กกต.เดินทางไปต่างประเทศ ทีแรกก็เป็นข่าวเล็ก ๆ คล้ายข่าวลือ ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น  แต่แล้วบัดนี้นักข่าวติดตามไปสื่อมา  ทราบว่าเป็นจริง กกต.มีถึง 5 คน ไปเสีย 4 คน  อยู่ทำหน้าที่เพียง 1 คน  แล้วไปตั้งแต่หลายวันแล้ว  ทราบว่ากว่าจะกลับมาก็วันที่ 21 มิ.ย. 2554 

พฤติกรรมคล้าย ๆ หลบเลี่ยงไป เพราะไม่มีการออกข่าว  เพื่อแจ้งประชามหาชนให้ทราบ ตามหลักการประชาธิปไตย   เพราะ กกต.อยู่ในระหว่างทำหน้าที่เพื่อรับสนองงานอันสำคัญยิ่งของพลเมืองไทย  ซึ่งกกต.น่าจะมีสำนึกอันสูงส่งพอกับบทบาทหน้าที่ในขณะนี้  นั่นคือหน้าที่การจัดการอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ให้ประเทศไทยทั้งประเทศเกิดความเรียบร้อยเป็นธรรมและปราศจากการเสี่ยงใดใด  เพื่อให้พลเมืองไทยหายห่วง หายสงสัย  และซาบซึ้งในความยุติธรรม    และซึ่งทุกคนมีความเป็นห่วงอยู่ว่า  กกต.ยุคนี้น่าเห็นใจ เพราะจะมีกำลังและความสามารถ สติปัญญาไม่เพียงพอ น่าเป็นห่วงไปทั้งสิ้น  แต่แล้ว  กกต.เองกลับเอาเวลาตั้งหลายวันปลีกไปต่างประเทศได้   ทำไม กกต.จึงดูไร้เหตุผล  ไม่สำนึกว่าตนทำหน้าที่สำคัญขนาดไหน  และซึ่งเป็ฯหน้าที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญยิ่งใหญ่มากขนาดไหน   จึงน่าคิดว่า  กกต.มีเชิงดูหมื่นดูแคลนประชาชนไทยเกินไปหรือไม่ 

เพราะขณะนี้  กกต.มีหน้าที่สำคัญที่รับผิดชอบต่อพลเมืองไทย     ยิ่งกว่าบุคคล องค์กร  สถาบันรัฐธรรมนูญใดทั้งสิ้น  นั่นคือ  บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรในขณะนี้ ขึ้นอยู่กับกกต.

อ้างว่าเดินไปตามคำเชิญของต่างประเทศเพื่อไปดูงานอะไรนี่แหละ   ซึ่งไม่น่าที่ กกต.จะไม่รู้ว่า  ท่านจะเป็นตัวการก่อให้เกิดความสงสัยคลุมเครือขึ้นในสังคมไทย  กกต.มีสติปัญญาพอที่จะคาดการณ์เหตุการณ์เช่นนี้ได้ แต่ก็ไม่ป้องกัน ไม่แก้ไข  จงใจทำให้เกิดขึ้น  จริง ๆ  เพราะ กกต.ไม่บอกประชาชนว่าตนมีความจำเป็นต้องเดินทางไปไหน  ทำไม  ......แต่ในความเป้นจริง ตามหลักการบริหาร........กกต.ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไหนทั้งสิ้น  ในสถานการณ์การเลือกตั้งไทยขณะนี้  ซึ่ง กกต.ก็น่าจะรู้ดีว่า  งวดเข้าเต็มที่แล้ว และกำลังอยู่ในกระแสอันเชี่ยวกรากของการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองสองพรรคใหญ่ 2 ข้างใหญ่ ๆ กำลังประเคนใส่กันอย่างเต็มที่  โดยประชาชนมีความหวังว่า  มี กกต.ดูแลอยู่อย่างเต็มพิกัดความสมบูรณ์ของภาระหน้าที่  ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน และ พลเมือง   

อุปมานะครับ     เหมือนเรือใหญ่กำลังเผชิญคลื่นลมในทะเล  ที่น่าเป็นอันตรายและผู้บังคับการเรือต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง  ต้องมองไปว่าสถานการณ์เช่นนี้แหละอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ในนาทีหนึ่งนาทีใด    จะทำแบบเลินเล่อ  ประมาทไม่ได้  เป็นอันขาด  มีสิ่งที่กกต.จะต้องจัดการไปถึงระดับที่เรียบร้อย เนียนที่สุด ของการจัดการประเทศไทยครั้งนี้ .......แล้วคุณคิดว่ามันง่าย  มีเวลาพอหรืออย่างไร.....     แต่แล้ว  กกต.กลับไร้ความคิด.......ละทิ้งภาระหน้าที่อันสำคัญนี้ไป.........  ไปต่างประเทศ หมายถึงไปนอกเรือ   ปล่อยประชาชนและทุกสิ่งทุกอย่างในเรือให้เคว้งคว้าง เสี่ยงอย่างที่สุด   และมีลักษณะบริหารงานไปอย่างประมาทเลินเล่ออย่างที่สุด    ไม่น่าให้อภัยเลย  

ไปประเทศไหนก็ไม่ทราบชัดเจน  ไปด้วยกันหรือแยกกันไป  ก็ไม่ชัดเจน    นี่เป็นความไร้เหตุผลจริง ๆ   และมีความผิดฐานไม่รายงานประชาชน พลเมืองให้ทราบชัด

แล้วคิดหรือว่าจะได้รับคำสรรเสริญจากต่างประเทศ  หรือประเทศที่ไปเยือนนั้น   ...........     ถ้าประเทศนั้นเป็นประเทศประชาธิปไตย เขาก็ย่อมมีความฉลาดพอที่จะมองเห็นว่า  เป็นไปไม่ได้ที่ กกต.ไทยจะมาตามคำเชิญ   เนื่องเพราะกกต.ไทยอยู่ระหว่างภาระหน้าที่และความรับผิดชอบสำคัญขนาดนี้ .....เขาคงคิดว่า กกต.ไทยจะต้องปฏิเสธ ซึ่งประเทศนั้นก็จะพอใจในคำปฏิเสธ       แต่แล้วก็กลับพบว่า  กกต.ไทย  โผล่มาจริง ๆ   อุตส่าห์ละทิ้งหน้าที่สำคัญมา............(เขาคงแอบหัวเราะว่า  ไอ้บ้านี้มาจริง ๆ   ประเทศห่าอะไรวะ......มันจัดการเลือกตั้งแบบไหนวะ  มันกำลังวุ่น ๆ ขนาดฆ่าประชาชนคนเรียกร้องประชาธิปไตยไปร่วม 100 ศพไม่ใช่หรือ  มันมาได้อย่างไร  ป่าเถื่อนนี่ว่าไม่รู้หนักรู้เบา รู้สถานที่กาลเวลา...แล้วเขาก็หรี่ตาข้างเดียวมองดู  )  

เขาไม่สรรเสริญคุณหรอกน่า      ไม่รู้ตัวไม่รู้ตนขนาดนี้   ................

ผมว่ามีโทษฐานละทิ้งหน้าที่เลยนะ............  ผมจะขอเสนอให้โละทีหลัง    โละทั้งคณะเลย  

สิ่งที่ขอแนะนำก็คือ  กลับมาเมื่อไร สิ่งแรกที่ต้องทำคือ  รายงานประชาชนทันที  ว่าคุณไปไหน ไปทำไม  ........และนี่ต้องอธิบายให้ดี   ว่า   มีความจำเป็นขนาดไหน .......ขนาดที่ต้องหนีทัพในยามสงครามเชียวหรือ ?  .

แล้วรอรับการพิพากษาของประชาชน พลเมืองภายหลัง ฐานละทิ้งหน้าที่ ในภาวะคับขัน

โทษก็เท่า ๆ ทหารหนีทัพโทษหนักถึงตัดหัวเลยละครับ 

เรื่องนี้ประชาชนเขาไม่พอใจ ไม่สบายใจเป็นอย่างมากเพราะเขาต้องการอำนาจอธิปไตยของเขาคืน และใช้อำนาจนั้นเลือกคนที่เขารัก เลือกพรรคที่เขาเห็นว่าทำงานรับใช้ประชาชน แก้ปัญหาปากท้องให้เขาได้นี่เดินทางไปต่างประเทศพร้อมกัน 4 คนในภาวะคับขันจะให้ประชาชนคิดอย่างไร และยังมีเรื่องที่ กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้งให้โลโกพรรคเพ่อไทยเล็กนิดเดียว ประชาชนที่อ่านหนังสือไม่ออกอาจสับสนได้ ทำไม กกต.จึงทำอะไรไม่เคลีร์ คุณก็เป็นผู้รักษาความยุติธรรม เป็นองค์กรอิสระที่ต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม มีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง การกระทำเช่นนี้เท่ากับเลือกที่รักมักที่ชัง ประชาชนเขาต้องตรวจสอบแน่

กกต.ค่อนข้างซือบือครับ  

ดูการทำงานซึม ๆ เศร้า ๆ  ไม่ค่อยแอคทีฟ   อย่างนางสดศรี  สัตยธรรม  พูดก็ออกเสียงอ่อย ๆ    ไม่แสดงความมั่นใจ   ฟัง ๆ  แกพูดในเวทีหนึ่ง  คล้าย ๆ แกไม่เข้าใจหลักการประชาธิปไตยด้วยซ้ำ ก็ไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตย  ต้องโฉมหน้าไปอย่างไร 

ผมอึดอัดใจ  ในเรื่องที่คนไม่ค่อยเข้าใจนี่แหละครับ   โดยเฉพาะคนที่มีการศึกษาสูง ๆ  มีตำแหน่งสูง ๆ  อย่างไม่น่าเชื่อ  (คนในวงการ 2 วงการคือ  ทหาร  กับนักกฎหมาย  เท่าที่ผมสังเกต มีความเข้าใจประชาธิปไตยน้อย  กกต.นี่ก็นักกฎหมายนะครับ)

ถ้าเขาเข้าใจประชาธิปไตย   มันไม่อืด ๆ  เช่นนี้หรอกครับ  ดู ๆ  แล้ว เป็นการบริหารแบบดูทิศทางลมมากกว่า....  แบบเตรียมทางไว้สำหรับชนะไหนเข้านั่น (ซึ่งความจริงวาระนี้ กกต.อยู่ในฐานะอันสูงสุดในเกียรติยศของระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่ดูทำตนระยอบ ๆ ไม่กล้าหาญและภาคภูมิใจในหน้าที่อันสูงสุดนี้   เหมือนอยู่ใต้คำสั่งของมือลึกลับ ตามที่คนสงสัยอยู่จริง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และนั่นเป็นการลดศักดิ์ศรีของสถาบันในระบอบประชาธิปไตยลงไป) )  ที่จะตั้งใจสถาปนาระบอบประชาธิปไตย  และวิถีทางประชาธิปไตยให้เข้มแข็งจริง ๆ ไม่มี   ว้าเหว่ครับ      และสำหรับ กกต.โดยหน้าที่แล้วก็น่าจะทำอะไรให้สมกับเป็นองค์กรหน่วยนำของยุคประชาธิปไตยไทย จึงจะถูก   ผมมอง กกต.แล้วขาดความกระตือรือร้น  ดูเฉื่อย ๆ  บอดใบ้ ไม่ให้ความหวัง  ไม่ให้ความหมายว่าตนเป้นฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว    ไม่สมกับเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยเลย  

ไม่มีลักษณะองอาจ กล้าหาญ มั่นคง เพื่อประชาธิปไตย อยู่ในหน่วยงานนี้ครับ....

มีแต่จะลู่ตามลมไปอย่างเดียว..

ได้คนไม่ตรงกับงาน  หรือ     right man on right job  ว่างั้นเถอะ

ถูกละครับ  ได้คนไม่มีจิตใจของประชาธิปไตยก็เป็นเช่นนี้    แล้วไปทำไมต่างประเทศ  ???      ไร้เหตุผลจริง ๆ    แล้วได้อะไรมา ?

ทำไมไม่รายงานประชาชนล่ะ ?   อย่าคิดว่าตัวสูงสุดเป็นอิสระ   ต้องเข้าใจว่าประชาชนเป็นนาย   ต้องรายงานเขา  รายงานทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจ มั่นใจ และไว้ใจคุณ  รายงานว่าคุณได้ทำอะไร  ยังไม่ได้ทำอะไร  จะต้องทำอะไร  ให้ละเอียด   อย่างบ่าวรายงานนายเลยละ..... การอยู่ใต้สายตาที่ตรวจสอบของประชาชน  และประชาชนเป็นนาย    เตือนว่า  คุณต้องตัดขาดจากมือที่ 3  ไม่มีสิทธิ์ไปรับใช้อย่างอื่นเป็นอันขาด    

นั่นแน่     !!!     ทหารออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ..............

ทำไม กกต.ไม่แนะนำทหารหน่อยว่า   ควรมาในชุดพลเรือน  จะถูกบรรยากาศมากกว่า ............    ผมไม่เคยเห็นหรอกว่ามีทหารในเครื่องแบบมากันพรึบพรับ..ในต่างประเทศ     ลองศึกษาดูหน่อยไหมครับ  ??

       ทหารแบกปืนมาลงเลือกตั้งด้วย   เห็นไหมครับ  กกต.      ช่วยเตือนหน่อยครับ  

ผมว่าให้คุณประยุทธ จันทร์โอชาดูเอง   จะรับรู้ หรือมีส่วนสำนึกในจริยธรรมอย่างไรบ้างหรือไม่

ถ้าคุณรักประชาธิปไตย  ก็น่าจะให้ความร่วมมือ  ร่วมสร้างสิ่งที่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย ขึ้นในสังคมประชาธิปไตยได้ไม่ยาก   แค่คุณบอกหลักมารยาทชาติผู้ดีให้ลูกน้องคุณเอาไปปฏิบัติกันหน่อย    ก็ง่าย ๆ แค่นี้  ให้ความร่วมมือหน่อยครับ ร่วมกันสร้างซีครับ   

ลูกน้องคุณไปในเครื่องแบบกันพรึบพรับ นี่    จริงอยู่เป้นสิทธิ  ใครก็รู้   แต่นี้เราอยากให้อะไร ๆ มันเนียน ๆลงไปอีก  ก็มาดูเรื่องจริยา มารยาทกัน     มันสร้างความรู้สึกสมานฉันท และเป็นมิตรกับประชาชน      ดีกว่านะครับ   

และ   ปืน      ปลด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อย่าแบกไป........คุณไม่ไว้วางใจประชาชนเช่นนี้เองหรือ  จึงมีคำกล่าวร้ายว่าประชาชนเป็นผู้ก่อการร้าย  พวกคิดล้มสถาบัน  ...

ผมฟัง  นักวิชาการ  กกต.นายหนึ่งพูด   คิดว่าแกไม่เข้าใจเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ครับ  

แกว่า  สิทธิ  เสรีภาพ ต้องตามกฎหมาย..........   นั่นหน่ะ   มันไม่ใช่   ............

พวกนักกฎหมายถึงไม่รู้จักประชาธิปไตยไงครับ  .............   รวมทั้งพวกที่อยู่ในศาลสถิตยุติธรรมด้วย...............

จริง   เขาผ่านการกลั่นกรองมาหลายชั้น   กว่าจะมาถึงจุดนี้

แต่มันโง่กันได้ครับ...........

พระพุทธเจ้าตรัสว่า   เกิดมาพันปี  ก็อาจจะสู้เด็กอ่อนที่เกิดมาเพียง 1 ปีไม่ได้   ......   มีตัวอย่างครับ   เรื่องพระเถระพรรษามาก  เรียนหนังสือจบไตรเพท  จบ 84000 พระธรรมขันธ์ แต่ยังไม่จบเรื่องเดียว สุดยอด    พระพุทธเจ้าสั่งให้ไปเป็นศิษย์เรียนวิชาจากสามเณร    จนที่สุดสามเณรกำหราบจนคลายทิฏฐิ ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์    ......  จึงรู้ชั่วรู้ดี

พิศูจน์ได้ครับ      ไปแข่งเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์กับเด็กประถมสิ      ต่อให้เป็นถึงประธานศาลสถิตยุติธรรม..........ก็สู้เด็กยุคนี้ไม่ได้  

กกต.ก็ยังซือบือ ๆ  อยู่ต่อไป    ทำงานบกพร่องไปหมด   บางเรื่องเขาเดือนล่วงหน้านานแล้ว   เช่นเรื่องบัตรเสีย  เขาเตือนเรื่องพิมพ์โลโกพรรคแบบสองมาตรฐานก็ไม่ยอมแก้ไขให้เขา    ออกมาก็เสียนับล้านบัตร   เป็นไปแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ ในยุคประชาชนฉลาดแล้ว     ...........   เรื่องโกงเลือกตั้งใน กทม.  นี่มีแน่นอน    พิมพ์บัตรเกินไปตั้งเท่าไร  เกินจำเป็นไปเท่าไร    ก็เพื่อเอาไปโกง   ???...นี่คือนัยยะของการร่วมมือทุจริตแบบหนึ่ง    ?  .......... เขาบอกแล้วว่างานจัดการเลือกตั้งเป็นเรื่องใหญ่   4 กกต.ยังหลบหนีไปเที่ยวต่างประเทศเสียตั้ง สัปดาห์    นี่แหละบ๊องสสสส์ + ซือบือสสสส์ ๆ ๆ ๆ ๆ   จริง ๆ     

ก็เตรียมตัว      .....    โละเสียทั้งชุด.....ผมจะรายงานนายใหญ่ให้โละเสีย.......

กกต.นี่มีอำนาจเหนือเสียงประชาชนหรือเปล่า ?  ......  ไม่ใช่เฉพาะ  15  ล้านเสียง ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้มา    แต่ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย   11 ล้านเสียง.............  ถูกละ ....   โดยกฎหมาย หรือระเบียบ .....ของประเทศไทย......   ดูเหมือนกกต.จะมีอำนาจ ..... ถึงขนาดล้มพรรคการเมือง  ยุบพรรคการเมือง   .......   และ  อย่าลืม  กรณีนายกรัฐมนตรี นายสมัคร  สุนทรเวช   .................   นั่นเป็นกรณีที่น่างุนงงสงสัยมาอยู่จนถึงขณะนี้ .........และกรณีคดีที่ดินรัชดา ......ก็สร้างความงุนงงได้ไม่แพ้กัน   

แน่นอนกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองสส.ครั้งแรก 12 ก.ค.2554  รับรอง 358 คน  และที่น่าตระหนกก็คือ  แขวน สส.พรรคเพื่อไทยไว้ 11 คน ของประชาธิปัตย์ 3 คน  ในนั้นมี ว่าที่นายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย  และรักษาการณ์นายกรัฐมนตรี ของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย  ..โดยเหตุผลว่ามีการร้องเรียนว่าทุจริตในการเลือกตั้ง...........กรณีนายกสมัคร  สุนทรเวช  ในอดีตไม่ไกลนักนี้  ....รวมทั้งกรณียุบพรรคการเมือง .....ประชาชนคงไม่ลืม  ว่ามันช่างง่ายดายจริง ๆ ที่อำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยไทยยุคนี้ จะอาจล้มล้างรัฐบาล และพรรคการเมืองของประชาชน ......... และนี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งหรือ ?

นี่คือเหตุผลของความหวาดระแวงครับ.......   แต่เราไม่คิดหรอกว่า  กกต.จะมีเจตนาที่จะให้โทษร้ายแรงถึงขนาดนั้น   ...........  เพราะเมื่อกกต.มาระลึกถึงหลักการของระบอบที่เคารพเสียงของประชาชน ด้วยอำนาจการอนุมัติเป็นของประชาชนแล้ว    ........

ก็ดูซิครับ    ครรลองประชาธิปไตยไทย  เพิ่งจะเริ่มต้น และมีนิมิตหมายที่น่าชื่นชม   เมื่อพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค คือประชาธิปัตย์ และ เพื่อไทย  รับรองซึ่งกันและกันไปแล้ว    

ประชาธิปัตย์มีประชาชน  11 ล้านลงคะแนนเสียงให้   เพื่อไทย  15 ล้าน    รวมเป็น  26 ล้าน  มีความเห็นลงตัวกันแล้วตั้งแต่วันทราบผลการเลือกตั้ง   ยังไม่ง้อ กกต.ประกาศผลด้วยซ้ำไป   เข้าใจไหมครับ   ?

คือเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ๆ  วันเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554  นั้น  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ได้ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้  และที่สำคัญนายกอภิสิทธิ์  ยังได้แสดงความยินดีต่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 28 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย  แล้วอีกไม่กี่นาทีต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ผู้สมัครสส.สัดส่วนหมายเลข 1 จากพรรคเพื่อไทย  ก็ออกมาขอบคุณประชาชน และขอบคุณหน.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองที่ต่อสู้อย่างสร้างสรรค์  และพูดถึงนโยบายบางประการในฐานะ  ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ .................รวมคนที่เขายอมรับซึ่งกันและกันในประเทศไทยขณะนี้ อย่างน้อยก็ถึง 26 ล้านคน  11 ล้านคนยอมรับความพ่ายแพ้และยินดีที่ประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่  อีก 15 ล้านคนก็ขอบคุณ 11 ล้านคนฝ่ายแพ้ และยินดีปรีดาที่จะได้การบริหารตรงตามนโยบาย ยินดีกับชัยชนะการที่คนที่ตนสนับสนุนจะได้ขึ้นบริหารงานตามนโยบายที่ปรารถนา

ความหมายคืออะไรครับ  ?    ..........

คือไม่ใช่เฉพาะคนไทย....แต่โลกทั้งโลกเขาก็รู้กันแล้วอย่างปราศจากความสงสัย  ว่า  คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  จะต้องไปเป็นฝ่ายค้านแล้วอย่างเต็มใจเพราะยอมรับในความพ่ายแพ้    และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร    จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่   นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย   .........  แม้ตลาดหุ้นก็ยังแสดงผลของความยินดีปรีดาเลยครับ........ถ้าไม่เป็นไปตามนี้แล้ว  ไม่ใช่เพียงคนไทย 26 ล้าน เป็นอย่างน้อย(11ล้านของพรรคประชาธิปัตย์และ 15ล้านของพรรคเพื่อไทย)   แต่โลกทั้งโลกก็จะรุมเข้ามาครับ      แม้ขณะนี้ โลกก็ยังงง  เหมือนที่คนไทยงงกันนี่แหละ  

(คราวนี้การเลือกตั้งไทย เข้าสู่จรรยาบรณ ตามแบบอเมริกาเขาทำเลยครับ........เรากำลังหวังว่าประชาธิปไตยไทยเริ่มก้าวออกไปในก้าวสำคัญแล้วเทียว .........  แต่แล้ว  กกต.ก็ทำให้เส้นกระตุก....และแดงผู้รักประชาธิปไตยทั้งสิ้น  เขาต้องมองครับ....อย่างหวาดระแวง และพร้อมสู้) 

ผมไม่ได้ตำหนิ กกต.นะครับ   แต่ผมอยากจะให้เข้าใจว่า   แนวคิดเราต้องกว้างขวาง  ทันสมัยทันระบอบกว่านี้ ...............  กฎหมาย..ระเบียบเราก็ต้องกว้างขวาง  ทันสมัยทันระบอบกว่านี้ .......   และการ  decision making   ของเราก็ต้องกว้างขวาง ทันสมัย ทันระบอบกว่านี้  ........คือกฎหมายต้องสอดคล้อง และรับรองแนวคิดอันกว้างขวางของระบอบประชาธิปไตยครับ      ตัวอย่างที่น่าสนใจขณะนี้  ขอยกประเด็นเดียวก็คือ  กฎหมายต้องให้นำหนักอย่างถูกต้อง ตามความหมายของหลักการประชาธิปไตย    ไม่ใช่เรื่องเล็กนิดเดียว   ล้มพรรคการเมืองได้แล้ว   ปลดนายกรัฐมนตรีได้แล้ว     ......ผมจึงมองเรื่องกฎหมาย...ระเบียบว่าล้าหลังที่สุดไงครับ..............  และ  กกต.ก็มักอ้างว่าปฏิบัติไปตามกฎหมาย...ระเบียบที่ล้าหลังนั้น    ที่ว่าล้าหลังก็เพราะกฎหมาย...ระเบียบ  ไม่สอดคล้อง  ไม่รับรองแนวคิดอันกว้างขวางของระบอบประชาธิปไตย นั่นเองครับ   ...........  และแน่นอน   ก่อนการเลือกตั้งคราวต่อไป  กฎหมายจะต้องได้รับการปรับ แก้ไข ไปในแนวทางที่มันสมัยขึ้น.....  นั่นคือให้สอดคล้อง รับรองแนวคิดอันกว้างขวางของระบอบประชาธิปไตย.....ซึ่ง กกต.จะต้องมองเห็นแนวทางดังกล่าวนั้น  ตั้งแต่บัดนี้แล้ว   .......

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนายอภิชาติ  สุขัคคานนท์  ไม่ให้เกียรติ์แด่ บุคคลของประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภาสูงสุดของชาติ คือสภาผู้แทนราษฎร    นายสุชาติควรจะออกมาประกาศรายชื่อ สส.ด้วยตนเอง ในฐานะประธาน กกต.จึงจะถูกและดูดี  สมศักดิ์ศรีคนของประชาชน   ............   น่าเป็นเพราะสำนึกยังไม่ลึกซึ้งพอที่จะเข้าถึงแก่นแท้แห่งประชาธิปไตยนั่นเอง

แล้ว กกต.นี่ออกท่าทางทำงานยังกับแบกโลกไว้ทั้งโลก บนบ่าพวกตนเท่านั้น.......ทำหน้ามุ่ยอยู่ตลอดวันตลอดเวลา     มีอะไรก็บอกประชาชนหน่อยซี  เก็บไว้คนเดียวนี่ถือเป็นการดูแคลน ไม่เป้นการเคารพประชาชน   ....และ    แท้จริงมันไม่ขนาดนั้นหรอกครับ     คุณไม่ต้องไปคิดมาก  ถ้าคุณทำไปโดยสุจริต คุณจะไปกลัวอะไร   ...........     การจะไปตำหนิเรื่องคนไปชุมนุม   ว่าไปกดดันนั้น  มันไม่ถูกต้อง    ..............  จะยกเหตุนี้ขึ้นอ้างไม่ได้...............   เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับหน้าที่ของคุณ   คุณเป็นผู้ตัดสิน   คุณตัดสินอย่างไร   โอนไปโอนมา อย่างนั้นหรือ ???   .................  พวกแดงไปเยอะคุณก็จะตัดสินใจไปตามเสื้อแดง   พวกเหลืองไปเยอะคุณก็ตัดสินเอาใจเหลือง อย่างนั้นหรือ  ?      อะไรจะไร้หลักการขนาดนั้น    ?

ก็ในเมื่อไม่ใช่เช่นนั้น.................คุณจะไปเป็นทุกข์เป็นร้อนทำไม ........  คุณก็ตัดสินไปให้มันแล้วเสร็จ......ก็เท่านั้นเอง   ไม่จำเป้นที่ต้องไปมองมิติอื่น  ......  เพราะคุณไม่ใช่ผู้ประสานงาน   คุณคือ  ผู้ชำนาญงานเฉพาะด้าน   ก็ว่าไปเฉพาะเรื่องที่คุณรับผิดชอบ ในสาขาของคุณ  .....สาขาอื่นที่เราไม่ชำนาญและก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเรา ก็ไม่ต้องไปคิด ..............นั่นก็คือ   ดูข้อมูล.......มันยังไม่พอก็บอกเขาเอามาเพิ่ม...... พอแล้วก็ตัดสินไปตามกระบวนการตัดสินใจของคุณ      ก็เท่านั้นเอง   ..............  ที่จริง การตัดสินความสิ่งที่ต้องคำนึงมาก ๆ  ก็ต้องคำนึงศักดิ์ศรี  เห็นแก่สถาบัน  คือถ้าตัดสินไปตามสุจริตเที่ยงธรรมแล้ว  โดนกระทืบตาย   ก็ต้องยอม..... อย่างนี้เรียกว่ามีศักดิ์ศรี   .........................  งานมันก็จะเร็วขึ้น..........

หน้าตานี่   ยังกะกินยาขม........  ไม่มีความเป็นมิตรกับประชาชนเสียเลย.......   อาจจะถูกมองว่านี่คือบุคคลิกภาพเผด็จการอมาตยาธิปไตย.......ไม่เคารพในระบอบการปกครองประชาธิปไตย  ผิดรัฐธรรมนูญอีก  ก็ได้นะครับ    

(ตามระบอบประชาธิปไตย  ผมมีสิทธิเรียกร้องให้ข้าราชการปฏิบัติงานด้วยหน้าตายิ้มแย้มนะครับ......เดี๋ยวจะหาว่าผมไร้เหตุผล)      

กกต.ชุดนี้ยังมีโทษอยู่นะครับ ฐานหนีราชการไปเที่ยว........แล้วเกิดผลเสียหาย  ทำให้ล่าช้าในการประกาศชื่อรับรองสส.นี่แหละครับ.......  เสร็จนี่ก่อนผมจะเสนอให้โละเสียทั้งชุดนี่แหละ.......

สุชาติ  สุขัคคานนท์ นี่แหละครับ  หน้าตาไม่ต้อนรับประชาชน  ที่นายหัวหมอว่า   ................

แกทำหน้าบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา  บ้าอำนาจ  แบบเงียบ ๆ  ดื้อดึง    

มีกฎ  กพ.นะครับ   เรื่องหน้าตาข้าราชการ ขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชน  .........   ถ้าทำหน้าตาบึ้งตึง ออกท่าเป็นเจ้าเป็นนายนี่   เขาถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง  ........  และอาจจะไม่ได้รับพิจารณาความดีความชอบปลายปี..........   แกอาจจะไม่รูระเบียบข้าราชการเรื่องนี้ก็ได้  ....................แต่หลักกฎหมายก็มีว่า   จะอ้างความไม่รู้กฎหมายมาเป้นข้อโต้แย้งเพื่อไม่รับผิดไม่ได้

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ในประเด็นที่ว่า  นายสุชาติ  สุขัคคานนท์  ควรจะให้เกียรติ์แด่คนของประชาชน  โดยการออกมาประกาศรายชื่อด้วยตนเอง ในนามหน่วยงานสูงสุดที่จัดการการเลือกตั้งของประเทศไทย

คุณอภิชาติ   ควรจะเข้าใจว่า  ในบรรดาคนของประชาชนเหล่านี้  มีหลายคนที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งสูงสุดในสถาบัน   มีทั้งนายกรัฐมนตรี  ฝ่ายบริหาร  มีทั้งประธานรัฐสภา ฝ่ายนิติบัญญัติ    และ  แม้กระทั่ง  รมต.   หรือในสภาผู้แทนราษฎรเอง   หรือแท้จริง   คำว่า  ผู้แทนราษฎรนี่แหละครับ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติยศสูงสุด  อยู่แล้ว   

ผมไม่ได้ตำหนิหรอกครับที่ท่านเลขาธิการออกมาประกาศ   เพียงแต่ว่า  นั่นยังไม่สมบูรณ์....น่าจะทำให้ได้ดีกว่า....หรือดีที่สุดเท่านั้นเอง ........ก็ไม่ยากไม่ใช่หรือครับ  และก็จะได้เป็นระบบวัฒนธรรมที่ดีของประชาธิปไตยไทยต่อไป........ 

วันนี้แขวน  จตุพร  ต่อไป  เปิดสภาได้แล้ว  มีพระราชกฤษฎีกาเปิดสภา 1 ส.ค.2554  ได้สส. 496 คนแล้ว พอเปิดประชุมสภา  เหตุผลที่แขวน  ไม่น่าเป้ฯประเด็นร้ายแรงอะไร  กกต.ว่าเป็นเรื่องคุณสมบัติของคุณจตุพร ว่า   เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยหรือเปล่า ?  

ก็งงเหมือนกัน    ไม่เป็นสมาชิกแล้วเขาจะบรรจุลงในบัญชีรายชื่อได้อย่างไร   พรรคการเมืองเขาปัญญาอ่อนหรืออย่างไร ?   .................................. แต่ปัญหาจิบจ้อยอย่างนี้แหละ   ที่กลายเป้ฯปัญหาใหญ่โต  ในแง่มุมของกฎหมายไทย    ...............   คุณเห็นแล้วหรือยังว่า  นี่คือปัญหาทางกฎหมายที่ล้าหลังสุดกู่ของประเทศนี้    ..............

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม กกต.จึงดึง......ทำเป็นเรื่องอย่างกับว่าสำคัญ  หรือร้ายแรงเหลือเกิน   ............   เพื่ออวดโลกว่ากฎหมายไทยมีความละเอียดอย่างยิ่ง อย่างนี้ ๆ  น่ะหรือ ?   แล้วได้ประโยชน์อะไร กับความละเอียดของกฎหมายเช่นนี้     ช้า  เสียเวลาทำมาหากินน่ะไม่คิด.............. ทำให้คนต่างประเทศไม่มั่นใจทางธุรกิจของเขา .......... คล้าย ๆ ยุคคนเผ่า  ยุคล่าอาณานิคมนั่นแหละ  

    มีข่าวครับ  เอสเอ็มเอส  เรดก๊อสสิป  ว่า     พรุ่งนี้กกต.จะพิจารณากรณีคุณสมบัติจตุพรหลังอนุกรรมการหารือยงยุทธหน.พท.

คงได้เฮละครับ....................

ยัง  ยังไม่ได้เฮ...........เขาว่าได้ข้อมูลใหม่  เลื่อนไปชี้ขาดวันที่ 1 ส.ค.2554................................

ถ้าประเด็นเป็นเรื่องคุณสมบัติ..........ทำให้จตุพรต้องพลาดไป................

ก็จะกลายเป็นเรื่องตลกอีกครั้งหนึ่ง ในวงการ กกต.    

ผมว่าโลกก็จะมองเป็นอะไรสักอย่างที่มีคุณสมบัติตรงกับคำว่า     บ้องส์ส์ส์+ซื่อบือส์ส์ส์  6 ตนในวงการกฎหมายไทย

เดินไปไหน ๆ  ก็ไปกับสัญญลักษณ์   บ้องส์ส์ส์+ซือบือสฺส์ส์  นี้ จนตลอดชีวิต .....

สมกับ  สุชาติ สุขัคคานนท์  เปี๊ยบเลย    นะฮะ !!!

กกต. 4 ให้ผ่าน   1  ไม่ให้ผ่าน     1คนนั้นก็อภิชาติ สุขัคคานนท์.......... น่าติดตามวิจัยดูว่าทำไมประธาน กกต.จึงไม่ยอม........  จะเป็นเพราะ บ๊องสสสส์+ซือบือสสสส์ หรือมีเหตุอื่นประการใด .......

ประการที่ 1  บ๊องสสสส์+ซือบือสสสสส์    

ประการที่ 2   ทาสผู้ซื่อสัตย์ของมืออมาตย์

ประการที่ 3  มีนิสสัยตายตัวคือเหยียดหยามประชาชน

ประการที่ 4   ศัตรูของประชาธิปไตย คิดว่าประเทศไทยไม่มีวันที่จะเป็นประชาธิปไตยได้

ประการที่ 5  เรียนรู้ธรรมะแบบโบราณ เต่าตุ่น  ติดแบบ ปรับตัวไม่เป็น  พวกไดฯ   

ประการที่ 6  ท้อถอยต่อการมีชีวิตอยู่ ไร้ความหวังต่อระบอบสังคมไทยยุคนี้  

ประการที่ 7  ชีวิตซ่อนแฝงพิรุธ มีปมด้อย มีประสบการณ์ด้อยมาแต่วัยเด็ก

ประการที่ 8  อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ขัดกับความต้องการทางอารมณ์ของตนเอง เก็บกด ไม่มีทางออก 

ประการที่ 9  ครอบครัวใหญ่ และเงินทองเลี้ยงชีพมีปัญหา  

ประการที่ 10 มีญาติผู้ใหญ่หรือผู้ชราภาพเจ็บป่วยเรื้อรังเป็นเวลาเนิ่นนาน

ประการที่ 11  มีบริวารใต้การปกครองหัวแข็ง ไม่อยู่ใต้คำสั่ง และไม่ยิ้มแย้มพอใจในการเป็นอยู่ของตัวเอง 

นี่เป็นสมมติฐานนะครับ  ผมว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะพิศูจน์ได้ว่าจริง   .....  สำหรับ  อภิชาติ  สุขัคคานนท์  

ลองศึกษาหาข้อมูลมาพิศูจน์ต่อไปสิครับ.......

 มาแล้วครับ  ข่าวเสื้อแดงตะลึงวันนี้ 30 พ.ย.2554

ในที่สุด  กกต.ก็มีการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของ จตุพร พไรมพันธ์  และออกมาว่า  4: 1 เป็นอันยุติ ระดับ กกต.  ต่อไป กกต.จะเสนอไปยังประธานสภา  เพื่อประธานสภา  ส่งต่อไปยัง  ปปช.  อันเป็นจุดสุดท้าย  

กกต.ออกมาแบบเดงียบกริบ และ ช็อคเหมือนกัน

ก็จะกลายเป็นเรื่องตลกอีกครั้งหนึ่ง ในวงการ กกต.    เคยบอกแล้วว่า
ถ้ามติออกมาอย่างนี้ โลกก็จะมองเป็นอะไรสักอย่างที่มีคุณสมบัติตรงกับคำว่า     บ้องส์ส์ส์+ซื่อบือส์ส์ส์  ในวงการกฎหมายไทย

 กกต.4คนเดินไปไหน ๆ  ก็ไปกับสัญญลักษณ์   บ้องส์ส์ส์+ซือบือสฺส์ส์  นี้ จนตลอดชีวิต .....

กกต.ชุดนี้ยังมีโทษอยู่นะครับ ฐานหนีราชการไปเที่ยว........แล้วเกิดผลเสียหาย เหลือคณานับ  ก็จะต้องพิจารณาโทษเหมือนกัน จะปล่อยไปได้อย่างไร ให้เป็น 2 มาตรฐาน .......