ReadyPlanet.com


ปัญหาประชาธิปไตยไทยคือปัญหาการสื่อสารมวลชน หนังสือพิมพเป้นต้นของปัญหาอันดับ 1 ?


ในด้านบุคคล ภาวะผู้นำของสังคมไทย ไร้อุดมการณ์ โลโภโมหันต์ ตะกละเห็นแก่ตัว มุ่งผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่คิดการอย่างมีอุตสาหะ สุจริตตามวิชาชีพ แต่หาช่องทางการกอบโกยจากสถานการณ์ ไม่คำนึงหลัก หลักของประเทศ หลักของประชาชน และหลักความมั่นคงที่แท้จริงของตนเองและครอบครัว ลูกหลาน มองด้วยสายตาชั่วครู่



ผู้ตั้งกระทู้ ปภัทร ภูธราธิปติ :: วันที่ลงประกาศ 2011-08-23 08:35:26


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3305237)

    หนังสือพิมพ์ทำตัวเหมือนหมาครับ  เรียกตามหลักวิชาการว่า  watch dog ครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น จิตติโชติ วันที่ตอบ 2011-08-27 13:33:01


ความคิดเห็นที่ 2 (3305330)

คิดดูดี ๆ  หรือใช้หัวการวิจัยหน่อยจะพบจริง ๆ ว่าสาเหตุประชาะปไตยไทยสับสน  ไม่ก้าวหน้า มาจากสาเหตุนี้จริง ๆ    คือปัญหาหนังสือพิมพ์ 

 

การบริหารงานหนังสือพิมพ์ บริหารงานไปอย่างเห็นแก่ตัว ขาดภาวะผู้นำของสังคมไทย ไร้อุดมการณ์ โลโภโมหันต์ ตะกละเห็นแก่ตัว มุ่งผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่คิดการอย่างมีอุตสาหะ สุจริตตามวิชาชีพ แต่หาช่องทางการกอบโกยจากสถานการณ์ ไม่คำนึงหลัก หลักของประเทศ หลักของประชาชน และหลักความมั่นคงที่แท้จริงของตนเองและครอบครัว ลูกหลาน มองด้วยสายตาชั่วครู่

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปภัทร วันที่ตอบ 2011-08-29 08:43:27


ความคิดเห็นที่ 3 (3305334)

ครับ คุณปภัทร  คุณจิตตโชติ       ในหนังสือพิมพ์ มีหมาหลายชนิด  หลายพันธ์   .........    เจ้าของเขาเลี้ยงไว้หมด  รอไว้สำหรับโอกาสต่าง ๆ ที่จะใช้มันเห่าหอนอะไร ให้คนตื่น  พวกเขาเลี้ยงหมาไว้เพื่อสร้างกระแสสังคม แรงวเท่าไรยิ่งดี  เพราะนั่นเป็นโอกาสทำเงินทำทองของเขา    เป็นการเห็นแก่ตัวสถานเดียว        โดยไม่คำนึงอุดมการณ์ของสังคม ที่สังคมกำลังร่วมกันสร้างสรรค์เลย

 

แล้วคุณดูความจริงว่า  สื่ออื่น ๆ นับแต่สื่อโทรทัศน์   มีโทรทัศน์ช่องไหนที่ไม่เอาข่าวหนังสือพิมพ์ไปกระจายต่อ   เช้า ๆ เราจะเห็นโทรทัศน์ทุกช่องกางหนังสือพิมพ์ ทุกฉบับ (แค่ฉบับละ 10 บาท) กระจายข่าวตามหนังสือพิมพ์ไปทุก ๆ ช่อง     ..........     ทุกวัน ๆ  โดยไม่คำนึงสาระสำคัญเช่นเดียวกัน    นี่คือความสำคัญของหนังสือพิมพ์  ในฐานะที่เป็นต้นตอของปัญหาทางการสื่อสารสาระอันสำคัญ อันเป็นอุดมการณ์ของประชาธิปไตยของมวลชน 

 

แล้วในสถานการณ์แห่งความขัดแย้งของสังคม  ขนาดรุนแรงเช่น 19 พ.ค. 2553  หนังสือพิมพ์ก็ปล่อยหมาหลายพันธ์ หลายพวกออกมาเห่า...........บางตัวก็เห่าเข้าข้างเผด็จการ  บางตัวก็เห่าเข้าข้างเชิร์ตแดง  อีกหลาย ๆ ตัวก็เห่าไปรอบทิศ.... ในหนังสือพิมพ์ฉบับเดียว  มีแทบทุกอย่างมีทั้งเรื่องที่เลว ๆ ไปสุด ๆ  เขาก็เอามาเสนอ   ..............   โอกาสหาเงิน กอบโกยของหนังสือพิมพ์   .......(เขาขายข่าว  ขายความเห็นที่ตรงใจใคร ๆ ทั้งหมด    เขาเอาใจ..เข้าข้าง..แม้กระทั่งพวกคนชั่วที่ทำอะไรเลวทรามในสังคม   อย่างเช่นที่เขามักลงท้ายเรื่องเลว ๆ  คนเลว ๆ ว่า   ก็น่าเห็นใจ  ...เป็นต้น) 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-08-29 09:11:09


ความคิดเห็นที่ 4 (3305336)

อย่างเช่น   หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ   น่ะครับ  ผมก็เห็นเหมือนกัน     อย่าคิดว่าเขาเชียร์ประชาธิปไตยนะ   เขาเชียรทุกฝ่าย โลภ คิดเพียงกอบโกยเงิน  ขณะนี้ก็มีนัยยะของการเชียรเผด็จการ  แม้กระแสแรงออกมาเชียร์ประชาธิปไตย   เขาขายข่าวครับ  เป็นนกสองหัว เข้าทั้ง 2 ข้าง  หากินกับทุกฝ่าย  เสนอข่าวทุกฝ่าย  ยกย่องทุกฝ่าย แม้กระทั่งโจร (เพื่อขายข่าวได้ทุกฝ่าย)  แม้โดยวิธีสกปรก มูมมาม ที่ทำลายอุดมการณ์ประชาธิปไตย

 

เมื่อคุณพูดถึง  หมาเฝ้าบ้านนะครับ     แล้วที่ร้องกันในวันที่ 5 มี.ค. วันนักข่าว ล่ะครับ    นกน้อยอยู่ในไร่ส้ม   นั่นน่ะ  นัยยะ ความหมายคืออะไร ??

ผู้แสดงความคิดเห็น บรรทัดทอง สุวรรณเมาลี วันที่ตอบ 2011-08-29 09:33:12


ความคิดเห็นที่ 5 (3305338)

ในสถานการณ์สงบ  พวกนี้จะขายข่าวไม่ค่อยออก จะจนลง    ก็จะพยายามปั่นข่าว  สร้างข่าวความขัดแย้งที่นั่นที่นี่   และสุดยอดความขัดแย้งก็คือ  รัฐบาลกับฝ่ายค้าน ..........เพื่อจะได้ขายหนังสือพิมพ์ได้  ทำมาหากินต่อไป ...

 

คุณคอยดูได้เลย      อีกหน่อยพวกนี้จะค่อยมอง ๆ   เรื่องรัฐบาลกับฝ่ายค้านนี่แหละครับ    ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเรื่องขัดแย้งอะไรเลย  แต่พวกนี้จะเป็นตัวการเสียเอง   นั่นคือใช้ กลยุทธสร้างความขัดแย้ง ประการต่าง ๆ    นับแต่อ้างข่าวจากวงใน .....  แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้แจ้งว่า......      เป็นต้น 

 

ส่วนพวกนกน้อยในไร่ส้มนี่   นี่แหละครับพวกสมุนน้อย ๆ  ที่คอยรับคำสั่งให้ไปเสาะหาเรื่องราวความขัดแย้งต่าง ๆ  มา  หรือให้ไปปั้นข่าวมา    พวกนกน้อยนี่เป็นพวกแรงงานครับ   พอ ๆ กับพวกหมา ๆ     ไม่มีอำนาจอะไร   เขาใช้ให้ไปทำอะไรก็ต้องไป..เขาบอกให้เห่าก็เห่า......(ซึ่งจริง ๆ พวกเขาก็คือ  นักหนังสือพิมพ์  ผู้มีฐานันดร์ศักดิ์ อันสูงส่ง....ในอังกฤษครับ ไม่ใช่ไทย อังกฤษเคยยกย่องว่าเป็น  The Fourth Estae  ฐานันดรศักดิ์ที่ 4 ) พวกมีอำนาจคือระดับบริหาร  รวมไปถึงนายทุนเจ้าของหนังสือพิมพ์นั่นเอง   .....  ปัญหาที่เล่ามานี้เป็นปัญหาระดับนโยบาย   .........  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-08-29 09:50:41


ความคิดเห็นที่ 6 (3305346)

แล้ว  หมากระเป๋า ล่ะครับ   เคยได้ยินเขาพูดกันอยู่ระยะหนึ่งช่วงรัฐบาลที่แล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น บรรทัดทอง วันที่ตอบ 2011-08-29 10:02:28


ความคิดเห็นที่ 7 (3305739)

หมากระเป๋า นี่ทางแกนนำเชิรตแดงเขาให้สมญาแด่ รมว.สำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ยุครัฐบาลเด็กอภิสิทธิ์ ที่พอได้เป็นรมต.ก็เข้าคุมสื่อโทรทัศน์สายหลักโดยเฉพาะช่อง 11 เปลี่ยนมาเป็นหอยม่วง  ยังมีบทบาทใช้เครื่องดูดโทรทัศน์เสื้อแดง และทั้งควบคุมสื่อเสื้อแดงอย่างเคร่งครัด   เสื้อแดงจึงให้สมญา และโดยที่ท่านเป้นคนตัวเล็ก ป้อม ๆ  รมว.สาธิต วงศ์หนองเตย จึงให้สมญาว่า  หมากระเป๋า  ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแดง วันที่ตอบ 2011-09-01 13:56:42


ความคิดเห็นที่ 8 (3306150)

ประเด็นอยู่ไหน ?  

 

คุณกำลังคิดว่า  พวกหนังสือพิมพ์นี่  ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก  หมาเฝ้าบ้าน   กับพวก  นกน้อยในไร่ส้ม   นั่นคือข้อสรุปหรือเปล่า ?

 

 

มาทบทวนใหม่อีกที

หมาเฝ้าบ้าน  ทางอังกฤษ เขาสรุปไว้  หลักวิชาใน  Introduction to Journalism  ว่าไว้  ไม่ได้ดูถูกอะไร เขาว่าอย่างนั้นว่ามีหน้าที่เห่า  แค่เห่า ผมไม่แน่ใจว่ามี  ed  หรือเปล่าตรงท้าย watch      watch หรือ watched  (ผมไม่อยากอ้างด๊อกเจิมสาก ที่แกตั้งบริษัทแกว่า บริษัท วอทช์ด๊อก จำกัด โฆษณาแบบชวนเชื่อตามก้นเจ๊กลิ้ม)  ตามหลักไวยากรณ์อังกฤษก็ต้องทำให้เป็นคุณศัพท์ด้วยการทำกริยาให้เป็นช่องที่ 3 ก็ต้องเติม  ed จริงไหมครับ  แต่ผมชอบแบบอเมริกา เร็วดี  ผมจึงชอบเพียงคำว่า  watch dog  ก็พอ ได้ความหมาย  เห็นด้วยไหมครับ (กำลังจะหลงประเด็นไปอีกหรือเปล่า)

ส่วนนกน้อยในไร่ส้ม  ก็พวกไทยเองเรียกตัวเอง   ร้องกันอย่างมัน สนุก ในวันนักข่าว ทุกปี ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   ตัวเองสมัครเป็นเพียงนกน้อยในไร่ส้ม     ก็แค่นกกระจิบ  กระจอก    ทำอะไรได้ แค่หากิน ร้องเพลงไปวัน ๆ   เจอพายุก็ไหลไปตามพายุ  ไม่เป้ฯตัวของตัวเอง

 

ทีนี้คุณว่า  เป็นได้แค่หมา  แค่นกกระจิบ  มันเป็นได้แค่นี้  เป็นกว่านี้ไม่ได้    คุณสรุปอย่างนี้ใช่ไหม ?

ผู้แสดงความคิดเห็น จิตติโชติ วันที่ตอบ 2011-09-06 09:20:35


ความคิดเห็นที่ 9 (3306355)

ใช่    สำหรับเมืองไทย  

 

ผมจะให้คุณดู นสพ.ไทยรัฐวันนี้  วันที่ 8 ก.ย.2554 เอาแค่ 2 ข่าว

พาดหัวข่าว1  :            ถวิลสมช.-สู้ตาย
                               รัฐรังแก
                               ย้ายไม่เป็นธรรม
พาดหัวข่าวรอง  :           ประกาศจะร้องทุกข์ต่อกพค.
                               เตรียมฟ้องศาลปกครองด้วย
                               ยิ่งลักษณ์-โกวิทโบ้ยให้เหลิม

 

พาดหัวข่าว2   :              แผนเยือนประเทศแรก
                                   ปู - ซบเขมร
พาดหัวข่าวรอง  :             ส่วยชัย ชิดชอบโผล่เสนอนิรโทษทักษิณ
                               

         

พาดหัวข่าว3   :             จำคุก3สปายเขมร
                                   ลอบหาพิกัดทหาร
                                   ชายแดนศรีสะเกษ
 

จะเห็นว่า นสพ.ไทยรัฐ มีความชำนาญในการหาข่าวเชิงขัดแย้ง และชำนาญในการปั้นถ้อยคำพาดหัวข่าว ให้มองเห็นหรือสัมผัสความขัดแย้ง  ซึ่งมักจะเกินข้อเท็จจริงในเนื้อข่าวเสมอ  หรืออีกนัยหนึ่ง  พาดหัวข่าวกับเนื้อข่าวไม่เสมอกัน   ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่อขายข่าว   ใส่สี ตีไข่   นั่นเอง  ................  แล้ว ทีวีก็เอาไปขยาย กระพือต่อไปอีกทอดหนึ่ง  

พาดหัวข่าวแรก      มีความจริงเพียงใด ?

พาดหัวข่าว2     ทำไมจึงใช้คำว่าซบ     ปู-ซบเขมร    เป็นเชิงดูแคลนอย่างมีเจตนาเพื่อเรียกร้องคนอ่าน หากินแบบสกปรก โดยไม่คำนึงเกียรต์ศักดิ์ศรีของสถาบันไทย

   

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-09-07 21:02:07


ความคิดเห็นที่ 10 (3306362)

ทำไมหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจึงไยไพศักดิ์ศรีของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก  อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน ผู้ต่อสู้และรักประชาธิปไตยได้เพียงนี้  ด้วยการพาดหัวข่าวออกไปว่า  ปู-ซบเขมร   คำว่าซบ    ความหมาย.....เอาหน้าฟุบแนบลงไป (พจนานุกรมฯหน้า375)  ในความหมายยอมเป็นลูกน้อง  หรืองอนง้อขอเอาจากผู้ที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า......  

อีกอย่างหนึ่งก็พลอยดูแคลนมิตรประเทศไทยด้วย   กัมพูชามีชื่อเป็นทางการว่า  ราชอาณาจักรกัมพูชา  Kingdom of Cambodia  ไม่ใช่เขมร   

สรุป   หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ถึงกับขายศักดิ์ศรีผผู้นำของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เพราะโลภ เห็นแก่จะขายข่าว โลโภโมหัน  อย่างที่พูดเลย       มาคิดดู ไทยรัฐก็คงคิดเอาใจประชาชนฝ่ายที่ผิดหวังจากการเลือกตั้ง พวกที่ตรงข้ามประชาชนแดงและฝ่ายรัฐบาลนั่นเอง  แกเห็นแล้วว่ามีประชาชน ฝ่ายหนึ่ง ที่แพ้การเลือกตั้ง และทั้งเป็นฝ่ายที่ชังกัมพูชาอีกด้วย  เมื่อพาดหัวข่าวเอาใจหน่อย ก็จะทำให้สินค้านี้ตีตลาดขายได้มากขึ้น .................นี่แหละครับ  หนังสือพิมพ์มีแค่นี้  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้  

ผู้แสดงความคิดเห็น จิตติโชติ ไพรภักดี วันที่ตอบ 2011-09-07 22:38:50


ความคิดเห็นที่ 11 (3306381)

เราไม่ได้พูดถึงหนังสือพิมพ์โฆษณาชวนเชื่อนะครับ   เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอก คนก็รู้อยู่แล้ว

แต่สิ่งที่สับสนก็คือ

 

หนังสือพิมพ์ไทยทั่วไป มีปกติสนใจข่าวหรือเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้ง  นี่เป็นสิ่งปกติ   มีความชอบธรรมที่จะทำได้  ที่จะเอาไปขาย ทำมาหาเลี้ยงชีพ  ในฐานะ นักขายข่าว ได้อยู่แล้ว

 

แต่การที่หนังสือพิมพ์ไปใส่สีตีข่าว หรือบิดเบือนเรื่องราว หรือปรุงเรื่องที่ไม่มีความขัดแย้งเลย ให้เป็นเรื่องที่มีความขัดแย้ง   หรือเรื่องที่มีความขัดแย้งเล็กน้อย ให้เป็นความขัดแย้งขนาดใหญ่  หรือ  ขนาดใหญ่ให้ดูดั่งว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดของสังคม  เช่นที่มักปฏิบัติกันในขณะนี้นั้น     เป็นการสมควรหรือ ?   

 

เช่นที่ยกตัวอย่างพาดหัวข่าวมาข้างต้น   ถวิล สมช.สู้ตาย    เกินความจริงไปใช่ไหม ?  ถึงกับต้องสู้ตายเลยหรืออย่างไร ในเมื่อเขาย้ายไปกินเงินเดือนต่อไปอยู่ มีเงินใช้อยู่     รัฐรังแกประชาชน    คุณไปตัดสินได้อย่างไร ว่ารัฐรังแกประชาชน  ในเมื่อรัฐบาลต้องมีภาระในการขับเคลื่อนนโยบาย และในองค์รวมแห่งนโยบาย ก็ย่อมมีผลในการปรับไปถึงเครื่องมือแห่งนโยบายด้วย  หมายความถึงทั้งนามธรรมและรูปธรรม  นั่นคือระเบียบ กฎหมายต่าง ๆ  และข้าราชการประจำ ทั้งสิ้น  เมื่อไม่สนองต่อนโยบาย หรือไม่เข้าเกณฑ์  right man on right job ก็ชอบที่จะปรับปรุง  นั่นเป็นระบบธรรมดาของการบริหารงานนโยบาย  เป็นข้าราชการก็ต้องทราบ กฎกติกานี้ และต้องรับได้   และเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา   (อุปมาอย่างนี้ครับ  เราถาง ๆ ป่าไปนี่เราก็ใช้จอบใช้เสียมได้  แต่พอไปเจอหินภูเขานี่  เขาก็เอาจอบเสียมทิ้งไป เอาแมคโครมาใช้แทน เอาไดนาไมต์มาระเบิดหินภูเขา  อย่างนี้ก็ไม่เคยมีใครบ่น  คนยอมรับกันได้ทั้งโลก ถ้าคุณบ่นก็แน่ละ ย่อมถูกมองว่าล้าสมัย ขวางความเจริญ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-09-08 09:32:36


ความคิดเห็นที่ 12 (3306390)

ดูพาดหัวข่าวย้อนหลังไปอีกวัน ๆ ที่ 7 ก.ย.2554 ของไทยรัฐ(โปรดสังเกตนัยความขัดแย้ง)

พาดหัวข่าว1   :          หารือนายกแล้ว
                                   มท.เร่งรัด
                                   เสนอย้ายปลัด
                                   ให้พระนายเสียบแทน
                                    กางโผระดับ10กองใหม่
                                    เด็กภท.-ปชป.เจอแน่
                                    โกวิทอุบไต๋หารือถวิล
พาดหัวข่าวรอง  :       -

 

พาดหัวข่าว2   :          "เฉลิม"สอนมาร์ค
                                     ไม่มีกม.
                                      ห้ามผู้หลบหนีคดี
                                      ขอพระราชทานอภัยโทษ
                                     ชวนนท์"ตอก"สุรเกียรติ
                                     ปชป.หนุนฉายาดีแต่โม้

 


พาดหัวข่าว3  :           ได้ 11 อรหันต์
                                    กสทช.ตามโผ
                                    หึ่งเครือกองทัพ
                                    อกหักนัดเปิดใจ    

 

พาดหัวข่าว4   :           ใต้ป่วนเมืองยะรัง 
พาดหัวข่าวรอง  :        นักโทษตีกันเละ
                                     ตาย2สาหัส1

 

ดูเดลินิวส์ ฉบับ 6 ก.ย.2554

พาดหัวข่าว   :            จวกแหลกประเพณีฎีกา"แดง" 
                                   ศาลติงไม่เคยเห็น
                                   ล่าชื่อขอพระราชทานอภัยโทษ
                                   อัมมารตั้งฉายารัฐบาลดีแต่โม้ 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2011-09-08 10:19:58


ความคิดเห็นที่ 13 (3306393)

ประเด็นสำคัญ   ท่านจงสังเกตขนาดตัวอักษรที่ใช้พาดหัวของหนังสือพิมพ์ไทย เขาใช้ตัวอักษรตัวเบ้อเร่อเบ้อร่า ดังจะลองขยายให้ใกล้เคียงของจริงในหน้านี้ ดังนี้

 

ถวิลสมช.-สู้ตาย
รัฐรังแก
ย้ายไม่เป็นธรรม                           เต็มกว่าครึ่งหน้าหนังสือพิม์ 4 ใน 6 คอลัมน์
ประกาศจะร้องทุกข์ต่อกพค.
เตรียมฟ้องศาลปกครองด้วย
ยิ่งลักษณ์-โกวิทโบ้ยให้เหลิม

 

แผนเยือนประเทศแรก
ปู - ซบเขมร                             เต็มกว่าครึ่งหน้าหนังสือพิมพ์ 4 ใน 6 คอลัมน์
ส่วนชัย ชิดชอบโผล่เสนอนิรโทษทักษิณ
                               

         

จำคุก3สปายเขมร
ลอบหาพิกัดทหาร
ชายแดนศรีสะเกษ                                       
      2คอลัมน์
 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2011-09-08 10:38:52


ความคิดเห็นที่ 14 (3306401)

ขนาดใหญ่โตถึง 6 คอลัมน์มีบ้าง  แต่ที่เห็นล่าสุดมีขนาด 5 คอลัมน์ ดังนี้

 

แฉมือสังหารใช้"ไรเฟิลแรงสูง"
เจาะหัวเสธ.แดง                                     5 คอลัมน์(เกือบเต็มหน้า)

  • มติชน 15 พ.ค.2553

 

ลอบยิง
เสธ.แดง
ปางตาย                                       
3ใน6 คอลัมน์ ตัวโป้ง หัวไม้

  • ไทยรัฐ 15 พ.ค.2553

 

จลาจลข้ามคืน
นับสิบศพ

  • ข่าวสด 16 พ.ค.2553

ไม่ได้ยิง"เสธ.แดง"
ศอฉ.แจง!

  • ข่าวสด 16 พ.ค.2553

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2011-09-08 11:30:08


ความคิดเห็นที่ 15 (3306403)

ประเด็นคือ การพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่โต เบ้อเร่อเบ้อร่านี้   มันบอกถึงความด้อยพัฒนา  ทางการสื่อสารหนังสือพิมพ์ไทย 

 

มันไปกระตุ้นอารมณ์ให้ตื่นเต้นเกินความเป็นจริง  มีลักษณะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ  ที่ขัดหลักการหนังสือพิมพ์ ทฤษฎีกระจก  คือสะท้อนความจริง   ไม่เกินความจริง   ไม่ด้อยกว่าความจริง   ไม่โน้มนำชักจูง

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2011-09-08 11:35:42


ความคิดเห็นที่ 16 (3306657)

โปรดสังเกตว่า มีหนังสือพิมพ์อยู่เพียงฉบับเดียว  ที่ไม่เคยมีการพาดหัวข่าวเบื้อเร่อเบ้อร่า  เช่นหนังสือพิมพ์ไทยทั้งหลาย  นั่นคือ  สยามรัฐ    มาตั้งแต่เริ่มกิจการ และยุค มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นคอลัมนิสต์ประจำ    และมี ดร.เกษม  ศิริสัมพันธ์  ร่วมในกองบรรณาธิการ หรือคณะที่ปรึกษาอยู่    สยามรัฐและดร.เกษม ศิริสัมพันธ์ คนนี้แหละเป้นผู้ได้เริ่มพูดถึงประเด็นสำคัญที่ นสพ.ไทย ควรจะได้เปลี่ยนแปลงเรื่องการพาดหัวข่าว ให้เป็นแบบสากล ในประเทศที่เจริญด้วยระบอบประชาธิปไตยแล้ว   โดย ดร.เกษมเองก็ได้สอนลูกศิษย์สาขาวารสารศาสตร์ ให้เฝ้าศึกษา วิจัยประเด็นนี้ และคิดแก้ไขกันให้ การหนังสือพิมพ์ไทย ดูดี ถูกหลักวิชาขึ้น   แต่จนกระทั่งบัดนี้แล้ว   หนังสือพิมพ์ก็ไม่เคยได้สังเกตตนเอง ไม่เคยคิดทำตนให้เจริญขึ้น  ถูกกลืนด้วยผลประโยชน์ส่วนตน ไม่คิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม อย่างที่วิเคราะห์มาแต่ต้นแหละครับ    

จะเป็นอะไรได้มากกว่าหมาเฝ้าบ้าน  และนกน้อยในไร่ส้มต่อไป อีกนานสักเท่าไร ?

 

ผมอยากให้ นสพ.นี่เป็น  The Fourth Estste  เป็นนกอินทรี    เป็น ราชสีห์.....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-09-11 20:48:16


ความคิดเห็นที่ 17 (3306971)

วันนี้มีเปิดสำนักข่าว ไทยพับบลิกา   อธิบายปัญหาสื่อได้ดีมากครับ  

 

ขอสนับสนุนจริง ๆ  เพราะต้องช่วยกันจัดการปัญหาสื่อให้ได้ ประชาธิปไตยจึงจะเจริญ

 

ประเด็นเจาะลึกน่ะครับ เอาความจริงมาให้ได้   ถูกใจผมมาก   ระวังกฎหมายนะครับ  นี่ก็อีกปัญหาหนึ่ง ไม่แพ้กัน คือ กฎหมายสับสนในสังคมไทย ...........กฎหมายที่ไม่สนับสนุนแนวทางของเสรีชน  

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-09-14 18:54:30


ความคิดเห็นที่ 18 (3307130)

แล้ว  โมเดลแบบหนังสือพิมพ์ไทยนี้   ก็ได้เป็นต้นแบบของพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง   นำไปสร้างสรรค์พรรคของตนขึ้นมา  มีแบบการจัดการกลมกลืนเช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์ไทยเลย     นั่นคือ  ในพรรคเต็มไปด้วยพวกที่เห่าหอน หลายพันธ์หลายเผ่า   ฯลฯ       ช่วยกันสร้างภาพ  สร้างกระแส ดีแต่พูด ขึ้นมา ..........   ดูเอาเองเถอะว่าพรรคการเมืองไหน   ......

 

ก็คงไม่ไปไหน   มีดีแต่พูดอย่างเดียว    ทำงานไม่เป็น  ขี้อิจฉาริษยาอีกต่างหาก   จวนพังลงไปทุกที     อยู่ต่อมาได้เพราะศาล 2 มาตรฐานแท้ ๆ  

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-09-15 22:11:03


ความคิดเห็นที่ 19 (3310515)

 

กรณีหลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล สำนักสงฆ์ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ สร้างคลิป ถ่ายภาพตัวเอง แล้วช่องสรยุทธ สุทัศนะจินดา ช่อง 3 เอาออกในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ 20 ก.ย.2554 คนเห็นแล้วว่าพระออกกริยาอาการไม่เหมาะแก่สมณะสารูป เช่นยกเท้าวางบนโต๊ะ เตะเก้าอี้ ออกอาการงุ่นง่าน โมโหโทโส มีกิเลส
 
แล้วหนังสือพิมพ์ก็ตามเอาไปลงข่าว ไทยรัฐพาดหัวใหญ่ 3 แถว
 
โพสต์ซ่าในยูทูบ
โชว์ถ่อย!
พระเพี้ยนอีกแล้ว
 
สบถคำด่า-ยกตีนเตะ เคยห้ามไหว้พุทธรูป 
เหิมท้าชนพระผู้ใหญ่ มส.สั่งให้จัดการด่วน
*ไทยรัฐ 22 ก.ย.2554
 
 
 
อีกฉบับ คม ชัด ลึกพาดหัวใหญ่พอ ๆ กับไทยรัฐ
 
อ้างถ่ายคลิปโต้ฝ่ายตรงข้าม
พระดังออกโรง
ลั่นไม่ผิด
ท้าให้จับ
 
พศ.ถกเจ้าคณะจว. จ่อฟันวินัยสงฆ์ สอบเพิ่มรุกป่า
 
สำนักพุทธเพชรบูรณ์นำคลิป"พระเกษม"เจ้าสำนักสงฆ์ถกเจ้าคณะจังหวัดเตรียมฟัน ชี้ไม่เหมาะ เผยเคยมีคดีตบพระพุทธชินราชจำลองมาแล้ว เจ้าตัวรับโหลดคลิปเอง หวังโต้พระผู้ใหญ่หาว่าอยากดัง ลั่นไม่ผิด ท้าให้จับ
*คม ชัด ลึก 22 ก.ย.2554
 
 
 
มี SMS เข้ารายการสรยุทธ วิจารณ์เรื่องนี้ไปตาม ๆ กัน ดังนี้
 
# สงฆ์เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ถือว่าดูหมิ่นพระพุทธเจ้าอย่างมาก
# ทำไมพระไม่โกนคิ้วครับ
# คำสอนจริงแล้วถูก แต่การกระทำไม่เหมาะ
# พระต้องมีความสำรวมจึงจะสมกับพระนะท่าน
# ท่านทำอย่างนี้ถือว่าปฏิบัติไม่ถูกทาง ญาติโยมเห็นก็ไม่ศรัทธา
# จริงหรือ ท่านทำอย่างนี้แสดงว่ายังไม่ปลดปล่อย พระต้องมีขันติ
# ยังงงอยู่เลย พระทำไมไม่โกนคิ้ว
# เป็นพระต้องสำรวม จากภูเก็ต
# เป็นสงฆ์แสดงกิริยาไม่เหมาะสม กับเป็นสงฆ์หลักคำ
# พระอะไรไม่สำรวมเสียเลย ถึงเราไม่ห่มผ้าเหลืองก็ยังไม่ทำอย่างนี้
# พระกะโหลหกะลาหรือเปล่า
# พระทำแบบนี้ไม่เหมาะสมครับ
# รู้ธรรมะต้องมีสติ พระไม่ควรทำแบบนี้
# เป็นพระควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อย่าเอาผ้าเหลืองมาห่มเลยเสียผ้าเหลือง
 
 
ในข่าวอ้างว่าทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดได้รุดไปปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเพื่อดำเนินการต่อไป และยังมองประเด็นที่ดินที่สร้างสำนักสงฆ์ต่อไปด้วย ว่าได้มาอย่างไร ถูกต้องหรือไม่
 
 
 
วันเดียวกันนี้ ก็ยังมีข่าวพระโคราชเข้ามาทาง SMS รายการเดียวกันว่า
 
# โคราช วัดใหญ่ทะลายยาบ้านคากุฏิวัดดังกลางเมือง รวบภิกษุ 4 รูป ตั้งวงดื่มเหล้า เล่นการพะนัน พร้อมของกลางเพียบ ตรวจพบฉี่ม่วงพระ 4 รูป นำไปสึกเรียบร้อยแล้ว  
 
ก่อนนี้ก็มีเรื่องใหญ่ที่ศรีสะเกษ เจ้าอาวาสมั่วสีกา จับสึกแล้ว
 
  • ผู้แสดงความคิดเห็น จันทิรา ชมชื่น วันที่ตอบ 2011-09-22 09:18:03
 
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.ก๊อปจากกระทู้อื่น วันที่ตอบ 2011-09-25 18:31:13


ความคิดเห็นที่ 20 (3310516)

 

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยังคงตามข่าวพระต่อไป ข่าวพระขายดีครับ ตามเอามาขายต่อ   วันนี้พาดหัวตัวโตต่อไปอีก
 
 
 
"พระเพี้ยน"ไม่สน
มติของคณะสงฆ์
"ป่าไม้"ยันมติครม.
ให้พระร่วมรักษ์ป่า
คณะสงฆ์มีมติแจ้งให้พระเพี้ยนออกจากพื้นที่แล้ว หลังสบถคำหยาบแถมโชว์พฤติกรรมถ่อยแพร่คลิปในยูทูบ 
 
*ไทยรัฐ 23 ก.ย.2554
 
 
 
มีข้อควรสังเกตก็คือ ในเนื้อข่าวได้บอกความจริงอีกด้านหนึ่ง แต่หนังสือพิมพ์ไม่สนใจที่จะติดตามข่าว เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการข่าว นั่นก็คือ ข่าวด้านพระผู้ใหญ่     ซึ่งพระเกษมได้บอกแล้วว่า การที่สร้างคลิปนี้ขึ้นก็เพื่อตอบโต้พระผู้ใหญ่โดยตรง
 
มีความเป็นไปได้สูงว่าได้มีเรื่องราวที่ขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างพระเกษมกับพระผู้ใหญ่    สิ่งที่น่าสนใจที่หนังสือพิมพ์ควรจะตามเจาะข่าวเชิงลึกมาเสนอ นั่นก็คือ มีอะไรที่เกิดขัดแย้งกันขึ้น   คำว่าพระผู้ใหญ่นี้ หมายถึงองค์การปกครองสงฆ์(รวมถึงหน่วยงานที่ชื่อว่า สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย) ทุกวันนี้มีการกดขี่ของพระผู้ใหญ่ต่อพระผู้น้อย หรือพระสามัญชน(พระที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์) อย่างไร ขนาดไหน   มีการกลั่นแกล้งอย่างไร   สำหรับกรณีนี้ ไม่ใช่กรณีแรก     น่าที่หนังสือพิมพ์จะติดตามเจาะข่าวมาให้ครบถ้วน จึงจะสมบูรณ์  และเป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างสมบูรณ์ และเป็นธรรม ไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดไปล้วน ๆ
 
อนึ่ง พระผู้ใหญ่นั้นโดยระบอบสงฆ์ปัจจุบัน(ทั้งระบอบและทั้งบุคคล) ก็ใช่ว่าถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่ประชาชนชาวพุทธหาเข้าใจไม่    
 
 
  • ผู้แสดงความคิดเห็น กระวิน ถิ่นการะเวก วันที่ตอบ 2011-09-23 19:31:01
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.ก๊อปจากกระทู้อื่น วันที่ตอบ 2011-09-25 18:36:03


ความคิดเห็นที่ 21 (3310517)

 

 
กรณีแม่ชีทศพร   ยิ่งน่าเห็นใจ   เพราะเธอเป็นเพียงชี ผู้หญิงที่ไร้เขี้ยวเล็บและไร้การคุ้มครองโดยสิ้นเชิงคนหนึ่ง และใต้ระบอบสงฆ์ปัจจุบัน แม่ชีแก่ ๆ (หรือสาว ๆ ก็ตาม)    จะมีฐานะยิ่งกว่าทาส ก็เป็นได้  
 
ผู้แสดงความคิดเห็น กระวิน วันที่ตอบ 2011-09-23 19:40:00
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.ก๊อปจากกระทู้อื่น วันที่ตอบ 2011-09-25 18:38:41


ความคิดเห็นที่ 22 (3310519)

 

 
แต่ความไม่ชอบมาพากลในศาสนา หรือ ลัทธิศาสนาในประเทศไทยนี้ มีอยู่มากในลัทธิที่มาจากต่างศาสนา ที่มาจากลัทธินอกวงการคณะสงฆ์ไทย   เหตูก็เพราะไม่มีกฎหมาย หรือเหตุผลทางกฎหมายเข้าไปควบคุมได้ กลายเป็นว่า สิ่งที่กฎหมายบังคับควบคุมนั้นควบคุมเฉพาะพวกเดียวกันเอง แต่พวกที่มาจากต่างประเทศไม่ควบคุม ในเรื่องเดียวกันมีกฎหมาย สำหรับควบคุมเรากันเอง แต่ไม่ควบคุมองค์กรที่มาจากต่างประเทศ   เช่นในเรื่องพระธรรมวินัย พระสงฆ์ไทยประพฤติผิดไปเล็กน้อย มีความผิด    แต่สำหรับนักบวชหรือเจ้าลัทธินอกวงการสงฆ์ไทยกลับทำได้ ไม่ผิด เช่นนี้เป็นต้น   ลักษณะแบบนี้แหละที่น่าที่สื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ ที่ชอบจับผิดเอากับพวกเดียวกันเอง แต่ไม่ยอมเข้าไปจับผิดพวกต่างลัทธิศาสนา
 
 
 
ถ้าลองย้อนไปดูประวัติศาสตร์จีน แม้จะมองอย่างมโนภาพพอหยาบ ๆ ก็จะเห็นว่ามีอยู่ยุคหนึ่งที่การศาสนาในจีนได้เกิดความสับสนขึ้นอย่างใหญ่หลวง จนไม่มีใครรู้อะไรถูกอะไรผิด อะไรคือสัจธรรม อะไรคืออสัจธรรม อันเป็นหลักลัทธิที่เพี้ยน ๆ ไปจากพุทธมหายานในประเทศนั้น   ผลที่เป็นรูปธรรมก็คือ ได้เกิดสิ่งที่เรียกว่าสถานธรรม หรือศาลเจ้าพ่อ และศาลเทพเจ้า ขึ้นมากมายในประเทศนั้น คนไม่ได้เคารพคนด้วยกันโดยเหตุโดยผลแห่งความเป็นมนุษย์   แต่อยู่ใต้อำนาจศาลเจ้า สถานธรรม เจ้าพ่อ และ เทพเจ้า แล้วเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ สำนักต่าง ๆ เหล่านี้ก็แย่งชิงกัน มีการโฆษณาชวนเชื่ออวดอ้างฤทธิ์เดช วิชา อภินิหารย์ต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย ระหว่างศาลเจ้า และสำนักต่าง ๆ   แล้วเกิดการประลองฤทธิ์ ประลองกำลังกันระหว่างศาลเจ้า สำนักต่าง ๆ เหล่านั้น ทำให้ในองค์รวมของประเทศจีนเกิดความวุ่นวาย ไม่เคยสงบสุข
 
 
 
เหตุการณ์ได้ผ่านมาอย่างสับสน คลุมเครือ และวุ่นวายมาตลอด จนมาถึงยุค เหมาเจ๋อตุง   จึงเสนอทฤษฎี ลุงโง่ย้ายภูเขา ขึ้นสอนประชาชน   ...... นั่นคือ   ไม่มีเทพเจ้า ไม่มีเจ้าพ่อ   ไม่มี ผู้วิเศษ ที่จะมาช่วยประชาชน   นอกจากมือมนุษย์   แม้ภูเขาทั้งลูกก็ต้องย้ายด้วยมือมนุษย์ ทำอย่างมนุษย์ คือทำแบบลุง โมเดลของลุงโง่   แกเอาจอบเสียมไปขุดย้ายภูเขาเอาเอง       เพื่อจะสร้างเส้นทางสำหรับการเคลื่อนผ่านมาของกองทัพประชาชน       ก็เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในประเทศจีน รวมเรียกทุกระบบว่า ปฏิวัติวัฒนธรรม ตามที่โลกรู้จักดีนั้น และเป็นการปฏิวัติจริง   เพราะล้มระบบทั้งหมดอย่างรุนแรง เรียบเกลี้ยง    แต่ในยุคนั้นยังไม่มีการเรียนรู้ประชาธิปไตยในประเทศจีน   เหมาเจ๋อตุงจึงทำให้คนทั้งหลายเสมอภาค ตามทฤษฎี equlity โดยการทำให้ประชาชนเป็นคอมมิวนิสต์เสมอ ๆ กันหมด   นั่นก็คือพวกเทพเจ้า เจ้าพ่อในศาลเดิม ในสำนักเดิม ๆ ก็ถูกกวาดล้างไป แม้พระสงฆ์องค์เจ้า ที่ในยุคนั้นก็ล้วนเป็นพระสงฆ์มีฤทธิ์มีเดช มีกำลังภายใน เป็นโพธิสัตว์ เป็นอริยะไปตาม ๆ กัน เอาไปเจาะเอ็นน่องร้อยโซ่ ลากไปทำไร่ทำนา ในคอมมูน หรือนารวมของรัฐ เสมอ ๆ กันกับประชาชน ทั้งแผ่นดิน 
 
 
 
ที่จริงแล้ว นี่คือทฤษฎีมนุษย์ นั่นเอง ใกล้เคียงหลักการประชาธิปไตยอยู่ เพียงแต่   อำนาจสูงสุด ยังคงอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่ง และอยู่เหนือประชาชนทั้งปวงเท่านั้น   แต่กระนั้นพวกที่ครองอำนาจนี้ พวกเขาก็มาสู่ความหยิ่งของคนด้วยกันเอง ไม่ได้จำนนต่อเทพเจ้า ต่อเจ้าพ่อ ต่อเทพต่อมาร อื่น ๆ เหมือนเดิม     เป็นการปกครองของมนุษย์โดยสมบูรณ์แล้ว
 
 
 
ในส่วนของวัฒนธรรม ก็ยังมีพวกวัฒนธรรมเดิมคือพวกลัทธิเทพเจ้า เจ้าพ่อศาล เจ้าพ่อภูเขาเลากา ทั้งพระโพธิสัตว์ต่าง ๆ หลบหนีหลีกเร้นความตายไปกับเจียงไคเชค ไปสู่ใต้หวัน   และที่สุด บางส่วนกระจัดกระจายมาถึงเมืองไทย
 
 
 
และมาสร้างระบบทาสขึ้นในไทยต่อไป    
 
 
 
มีข้อเท็จจริงที่ปรากฎในเมืองไทย นั่นก็คือ วงการศาลเจ้า วงการพระโพธิสัตว์ต่าง ๆ วงการศาสนานอกพุทธไทย ที่หนีตายเหมาเจ๋อตุงมาคราวนั้นเอง ที่อยู่นอกกฎหมายเกี่ยวกับศาสนาในเมืองไทย   ในลักษณะที่กล่าวไว้ข้างต้น   เป็นเหตให้ได้ช่องทางโอกาสของการหลอกลวงโดยอ้างพิธีกรรมต่าง ๆ อันศักดิ์สิทธิ์   ดำเนินการไปได้และสร้างสำนักธรรมของตนขึ้นได้อย่างใหญ่โต    โดยการหลอกลวงเอาคนไปเป็นทาสรับใช้พิธีกรรมของตน สำนักของตน ศาลเจ้าของตน ไปตลอดชีวิตได้ อย่างถูก ๆ   โดยไม่มีกฎหมายเข้าไปจัดการได้ กลายเป็นระบบทาสยุคประชาธิปไตยไปได้จริง ๆ
 
มีกรณีตัวอย่างการหลอกลวงที่เป็นสามัญ ๆ รู้กันทั่วไปก็คือ จะมีคณะผู้หวังดี หรือนักบุญ คอยอโพรชตัวเองไปยังหญิงสาว ๆ วัยรุ่น ๆ ผู้ผิดหวังในความรัก อกหักอย่างแรงจนแทบฆ่าตัวตาย พาไปปลอบโยน โฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ ให้เชื่อในเทพเจ้า เจ้าพ่อ หรือแม้พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าในที่นี้จะหมายถึงเทพเจ้าองค์หนึ่ง ไม่ได้หมายถึงมนุษย์) ด้วย และให้มอบกายถวายชีวิตแต่สิ่งที่ไม่มีตัวตนเหล่านั้น มีหน้าที่ดูแล ประกอบพิธีกรรมบูชา ถวายเข้าของแด่สิ่งที่ไม่มีตัวตนเหล่านั้น ตลอดไปถึงการก่อสร้างสถานธรรมปฏิบัติให้ใหญ่โตมโฆฬาร เพื่อให้คนทั้งแผ่นดินได้ทำบุญ   ฯลฯ   อ้างว่าได้บุญ ได้รับใช้พระศาสนา อ้างโลกหน้า เมื่อตายไปแล้ว มีสวรรค์36 ชั้นเจ้าฟ้า (สำนวนว่าสิบหกชั้นฟ้าสิบห้าชั้นดิน) คอยรับอยู่ ...... โดยวิธีง่าย ๆ เท่านี้เอง ก็ได้คน ๆ หนึ่งไปเป็นทาสไปรับใช้สำนักธรรมของตนได้คนหนึ่งไปตลอดชีวิตเขา      ซึ่งปรากฎว่า เกิดมีทาสยุคใหม่ขึ้นในสถานธรรมเช่นนี้อย่างมาก โดยที่คนทั้งหลายและแม้ตัวเขาเองในที่แห่งนั้นไม่เข้าใจว่า นั่นเป็นระบบทาส   และไม่ชอบด้วยหลักการประชาธิปไตย
 
 
 
มาคำนึงว่า สถานธรรม สำนักปฏิบัติเหล่านี้แหละครับ(ไปดูแถว ๆ ทะเลตะวันออกซิครับ เขาสามารถถมทะเลสร้างสถานธรรมขึ้นมาได้อย่างไรอย่างใหญ่โตมโหฬาร ไปเจาะเอามาดูหน่อย)   ที่แท้จริงถูกเหมาเจ๋อตุงวินิจฉัย ตัดสินแล้วว่า ไม่ควรมีกิจการอยู่ในแผ่นดินอีกต่อไป   แต่ได้สืบทอดมีชีวิตกิจการต่อมาได้ในประเทศนี้ ประเทศไทย โดยกฎหมายอ้างสิทธิในการนับถือศาสนา อย่างหลวม ๆ เปิดโอกาสให้สืบต่อไปได้   และเกิดระบบทาสขึ้น       
 
 
 
ฉะนั้น นี่แหละครับ   ผมจึงเรียกร้องให้สื่อมวลชนได้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์หน่อย   ทำข่าวภาคเจาะลึกเข้าไปถึงแก่นของสัจธรรมให้ได้จริง ๆ   เอาความจริงที่เป็นธรรมออกมาสู่สังคมให้ครบถ้วน จึงจะเป็นความไม่ลำเอียงอย่างสมกับเป็นกระจกที่สะท้อนความจริง จริง ๆ 
 
 
 
  • ผู้แสดงความคิดเห็น สถาวร ผดุงสิทธิ์ วันที่ตอบ 2011-09-24 10:14:32
 
ผู้แสดงความคิดเห็น บก.ก๊อปจากกระทู้อื่น วันที่ตอบ 2011-09-25 18:41:17


ความคิดเห็นที่ 23 (3313366)

ไทยรัฐอีกแล้ว  ทำเรื่องขายข่าว

เป็นเรื่องน่าตกใจ สำหรับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์  พาดหัวตัวโตเบื้อเริ่มว่าดังนี้ครับ

ปชป.จัดหนักผลักดัน
2องค์กร
ถอดถอน"ยิ่งลักษณ์"

ประโยชน์ทับซ้อน
กรณี-ลดภาษีบ้าน
หาว่าเอื้อให้บริษัท
ชงผู้ตรวจแผ่นดิน
เสนอเรื่องไปปปช.

*ไทยรัฐ 28 ก.ย.2554

เอาข่าวพรรคประชาธิปัตย์ที่ชอบโกหกพกลมมาลงเป็นเรื่องใหญ่ให้ตื่นเต้นเสมอ ๆ เลย  ทั้ง ๆ ที่ในเนื้อข่าวยังไม่มีเหตุอะไรเลย ขณะที่ ข่าวสด ไม่ได้ลงข่าวนี้เลย

 

ไทยรัฐฉบับเดียวกัน ยังคงลงข่าวพระต่อไปอีก  พาดหัวว่า

แจ้งตร.กองปราบ
จัดการ"พระเกษม"

สิ่งที่ควรระวังก็คือ  พระเกษมมีความผิดอะไร  ผิดอะไรตามพระธรรมวินัย  ในพระปาฏิโมกข์   และผิดระดับไหน   การให้ลาสิกขาต้องถึงระดับปาราชิก   นี่ไม่ถึงปาราชิก        ผิดทางโลกอย่างไร  กฎหมายอะไร ?     กฎมหาเถรสมาคมข้อไหน ที่มีให้โทษถึงต้องลาสิกขา  ? 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 001 วันที่ตอบ 2011-09-27 21:39:57


ความคิดเห็นที่ 24 (3313368)

ถ้าคุณอ้างว่าผิด  โลกวัชชะ    คุณก็ต้องอ้างว่าอยู่ในกฎมหาเถรสมาคมข้อไหน ?   และมันร้ายแรงถึงขั้นต้องลาสิกขาหรือ ?   

ผู้แสดงความคิดเห็น สถาวร ผดุงสิทธิ์ วันที่ตอบ 2011-09-27 21:45:22


ความคิดเห็นที่ 25 (3315319)

สถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมประเทศไทย

การเกิดพายุเข้าสู่ประเทศไทย ที่เริ่มมาแต่พายุนกเตนในเดือน กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมาจนถึงเวลานี้  ได้กลายเป็นภัยธรรมชาติขนาดยิ่งใหญ่ ที่กระทบไปเกือบทั่วประเทศ โดยที่ข่าวล่าสุดจาก ศปภ. (ศูนย์อำนวยการป้องกันภัยน้ำท่วม) ทราบว่า มี 53 จังหวัดได้รับผลกระทบน้ำท่วม  ล่าสุดวันนี้ มี 27 จังหวัดอยู่ในสถานะจมน้ำ  ปริมาณน้ำที่ไหลลงมาสู่ภาคกลาง ที่ราบลุ่มของประเทศไทย โดยบ่ามาทางทุ่งนาและลำแม่น้ำต่าง ๆ ผ่านนครสวรรค์  พระนครศรีอยุธยา มาตามลำดับ  และล่าสุด นิคมอุตสาหกรรม นวนคร จ.ปทุมธานี ที่จ่อกรุงเทพมหานคร ก็พ่ายแก่น้ำไปแล้ว   มีการคำนวณภาพโดยรวมล่าสุดเช้าวันนี้ว่ามีน้ำปริมาณมหาศาลถึง 17,000 ล้านลูกบาศเมตร  กำลังรุมล้อมเข้าสู่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะด้านดอนเมือง สายไหม  ทำให้ กรุงเทพมหานคร ที่ได้ตั้งรับมาแต่ต้น โดยการบริหารของทางฝ่ายรัฐบาลพรรคเพือไทย และ กรุงเทพมหานครของพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันอย่างเหนียวแน่น  ก็ตกอยู่ในสภาพอันตรายเสียแล้ว โดยมีข้อเท็จจริงตามที่ นสพ.ลงข่าวว่า  Bankok is still in danger (Bangkok Post, Oct.19, 2554)

สิ่งที่เราต้องการจะกล่าวต่อไปนี้ก็คือ เพื่อเตือนสติของชาวไทยทุกฝ่าย ทุกองค์กร ในขณะนี้ ให้ตระหนักว่า  นี่เป็นภาวะวิกฤตของประเทศ มิแตกต่างจากการโดนข้าศึกศัตรูยกทัพเข้ารุกรานประเทศไทยในประวัติศาสตร์เลย  เป็นสงครามชนิดหนึ่งกับธรรมชาติที่ไม่รู้จักความตาย หรือความระทดระท้อ  สิ่งที่มนุษย์จะต้องคิดก็คือ มนุษย์ไม่เหมือนธรรมชาติ  ในแง่ที่ว่า มนุษย์ไร้ความอดทน  มนุษย์มีความเหน็ดเหนื่อย  มีความระทดระท้อ สิ้นหวัง สิ้นกำลังใจ   แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ มนุษย์ที่ต้องการชัยชนะจะระท้อ จะเหน็ดเหนื่อย  จะอ่อนแอไม่ได้เลย  ทุกก้าวจะต้องยืนตรงและก้าวต่อไป    และในที่สุดเราขอเตือนว่า  จงให้กำลังใจตัวเองให้มาก ๆ  จงอย่ากระทำการใดใดอันเป้นการลดทอนกำลังใจซึ่งกันและกันเป็นอันขาด  จงมีแต่ความอภัย  และรักษาคำพูดวาจาให้เป็นไปในแนวนี้

สิ่งที่ควรพูดถึงขณะนี้ก็คือเรื่องสื่อมวลชนของชาติเรา  ไม่ว่าโทรทัศน์ วิทยุ หรือ หนังสือพิมพ์  จงอย่าพยายามแสวงหาประโยชน์ส่วนตน  ด้วยการเสนอข่าวของความขัดแย้งใดใด โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการเมือง หรือการนโยบาย การบริหารของความคิดที่แตกต่าง   ถึงแม้ว่าจะมีความขัดแย้งอยู่ก็จงเมินเฉยไปเสียก่อน  ต้องเสนอแต่ข่าวที่แสดงความร่วมมือร่วมใจ  และเสริมสร้างสามัคคีของคนในชาติ เพราะเหตุผลสำคัญก็คือ  ประเทศไทยกำลังเผชิญศัตรูร่วมของประชาชนทั้งชาติ  การที่จะเอาชนะได้นั้น ต้องชนะด้วยสามัคคีธรรม จริง ๆ   และอย่าลืมว่า สื่อมวลชนทั้งหลายก็เป็นสื่อมวลชนที่มีความเป็นไทย  ไทยเป็นประเทศของเราทุกคน ใช่ไหม ? 

มีตัวอย่างครับ  ในประเทศอังกฤษ ยุคนายโทนี แบล พรรคกรรมกรเป็นนายกรัฐมนตรี  มีขบวนการก่อการร้ายทำการระเบิดในกรุงลอนดอนถึง 8 จุดพร้อมกัน สร้างความตกตะลึงไปทั้งโลก  ปรากฎว่าโดนหนังสือพิมพ์และ โทรทัศน์ด่าแหลกไปหมด  สื่ออังกฤษขณะนั้นมองไปทิศทางเดียวกันหมดคือ ผู้ก่อการร้าย  และเขามองว่า การก่อการร้ายเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง โทรทัศน์ บีบีซี แห่งอังกฤษ ก็แสดงความเป็นอังกฤษออกมาอย่างเต็มที่ในขณะนั้น ท่านที่ดูโทรทัศน์ช่องนี้เป็นประจำก็จะเห็น  ปรากฎว่านักข่าว หรือพิธีกรรายการใดใดเวลารายงานถึงผู้ก่อการร้าย เขาจะออกท่า สีหน้าบึ้งตึง กินเลือดกินเนื้อ จริง ๆ ราวกับว่าออกอาวุธสำคัญสู่ผู้ก่อการร้ายโดยตรง  จนกระทั่งรัฐบาลอังกฤษสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายส่วนหนึ่งได้   สื่อเมืองไทยในกาละเทศะนี้ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ฉบับที่ชอบ ฉลาดทำมาหากินกับการขายข่าวความขัดแย้งอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการเมือง จึงควรจะระวัง  อย่าลืมตัวว่าเราเป็นคนไทยและอยู่ในประเทศไทย  ขณะนี้บอบช้ำเต็มที่แล้ว อย่าไปซ้ำเติมความบอบช้ำไปอีก ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย.....  และที่สุดแล้ว เราไม่คิดว่าจะมีกองกำลังใด ที่จะอาจหลงตนเองขึ้นมาว่าตนเองแข็งแรงพอจะยึดอำนาจ เพื่อให้การบริหารงานในสถานการณ์นี้เข้มแข็งเป็นสงครามจริง  .... นั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดนะครับ....อย่าลืม...เชิร์ตแดงเพื่อประชาธิปไตย  นะครับ...เป็นหน่วยแรก.....หน่วยกล้าตายเพื่อประชาธิปไตย ...

*สุไหงปาดี ชินะกุล
18 ต.ค.2554/09.20 น.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 001 วันที่ตอบ 2011-10-18 12:37:35


ความคิดเห็นที่ 26 (3315411)

นสพ.ไทยรัฐ 19 ต.ค.2554
นักฉวยโอกาสบนความทุกข์ของประชาชนทั้งชาติ

นี่อย่างไรครับ  ชั้นเชิงการทำมาหากินกับการขายข่าว ที่ผมว่าไป เมื่อวาน ที่ว่า "โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ฉบับที่ชอบ ฉลาดทำมาหากินกับการขายข่าวความขัดแย้งอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการเมือง"   ดูหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ทำการฉวยโอกาส เอาข่าวร้ายแรงเกินความจริง  และเป้นเท็จ  มาขาย  ฉบับที่ 19 ต.ค.2554  ล้วนพาดหัวข่าวอย่างตื่นเต้น เรียกความสนใจคนทั้งประเทศอย่างผิด ๆ โดยเจตนาเฉพาะการขายข่าว  ดูพาดหัวเพียงวันเดียว ดังนี้

1.   ทักษิณจิกทหารเสพติดอำนาจ                        

2.   เตือนมหันตภัยใหม่
      สารพิษรั่ว
      หลังนวนครจมสนิท

3.   คนไม่เชื่อถือชี้
      ศปภ.ห่วย!
      ออกข่าวสับสน

*ไทยรัฐ 19 ต.ค.2554

ล้วนมีเจตนาเสนอข่าวที่ขัดแย้งทุกข่าว สำหรับพาดหัวที่ 2  เป็นการเสนอข่าวที่เป็นเท็จ  และขยายเนื้อข่าวอย่างตื่นเต้น ว่าเป็นภัยร้ายแรงกว่าภัยกัมมันตภาพรังสี ในคราวเกิดสินามิญี่ปุ่น  โดยเจตนาขายข่าวเท็จ  ที่ไม่มีความจริงเลยแม้แต่น้อย ตามที่รมว.อุตสาหกรรมออกมาแถลง และมีการแถลง ทั้งชี้แจงซ้ำหลายครั้งโดยบุคคลที่เกี่ยวข้อง  น่ามีการเรียกตัวมาสอบถาม และดำเนินคดี เอาความผิดอย่างเฉียบขาด  กับ นสพ.ฉบับนี้ ในคณะรัฐมนตรีต้องมีผู้จัดการเรื่องนี้ครับ 

* สุไหงปาดี ชินะกุล
  19 ต.ค.2554/11.00 น.
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-10-19 11:17:34


ความคิดเห็นที่ 27 (3317753)

หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ วันนี้พาดหัวหรา ตัวโต 6 คอลัมน์  ว่า  

ทักษิณบังคับในหลวง 

 

สื่อหนังสือพิมพ์สาย เอเอสทีวี

 

นี่เป็นสุดยอดของการบิดเบือน เสนอความเท็จ หวังผลทีเดียวหลายอย่างรวมทั้งขายข่าวได้ราคา  ในวงการหนังสือพิมพ์ไทยยุคนี้    และแน่นอน ประสานกับเอเอสทีวี ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลโผล่ออกมา พร้อมกับพฤติกรรมหยาบคาย ลบหลู่ดูหมิ่นคนทั้งหลายเหมือนเดิม

เรื่องคงต้องไปจบลง ตอนที่จับหมาบ้าไปชำระโทษเสีย จะได้ไม่มีการออกมากวนเมืองกวนสังคมอีกต่อไป

ตามคดี สั่งการฆ่า 91 ศพ  กระชับเข้ามาอีก เมื่อ พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด  อดีตโฆษก ศอฉ. ให้การผูกมัด นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ  ว่าเป็นคนออกคำสั่ง  ทหารทำไปตามคำสั่ง โดยไม่เต็มใจ  

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-11-20 18:36:24


ความคิดเห็นที่ 28 (3319934)

สื่อหนังสือพิมพ์สาย เอเอสทีวี

 

แล้ว ไทยโพสต์ กับชื่อเปลว  สีเงิน ก็ถูกเข็นออกมาแทน  สนธิ ลิ้มทองกุล 

ฝีมืออมาตย์ และ ปชป. ฆ่าสนธิ แล้วเอาตัวแทนมาทำต่อ

ผู้แสดงความคิดเห็น สรศักดิ์ สนมไพร วันที่ตอบ 2011-12-12 10:41:29


ความคิดเห็นที่ 29 (3365197)

แล้วมาถึงรายการไทยรัฐ กับ  นักเขียนการ์ตูน  ชัย ราชวัตร

ไปเขียนว่า....กะหรี่แค่เร่ขายตัว  แต่หญิงชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ............

คราวนายกรัฐมนตรีไปประชุม ณ ประเทศมองโกเลีย  ได้แสดงปาฐกถาเกี่ยวกับประชาธิปไตยในไทย

 

นั่นเป็นการประชุมของประเทศประชาธิปไตยเพื่อคุยกันเรื่องปัญหาประชาธิปไตย...........ก็พูดเรื่องปัญหาสิครับ

ในไทยมีปัญหาอะไร   ก็พูด  ...................

 

ฟ้องชัย ราชวัตร เลยครับ   เอาเข้าคุกให้เป็นตัวย่าง

 

นี่เป็นรายที่ 2  ที่ละเมิดแม่หญิงเหนือ..................คราวก่อน...หายเงียบไปแล้ว

เพราะแม่หญิงเหนือไม่เอาความ  ทั้ง ๆ ที่เขาด่าว่าหาเงินเป้นอย่างเดียวคือเป็นหรี่........คราวนี้ก็แบบเดียวกัน

 

ถ้าอภัยให้อีก...ก็เสียกระบวนการยุติธรรมไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2013-05-04 00:31:30



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.