ReadyPlanet.com


เจ้าสำนักสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี โอนเงินสงฆ์เข้าบัญชีเมียเก่า 100 ล่านบาท ปาราชิกหรือเปล่า???


พระปราโมท ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โอนเงินวัดเข้าบัญชีแม่ชีวรนุชวัดเดียวกัน อดีตภริยาพระปราโมท  เป็นเงิน 100 ล้านบาท เมียมาบวชชีตั้งกุฎิอยู่ข้างกัน  จะอดไหวหรือ  ถึงจะอ้าวว่าตนสำเร็จโสดาบัน ก็ตาม   เรื่องนี้สะท้อนถึงอะไรในสังคมไทย   ... 



ผู้ตั้งกระทู้ บ.บึงมะลู :: วันที่ลงประกาศ 2010-09-18 20:45:27


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3248702)

สะท้อนถึงการเห่อ   ของคนไทย  สังคมไทย   เราหมายถึงประเด็นทางกฎหมาย   ทำไมต้องไปให้  DSI  ทำให้   ให้ตำรวจในสายงานปกติไม่ได้หรืออย่างไร  ?????  DSI  มันห่วยอยู่แล้ว  มันสองมาตรฐานก็รู้อยู่ 

ผู้แสดงความคิดเห็น แดง แท้แจ๋ วันที่ตอบ 2010-09-18 20:49:25


ความคิดเห็นที่ 2 (3248739)

 

...........นี่ละหนอ..อสรพิษ........ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับสาวก.......

ผู้แสดงความคิดเห็น ต.เต่าหลังตุง วันที่ตอบ 2010-09-19 01:34:58


ความคิดเห็นที่ 3 (3248908)

ก็เพราะ เหมือนกันมาก ๆ   ตรงที่มีเมียอยู่เบื้องหลังไง      รายแรกเมียกับเพชร     รายหลังเมียกับเงิน 100 ล้าน  

เชื่อถือไม่ได้......  พร้อมที่จะโกงกิน    ไปเจอพระ 100 ล้านเข้า ก็ไม่แน่หรอกนาย  โดนยัดเข้าปากจะว่าไง    ?  ผิดก็เป็นถูกได้   เฃ่นกรณีไม่ฟ้อง ทีพีไอ  นั่นไง .....

ที่อยากให้ดีเอสไอทำคดีนี้   ก็ด้วยเหตุผลนี้ละมั้ง    .......  พระ ที่น่าสงสัยว่า ปาราชิกไปแล้ว   ก็คงจะรอดคุก.....

ผู้แสดงความคิดเห็น แดง ดำรงธรรม วันที่ตอบ 2010-09-19 21:52:17


ความคิดเห็นที่ 4 (3248912)

ไปอ้างว่าตัวเป้นพระธรรมยุติ จับเงินไม่ได้  ต้องให้เมียจับแทน   นี่เสียหายถึงคณะธรรมยุติเขาเลย

ที่จริงธรรมยุติก็ใช่ว่าจะวิเศษอะไร   ก็เหมือนพระมหานิกายเรานี่แหละ  อ้างว่าจับเงินไม่ได้  แต่จริง ๆ ก็จับได้  หลังลับตาคน    ใช้เงินเป็นฟ่อน   แต่หลอกลวงประชาชนว่าใช้เงินไม่ได้ไม่เป็น     นี่คือการหลอกลวง ปลิ้นปล้อนเราดี ๆ นี่เอง  

ผู้แสดงความคิดเห็น จาด วันที่ตอบ 2010-09-19 21:58:28


ความคิดเห็นที่ 5 (3249588)

เป็นพระนักเทศ    เห็นทำหน้าตายิ้มแย้ม  หัวเราะ อย่างชื่นบาน  ดุจดังเด็กไร้เดียงสา     ... คงอยากให้คนคิดว่าเรานี่มีความสุขจริง ๆ  พ้นกิเลสตัณหาแล้ว....................หนอยแน่  เอาเมียมาบวชชีอยู่ข้าง ๆ กันนั่นเองเป็นแรมปีแรมเดือน    แล้วอย่างนนี้น่ะหรือ ????    จะรอดกิเลส........????

ไม่คิดดู   ภาวนาพุทโธ      ติดคุกกี่ปีแล้ว  เพราะรอดกิเลส  เลย   เสพกามแบบจิตว่าง..........ได้....เป็น  โสดาบัน      ฮี้  ..... 

ผู้แสดงความคิดเห็น จาด วันที่ตอบ 2010-09-21 09:43:25


ความคิดเห็นที่ 6 (3249593)

ตั้งแต่ DSI มายุ่งนี่  เงียบไปเลยนะครับ  ???   ช่วยวิสัชนาหน่อยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น บ.บึงมะลู วันที่ตอบ 2010-09-21 09:47:02


ความคิดเห็นที่ 7 (3249601)

DSI พร้อมรับใช้เจ้านายทุกอย่างครับผม.......(อธิบดีกรมการสืบสวนพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ครับผม)

ผู้แสดงความคิดเห็น จาด วันที่ตอบ 2010-09-21 09:51:32


ความคิดเห็นที่ 8 (3249607)

คงเข้ารวมพวกแล้วครับ   พวกรัฐบาลโจรปล้นประชาธิปไตย

ผู้แสดงความคิดเห็น จาด ประครองจิต วันที่ตอบ 2010-09-21 09:56:51


ความคิดเห็นที่ 9 (3252914)

ก็จริงใช่ไหม..... เห็นแล้ว   ดีเอสไอ  ออกรับแทนแล้ว    ว่าตึกแม่ชี อยู่คนละมุมกันเลยกับตึกเจ้าอาวาส อดีตผัวเก่า    แถมมีป่ามีรั้วกั้นด้วย... ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็สรุปว่า  ไม่อาจจะมาร่วมสัมพันธ์ทางเพศกันได้แบบที่คนคิด...............เพราะตึกอยู่ห่างกัน   มีป่ากั้น  มีรั้วกั้น  ....  พิโธ่.......

.......   งง.....  ทำไมสรุปออกมาได้อย่างนี้................??????

แสดงว่าอ่านหนังสือน้อยไปหน่อย   คับแคบ    ห่างไกลจากสัจธรรม..............พวกมันสมองลิง  หรือ มนุษย์วานรยุค 1.8 ล้านปีอีกคนหนึ่ง  .

 

ไม่เคยดูหนังเลยหรือไง??????  ไม่เคยฟังเพลงไทยเลยหรือไง   ...  เพลงฝรั่งก็ได้....  เพลงชาติไหน ๆ ก็ได้....   ที่เนื้อร้องมีว่า   แม้กระทั่งฟ้าก็ไม่อาจจะกั้น......

แค่รั้วกั้นแค่นี้   จะกั้นโคถึกได้อย่างไร   .....  

 

ล้นเกล้า ร.6 นิพนธ์ไว้ใน  ตำนานดอกกุหลาบ  ไม่เคยอ่านเลยหรือ....    เป็นตำนานรักอมตะ   ตอนที่ว่าด้วยโคถึก   ว่าดังนี้

 

 ความรักเหมือนโคถึก      กำลังคึกหากขังไว้

ก็โลดออกจากคอกไป     บ่มิอยู่ในที่ขัง

ความรักเหมือนโรคา   บันดาลตาให้มืดมน

บ่ยินและบ่ยล              อุปสรรคใดใด

 

เห็นสัจธรรมแล้วยัง      ยันตระ อมโร  ยังเขียนไว้เลย  ดังไปถึงบ้านนอก.....ว่า   สตรีคือหลุมฝังศพของนักบวช.....   และฝังยันตระเองเป็นรายแรก ๆ      ธาริต เพ็งดิษฐ์ เคยรู้เรื่องบ้างหรือเปล่า ????

 

ส่วนรายนี้  ไม่ทราบสมญาตัวเองว่า  ปาโมช  ปาโมชโชภิกขุ หรือเปล่า   ก็เคยมีเมียก่อนบวช    พอเป็นพระรวย ก็เอาเมียมาบวชด้วย   ก็คงจะอ้างว่าเข้าฌานได้ชั้นสูง  เป็นโสดาบันแล้ว   ตอนดึก ๆ ไม่มีคน ก็เข้าฌานออกเดินจงกรมในฌานไปยังกุฎิสีกา.....  ทำอะไร ๆ ๆ เสร็จ  ก็เดินจงกรมกลับ   ........   ก็บอกลูกศิษย์ ๆ ว่าปฏิบัติธรรมชั้นสูง   ...   ทุกคืน ๆ   ศิษย์โง่ ๆ  ก็เชื่อ     เท่านั้นเอง.......  วงการนักปฏิบัติธรรมมีอยู่เท่านี้เองแหละทุกวันนี้    

 

สิ่งที่นักบวชแสวงหาไม่ใช่ธรรม    แต่ กาม  กิน   เกียรต์   (ท่านพุทธทาสภิกขุออกวาทะ  กาม กิน เกียรติ เอาไว้)  .....

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จาด ประครองจิต วันที่ตอบ 2010-09-28 10:01:45


ความคิดเห็นที่ 10 (3252973)

ถามว่า  ปาราชิกไหม?   ไม่มีหลักฐาน   สมัยก่อนให้ไปถามพระผู้ใหญ่ ๆ ว่าอย่างไร  ท่านว่าปาราชิกก็ปาราชิก 

แต่สมัยก่อน พระท่านมีหิริโอตตัปปะ มาก  พอผิดท่านก็จัดการลงโทษตัวเอง    สมัยนี้ เพราะเหตุที่หิริโอตตัปปะเจือจางไปในหมู่นักบวชพุทธ   ไม่มีหรอกที่จะละอายใจตนเอง หรือกลัวบาปด้วยตนเอง  ลาสิกขาไปเสียเอง   ขนาดไล่ยังไม่ยอมไป.....

ผู้แสดงความคิดเห็น แดง ดำรงธรรม วันที่ตอบ 2010-09-28 13:40:35


ความคิดเห็นที่ 11 (3253488)

มีเรื่องหลวงพ่อเกจิอาจารย์มรณภาพในท่านั่งสมาธิ  ขนาดโยมหามออกมายังนั่งอยู่เลย  นี่สิน่าเลื่อมใส   แต่น่าคิดว่า ท่านอาจจะยังไม่มรณภาพก็ได้   เคยเห็นแบบนี้ที่โคราช  แล้วท่านฟื้นขึ้นมา  อาจจะเป็นอย่างนั้นได้หรือไม่  ?   จะรู้ได้อย่างไรว่าท่านมรณภาพไปจริง ๆ   ?

ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-10-01 20:04:53


ความคิดเห็นที่ 12 (3253515)

หลวงพ่อขวัญดี ปิยสีโล เกจิอาจารย์ดังของ จ.พิษณุโลก มรณภาพในท่านั่งสมาธิ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2553  มรณะแล้วยังนั่งสมาธิอยู่  คนหามออกมาในท่านั่งสมาธิ     มีคนเป็นห่วงว่าท่านอาจจะยังไม่มรณะก็ได้  ไม่ควรจะเผาศพท่านไปก่อน   เคยมีปรากฎว่าพระเกจิท่านกลับคืนมาได้ภายหลังมรณะไป     

ผู้แสดงความคิดเห็น บัณฑิต พิมพ์โพธิ์ วันที่ตอบ 2010-10-02 08:20:30


ความคิดเห็นที่ 13 (3253581)

ขอให้ บก.ตอบด้วยนะครับ  คนนก

ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-10-02 19:53:39


ความคิดเห็นที่ 14 (3253625)

กรณีปาราชิกมีดังนี้ครับ  ผมลอกมาจากกระทู้ศอฉ.มีอำนาจจับพระสึกได้จริงหรือ? 

นั่นก็คือ  ปาราชิก 4

1   อนึ่งภิกษุใด ถึงพร้อมด้วยสิกขาสาชีพของภิกษุทั้งหลายแล้วไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง  เสพเมถุนธรรม  โดยที่สุดแม้ในสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้"

ทางรูปธรรมก็คือ   พระสงฆ์นั้น  ได้กระทำผิดปฐมปาราชิกหรือไม่   ได้พบว่าท่านมาชุมนุมแล้วเสพเมถุนธรรมกับสตรี หรือ สัตว์ตัวเมียหรือไม่   หากมีความจริงเช่นนี้  ก็ย่อมบังคับให้ท่านลาผ้าเหลือง-กาสาวพัสตร์ไปได้เลยโดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

2     อนึ่ง  ภิกษุใด  ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้   ด้วยส่วนแห่งความเป็นโขมย  จากบ้านก็ดี  จากป่าก็ดี  พระราชาทั้งหลายจับโจรได้แล้ว  ประหารเสียบ้าง  จองจำไว้บ้าง  เนรเทศเสียบ้าง  ด้วยบริภาษว่า  เจ้าเป็นโจร  เจ้าเป็นคนพาล  เจ้าเป็นคนหลง  เจ้าเป็นโขมย  ดังนี้   ในเพราะถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานใด  ภิกษุถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานนั้น   แม้ภิกษุนี้  ก็เป็นปาราชิก  หาสังวาสมิได้"

ทางรูปธรรมก็คือ  พระสงฆ์นั้น  ได้ทำการลักโขมยหรือไม่ และเข้าของที่ถูกโขมยมีค่าเกิน 5 มาสกหรือไม่ ?  ในขณะเกิดการปิดล้อมสลายชุมนุม พระสงฆ์ท่านถือโอกาสหยิบฉวยเข้าของตามร้านสรรพสินค้าไปบ้างหรือไม่ ? เอารถขนเข้าของคนอื่นไปหรือไม่ ?   หากพบว่าท่านได้ประพฤติเช่นนั้น  ย่อมอาจจับกุมและบังคับให้ลาสิกขาได้

 

3.    อนึ่ง  ภิกษุใดจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต  หรือแสวงหาศัสตราวุธอันจะปลิดชีวิตให้แก่กายมนุษย์นั้น  หรือพรรณนาคุณแห่งความตาย  หรือชักชวนเพื่ออันตายด้วยคำว่า  แน่ะนายผู้เป็นชาย  จะประโยชน์อะไรแก่ท่าน  ด้วยชีวิตอันแสนลำบากยากแค้นนี้  ท่านตายเสียดีกว่าเป็นอยู่อย่างนี้    เธอมีจิตอย่างนี้ มีใจอย่างนี้  มีความหมายหลายอย่าง อย่างนี้พรรณนาคุณในความตายก็ดี  ชักชวนเพื่ออันตายก็ดี  โดยหลายนัย  แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก  หาสังวาสมิได้"

ทางรูปธรรมของข้อนี้ มี

3.1     จงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต      พบพระสงฆ์ที่มาชุมนุมฆ่าคนใดคนหนึ่งบ้างหรือ?    เห็นท่านประทับปืนเล็งยิงทหารหรือเปล่า????     ถ้าพบ มีความจริงเช่นนั้นก็ให้สึกท่านได้เลย

3.2      แสวงหาศัสตราวุธอันจะปลิดชีวิตให้แก่กายมนุษย์นั้น     พบท่านสะสมอาวุธ  เตรียมซุ่มซ่อนคิดการใช้อาวุธหรือไม่?   เห็นขนส่งสพายปืน หรืออาวุธสงครามเพื่อส่งบำรุงแด่ผู้ก่อการร้ายหรือไม่          ถ้าพบความจริงนี้  ก็สามารถสึกท่านได้โดยพลัน  

3.3      กล่าวชักชวนให้ฆ่าตัวตาย  ด้วยการโน้มน่าวว่า  ด้วยชีวิตอันแสนลำบากยากแค้นนี้  อยู่ทำไมไม่มีความสุข ตายไปมีความสุขกว่า    ท่านได้พบมีพระสงฆ์รูปไหนชักชวนเช่นนี้ ให้เสื้อแดงตายเสียดีกว่าหยู่หรือไม่        ถ้ามีความจริงนี้ ก็สามารถจับสึกท่านได้พลัน  

    

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อำนาจ มังคลา วันที่ตอบ 2010-06-10 17:13:15

 
ความเห็นที่ 9 (3204320)
แจ้งลบความคิดเห็น

 

4     อนึ่ง ภิกษุใดไม่รู้เฉพาะกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความรู้ความเห็นอย่างประเสริฐ  อย่างสามารถ น้อมเข้ามาในตนว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้  ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น   อันผู้ใดผู้หนึ่งถือเอาตามก็ตาม  ไม่ถือเอาตาม ก็ตาม  เป็นรอันต้องอาบัติแล้ว   มุ่งความหมดจด  จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า  แน่ะท่าน  ข้าพเจ้าไม่รู้อย่างนั้น   ได้กล่าวว่ารู้  ไม่เห็นอย่างนั้น ได้กล่าวว่าเห็น   ได้พูดพล่อย ๆ เป็นเท็จเปล่า ๆ  เว้นไว้แต่สำคัญว่าได้บรรลุ   แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก   หาสังวาสมิได้"

ทางรูปธรรมก็คือ   ในที่ชุมนุมของหมู่สงฆ์เอง  ของประชาชนเสื้อแดงก็ดี  ได้มีพระสงฆ์รูปใดกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมขึ้นหรือไม่   มีเจตนากล่าวอวดเพื่อปลุกใจเสื้อแดงให้ฮึกเหิม ที่จะกระทำการก่อการร้ายหรือไม่     หากได้พบความจริงเช่นนั้น เว้นแต่ภิกษุกล่าวด้วยความเข้าใจตนเองผิด  ก็สามารถจับสละผ้าเหลืองอันเป็นกาสาวพัสตร์ได้  

 

ข้อสรุปก็คือ  หากพระสงฆ์ท่านกระทำผิดพระธรรมวินัยข้อปาราชิกนี้ ข้อหนึ่งข้อใดก็ตาม   ก็จะพลอยไปผิดกฎหมายอาญา ตามมาตรา 29 ไปด้วย    แต่ความผิดตามมาตรา 29  ไม่ได้ให้น้ำหนักเอาไว้ว่า จำเป็นต้องถึงให้ลาสิกขา   มีหนัก เบา  ตามลักษณะการกระทำผิด    หากความผิดอาญานั้นร้ายแรงถึงขั้น  ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิต  เช่นนี้  ความผิดย่อมร้ายแรง ถึงปาราชิกตามข้อ 3  ตติยปาราชิก   นั่นหมายถึงขาดจากความเป็ฯภิกษุไปโดยอัตโนมัติ  และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองก็ไม่จำเป็นต้องจัดดำเนินการให้สละสมณเพศแต่อย่างไร        แต่หากท่านมีความผิดนิดหน่อย  เช่นผิด พรบ.กฎจราจร   ก็ย่อมไม่ถึงขั้นต้องลาสิกขา   เป็นต้น    การที่จะบังคับให้พระสงฆ์ลาสิกขา  จึงกระทำไม่ได้เว้นแต่ต้องนิคหกรรมตามธรรมวินัยขั้นปาราชิก     เท่านั้น  

การที่ ศอฉ.จับกุมพระสงฆ์ไปทำการบังคับให้ลาสิกขา   จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม   จึงควรจะเร่งพิจารณาปลดปล่อยพระสงฆ์ที่ต้องจำคุก  กักขัง  หรือขังอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ  โดยเร่งด่วน 

และมิฉะนั้น  ย่อมอาจมีผิดตามกฎหมายอาญาแผ่นดิน ข้อที่ว่าด้วยการกักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียเสรีภาพ  และยังมีความผิดตาม พรบ.คณะสงฆ์ มาตรา 44 ตรี  " ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์หรือคณะสงฆ์อื่นอันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยก  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

  

ผู้แสดงความคิดเห็น อำนาจ มังคลา วันที่ตอบ 2010-06-10 18:41:02

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2010-10-03 10:42:44


ความคิดเห็นที่ 15 (3254573)

มีคำถามเข้ามายัง บก. ขอให้ บก.ตอบว่า

 

มีเรื่องหลวงพ่อเกจิอาจารย์มรณภาพในท่านั่งสมาธิ  ขนาดโยมหามออกมายังนั่งอยู่เลย  นี่สิน่าเลื่อมใส   แต่น่าคิดว่า ท่านอาจจะยังไม่มรณภาพก็ได้   เคยเห็นแบบนี้ที่โคราช  แล้วท่านฟื้นขึ้นมา  อาจจะเป็นอย่างนั้นได้หรือไม่  ?   จะรู้ได้อย่างไรว่าท่านมรณภาพไปจริง ๆ   ?

 

ตอบ   โดยปกติสมาธิมี 3 ระดับ  1. ระดับคณิกะสมาธิ  ยังไง ๆ ก็นั่งตายไม่ได้  ถ้าตาย ล้ม   2.  อุปจาระสมาธิ  ก็ยังไม่อาจจะนั่งทรงตัวอยู่ได้   จึงแสดงว่าท่านได้สมาธิระดับที่ 3 คือ ระดับอัปปนา     อันเป็นระดับสูงสุดของสมาธิ      แต่อย่างไรก็ตามการตายของพระผู้เก่งทางสมาธิ  หรือ ฌาน  น่าจะบอกให้รู้ที่ ปราณ   หากปราณยังเดินอยู่ ก็แสดงว่ายังไม่ตาย   แม้เข้าฌานถึงระดับ นิโรธสมาบัติ  นิ่งไปหมด  แต่ปราณก็ยังคงต้องเดินอยู่อย่างเงียบกริบ    อันนี้หมอเขาจะรู้  วัดได้  เหมือนวัดคนธรรมดานี่เอง   เมื่อพบว่าปราณ หรือลมหายใจหมดลง  ไม่เดินก็สรุปได้ว่าตายไปแล้ว    แต่ถ้าปราณยังเดินอยู่  จะต้องตรวจจสอบให้ได้ว่าปราณเดินอยู่ เพราะเมื่อพระเข้าสมาบัติปราณแทบว่าจะหยุดเดิน  เดินเบามากจนแทบผู้อื่นสังเกตไม่ได้ แต่ตัวท่านเองจะรู้ สัมผัสอยู่ว่าปราณยังเดินอยู่   และด้วยเหตุที่ท่านรู้อยู่  ท่านจึงอาจจะกำหนดได้   ว่าจะตายแล้วนะ  ก็หยุดปราณเสีย   ก็ไปเลย 

หรืออาจเป็นไปได้เช่นกัน เมื่อท่านรู้ว่าสังขารไปไม่ไหวจริง ๆ แล้ว   ก็ปล่อยให้ปราณค่อย ๆ หมดไป และหมดลงอย่างสนิท ในท่านั่งสมาธินั่นเอง    ในเมื่อท่านไม่อยากกลับมีชีวิตอีก....

 

อย่างไรก็ตาม  นี่ใช่ว่าเป็นวิสัยของพระผู้ได้สมาธิชั้นสูง   บางท่านก็ไม่อยากแสดง   ท่านก็ไม่แสดง   ที่อยากแสดง จึงแสดง  เช่นหลวงพ่อเกจิอาจารย์ท่านนี้    หมายความว่าชาวพุทธไม่พึงไปเข้าใจตายตัวว่า พระเก่งต้องเป้ฯอย่างนี้   ไม่ใช่  เช่นพระอรหันต์ส่วนมากยุคพระพุทธเจ้า  ท่านก็ไม่ได้นั่งสมาธินิพพาน  แม้องค์พระบรมศาสดาเอง ท่านก็ไม่ได้นั่งนิพพาน   ........   มันมีเหตุผล.....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บก. (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-09 18:10:08


ความคิดเห็นที่ 16 (3254577)

เข้าใจครับ  ขอบพระคุณครับ   คนนก

ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-10-09 18:24:32


ความคิดเห็นที่ 17 (3254578)

ขอความรู้ไปอีกหน่อยเถอะครับ  สมาธิ กับ ฌาน ต่างหรือเหมือนกันอย่างไรครับ ?

ผู้แสดงความคิดเห็น บัณฑิต พิมพ์โพธิ์ วันที่ตอบ 2010-10-09 18:36:37


ความคิดเห็นที่ 18 (3255879)

เหมือนกัน  ในแง่ที่ว่าทั้งสมาธิและฌาน เป็นอะไรที่อยู่ยอด ๆ 

ส่วนข้อแตกต่าง  ก็มี

คือ  ฌาน เป็นการต่อยอดไปจากยอดสมาธิ  1     หรือเป็นยอดใหม่ 1

อุปมาเหมือนเกษตรกรสมัยนี้ รู้จักต่อยอดต้นไม้นั่นแหละ    และ ในต้นเดียวกันก็อาจจะมีทั้งยอดเก่าและยอดใหม่  

ผู้แสดงความคิดเห็น บก. (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-19 04:03:32


ความคิดเห็นที่ 19 (3257127)

ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรครับผม..... กรุณาต่ออีกนิดซีครับ... 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัณฑิต พิมพ์โพธิ์ วันที่ตอบ 2010-10-28 21:29:54


ความคิดเห็นที่ 20 (3257241)

คำถามของ บัณฑิต  คล้ายจะระบุอยู่แล้วว่า  ท่านได้เข้าใจความหมายของสมาธิ และ ฌาน ดีอยู่ส่วนหนึ่ง ที่เป้นความเข้าใจทั่วไปอยู่แล้ว  ท่านถามถึงประเด็นที่แตกต่างของ สมาธิ กับ ฌาน  ........... ที่เหมือนกัน ของสมาธิและ ฌาน  .........  

ผู้แสดงความคิดเห็น บก. (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-29 19:49:43


ความคิดเห็นที่ 21 (3258680)

ในเวบไซต์นี้  ท่านสามารถอ่านศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมได้ทุกระดับชั้นนะครับ  ลองติดตามจาก นสพ.ดี และขณะนี้ จาก  "ศึกษาโลกลี้ลับ" ซึ่งใหม่สุดถึงตอนที่ 23 แล้ว 

มาศึกษาไปด้วยกันนะครับ.......

ผู้แสดงความคิดเห็น บก. (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-10 16:09:00



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.