ได้ดูรายการนี้อยู่   ประทับใจมาก   ที่จริงพวกเขาทั้งสองคนนั้นกำลังแสดงธรรมะชั้นสุดยอด   และชาวต่างประเทศเขาเข้าใจในธรรมะนั้น มากกว่าชาวไทย  ชาวต่างประเทศจึงมอบรางวัลเกียรติยศอันสูงสุดให้ถึง 2 ปีซ้อน   กลับมากลับไม่ได้รับความชื่นชมต้อนรับจากชาวไทยเท่าที่ควร   นั่นแปลว่าชาวไทยไร้ธรรมะ  ตาบอดสี  มองไม่เห็นสัจธรรมที่คณะหุ่นช่างฟ้อนแสดงแด่ชาวโลก 

ชาวไทยจริง ๆ แล้วค่อนข้างรู้ธรรมะในระดับสูงส่งละเอียดอ่อนน้อยกว่าชาวต่างประเทศ  โดยเฉพาะพุทธธรรมเอง  ก็ดูจะไม่เข้าใจเท่าชาวต่างประเทศเขา  ทั้ง ๆ ที่เป็นชาวไทยมีศาสนาพุทธ  อยู่กับศาสนาพุทธ    จึงน่าสงสัยมานานแล้วทีเดียวว่าชาวไทยพุทธรู้ธรรมะอย่างถูกต้อง  เป็นประโยชน์แก่ตนเพียงใดหรือไม่  ?   ใครสอนธรรมะแด่ประชาชนไทย   สอนอย่างไร ???

เราอยากจะให้กำลังใจว่า  ท่านเหมือนศาสดา  ที่แสดงธรรมอันลึกซึ้ง  จึงยากที่คนไทย ๆ  ไทยพุทธ ในเมืองไทย จะเข้าใจได้

คนไทยพุทธ  เป้นชาวพุทธแบบ passive   นายหลุย  โยคะโบก  นักวิจัยฝรั่งเศสมาวิจัยไว้    มรว.เสนีย์ ปราโมช เถียงใหญ่  ว่านายหลุย มาเมืองไทยแค่ 3-4 เดือน จะมารู้จักศาสนาพุทธได้อย่างไร 

ที่จริงผลวิจัยนี้น่าเชื่อถือมาก   ในประเด็นที่ว่า   ชาวพุทธแบบ passive   จึงยากที่จะเป็นประชาธิปไตย

ท่านปัญญานันทะ   ว่าคนไทยเป็นพุทธแต่เพียงสำมะโนครัว  ท่านพุทธทาส  ว่าดีแต่กราบ ๆ ไหว้ ๆ

ผมเองว่า    งมงาย     สิ่งที่ชาวพุทธไทยนับถือ  แท้จริงเป็นไสยศาสตร์  โง่งมงาย  ไม่ใช่พุทธแท้หรอก

ยิ่งเห็นพระไทยวัดหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษสร้างรูปปั้นชูชก แล้วโฆษณาชวนเชื่อให้คนมาบูชาพ่อปู่ชูชกทางทีวีผ่านดาวเทียมช่องหนึ่ง

พระรูปนี้อ้างตนว่าเป็นเกจิ มีภูมิธรรมแต่เหตุไฉนจึงไปเชิดชูขอทานในวรรณคดีเรื่องมหาเวสสันดรชาดกว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จร่ำรวย  

ทั้งๆที่ขอทานตามข้างถนนมีออกเกลื่อนกลาด น่าคิดว่าหากไม่มีการปฏิวัติทางภูมิปัญญา อีกหน่อยคนไทยคงนิยมคนขี้ขอมากกว่าการแสวงหาทรัพย์มาด้วยความรู้ความสามารถ นี่กระมังเป็นสาเหตุให้คนไทยโง่เขลา ไม่เข้าใจศาสนาพุทธ ศาสนาแห่งผู้รู้ แม้แต่พระสงฆ์องคเจ้ายังหวังพึ่งโชคลางสิ่งศักดิ์สิทธิ์อุปโลกคนขอทานมาเป็นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ แล้วฆราวาสจะพบแสงสว่างได้อย่างไร สังคมไทยโดยเฉพาะในชนบทถูกสอนให้เชื่อพระเชื่อเจ้า อย่าตำหนิติเตียนพระจะบาป และยังสอนให้ศรัทธามากกว่ามองเรื่องความมีเหตุมีผล และพระส่วนใหญ่ก็ไม่นิยมแสวงหาความรู้ เพราะความรู้ไม่ทำให้รวย จึงเดินออกนอกทางธรรมวินัยกันเป็นแถว น่าสงสารจัง องค์กรสงฆ์นี่แหละต้องปฏิวัติความเชื่อเสียก่อนทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้รู้ ผู้ติ่น ผู้เบิกบาน จะได้สอนฆราวาสให้เขาพบกับความสว่าง

ได้ดูรายการของ Voice TV ชอบทีวีช่องนี้มากเป็นพิเศษโดยเฉพาะรายการ intelligence เพราะเป็นการนำนักคิด นักปราชญ์ นักวิจารณ์

คนยากไร้ผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ แม้แต่เด็กอย่างนักเรียน นักศึกษา มานำเสนอแนวคิดมุมมองที่กว้างขวางลึกซึ้งเป็นสัจธรรม ส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ที่หลากหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ยิ่งถ้ารายการทีวีเป็นเวทีทางความคิดของคนทุกเพศทุกวัยแสงแห่งประชาธิปไตยก็จะบรรเจิดยิ่งขึ้น อยากเห็นสังคมไทยใช้หลักวิชาการ หลักเหตุผลที่เป็นจริงมาต่อสู้กันทางความคิด เพื่อพัฒนาสติปัญญาของผู้ดูทีวี เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาทีวีเกือบทุกช่องมักเชิญนักวิชาการประเภทที่มีมุมมองด้านเดียว ตีค่าตนเองและผู้ที่ตนศรัทธาเป็นคนดีฉลาดล้ำเลิศกว่าคนอื่น มองอะไรสุดโต่งเหมือนคนตาบอดคลำช้างมาออกรายการ ทำให้สังคมตกอยู่ใต้อิทธิพลของการครอบงำทางความคิด ไม่มีอิสรภาพและเวทีในการแสดงออก และนับวันรายการของช่อง  Voice TV  ก็จะเป็นเสมือนทางออกและแสงสว่างให้กลับสังคมไทย และจะผลักดันให้สื่อทีวีอื่นๆได้พัฒนาจนเป็นสื่อมืออาชีพ เมื่อนั้นผู้บริโภคสื่อจะได้ประโยชน์สูงสุดคือความรู้ ความคิดที่เป็นสัจธรรมและการพัฒนาสติปัญญา 

แล้วอย่างรายการ  เจิมศักด์(หรือ เจิมสาก)  ช่อง 11  เป็นไงครับ ????

ปล่อยให้แกเพ้อเจ้อไปคนเดียวเถอะ      ไม่มีอะไร  มีแต่ทำตนเป้นเจ้าอิจฉาริษยา  แสดงคำพูดวาจาแห่งความอิจฉาริษยา อย่างร้อนแรง  อกจะแตก   เจิมสาก คอยแต่ให้ร้ายคน ๆ หนึ่งคนเดียว  ด่าคน ๆ หนึ่งคนเดียวเท่านั้น   เพราะอะไร  ...   คนก็สงสัยมานาน  บัดนี้  จึงรู้เหตุผลชัดเจนว่ากระทำไปเพราะสิ่งหนึ่งเท่านั้น คือแรงอิจฉาริษยา    ตนเองไหม้เกรียมทั้งตัวแล้ว เพราะไฟอิจฉาริษยา     

น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้...   ชีวิตก็ล่วงวัยไป ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   จะเอาแค่ด่าเขาข้างเดียวไปจนตายหรืออย่างไร?     ได้อะไร ?????   แก่ตน  และประเทศชาติ ?????

ดร.เจิมศักดิ์ น่ะหรือแกเข้าตำราคนตาบอดคลำช้างมองอะไรสุดโต่ง เห็นผิดเป็นถูก รวมทั้ง ดร.เสรีอีกคน แก 2 คนรู้ไหมนะว่ากำลังถูกความเครียด ความบ้าคลั่งเล่นงานทั้งคนอ่านข่าวและคนดูข่าวที่เชื่ออะไรง่ายๆ  นายสมเกียรติ  พงษ์ไพบูลย์ แกก็ป่วยไปแล้วคนหนึ่งต้องทำกายภาพบำบัดเพราะโรคอำมพฤกษ์ นี่คือผลแห่งความเครียดตกอยู่ภายใต้ความเกลียดชังอิจฉาริษยานานๆ อยากบอกว่าคนดูทีวีโดยเฉพาะปัญญาชนเขาไม่ชอบดูการโฆษณาชวนเชื่อ  แต่เขาชอบดูความคิดของนักปราชญ์นักคิดที่มีเหตุมีผลให้ความรู้ มีบุคลิกที่แสดงถึงจิตใจโอบอ้อมอารี มีความสุขุมเยือกเย็นเข้าใจความจริงของชีวิต เข้าใจสังคมและเพื่อนมนุษย์ เสียดายจังอุตส่าห์เป็นด็อกเตอร์ มีแต่ความเชื่อและอคติ แต่กึ๋นทางความรู้ไม่มี ถ้าแกศึกษาพระพุทธศาสนาแกจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวกท่านทำหน้าที่สื่อความรู้ความคิดที่เป็นจริงและเป็นธรรมไปยังมหาชนด้วยความสุขุมเยือกเย็น รอบรู้ เข้าใจเขา เขาใจเรา มีเมตตาธรรมและใจกว้าง คนที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนจำเป็นต้องศึกษาพุทธลักษณะให้มากเพื่อความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เคยเห็น ดร.หลายท่านที่มีลักษณะเช่นนี้ คนฟังฟังแล้วสบายใจ ได้ความรู้มีโลกทัศน์กว้างไกล ดร.เจิมศักดิ์ ดร.เสรี ดร.ปณิธาน และอีกหลาย ดร. ที่รับใช้ระบอบอำมาตย์ คุณจะไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดหรือ คุณไม่เสียดายโอกาสหรือที่ประมาทมัวเมาไม่สนใจศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ? 

ช่องหอยม่วงสัญลักษ์ใหม่  ก็คือโง่  คับแคบ  ท่องจำแบบนกขุนทองนกแก้ว     เพราะใคร.... เพราะ  หมากระเป๋า  และเพราะ เจิมสาก  ....  และกะเทย........

คณะโจ-หน่า แสดงละครข้าง ๆ ถนน  เขาต้องการที่เพียงนิดหน่อย    ..........  แต่ทางราชการไทย  และประชาชนกลับมองว่า   กระจอก.......  คนไทยไม่ยกย่องคนจนครับ ราชการไทยก็ไม่สนับสนุน    แม้จะดีขนาดไหน     สังเกตจากการเลือกตั้งแหละครับ    คนดีขนาดไหน ถ้าไม่มีเงินแจกบ้าง  ก็ยาก..  ประชาธิปไตยจึงไม่เจริญ    และ วิชาการ  จริยธรรม  อย่าง โจ หน่า  จึงยากจะได้รับการยอมรับจากคนไทยด้วยกัน    น่าเสียใจมาก ๆ     

กระจกเงา ว่าพระศรีสะเกษวัดหนึ่ง   ก็วัดป่าที่กันทรารมย์นั่นแหละครับ   ว่าปั้นรูปชูชกให้คนซื้อไปบูชา  ว่าจะรวย   .............   ก็พระปัญญาอ่อนน่ะ........  เห็นด้วย ๆ กับกระจกเงาจริง ๆ   .........  ทำไมคนจึงโง่นัก.  ก็เพราะพระโง่สอนสิ่งโง่ ๆ  ...