ReadyPlanet.com


ประเด็นมาตรา 112 เยซูแห่งนาซาเรธ ถึงโจโฉแห่งสามก๊ก


 

ประเด็นมาตรา 112
 
 
ประเด็น มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือที่มีคนเรียกกันให้น่ากลัวเหลือเกินว่า “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
ซึ่งมีข้อความว่า  “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย (1) พระมหากษัตริย์ (2) พระราชินี (3) รัชทายาท หรือ (4) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
 
 
ที่ได้เป็นที่สังเกตมาตลอดถึงข้อบกพร่อง ในการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ ที่ปรากฏว่ามีการบังคับใช้อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ตรงต่อความเป็นธรรม และ เป็น 2 มาตรฐานอย่างชัดเจน พอ ๆ หรือยิ่งกว่ากรณี 2 มาตรฐานในกฎหมายอื่น กรณีอื่น ๆ เสียอีก  เช่นกรณี ดา ตอร์ปิโด หรือ  ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล  อดีตผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยและสถานีโทรทัศน์เคเบิลไทยสกายทีวี อดีตแกนนำกลุ่มสภาประชาชน   ซึ่งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 ดา ตอร์ปิโด ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่มต่อต้านพันธมิตร ณ บริเวณท้องสนามหลวง ระหว่างปราศรัยนี้เธอได้ใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกองทัพบกมองว่าถือเป็นการมิบังควรอย่างที่สุด ทำให้กองทัพบกมีหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ทำให้ ดา ตอร์ปิโด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ลงโทษจำคุก 18 ปีไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งได้นำคำพูดที่ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของดา ตอร์ปิโด ไปออกอากาศที่เอเอสทีวี และเหยียบย่ำดา ตอปิโดต่อในเวลาใกล้เคียงกันอันเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เหตุใดจึงยังคงลอยนวลอยู่ได้สบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับสองมาตรฐานในการจัดการดำเนินคดีกรณี พธม.ยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบิน ที่เป็นสนามบินนานาชาติ ที่เห้นชัดเจนอย่างยิ่ง   เป็นต้น ซึ่ง การบังคับใช้อย่างเป็น 2 มาตรฐาน ทำไมพฤติกรรมอันผิดกฎหมายเดียวกัน คนหนึ่งกับอีกคนหนึ่งจึงได้รับการปฏิบัติจากวงการกฎหมายไม่เท่ากัน และทำได้อย่างไร ในระบอบประชาธิปไตย และที่สำคัญเหตุใด ไม่เข้าใจฐานะของประเทศที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจ อธิปไตยอันสูงสุด และคิดต่อต้านพลังประชาชน คดีหมิ่นเหมือนกัน แต่ดาวตอร์ปิโด ถูกพิพากษาจำคุกไปแล้ว ได้รับการลงโทษ  แต่ในขณะเดียวกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังลอยนวลอยู่อย่างสบาย ดุจดังว่าสุนัขมีปลอกคอ ทำนองนั้น นอกจากนี้กรณี ความยุติธรรมตามกฎหมายก็ยังเป็นกรณีที่ดั้งเดิม ที่กลายเป็นเหตุของการที่มีกระแสสังคม ออกมาชำระกฎหมายขณะนี้ โดยเฉพาะนักกฎหมายรุ่นใหม่ เช่นคณะนิติราษฎร์ และนักเขียน 359 รายชื่อ   โดยเหตุที่ความอยุติธรรมในวงการยุติธรรมไทยเห็นชัดเจนเหลือเกิน และเลยมาถึงคดีอากง หมิ่นสถาบันทาง เอสเอ็มเอส ถูกพิพากษา 4 กะทง ๆ ละ 5 ปีรวมเป็น 20 ปี ที่ก่อเกิดกระแสล่าสุดขึ้นมาต่อประเด็นนี้
 
และยังมีกรณีหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด แต่เงียบหายอย่างไร้ร่องรอย ก็คือ กรณีพธม.นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง โพธิรักษ์แห่งสันติอโศก และพรรคประชาธิปัตย์  ขณะที่ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลอยู่และล้นเลยออกมาบริเวณสะพานมัฆวาน ได้ทำการปิดเส้นทางพระราชดำเนิน ที่ทรงเสด็จไปประกอบพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งทรงสิ้นพระชนม์ เวลา 02.54 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2550 ณ ร.พ.ศิริราช  พระชันษา 84 ปี  ซึ่งมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ทั้งสิ้น 6 วัน ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2551 ที่ต้องเสด็จผ่านถนนราชดำเนิน ดังนี้    

     -วันศุกร์ที่ 14 พ.ย.2551   บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท               
     -วันเสาร์ที่ 15 พ.ย.2551   พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง
     -วันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย.2551   พระราชพิธีเก็บพระอัฐิ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง
     -วันจันทร์ที่ 17 พ.ย.2551   บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระอัฐิฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
     -วันอังคารที่ 18 พ.ย.2551 เชิญพระอัฐิประดิษฐานบนพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
     -วันพุธที่ 19 พ.ย.2551 ทรงบรรจุพระสรีรางคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา สุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
 
แต่ในระหว่างเวลา 6 วันที่เสด็จพระราชดำเนินโดยสถลมาร์คเพื่อไปประกอบพระราชพิธีนั้น ทั้ง ๆ ที่ทางตำรวจได้เข้าไปขอร้องให้เปิดถนนราชดำเนินเพื่อทรงเสด็จ แต่ก็หายินยอมไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมขบวนพระราชอิสริยยศ ซึ่งประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารทั้งสิ้น รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญในสามสถาบันสูงสุดของชาติ ต้องหลีกชนกลุ่มดังกล่าวนั้นที่ยึดครองทำเนียบรัฐบาลและบริเวณถนนราชดำเนินไว้ ซึ่งก็คือ พธม. กลุ่มสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ นั่นเอง เป็นเหตุให้ต้องทรงเสด็จอ้อมไปทางถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นถนนชั้นรอง ตลอดเวลา 6 วันที่ทรงเสด็จไปประกอบพระราชพิธีในแต่ละวันแต่ละพิธี นั้น 
 
กรณีนี้มิยิ่งกว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตาม ม.112 อีกหรือ แต่ทำไมเงียบกริบมาจนถึงบัดนี้ และมีลักษณะลึกลับ อย่างยิ่ง เพราะยังคงไม่มีแม้สื่อมวลชนแต่กระแสเดียวพูดถึงตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ และคนหรือบุคคลผู้ออกอาการว่าภักดีอย่างสูงสุด เช่น ผบ.ทบ.- และพรรคประชาธิปัตย์หายไปไหน แต่นี่เป็นความจริง ที่แสดงถึง ยิ่งไปกว่า 2 มาตรฐานเสียอีก   นี่แหละตัวอย่างอันชัดเจนที่สุด ที่เน้นย้ำไปถึงความชอบธรรมในการที่จะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นการโต้เถียงเชิงวิชาการ ตามแบบปฏิบัติสากลของสังคม ประเทศที่รับรองการเป็นระบอบประชาธิปไตย    การที่คณะนิติราษฎร์ และนักเขียน 359 รายชื่อดังกล่าว ได้กล่าวว่า บัดนี้เป็นโอกาสอันดีที่สังคมไทยจะได้พูดถึง กรณี ม.112 ในเชิงสร้างสรรค์ ตามสิทธิของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย นั้นน่าเป็นเหตุผลที่สมควรจริง ๆ ในเมื่อเรามีบทที่รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ตามระบอบประชาธิปไตยสากล ที่รับรองสิทธิเบื้องต้นของประชาชนไทยเอาไว้ 
 
 
 
กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้ เคยมีกรณีตัวอย่างมานานกว่า 2011 ปีแล้ว เกิดขึ้นที่กรุงเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย เมืองขึ้นของจักรวรรดิโรมันในยุคนั้น อันเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ ที่กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้ ได้เป็นผลให้โรมันทั้งอาณาจักร ต้องล่มจมลงไป แล้วเกิดศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกขึ้นมา ดำรงอยู่ถึงปัจจุบันนี้ คือศาสนาคริสต์ ซึ่งก็คือเรื่องราวของเยซูแห่งนาซาเรธ (Jesus of Nazareth) ซึ่งทรงเป็นเพียงเด็กจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ของช่างไม้ชื่อว่า หมู่บ้านนาซาเรธ เท่านั้นเอง แต่กรณีที่ทรงถูกกล่าวหาว่าทรงดูหมิ่นพระเจ้า (blasphemy) ของพวกเขา ได้ทำให้ชายผู้นี้โด่งดังไปถึงระดับศาสดาของศาสนายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก  ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ 
 
ให้ความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า ได้มีการติดตามจับตัวพระเยซูคริสต์ ภายหลังที่ทรงเริ่มประกาศศาสนาเพียง 3 ปี และพระองค์มีพระชนมายุเพียง 33 ปีเท่านั้นเอง ในข้อหา คล้าย ๆ กับกรณีมาตรา 112 ไทยนี่เอง   นั่นคือข้อกล่าวหาว่าพระองค์ ดูหมิ่นพระเจ้าของนักบวชที่ครองเมืองอยู่
 
ลองวิเคราะห์จากพระคัมภีร์ไบเบิล ต่อไปนี้ ตอนพระเยซูตอบโต้กับพวกอมาตย์หัวเก่าในยูเดีย ที่นับถือพระเจ้าอับบราฮาม ดังนี้ 
 
 
ชาวเมือง : Where is Your Father? [John 8: 19]
               พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน?
 
พระเยซูตรัสว่า : You know neither Me nor My Father; if you knew me, you would know My Father as well. [John 8:19]
                      ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย

ชาวเมือง : Do we not say rightly, that you are a Samaritan and have a demon? [John 8:48]
: ที่เราพูดว่า ท่านเป็นชาวสะมาเรียและมีผีสิงนั้นไม่จริงหรือ?
 
พระเยซู : I have no demon, but I honour My Father, and you dishonour Me. I do not desire My own glory; there is One who investigates that and who judges. With assurance I tell you, everyone who observes My teaching will never see death.[John 8:49-51]
:เราไม่มีผีสิง แต่เราถวายพระเกียรติแด่พระบิดาของเรา และท่านลบหลู่เกียรติเรา เรามิได้แสวงหาเกียรติของเราเอง แต่มีผู้หาให้ และพระองค์นั้นจะทรงพิพากษา เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดประพฤติตามคำของเราผู้นั้นจะไม่ประสบความตายเลย
 
ชาวเมือง : Now we know that You have a demon.[John8:52]
: เอาล่ะ เรารู้แล้วว่าท่านมีผีสิง
: You are not superior to our father Abraham, who died,are you? And the prophet died. Whom do you make Yourself? [John8:53]
: ท่านเป็นใหญ่กว่าอับราฮัม บิดาของเราผู้ทรงเป็นศาสดาพยากรณ์ ที่ตายไปแล้วหรือ ท่านอวดอ้างว่าท่านเป็นผู้ใดเล่า?
 
พระเยซู : If I should ascribe glory to Myself, My glory whould be worthless. My Father whom you call "our God" ascribes glory to Me. You do not know Him, but I know Him, and if I said, "I do not know Him" I would be a prevaricator like yourselves. But I know Him and observe His word. [John8:54-55]
: ถ้าเราให้เกียรติแก่ตัวเราเองเกียรติของเราก็ไม่มีความหมาย พระองค์ผู้ทรงให้เกียรติแก่เรานั้นคือพระบิดาของเรา ผู้ซึ่งพวกท่านกล่าวว่าเป็นพระเจ้าของพวกท่าน ท่านไม่รู้จักพระองค์แต่เรารู้จักพระองค์ และประพฤติตามพระดำรัสของพระองค์
 
 
ชาวเมือง : You are not yet 50 years old and Have You seen Abraham ? [John 8 : 57]
: ท่านอายุยังไม่ถึงห้าสิบปี ท่านเคยเห็นอับราฮัมหรือ ?
 
พระเยซู : Truely before Abraham"s birth I am. [John 8:58]
: เราขอบอกความจริงแด่พวกท่านว่าเราเกิดก่อนอับราฮัม
 
 
 
 
ซึ่งทั้งหมดที่พระเยซูตรัสมานี้ ชาวเมืองเห็นว่าเป็นการดูหมิ่นพระเจ้าอับบราฮามของพวกเขาทั้งสิ้น แล้วครั้นเมื่อพระเยซูกล่าวว่าพระองค์ทรงรู้จักพระเจ้าอับบราฮามดีกว่าชาวเมือง และทรงเกิดก่อนพระเจ้าอับราฮาม ศาสดาของชาวยิว แคว้นยูดายเสียอีก  คนก็โกรธจัด Then they picked up stones to hurl at Him : but Jesus concealed Himself and passed out of the temple.[John8: 59]
: คนเหล่านั้นจึงหยิบก้อนหินขึ้นจะขว้างพระองค์ แต่พระเยซูทรงหลบและออกไปจากบริเวณพระวิหาร และหนีไปหลบซ่อนพระองค์ และเป็นเหตุให้ทางการเยรูซาเล็มประกาศจับตัวพระเยซูฐานหมิ่นพระเจ้า ทำให้ประชาชนโกรธแค้นและเกิดความสับสนอลหม่านขึ้นในหมู่ประชาชนและทั้งมีผู้ฟ้องร้องในข้อหาต่าง ๆ อีกหลายข้อหา ในที่สุด ด้วยการจ้าง ยูดาส อิสคาริโอท สาวกคนที่13 ของพระเยซูเอง ด้วยเงิน 30 เหรียญ ให้บอกที่ซ่อนของพระเยซู ยูดาส ก็พาทหารไปหาพระเยซูในถ้ำ ที่แวดล้อมด้วยสาวก 12 คน บอกทหารว่า คนไหนที่เขาจูบ คนนั้นแหละพระเยซู ให้จับกุมตัวเอา เขาจึงจับพระเยซูได้ในคืนที่มีพิธีเลี้ยงอาหารเย็นมื้อสุดท้าย(the last supper)มัดตัวไป ที่บ้านคายาฟัส ที่พำนักและศาลของมหาปุโรหิต มหาปุโรหิตก็ทำการสอบสวน
 
 
ข้อกล่าวหาก็คือทำทรัพย์สินประชาชนเสียหาย ทำร้ายร่างกายคนอื่น อวดอ้างตนเป็นผู้วิเศษและดูหมิ่นพระเจ้า อวดอภินิหาริย์ว่าสามารถยกพระมหาวิหารขึ้นใหม่ได้ในสามวัน โดยฝ่ายบ้านเมืองมีพะยานบุคคลเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง ที่ถูกพระเยซูไล่ตีเอาด้วยแซ่ และทำสัตว์ ทรัพย์สินเงินทองของเขาเสียหายที่วิหารใหญ่เมืองเยรูซาเล็ม คราวที่พระเยซูเข้าเมืองมาก่อเรื่องแต่คราวแรก
 
การซักพยานและการตอบโต้แก้ข้อกล่าวหาในศาลของมหาปุโรหิต มีข้อความว่าดังต่อไปนี้
 
พะยาน : This fellow said, I have power to destroy God’s temple and to build it again in three days. [Mattew 26:61]
: คนนี้ได้กล่าวว่าเขาสามารถจะทำลายพระวิหารของพระเจ้าและจะสร้างขึ้นใหม่ ในสามวัน"
 
พระเยซู : ทรงนิ่งอยู่ ไม่ทรงตอบโต้
 
มหาปุโรหิต : Have you nothing to say ? What about their evidence against you? [Mattew 26:63]  
: ท่านจะไม่แก้ตัวในข้อหาที่พะยานเขาตั้งมานี้หรือ?
 
พระเยซู : ทรงนิ่งอยู่ ไม่ทรงตอบโต้
 
มหาปุโรหิต : I charge You on oath by the living God that You tell us whether You are the Christ, the Son of God. [Mattew26:63]
: เราขอกล่าวหาท่าน โดยให้สาบาญต่อหน้าพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ให้บอกเราตรงไปตรงมาว่า ท่านเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่?
 
พระเยซู : As you say. Besides. I tell you that shortly you will see the Son of Man seated at the right hand of the Almighty and coming upon the cloud of heaven. [Mattew 26]
: ที่ท่านพูดนั้นถูกเลยละ ยิ่งกว่านั้นอีก เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ท่านทั้งหลายจะได้เห็นพระบุตรมนุษย์ประทับนั่งบนที่นั่งเดียวกันเบื้องข้างขวาของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมาบนเมฆล่องมาจากฟ้าสวรรค์
 
มหาปุโรหิต : (ลุกขึ้นฉีกเสื้อของตน) He has blasphemed! What further need do we have to witnesses? You have now heard His blasphemy. What do you think? [Matthew 26:65]
: เขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลาย ก็ได้ยินเขาพูดหมิ่น ประมาทพระเจ้าแล้ว เรายังจำเป็นต้องการพยานมายืนยันเพิ่มอีกหรือ ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร?
 
ชาวเมือง : He deserves death! [Mattew 26: 66]   : ควรปรับโทษถึงตาย
 
ในระบบศาลแคว้นยูเดีย เมืองเยรูซาเล็ม เมืองขึ้นโรมันขณะนั้น เมื่อศาลท้องถิ่นคือ คณะมหาปุโรหิตสอบสวนได้ข้อสรุปแล้ว ซึ่งในที่นี้ สรุปว่า He deserves death! [Mattew 26: 66]   : ควรปรับโทษถึงตาย ก็นำเรื่องยื่นต่อเจ้าเมืองที่มาจากจักรพรรดิโรมันพิพากษาเป็นชั้นสูงสุด  และแล้ว ปีลาต(Pilate) จากโรม ก็พิพากษาให้ตรึงกางเขนพระเยซู โดยให้ลงโทษด้วยการเฆี่ยนอย่างสาหัสเสียก่อน แล้วให้แบกไม้กางเขนไปยังตำบลหัวกะโหลก บนเนินเขา ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ทำการตรึงไว้ หากไม่ตายก็ให้เอาหอกแทงให้ตาย โดยโทษฐานดูหมิ่นพระเจ้า(blasphemy)
 
 
หากโลกไม่มีเรื่องราวของการหมิ่นพระเจ้า (blasphemy) เกิดขึ้น โลกคงไม่มีศาสนาคริสต์ และ ศาสดาเยซูผู้ยิ่งใหญ่(หรือที่ยุคใหม่นิยมที่ชื่อว่า จีซัส ไครส์ : Jesus Christ)ที่โลกทั้งโลกบูชา   ซึ่งกำลังคล้ายคลึงกับกรณี ม.112 ไทยในขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ยุคนี้เป็นยุคประชาธิปไตย ประชาธิปไตยนั้นคล้ายหลักการศาสนาในประเด็นที่จิตใจของประชาชนต้องยิ่งใหญ่ ต้องก้าวข้ามอารมณ์ โลภ โกรธ หลง การยึดมั่นถือมั่น อันเป็นเรื่องส่วนตัวไปเป็นเรื่องส่วนรวม ให้ได้ นั่นแหละเงื่อนไขสากลของประชาธิปไตย
 
·        บุษบา บุญเสฏฐ์
อรบุศป์ ละอองธรรม

28 ธ.ค.2554 /10.15 น.
 


ผู้ตั้งกระทู้ สุไหงปาดี ชินะกุล :: วันที่ลงประกาศ 2012-01-07 22:10:29


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3322359)

ควรแก้ไขอย่างยิ่งไม่ให้ใครนำมาตรานี้ไปใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกันทางการเมืองกับคนที่เห็นต่าง และการที่กฎหมาเปิดโอกาสให้ใครๆฟ้องร้องก็ได้ อาจทำให้เกิดการกลั่นแกล้งกันได้ ควรมีหน่วยงานที่ดูแลโดยตรงเป็นผู้รับผิดชอบเพื่อความยุติธรรมและป้องกันการนำไปใช้ในทางมิชอบ

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2012-01-08 23:37:12


ความคิดเห็นที่ 2 (3323041)

ควรยกเลิกไปเลย     นี่เป็นเพียงกฎหมายบทหนึ่งเท่านั้นเอง  เลิกได้  สร้างใหม่ได้  

 

เห็นด้วยกับท่านทั้งหลาย ที่ว่า  สถาบันมิได้อยู่ด้วยกฎหมายนี้   แต่อยู่ที่ความศรัทธาของประชาชน   เมื่อเลิกกฎหมาย  มีความศรัทธาอยู่หรือไม่    นั่นคือประเด็น 

 

ความศรัทธาต่างหากที่ทำให้สถาบันอยู่ได้ 

 

และม.112 ขณะนี้   ยิ่งเพิ่มไปเรื่อย ๆ ซึ่งความกลัว  ของฝ่ายประชาชนและผู้ที่วิจารณ์โดยสุจริต อย่างซื่อต่อสถาบัน      และขณะเดียวกันยิ่งเพิ่มความระแวง แด่ฝ่ายราชการผู้มีหน้าที่ในการพิทักษ์กฎหมาย เกี่ยวกับสถาบันนั้น

 

สังคมไม่มีความสุข   เต็มไปด้วยความกลัว และเต็มไปด้วยความหวาดระแวง 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายไพบูลย์ รักษ์ไท วันที่ตอบ 2012-01-14 10:17:42


ความคิดเห็นที่ 3 (3323199)

เห็นด้วยอย่างยิ่งสถาบันอยู่ได้มั่นคงด้วยความศรัทธา มิใช่อยู่ด้วยการบังคับใช้ของกฎหมาย ดูอย่างพระพุทธศาสนาซิ พระพุทธเจ้าถูกใส่ร้ายป้ายสีจากเจ้าลัทธิอื่นๆ แม้ในบางประเทศพระไตรปิฎกและศาสนสถานถูกเผาทำลาย พระภิกษุถูกฆ่าตายจำนวนมาก แต่พระพุทธศาสนาและองค์พระศาสดาและพระสาวกก็ตั้งมั่นอยู่ได้ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ชาวพุทธจะเสื่อมศรัทธาต่อพระสงฆ์ก็ต่อเมื่อมีความประพฤติปฏิบัติที่เสื่อมเสียต่อพระธรรมวินัย นักการเมือง นักกฎหมายทั้งหลายจงอย่าทำให้ประชาชนหวาดกลัว แต่จงทำให้ประชาชนมีอิสรภาพทางความคิดที่ถูกต้อง และการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องใดๆโดยความสุจริตใจนั่นคือการต่อสู้ทางวิชาการก่อให้เกิดบรรยากาศและสัมพันธภาพที่ดีของสังคมประชาธิปไตย

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-01-16 08:45:25


ความคิดเห็นที่ 4 (3323314)

16 มกราคม วันนี้เป็นวันครูขอยกย่องบูรพาจารย์ครูนักสู้เพื่อประชาธิปไตยในอดีต เริ่มต้นด้วยครูปรีดี พนมยงค์  ครูป๋วย  อึ้งภากรณ์ ครูเตียง  ศิริขันธ์ ครูจิตร ภูมิศักดิ์ สืบทอดจิตวิญญาณรักความเป็นธรรมมาถึงครูประชาธิปไตยในปัจจุบัน ขอยกย่องให้ท่านเป็นครูนวมทอง  ไพรวัลย์(นักสู้ธุลีดิน) คณะนิติราษฎร์ ครูธิดา ครูตุ้ม ครูหวาน และครูผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน อุดมการณ์อันสูงส่งของท่านจะนำพาประเทศไทยให้ฟันฝ่าเงื้อมมือของเผด็จการที่นับวันจะเสื่อมลงเรื่อยๆ และเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-01-16 23:34:18


ความคิดเห็นที่ 5 (3323317)

ในเรื่องสามก๊กตอนโจโฉแตกทัพเรือ  ........   ตอนที่ฝ่ายซุนกวนออกอุบายเผากองเรือโจโฉนั้น .........  น่าคิดมาก  ........  แล้วก็ทำไมไม่คิด.........

 

คือมีนายทัพคนหนึ่ง....เข้าไปบอกโจโฉว่า.....การเอาเรือรบมาเรียงกัน ทำการตรึงเป็นแพใหญ่  กันโรคเมาคลื่น...... ตามคำแนะนำของไส้ศึกฝ่ายซุนกวนนั้น   เป็นอันตราย   ..........  นายทัพให้เหตุผลว่าลมเหนือกำลังมา ถ้าเกิดไฟไหม้ขบวนเรือขึ้นแล้ว จะแก้ไขได้ยากยิ่ง อาจถึงพ่ายแพ้สงคราม......... 

 

ขณะนั้นโจโฉ กำลังอิ่มเอิบพอใจในยุทธวิธีใหม่ที่ต่อเรือตรึงเข้าด้วยกัน ป้องกันโรคเมาคลื่นของทหารได้  ......   พอได้ยินนายทัพผู้นั้นเตือน  ก็โกรธ   เอาหอกแทงนายทัพคนนั้นล้มลงตายทันที   .............    ต่อหน้าทหารหน้าโง่ขี้ประจบทั้งปวง

(แล้ว  ยังไง   ก็รู้กันดีอยู่แล้ว   ขงเบ้งก็ให้เอาเรือซุ่มมากับหมอก   วางเพลิงเสีย.....ลมเหนือก็กระชุ่น.......เรือก็ตรึงกันอยู่แน่น ไฟก็ลามไปทั้งกองทัพ    โจโฉก็แตกทัพเรือ........  แล้วไปทำอะไรโง่ ๆ ระหว่างแตกหนีไปอีกหลายครั้ง...........

 

ลองคิดดูว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้อย่างนี้   ...........    นี่แหละ ม.112    .......   อย่าจับเรานะ......เราสุจริต......

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ไพบูลย์ รักษ์ไท วันที่ตอบ 2012-01-17 06:56:00


ความคิดเห็นที่ 6 (3323346)

อึดอัดเรื่อง ม.112 จังเลย    ......................    ที่กระแสมันแรงก็คงเป็นเพราะความอึดอัดนี่แหละ...   ทำอะไรสักอย่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไป.........พวกอมาตย์มันไม่เข้าใจเรา  จิตใจประชาธิปไตยมันต้องกว้างขวาง   รับได้ทั้งคำติ-คำชม    พูดแบบทันยุคก็ว่า   รับทั้ง pro  ทั้ง con   นั่นแหละ   

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ไพสิฏฐ์ คีตะวัน วันที่ตอบ 2012-01-17 08:55:12


ความคิดเห็นที่ 7 (3323501)

พูดอะไรให้เคลียร์หน่อยนะครับ     ไอ้ชอบอ้างภาษานี่ ผมเห็นแต่นักวิชาการหัวนอก ๆ  ไปจำเขามา แต่ไม่รู้ความหมายก็มี    แต่ฟังแล้วแยบคายดี     เขาว่า พอโปร กับคอน ไประยะหนึ่งก็ตกผลึก  ได้ทฤษฎีมา   เช่นนั้นก็ดีนะครับ

 

มันคล้าย ๆ คำอีกคู่หนึ่งที่ได้ยินพวกหัวนอกพูด   Thesis  กับ  SynThesis      ผมฟังคล้าย ๆ กับที่ ดร.นันทสาร สีสลับ  แห่งมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก  พูด ธัมมะ 3 ฝ่าย ที่มีอยู่ในโลกโดยธรรมดาคือ    กุศลาธัมมา ฝ่าย+  อกุศลาธัมมา ฝ่าย -   แล้วรบกันเป็นกลาง ๆ เรียกว่า   อัพยากตาธัมมา  

 

อธิบายหน่อยครับ   

ผู้แสดงความคิดเห็น นายไพบูลย์ รักษ์ไท วันที่ตอบ 2012-01-18 17:42:56


ความคิดเห็นที่ 8 (3323502)

ก็อยากตะโกนกันก้อง ๆ ให้ได้ยินดัง ๆ  ว่า      อย่าทำเหมือนโจโฉ จะได้ไหม ?    ทำไมต้องเอาหอกแทงแม่ทัพคนนั้นตายด้วย  ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนจงรักภักดีที่แท้จริง    

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายตาถั่ว วันที่ตอบ 2012-01-18 17:55:07


ความคิดเห็นที่ 9 (3323535)

ไพบูลย์  รักไท นี่แยบคายจริงๆ ท่านเปรียบการกระทำของอำมาตย์กับโจโฉแตกทัพเรือเหมาะเจาะดีทีเดียว หวังว่าอำมาตย์คงจะกลับตัวทันไม่หลงกลบริวารที่ประจบสอพลอจนทัพแตกนะ  ผู้ที่ชี้ผิดว่าผิด ชี้ถูกว่าถูกคือมิตรแท้ต่างหาก มิพึงระแวงมิตรว่าเป็นศัตรู 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2012-01-19 00:05:05


ความคิดเห็นที่ 10 (3323618)

ที่ว่าไส้ศึกนั้น  ก็เห็นชัด ๆ    เจ๊กลิ้มแหง ๆ   ขนาดกล้าบังอาจขวางทางเสด็จ 6 วัน  ยังไม่เอาโทษมันเลย  

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2012-01-19 17:19:17


ความคิดเห็นที่ 11 (3323645)

.................................................

"....พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ทั้งสิ้น 6 วัน ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2551 ที่ต้องเสด็จผ่านถนนราชดำเนิน ดังนี้    

     -วันศุกร์ที่ 14 พ.ย.2551   บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท               

     -วันเสาร์ที่ 15 พ.ย.2551   พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง
     -วันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย.2551   พระราชพิธีเก็บพระอัฐิ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง
     -วันจันทร์ที่ 17 พ.ย.2551   บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระอัฐิฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
     -วันอังคารที่ 18 พ.ย.2551 เชิญพระอัฐิประดิษฐานบนพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
     -วันพุธที่ 19 พ.ย.2551 ทรงบรรจุพระสรีรางคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา สุสานหลวงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
 
แต่ในระหว่างเวลา 6 วันที่เสด็จพระราชดำเนินโดยสถลมาร์คเพื่อไปประกอบพระราชพิธีนั้น ทั้ง ๆ ที่ทางตำรวจได้เข้าไปขอร้องให้เปิดถนนราชดำเนินเพื่อทรงเสด็จ แต่ก็หายินยอมไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมขบวนพระราชอิสริยยศ ซึ่งประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารทั้งสิ้น รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญในสามสถาบันสูงสุดของชาติ ต้องหลีกชนกลุ่มดังกล่าวนั้นที่ยึดครองทำเนียบรัฐบาลและบริเวณถนนราชดำเนินไว้ ซึ่งก็คือ พธม. กลุ่มสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ นั่นเอง เป็นเหตุให้ต้องทรงเสด็จอ้อมไปทางถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นถนนชั้นรอง ตลอดเวลา 6 วันที่ทรงเสด็จไปประกอบพระราชพิธีในแต่ละวันแต่ละพิธี นั้น ..............................."
 
 
เป็นเรื่องจริงครับ  มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้.....คนรู้ทั่วโลก... แล้วพลเอกเปรม ตินสูลานนท์ ในฐานะประธานองค์มนตรี  ไปอยู่ไหน ?
พล,อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  ผบ.ทบ. ไม่สำนึกหรืออย่างไร   .........   เรื่องดา ตอร์ปิโด เรื่องนิดเดียว  แหม....ต้องเอาชีวิต  .....มาเทียบกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ???  ขนาดมันมโหฬารต่างกันมากขนาดไหน  ทำไมคุณไม่กระดิก...........คิดว่าตัวเองเป็นโจโฉ หรืออย่างไร......  ????
 
แล้วเมื่อเราแสดงออกถึงความห่วงใยสถาบันเช่นนี้  คุณจะเอาหอกแทงเราตายหรืออย่างไร  ?     .........     ไม่ยอมหรอก เพราะเราคือเสรีชน  ประชาธิปไตย   ....
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ไพสิฏฐ์ คีตะวัน วันที่ตอบ 2012-01-20 07:54:54


ความคิดเห็นที่ 12 (3323660)

แล้ว  ผังล้มเจ้า  คืออะไร ?

 

ใครกล่าวหาใคร ?  

พลเอกประยุทธ  ตอบ     

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2012-01-20 08:26:50


ความคิดเห็นที่ 13 (3323841)

ในสมัยอดีตของไทย บ้านเมืองที่เจริญเพราะมีเสนาบดีตรงไปตรงมา กล้าหาญที่เสนอแนะในสิ่งผิดและสิ่งถูกแก่พระราชาเพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบไม่ผิดพลาด แต่ถ้ายุคใดเป็นยุคเสื่อมคนชั่วจะได้เป็นเสนาบดีคอยแต่ประจบสอพลอ ไม่คิดถึงประโยชน์ของส่วนรวมคิดถึงแต่ประโยชน์ตน ทำไมขงเบ้งผู้หยั่งรู่ฟ้าดินจึงสมัครใจไปเป็นเสนาบดีให้เล่าปี่ เพราะเล่าปี่เป็นผู้นำที่มีจิตใจกว้างขวาง รอบรู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2012-01-22 22:52:52


ความคิดเห็นที่ 14 (3324067)

อยากให้ ช.โหรชนบทดูดวงคุณสมยศ  พฤกษาเกษมสุขกับอาจารย์สุรชัย  แซ่ด่านหน่อยค่ะ  สงสารท่านจังเลยได้ยินว่าไม่สบายเพราะย้ายจากเรือนจำกรุงเทพไปขึ้นศาลที่ต่างจังหวัดหลายจังหวัด

ผู้แสดงความคิดเห็น หิ่งห้อย วันที่ตอบ 2012-01-24 18:31:38


ความคิดเห็นที่ 15 (3324211)

แถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
25 ม.ค.2555 เวลา 13.35 น.

นปช.แดงทั้งแผ่นดิน แถลงข่าววันนี้ ขณะนี้  วันที่ 25 ม.ค.2555  เวลา 13.35 น.  นำแถลงโดยจตุพร พรหมพันธ์ ว่า  แดงทั้งแผ่นดินมีหน้าที่รักษาประชาธิปไตย และให้การเดินไปสู่ประชาธิปไตยของสังคมไทยเป็นไปตามลำดับ  ย้ำว่าเวลานี้ได้มีคณะผู้คิดทำการล้มล้างรัฐบาล  โฉมหน้าปรากฎชัดเจนยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ  ขอแดงทั้งแผ่นดินอย่าลืมประวัติศาสตร์ระยะหลัง  รัฐบาลประชาธิปไตย ล้วนถูกล้มล้างไปด้วยอำนาจรัฐทหาร ว่าแดงจะรวมแสดงพลังที่โบนันซ่า เขาใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง  วันที่ 19 ก.พ.2555  แดงนับล้านจะไปรวมพลังกันที่นั่น   ส่วนอาจารย์ธิดา ถาวรเสฏฐ์  รก.ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน แถลงว่า  มีคณะที่คิดปฏิวัติปรากฎตัวออกมาแล้ว ข่มขู่ประชาชน ว่าจะทำการปฏิวัติ ล้มล้างรัฐบาล  นี่เป้นการท้าทายแดงทั้งแผ่นดิน  ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก พล.อ.บุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์  กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล  ออกมาประกาศว่าถึงเวลาที่จะทำการปฏิวัติอีกครั้งแล้ว  โดยสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ออกปากขับไล่ผู้คิดแก้ไขมาตรา 112 ไปอยู่ต่างประเทศ  .... นี่เป็นตัวเสนียดของแผ่นดินที่แท้จริง  ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยคือแดงทั้งแผ่นดินไม่อาจจะยอมได้  ... นางธิดา เตือนเรื่องน้ำท่วมปี 2555 ว่าเขื่อนภูมิพลน้ำยังเก็บกักไว้มากถึงสามเท่าของปี 2554 มีพื้นที่รองรับน้ำเหลืออยู่เล็กน้อย  ระวังฝน พายุมาจะเกิดน้ำท่วมอีก  เรื่องที่ไม่ให้รัฐบาลประมาทก็คือ  กลไกฝ่ายอำมาตย์ยังคงควบคุมระบบราชการอยู่ รัฐบาลจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ 

 

การแสดงออกของทหารในระยะหลัง ๆ มานี้  ยังคงเห็นได้ว่า ยังไม่มีการชำระความเชื่อ หรือ ความคิดเดิม ๆ อันเป็นแนวคิดอดีตกาลที่ล้าหลังออกไป  ยังคงฝังใจกับความเชื่อความคิดเดิมต่อไปอีก  ในระบอบการเมือง  แน่นอนท่าทีของทหารเช่น พล.อ.บุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์ และทั้ง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นี้บอกถึงการเป็นตัวปัญหาของสังคมใหม่ ซึ่งย่อมจะเป็นสังคมแห่งอนาคต สังคมแห่งอนาคตนั้น แน่นอน ย่อมมีการเมืองสำหรับอนาคต จึงจะเหมาะสมกับยุคสมัย นั่นคือ ประชาธิปไตย  เราจะกลับไปใช้การเมืองเก่า ที่เป็นเพียงเครื่องมือที่ล้าหลังในอดีตได้อย่างไร   แต่ท่าทีของทหารระยะหลัง ๆ นี้ แสดงถึงการยึดติดอย่างไร้เหตุผลต่อแนวคิดเดิมของ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาค 4 (ภาคใต้) ผู้เสนอแนวคิดกลับไปสู่การเมืองระบบ "ธรรมราชา" (ใน เอเอสทีวี..เมื่อ 2 ก.ค.2553) .....
 
น่าจะเลิกความคิดเก่า ๆไปเสีย การที่คนไทยทั้งหลายและทั้งสถาบันทั้งปวงลงมติกันว่าจะต้องมุ่งหน้าไปสู่อนาคตนั้น มันบอกถึงวิถีทางประชาธิปไตย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทหารกลับมองไปในอดีต มองเครื่องมือของอดีต  ซึ่งนั้นแหละ ตัวปัญหาการเมืองของประเทศไทย  รัฐบาลและนักวิชาการทั้งหลาย จะต้องช่วยกันอบรมให้ทหารรู้จักประชาธิปไตย ในฐานะเครื่องมือของอนาคตให้ได้     
  • สุไหงปาดี  ชินะกุล 
    รายงาน/25 ม.ค.2555 เวลา 19.45 น.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2012-01-25 21:29:44


ความคิดเห็นที่ 16 (3324214)
คิดอย่างไรกับเสียงบอกอาจารย์สุรชัย จากเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ
หมายหตุจากไทยอีนิวส์:1 ในคณะกรรมการแดงสยามได้โพสต์ข้อความนี้ในกระดานสนทนาInternet Freedom ในหัวข้อเรื่อง เสียงบอกอาจารย์สุรชัย จากเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ


ข้าพเจ้า นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อายุ 69 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน เส้นเลือดหัวใจตีบ(ทำบายพาส 7 ปี) ระบบขับถ่ายไม่ปกติ

ถ้าหากข้าพเจ้าเสียชีวิตในคุก ข้าพเจ้าขอให้ทำ ดังนี้

1. ไม่มีการเผาศพจนกว่าประชาชนจะได้รับประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
2. ตระเวณศพของข้าพเจ้าไปทั่วประเทศ
3. ให้มวลชนแต่ละจังหวัดเป็นเจ้าภาพสวดศพ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิรนาม วันที่ตอบ 2012-01-25 23:17:45


ความคิดเห็นที่ 17 (3325552)

เห็นด้วย  นี่คือจิตใจอันยิ่งใหญ่ของนักสู้เพื่อประชาะปไตย

ผู้แสดงความคิดเห็น สุรชิต แซ่เล้า วันที่ตอบ 2012-02-07 19:59:09


ความคิดเห็นที่ 18 (3325554)

น่าแปลกใจที่จนป่านนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  ผบ.ทบ. ยังไม่หยุดพูด   .....   หลังสุดคล้ายพูดแทนรัฐบาลด้วยซ้ำ      ว่าให้หยุดคณะนิติราษฎร์   ...(ดูทหารสหรัฐเป็นตัวอย่างหน่อย  ทหารบกก็ แค่ข้าราชการกรม ๆ หนึ่งเท่านั้น).........  ฟังคล้าย ๆ  พล.อ...... อะไรหว่า  จำไม่ได้เสียแล้ว ....  ที่เป็นผบ.ทบ.คนก่อนน่ะครับ   ที่นางอัญชลี ไพรีรักษ์ เอเอสทีวี  ลูกน้องเจ๊กลิ้ม  ด่าว่า ทหารหัวควาย ...มาใกล้ ๆ ถอดหมวกกะโล่ออกกูจะเคาะให้ฉลาดขึ้นหน่อย  ......   คล้ายที่เสนอให้รัฐบาลสมชายลาออก...  นั่นแหละครับ  (ตอนที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล ....ตอนปิดกั้นเส้นทางเสด็จนั่นแหละครับ....ประมาณตอนนั้นแหละ....)

 

ผมว่าต้องหาทางเอาพลเอกประยุทธออกไปเสีย.....คนอย่างนี้คบไม่ได้......บ้าอำนาจที่สุด   .....  และโง่ อย่างอัญชลี ไพรีรักษ์ ว่าแหละครับ    เหมือนกันหมด

 

แน่    อย่าเพ่งเล็งเรานะครับ      ..... เราใช้อำนาจตามอำนาจรัฐธรรมนูญ 

เอ้า พี่น้องเชิรตแดง   บุกเข้าไป   

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุชีพ ใยเมือง วันที่ตอบ 2012-02-07 20:11:18


ความคิดเห็นที่ 19 (3325558)

ถ้าพลเอกประยุทธ แกจงรักภักดี  ทำไมไม่จับเจ๊กลิ้ม  จำลอง.............    ตอนปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนิน   .  นี่ผมมองไม่เข้าใจจริง ๆ      ตัวเองไม่กล้าทำหน้าที่หรืออย่างไร  .....   กล้ากับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างดาวตอร์ปิโด ที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ   ช่างน่าอายแท้ ทหารไทย ......  ทีไปตะวันออกกลาง  ถูกระเบิดตายไป 2 คน  รีบยกทัพกลับประเทศ   นี่อายไม่พอหรือ     แล้วที่แดนใต้ตายแล้วตายอีก........  คุณหยุดพูดทีได้ไหม  ไปทำหน้าที่เสียที   เรื่องการเมืองประชาธิปไตยเป็นเรื่องของนักการเมือง กับประชาชนเขา   คุณไม่เกี่ยว     คุณอยู่เฉย ๆ  อย่าพูด   ไปดูแลภาคใต้นู่น  ดูแลลูกน้องคุณอย่าให้ตาย.......

ผู้แสดงความคิดเห็น สุรชิต แซ่เล้า วันที่ตอบ 2012-02-07 20:32:07


ความคิดเห็นที่ 20 (3325663)

กลุ่มวารสารต้านนิติราษฎร์

 

วารสารศาสตร์ ต้านเขาทำไม เขาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย   
นิติราษฎร์ไม่ใช่ธรรมศาสตร์อย่างไร ในเมื่อธรรมศาสตร์สอนประชาธิปไตย ใครไม่ใช่ธรรมศาสตร์กันแน่ 

ในทัศนะของผม เห็นว่ากลุ่มนิติราษฎร์ มองกว้างขวางและครบองค์รวมมากทีเดียว   เขาไม่ได้มองแค่ ม.112 นะครับ  แต่มองว่า ม.112 มีความเกี่ยวข้องไปถึงปัญหาอะไร ไกลไหน ๆ  อะไร  องค์กรหรือสถาบันใดด้วย .......ประเด็นคือ  องค์รวมของระบบยุติธรรมไทยเรานี้ ควรจะต้องมีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้เป็นธรรมขึ้น   โดยให้สอดคล้องระบอบของประชาธิปไตย ซึ่งโดยนัยะนี้  แม้ ม.112 มีความชัดเจนในลายลักษณ์อักษร แต่เมื่อการบังคับใช้มีปัญหา  ก็ย่อมต้องมีการพิจารณาโดยการเชื่อมโยงไปยังองค์รวมทั้งหมดของปัญหา และอาจจะมีการแก้ไขให้รับกับองค์รวมได้  

 

สิ่งที่ผมเห็นว่าตรงประเด็นของนิติราษฎร์ก็คือ  สถาบันศาลไทย  ยังอาจสามารถใช้เป็นเครื่องมือของเผด็จการได้อยู่  เนื่องเพราะขาดการเชื่อมโยงไปถึงประชาชน   ทุกวันนี้ระบบยุติธรรมไทยเป็นอิสระอย่างมากมายจนกลายเป็นสถาบันอำนาจสูงสุดทีปราศจากการตรวจสอบโดยสิ้นเชิง  เป็นอำนาจเผด็จการสูงสุด .... ตามหลักอำนาจทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย  ทุกอำนาจจะต้องอยู่ใต้การตรวจสอบของประชาชนได้  .......โดยหลักการ  อำนาจเป็นของประชาชน....ประชาชนเป็นนาย......ข้าราชการ หรือสถาบันบริหารทั้งหมด ต้องอยู่ใต้การตรวจสอบของประชาชนผู้เป็นนายได้ ...... เหมือนนายนั่นแหละครับ ตรวจสอบได้ทุกอย่าง ....   แต่โดยสถานะการณ์ทุกวันนี้   เรามีสถาบันนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา   นี่ก็อยู่ใต้การตรวจสอบของประชาชนเต็ม ๆ  เนื่องเพราะไปเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง    อำนาจบริหารหรืออำนาจการจัดการประเทศก็เช่นเดียวกัน เป็นอำนาจที่ได้มาโดยประชาชน  อยู่ใต้การตรวจสอบของประชาชน   เพราะโดยระบบรัฐสภานั้นทำให้รัฐบาลจำต้องบริหารไปตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาชน  และยังต้องเสนอนโยบายที่ถูกใจประชาชนอีกด้วยเป็นเรื่องการควบคุมที่ยิ่งใหญ่ของประชาชน   

 

แต่ถ้าเรามองอำนาจอีกอำนาจหนึ่ง  ซึ่งทางรัฐธรรมนูญเราจำเป็นต้องกำหนดไว้เสมอ  เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตย  ก็ให้เป็น 1 ในอำนาจสูงสุดทั้ง 3 เพื่อให้สอดคล้องความหมายในแง่การถ่วงดุลอำนาจทั้ง 3 เอง คือ นิติบัญญัติ  บริหาร  และ ตุลาการ     แต่จริง ๆ แล้ว  เหตุใดจึงไม่มีการระวังเลยว่า มีอำนาจตุลาการนี้แหละ  ที่รอดปลอดไปจากการตรวจสอบของประชาชนโดยสิ้นเชิง   และในประเด็นของเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย ที่ต้องการให้มีการถ่วงดุลกันระหว่างอำนาจทั้ง 3 อย่างจำเป็น   แต่กลับปรากฎว่าไม่มีอำนาจใดจะทัดทาน ต่อรอง หรือถ่วงดุลอำนาจตุลาการได้เลย    นี่คือสภาพที่เป็นอยู่ของอำนาจตุลาการขณะนี้ 

 

นั่นคือ   ความไม่เป็นธรรม     ที่รัฐธรรมนูญปล่อยให้มีอำนาจสูงสุดเกิดขึ้แต่เพียงอำนาจเดียว   คืออำนาจตุลาการซึ่งโดยพฤตินัย   เป็นอำนาจที่สูงสุดเพียงอำนาจเดียวขณะนี้   เพราะขาดอำนาจการถ่วงดุลจากนิติบัญญัติ  และบริหาร  และจากการตรวจสอบของประชาชน   ........โดยสิ้นเชิง    จนกระทั่งมีกฎหมายระบุเอาโทษต่อผู้ที่วิจารณ์การตัดสินความของอำนาจตุลาการอีกด้วย  .........   แต่ในที่สุด กาลเวลาก็ได้พิศูจน์ ในด้านความเชื่อในคุณธรรมของผู้พิพากษา   ก็เชื่อถือไม่ได้  เพราะเขาก็คือคน ๆ หนึ่ง  ผู้มีกิเลส  นั่นเอง    ฉะนั้นทำให้ประเทศไทยกลายพันธ์ทางตุลาการไปเป็น  ตุลาการภิวัฒน์.... จนถึงตุลาการศาลสถิตศรีธนญชัยเผด็จการไป  นั่นคือรูปธรรมของสองมาตรฐานเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ในวงการตุลาการไทย ......มาจนถึงทุกวันนี้

ดังจะเห็นว่าฝ่ายเผด็จการไทยระยะหลัง ๆ มานี้ สามารถครอบงำอำนาจสูงสุดนี้ ....โดยลับโดยทุจริต  ไม่ปรากฎต่อสายตาประชาชน  จนสามารถล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยได้ถึง 2 รัฐบาล   ......(ล้มนายสมัคร สุนทรเวช นรม.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้างว่าการทำรายการอาหารทางโทรทัศน์....ไม่ผิดกฎหมายแต่เอาผิดจากผิดพจนานุกรมจนได้   ประเด็น  ..ล้มพรรค.เพื่อเอาสมชาย วงษ์สวัสดิ์ออกจากตำแหน่งนรม.คนต่อมา ......และยังสามารถคุ้มครองป้องกันพรรคประชาธิปัตย์ให้รอดจากการ ถูกล้มพรรค...โดยอ้างว่าคดีหมดอายุความ  อายุความ 15 วัน   ซึ่งเป็นการอ้างอย่างกล้าหาญในการบิดเบือนเรื่องราว อย่างหมิ่นแคลนประชาชนอย่างยิ่ง.....)      นั่นเป็นความไม่เป็นธรรม  .......เป็นสิ่งที่เห็นชัดเจนมากถึงความอยุติธรรมของสถาบันยุติธรรมไทย และเป็นสิ่งที่ไม่พึงบังเกิดขึ้นได้ในระบอบประชาธิปไตย   และย่อมจะมีการเรียกร้อง   เอาคืน   จากการกระทำทุจริตเช่นนั้น  ....  อย่างมีเจตนาทุจริต.....

 

 

ในขณะนี้  ฝ่ายตุลาการกำลังจะใช้อำนาจยับยั้งรัฐบาลของประชาชน ไม่ให้สามารถดำเนินนโยบายการบริหารอันชอบธรรมของรัฐบาล กล่าวคือรัฐบาลยิ่งลักษณ์เร่งการบริหารงานด่วนเพื่อประชาชนเรื่องการป้องกันน้ำท่วม.....รวมถึงผลอันจะเกิดทางเศรษฐกิจแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างตรงสถานก รณ์ ถูกกาลถูกสมัย   ........  กรณี พรก. 4 ฉบับ  ที่ทางศาลรัฐธรรมนูญรับจากพรรคฝ่ายค้าน.....ที่ค้านทุกเรื่อง..ไว้พิจารณา   .....มีอำนาจได้อย่างไรไม่ทราบ.....ที่จะอาจยับยั้งการบริหารตามนโยบายที่ให้ไว้แด่ประชาชน และล้มล้างรัฐบาลของประชาชนได้   (รัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะรัฐประหารสนธิ บุณยรัตกลิน เขียนเอาไว้ ให้อำนาจไว้เช่นนี้....) ......  นี่คืออำนาจที่เลยเถิดเกินจะถ่วงดุลได้  (ซึ่งจำเป็นต้องพูดถึงและแก้ไขเสีย)  .......... การที่เห็นกันชัดเจนอยู่เช่นนี้ ว่า อำนาจตุลาการ   เป็นอำนาจสูงสุดเกินที่อำนาจอื่นถ่วงดุลได้  และขาดการตรวจสอบจากประชาชนอย่างสิ้นเชิง   และนั่นเป็นเหตุของความผิดพลาดอย่างมหันต์ โดยได้กลายเป็นเครื่องมือของเผด็จการมาได้ระยะหนึ่ง ก่อความเลวทรามมาระยะหนึ่งจนถึงบัดนี้   และโดยหลักการประชาธิปไตย  คนย่อมเชื่อถือไม่ได้  ฉะนั้นคนผู้บริหาร  ผู้จัดการเรื่องสำคัญ อำนาจสำคัญ ๆ  จะต้องได้รับการตรวจสอบอยู่เสมอ....ถ้าปล่อย...กิเลสก็จะครอบงำเขา.....ฉะนั้นคนผู้อยู่ในอำนาจจะต้องยอมรับการตรวจสอบของประชาชน    

 

คณะนิติราษฎร์ ได้พูดถึงประเด็นสำคัญ ๆ เช่นนี้ไว้หมดแหละครับ   .....  แต่ก็มีพวกคับแคบเพราะไม่เข้าใจหลักการประชาธิปไตย เช่น ฝ่ายทหาร ....ที่ออกมาพูด ให้เตรียมปฏิวัติ รัฐประหาร(พล.อ.ทหารนอกราชการนายนั้น กับนายสนธิ ลิ้มทองกุลเจ้าเก่า) แสดงความคิดเห็น หรือแม้กระทั่งปฏิเสธอย่างแรงต่อแนวคิดสร้างสรรค์ของคณะนิติราษฎร์   ..........  (ที่จริงทหารไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์การเมือง ....... แต่ที่พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พูดครั้งแรก ที่ว่าให้คณะนิติราษฎร์หนีไปอยู่ต่างประเทศเสีย  ประเทศไทยไม่ต้อนรับนั้น  ....และล่าสุด วันสองวันมานี้ .....ให้หยุดคณะราษฎร์...หยุดการเคลื่อนไหวลงเสียทันที...... เสมือนพูดสั่งการต่อรัฐบาลด้วยซ้ำ   ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง  ....(คนที่จะพดคำเหล่านี้ไม่ควรเป็น ผบ.ทบ. ควรเป็นรัฐบาลเผด็จการัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง   แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย  ก็เลยไม่จำเป็นต้องพูด.......เลยให้ผบ.ทบ.สั่งการเอากับรัฐบาลว่าให้หยุดคณะราษฎร์)   เพราะทหารเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐบาล....ตามระบอบประชาธิปไตย หรือระบอบไหน ๆ  .....นั่นแสดงถึงการหลงตัวในอำนาจที่เคยมีมา........เช่นเดียวกับ ผบ.ทบ.คนก่อน  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา   ที่ออกความเห็นว่ารัฐบาลสมัคร ควรลาออก  และไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง  ตามพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน คราวพันธมิตรยึดทำเนียบรัฐบาล  และยึดสนามบินนานาชาติ ......   

 

ซึ่งความไม่ถูกต้องเหล่านี้  จำเป็นต้องมีผู้เข้าใจ  ผู้รู้ ให้การศึกษาแก่ประชาชน  แก่คนที่ไม่รู้ให้รู้   หรือที่เรียกว่า   ให้  ตาสว่างขึ้นทั้งแผ่นดินนั่นแหละครับ  

 

ฉะนั้น   ถ้าคุณจะให้หยุดคณะราษฎร์  แล้วก็แปลว่าหยุดการอบรม ให้ความรู้เชิงความเห็นทางสร้างสรรค์ แก่ประชาชนในระบอบประชาธิปไตย นั่นเอง  ...........   ทุกวันนี้ มีประชาชนส่วนหนึ่ง (รวมทั้งพวกสื่อสายหลัก..ข้าราชการพวกหนึ่ง...รวมทั้ง ผบ.ทบ. หลายยุคมา)  ที่ยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย  ......เมื่ออยากเป็นประชาธิปไตย  ก็ต้องให้มีการแสดงความคิดเห็นเช่นนี้  .....และเปิดเสรี  ตามที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับรับรองไว้ .....เพื่อประโยชน์ทางการตกผลึกทางความคิดขึ้น   เพื่อประโยชน์แด่ชาติและสถาบันอย่างแท้จริง   คุณทหารก็เพียงอยู่เฉย ๆ  รอฟังรัฐบาลพูดดีกว่า อย่าชิงพูดแทนรัฐบาล  อยากให้ดูทหารประชาธิปไตยอย่างทหารสหรัฐอเมริกานะครับ     ....   และเร็ว ๆ  นี้ก็คอยดูทหารพม่า    ทำท่าจะไปในระบอบประชาธิปไตยไกลกว่าทหารไทยเสียแล้ว  

  • ดร.ฆิกเมฆ  สุวรรณเมฆินทร์
    8 ก.พ.2555/10.25 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น 001 วันที่ตอบ 2012-02-08 19:50:30


ความคิดเห็นที่ 21 (3325806)

นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดาราภาพยนต์ พาพวกร่วม 200 คน ออกมาชูป้าย  รัฐธรรมนูญ 50 ดีที่สุด  (ไม่รู้ฝ่ายไหนจ้างออกมาเคลื่อนไหว ?) ....  แล้วโจมตีเสื้อแดง เสื้อเหลืองว่า  คิดล้มล้างสถาบัน  ......พวกเขาผู้ซื่อสัตย์ที่สุดต่อสถาบันจะปกป้องอย่างที่สุด.........และเอากรณีศาลโลก จะตัดสินเขาพระวิหาร ว่าให้ทหารทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกไปห่างจากชายแดน ... ว่าคนไทยรักชาตินokจะไม่ยอมทำ......    นี่ก็เป้นอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับประชาธิปไตย ........   เขาไม่เข้าใจกลไกของระบอบ  ไม่เข้าใจวิธีการของระบอบ  ..    มีคนเช่นนี้อยู่มากมายนะท่าน ดร.ฆิกเมฆ  ....      แต่ที่ไปจนเลยเถิดก็คือ  กล่าวหาคนอื่นว่าไม่จงรักภักดี  คิดล้มล้างสถาบันทั้งสิ้น  .....     นี่คือพวกที่ไม่เข้าใจจริง ๆ   ไม่เข้าใจอะไรกับการเมืองที่โลกต้องการ ........

ผู้แสดงความคิดเห็น นายไพบูลย์ รักษ์ไท วันที่ตอบ 2012-02-10 14:49:26


ความคิดเห็นที่ 22 (3326080)

วันนี้มีแกนนำ นปช.บางคนออกมาคัดค้านต่อต้านแนวคิดของกลุ่มนิติราษฎร์ อยากบอกพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณว่า ที่มีคนเสื้อแดงเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และเขาอยู่เคียงข้างพรรคเพื่อไทยเพราะเห็นว่าพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนถูกยุบโดยมิชอบ แล้วให้เสียงข้างน้อยมาบริหาร เพราะเขาไม่ชอบความอยุติธรรม และเขาต้องการประชาธิปไตยเพราะมันทำให้คนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายโดยเท่าเทียมกัน นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องกล้าหาญที่จะต่อกรกับอธรรม ต้องจริงใจกับประชาชนเหมือนวีรบุรุษเช เกวารา เหมือนเสแดง เหมือนกลุ่มนิติราษฎร์ที่เขา คนเหล่านี้เขาได้ยินเสียงร่ำไห้ของผู้ถูกกดขี่ข่มเหง ประชาชนเขาไม่ได้รักพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือใครคนใดคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำจนมองข้ามอุดมการณ์ประชาธิปไตย จงสำเหนียกไว้ว่าเผด็จการเขาไม่เคยเห็นคุณค่าของประชาธิปไตย เขาเป็นศัตรูกับประชาธิปไตยและปรารถนาจะทำลายให้ย่อยยับทุกวิถีทาง" มีแต่ผู้รักประชาธิปไตยเท่านั้นที่เป็นมิตรแท้ อย่าทำเหมือนสุมาอี้ทีกลัวแม้กระทั่งซากศพของขงเบ้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-02-14 01:55:16


ความคิดเห็นที่ 23 (3326758)

วันนี้ 7 นักวิชาการใช้ตำแหน่งขอยื่นประกันตัว อากง ขอชื่นชมท่านทั้ง 7 ที่กล้าหาญเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนผู้ยากไร้ นี่แหละคือชาวพุทธที่แท้จริง เห็นความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นความทุกข์ที่สังคมต้องช่วยเหลือ

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-02-21 16:50:25


ความคิดเห็นที่ 24 (3326759)

 

  • เปิดใจ "ผศ.พวงทอง" เหตุผลที่ใช้ตำแหน่งนักวิชาการประกันตัว "อากง"

    ภาพที่โพสต์ภาพที่โพสต์




    จากการได้เดินทางมายื่นเอกสารเพื่อใช้ตำแหน่งทางวิชาการเพื่อเป็นหลักทรัพย์ส่วนหนึ่งในการประกันตัวนายอำพล (สงวนนามสกุล) หรืออากง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกรณีส่ง sms ที่มีข้อความเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปยังมือถือของเลขานุการอดีตนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ผศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความเห็นผ่านประชาไท ตอนหนึ่งระบุว่า


    เราหวังว่าศาลจะมีความเมตตาพิจารณาให้ประกันตัวเพราะอากงอายุมากแล้ว ไม่สบายมาก และการประกันไม่น่ากังวลว่าจะหลบหนี อากงไม่มีญาติพี่น้องอยู่ต่างประเทศ ฐานะและความรู้ก็ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ทั้งครอบครัวและคนที่รักก็อยู่ในประเทศไทย และไม่มีโอกาสที่จะยุ่งเกี่ยวกับหลักฐานได้

    ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดที่ศาลจะไม่ให้ประกันตัว จึงขอวิงวอนต่อศาลให้พิจารณาให้ประกันตัวอากงด้วย


    เมื่อถามว่า หากไม่ได้รับการประกันตัวคณะอาจารย์จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปอย่างไร

    ผศ.ดร.พวงทอง ระบุว่า

    ในขั้นต่อไปคงต้องปรึกษาทนายความและครอบครัวของอากงก่อน เพราะต้องรับฟังทั้งสองฝ่าย หากมีสิ่งที่เราสามารถทำได้และเป็นความประสงค์ของครอบครัวก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ ในส่วนนักวิชาการใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานในการชักชวนเพื่อนักวิชาการ เนื่องจากเป็นคดีที่มีเงินประกันสูงมากถึง 2 ล้านบาทจึงต้องใช้นักวิชาการ 7 คน เพื่อระดมหลักประกัน 1 ล้านบาทในส่วนของนักวิชาการ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งล้านบาทเป็นการดำเนินการของบุตรสาวและทนายความของอากง นักวิชาการ 1 คนสามารถคิดมูลค่าเป็นวงเงินประกัน 10 เท่าของเงินเดือน จึงต้องใช้นักวิชาการหลายคน

    เครดิต
    http://www.matichon....atid=&subcatid=
     
ผู้แสดงความคิดเห็น นิรนาม วันที่ตอบ 2012-02-21 16:57:12


ความคิดเห็นที่ 25 (3326763)

ผู้แสดงความคิดเห็น นิรนาม วันที่ตอบ 2012-02-21 17:05:08


ความคิดเห็นที่ 26 (3326764)

2 มาตรฐานเห็นๆ กระบวนการยุติธรรมไทยอธิบายเหตุผลให้สาธารณชนทราบหน่อย ทำไมพันธมิตรถึงไม่มีความผิดทั้งๆที่เห็นกันจะๆทั่วประเทศ

ผู้แสดงความคิดเห็น หิ่งห้อย วันที่ตอบ 2012-02-21 17:07:47


ความคิดเห็นที่ 27 (3327634)

แล้วเมื่อวานมีนักเลง 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไปรุมต่อย .อวรเจตน์ในลานจอดรถ มธ. นี่คือการกระทำของมนุษย์ยุคหิน ต่อสู้ทางวิชาการไม่ได้เพราะไม่มีวิชชา มีแต่อวิชชาก็ใช้กำลังข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่ง สะท้อนให้คนในสังคมเห็นความพ่ายแพ้ทางสติปัญญาเลยใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา หากยังใช้วิธีการนี้อยู่มีแต่แพ้กับแพ้ไม่ได้รับการยอมรับและล่มสลายไปในที่สุด  ดูๆไปก็เหมือนพวกคลั่งลัทธิโอชิริเกียวในญี่ปุ่นนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2012-03-01 14:45:43


ความคิดเห็นที่ 28 (3328718)

ยังไม่หมดยังมีเหลืองคลั่งอีกคน นายกวีไกร โชคพัฒนเกษมสุข ก่อคดีทุบรถนักข่าววอยซ์ทีวีที่ไปทำข่าวพันธมิตรชุมนุมที่สวนลุมพินี และนายคนเดียวกันนี้ก็ก่อคดีทำร้ายนางมินตรา โสรส  เมื่อ 12 เมษายน 2552 คดีแรกศาลสั่งจำคุก 2 เดือน รอลงอาญา 1 ปี คดีจิกผมสาวเสื้อแดงศาลสั่งกักขัง 15 วันไม่รอลงอาญา แต่พอคดปาไข่จำคุก 4 เดือน ทั้งที่มีความรุนแรงน้อยกว่า นายคนนี้อีกคนที่มีอาการคลุ้มคลั่ง ดูจากบทให้สัมภาษณ์ว่าไม่กลัวคดีอาญาแผ่นดิน เพราะแกคิดว่าเป็นวีรบุษ ท่าทางยโสโอหังแสดงถึงความไม่รู้ผิดรู้ถูกนี่หรือไม่เป็นอันตรายต้องจับตาดูต่อไป และเรื่องที่ 2 แฝดมีบัตรทหารพรานกองทัพจะว่าอย่างไร 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2012-03-13 12:24:23



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.