล่าวให้มันเป็นกระแส

นักศึกษาที่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนมักมีปัญหาเรื่องการไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เรียนไม่รู้เรื่องเครียด วิตกกังวลสูง  บางรายที่เคยไปทำแท้งหรือมีบุตรต้องเลี้ยงดู มักมีปัญหาด้านสุขภาพกายสุขภาพจิต เมื่อถึงภาคเรียนที่ต้องไปฝึกงานกับสถานประกอบการ เด็กกลุ่มนี้จะอ่อนด้อยในประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าเด็กปกติที่ไม่เคยทำแท้งหรือมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตร เป็นการเสียโอกาสที่ดีในชีวิต หลายคนเป็นภาระของพ่อแม่ต่อไปอีก 



ผู้ตั้งกระทู้ ครูอาชีวะ :: วันที่ลงประกาศ 2010-07-15 22:19:29


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3220421)

ที่กระทรวงศึกษาและกระทรวงสาธารณสุขกำลังทำอยู่ในตอนนี้ คุณมองปัญหาสั้นเกินไปหรือเปล่า การรู้จักหักห้ามใจไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปมีเพศสัมพันธ์ เป็นสิ่งที่ต้องส่งเสริมและพยายามตีฆ้องร้องปล่าวให้เป็นกระแสมากๆและต่อเนื่องควบคู่ไปกับการชี้ให้เห็นโทษของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควร ไม่มีเด็กคนไหนหลอกที่ตั้งครรภ์แล้วมีความสุข มีภาระมากมายต้องเลี้ยงดูบุตรลำบากทั้งตนเองและครอบครัว เรียนไม่ได้เต็มที่ ทำงานขาดประสิทธิภาพ มีความเครียดวิตกกังวล มีอารมณ์ไม่มั่นคง ซึมเศร้า ลองศึกษาวิจัยกับเด็กพวกนี้ดูซิว่าสมมุติฐานที่บอกมาเป็นจริงหรือไม่ และไม่ได้คิดเอาแบบมั่วๆแต่เกิดจากการได้ใกล้ชิดกับปัญหามาอย่างรอบด้านต่อเนื่องและยาวนาน แล้วจะรู้ว่าแนวคิดเรื่องให้เด็กอุ้มท้องไปเรียนได้ เป็นการมองแบบคนตาบอดคลำช้างหรือไม่ สังคมไทยไปกันใหญ่เพราะชอบให้คนที่มองอะไรแคบๆมาบงการทิศทางของสังคม และคงจะต้องเสียค่าโง่เช่นนี้ไปอีกนาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ครูอาชีวะ วันที่ตอบ 2010-07-17 23:42:48


ความคิดเห็นที่ 2 (3234571)

test

ผู้แสดงความคิดเห็น readyplanet วันที่ตอบ 2010-08-20 22:32:52


ความคิดเห็นที่ 3 (3234576)

เด็กไทยมีปัญหามากในเรื่องเพศ   เด็กผู้ชาย  หรือคนไทยผู้ชาย มักมองว่าตนใหญ่กว่าเด็กผู้หญิง หรือผู้หญิง    นี่คือปัญหาประชาธิปไตยในไทย    มองสิทธิคนสองระดับ คือระดับผู้ชาย  กับระดับผู้หญิง    คนไทยผู้ชาย มักมองว่าผู้หญิงต้องรับใช้ตน ๆ มีสิทธิเรียกใช้ผู้หญิง  หรือเลือกอะไร ๆ ก่อนผู้หญิง   นี่เป็นข้อเท็จจริงในสังคมไทยจริง ๆ     ในเรื่องเพศ  เด็กผู้ชาย มักพูดจาหยาบคาย ประพฤติตนไม่สุภาพ  ดูแคลน  ดูหมิ่นผู้หญิง   มักมองผู้หญิงว่าเป้นวัตถุทางความใคร่ของตนเท่านั้น  ไม่ให้เกียรติ์ ในฐานะเป้นคน  มีสิทธิ เสรีภาพ เสมอกัน     นี่ก็เกี่ยวข้องไปถึงปัญหาประชาธิปไตยไทยอย่างมากเหมือนกัน

 

เราต้องสอนเด็กชาย หญิง  ให้พูดจากันอย่างสุภาพ  และพูดเรื่องเพศกันอย่างสุภาพด้วย  อย่างแบ่งกันเป็นชนชั้น     เด็กชายต้องปฏิบัติตนสุภาพต่อสตรีโดยสำนึกว่า เขาก็เป้นคน ๆ หนึ่งพอ ๆ กับผู้ชาย  และมีสิทธิทางการปกครองเท่ากันกับผู้ชาย   ในโรงเรียนทุกวันนี้  เด็กชายจำนวนมากประพฤติตนไม่ถูก  มองเรื่องเพศอย่างกักขละ  อันเนื่องมาจากขาดความเข้าใจเรื่อง เสรีชน   เรื่องสิทธิพื้นฐานของคนในระบอบประชาธิปไตย   ผู้หญิงก็มีสิทธิเท่า ๆ ผู้ชาย   แม้สิทธิทางเพศก็เท่ากัน  ควรเคารพในสิทธิของเขาและเมื่อนึกได้หรือยอมรับได้เช่นนี้  สายตาคนก็จะไม่ดูแคลนกัน  หรือนึกเหยียดหยามกันในเรื่องเพศ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ไกรสิทธิ์ เสมาชัย วันที่ตอบ 2010-08-20 22:37:24


ความคิดเห็นที่ 4 (3238813)

รัฐบาลบ๊องส์ส์ส์ ๆ   ปิดเวบไซต์นับพันนับหมื่นเวบ   แต่เวบโป๊วเต็มบ้านเต็มเมือง  เฉย  

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า  มันจะบ๊องส์ไปไกลขนาด  คนบ้าใน รพ.สมเด็จเจ้าพระยา หรือเปล่า 

ผู้แสดงความคิดเห็น กงจักร เสมาคำ วันที่ตอบ 2010-08-30 22:12:08


ความคิดเห็นที่ 5 (3240946)

เวลามีการประชุม   ทำไมครูอาจารย์ปล่อยให้เด็กชายหญิงหนุงหนิงกันเหลือเกิน    มันไม่สุภาพ  และไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน   และไม่คะนึงการศึกษาเรื่องวินัย    เราต้องให้เด็กเรียนรู้ในการที่จะเคารพกันและกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ  ให้เรียนรู้วินัย หรือ  discipline มาตั้งแต่เด็ก ๆ    นั่นคือการศึกษาระดับต้น ๆ เรื่องเสรีชน....ในเพศศึกษา  .

ผู้แสดงความคิดเห็น กงจักร เสมาคำ วันที่ตอบ 2010-09-02 22:30:18


ความคิดเห็นที่ 6 (3241612)

วิจัยเผย "วัยรุ่นไทย" ใช้มือถือมากอันดับ 1ในเอเชีย

วัยรุ่นไทยมีและใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอันดับ 1ของเอเชีย และทำสถิติพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือนานถึง 1.7 ชั่วโมงต่อวัน

นางสาวรัตตยา กุลประดิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทซินโนเวล ประเทศไทย จำกัด บริษัทวิจัยระดับโลก เปิดเผยว่า จากผลการวิจัยสำรวจความคิดเห็นของวัยรุ่นอายุ 8-24 ปี ในภูมิภาคเอเชีย รวมจำนวน 12,302 คน จาก 11 ประเทศ ประกอบด้วยจีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย

ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่า วัยรุ่นเอเชียตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับโทรศัพท์มือถือ พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ ควบคู่กันไป ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้อัตราการครอบครองมือถือของวัยรุ่นมีการปรับตัวสูงขึ้น จาก 60% ในปี 51 เป็น 64% ในปี 53

นอกจากนี้ ผลการสำรวจดังกล่าวยังแสดงให้เก็นอีกว่า วัยรุ่นไทยมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองมากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาค เช่นเดียวกับการพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นตัวเองมากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาค เช่นเดียวกับการพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยการพูดคุยโทรศัพท์อยู่ที่ 1.7 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่อัตราเฉลี่ยของภูมิภาคอยู่ที่ประมาณ 49 นาทีต่อวัน

พร้อมกันนี้ยังพบว่า วัยรุ่นไทย ยังเป็นที่ใช้บริการต่างๆ จากมือถือเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชีย โดย 67% ใช้มือถือไปกับการฟังเพลง สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 51% ขณะที่อีก 47% ใช้ไปกับการฟังวิทยุ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 23% ใช้มือถือในการถ่ายรูป 65% สูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 47% และ 1 ใน 3 ใช้ไปกับการบันทึกวีโอ 32% สูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 21%.

Source : Thairath/truck.in.th(Image)
3 กันยายน 2553 เวลา 12:11 น.
View 115 : comment 0

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2010-09-04 01:52:17


ความคิดเห็นที่ 7 (3241613)

ขณะนี้ผลพวงที่ติดตามมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆกำลังแสดงผล วัยรุ่นไทยถูกพ่อแม่ตามใจอย่างมาก นักเรียนทุกระดับแทบจะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือรุ่นที่มีราคาแพงใช้กันดาดดื่น  แม้แต่ลูกชาวไร่ชาวนากรรมกรหาเช้ากินค่ำก็มีกับเขา  ด้วยพ่อแม่มักเข้าใจว่าหากลูกไม่มีเหมือนเพื่อนลูกจะน้อยเนื้อต่ำใจ ขณะนี้ที่เป็นปัญหาอย่างมากคือนักเรียนมักใช้โทรศัพท์พร่ำเพรื่อไม่เว้นแม้แต่เวลาเรียนก็นั่งดูคลิป  หรือใส่หูฟังเพลง  ไม่ฟังครู เดินไปไหนเปิดเพลงไปตลอดทางโดยไม่เกรงใจครูที่กำลังสอนอยู่ในห้อง

ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือความจำของเด็กสั้นมาก ฟังอะไรจับใจความไม่ค่อยรู้เรื่อง ครูภาษาไทยให้สอบท่องอาขยาน จะท่องได้เพียงบทสั้นๆ

เท่านั้น แล้วมาสอบกับครู ครูต้องยืดหยุ่นให้ไปท่องบทต่อไป แล้วมาสอบใหม่หลายรอบกว่าจะเสร็จ เป็นเช่นนี้จำนวนมาก  สันนิษฐานว่าเซลสมองของเด็กคงถูกทำลายจากคลื่นไมโครเวฟเพราะใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ เด็กจะไม่สนใจการศึกษาค้นคว้า  ไม่อ่านหนังสือถ้าไม่ถูกบังคับ ขณะที่พ่อแม่ต้องหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเวลามาดูแลอย่างใกล้ชิด

ข้าพเจ้าไปรับลูกที่โรงเรียนสอนพิเศษ เห็นเด็กๆทยอยเดินออกจากห้อง แทบจะทุกคนจะคว้าโทรศัพท์มือถือมาโทรก่อนเรียกผู้ปกครองให้มารับ ทั้งๆที่ผู้ปกครองก็ไปส่งไปรับทุกวัน และทราบดีว่าลูกเลิกเรียนเวลาเท่าไร แต่เด็กก็ไม่รู้จักการรอคอย และพ่อแม่ก็ไม่เคยชี้แจงแสดงเหตุผลให้ลูกรู้จักรอคอย ทำให้แกขาดความอดทนอยากได้อะไรพ่อแม่ต้องรีบสนองตอบเดี๋ยวนั้น  และไม่ละเว้นแม้กระทั่งเรื่องเพศ ชอบใครก็ตามใจตัวเองไม่มีการยั้งคิด เด็กจึงมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย นี่คือความน่าเป็นห่วงว่าเยาวชนไทยจะเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคในชีวิตได้อย่างไร เพราะพ่อแม่สนองความต้องการอยู่ตลอดเวลา ตามชนบทพ่อแม่จำนวนไม่น้อยยอมนำไร่นาไปจำนองเพื่อหาเงินมาปรนเปรอลูก สังคมไทยไม่ได้สร้างวินัยให้เด็กพอมีเหยื่อมาล่อเด็กจึงมัวเมาได้ง่าย น่าเป็นห่วงอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร หากเยาวชนมีสติปัญญาตกต่ำ ขาดความอดกทนอดกลั้น ขาดความเพียรพยายาม พึ่งตนเองไม่ได้ ก็คงต้องเป็นภาระของพ่อแม่และสังคมต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2010-09-04 02:17:11


ความคิดเห็นที่ 8 (3243156)

วัยรุ่นไทย  มีประเภทที่อยากได้มือถือเหลือเกิน  แต่ฐานะยากจน   แล้ววันหนึ่งก็มีโอกาสได้กับเขาบ้าง   ก็เลยเอาใหญ่  วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร เอาแต่โทรศัพท์   อย่างนี้เรียกว่า  ยาจกตื่นมี

เหมือนอยากได้จักรยานยนต์   พอได้ก็เอาแต่เที่ยว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ    อย่างนี้ก็  ยาจกตื่นมี เหมือนกัน

สุภาษิตบทนี้  เต็มว่าอย่างไร    จำได้แต่ท่อนหลัง   .......... ยาจกตื่นมี....

 

บางคนขายนาไปซื้อ  จตุคามรามเทพ  ยุคที่กำลังเฟื่อง   ....   อย่างนี้ก็มีในหมู่คนชนบทชาวนาไทย 

 

แล้วก็มีการเห่อ  อยากมีแฟนกับเขาบ้าง   ส่วนมากคนขี้เหร่ ๆ เห่อที่สุด  กลัวไม่มีแฟนลามั้ง  

 

เป็นประเด็ฯของวัฒนธรรม   คล้าย  ๆ ๆ ๆ   วัฒนธรรมศรีธนญชัย   นั่นแหละ  เต็มบ้านเต็มเมือง      ต้องแก้ที่วัฒนธรรม

ผู้แสดงความคิดเห็น กงจักร เสมาคำ วันที่ตอบ 2010-09-07 21:29:30


ความคิดเห็นที่ 9 (3248554)

มะพร้าวตื่นดก  ยาจกตื่นมี   ฮิ !!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น ชาม เบญจรงค์ วันที่ตอบ 2010-09-18 00:28:40



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.